Home / โรแมนติก / บุปผาต้องมนตร์ / Chapter 32. ข้ายังไม่ได้แต่งงาน

Share

Chapter 32. ข้ายังไม่ได้แต่งงาน

last update Last Updated: 2024-11-24 10:51:31

“ข้าซุนเย่ผิงเป็นลูกสาวท่านราชครูซุนถงฉี” นางแนะนำตัว ผมยาวของนางถักเป็นเปียเส้นเล็กๆ ประดับด้วยลูกปัดหลากสี

เขาเพียงผงกศีรษะเล็กน้อย

“ขอโทษที่เสียงดังไปหน่อย” นางหัวเราะออกมา “กำลังจัดเตรียมงานเลี้ยงต้อนรับท่าน”

“ลำบากท่านหญิงแล้ว”

“ลำบากที่ไหนกัน ข้าชอบเรื่องสนุกแบบนี้มาก”

‘เรื่องสนุก?’

เขาได้แต่ทวนสิ่งที่ได้ยินในใจ และไม่ถนัดพูดคุยกับสตรีเสียด้วย จึงได้แต่แย้มมุมปากยิ้มออกมา

“อ้อ! ที่นี่วุ่นวาย ท่านไปเล่นที่อื่นก่อนเถิด งานเลี้ยงเริ่มตอนเย็น ท่านค่อยเข้ามาอีกที”

“เช่นนั้น ข้าขอตัว”

ไปเล่น! นางช่างกล้าใช้คำนี้กับเขาได้นะ

จ้าวจิ่นสือหมุนตัวเดินออกมาแล้วถอนหายใจเบาๆ เด็กสาวผู้คนนั้นอายุคงสักสิบสี่หรือสิบห้ากระมัง ยังเด็กปานนั้นคงใช้คำพูดผิดไป เขาไม่อยากถือสาเอาความอะไร เพราะที่นี่เองก็ไม่ใช่ถิ่นของเขา และนางก็เป็นถึงลูกสาวท่านราชครู เขาไม่รู้ว่าที่นี่มีเบื้องหลังเบื้องลึกอันใดบ้าง หรือมีคลื่นใต้น้ำให้ต้องระวังหรือไม่ เพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งตัดสินอะไรไปดีกว่า

Locked Chapter
Continue to read this book on the APP

Related chapters

  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter 33. ดวลยิงธนู

    ทั้งสองดวลยิงธนูอยู่เกือบสองชั่วยาม โจวฟู่หรงไม่เจอคนมีฝีมือทัดเทียมกันมานานแล้วจึงเพลิดเพลินนัก แต่คิดว่าซุนเย่ผิงคงจัดการคฤหาสน์ของเขาเรียบร้อยแล้ว หลังจากทำใจยอมว่าต้องกลับไปเจอการตบแต่งอันวิจิตรตระการตาของเย่ผิงแล้วก็ชวนจ้าวจิ่นสือกลับ ขณะยื่นธนูให้ทหารรับไปเก็บ พลันเขาก็นึกได้จึงออกคำสั่งไป “ส่งคนไปตามจินปู๋ให้มาช่วยในงานเลี้ยงด้วย” “ขอรับ!” สั่งทหารเสร็จแล้วก็ชวนจ้าวจิ่นสือกลับ ทั้งสองเหงื่อท่วมตัว คงต้องเสียเวลาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ากันหน่อยแล้ว ราวครึ่งชั่วยาม ทหารที่รับคำสั่งของหัวหน้าเผ่าก็ควบม้าไปถึงบ้านของจินปู๋ เพียงหยุดม้าก็ได้ยินเสียงกลั้นสะอื้นราวเด็กน้อยของจินปู๋ ทหารผู้นั้นถึงกับส่ายหน้า จินปู๋เป็นคนที่มีพละกำลังมากที่สุดในเผ่า แต่ก็ควบตำแหน่งคนโง่ที่สุดด้วยเช่นกัน “จินปู๋! ท่านหัวหน้าโจวให้มาตามเจ้าไปช่วยงานในคฤหาสน์!” “ขะ ข้า ข้าเหรอ” จินปู๋ที่นั่งกอดเข่าร้องไห้เงยหน้าขึ้น ใบหน้าสี่เหลี่ยมแต่ดวงตาเหมือนเด็กน้อยฉ่ำน้ำตาและน้ำมูก “ใช่! รีบไปล่ะ” เขาส่ายหน้ากับภา

    Last Updated : 2024-11-24
  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter 34.ครุ่นคิด

    นอกจากการร่ายรำของหญิงงามในชนเผ่าแล้ว การประลองกำลังของชายหนุ่มก็เป็นความบันเทิงที่เรียกเสียงโห่ร้องจากคนที่มาร่วมงานเลี้ยง โจวฟู่หรงนั่งบนบัลลังก์อยู่เหนือผู้คน ด้านล่างที่ตำแหน่งสำคัญซ้ายขวามีคนของเขา ราชครูซุนถงฉีและบุตรสาวนั่งอยู่ด้านขวา จ้าวจิ่นสือนั่งข้างทหารคนสนิทของโจวฟู่หรง แต่ละคนล้วนร่างกายใหญ่โตท่าทางน่าเกรงขาม ทว่าเมื่อเหล้าเข้าปากไปก็เผยนิสัยคล้ายเด็กซุกซน หัวเราะเสียงดัง ใช้มือจับฉีกอาหารเข้าปาก ส่วนเขายังไม่คุ้นนัก จึงใช้ตะเกียบคีบเนื้อแพะเข้าปาก ส่วนในใจนั้นเขาพอใจอยู่หลายส่วนที่โจวฟู่หรงแนะนำเขากับผู้อื่นด้วยท่าทีเป็นกันเอง ทำให้เขาได้รู้จักคนสนิทของโจวฟู่หรงซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนมากฝีมือทางการรบ คนเหล่านี้มองผิวเผินเหมือนคนโง่ ใช้เป็นเพียงแค่เรี่ยวแรง ทว่าจิตใจกลับเป็นหนึ่งเดียวกับโจวฟู่หรง เพียงปรายตาหรือถอนหายใจก็รับรู้ว่าผู้เป็นนายต้องการสิ่งใด แม้รูปร่างใหญ่โตแต่เคลื่อนไหวรวดเร็ว จ้าวจิ่นสือนึกถึงบิดา คนในวังหลวงมักแอบกระซิบกระซาบนินทาบิดาของเขา การเลือกใช้คนเป็นทหารแต่ละนายล้วนเป็นคนแปลกประหลาด มีอดีตที่มาไม่น่าไว้ใจ บ้างเป็นโจร บ้างเป็นขโม

    Last Updated : 2024-11-24
  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter 35. ถุงหอม

    “ดึกแล้ว ข้าขอตัวก่อน” “มืดค่ำแล้ว ท่านราชครูเดินระวังด้วย” จ้าวจิ่นสือก้มศีรษะลงเล็กน้อย เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นใบหน้าสวยของซุนเย่ผิงส่งยิ้มกว้างให้แล้วเดินตามหลังบิดาไป เขายืนมองจินปู๋อย่างประเมิน หากถูกมือใหญ่นี่บีบคอเข้าไป น่าจะยากที่จะเอาชีวิตรอดได้ ขณะที่กำลังจะกลับเข้าไปเพื่อขอตัวไปพักผ่อน โจวฟู่หรงก็เดินออกมาด้านหน้าพอดี “นึกว่าเจ้าหลบไปนอนแล้วเสียอีก” “ข้ากำลังจะไปพักผ่อนพอดี” “เช่นนั้นก็ไปเถิด ที่นี่เราอยู่กันเรียบง่าย หิวก็กิน ง่วงก็นอน ไม่ต้องมารายงานข้า แต่ถ้าถูกใจหญิงบ้านไหนก็ต้องบอกกล่าว ที่นี่เราให้เกียรติผู้หญิง ผู้หญิงมีสิทธิ์เลือกสามีของตนได้” คำพูดของโจวฟู่หรงเล่นเอาจ้าวจิ่นสือสำลักน้ำลายตัวเอง แต่ยังเก็บอาการได้ทัน “ข้ามิได้คิดเรื่องนั้น” “เอาเถอะๆ เราผู้ชายด้วยกัน เรื่องแค่นี้ไม่ต้องคิดมาก” มือใหญ่ตบไหล่จ้าวจิ่นสือ “เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน” เพราะไม่อยากให้เข้าใจผิดอีกจึงรีบเดินออกไป โจวฟู่หรงเห็นไม่มีใครอื่นแล้วก็เรียกจินปู๋ไว้ก่อน เขาไม่ได้จะ

    Last Updated : 2024-11-24
  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter 36. ล่าสัตว์

    นางเพียงพยักหน้ารับแล้วเดินกลับเข้าไปในบ้าน หากไม่เพราะว่านางได้รับความช่วยเหลือจากคนในละแวกนี้ นางคงไม่กล้าโผล่หน้าออกมานอกบ้านยามดึกเช่นนี้หรอก หญิงสาวรีบเดินเข้าไปในบ้านอย่างเบาที่สุด เกรงว่าน้าลู่อู๋จะตื่น อากาศเย็นจริงๆ เหมือนร่างกายนางจะไม่คุ้นชินกับสภาพอากาศเช่นนี้โจวฟู่หรงมั่นใจแล้วว่านางจะไม่โผล่หน้าออกมาอีก ก็กระโดดขึ้นหลังม้า ยกถุงหอมขึ้นมาแตะปลายจมูก พลันเกิดรอยยิ้มที่มุมปาก เพียงแวบเดียวนางก็มองออกแล้วรึว่าเขานอนหลับไม่สนิท หากไม่อ่อนเพลียเป็นจริงเป็นจัง เขาก็ไม่ค่อยได้หลับลึกเท่าไหร่นักหากแต่คืนนี้โจวฟู่หรงกลับหลับได้อย่างสนิท ไม่ฝันและไม่ผวาตื่น เพียงแค่ถุงหอมที่นางให้มา เขายังหลับดีถึงเพียงนี้ หากได้นางไว้กกกอด จะดีเพียงใดกัน!. ขบวนล่าสัตว์ของโจวฟู่หรงออกจากคฤหาสน์แต่เช้าตรู่ ร่างงามของซุนเย่ผิงวิ่งกระหืดกระหอบมาแต่ก็เห็นเพียงฝุ่นแล้ว หญิงสาวยืนกระทืบเท้าเร่าๆ ด้วยความไม่พอใจ ร่างใหญ่ยักษ์ของจินปู๋เพิ่งโผล่มาจากด้านใน เมื่อคืนกว่างานเลี้ยงจะเลิกรา กว่าจะได้ขนย้ายข้าวของเข้าที่ก็เล่นเอาเกือบใกล้เช้า เขาจึงอาศัยหลับงีบเอาเสียที่นี่ซึ่งก็มักเป็นเช่นนี้อยู่บ่อ

    Last Updated : 2024-11-25
  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter 37. เจ็บจนไม่มีเสียงร้อง

    ทั้งอิงฮวากับลู่อู๋ถอนหายใจอย่างโล่งอก ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร แต่เพราะจินปู๋ตื่นเต้นเกินไป พานจะทำให้บ้านหลังน้อยถล่มลงมาด้วย“เจ้าต้องรีบไปตอนนี้เลยรึ เจ้าเพิ่งกลับมานะ” ลู่อู๋ถามเพราะสงสารลูกชาย แม้เขาจะพละกำลังมากแต่ก็เหมือนเด็กที่เล่นซนก็หมดแรงหลับไปดื้อๆ“ขะ ข้าไม่เหนื่อย” เขาส่ายหน้าแรงๆ “ทะ ท่าน แม่ หะ ให้ข้าไปนะ”“ดีเลย ข้าก็อยากเข้าป่าเหมือนกัน” อิงฮวาพูดขึ้น ทำให้จินปู๋ยิ้มกว้างออกมา “ท่านน้า ข้าอยากได้สมุนไพรมาเพิ่ม ช่วงนี้ข้าโดนอากาศเย็นเข้าไป เลยรู้สึกไม่ค่อยสบายนิดหน่อย”ลู่อู๋ได้แต่ถอนหายใจแล้วพยักหน้าอนุญาต “จินปู๋ เจ้าต้องดูแลอิงฮวาให้ดีนะ”“ขะ ขอรับ ทะ ท่านแม่”“อิงฮวา เจ้าก็สวมเสื้อคลุมเสียด้วย ร่างกายเจ้ายังไม่คุ้นกับสภาพอากาศที่นี่” นางย้ำหลายครั้ง“ข้าทราบแล้ว”จินปู๋เตรียมตะกร้าเอาไว้ใส่กระต่ายที่เขาจะไปจับมาให้ซุนเย่ผิง อิงฮวาเองก็เตรียมตะกร้าสำหรับใส่สมุนไพรรวมทั้งอาหารและน้ำดื่ม เมื่อพร้อมแล้วทั้งสองก็เดินออกมา จินปู๋หยุดยืนแล้วเอื้อมมือไปดึงหมวกเสื้อขึ้นคลุมศีรษะให้นาง“ดะ แดด ระ แรง”“ขอบใจจินปู๋” อิงฮวายิ้มให้กับความใจดีของจินปู๋ เขาทำแบบนี้ให้นางเสมอ ทั

    Last Updated : 2024-11-25
  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter 38. หมาป่า

    เป็นหมาป่าตัวใหญ่สีดำดวงตาแดงก่ำพุ่งเข้าใส่อย่างรวดเร็ว เขาเองก็ปล่อยลูกธนูออกไป ลูกธนูพุ่งเข้าเบ้าตาของหมาป่าจนมันคำรามก้องด้วยความเจ็บปวด ทว่ามันกลับไม่มีความหวาดกลัวเลยสักนิด มันตั้งท่าแล้วกระโจนใส่อีกครั้ง เขาเสียจังหวะ ไม่ทันหยิบธนูดอกใหม่ มันก็พุ่งเข้าใส่ แม้จะกระโจนกลิ้งตัวหลบทันก็ตาม แต่เขากลับไถลลื่นลงไปใกล้สระน้ำ“ว้าย!!” อิงฮวาร้องเสียงหลง จินปู๋ไปวางกับดักดักกระต่ายอยู่อีกทาง นางเห็นมีสระน้ำซึ่งมีดอกบัวขึ้นอยู่มากมายจึงขอตัวแยกมาหวังจะเก็บบัวไปทำสมุนไพร ทว่านางกลับเห็นเพียงชายคนหนึ่งม้วนตัวลงมายืนอยู่เบื้องหน้า ใบหน้าของเขาดุดันและน่ากลัวจนนางเผลอหวีดร้องออกมาผู้หญิง! ไยมีผู้หญิงอยู่ในป่า ซ้ำยังเป็นเวลาล่าสัตว์ที่ติดธงสัญญาณไว้แล้ว!จ้าวจิ่นสือสบถ มองเห็นใบหน้าหญิงสาวไม่ชัดเพราะนางสวมเสื้อคลุมแบบมีหมวกคลุมศีรษะอยู่ หญิงสาวถอยหนีลนลานแต่เขาไม่มีเวลาอธิบาย ตอนกลิ้งลงมากระบอกใส่ธนูตกหล่นไป ธนูไร้ลูกศรก็ไร้ความหมาย เขาโยนมันทิ้งแล้วชักกระบี่ที่พกอยู่ออกมา หมาป่ากระหายเลือดกระโจนเข้าใส่หมายจะฝังคมเขี้ยวที่ลำคอของผู้ที่ทำมันบาดเจ็บแสนสาหัส ทว่าจ้าวจิ่นสือก็ตั้งรับ รอจังหวะที

    Last Updated : 2024-11-25
  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter 39 ลองคิดดีๆ นี่ข้าเอง...

    อิงฮวาหยุดกวาดสายตาแล้วจ้องที่ใบหน้าของชายผู้นี้ ริมฝีปากบางเม้มแน่นจนเรียบตึง นางรู้สึก ‘คุ้นเคย’ แต่นึกไม่ออกว่าเขาเป็นใคร “ลองคิดดีๆ สิ นี่ข้าเอง จ้าวจิ่นสือ”เขากดน้ำเสียงให้อ่อนลง เกรงจะทำให้นางตกใจอีก ดูท่าทางนางจะเจออะไรเลวร้ายทำให้เสียขวัญ ผู้หญิงที่เคยโต้เถียงเพราะเขาไปฆ่างูตัวที่นางหมายปอง เขาไม่อยากเชื่อว่าจะเห็นนางแสดงอาการหวาดผวาได้ถึงเพียงนี้ ซ้ำร้ายนางยังทำเหมือนจำเขาไม่ได้เสียอีก นางเริ่มสงบใจได้ก็กวาดสายตามองบุรุษเบื้องหน้า เขาไม่ได้มีใบหน้าดุดันเหมือนผู้ชายในเผ่าเอ้อหลุนชุน รูปร่างก็ดูจะบางกว่าสักเล็กน้อย คิ้วเรียงเป็นระเบียบ รับกับจมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากหยักสวย พลันนางกลับรู้สึกร้อนวูบในอกจนต้องเบือนหน้าไปทางอื่น “ขออภัย ข้าจำท่านไม่ได้” นางพูดตามตรง “จำไม่ได้?” จ้าวจิ่นสือผงะไปเล็กน้อย เขามั่นใจว่านางคือมู่ฟางเหนียง แต่นางกลับจำเขาไม่ได้! “นางจำอะไรไม่ได้” โจวฟู่หรงพูดแทรกขึ้น กดความหงุดหงิดไว้ในอกตั้งแต่ตอนที่จ้าวจิ่นสืออุ้มร่างที่หมดสติของนางมาพักในกระโจมของเขาแล้ว แต่เพราะจ้าวจิ่นสือไม่ยอม

    Last Updated : 2024-11-25
  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter 40. อยากเก็บนางไว้ใกล้ตัว

    เมื่อม้าของจ้าวจิ่นสือมาถึง เขากระโดดลงจากหลังม้าแล้ว โจวฟู่หรงก็เดินไปหา ยื่นมือไปหวังช่วยประคองหญิงสาวลงจากหลังม้า แต่จ้าวจิ่นสือกลับเร็วกว่า พอตัวเองลงจากม้าแล้วก็อุ้มนางทันที โดยที่เท้าของนางยังไม่ทันแตะพื้นดินด้วยซ้ำ การกระทำอันไม่ไว้หน้าของจ้าวจิ่นสือทำให้โจวฟู่หรงได้แต่ขบฟันกลั้นโทสะ หากไม่เห็นแก่นางผู้มอบถุงหอมให้เขาแล้วละก็ อาจเป็นเขาที่ชกหน้า ‘สหาย’ ไปแล้วก็ได้“ให้พักที่ห้องปีกซ้าย”จ้าวจิ่นสือชะงักเท้าไป แล้วค้อมศีรษะลงเล็กน้อย พานางไปห้องทางปีกซ้ายที่เจ้าของบ้านเอ่ยบอก เรือนพักของเขาอยู่ทางปีกขวา นี่คงไม่ได้เจตนาให้เขาและนางพักไกลกันคนละฟากของคฤหาสน์กระมัง พลันเขาฉุกคิดได้ว่าตนเองเป็นเพียงผู้อาศัย แต่แสดงตนประหนึ่งเป็นเจ้าของบ้านเสียเอง เขาอุ้มนางไปตามทางที่คนรับใช้ผู้หนึ่งบอกทาง เมื่อถึงห้องของนางแล้วก็บรรจงวางร่างบางบนเตียงอย่างเบามือ เพียงช่วงจังหวะที่เขากำลังเงยหัวขึ้น ใบหน้าหวานก็ช้อนตามองขึ้น ดวงตาประสานกันนิ่งจนเห็นเงาในตาของกันและกัน“หมอผู้เฒ่ามาแล้ว” น้ำเสียงแฝงความไม่พอใจเอ่ยขึ้น ทำให้อิงฮวาเป็นฝ่ายละสายตาจากใบหน้าของเขาไปก่อน และเพราะนางก้มหน้าจึงไม่เห็นมุมป

    Last Updated : 2024-11-25

Latest chapter

  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter 120. ได้ยินชัดแล้ว

    เหวินเฮ่าหลันคลี่พัดโบกไปมาเชื่องช้าคล้ายเกียจคร้าน แต่ในใจแฝงความกังวลอยู่หลายส่วนนัก สหายรักอย่างจ้าวจิ่นสือมาเมืองหลวงคราใดก็มักมาพักที่คฤหาสน์ตระกูลเหวิน จ้าวจิ่นสือเป็นคนไม่ถือยศศักดิ์ทำให้คบหากันสนิทใจ และเมื่อเขาเดินทางไปชายแดนก็มักจะแวะเวียนเยี่ยมเยือนจ้าวจิ่นสืออยู่เสมอ จะว่าไปบุรุษทั้งสองคนนี้เมื่ออยู่ด้วยกันแล้วย่อมเป็นจุดเด่น ผู้หนึ่งบุคลิกองอาจสมเป็นบุตรชายทหารผู้แกล้วกล้า ส่วนอีกคนดูเป็นหนุ่มเจ้าสำราญผู้กุมการค้าในเมืองหลวง หากเห็นเหวินเฮ่าหลันตามหอนางโลมก็มิใช่เรื่องแปลก แต่กับจ้าวจิ่นสือนี่สิ สะดุดตาผู้คนเสียยิ่งกว่า “มาเที่ยวหอนางโลมก็เป็นธรรมดาของบุรุษ แต่ตอนนี้เจ้าไม่เหมือนก่อน พี่สาวเจ้าก็เป็นพระชายาไปแล้ว ฐานะเจ้าก็เป็นเครือญาติกับ...” ยังพูดไม่ทันจบประโยค จ้าวจิ่นสือก็โบกมือห้ามไว้ก่อน เขายกจอกสุราขึ้นดื่มแต่สีหน้าไร้แววรื่นเริง ทั้งสองอยู่ในหอนางโลมก็จริงแต่ไม่ได้เรียกนางคณิกาเข้ามาปรนนิบัติ เพียงนั่งดื่มสุราและสนทนากันเรื่องทั่วไป แต่เหวินเฮ่าหลันเป็นคนมีความอดทนน้อยนัก แม้จะรักสนุกชอบเรื่องบันเทิงและดูเกียจคร้านไ

  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter  119.  ไม่คิดว่า

    มู่หยางซัวเอ่ยตอบ ไม่คิดว่าตัวเองไม่ได้ติดต่อกับคนที่นี่ แต่คนที่นี่กลับรู้ความเคลื่อนไหวเป็นไปของเขา แสดงว่า... พวกเขารอให้สองพ่อลูกกลับมานานแล้วจริงๆ “ว่าแต่เจ้าสองคนพ่อลูกพักที่ใดกัน” ท่านยายถามแล้วยื่นมือไปลูบเนื้อตัวมู่ฟางเหนียงอย่างเอ็นดู พอพิศดูใกล้ๆ แล้วก็เห็นว่า แท้จริงแล้วมู่ฟางเหนียงไม่ได้เหมือนอี้เฟยนัก แต่มีเค้าโครงหน้าอ่อนหวานเหมือนกัน ดวงตาเป็นประกายสดใสดุจแสงตะวันกระทบผิวน้ำยามเย็น แต่มีท่าทางเฉลียวฉลาดสุขุมเหมือนผู้เป็นพ่อ “โรงเตี๊ยมไม่ไกลที่นี่นักเจ้าค่ะ” นางเอ่ยชื่อโรงเตี๊ยมออกไป “ไอ้โรงเตี๊ยมนั่นมันเล็กนิดเดียว อาหารก็ไม่อร่อย ไปพักได้อย่างไรกัน หึ!” ท่านตาทำท่าฮึดฮัดไม่พอใจ “ไปเก็บข้าวของมาพักด้วยกันที่นี่” มู่ฟางเหนียงหันไปทางบิดา เห็นท่าทีอ้ำอึ้งก็เข้าใจ พ่อของนางเป็นเด็กกำพร้า ไม่คุ้นชินกับการอยู่แบบครอบครัวใหญ่ ที่ผ่านมาก็มีกันแค่สองคนพ่อลูก และไม่ได้เผื่อใจว่าจะได้รับการต้อนรับอย่างดี ดูท่าท่านพ่อที่ได้ฉายาหมอเทวดาไร้เงาผู้แสนจะสุขุมและไม่หวาดกลัวต่อสิ่งใด จะพ่ายแพ้แก่พ่อตาแม่ยายเสียแล้ว “ท่านพ่อกับห

  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter   118. ห้ามถอยเด็ดขาด

    เคอหลิ่งหลินบังเอิญได้พบคุณชายเฉินและแอบหลงรักเขา ส่วนนางกับพ่อรู้จักคุณชายเฉินเพราะเป็นคนป่วยที่ตามหาท่านหมอเทวดาไร้เงามาถึงชายแดนที่นางกับพ่ออยู่เคอหลิ่งหลินนิสัยโลดโผน เปิดเผย และจริงใจ นางชอบคุณชายเฉินก็แสดงออกว่าตนชอบ ไม่ปิดบัง ทำให้บิดาของนางต้องส่ายหน้าทุกที เคอหลิ่งหลินอาศัยติดตามบิดาของนางไปพบคุณชายเฉินบ่อยๆ และนางช่วยสอนเป่าขลุ่ยเพราะเห็นคุณชายเฉินบรรเลงเพลงขลุ่ยแสนไพเราะ นางรู้ว่าพี่สาวที่แสนดีผู้นี้อุทิศตนเองเพื่อความรักที่มีต่อคุณชายเฉินมากเพียงใด เมื่อรู้ข่าวว่าเคอหลิ่งหลินได้เคียงข้างครองคู่กับคนที่นางรักและรักนาง มู่ฟางเหนียงก็รู้สึกยินดีและดีใจด้วยอย่างจริงใจส่วนนางนั้น พยายามไม่คิดเรื่องของตนเอง นางรู้ว่าสิ่งที่นางทำ ผิดจารีตประเพณีที่สตรีพึงกระทำ แต่นางก็ไม่นึกเสียใจ อย่างน้อยนางก็รู้ใจตัวเองว่ารักเขามาก และอาจมากเกินกว่าที่จะยอมแบ่งปันเขาให้หญิงอื่น มิอาจทำใจใช้สามีร่วมกับผู้ใด มู่หยางซัวพาลูกสาวเดินมาตามเส้นทางที่คุ้นเคยในอดีต จนมาหยุดที่หน้าร้านขายยาใหญ่โตร้านหนึ่ง สิบกว่าปีที่ผ่านมา จากร้านขายยาเล็กๆ กลายเป็นร้านใหญ่โตไปแล้ว ลูกสาวเห็นสีหน้าเคร่งเ

  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter   117.  ข้าจะแบกเจ้าเอง

    “เป็นท่านพ่อที่ต้องการเตรียมตัวเตรียมใจมากกว่าลูกกระมัง” นางอดหยอกล้อบิดาไม่ได้ “เจ้าเปลี่ยนเสื้อผ้าแต่งเป็นผู้หญิงเถิด พ่อเกรงว่าตากับยายของเจ้าจะตำหนิพ่อเอาเสียเปล่าๆ” พูดแล้วก็ถอนหายใจหนักหน่วง “ตั้งแต่พาแม่ของเจ้าออกเดินทางมาจนเจ้าตัวโตขนาดนี้ ก็มิรู้ทั้งสองจะยังอยู่หรือไม่” “ลูกไม่เคยได้ยินท่านพ่อพูดถึงท่านตากับท่านยาย เลยไม่รู้ว่าพวกท่านเป็นคนอย่างไร” นางถามระหว่างรับประทานอาหารกลางวันที่โรงเตี๊ยมที่เข้าพักอยู่ “แม่ของเจ้าเป็นลูกสาวพ่อค้าร้านขายยา” “เอ๋? ท่านพ่อก็เป็นหมอ ท่านแม่เป็นลูกสาวร้านขายยา ไยถึงหนีตามกันเล่า” นางอดประหลาดใจไม่ได้ ตั้งแต่จำความได้ ก็รู้เพียงแค่ว่าท่านพ่อกับท่านแม่รักใคร่ชอบพอกัน แต่ท่านตากับท่านยายไม่ยอมรับในตัวลูกเขยที่ไร้ชาติตระกูล ซ้ำยังยากจนนัก ท่านพ่อจึงพาท่านแม่หนีออกมาและใช้ชีวิตเดินทางรักษาคนทั่วไป มีความสุขตามอัตภาพ “ตอนนั้นท่านตาของเจ้าหวังทำการค้ามากกว่าจะรักษาคน พ่อซึ่งตอนนั้นก็ทระนงตน ไม่ฟังผู้ใด ท่านตาอยากให้พ่อไปนั่งตรวจคนเจ็บป่วยที่ร้านขายยาของท่านตา ทีแรกพ่อก็ไปตาม

  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter   116.  ท่านรักข้าบ้างหรือเปล่า

    “ท่านพ่อของเจ้าบอกข้าแล้วว่าจะเดินทางไปเมืองหลวง”มู่ฟางเหนียงนิ่งงันไป พ่อเพิ่งคุยกับนางเมื่อครู่แต่บอกกับคนผู้นี้ไปก่อนแล้ว แสดงว่าท่านตัดสินใจแล้ว คงไม่มีเหตุผลให้นางยื้อเวลาที่จะอยู่ที่นี่ได้อีกแล้ว‘ท่านจะให้เราสองคนห่างกันอย่างนั้นหรือ?’เสียงของหมอมู่หยางซัวแทรกเข้ามาในหัวสมองของเขา จ้าวจิ่นสือกอดนางแน่นขึ้น กลัวว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้กอดนางไว้แนบอกเช่นนี้ ยศถาบรรดาศักดิ์หรือแม้แต่ตำแหน่งรองแม่ทัพที่มีอยู่ไม่ได้ทำให้เขามีความสุขได้มากเท่ากับที่มีนางอยู่เคียงข้าง“จากนี้เดินทางไปเมืองหลวงจะสะดวกกว่า ข้าจะเตรียมรถม้าพร้อมผู้ติดตามไปส่งเจ้ากับพ่อให้ถึงที่หมายอย่างปลอดภัย”ทำไม... ทำไมเขาพูดเหมือนอยากให้นางไปไกลห่างเช่นนี้ด้วยเล่า“สิ่งของของเจ้าที่อยู่ที่บ้านข้า ข้าจะให้คนเก็บรักษาไว้อย่างดี หรือเจ้าต้องการสิ่งใดก็ขอให้บอก ข้าจะให้คนส่งตามไปให้เจ้า”ถ้อยคำแห่งความหวังดีกลับกลายเป็นโบยตีหัวใจนางให้เจ็บปวด นี่เขาคิดแทนนางถึงเพียงเชียวหรือ? กลัวว่านางจะไปไม่พ้นหน้าเขาหรืออย่างไรกันจะติดตามนางไปด้วยก็ไม่ได้ แค่นี้เขาก็หงุดหงิดเต็มประดาแล้ว“ท่านไม่ต้องกังวลเกินกว่าเหตุไป ครา

  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter   115. ทรมาน

    “ฟางเหนียง พ่อเห็นว่างานที่นี่ก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวลแล้ว พ่อคิดว่าถึงเวลาที่เราต้องเดินทางกันเสียที”“อะไรนะเจ้าคะ” นางตื่นตกใจอย่างเก็บอาการไม่อยู่ เร็วถึงเพียงนี้เชียวหรือ?“เจ้าไม่อยากไปกับพ่อแล้วหรือ?”“มิได้ ลูกแค่... เรายังไม่ได้เตรียมตัว”“เตรียมตัว?” มู่หยางซัวทวนคำแล้วหัวเราะในลำคอ “พวกเราเคยเตรียมตัวกันด้วยรึ ถ้าไม่นับที่เราอยู่ชายแดนมาสองปี ที่ผ่านมาเราก็แทบไม่เคยเตรียมตัวก่อนออกเดินทางสักครั้ง”“แต่ว่า เรามีข้าวของอยู่ที่จวนแม่ทัพจ้าว”“เจ้าใส่ใจของพวกนั้นด้วยรึ พ่อไม่เคยนึกถึงเรื่องพวกนั้น” รอยยิ้มกึ่งล้อทำให้มู่ฟางเหนียงแอบค้อนเข้าให้“ข้ามีของที่ได้รับมาจากมิตรสหายเผ่าเอ้อหลุนชุน ถึงมันอาจไม่ได้มีราคาค่างวดมากมาย แต่มีค่ากับจิตใจของข้ามากนัก”“จากที่นี่เดินทางไปเมืองหลวงจะใกล้กว่า ถ้าเจ้าอยากย้อนกลับไปก็จะเสียเวลามาก”“แต่ว่า...” นางนึกถึงเครื่องประดับที่ทำจากหินหรือกระดูกสัตว์ที่นางได้มา คิดถึงเสื้อคลุมหนังหมาป่าที่จินปู๋กับนางลู่อู๋มอบให้ คิดถึงบันทึกการรักษาที่ท่านหมอผู้เฒ่ามอบให้ สิ่งเหล่านั้นมีภาพของชายผู้นั้นปรากฏขึ้นมาด้วย“ฟางเหนียง บางสิ่งที่เจ้าเผชิญอยู่มัน

  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter  114. ข้าเป็นพ่อนาง ข้ามิได้ตาบอดจะได้ไม่รู้ไม่เห็นอะไร

    “ท่านหมอมู่” จ้าวจิ่นสือพยายามคุมสติและปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติ “ท่านอาจไม่ทราบ ข้ากับฟางเหนียง...” มู่หยางซัวยกมือขึ้นห้ามไม่ให้อีกฝ่ายพูดออกมา “ข้าเป็นพ่อนาง ข้ามิได้ตาบอดจะได้ไม่รู้ไม่เห็นอะไร” มือของเขาเคยแต่จับมีดช่วยคน เพิ่งเคยรู้สึกอยากจับมีดฆ่าคนก็คราวนี้ “ข้าจริงใจกับนาง หวังให้ท่านเข้าใจ” “เจ้าหวังให้ผู้อื่นเข้าใจเจ้า แล้วเจ้าเข้าใจผู้อื่นรึ” “ข้าตั้งใจว่ากลับจากซูโจวจะให้ท่านพ่อสู่ขอฟางเหนียงกับท่าน” “แล้วอย่างไร?” ปกติมู่หยางซัวเป็นคนใจเย็น จะเห็นสีหน้าเคืองโกรธก็น้อยครั้งเหลือเกิน “เจ้าตบแต่งนางเข้าตระกูลเจ้าแล้ว ก็ใช่ว่าเจ้าจะรับหญิงอื่นเข้ามาไม่ได้อีก ตอนนี้เจ้าก็พูดได้ แต่อนาคตเจ้าจะไม่รับใครเข้ามาอีกรึ เจ้าไม่ใช่คนธรรมดา ฐานะชาติกำเนิดของเจ้า เจ้าย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจ” “ความหมายของท่านคือไม่ยินดียกนางให้ข้า” แม้จะข่มน้ำเสียงตัวเองให้ราบเรียบ แต่กรุ่นไอโทสะแผ่กระจายออกมาจนอีกฝ่ายยังรู้สึกได้ “ข้าไม่ได้พูดเช่นนั้น” มู่หยางซัวทำน้ำเสียงเยาะในลำคอ แค่นี้ก็โกรธจนไอโท

  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter 113. ข้าเป็นพ่อนาง ข้ามิได้ตาบอดจะได้ไม่รู้ไม่เห็นอะไร

    “พ่อไม่พูดใช่ว่าไม่รู้” มู่หยางซัวจับไหล่ของลูกสาวให้ก้าวเข้าไปนั่งบนเตียง ส่วนตนนั้นก็เลื่อนเก้าอี้กลมมานั่งใกล้ๆ “เจ้ารู้ว่าพ่อพูดถึงเรื่องจ้าวจิ่นสืออยู่” “ท่านพ่อ” นางหลุบตาลง เป็นฝ่ายไม่กล้าสบตาเสียเอง แม้จะรู้ดีแก่ใจว่าสักวันเรื่องนี้พ่อต้องเอ่ยปากกับนาง “เจ้ารักคนผู้นั้นมากเลยหรือ” น้ำเสียงที่ถามเป็นน้ำเสียงตัดพ้อมากกว่าต้องการคำตอบ “พ่อรู้ อย่างไรก็ต้องมีวันนี้... อย่างไรเสียเจ้าก็ต้องแต่งงานมีครอบครัวของตัวเอง เจ้าจะทำตัวติดกับพ่อตลอดไปไม่ได้หรอก” “ท่านพ่ออย่าพูดเช่นนั้น ท่านพ่อตัวคนเดียว ลูกไม่ยอมทิ้งท่านพ่อเด็ดขาด หากลูกจะแต่งงานกับผู้ใด คนผู้นั้นก็ต้องยอมรับท่านพ่อได้ด้วยเช่นกัน” “เราผ่านอะไรกันมามากมายเหลือเกิน เจ้าอาจได้เห็นโลกกว้างมากกว่าเด็กวัยเดียวกัน” มู่หยางซัวตบหลังมือของลูกสาวเบาๆ “เจ้าก็เห็นแล้ว ทั้งเศรษฐี ทั้งขุนนาง ทั้งยาจก ทั้งคนยากไร้ เจ้าย่อมรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ยิ่งสูงศักดิ์มากเพียงใด ก็ยิ่งแก่งแย่งแข่งขันกันมากเพียงนั้น แล้วเจ้าจะรับมือเรื่องราวเหล่านั้นได้ไหวหรือไม่ เมื่อกลายเป็นคนของเขาไปแล้ว เจ้า

  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter  112. หายดี

    มู่ฟางเหนียงเดินเคียงข้างจ้าวจิ่นสือไปถึงศาลาหกเหลี่ยมที่องค์ชายไท่หยางประทับอยู่ องค์ชายไท่หยางเชื้อเชิญให้ทั้งสองนั่ง รอจนบ่าวรับใช้รินน้ำชาเรียบร้อยแล้ว จึงโบกมือไล่ให้ผู้อื่นออกไปให้หมด แม้จะไม่เห็นเงาร่างแต่ก็รู้ว่าต้าซื่อองครักษ์ขององค์ชายเฝ้าอารักขาอยู่“ข้าต้องยอมรับความสามารถในการจัดการของรองแม่ทัพจ้าวจิ่นสือ ต่อให้ข้ามิได้มา เจ้าก็คงจัดการที่นี่ได้อย่างราบรื่นด้วยดี”“เป็นเพราะพระบารมีขององค์ฮ่องเต้และองค์ชาย ทำให้การงานครั้งนี้ลุล่วงด้วยดีพ่ะย่ะค่ะ”“ข้าเองสุขภาพไม่ค่อยดีนัก ครั้นจะให้องค์รัชทายาทเสด็จมาเองก็เกรงว่าจะมีคนลอบเอาชีวิต คราวที่แล้วยังหาตัวผู้บงการมิได้ ครั้งนี้ข้าเลยต้องมาเอง ข้าอาจจะทำอะไรได้ไม่เต็มที่นัก อย่างไรก็ต้องฝากเจ้าดูแลต่อด้วย”“ข้าน้อยรับพระบัญชา”มู่ฟางเหนียงนั่งฟังนิ่งๆ แล้วลอบมองคุณชายเฉิน ไม่สิ ตอนนี้คนผู้นี้คือองค์ชายไท่หยางที่มักพูดออกตัวว่าตนเองสุขภาพไม่แข็งแรง แต่เท่าที่นางเห็นตอนนี้ ช่างเป็นองค์ชายที่สุขภาพแข็งแรงดีเหลือเกิน“ความจริงที่เรียกเจ้าทั้งสองมาดื่มน้ำชาที่นี่ไม่ใช่เพราะเรื่องงาน ข้าอยากคุยเรื่องเคอหลิ่งหลิน”จ้าวจิ่นสือเงยหน้าสบด

DMCA.com Protection Status