หมิงเยว่รับฟังพลางมองหน้าสาวใช้ของตนอย่างอึ้งๆ รู้เลยว่าการได้มาซึ่งรายงานเหล่านี้ อีกฝ่ายคงตั้งใจแอบฟังอย่างชั่วร้ายปานใด เพราะมันไม่ง่ายเลยที่จะได้มา
จิ่นซินคงเก็บกดมานานเหลือเกิน...
หญิงสาวแหงนหน้ามองฟ้านอกหน้าต่าง พึมพำในใจ
คุณหนูไป๋เอ๋ยคุณหนูไป๋ แม้ครอบครัวไป๋ เจ้าไม่มีใคร แต่รู้หรือไม่? เจ้ามีสาวใช้ที่ภักดีที่สุดอยู่คนหนึ่ง
หมิงเยว่ให้รู้สึกปลื้มปริ่มแทนร่างเดิมเหลือเกิน
จังหวะนั้นนางจึงตัดสินใจลงมือทำบางสิ่งเพื่อไม่ให้จิ่นซินต้องผิดหวัง
และที่สำคัญ เพื่อเป็นการพิสูจน์ใจให้สามีได้เห็น
หยางเจี้ยนจะได้มั่นใจว่าหมิงเยว่ผู้นี้มิได้คิดอันใดกับเจ้าสุกรหลี่เฟยเทียนแม้แต่เสี้ยวเดียว
วันรุ่งขึ้น แผนการร้ายจึงเริ่มปฏิบัติอย่างรวดเร็ว
หมิงเยว่เป็นคนที่คิดเร็วตัดสินใจเด็ดขาดฉับไวเสมอ ไม่เช่นนั้นในชาติก่อนคงไม่อาจควบคุมสมุนโจรได้หรอก
วันนี้ระหว่างทางที่หญิงสาวเดินตามแผ่นหลังสง่าแต่เย็นชาของหยางเจี้ยนดังเช่นทุกวัน นางรีบเร่งฝีเท้าให้เดินเคียงข้างร่างสูงแล้วส่งเสียงกระซิบกระซาบอย่างอ่อนหวานใส่จริตเพิ่มมารยาเต็มที่
แต่อาจเพราะมาจากหุบเขาในกาลก่อนการกระทำอันใดล้วนคล่องแคล่ว ท่วงท่าผ่าเผยทะมัดทะแมงเหลือเกิน ทำเอาบุรุษต้องแอบมองอย่างเผลอไผลหลายครั้งหลายครา
เขาไม่แน่ใจว่าที่ตนเองรู้สึกอยู่ยามนี้เรียกว่าเอ็นดูได้หรือไม่ มิรู้ว่าภรรยาผู้อื่นยามหลุดกิริยายังสามารถใส่จริตอย่างไม่รู้สึกรู้สาเช่นนี้ไหม? หรือเป็นภรรยาเขาคนเดียว
จังหวะที่หยางเจี้ยนนึกสงสัยในใจ พลันได้ยินเสียงกังวานใสของหมิงเยว่เอ่ยตัดพ้อเบาๆ
“ท่านพี่หยุดกักขังข้าเถิด...”
กักขัง?
หยางเจี้ยนย่นคิ้ว น้ำเสียงออดอ้อนฟังรื่นหูดีหรอก ทว่าความหมายในถ้อยวาจากลับทำผู้อื่นเริ่มไม่เบิกบานแล้ว
“ข้าสั่งขังเจ้าเมื่อใด?”
ทำเป็นเฉไฉไม่ยอมรับ! หมิงเยว่แอบค่อนขอดในใจ ทว่าพริบตาก็ยกยิ้มหวานดุจเดิม เพิ่มจริตล่อลวงเข้าไป
“ข้าจะเชื่อฟังท่าน ไม่ต้องส่งคนคอยจับตาข้าแล้ว ข้าไม่มีความลับอันใดทั้งสิ้น สามีไม่ควรโหดร้ายต่อภรรยา ตกลงไหม?”
ฟ้าดินเป็นพยาน นางกำลังพูดเรื่องราวใดกัน?
หยางเจี้ยนให้รู้สึกงุนงงเป็นที่สุด
เขาแค่เพิ่มบ่าวไพร่เพื่อความสบายและเสริมบารมีให้แก่นาง ขุดบ่อเลี้ยงปลาเพื่อให้นางคลายเหงา ยามที่เขาไปทำงานติดพันเนิ่นนาน...
หมิงเยว่มิได้สังเกตเห็นใบหน้าดำคล้ำอย่างฉงนนั้น ยังคงไม่หยุดความคิดอันหนักแน่นแห่งตน นางกล่าวอีกว่า
“วันนี้ยามที่ข้าไปส่งกล่องอาหารให้ท่านเสร็จแล้ว เราไปดื่มชากันเถิดนะ เวลาท่องเที่ยวสองเรามีค่าดุจทองคำ เพื่อให้ข้าได้พิสูจน์ความจริงใจ ท่านจะได้หายโกรธข้าเสียที ตกลงตามนี้!”
กล่าวจบทั้งสองก็เดินถึงหน้าประตูจวนพอดี หมิงเยว่รีบยกมือโบกเบาๆ อย่างน่ารักเป็นการอำลาสามีก่อนที่อีกฝ่ายจะเดินทางไปค่ายทหารเหมือนทุกวัน
จากนั้นก็รีบหมุนตัวเดินกลับอย่างรีบเร่ง ทิ้งเอาไว้เพียงสายตาไม่เข้าใจของหยางเจี้ยนให้อยู่เบื้องหลัง
ภรรยาคือสิ่งมีชีวิตที่เป็นปริศนาที่สุดในใต้หล้าคำนี้เห็นจะเป็นจริงอย่างที่สหายทหารเคยพร่ำบ่นยามร่ำสุราด้วยกันหยางเจี้ยนนั่งมองกล่องใส่อาหารที่ประณีตงดงามมากกว่าทุกวัน แต่ลายสลักวกวนบนไม้นั้นยังไม่น่าสนเท่ห์เทียบเท่าคนเป็นภรรยาหมิงเยว่วันนี้ตั้งใจปรุงรสในอาหารโดยใส่เกลือน้อยลงเป็นพิเศษ นางยืนยิ้มเบิกบานอยู่ใต้ร่มไม้เพื่อรอเขาให้พาไปเที่ยวตลาดแล้วนั่งดื่มชาด้วยกันที่โรงน้ำชาเฉินเฟินเพราะลมเย็นโชยมา ทำพวงแก้มนวลของหมิงเยว่แดงเรื่อเปล่งปลั่ง สายลมหอบนั้นพัดพาอาภรณ์เรียบลื่นสะบัดไปทางหนึ่ง เผยให้เห็นความกลมกลึงของสะโพกผายรับกับเอวคอดกิ่วอย่างลงตัว ความโค้งเว้างามงอนเพิ่มความน่ารักน่าชังผสานความงดงามได้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิมไม่น้อยความสะคราญพิลาสล้ำเช่นนี้ดุจดั่งภาพวาดก็มิปาน ทำบุรุษถึงกับจ้องมองจนตาค้าง สัดส่วนระเหิดระหงเช่นนั้นยิ่งทำใจคนสั่นไหว นึกเตลิดไปไกลหยางเจี้ยนกัดฟันเม้มปากยามแอบมองภรรยา เลือดในกายสูบฉีดจนผิวหน้าและใบหูร้อนผ่าวราวตกบ่วงในห้วงวสันต์กะทันหัน เสมือนหนุ่มน้อยเพิ่งพบพานรักแรกเจอกับสาวน้อยอย่างไรอย่างนั้นหญิงสาววันนี้เอาอกเอาใจสามีอย่างเต็มที่ล้นเหลือ กระทั่งชายหนุ่
หญิงสาวถลึงตามอง นึกอยากกัดปลายจมูกโด่งที่ยื่นมาใกล้ยิ่งนักแม่ทัพหนุ่มเองก็นึกอยากฉกชิมพวงแก้มนวลปลั่งของนางตรงหน้าเช่นกัน หากแต่ที่นี่ไหนเลยจักเหมาะสม รอกลับจวนก่อนเถิด นางไม่รอดแน่!หยางเจี้ยนถอยห่างจากหมิงเยว่พลางเอนกายพิงแผ่นหลังกว้างกับหมอนอิง ชันเข่าหนึ่งข้างด้วยท่าทางคล้ายหนุ่มเจ้าสำราญที่กำลังเกียจคร้าน แลดูเปี่ยมเสน่ห์ยั่วยวนเกินต้านทาน ไร้ซึ่งท่าทีเคร่งครัดเครียดขรึมอันน่าครั่นคร้ามยามนี้บุรุษสง่าผ่าเผยในอาภรณ์สีดำแววตาเยือกเย็นท่าทางเคร่งขรึมน่าเกรงขามผู้หนึ่งคล้ายเปลี่ยนไปแม่ทัพหยางผู้เปี่ยมอำนาจมากบารมี เต็มไปด้วยรัศมีสูงศักดิ์ ทั้งสุขุมและสง่างาม กำลังกลายร่างเป็นเพียงสามีธรรมดาผู้หนึ่งซึ่งนั่งจิบชาอยู่กับฮูหยินของเขาเท่านั้น แววตาคมเข้มที่ทอดมองคนงามจึงร้อนแรงแฝงแววกรุ้มกริ่มไม่มีเก็บกลั้น กิริยาเช่นนี้ไม่เคยมีผู้ใดได้ยลอย่างแน่นอน นอกจากนางผู้เป็นภรรยาทว่าอนิจจา นางผู้เป็นภรรยากลับมิได้รู้ตัวเลยว่าตนเองได้รับสิทธิพิเศษปานใด สนิทสนมจนน่าอิจฉาแค่ไหน ยังคงแอบแยกเขี้ยวยิงฟัน มารยาสาไถยเรื่อยเปื่อย“สตรีควรงดงามประหนึ่งบุปผาต้องพิรุณสะท้อนแสงตะวัน ทั้งนุ่มนิ่มนุ่มนวลอิ
ในขณะที่ชั้นสองห้องที่หนึ่งของโรงน้ำชาเฉินเฟินสามีกำลังทำเจ้าชู้กรุ้มกริ่มใส่ภรรยาอย่างเป็นธรรมชาติ ในแบบที่ไม่เคยทำกับใครโดยไม่รู้ตัวที่ชั้นล่างหน้าประตูโถงของเฉินเฟิน พลันปรากฏร่างระเหิดระหงอรชรของสตรีนางน้อยในอาภรณ์ที่บรรจงแต่งอย่างประณีตเกินฐานะเดินเข้ามาแสงตะวันเจิดจ้ายามบ่ายสะท้อนภาพสะโอดสะองของโฉมสะคราญผู้นั้นจนก่อเกิดความพิลาสล้ำเกินบรรยาย ชายหนุ่มหลายคนในโรงน้ำชาถึงกับเหม่อมองตามร่างอ้อนแอ้นนั้นอย่างหลงใหลบางคนยังลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างหื่นกระหาย บางคนยังแอบสูดดมกลิ่นเครื่องประทินโฉมและน้ำหอมที่ตลบอบอวลไปทั่วบริเวณอย่างต้องการชิดใกล้หญิงสาวผู้ทำชายหนุ่มเหม่อมองจนตาค้างมิใช่ใคร นางผู้นี้คือเหยาฟู่หรงเหยาฟู่หรงมาเผยโฉมที่นี่พร้อมการประโคมแต่งกายอันงดงามเยี่ยงนี้ล้วนเป็นเพราะตามสืบความเคลื่อนไหวของหยางเจี้ยนอยู่โดยตลอด ผลพวงของการติดตามเรื่องราวของเขามานานทำให้นางรู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่เคยออกจากค่ายทหารไปทำสิ่งอื่นนอกเหนือภารกิจหน้าที่อันสำคัญทว่าวันนี้กลับแตกต่างจากทุกวัน เขากำลังพาฮูหยินผู้น่าชังมานั่งจิบชายังสถานที่แห่งนี้แน่นอนว่าเป็นเรื่องดี เพราะนั่นคือโอกาสได้เจอกันม
เสียงสูดหายใจเข้าลึกยาวอย่างต้องการระงับความตื่นเต้นยินดีเกิดขึ้นพร้อมปลายเท้าที่ก้าวเข้ามาเสี่ยวเอ้อร์เห็นลูกค้าก็รีบเข้าหาเพื่อเชื้อเชิญต้อนรับ “แม่นางจองไว้หรือนัดหมายกับผู้ใดหรือไม่ขอรับ?”โรงน้ำชาเฉินเฟินมีลูกค้าแน่นขนัดทุกวัน หากมิได้สั่งจองเอาไว้ล่วงหน้าย่อมต้องมีการนัดหมายมาเจอกับผู้ที่จองไว้ก่อนหน้าถึงจะได้โต๊ะรับน้ำชาชั้นเลิศจากที่นี่เหยาฟู่หรงปรายตามมองอย่างเย่อหยิ่งประหนึ่งคุณหนูสูงศักดิ์พลางตอบเสียงเรียบเย็น “ข้านัดหมายกับท่านแม่ทัพหยาง”ประโยคนี้ยามเอ่ยออกมาช่างพาให้หัวใจพองโต หญิงสาวจึงเชิดปลายคางขึ้นเล็กน้อยรู้สึกภาคภูมิอย่างมากเสี่ยวเอ้อร์พยักหน้า “อ้อ...เช่นนั้น เชิญแม่นางทางนี้ขอรับ” เขาผายมือเชื้อเชิญให้เดินตามขึ้นไปทางชั้นสองเหยาฟู่หรงขยับกายเดินตามการผายมือเชื้อเชิญนั้นด้วยท่วงท่าของสาวน้อยผู้งดงามประดุจนางฟ้าบนชั้นสองของโรงน้ำชาเฉินเฟินแบ่งห้องออกเป็นสองฝั่ง แต่ละฝั่งมีทั้งหมดห้าห้องหันหน้าเข้าหากัน กั้นเอาไว้ด้วยระเบียงทางเดินตรงกลางประตูทุกบานถูกเลื่อนปิดจึงทำให้ไม่อาจมองเห็นว่าผู้ใดนั่งอยู่ด้านใน ห้องฝั่งตรงข้ามอาจไม่ได้ยินเสียงพูดคุยรบกวน ทว่าห้องที่ติ
หน้าห้องที่สองจากทั้งหมดสิบห้องในเฉินเฟินเหยาฟู่หรงเดินมาหยุดยืนหน้าห้องที่เสี่ยวเอ้อร์เป็นคนนำทางมาและเปิดประตูให้หญิงสาวรอให้ประตูเลื่อนเปิดก่อนเดินเข้าไป ทว่าระหว่างประตูถูกปิดลง ดวงตาฉ่ำหวานพลันเบิกกว้าง“คุณชายหลี่!”หลี่เฟยเทียนที่นั่งดื่มชาอยู่จึงหันมองตามเสียงนั้น “แม่นางเหยา”แม้ตกใจแต่เหยาฟู่หรงยังคงรักษากิริยาตนได้ดีงาม แลดูละมุนละไมไร้ที่ติ “คุณชายหลี่ก็มาหรือเจ้าคะ?”นางนึกว่าไป๋หมิงเยว่จะนัดหมายแค่เพียงนางเสียอีก เหตุใดถึงได้นัดหมายอดีตชายคนรักมาด้วยเล่า?ต้องโง่งมไร้ยางอายเท่าใดถึงได้กล้าเหยาฟู่หรงคิดอกุศลไปสารพัดทว่าใบหน้าอ่อนหวานยังคงรักษารอยยิ้มงดงามประดับไว้อย่างพอเหมาะฝ่ายหลี่เฟยเทียนที่นัดหมายกับไป๋ลี่ถิงเอาไว้กลับมิได้แปลกใจกับการปรากฏกายของเหยาฟู่หรง เนื่องจากรู้ดีว่าอีกฝ่ายสนิทสนมกับไป๋ลี่ถิงหลังจากที่ไป๋หมิงเยว่แต่งงาน การนัดเจอหญิงคนรักจึงมักจะได้เจอเหยาฟู่หรงบ่อยครั้งทว่าครั้งนี้ช่างแตกต่าง หญิงสาวตรงหน้าคล้ายว่าสะคราญโฉมมากกว่าทุกครา นางแต่งกายหรูหราชวนมอง กลิ่นกายหอมหวนชวนหลงใหลคล้ายคุณหนูสูงศักดิ์ก็มิปาน และที่สำคัญ นางมาเผยโฉมคนเดียว มิได้มาพร้อมไป๋
ภายในห้องเย็นฉ่ำคลอเคล้าดนตรีปลุกประโลมไร้ควันจากธูปหรือกำยาน ปราศจากยาครอบงำใดๆทุกสิ่งที่สรรสร้างคล้ายมายาล้วนเกิดจากมโนสำนึกภายใต้จิตใจผิดชอบชั่วดีของปัจเจกบุคคลหากหนักแน่นมากพอผลลับย่อมเผยออกมาอีกด้าน แต่หากไม่ใช่ ผลสะท้อนกลับย่อมเป็นแบบที่เห็นยามนี้หลี่เฟยเทียนกับเหยาฟู่หรงจับมือกันประหนึ่งคนรักจังหวะที่หลี่เฟยเทียนกำลังเหม่อมองคนงามพลางกอบกุมฝ่ามือน้อยๆ แล้วลูบไล้ผิวเนียนนุ่มนิ่มอย่างหลงใหล ประตูห้องพลันถูกเลื่อนเปิดดังปึงตามด้วยเส้นเสียงตะเบ็งมา“พี่เฟยเทียน!”ไป๋ลี่ถิงปรากฏกายไม่ต่างจากจอมนางพญามารพันปี นางยกนิ้วชี้หน้าด่ากราด “พี่ฟู่หรง! นังหญิงชั่ว!”เจ้าของนามทั้งสองพลันผงะคุณหนูรองสกุลไป๋แหวกกลุ่มนักดนตรีจนเครื่องสายตกแตกเสียหายแล้วพุ่งตัวเข้ามาผลักเหยาฟู่หรงจนกระเด็นก่อนหันมาทุบตีหลี่เฟยเทียนพัลวัน“พวกท่านช่างต่ำช้านัก แอบนัดเจอกันลับหลังข้า”เสียงตะเบ็งด่าทอและตบตีวุ่นวายดังแหวกอากาศทะลุห้องบนชั้นสองของโรงน้ำชาจนผู้คนต่างออกมามุงดูกันอย่างล้นหลาม ภาพนั้นสร้างความเสื่อมเสียต่อสกุลได้ไม่ยาก ทั้งยังเชื่อมวาสนาให้ชายหญิงทั้งสามได้อีกด้วยเรื่องราวฉาวโฉ่ไม่ต่างอันใดกับป
จวนติ้งอานโหวสกุลหยางแม่ทัพหนุ่มยังคงวางท่าทีเคร่งขรึมพร่ำบ่นภรรยา “เจ้ามิใช่ผูกด้ายแดงให้ผู้อื่น แต่กำลังผูกเงื่อนตายให้พวกเขา รู้ตัวหรือไม่?”หมิงเยว่แอบกลอกตา นางมิได้รู้สึกรู้สาอันใดเลยแค่นี้ยังน้อยไปด้วยซ้ำ ข้าไม่ฆ่าเจ้าสุกรกลุ่มนั้นให้ตายหมดคอกก็บุญมากโขแล้ว เฮอะ!“ท่านพี่หยุดตำหนิข้าได้แล้ว แผนการของข้าออกจะตื้นเขินปานนั้น หากพวกเขาเป็นคนดี ไหนเลยจะติดกับโดยง่ายเล่า แค่บทเพลงจรรโลงใจก็จับมือถือแขนกันแล้ว ต่อหน้านักดนตรีด้วยซ้ำ ช่างไม่อายฟ้าดินเอาเสียเลย”พูดไปก็ต้องกลั้นขำจนปวดกรามแผนการที่ว่าก็แค่ปล่อยข่าวว่าท่านแม่ทัพจะไปนั่งจิบชากับฮูหยินที่เฉินเฟินเนื่องจากรู้อยู่แล้วว่าเหยาฟู่หรงคอยติดตามข่าวคราวไม่เคยคลาด และเพื่อมิให้ผิดพลาด หมิงเยว่จึงส่งจดหมายนัดแนะเพื่อไถ่โทษให้เหยาฟู่หรงส่วนหลี่เฟยเทียนก็แค่ส่งจดหมายนัดมาพบไป๋ลี่ถิง ในขณะที่ไป๋ลี่ถิงได้รับข่าวว่าหลี่เฟยเทียนแอบนัดพบกับเหยาฟู่หรงเป็นการส่วนตัวที่ไหนยามใดแผนการง่ายดายแค่นี้เอง...“หมิงเยว่...”น้ำเสียงที่เรียกช่างเย็นเยียบนัก รอบกายแกร่งยังแผ่กลิ่นอายน่าสะพรึงเจ้าของนามพลันยิ้มแห้ง รีบลุกขึ้นเดินนวยนาดอ้อมโต๊ะไปน
หยางเจี้ยนพึมพำทวนคำ “อยากได้เงินเพิ่ม?”หมิงเยว่พยักหน้า “อื้ม...ขอเพิ่มสามเท่าได้หรือไม่?”“หืม” ชายหนุ่มหรี่ตา ถามย้ำ “สามเท่า?”“ใช่แล้ว”หยางเจี้ยนหัวเราะเบาๆ “ย่อมได้”หมิงเยว่ได้ฟังพลันเบิกตา “ได้หรือ?” ไม่คิดว่าจะง่ายดายปานนี้ เช่นนั้นเพิ่มอีกก็ดี หญิงสาวโพล่งปาก “ห้าเท่านะ ข้าขอห้าเท่า”“ได้...”“หืม! จริงหรือ?”“อืม...”“โอ...ท่านพี่”หมิงเยว่โอบลำคอหนา ให้รู้สึกเบิกบานอย่างยิ่งแท้จริงนางต้องการสะสมเงินให้มากจะได้เอาไว้สืบเสาะเรื่องราวของน้องสาวนามซิงเยว่ มีอะไรจะได้เร่งช่วยเหลืออย่างเต็มที่“จริงหรือ? ท่านเพิ่มเงินให้ข้าจริงนะ” ถามพลางหัวเราะสดใส ดีใจที่สุดหยางเจี้ยนเห็นท่าทางของนางพลันนึกขัน“ข้าให้เจ้ากี่เท่าก็ได้ แต่มีข้อแม้”สตรีผู้เบิกบานพลันหุบยิ้ม “ข้อแม้?”หยางเจี้ยนกอดนาง สองมือเลื่อนต่ำอย่างอยู่ไม่สุข“แค่เจ้าเพิ่มรอบแต่ละคืนให้ข้า เจ้ายอมข้าได้กี่ครั้ง ข้าย่อมเพิ่มเงินให้เท่านั้น”“หา!”หญิงสาวรีบหยัดกายลุกขึ้นเพื่อหนีฝ่ามือกรุ่นร้อนที่เริ่มซุกซนตรงหน้าท้องแบนราบทว่าไร้ผล อีกคนกลับรัดแน่นและเริ่มล้วงลึก“หยางเจี้ยน!”เจ้าของนามเลิกคิ้ว ใบหน้าฉายแววเจ้าเล่ห์ ก
ทางฝั่งของหยางเจี้ยน เขาเพียรจดจำทุกคำพูดของหมอหญิงอย่างดี แม้ใบหน้าจะกำลังแดงเรื่อไปหมด“โรคสตรีเช่นนี้ ฝ่ายสามีจำต้องพึงระวังเป็นพิเศษ สามเดือนควรงดร่วมหอเด็ดขาด เพราะหากตั้งครรภ์ขึ้นมา ฮูหยินอาจแท้งได้ และเมื่อแท้งแม้เพียงครั้งโอกาสตั้งครรภ์ย่อมไม่เกิดขึ้นอีกเลย พ้นสามเดือนอันตรายยามร่วมเตียงยังต้องนุ่มนวลอ่อนโยน ทำอย่างทะนุถนอมใส่ใจ ห้ามรุนแรง และที่สำคัญ ต้องจำกัดคืนละสามครั้ง”สมเป็นท่านหมอ เพียงมองปราดเดียวก็รู้แจ้งว่าบุรุษคู่สนทนากร้าวแกร่งเปี่ยมพลังปานใดเว้นสามเดือนไม่พอ ยังบอกรักได้แค่คืนละสามครั้ง ช่างน้อยยิ่งนัก!บุรุษหนุ่มเม้มปากเงียบงันสีหน้าถมึงทึงเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมตอบรับ หมอหญิงก็เริ่มเสียงเข้ม “ท่านแม่ทัพ...”หยางเจี้ยนตอบเสียงเนือย ท่าทีคล้ายนักรบพ่ายศึก “ข้าทราบแล้ว...”หลังตบปากรับคำเป็นมั่นเป็นเหมาะ แม่ทัพหนุ่มก็สั่งให้จิ้นเหอไปส่งท่านหมอกลับเรือนพำนักชั่วคราวเนื่องจากอีกฝ่ายมิใช่หมอประจำจวนแต่หยางเจี้ยนเชิญมาเป็นกรณีพิเศษ จึงต้องขอร้องให้อีกฝ่ายอยู่ต่อจนกว่าภรรยาของเขาจะหายจากพิษไข้ มิต้องนอนซมอีกส่วนสามเดือนนับจากนี้ย่อมต้องเป็นเขาที่รับหน้าที่ละเว้นนางอย่าง
เจียวหั่วแย้มยิ้มเอ่ยไปทางแม่สามีด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานอย่างมีหลักการและเหตุผลว่า“การมีทายาทเป็นเรื่องสำคัญสูงสุด หากคนเป็นภรรยาไม่อาจมีบุตรให้สามีได้ง่าย ต่อให้วันนี้รักมากเพียงใด รักจนรอได้ถึงปีสองปีหรือสิบปี วันหน้าก็ยังต้องตัดใจอยู่ดี มิสู้อาศัยวันนี้ที่ร่างกายยังหนุ่มแน่นแข็งแรง บุตรชายที่เกิดมาย่อมเฉลียวฉลาดเก่งกาจทุกด้านเหมาะสมกับตำแหน่งผู้นำตระกูล ตัวข้าเองก็เป็นกังวลแทนเจี้ยนเอ๋อร์เสมอมา รอว่าเมื่อใดเขาจะมีเจ้าก้อนแป้งสืบสกุลที่แข็งแรงปราดเปรื่องเสียที หากถึงวันดีๆ วันนั้น ทุกคนในจวนย่อมมีความสุขเหลือเกินเจ้าค่ะ”ยิ่งเจียวหั่วพูดฮูหยินผู้เฒ่ายิ่งพยักหน้าเห็นด้วย นางดึงมือของสะใภ้คนรองมาตบเบาๆ แสดงออกว่าชื่นชมอีกฝ่ายอย่างมาก“ช่วงนี้เจ้าทำให้คนแก่อย่างข้ารู้สึกสบายใจจริงๆ ไม่เสียแรงที่บุตรชายคนรองของข้าปักใจเพียงเจ้า เอาเถอะ! ที่เจ้าพูดมาล้วนมีเหตุผลทั้งสิ้น ข้าเองก็ตระหนักลึกซึ้ง”นางหันไปทางฟางเหนียง “สะใภ้ใหญ่ก็ช่วยเร่งมือจัดหาหลานสะใภ้คนใหม่ให้หลานชายของข้าด้วยล่ะ อย่าชักช้าเชียว”ช่างบังอาจยิ่งนัก หลานชายเจ้าแต่บุตรชายข้ามิใช่รึ? ฟางเหนียงพยายามรักษาสีหน้ามิให้บึ้งตึง
เห็นได้ชัดเจนว่าเขารักใคร่ภรรยาเอกยิ่งนัก หากรับภรรยารองหรืออนุเพิ่ม มิเป็นการฝืนใจหรืออย่างไรฟางเหนียงอดรนทนมิได้จึงไต่ถามจากหมอหญิงอีก“ท่านหมอพอมีวิธีรักษาลูกสะใภ้ของข้าหรือไม่? ต้องจ่ายเงินเท่าใดสกุลเราล้วนไม่เกี่ยง”ยังไม่ทันที่ท่านหมอจะตอบคำถามนั้น เจียวหั่วพลันเอ่ยแทรก “สะใภ้ใหญ่อย่าได้กังวลจนเกินไปเลยเจ้าค่ะ เรื่องเช่นนี้มิใช่ไม่เคยเกิดกับสตรีใด หากสะใภ้ไป๋ไม่อาจมีบุตรได้ก็แต่งอนุเข้ามาให้เจี้ยนเอ๋อร์เท่านั้น ไม่ยากสักนิด”นางผูกใจเจ็บเรื่องซู่หลินไม่คลาย เพราะหมิงเยว่! สามีของนางจึงรับอนุเข้าเรือน ดังนั้นจึงกัดไม่ยอมปล่อยหยางเจี้ยนต้องมีอนุเช่นกันถึงจะสาสม!เจียวหั่วยังคงมีรอยยิ้มอ่อนโยนแขวนใบหน้ายามเอ่ย “อีกอย่าง ต่อให้มีบุตรสาวได้แต่มิใช่บุตรชาย จะอย่างไรก็ต้องหาสตรีอื่นมาช่วยอยู่ดี เรื่องเฟ้นหาสตรีที่เหมาะสมกับเจี้ยนเอ๋อร์ทั้งรูปโฉมและกิริยามารยาทมอบเป็นธุระให้ข้าจัดการในลำดับแรกก็ได้เจ้าค่ะ ส่วนคัดเลือกลำดับสุดท้ายแล้วแต่สะใภ้ใหญ่จะพิจารณา ดีหรือไม่เจ้าคะท่านแม่”ท้ายประโยคนางหันไปเอ่ยสำทับกับฮูหยินผู้เฒ่าอย่างนอบน้อมฟางเหนียงได้ฟังก็ขมวดคิ้วแต่ฮูหยินผู้เฒ่ากลับพยักห
จวนติ้งอานโหวสกุลหยางไม่รู้ผ่านไปนานเท่าใด หมิงเยว่ค่อยๆ ตื่นลืมตาขึ้นมา นางจำได้คลับคล้ายคลับคลาถึงอ้อมแขนอบอุ่นที่คุ้นเคย เป็นหยางเจี้ยนที่ช่วยนางไว้จากใต้น้ำอันเย็นเยียบแห่งนั้นเขาโอบกอดนางตลอดทางที่นั่งรถม้าแล้วเร่งกลับจวนด้วยกัน โดยไม่สนใจงานยิ่งใหญ่ประจำปีอันใดทั้งสิ้นต้นฤดูใบไม้ผลิเช่นนี้ กระแสน้ำเย็นจัดเหลือเกิน แม้ไม่เย็นเยียบเทียบเท่าฤดูหนาว ทว่ากลับคล้ายดั่งคมมีดนับพันกรีดเข้าผิวเนื้อก็มิปาน ช่างน่าเจ็บใจที่ร่างใหม่ผู้นี้อ่อนแอเปราะบาง กอปรกับไม่ได้พูดนานเกินไป เสียงเล็กจึงดังขึ้นแผ่วพร่า สติยังไม่ครบครันเท่าใด“ท่านพี่...”“ฮูหยินน้อย” จิ่นซินรีบเข้ามาดูแลนายสาวของตน “ท่านแม่ทัพไม่อยู่เจ้าค่ะ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?” หมิงเยว่ได้ยินว่าหยางเจี้ยนไม่อยู่พลันเลือดลมตีขึ้นจนหายใจไม่ออก ภรรยาป่วยอยู่นะ สามีไปไหนเสียเล่า?ขณะกำลังน้อยอกน้อยใจอย่างที่ไม่เคยเป็นกับใครอยู่บนเตียงนอน หมอหญิงผู้หนึ่งก็เดินเข้ามาตรวจอาการอย่างละเอียดลออ ระหว่างจับชีพจรสีหน้าเคร่งเครียดยิ่งนักไม่นานก็เก็บเครื่องมือใส่ล่วมยาแล้วโค้งกายเดินออกจากห้องไปอย่างเงียบงัน ทิ้งไว้แค่ใบสั่งยาบำรุงหลายแผ่น เพียงป
เมื่อคนที่หมายปองหลุดมือไปอย่างน่าเสียดาย โม่เฟิงจึงแค่นสบถในลำคอ ก่อนกลั้นหายใจว่ายน้ำหมุนกายแล้วไปต่อ โดยไม่รอให้ม่านน้ำที่หมุนวนชะลอตัวจนกระทั่งถูกหยางเจี้ยนจดจำใบหน้าได้อีกฝ่ายย่อมพะวงเพียงภรรยา ส่วนเขาแค่เอาตัวเองให้รอดเป็นพอ งานที่พลาดก็แค่เงินจำนวนหนึ่งที่สูญเสียไป วิธีชั่วช้าเพื่อหาเงินมาเติมเต็มคลังตนยังมีมากมายนับไม่ถ้วนทันใดนั้น สายตาบุรุษพลันจับจ้องที่ดรุณีผู้หนึ่งนางผู้นั้นกำลังตะเกียกตะกายตีน้ำ เสื้อผ้าหลุดลุ่ยเหลือเพียงชุดชั้นกลาง เผยผิวเปลือยขาวเนียนกระจ่างตา เห็นเอี้ยมสีสดรำไร ปลายเท้าที่ส่ายไปมายังไร้รองเท้าหุ้มไว้ มองไล่ขึ้นลงเห็นเรียวขาคู่นั้นที่กางเกงถูกมวลน้ำรั้งขึ้นจนเผยโคนขาอ่อนนวลเสลาอันงดงามเหนือเข่า ยิ่งนางตะกุยน้ำยิ่งเผยรูปร่างอ้อนแอ้นโค้งเว้าอรชร ทุกส่วนงดงามดั่งหยก นุ่มนวลบาดตากรีดใจ โม่เฟิงเบิกตาชะงักงันจนสำลักน้ำจังหวะนั้นกลุ่มองครักษ์มากมายพลันถลันเข้ามา แต่ละคนล้วนมีเป้าหมายตรงเข้าช่วยเหลือสตรีผู้นั้น“องค์หญิงเจ็ด!”“เร็ว! รีบช่วยองค์หญิง”“คุ้มครององค์หญิง!”โม่เฟิงผู้ชื่นชอบการล่าเหยื่อกระต่ายน้อยแสนงาม มีหรือจะยอม ก่อนที่ผู้ใดจะมาถึง
ทันทีที่มีสตรีตกน้ำ นั่นย่อมเป็นสัญญาณเตือนให้โม่เฟิงลงมือ เป้าหมายคือฮูหยินคนงามของหยางเจี้ยนเขามิได้คิดทำให้อีกฝ่ายจมน้ำตายคล้ายอุบัติเหตุตามคำสั่งโหด แต่จะทำให้นางกลายเป็นของเขาเท่านั้นพอการทำตัวหยาบช้าแย่งชิงภรรยาผู้อื่นมิใช่เรื่องยาก การครอบครองสตรีสักคนย่อมทำง่ายแค่พลิกฝ่ามือเช่นกันชายหนุ่มเคยเป็นอดีตโจรในหุบเขามรณะกลางทะเล เช่นนั้นด้วยพละกำลังและทักษะการว่ายน้ำรวมถึงการดำน้ำลอบโจมตีย่อมเหนือชั้น เพียงพริบตาร่างสูงก็พุ่งปราดเข้าใกล้เป้าหมายได้อย่างง่ายดายฝ่ามือใหญ่ที่มีเรียวนิ้วแกร่งดุจกรงเล็บพญาเหยี่ยว โจมตีรวดเดียวพลันถึงลำคอระหงของโฉมงาม เพื่อดึงนางขึ้นเหนือน้ำแล้วกอดรัดให้หนำใจแต่แล้วเขาพลันต้องชะงักเมื่ออีกฝ่ายเพียงหันมองด้วยสายตาเย็นเยียบหาได้สะทกสะท้านไม่แน่งน้อยผู้นี้กำลังทำตัวคล้ายปีศาจวารีที่จมดิ่งแน่นิ่ง ดวงตานางจ้องมาที่เขาปราดหนึ่งก่อนสะบัดเสื้อผ้าหรูหราในมือทิ้งไปอย่างไม่ไยดีแล้วเอื้อมมือมาจับข้อมือของเขาออกจากลำคอของนางอย่างรู้จุดอ่อนที่สามารถยับยั้งเขาได้เป็นไปได้อย่างไร?ชั่วขณะที่โม่เฟิงกำลังผงะตกตะลึงด้วยคาดไม่ถึง หมิงเยว่เองก็เริ่มรู้สึกได้ถึงขีดจำกัดข
เสียงตูมเกิดขึ้นสองครั้ง เมื่อสตรีสองคนพลัดตกทะเลสาบหญิงสองคนนั้นคือองค์หญิงเจ็ดเยี่ยนลู่เสียนกับหมิงเยว่“ช่วยด้วย คนตกน้ำ”เหล่าสตรีบนเรือสำราญกรีดร้องวุ่นวายแตกตื่น ทุกคนอลหม่านด้วยอารามตกใจหนึ่งในผู้เห็นเหตุการณ์พลันตะโกนอย่างเสียขวัญด้วยเผลอไผลมิอาจยั้งปากตนว่า“องค์หญิงเจ็ดผลักหยางฮูหยินตกน้ำ”แน่นอนว่าใครหลายคนก็เห็นเช่นนั้น พวกนางจึงมิได้ห้ามปรามเจ้าของวาจาผู้นี้เนื่องจากเหตุการณ์ไม่คาดคิดตรงหน้าเกิดกะทันหัน จึงไม่ง่ายเลยกับการเรียกคืนสติตนอย่างทันท่วงทีคนบนเรือยังคงกรีดร้องวุ่นวายอย่างทำอันใดไม่ถูกอยู่เช่นนั้น แต่ในน้ำเยี่ยนลู่เสียนกำลังตกตะลึงพรึงเพริดที่ตนเองตกน้ำลงมาอย่างมิทันตั้งตัวเดิมทีนางไม่จำเป็นต้องลงมือเองอย่างโง่เขลาเช่นนี้เลยสักนิด ทว่ามิรู้เพราะเหตุใดจึงกลายเป็นนางตกน้ำลงมาพร้อมกับสตรีน่าตายผู้นั้น“ช่วยด้วย อ๊ะ! อุ๊บ!”องค์หญิงเจ็ดพยายามตะเกียกตะกายขึ้นเหนือผิวน้ำ นางละล่ำละลักร้องให้คนช่วยโดยไม่รู้เลยว่าเสื้อผ้าของตนกำลังถูกฝ่ามือของใครอีกคนแอบดึงอยู่ใต้ม่านน้ำเสื้อผ้าหรูหรากรุยกรายพลิ้วไหวของเยี่ยนลู่เสียนถูกฝ่ามือปริศนาแอบดึงทึ้งเงียบงัน กระทั่งร่างของน
การล่องเรือของฝั่งสตรีกำลังประชันขันแข่งชิงเด่น ทว่าทางฝั่งเรือของเหล่าบุรุษกลับสำราญอย่างแท้จริงชายหนุ่มแต่ละคนชื่นชมทิวทัศน์และจิบชาชมบุปผาด้วยท่วงท่าผ่อนคลายสบายใจ ปราศจากการถกปัญหาบ้านเมืองด้วยซ้ำไปได้มองลมพัดเมฆเคลื่อนรื่นรม ลอบชื่นชมเหล่านางฟ้านางสวรรค์ทางเรืออีกฝั่ง ยังต้องการสิ่งใดอีกเล่า?“ก่อนแต่งงานคร่ำเคร่งไม่คิดยอม ไยตอนนี้กลับเหม่อมองไม่วางตา”องค์รัชทายาทเยี่ยนหงหมิงเดินเข้ามาตบบ่ากว้างของหยางเจี้ยนพลางหยอกเย้าอย่างอารมณ์ดี เมื่อได้เห็นว่าอีกฝ่ายเอาแต่จับจ้องไปทางเรือของเหล่าสตรี สายตานั้นชัดเจนว่ามองฮูหยินร่วมผูกผมไม่วางเว้น“เจ้าควรต้องรู้ว่าดวงตาคมเข้มของเจ้ามักทำให้สตรีใจสั่นหวั่นไหวยามสบประสาน เอาแต่จ้องมองนางขนาดนี้ มิเกรงว่านางจะเขินอายจนทำอันใดไม่ถูกหรือ?”หยางเจี้ยนขมวดคิ้ว “หากนางรู้จักเขินอายต่อสายตาของกระหม่อมบ้างจะดีไม่น้อยพ่ะย่ะค่ะ”เยี่ยนหงหมิงเลิกคิ้วมองสหายอย่างสงสัย “ไม่จริงกระมัง? สตรีที่ไม่สะเทิ้นอายต่อสายตาเจ้านี่นะ ไม่ใช่แน่”แม่ทัพหนุ่มพยักหน้าเล็กน้อย “ฮูหยินของกระหม่อมเป็นเช่นนั้น”“อ่า” เยี่ยนหงหมิงหัวเราะชอบใจ “นางไม่ธรรมดา”เขาเองก็แอบมองฮ
ทางฝั่งหนึ่งของเรือสำราญสำหรับเหล่าสตรีชั้นสูงมีเหล่าองครักษ์ร่างสูงยืนอารักขาอย่างใส่ใจในบรรดาองครักษ์มีคนผู้หนึ่งมิได้ผิดแผกจากใคร เขาเป็นบุรุษธรรมดาที่เดินในฝูงชนได้อย่างกลมกลืนคล้ายหยดน้ำในทะเลสาบ พริบตาที่เห็นกลับมองหาไม่เจอทันใด ทว่าหากสังเกตให้ดีจะสัมผัสได้ถึงความสูงส่งที่เหนือชั้นกว่าบุรุษทั่วไป ใบหน้าคมคายมีดวงตาพยัคฆ์ร้ายซ่อนประกายสังหารเลือดเย็นเอาไว้ เขากำลังยืนมองบุปผาดอกหนึ่งซึ่งกำลังเจิดจรัสจนดึงดูดหัวใจในอกแกร่งอย่างไม่น่าเป็นไปได้นางผู้นั้นโดดเด่นเพียงแรกเห็น ยิ่งพิศยิ่งให้ความรู้สึกเสมือนคนคุ้นเคยที่กลายเป็นตำนานไปแล้วผู้นั้นทั้งท่วงท่ากิริยาแววตาและความสามารถเหนือชั้น ช่างคล้ายคลึงกับนางในห้วงคะนึงเหลือเกินแม้นางผู้นี้จะเพียรกระทำอย่างหลบซ่อนทว่าไม่อาจรอดพ้นสายตาของเขาได้การแอบกำหนดลมหายใจลอบสะกดจิตมวลมัจฉา ไม่ใช่เรื่องที่สตรีเมืองหลวงพึงกระทำโดยง่าย เพราะนั่นคือเคล็ดวิชาจ้าวแห่งธาราบนเกาะมรณะอันยากเข้าถึงหากมิใช่ว่าครานั้นเขาไม่เห็นกับตาว่านางในดวงใจถูกกระบี่สุริยันสะบั้นคอไปแล้ว คงเข้าใจว่านางยังไม่ตาย ทั้งยังมาปรากฏกายเพื่อซุกซนที่นี่เป็นแน่ขณะที่ร่างสูงใน