“ข้ารู้ว่าต่อไปจวนอ๋องจำเป็นต้องให้พวกเขาแบกเอาไว้ พวกเขาจึงจำต้องรีบเติบโตให้เร็วที่สุด”“แต่ข้าในฐานะผู้อาวุโส เห็นพวกเขาเติบโตด้วยวิธีการเช่นนี้แล้ว จะมากหรือน้อยก็รู้สึกปวดใจอยู่บ้าง”เยียนซุ่ยซุ่ยได้ยินจากด้านข้าง เม้มริมฝีปากเล็กน้อย จากนั้นกลับไปที่ห้อง แล้วค้นตำราพิษออกมาก่อนนี้นางเรียนรู้แต่วิชาช่วยเหลือคน จึงไม่เคยแตะต้องยาพิษมาก่อนทว่าตอนนี้ทุกคนในจวนอ๋องต่างพยายามปกป้องจวนอ๋องกันอย่างแข็งขัน นางก็อยากทำอะไรเพื่อจวนอ๋องบ้างเช่นกันนางไม่มีวรยุทธ์แก่กล้าอย่างเยียนเหนียนเหนียน และไม่มีความเชี่ยวชาญเช่นซือเจ๋อเยว่ สิ่งเดียวที่นางมีคือฝีมือการแพทย์นางสามารถปรุงยาพิษร้ายแรงให้พวกเขาจำนวนหนึ่ง หากเจอกับศัตรูที่สู้ไม่ไหวจริง ๆ พวกเขาจะได้มียาพิษไว้ใช้หลังจากพวกซือเจ๋อเยว่ทั้งสามคนออกไปจากจวนอ๋อง ก็มุ่งหน้าตรงไปยังจวนตระกูลจ้าวซือเจ๋อเยว่รู้นานแล้วว่าเยียนเหนียนเหนียนมีวรยุทธ์ที่ไม่เลว ตอนนี้กลับพบว่ายัยหนูน้อยคนนี้กลับมีวรยุทธ์แก่กล้ากว่าที่นางคิดไว้เยียนเหนียนเหนียนแบกนางวิ่งมาตลอดทาง กลับไม่มีอาการเหนื่อยหอบเลย ร่างกายเบาหวิวเป็นอย่างยิ่งทั้งสามคนยังต้องป้องกันคน
เขาเอ่ยถึงตรงนี้น้ำเสียงพลันเย็นเยียบ “นางมีความคิดชั่วร้าย ศึกษาคาถามนตร์ดำ วางแผนทำร้ายผู้อื่น สวรรค์จึงไม่อาจละเว้น”เขาพูดไปพลาง ทำมือส่งสัญญาณบอกเยียนเหนียนเหนียนไปพลาง ให้นางหาโอกาสพาซือเจ๋อเยว่หนีไปเยียนเหนียนเหนียนเห็นแล้วกัดริมฝีปากเบา ๆ มิได้เอ่ยสิ่งใดความสนใจของซือเจ๋อเยว่กลับไม่ได้อยู่ที่จุดเดียวกับพวกเขา นางได้กลิ่นอายความชั่วร้ายที่ลอยคละคลุ้งในอากาศอย่างผิดปกติกลิ่นอายความชั่วร้ายนั้นคละเคล้ากับกลิ่นที่ทำให้นางรู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างมากอยู่ด้วยหลายส่วนนางพิเคราะห์อยู่ชั่วครู่ ก็พบว่านั่นคือดวงชะตาของเยียนเซียวหรานที่หายไป มันคือวัตถุที่ลงอาคมดูดดวงชะตาของเยียนเซียวหรานเอาไว้นางหลับตาลง ใช้ใจสัมผัสโดยรอบ อยากรู้ว่ากลิ่นอายความชั่วร้ายนั้นถูกปลดปล่อยออกมาจากที่ใดทว่ากลิ่นอายนั้นมา ๆ หาย ๆ กว่านางจะคาดเดาตำแหน่งคร่าว ๆ ได้ กลิ่นนั้นก็จางไปเสียแล้วจ้าวอวี่ชุนเอ่ยด้วยสีหน้าขึงขัง “หากจวนเยียนอ๋องยังเป็นจวนเยียนอ๋องในอดีต เจ้าก็พอถูไถเป็นเขยของข้าได้อยู่หรอก”“ทว่าตอนนี้เจ้าลองตรึกตรองบ้างสิ จวนเยียนอ๋องตกต่ำถึงเพียงนั้นแล้ว เจ้าไม่คู่ควรแต่งงานกับซือหว่านของข้า
ในหมู่บรรดาคุณชายทั้งหลาย เขาทุ่มเทความสนใจให้กับเยียนเซียวหรานมากที่สุดเมื่อเยียนอ๋องยังมีชีวิตอยู่ หากเยียนเซียวหรานมีการกระทำที่ไม่เหมาะสมแม้เพียงเล็กน้อย แต่เมื่อเยียนอ๋องพบเห็น เขาจะถูกลงโทษอย่างหนักเสมอ เมื่อเวลาผ่านไป เยียนเซียวหรานจึงกลายเป็นคุณชายที่อ่อนน้อมต่อหน้าผู้คน แม้ว่าลับหลังจะไม่ทำสิ่งที่เกินขอบเขตมากเกินไป แต่เขาก็มักจะทำตามความต้องการของตนเองหลังจากที่เยียนอ๋องเสียไป ย่อมไม่มีผู้ใดที่จะควบคุมเยียนเซียวหรานได้อีกต่อไป สิ่งที่เขาสามารถทำได้ย่อมเพิ่มมากขึ้นการที่ศาลต้าหลี่มีคำตัดสินเช่นนั้น หกไตร่ตรองอย่างละเอียดก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเกี่ยวข้องกับเขาหากเขายังคงยึดมั่นอย่างเยียนอ๋อง เกรงว่าจวนเยียนอ๋องคงจะถูกกลืนกินจนไม่เหลือแม้แต่กระดูกแล้วเมื่อทั้งสองฝ่ายปะทะกัน เดิมทีเยียนเซียวหรานให้เยียนเหนียนเหนียนปกป้องซือเจ๋อเยว่แต่เมื่อเยียนเหนียนเหนียนเริ่มต่อสู้ นางกลับตื่นเต้นเกินไป จึงยกดาบใหญ่ในมือของตนเองแล้วฟาดฟันใส่ฝ่ายตรงข้ามอย่างบ้าคลั่งเหล่ามือสังหารเจอสตรีที่ต่อสู้อย่างดุเดือดเช่นนี้เป็นครั้งแรก กอปรกับการโจมตีจากเจ้าหน้าที่ศาลต้าหลี่จากภายนอก ทำให้พวกเ
เยียนเซียวหราน "…"ด้วยสถานะระหว่างทั้งสอง การแบกนางไม่ค่อยเหมาะสม แต่ในสถานการณ์ฉุกเฉินอาจจะต้องยืดหยุ่นบ้างยามนี้เขารู้แล้วว่านางคือสตรีที่มีความสัมพันธ์ทางกายกับเขาในคืนนั้น แม้จะเป็นสถานการณ์ฉุกเฉิน แต่เขาก็ไม่อยากแบกนางแต่ในวินาทีต่อมา ซือเจ๋อเยว่กระโดดขึ้นหลังเขาโดยตรง เขาก็จับขานางด้วยสัญชาตญาณนางยื่นมือโอบรอบคอเขาเล็กน้อยแล้วเอ่ยขึ้น "อย่าชักช้า รีบไปเถอะ หากช้าอาจจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น"เยียนเซียวหรานมองมือขาวเรียวยาวที่ห้อยอยู่หน้าอกตนเอง เกิดความรู้สึกที่ซับซ้อนเล็กน้อย ยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับซือเจ๋อเยว่รู้สึกร้อนรนเล็กน้อย "รีบไปสิ อย่าทำท่าลังเลเลย ข้าไม่สนใจ แล้วเจ้าจะสนใจอันใด?"เยียนเซียวหรานก้มหน้าคิ้วลู่ ขนตายาวขยับเล็กน้อย ปิดบังอารมณ์ซับซ้อนในดวงตา แบกนางวิ่งไปข้างหน้าเมื่อซือเจ๋อเยว่พิงลงไปบนหลังเขา นางก็รู้สึกสบายขึ้นไม่น้อย ความเหนื่อยล้าอันเกิดจากการวิ่งที่รีบเร่งก่อนหน้านี้จึงหายไปมากนางรีบหดมือที่มีเส้นด้ายแดงกลับมา และพบว่าเส้นด้ายแดงค่อยๆ ยกระดับสูงขึ้น ชดเชยพลังที่นางใช้ไปในช่วงนี้กลับมาได้ไม่น้อยนางขอบน้ำใจคนที่ต้องการทำร้ายเยียนเซียวห
ก่อนหน้านี้หากเยียนเซียวหรานได้ยินคำว่ามีคนที่สามารถจับตนเองได้ เขาคงจะไม่เชื่อแต่หลังจากที่เขาได้เห็นด้านที่ชั่วร้ายของจ้าวซือหว่านในวัดเป้ากั๋ว เขาจึงรู้ว่าในโลกนี้มีวิธีชั่วร้ายที่ยากจะป้องกันเขาพยักหน้าเบาๆ "ท่านระวังตัวด้วย"ซือเจ๋อเยว่แย้มยิ้ม "ข้ารักโลกนี้ อยากมีชีวิตอยู่นานขึ้น ดังนั้นจะทำตัวต่ำต้อยและระมัดระวัง"เดิมทีเยียนเซียวหรานเชื่อคำกล่าวนี้ของนาง แต่เมื่อพวกเขาเดินถึงประตูหน้าอารามเต๋า เขาก็ไม่เชื่อคำกล่าวของนางอีกต่อไปเพราะนางมาเพิ่งถึงหน้าอารามเต๋า ก็ถือกระบี่ไม้ท้อขึ้นมา แล้วฟาดฟันเข้าใส่เทวรูปไม้ตรงประตูโดยตรงเยียนเซียวหรานได้ยินเสียงแหลมเล็กที่คล้ายดั่งในคืนที่หยกแตก รู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือกที่กระจายตัวออกมาโดยรอบในวินาทีต่อมา ซือเจ๋อเยว่ก็หยิบยันต์ห้าอัสนีบาตออกมาหนึ่งผืนแล้วแปะไว้บนเทวรูปที่ทำจากไม้ เปลวเพลงสายฟ้าผ่าลงมา เริ่มแผดเผาอารามเต๋าแห่งนี้เยียนเซียวหราน "…"เยียนเซียวหราน "!!!!!!"นี่เรียกว่าทำตัวต่ำต้อย? หรือเพราะโลกทัศน์ของเขาแคบเกินไป?เขาเตรียมตัวอย่างเงียบ ๆ พร้อมสำหรับการยกพวกต่อสู้ในขณะนั้นเอง มีนักพรตที่มีเคราสีขาวไปกว่าก็ว
ต้นท้อเป็นไม้ที่ขับไล่สิ่งชั่วร้าย แม้จะพบได้ทั่วไป แต่ก็ง่ายต่อการถูกแมลงกัดกิน มีชีวิตอยู่ได้ถึงร้อยปีนับว่าหายากแล้วซึ่งต้นท้อที่มีชีวิตอยู่ได้ถึงพันปี ทั้งยังบังเอิญถูกฟ้าผ่า ได้รับพลังบริสุทธิ์จากฟ้าดิน สามารถฟาดฟันสิ่งชั่วร้ายทุกอย่าง นับว่าเป็นสมบัติล้ำค่าของลัทธิเต๋าอาวุธเช่นนี้ เป็นสิ่งที่คนในลัทธิเต๋าใฝ่ฝันซือเจ๋อเยว่ยังไม่ทันเอ่ยปากตอบ นักพรตจื่อหยางก็กระตุกยิ้มอย่างชั่วร้าย "ไม่ว่ากระบี่นี้เจ้าจะได้มาจากใด วันนี้ข้าจะเอามาเป็นของข้า!""หากเจ้ายอมยกให้ข้าแต่โดยดี ข้าอาจจะให้เจ้าตายโดยครบทั้งสามสิบสอง"ซือเจ๋อเยว่ส่งเสียง "จิ๊" ขึ้นมา "เหอะ! เอ่ยเสียใหญ่โต! หากเจ้ามีฝีมือก็เข้ามาแย่งไปสิ!"นักพรตจื่อหยางยกกระบี่แทงเข้ามาที่นาง เยียนเซียวหรานก็ลงมือทันทีเขาใช้คาถาลัทธิเต๋าในการโจมตี ซือเจ๋อเยว่ก็ใช้กระบี่ไม้ท้อพันปีฟาดฟันไม่ว่าจะเป็นวิญญาณที่ชั่วร้ายเพียงใด ก็ไม่สามารถทนต่อพลังของกระบี่เล่มนี้ได้ทุกครั้งที่เขาถูกเยียนเซียวหรานใช้พลังของวิทยายุทธกดดัน เขาสู้ไม่ได้จึงถอยเข้าไปในอารามเต๋าเยียนเซียวหรานกำลังจะเข้าไป แต่ซือเจ๋อเยว่ก็ห้ามไว้แต่เขาก็รู้สึกอิจฉากระบ
"หากเจ้าไม่อยากแลก ก็บอกตรงๆ ได้เลย"เอ่ยจบนางก็บอกกับเยียนเซียวหราน "เจ้าเตะเสาเล่มนั้นให้หักที"นักพรตจื่อหยางเห็นทิศทางที่นางชี้ ก็เลือดขึ้นหน้าทันทีเสานั้นเป็นเสาค้ำยันของอารามเต๋า หากเตะมันหัก อารามเต๋าก็จะพังลงหากอารามเต๋าพัง เช่นนั้นแผนที่เขาทำไว้ในอารามเต๋าก่อนหน้านี้ก็จะสูญเปล่าเขายิ้มขึ้นมาเล็กน้อย "แม่นางน้อยช่างอารมณ์ร้อนแรงเสียจริง ก็ได้ ข้าจะไปเอาค่ายกลมาบัดเดี๋ยวนี้"ซือเจ๋อเยว่แย้มยิ้ม "เช่นนี้ค่อยดีหน่อย!"เมื่อนักพรตจื่อหยางเข้าไป ซือเจ๋อเยว่ก็บอกกับเยียนเซียวหราน "ไปเตะเสา"เยียนเซียวหรานมองนางชั่วครู่ หมายความนางกับนักพรตเต๋าคนนั้นกำลังเล่นละครที่ไม่มีผู้ใดเชื่อใจอีกฝ่ายหรือ?ซือเจ๋อเยว่ดันร่างกายเขาพลางเอ่ยขึ้น "รีบไป"เยียนเซียวหรานไม่เอ่ยอันใด แต่ก็ขยับเท้าเดินไป เขาไม่มีความเกรงใจแม้แต่น้อย ที่จะเตะเสาต้นนั้นให้หักลงกำแพงมีเสียง "เอี๊ยด" ดังขึ้น เป็นเสียงโครงสร้างภายในกำแพงที่ไม่สามารถรับน้ำหนักได้ หลังจากเสาถูกเตะให้หักซือเจ๋อเยว่ได้ยินเสียงนั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างมาก ดึงเยียนเซียวหรานถอยหลังไปอย่างรวดเร็วเยียนเซียวหรานเห็นว่าเมื่อกำแพงแตก
อารามเต๋าแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นด้วยการที่นักพรตจื่อหยางขอให้อวิ๋นเยว่หยางช่วยเหลือ ต้องใช้ทั้งความทุ่มเทและกำลังแรงที่มากมาย เพื่อหวังจะได้รับพลังอันมหาศาลจากเทพชั่วร้าย เขาคิดไม่ถึงแม้แต่น้อย ว่าคืนนี้กลับถูกทำลายลงด้วยน้ำมือของซือเจ๋อเยว่และเยียนเซียวหราน เพราะกำแพงถูกทำลาย เทพชั่วร้ายไม่สามารถดูดกลืนพลังได้ พลังจึงตีย้อนกลับมาหาเขา!นักพรตจื่อหยางพานักพรตน้อยวิ่งหนีออกมาจากข้างใน เอ่ยอย่างดุร้าย "ฆ่าพวกมัน!" ทันทีที่เขาเอ่ยจบ ดวงตาของนักพรตน้อยเหล่านั้นก็กลายเป็นสีแดงสด และพุ่งเข้ามาโจมตีพวกเขา เยียนเซียวหรานตวัดกระบี่ขวางพวกเขาเอาไว้ แต่ก็พบว่าพละกำลังของพวกเขาพลันเพิ่มขึ้นอย่างมาก ดูชั่วร้ายอย่างยิ่งซือเจ๋อเยว่หลับตาและท่องคาถาต่อไป นักพรตจื่อหยางกระตุกยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น "ตนเองยังเอาตัวไม่รอด ยังคิดจะช่วยคนอื่นอีกหรือ?" เขาเอ่ยจบก็ตวัดกระบี่ในมือ หมอกดำลอยออกมาจากกระบี่ พุ่งเข้าใส่ซือเจ๋อเยว่ ซือเจ๋อเยว่ยังคงท่องคาถาต่อไป ใช้มือข้างหนึ่งสร้างมุทราเพื่อป้องกันหมอกดำ ในดวงตาของนักพรตจื่อหยางมีความแปลกใจปรากฏขึ้นมาเล็กน้อย ยามที่นางใช้กระบี่ไม้ท้อฟาดพันปีฟันวิญญาณร้ายก่
นางสวมรองเท้ามือเป็นระวิง เพียงแต่ยิ่งลนลาน ก็ยิ่งทำได้ไม่ดีเดิมทีรองเท้าที่สวมได้อย่างง่ายดายมากเป็นเพราะนางตกตะลึงสวมห้าหกครั้งก็ยังไม่เข้าเยียนเซียวหรานยื่นมือออกไปจับข้อเท้าของนางเอาไว้ นางหันหน้าไปมองเขา เขากลับไม่ได้มองนาง แต่ยกรองเท้าข้างหนึ่งขึ้นมา ค่อย ๆ สวมเข้าไปที่เท้าของนางซือเจ๋อเยว่ “...”นางรู้สึกว่าตนเองในเวลานี้โง่นิด ๆหลังจากเยียนเซียวหรานสวมรองเท้าในนางเสร็จข้างหนึ่งแล้ว ก็สวมอีกข้างอีกให้นางนางกระโดดลงจากเตียงอย่างว่องไว “ลำบากเจ้าแล้ว”นางพูดจบคิดจะหนี กลับถูกเยียนเซียวหรานจับข้อมือขาวเล็กเอาไว้นางมองเขาแล้วถาม “ยังมีธุระอะไรอีกหรือ?”เยียนเซียวหรานไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ยื่นมือออกไปแล้วช่วยติดจัดปกคอเสื้อให้นาง ช่วยนางปรับสายคาดเอวให้เรียบร้อย ซือเจ๋อเยว่ “!!!!!”นางหน้าแดงก่ำขึ้นมาทันทีเยียนเซียวหรานหวีผมให้นางอีก กล่าวเสียงเรียบ “เสร็จแล้ว”ซือเจ๋อเยว่หันหน้าไปมองเขา ดวงตาของเขาล้ำลึกตามเดิม นางมองเห็นเงาสะท้อนของตนเองในดวงตาของเขาการเต้นของหัวใจนางเริ่มเต้นรัวขึ้นอีกครั้ง นางรู้ว่าขืนเป็นแบบนี้ต่อไปจะไม่เข้าท่า จึงรีบกระโดดหนีออกทางหน้าต่า
ตอนนี้สมองของซือเจ๋อเยว่ไม่พอใช้แล้ว เมื่อได้ยินเขาถามแบบนี้ นางตอบว่า‘อืม’ทีหนึ่ง ไม่ได้เข้าใจความหมายของเขาจริง ๆเยียนเซียวหรานจับมือของนาง ดึงแขนเสื้อของนางขึ้น เส้นแดงที่อยู่ภายในก็ปรากฏขึ้นเขาขมวดคิ้วเล็กน้อยกล่าว “ดูเหมือนจะยังไม่ค่อยชัดเท่าไหร่”ในที่สุดซือเจ๋อเยว่ก็เข้าใจความหมายของเขา นางอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขากลับกล่าวขึ้น “อาจจะเป็นเพราะห่างกันไปหน่อย”ครู่ต่อมา มือของเขาประคองเอวนาง ทันทีที่ออกแรงเพียงเล็กน้อย ก็อุ้มนางขึ้นมาวางไว้บนต้นขาของเขาซือเจ๋อเยว่ “...”ซือเจ๋อเยว่ “!!!!!”อยู่ ๆ เขากลายเป็นคนที่เร่าร้อนจนเกินไป นางรับมือไม่ค่อยไหว!เยียนเซียวหรานสูงกว่านางมาก แล้วก็แข็งแรงกว่านางมาก ถูกเขากอดไว้ในอ้อมแขน ชุดนอนของเขาคลุมไว้แค่ครึ่งเดียว นางรู้สึกเหมือนกับถูกฝังอยู่ในอ้อมอกของเขาภายในหัวใจของซือเจ๋อเยว่มีความตื่นตระหนกเล็กน้อย แต่เขากลับไม่ได้พูดอะไร ทั้งยังจูบลงมาบนริมฝีปากนางนางใช้มือดันแผ่นออกของเขาอย่างไม่รู้ตัว เขาหันไปมองนาง ภายในดวงตาที่ดำขลับคู่นั้นสะท้อนให้เห็นถึงแววตาที่เขามองไม่ออกน้ำเสียงของเขาแหบแห้งเล็กน้อย “มีขั้นตอนไหนที่ข้าทำไม
ซือเจ๋อเยว่หันหน้ากลับมาเผชิญหน้ากับใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา ถาม “เจ้ามีธุระอะไรอีกอย่างนั้นหรือ?”มุมปากของเยียนเซียวหรานยกขึ้นเล็กน้อย “ไหน ๆ คืนนี้องค์หญิงก็มาแล้ว ไม่เติมอายุขัยสักหน่อยแล้วค่อยไปหรือ?”ซือเจ๋อเยว่ “...”นางร้อง‘หา’ทีหนึ่ง แล้วก็ไม่ได้สติอยู่ครู่หนึ่งเยียนเซียวหรานเหลือบตาขึ้น สายตาจดจ้องไปที่นางกล่าว “องค์หญิงอยากจะอายุยืนยาวร้อยปีไม่ใช่หรือ?”“ข้าเกรงว่าข้าไม่ให้ความร่วมมือ วันข้างหน้าองค์หญิงจะมาหาเรื่องข้า”ซือเจ๋อเยว่ “...”นางคิดว่าเขาค่อนข้างผูกพยาบาทวันนั้นนางก็แค่พูดเล่นกับเขาต่อหน้าของเหล่าไท่จวินเท่านั้น เขากลับจำได้อย่างแม่นยำในเวลานี้นางรู้ว่านางมีตัวเลือกอยู่สองข้อ ข้อแรกคืออยู่ต่อเสียเลย ข้อสองคือรีบหนีไปอย่างแรกจะน่าอายเกินไปหน่อย อย่างหลังจะขี้ขลาดเกินไปหน่อยนางครุ่นคิดครู่หนึ่ง คิดว่าถึงอย่างไรก็เป็นแบบนี้แล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ควรจะเริ่มจากทำอะไรเพื่อผลประโยชน์ระยะยาวของตัวเองหากทำตัวขี้ขลาดในเวลาแบบนี้ ต่อไปนางจะมาหาเขาได้อย่างไร? ต่อให้มาหาเขาด้วยอย่างหน้าด้านอีก คิดว่าก็อาจจะถูกเขาหัวเราะเยาะเอาได้ดังนั้นนางจึงถอดรองเท้า แล้วกระโ
ตอนที่นางได้ยินก็ไม่ได้ประหลาดใจมากเท่าใดนัก ดวงสมรสของลู่จิ่นเหนียง นั่นก็ทำได้เพียงเป็นอนุของคนอื่นเท่านั้นปกติการเป็นอนุ ขอเพียงแค่ฝั่งผู้ชายชอบนาง ทุกอย่างจะปรากฏขึ้นในดวงสมรสสิ่งเหล่านี้สามารถยืนยันได้ว่า อวิ๋นเยว่หยางรับลู่จิ่นเหนียงเป็นอนุเพราะมีจุดประสงค์อื่น เขาไม่ได้ชอบลู่จิ่นเหนียงเมื่อซือเจ๋อเยว่นึกถึงท่าทางที่หยิ่งผยองเกินความเป็นจริงของลู่จิ่นเหนียง รู้ว่าหากครั้งนี้ลู่จิ่นเหนียงไม่เอาชีวิตไปทิ้งที่จวนหนิงกั๋วกง ก็ต้องได้รับบาดเจ็บทางร่างกายหรือจิตใจเพียงแต่เรื่องนี้ตามที่เหล่าไท่จวินได้กล่าว ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับจวนอ๋องแล้ว นางก็คร้านจะช่วยเป็นธุระให้ลู่จิ่นเหนียงบัดนี้สิ่งที่นางเป็นกังวลยิ่งกว่าก็คือเรื่องที่อวิ๋นเยว่หยางขโมยดวงชะตาของเยียนเซียวหรานไปสองครั้งก่อนนางได้ตามหาค่ายกลนั่นแต่ก็จบลงด้วยความล้มเหลว แล้วก็ตามหาค่ายกลอันนั้นไม่เจออีก เกรงว่าดวงชะตาของเยียนเซียวหรานจะถูกขโมยไปจนหมดแล้วหลายวันมานี้ซือเจ๋อเยว่คิดอยู่หลายวิธี หลังจากตัดออกไปจำนวนหนึ่ง ก็รู้สึกว่าถ้ามีปัญหาแบบนี้หรือว่าแบบนั้น ความเสี่ยงก็มากทั้งนั้นนางคิดอยู่หลายตลบ คิดว่าบางทีอาจจะสาม
ซุ่ยซุ่ยของนางยังไม่ออกเรือน สถานการณ์ของจวนเยียนอ๋องเป็นแบบนี้ นางต้องปลุกใจให้ฮึกเหิมเสียหน่อย อย่างน้อยก็ไม่ควรเป็นภาระของพวกเขาเหล่าไท่จวินที่อยู่ข้าง ๆ กล่าว “แม้ว่าวันนี้เวินชิงจะรับปากองค์หญิง ต้องทำตามที่รับปาก”“ต่อไปเจ้ามีเวลาว่าง ก็มาอยู่เป็นเพื่อนคนแก่อย่างข้า”เบ้าตาของจู้อี๋เหนียงแดงเล็กน้อย คุกเข่าลงบนพื้นกล่าวเสียงเบา “ลูกอกตัญญู ทำให้เหล่าไท่จวินต้องเป็นห่วง”เหล่าไท่จวินยื่นมือออกไปประคองนางลุกขึ้น จับมือของนางแล้วตบเบา ๆ “เรื่องในอดีตก็ให้ผ่านไป พวกเราต้องมองไปข้างหน้า”จู้อี๋เหนียงเช็ดน้ำตากล่าว “ข้าเชื่อฟังเหล่าไท่จวิน”ซือเจ๋อเยว่ชอบบรรยากาศของจวนเยียนอ๋องที่สุด เหล่าไท่จวินเป็นคนชราที่เฉลียวฉลาด ถึงแม้คนในจวนจะมากมาย แต่นางกลับน่าเลื่อมใสเป็นอย่างยิ่งตอนที่จวนเยียนอ๋องเกิดเรื่อง คนที่ได้รับความกระทบกระเทือนมากที่สุดไม่ใช่เหล่าไท่จวิน แล้วก็ไม่ใช่พระชายาเยียนอ๋อง แต่ทว่าเป็นจู้อี๋เหนียงก่อนหน้านี้จู้อี๋เหนียงเป็นคนอมทุกข์มาตลอด ออกจากเรือนน้อยมากเหล่าไท่จวินไปปลอบใจจู้อี๋เหนียงเป็นประจำในจวนมีของของดีอะไร เหล่าไท่จวินก็จะคิดถึงนาง ไม่ใช่เพราะว่านางเป็
“อย่างไรเสียจวนหนิงกั๋วกงก็ดีกว่าจวนเยียนอ๋อง สิ่งที่เรียกว่าชื่อเสียงของจวนเยียนอ๋อง ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยินดีช่วยพี่ชายของเจ้าให้เลื่อนตำแหน่ง”“ตามที่ข้ามอง จวนเยียนอ๋องที่ไม่มีน้ำใจ ไม่รู้จักปรับตัวเช่นนี้ก็สมควรล่มสลาย!”ลู่จิ่นเหนียงได้ฟังคำพูดพวกนี้ก็ไม่ได้รู้สึกมีตรงไหนผิดปกติ เดิมทีจวนเยียนอ๋องก็ยึดติดกับหลักการมากเกินไปต่อให้เยียนซื่อจะปฏิบัติต่อนางดีมากแค่ไหน ทันทีที่นางพูดเรื่องที่ให้เขาช่วยเหลือ เขาก็จะชักสีหน้าทันทีเมื่อเปรียบเทียบกัน จวนหนิงกั๋วกงมีความเปิดกว้างมากกว่า แล้วก็เต็มไปด้วยความจริงใจอย่างเห็นได้ชัดเมื่อมีเรื่องนี้ เมื่อนางมองเห็นเครื่องประดับและผ้าเหล่านี้ ก็ไม่รู้สึกว่าเป็นแบบเก่าอีกแล้วลู่ฮูหยินกล่าวอีกว่า “คุณชายรองให้ความสำคัญกับเจ้าเป็นอย่างมาก อยากจะให้เจ้ารีบเจ้าจวนเร็วหน่อย”“วันนี้ข้าได้ปรึกษากับท่านพ่อของเจ้าแล้ว พรุ่งนี้จะส่งตัวเจ้าเข้าจวนหนิงกั๋วกง ตามความต้องการของจวนกั๋วกง”ลู่จิ่นเหนียงตกตะลึงไปทันที “ไปจวนหนิงกั๋วกงวันพรุ่งนี้? นี่มันจะรีบเกินไปหน่อยหรือไม่?”ลู่ฮูหยินตอบ “รีบที่ไหนกัน นี่เห็นได้ชัดเจนว่าจวนหนิงกั๋วกงให้ความสำคัญกับ
นางพ่นลมหายใจกล่าว “องค์หญิงอย่างไรเสียก็จัดการเรื่องของตนเองให้ดีเถอะ เลิกริษยาคนอื่น ใจกว้าง บางทีอาจจะสามารถมีชีวิตได้ถึงสิบแปดปี!”เมื่อซือเจ๋อเยว่ได้ยินคำพูดถากถางของลู่จิ่นเหนียงไม่เพียงไม่โกรธ ทั้งยังรู้สึกน่าขันเล็กน้อยนางทำอะไรด้วยใจมาตลอด ในเวลานี้เตือนสติลู่จิ่นเหนียงก็เป็นเพราะเยียนซื่อแต่น่าเสียดายที่ผู้หญิงคนนี้ความคิดบิดเบี้ยวตั้งแต่ภายใน กระเสือกกระสนรนหาที่ตาย ต่อให้เทพต้าหลัวมาที่นี่ เกรงว่าก็คงจะช่วยชีวิตนางเอาไว้ไม่ได้นางพยักหน้ากล่าว “ข้าคิดว่าที่เจ้าพูดนั้นมีเหตุผลมาก คนที่จิตใจคับแคบ จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานจริง ๆ”นางพูดจบก็คร้านจะสนใจลู่จิ่นเหนียงอีก กล่าวกับเยียนเซียวหราน “น้องสาม พวกเราไปกันเถอะ!”ลู่จิ่นเหนียงยังอยากจะพูดอะไรบางอย่างอีก เยียนเซียวหรานมองนางด้วยสายตาเย็นยะเยือกแวบหนึ่งสายตานั้นเย็นยะเยือกเข้ากระดูก ความน่าสะพรึงกลัวเต็มเปี่ยม ลู่จิ่นเหนียงเห็นก็รู้สึกกลัวจนขนลุกขนพอง คำพูดที่กำลังจะพูดออกมาก็ตกตะลึงจนพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียวทันใดนั้นนางก็พบว่า เยียนเซียวหรานแตกต่างไปจากเมื่อก่อนโดยสิ้นเชิง บนร่างกายของเขามีพลังอำนาจอันแข็งแกร่ง ที่ไม
นางกับเยียนเซียวหรานตรงไปยังร้านขายเสื้อผ้าที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวง ซึ่งด้านในร้านมีผ้าหลากหลายที่สุดเยียนเซียวหรานกลัวว่านางจะเกิดเรื่อง จึงเดินตามหลังนางตลอดทุกฝีก้าวซือเจ๋อเยว่เลือกผ้าให้แต่ละคน รวมกันทั้งหมดสิบกว่าพับ พวกเขาไม่สะดวกถือไปด้วย จึงให้เถ้าแก่มอบหมายให้คนส่งไปที่จวนเยียนอ๋องทันทีที่ซือเจ๋อเยว่จ่ายเงินเสร็จ ก็เห็นลู่จิ่นเหนียงพาสาวใช้เดินเข้ามาหา ทั้งสองคนพบกันโดยบังเอิญ จึงมีความประหลาดใจเล็กน้อยลู่จิ่นเหนียงเป็นเพราะครั้งก่อนซือเจ๋อเยว่เคยฉีกหน้านาง นางจึงไม่ชอบซือเจ๋อเยว่เป็นอย่างยิ่งในเวลานี้เมื่อเจอกัน นางยังคงกล่าวด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม “องค์หญิง ไม่เจอกันนานเลย”ซือเจ๋อเยว่คุ้นเคยกับการมองหน้านางแวบหนึ่ง ใต้ตาของนางดำคล้ำ คาดว่านางน่าจะเอาเด็กออกแล้ว ต่อไปก็คงจะไม่มีลูกของตัวเองอีกนอกจากนี้แล้ว ชีวิตในวังหลวงของนางมีเต็มความซับซ้อน เมื่อเห็นฉากนี้ ต่อไปลู่จิ่นเหนียงคงจะใช้ชีวิตอย่างค่อนข้างขรุขระสีหน้าของนางยังนับว่าพอถูไถไปได้ ใบหน้าเหมือนว่ายังพอมีความสุขอยู่บ้างในเมื่ออีกฝ่ายยอมรับผิดแล้วก็ย่อมให้อภัย ซือเจ๋อเยว่ยิ้มตอบ ตั้งใจที่จะออกไปพร้อมกั
ซือเจ๋อเยว่ลุกขึ้นยืนพร้อมกล่าว “อวิ๋นไท่เฟยหมดสติไปเพราะตื่นเต้นเกินไป พวกท่านส่งนางกลับไปเถอะ”คำพูดที่นางพูดกับอวิ๋นไท่เฟยเมื่อครู่นี้ บรรดาคนในวังหลวงที่อยู่ใกล้ต่างก็ได้ยินกันหมดพวกเขามองซือเจ๋อเยว่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ในเวลานี้มีคนหลายคนร่วมแรงกันประคองอวิ๋นไท่เฟยขึ้นมา แล้วรีบวิ่งออกไปคนของวังหลวงที่ถูกวิญญาณรายล้อมคนนั้น ในเวลานี้วิญญาณปล่อยนางไปแล้ว ทันทีที่นางได้รับอิสระ ก็รีบวิ่งหนีอย่างโซซัดโซเซกลางวันแสก ๆ เลยนะ!พวกเขาเจอเรื่องแบบนี้ น่ากลัวมากเกินไปจริง ๆ!ฮองเฮามองไม่เห็นวิญญาณ เห็นเพียงซือเจ๋อเยว่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ทำให้อวิ๋นไท่เฟยตกใจจนหมดสติไปทันที จากนั้นกลุ่มคนก็วิ่งหนีกันฉี่ราดสารรูปเช่นนี้ของพวกเขา ตอนที่มาอวดดีมากขนาดไหน ตอนกลับไปก็ดูไม่จืดมากเท่านั้นฮองเฮากับอวิ๋นไท่เฟยประมือกันมาหลายครั้ง ถึงแม้นางจะชนะมากกว่าแพ้ แต่นั่นก็เป็นเพียงการสู้กันด้วยวาจา ไฉนเลยจะมีความสุขเท่าครั้งนี้?นางมองซือเจ๋อเยว่กล่าว “เมื่อครู่นี้เจ้าทำอะไรพวกเขา?”ซือเจ๋อเยว่ตอบ “หม่อมฉันก็อาศัยอยู่ในสำนักเต๋ามาเป็นเวลานาน ถึงอย่างไรก็ยังพอมีความสามารถเป็นของ