แชร์

บทที่ 5 ใกล้ถึงเวลาแยกย้าย (3/4)

ผู้เขียน: ไฉ่เลี่ยงหรง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-04 14:48:35

“ฮูหยิน เจ้าอดทนเห็นหน้าบุรุษที่รูปงามน้อยกว่าพี่เพียงครู่เดียวอีก ไม่นานเราก็จะถึงเมืองหลวงแล้ว” เขากล่าวพลางรินชาใส่จอกให้นางอย่างเอาใจ

            ‘สหายผู้นี้ปากไม่ดี มันน่าเปิดโปงความลับเสียจริง’ ทำตัวราวกับเด็กน้อยกลัวผู้อื่นมาแย่งความรักความสนใจจากมารดา

            “ท่านอย่าได้กล่าววาจาไม่ดีต่อท่านหมอเช่นนั้น”

            “...” เขาเม้มริมฝีปากราวกับอัดอั้นตันใจ ก่อนจะก้มหน้าลง

            “ข้าต้องขออภัยท่านหมอด้วยนะเจ้าคะ เขาสติฟั่นเฟือนอาจกล่าววาจาไม่เหมาะสมไปบ้าง” นางหันไปกล่าวกับท่านหมอ ถึงไม่ได้เห็นเบื้องหลังสีหน้าของบุรุษมากเล่ห์

            ‘ดู...สหายข้าสำนึกที่ใด แสร้งทำเป็นน่าสงสารให้นางเห็นใจ แต่แท้จริงมากเล่ห์กลับกลอก’ ด้วยความเป็นหมอ เขาจึงสามารถรักษาสีหน้าให้นิ่งเรียบเอาไว้ได้ เมื่อเห็นสหายทำหน้าตาล้อเลียนอยู่เบื้องหลังนางราวกับเด็กน้อย แต่พอนางหันกลับไปมองก็ก้มหน้าลงท่าทางเศร้าสร้อยเช่นเดิม

            ได้เปิดหูเปิดตากับนิสัยของคุณชายเล็กตระกูลหยางก็คราวนี้

            หวิ้ว...เสียงอะไรบางอย่างทำให้สีหน้าที่เศร้าสร้อยเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม

            “คอแห้งหรือไม่ จิบชาเถิด” เขากล่าวพลางเลื่อนชาให้นางกิน

            “ท่านหมอ จิบชาเจ้าค่ะ” แทนที่นางจะยกขึ้นจิบ นางกลับเลื่อนจอกชาให้กับลู่จื้อ

            “มิเป็นไรแม่นาง ท่านจิบเถิด ประเดี๋ยวสามีของท่านจะน้อยใจ เขาตั้งใจชงให้แม่นางกิน” หากเขากินชาจอกนี้เข้าไปเขาคงต้องตายอยู่ในรถม้าคันนี้เป็นแน่

            “ฮูหยิน เจ้าโกรธพี่อีกแล้วใช่หรือไม่ แม้แต่ชาที่พี่ชงให้ก็ไม่ยอมกิน”

            “ข้าไม่ได้โกรธอันใดเจ้าค่ะ นี่เจ้าค่ะ ข้ากินชาที่ท่านชงแล้ว” นางกล่าวจบก็รีบยกชาจอกนั้นจนหมดในคราวเดียวก่อนจะคว่ำจอกชาให้เขาดู

            “ชาที่พี่ชงถูกปากเจ้าหรือไม่”

            “ถูกปากเจ้าค่ะ”

            “หากเข้าเมืองหลวงแล้ว เราไปพักที่จวนของท่านพ่อตากันก่อนดีหรือไม่”

            “เจ้าค่ะ”

            “แล้วค่อยไปจวนของพี่”

            “ท่านจำจวนในเมืองหลวงได้หรือเจ้าคะ” แม้จะเอ่ยถามเรื่องราวของคนผู้นี้จากผู้ติดตามแซ่เจียวทั้งหมด แต่ก็ได้รับคำตอบเพียงแค่ว่า คุณชายของพวกตนเป็นคหบดีจากเมืองหลวงที่ไปเปิดกิจการที่เมืองซานโจว ในระหว่างที่กำลังจะเดินทางกลับเมืองหลวงรถม้าถูกโจมตีโดยคนกลุ่มหนึ่งที่เสียผลประโยชน์จากการที่กิจการของคุณชายหยางรุ่งเรือง แต่พอจะถามเรื่องส่วนตัว บรรดาผู้ติดตามก็มีอันต้องขอตัวไปจัดการหน้าที่ของตนอยู่ร่ำไป จนนางอดคิดไม่ได้ว่าหรือแท้จริงแล้วคุณชายหยางผู้นี้จะเป็นคุณชายจากตระกูลใหญ่

            หยางซีซวนเช่นนั้นหรือ นางไม่คุ้นหูกับชื่อนี้เลย แต่หากจะกล่าวว่าในเมืองหลวงมีตระกูลหยางหรือไม่ นางสามารถตอบได้ทันทีว่ามี และมีคนแซ่หยางมากมายอาจจะแตกต่างกันตามอักษรที่ใช้ หากกล่าวถึงตระกูลใหญ่เห็นจะเป็นตระกูลหยาง ที่เป็นตระกูลของฮองเฮา และส่งต่อตำแหน่งแม่ทัพจากรุ่นสู่รุ่น

            เขาคงไม่ใช่บุตรชายแม่ทัพใหญ่ตระกูลหยางหรอกกระมัง เท่าที่นางได้ยินมา ตระกูลหยางมีบุตรชายสามคน คุณชายใหญ่และคุณชายรองนางก็เคยพบเจออยู่บ้างตามงานเลี้ยง แต่คุณชายเล็กนั้นได้ยินว่ามีสุขภาพร่างกายที่อ่อนแอจึงถูกส่งตัวไปรักษาที่ต่างเมืองตั้งแต่ก่อนสวมกวาน ทว่าดูจากบุรุษตรงหน้า เขาไม่ใกล้เคียงกับคำว่าร่างกายอ่อนแอ นางจึงคิดว่าเขาอาจจะเป็นเพียงคุณชายของตระกูลคหบดี  

            “แท้จริงพี่จำไม่ได้หรอก แต่เจียวโจวกล่าวว่าจวนพี่ในเมืองหลวงใหญ่โตพอที่จะมีที่วิ่งเล่นให้ลูกของเราได้”

            “แค่ก แค่กๆ” นางที่กำลังยกน้ำชาที่เขารินใส่จอกให้อย่างเอาใจขึ้นดื่ม พลันสำลักไอจนหน้าดำหน้าแดง

            “ค่อยๆ จิบ อย่ารีบร้อน”

            ‘ข้าสำลักเพราะท่านไม่รู้ตัวหรืออย่างไร’ แม้ความจำจะสับสน ท่านก็ยังคิดกลืนกินสตรีผู้นั้นที่ตนปรารถนา ช่างเป็นความรักที่ล้ำลึกฝังใจ

            “เป็นอย่างไรบ้าง”

            “แค่กๆ” นางปิดปากไออยู่ชั่วครู่ก่อนจะอาการดีขึ้น

            “คราวหน้าต้องค่อยๆ จิบชา อย่าได้รีบร้อน” เขากล่าวพลางช่วยลูบหลังให้นาง

            “ขอบคุณเจ้าค่ะ แค่กๆ” นางไออีกครั้งก่อนจะจับมือเขาให้หยุดลูบหลัง ใกล้ถึงเมืองหลวงแล้วนางต้องรักษาระยะห่างจากเขา อีกไม่นานความสัมพันธ์แบบพึ่งพาอาศัยกันก็จะจบลงแล้ว แม้จะเสียดายบุรุษที่อ่อนโยนและใจดี เอ่อ...นางหมายถึงได้พานพบถือเป็นวาสนา แต่นางกับเขามีวาสนาต่อกันเพียงเท่านี้ อีกไม่นานหากเขาหายดี เขาก็ต้องไปหาสตรีในดวงใจ นางก็มีความแค้นที่จะต้องสะสาง หากแยกย้ายกันทันทีที่ถึงเมืองหลวงมันคือเรื่องที่เหมาะสมแล้ว

            “...” คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันด้วยความไม่ชอบใจท่าทีราวกับจงใจหลบเลี่ยงของนาง

            “ข้าหายดีแล้ว” กล่าวจบนางก็ยกมือขึ้นปิดปากหาว

            “หากเจ้าง่วงก็นอนเถิด ผ่านเข้าประตูเมืองหลวงเมื่อใดพี่จะรีบปลุกเจ้า” สีหน้าของเขากลับมาอ่อนโยนดังเดิม

            “ข้าง่วงเพียงเล็กน้อยเท่า...” นางกล่าวยังไม่ทันจบก็หลับไปเสียอย่างนั้น จนบุรุษที่ห่วงใยเกือบคว้าตัวมากอดเอาไว้ไม่ทัน

            “ยานิทราของข้าออกฤทธิ์รวดเร็วหรือไม่”

            “อย่าเพิ่งโอ้อวด พาตนเองให้รอดจากการโจมตีก่อนเถิด” เพราะไม่อยากให้นางตื่นกลัวกับการถูกลอบโจมตี เขาจึงผสมยานิทราลงในชาจอกนั้นให้นางดื่ม

บทที่เกี่ยวข้อง

  • บุรุษมากเล่ห์เช่นท่านหาใช่สามีข้า   บทที่ 5 ใกล้ถึงเวลาแยกย้าย (4/4)

    “อย่าเพิ่งโอ้อวด พาตนเองให้รอดจากการโจมตีก่อนเถิด” เพราะไม่อยากให้นางตื่นกลัวกับการถูกลอบโจมตี เขาจึงผสมยานิทราลงในชาจอกนั้นให้นางดื่ม ฮี้ ม้าของผู้ติดตามที่วิ่งนำหน้าส่งเสียงร้องเมื่อมีบางอย่างขวางทาง สองขายกขึ้นตะกุยอากาศจนทำให้บุรุษชุดดำที่อยู่บนหลังม้าเกือบตกลงไป ‘พวกเจ้าท่าทางมีเงินไม่น้อย หากอยากผ่านทางเข้าเมืองหลวงอย่างราบรื่น ก็ทิ้งเงินและสตรีเอาไว้ที่นี่เสีย’ ท่าทางกักขฬะของพวกนักเลงทำให้บุรุษชุดดำยิ้มมุมปาก “รีบลงมือเสีย ข้าจะรีบไปดูจวนใหม่ของข้า” สิ้นเสียงของท่านหมอเทวดาที่อยู่ในรถม้า ผู้ติดตามแซ่เจียวทั้งสิบเจ็ดคนก็พุ่งเข้าไปจัดการนักเลงที่มีมากถึงสามสิบคน ด้านคุณชายหยางที่พาฮูหยินของตนแยก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-04
  • บุรุษมากเล่ห์เช่นท่านหาใช่สามีข้า   บทที่ 6 เร่งเร้าความริษยาของสหาย (1/4)

    6เร่งเร้าความริษยาของสหาย เสียงนกร้องและเสียงผู้คนสนทนาดังแว่วเข้ามาในหูปลุกซูหนิงเซียนให้ตื่นขึ้น ร่างระหงลุกขึ้นนั่งพลางบิดขี้เกียจก่อนจะนิ่งค้างเช่นนั้นเมื่อดวงตาดอกท้อสบเข้ากับนัยน์ตาดำที่ฉายแววหวานซึ้ง “ขออภัยเจ้าค่ะ” “มิเป็นไร ในสายตาพี่ เจ้างดงามเสมอ ต่อให้แคะขี้มูกพี่ก็ยังมองว่าน่าเอ็นดู” ‘ปากหวานเสียจนทำให้ข้าพาลกินข้าวไม่ลง’ แม้เขาจะดูคล้ายบุรุษเจ้าสำราญ ปากหวานกับนาง แต่พอได้อยู่ร่วมกันหลายวัน นางก็ได้เห็นว่าแท้จริงเขาเป็นเช่นนี้กับนางเพียงคนเดียว จนบางครั้งทำให้นางรู้สึกอิจฉาสตรีผู้นั้นที่เขารักปักใจ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-04
  • บุรุษมากเล่ห์เช่นท่านหาใช่สามีข้า   บทที่ 6 เร่งเร้าความริษยาของสหาย (2/4)

    ‘คุณชายของข้าช่างเกี้ยวพาสตรีได้ไม่เหมือนผู้อื่น’ คบหาดูใจไม่คิดจะทำ แต่กลับคิดรวบหัวรวบหางนางเป็นฮูหยินราวกับกลัวจะมีคนแย่งนางไป แต่เมื่อลงมาถึงด้านล่างของโรงเตี๊ยมหยางซีซวนก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นรถม้าที่มีตราสัญลักษณ์ตระกูลหยางจอดอยู่ด้านหน้า มีสตรีผู้งดงาม ดวงหน้าแลดูอ่อนเยาว์ยืนอยู่ด้านข้าง “ท่านแม่?” “ยังจำได้อยู่หรือว่าข้าเป็นแม่เจ้า” เฟยเจียงหงเอ่ยถามพลางส่งยิ้มหวานให้กับบุตรชาย แม้สตรีผู้นี้จะเลยวัยสาวมานานพอสมควร แต่ทว่าก็ยังมีหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่หันมามองพลางขวยเขินเมื่อเห็นสตรีงามล่มเมืองแย้มยิ้ม “ท่านมาได้อย่างไร ท่านพ่อไม่ว่าหรือขอรับ” ด้วยความงามของมารดา บิดาจึงหวงแหนจนแทบไม่อยากให้ออกจากจวน หากมีงานเลี้ยงจวนใด

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-04
  • บุรุษมากเล่ห์เช่นท่านหาใช่สามีข้า   บทที่ 6 เร่งเร้าความริษยาของสหาย (3/4)

    “ประเดี๋ยวก่อน แม่หนูลี่อินน่ะหรือ ส่งจดหมายแจ้งเจ้าว่าพ่อป่วยหนัก” “เจ้าค่ะ เสียดายข้าทำจดหมายนั่นหายไปแล้ว จึงไม่อาจนำมายืนยันได้” กล่าวจบก็จ้องมองบิดาด้วยความคิดถึง คิดถึงท่านพ่อยิ่งนัก ดีเหลือเกินที่นางได้รับโอกาสให้หวนคืนกลับมา “แต่พ่อไม่ได้เป็นอันใด ป่วยหนักสุดก็เห็นจะเป็นหวัดเมื่อสามวันก่อนเพียงเท่านั้น” “แล้วเหตุใดลี่อินถึงโกหกข้าเช่นนั้น ด้วยความร้อนใจและเป็นห่วงท่านพ่อ ข้ารีบเร่งเดินทางไม่หยุดพักจนถึงเมืองหลวงเลยนะเจ้าคะ” ละเว้นเรื่องราวเกี่ยวกับผู้ร่วมทางไปสักเล็กน้อยคงจะดีกว่า อย่างไรท่านพ่อก็ควรสงสัยเกี่ยวกับความไม่ชอบมาพากลของบุตรสาว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-04
  • บุรุษมากเล่ห์เช่นท่านหาใช่สามีข้า   บทที่ 6 เร่งเร้าความริษยาของสหาย (4/4)

    ริษยาข้าให้มากจะได้รีบลงมือเร็วๆ นางจะได้รีบจบเรื่องแล้วพาบิดาย้ายไปอยู่เมืองซานโจว ‘เจ้าควรรู้ไว้ว่า เพียงแค่ฐานะจวนซูมันไม่ได้ทำให้ข้ามีเงินทองใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายมากมาย’ การเป็นหลานสาวของคหบดีจากเมืองซานโจวต่างหากที่ทำให้นางร่ำรวยมีเงินทองเหลือใช้ ท่านลุงก็ยังหาเงินเก่ง ท่านป้าก็ใจดีและเอ็นดูนาง ไปเมืองซานโจวเมื่อใดนางมักจะได้ตั๋วเงินกลับมาด้วย และเคยได้มากถึงหนึ่งพันตำลึงทอง “เจ้าช่างใจดี แต่ก็ดีแล้วที่เดินทางปลอดภัย” ‘คงขบเขี้ยวเคี้ยวฟันที่แผนการพลาด’ “วันนี้เจ้าว่างหรือไม่ อยากจะชวนเจ้าออกไปซื้อเครื่องประดับเสียหน่อย” อีกไม่กี่วันจะมีงานเลี้ยงแสดงความยินดีที่จวนหยาง เพื่อเป็นการแสดงความยินดีที่คุณชายรองจวนหยางได้รั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-04
  • บุรุษมากเล่ห์เช่นท่านหาใช่สามีข้า   บทที่ 7 คารวะท่านพ่อตา (1/4)

    7คารวะท่านพ่อตา “ซูหนิงเซียน เหตุใดกลับมาเมืองหลวงแล้วไม่ให้คนไปแจ้งข้า” เสียงทุ้มของบุรุษผู้หนึ่งดังขึ้น ทำให้บทสนทนาที่นางไม่อยากจะตอบจบลงในทันที “หมิงอี้เฉิน เจ้ามาได้อย่างไร” คุณหนูซูเอ่ยถามบุรุษผู้มาเยือนพลางปรายตามองดวงตาที่ฉายแววโทสะของสตรีที่นั่งด้านข้าง “ถามได้ ข้าก็เดินมาสิ ไปซานโจวได้ไม่นาน ลืมแล้วหรือจวนข้าอยู่ที่ใด” คุณชายหมิง เป็นบุตรชายของเจ้ากรมยุติธรรมสหายของบิดา จวนของเขาอยู่ตรงข้ามจวนนางทำให้ในวัยเด็กนางสนิทกับบุรุษผู้นี้ และด้วยความที่นางช่างเจรจากว่านางจึงกลายเป็นที่รักของจวนหมิงมากกว่าบุตรชายของตระกูล “ไม่ได้พบเจอกันนานมิคาดคิดว่าเจ้ายังปากคอเราะร้าย[1] ระวังจะหาสตรีมาแต่งด้วยไม่ได้” “หากข้าหาสตรีมาแต่งด้วยไม่ได้ ข้าจะแต่งกับเจ้านี่แหละ ชอบสาปแช่งข้าดีนัก” ซือเย่แห่งสำนักศึกษาไท่เสวียนกล่าวพลางทรุดตัวนั่ง มือใหญ่หงายจอกชาแล้วรินใส่เองโดยไม่ต้องมีคนเชิญ “อย่าเลยเจ้าค่ะคุณชายหมิง หากข้าแต่งกับเจ้า มีหวังเจ้าคงโดนท่านลุงกับท่านป้าไล่ออกจากจวนเพราะเอาแต่รังแกข้า” “เจ้ามันจิ้งจอกห่มหน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-09
  • บุรุษมากเล่ห์เช่นท่านหาใช่สามีข้า   บทที่ 7 คารวะท่านพ่อตา (2/4)

    “เจ้าบอกข้าก่อน ว่านางทำเช่นไรกับเจ้า เจ้าถึงได้รังเกียจนางมากเช่นนี้” “หากข้าบอก เจ้าอย่าได้เอามาล้อเลียนข้าเข้าใจหรือไม่” “อืม ข้าจะไม่ล้อเลียนเจ้า เล่ามาเถิด” “จำตอนนั้นที่จวนข้ามีงานเลี้ยงแล้วข้าทำร้ายนางจนบิดามารดาข้าต้องไปขอโทษเจ้าหน้าที่ชันสูตรศพถึงจวนได้หรือไม่” “อืม” “ตอนนั้นแท้จริงหม่าลี่อินเข้ามากอดข้าพยายามดึงทึ้งเสื้อผ้าข้า ทั้งยังบอกว่าชื่นชอบข้าอยากเป็นฮูหยินของข้า แต่ข้าที่ตัวใหญ่กว่าไม่ยินยอมจึงผลักนางให้ออกห่างสุดท้ายนางล้มลง พอดีกับมีคนเข้ามาเห็นพอดี ข้าจึงกระจ่างแจ้งในใจว่าแท้จริงทั้งหมดเป็นเล่ห์กลชั่วร้ายของหม่าลี่อิน” “เรื่องใหญ่เพียงนี้เหตุใดถึงไม่คิดบอกกล่าวข้า” “ตอนนั้นเจ้ายังมองข้าด้วยแววตาผิดหวังอยู่มิใช่หรือ” ท่าทางแง่งอนของซือเย่แห่งสำนักศึกษาทำให้นางยกยิ้ม “ข้าขอโทษ เจ้าให้อภัยข้าได้หรือไม่” นางกล่าวพลางออดอ้อนสหาย ดวงหน้าหวานคลอเคลียถูไถบริเวณต้นแขนแกร่ง “ได้ แต่ต้องแลกกับการไปงานเลี้ยงจวนหยางเป็นเพื่อนข้า” ออกงานกับสหายผู้งดงาม จะได้เกิ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-09
  • บุรุษมากเล่ห์เช่นท่านหาใช่สามีข้า   บทที่ 7 คารวะท่านพ่อตา (3/4)

    “เป็นข้าเองขอรับท่านพ่อตา” บุรุษรูปงามเดินเข้าจวนผู้อื่นอย่างถือวิสาสะกล่าวก่อนจะรีบสาวเท้าเดินเข้ามาใกล้นางที่ตกตะลึงอยู่ ‘ข้าไม่เคยบอกชื่อแซ่แก่เขา แล้วเขาทราบได้อย่างไรว่าข้าคือซูหนิงเซียน’ พลันสายตานางก็สบเข้ากับสายตาขอโทษขอโพยของพี่ใหญ่แซ่เจียว ซึ่งน่าจะเป็นคนพาคุณชายของตนมาที่นี่ พอเข้าใจอยู่หรอกว่าความสามารถของคนพวกนี้ไม่ธรรมดา สามารถสืบเสาะหานางได้ง่ายราวกับพลิกฝ่ามือ แต่มันก็ไม่ควรจะรวดเร็วถึงเพียงนี้ นางกลับจวนได้เพียงสามวันเขาก็ตามนางมาถึงจวน แล้วคราวนี้นางจะหลบเลี่ยงอย่างไรต่อ ตอนเดินทางที่ต้องรับสมอ้างเป็นฮูหยินของเขาก็เพราะนางต้องพึ่งพาให้เขาพานางเข้าเมืองอย่างปลอดภัย แต่บัดนี้ทุกอย่างผ่านพ้นไปแล้ว เหตุใดนางจะต้องรับสมอ้างเป็นฮูหยินของเขาให้ตนหวั่นไหวอีกเล่า “เจ้าเป็นใครเหตุใดถึงมาเรียกข้าว่าพ่อตา” “นางเป็นฮูหยินของข้า ท่านเป็นบิดาของนางก็ต้องเป็นพ่อตาของข้าสิขอรับ” เขากล่าวจบก็ปรายตามองบุรุษที่นั่งกินข้าวร่วมโต๊ะกับสองพ่อลูกชั่วครู่ ‘บุรุษผู้นี้ คงเป็นหมิงอี้เฉินสินะ’ ในกาลก่อนไม่ได้เคยร

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-11

บทล่าสุด

  • บุรุษมากเล่ห์เช่นท่านหาใช่สามีข้า   บทที่ 20 คืนสนอง (3/5)

    “ข้านี่ไม่ได้เรื่องเลย เชิญคุณชายหยางคุณหนูซูไปนั่งที่โต๊ะทางนั้นก่อนเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวข้าจะให้คนเตรียมขนมและน้ำชามาขึ้นโต๊ะ” “รบกวนคุณหนูรองหลินแล้วเจ้าค่ะ” นางตอบรับด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานก่อนจะก้าวเดินด้วยท่วงท่าสง่างาม บุรุษรูปงามสตรีงดงามอ่อนหวานเดินเคียงข้างกันเรียกสายตาของผู้อื่นให้หันมามองได้ไม่ยาก เมื่อถึงที่นั่งหลินอี้เฟยแจ้งว่างานเลี้ยงนี้แบ่งที่นั่งชายหญิง ดังนั้นบุรุษรูปงามจึงไม่อาจนั่งเคียงข้างคู่หมั้นได้ “คุณชายหยางเจ้าคะ ที่นั่งฝ่ายชายอยู่ด้านโน้น ให้ข้าได้นำทางท่านไปเถิดเจ้าค่ะ” “หนิงเซียนงานเลี้ยงที่แบ่งแยกเช่นนี้ พี่ไม่อยากอยู่ร่วมแล้ว หากเจ้าไม่อาจนั่งกับพี่ พี่ไม่อาจนั่งกับเจ้าได้ เราก็กลับจวนกันเถิด” เพื่อป้องกันความผิดพลาดหยางซีซวนไม่มีทางยอมแยกกับนางจนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสม “หากท่านอยากกลับข้าก็จะ...” “อี้เฟย ยกเว้นคุณชายหยางไว้สักคนเถิด เอาอย่างนี้ดีหรือไม่ ให้คุณชายหยางกับหนิงเซียนสหายข้าไปนั่งตรงโน้น จะได้ไม่เป็นที่สังเกตมาก” “แต่ว่า...” “นะอี้เฟย ถือว่า

  • บุรุษมากเล่ห์เช่นท่านหาใช่สามีข้า   บทที่ 20 คืนสนอง (2/5)

    “ต่อจากนี้หากต้องไปร่วมงานเลี้ยงจวนใดอีก เจ้าต้องบอกกล่าวพี่ด้วย พี่จะได้ไปร่วมงานกับเจ้า” สายตาของบุรุษพวกนั้นไม่น่าไว้ใจยิ่ง เขากลัวจะมาล่อลวงนาง “เจ้าค่ะ เราเข้าไปด้านในเถิด” นางและหยางซีซวนเดินไปทักทายนายท่านหลินก่อนจะเดินตามสาวใช้ที่เดินนำไปยังที่นั่งซึ่งได้ถูกจัดเอาไว้แล้ว ‘เป็นสตรีในห้องหอ แต่จ้องมองบุรุษของข้าราวกับหญิงนางโลม’ ซูหนิงเซียนเผลอจ้องมองสตรีรอบตัวด้วยสายตาไม่ชอบใจ “พี่ไม่สนใจสตรีเหล่านั้นหรอก เซียนเอ๋อร์อย่าได้มีโทสะเลย” น้ำเสียงที่เอื้อนเอ่ยคล้ายกับกำลังกลั้นหัวเราะ ทำให้นางตวัดสายตาหันไปมอง “แม้ท่านจะมากมารยา แต่ท่านก็อย่าได้ดูถูกมารยาสตรีนะเจ้าคะ หากวันใดท่านพลาดพลั้งจนต้องรับสตรีอื่นเข้าจวน ข้าคงได้แต่เขียนหนังสือหย่ามอบให้ท่านแล้วจากไป” “จะไม่เกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้นแน่นอน” เพราะหากวันหนึ่งเขาเกิดพลาดพลั้งขึ้นมาจริง สตรีผู้นั้นเกรงว่าจะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยและไร้ชีวิต เฝ้ารอนางเพื่อให้ได้ครองคู่มานานถึงเพียงนี้ เขาไม่มีทางปล่อยให้เรื่องใดหรือใครมาขัดขวางได้

  • บุรุษมากเล่ห์เช่นท่านหาใช่สามีข้า   บทที่ 20 คืนสนอง (1/5)

    20คืนสนอง ซูหนิงเซียนซ่อนความเอือมระอาเอาไว้ภายใต้รอยยิ้มบางอย่างแนบเนียน นางส่งเสียงตอบรับวาจาของสหายชั่วช้าเป็นครั้งคราว “ข้าได้ยินอี้เฟยกล่าวว่าเจ้าตอบรับเทียบเชิญจากจวนหลินแล้ว” “อืม คราแรกข้าคิดว่าจะไม่ไป แต่เป็นซีซวน เอ่อ...ข้าหมายถึงคุณชายเล็กหยางเอ่ยวาจาโน้มน้าวจนข้ายินยอมไปร่วมงานในฐานะว่าที่ฮูหยินของเขา” “ดียิ่งนักที่เจ้าไปร่วมงานเลี้ยงที่จวนหลิน ข้าจะได้มานอนที่จวนเจ้า รุ่งเช้าเราจะได้ช่วยกันเลือกสรรอาภรณ์ แต้มหน้าทาปาก...” “ลี่อิน คุณชายเล็กหยางจะมารับข้าที่จวนและเราจะนั่งรถม้าไปด้วยกัน คงไม่ดีแน่หากเจ้าจะไปพร้อมข้า” “เช่นนั้นเจ้าก็นั่งรถม้าคันเดียวกับคุณชายเล็กหยาง ส่วนข้าก็นั่งรถม้าของจวนซูตามหลังเจ้าไป” “ลี่อิน เราค่อยเจอกันที่จวนหลินเลยดีหรือไม่ แต่หากเจ้าอยากได้สหายช่วยแต่งตัว เหตุใดเจ้าไม่ไปขอค้างที่จวนหลิน จะได้ไม่ต้องเดินทางให้เหนื่อย ข้าว่าคุณหนูหลินต้องยินดีที่เจ้าจะไปนอนค้างที่จวนกับนาง” จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร หลินอี้เฟยหรือจะยอมให้ตนหยิบยืมอาภรณ์และเครื่องประดับล้

  • บุรุษมากเล่ห์เช่นท่านหาใช่สามีข้า   บทที่ 19 รับหน้าที่เป็นผู้เฒ่าจันทรา (4/4)

    ‘ถึงคราวต้องใช้เจ้าแล้ว หลินอี้เฟย’ สตรีที่เพิ่งจะอาบน้ำเสร็จเดินออกจากหลังฉากกั้น กลิ่นหอมกรุ่นโชยเข้าจมูกของบุรุษที่มานั่งจิบชารอนางในดวงใจ “ท่านคงไม่ได้ปีนหน้าต่างเรือนของข้าเพื่อมานั่งจิบชาใช่หรือไม่เจ้าคะ” “ฮูหยินของพี่ช่างเก่งกาจไม่แพ้พี่ แท้จริงพี่มีเรื่องสำคัญจะมาบอกกล่าวเจ้า” “เช่นนั้นก็บอกมาเถิดเจ้าค่ะ” “ในครานั้นที่ท่านพ่อตาโดนคนร้ายทำร้าย เป็นฝีมือของกวางเหลียงอี้จริง และวันนี้สหายของเจ้าและกวางเหลียงอี้ ก็มีแผนจะลงมือกับเจ้า เพียงแต่เมื่อเจ้าปฏิเสธที่จะออกจากจวนแผนของพวกนั้นจึงพัง” เรื่องราวเหล่านั้นเขาได้เก็บหลักฐานเอาไว้หมดแล้ว เมื่อซูหนิงเซียนยินยอมให้ลงดาบ เขาจึงจะนำมันออกมาใช้ “การกระทำของหม่าลี่อินวันนี้ดูรีบร้อนไม่รอบคอบ คงเป็นเพราะข่าวลือที่ข้าขอให้ท่านปล่อยออกไป” ถึงได้เก็บอาการไม่อยู่ พยายามเร่งเร้าให้นางออกจากเรือนด้วยจนน่าสงสัย “นางจะลงมืออีกครั้งในงานเลี้ยงที่จวนหลิน โดยมีหลินอี้เฟยให้ความร่วมมือด้วย” แม้เป็นเพียงบุตรสาวของฮูหยินรอง แต่เขาก็ไม่คิดว่าบุตรสาวที่มีบิ

  • บุรุษมากเล่ห์เช่นท่านหาใช่สามีข้า   บทที่ 19 รับหน้าที่เป็นผู้เฒ่าจันทรา (3/4)

    ช่างเป็นการเจรจาสู่ขอที่ใช้คำว่า ‘ร่ำรวย’ ได้สิ้นเปลืองเสียจริง ซูหนิงเซียนจิบชาพลางลอบมองสหายชั่วช้าที่นั่งเอ่ยวาจาเจื้อยแจ้วอยู่ตรงหน้า “หนิงเซียนเจ้าออกไปร้านผ้ากับข้าเถิดนะ ข้าอยากไปดูอาภรณ์ใส่ไปงานเลี้ยงที่จวนคหบดีหลิน” “เจ้าไปเถิด ท่านพ่อสั่งให้ข้าเก็บเนื้อเก็บตัว หากไม่จำเป็นไม่ให้ออกไปไหนมาไหนจนกว่าจะถึงวันงาน” แท้จริงแล้วนางคิดว่าต้องเป็นเขาเสนอบิดาของนางเช่นนั้นแน่นอน ซึ่งพักหลังมานี้ท่านพ่อก็คล้ายจะสนทนาถูกคอกับว่าที่บุตรเขย “หนิงเซียนไปเถิดนะ เจ้าเป็นสหายคนเดียวของข้า หากเจ้าไม่ไปข้าก็ไม่รู้จะไปชักชวนใครแล้ว” “กล่าวถึงงานเลี้ยงจวนคหบดีหลิน เจ้าได้เทียบเชิญด้วยหรือ” “ข้าเคยช่วยเหลือคุณหนูรองตระกูลหลินเอาไว้ นางจึงส่งเทียบเชิญให้ข้าไปร่วมงานเลี้ยง” ก็แค่ทำให้รถม้าของหลินอี้เฟยมีปัญหาแล้วยื่นมือเข้าช่วย สตรีผู้นั้นก็ซาบซึ้งใจและขอเป็นสหายกับตนแล้ว “ในเมื่อเจ้าคุ้นเคยกับนาง เหตุใดไม่ลองชวนคุณหนูรองหลินออกไปเลือกซื้ออาภรณ์ ในภายหน้าหากข้าแต่งเข้าจวนหยางแล้ว เจ้าจะได้ไม่เหงา” คำกล่าวข

  • บุรุษมากเล่ห์เช่นท่านหาใช่สามีข้า   บทที่ 19 รับหน้าที่เป็นผู้เฒ่าจันทรา (2/4)

    “นั่นมันหยกจันทร์กระจ่างใช่หรือไม่เจ้าคะ” แม่สื่อที่อดรนทนไม่ไหวเอ่ยปากถาม มือที่จับพัดออกแรงพัดดวงตาที่คล้ายจะร้อนขึ้นมาหวังจะทำให้เย็นลง “ใช่แล้วท่านแม่สื่อ” “แล้วนั่นไข่มุกอันใดหรือเจ้าคะ ช่างแปลกตายิ่งนัก” แม่สื่อซักถามต่อ แม้การกระทำของแม่สื่อจะดูเป็นการเสียมารยาทแต่เพื่อสร้างข่าวลือที่น่าริษยา หยางฮูหยินก็ยินดีที่จะทำตามคำขอของบุตรชายอย่างสุดความสามารถ จะให้เสียชื่อจอมยุทธ์เจ้ามารยาแห่งยุทธภพได้อย่างไร “ไข่มุกเลือดเจ้าค่ะ ส่วนนั่นเป็นไข่มุกทะเลตงไห่เจ้าค่ะ” “ช่างเป็นบุญตาข้ายิ่งนัก ที่ได้มีโอกาสเห็นหยกจันทร์กระจ่างก้อนใหญ่เช่นนี้ ทั้งยังไข่มุกเลือดอีก” ว่ากันว่าของสองสิ่งนี่เป็นของที่หาได้ยากยิ่ง หากตระกูลใดมีไว้ครอบครองบ่งบอกถึงความมั่งคั่งร่ำรวยไม่แพ้ฮ่องเต้ผู้ครองแคว้น “หยางฮูหยินของล้ำค่าเช่นนี้ ท่านนำมามอบเป็นสินสอดเช่นนี้ไม่เหมาะสมกระมัง” “ท่านเจ้ากรมอาญาอย่าได้กล่าวเช่นนั้นเจ้าค่ะ สินสอดที่ข้าเตรียมมาในวันนี้ ท่านแม่ทัพและข้าล้วนไตร่ตรองดีแล้ว คุณหนูซูเป็

  • บุรุษมากเล่ห์เช่นท่านหาใช่สามีข้า   บทที่ 19 รับหน้าที่เป็นผู้เฒ่าจันทรา (1/4)

    19รับหน้าที่เป็นผู้เฒ่าจันทรา เมื่อเซียวอ้ายช่างได้ทราบถึงเรื่องราวที่สหายต้องการให้ตนไปเป็นพยานร่วมรับรู้ว่าต่อจากนี้ คุณชายเล็กแห่งจวนตระกูลหยางจะไม่สร้างเรื่องโกหกซูหนิงเซียนอีก ก็ยินดีที่จะช่วยเหลือ แต่เมื่อเห็นหน้าคนรักของนาง สหายก็แทบจะรักษากิริยามารยาทเอาไว้ไม่ได้ “แท้จริงคนรักของเจ้าก็เป็นคุณชายผู้นี้” “ใช่แล้ว และเขาก็รับปากแล้วว่าเมื่อเจ้าช่วยเหลือเรื่องที่ข้าขอ เขาก็ยินดีจะช่วยเหลือในสิ่งที่เจ้าต้องการ” “เช่นนั้นก็ดี แต่เจ้าไม่กลัวตนเองจะช้ำใจหรือ บุรุษผู้นี้ปลิ้นปล้อนยิ่งนัก ข้ากลัวว่าเจ้าจะเสียใจ” คุณหนูเซียวทำทีป้องปากกล่าวเสียงเบา แต่ผู้ฝึกยุทธ์เช่นเขามีหรือจะไม่ได้ยิน ‘สตรีผู้นี้ คิดจะเอาคืนข้าที่เคยขัดขวางวาสนายวนยางใช่หรือไม่’ “ข้าเชื่อมั่นในตัวเขา” คำกล่าวของนางทำให้หยางซีซวนยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดี “เอาล่ะ จะให้ข้าเป็นพยานอย่างไร” ในเมื่อสหายยืนยันเช่นนี้ ตนจะทำอันใดได้นอกจากยินดี “หากต่อจากนี้เขาผิดสัญญา กล้าโกหกข้าอีกไม่ว่าจะเรื่องเล็กน้อยหรือเรื่องใหญ่ ข้าอ

  • บุรุษมากเล่ห์เช่นท่านหาใช่สามีข้า   บทที่ 18 รักวุ่นวายของสหายทั้งสอง (4/4)

    “หากท่านไป ข้าก็จะไปเช่นเดียวกัน” เพราะได้เขาช่วยเหลือในวันนั้น นางจึงเกิดความประทับใจและเฝ้ามีใจให้เขา และในงานวันนั้นเองที่นางได้รับรู้ความจริงแล้วว่าแท้จริงบุรุษที่ตนพึงใจนั้นชื่นชอบคุณหนูกวนผู้นั้น ยามที่กวนฮวาเหมยปรากฏตัว เขามักจะลืมนางทุกครั้งไปทำให้นางเกิดความไม่พอใจ เช่นเดียวกับบิดาและพี่ชายทั้งห้าของนาง บิดาที่ทนเห็นนางนั่งเศร้าไม่ออกไปวิ่งเล่นหลายวันอดรนทนไม่ไหว รีบบากหน้าขอเข้าเฝ้าฮ่องเต้ เพื่อขอสมรสพระราชทานให้เซียวอ้ายช่างได้เป็นพระชายาเอกในองค์ชายห้า หวงหลี่จื้อ แม้นางจะยังงุนงงที่จู่ๆ สมรสพระราชทานตกใส่หัว แต่ด้วยความดีใจนางจึงรีบไปหาเขาที่จวนเชิงเขา แต่กลับได้พบเขากำลังปลอบใจคุณหนูกวนผู้นั้น ‘หม่อมฉันมาวุ่นวายกับพระองค์เช่นนี้คุณหนูเซียวคงมิพอใจ ถึงได้ขอให้บิดาเข้าวังไปขอสมรสพระราชทาน’ ‘นางกล้าดีอย่างไร มาบังคับองค์ชายอย่างข้า’ ‘นางคงปักใจรักองค์ชาย จึงทำเช่นนั้น ต่อจากนี้หม่อมฉันคงมาเจอองค์ชายไม่ได้อีก หม่อมฉันไม่อยากถูกตราหน้าว่าเป็นสตรีไร้ยางอายคิดแย่งบุรุษของผู้อื่น’ ‘ข้า

  • บุรุษมากเล่ห์เช่นท่านหาใช่สามีข้า   บทที่ 18 รักวุ่นวายของสหายทั้งสอง (3/4)

    “โอ๊ย! งูกัดข้า” เด็กน้อยวัยสิบขวบส่งเสียงร้องพลางทรุดตัวลงนั่งกุมข้อเท้าของตน “เจ้างูบ้า กัดข้ามาได้ ถ้าข้าตายไปข้าจะตามหลอกหลอนเจ้า” นางก่นด่างูตัวนั้นที่เลื้อยหนีไป น้ำตาเริ่มคลอเบ้าก่อนจะร่วงหล่น “ฮือๆ ท่านพ่อ ท่านแม่ พี่ชาย ข้าผิดไปแล้ว ข้ามิน่าออกมาเล่นนอกจวนตามลำพัง ข้าน่าจะเชื่อฟังคำสั่งสอนของพวกท่าน ฮึก” เซียวอ้ายช่างกล่าวพลางยกมือปาดน้ำตาที่ยังคงไหลเป็นสาย “ฮือ...ใครก็ได้เจ้าค่ะ ได้โปรดช่วยข้าด้วย ข้าโดนงูกัด” นางส่งเสียงร้องแม้จะรู้ดีว่าในป่าเช่นนี้จะมีใครโผล่มาช่วยเหลือ สุดท้ายนางก็คงต้องตายจากโดยไม่ได้ร่ำลา “ฮือๆ” เมื่อรู้สึกสิ้นหวัง เด็กน้อยชันเข่าแล้วซบหน้าลงบนแขนตนพลางร้องไห้ออกมาอย่างสุดเสียง “ฮือ...ข้าผิดไปแล้ว ข้ามิน่าลอบหนีออกมาเที่ยวเล่นตามลำพัง ข้าขอโทษเจ้าค่ะท่านพ่อท่านแม่ พี่ชาย” สวบสาบ เสียงฝีเท้าของอะไรบางอย่างเดินใกล้เข้ามา แต่เพราะนางกำลังร้องไห้เสียงดังจึงไม่ได้ยิน “หนูน้อย เหตุใดเจ้าถึงมานั่งร้องไห้กลางป่าเช่นนี้” “ท่าน! เป็นคนไม่ดีใช่หรือไม่ อย่า

DMCA.com Protection Status