Share

บทที่84 พบเจอสหาย

ตลอดสองวันมานี้หนิงอ้ายได้รับเคล็ดลับมากมายเกี่ยวกับการหลอมสร้างโอสถจากเหล่าศิษย์พี่ เพราะเหวินหวู่ได้ให้คำแนะนำกับเด็กหนุ่มเพิ่มเติม ว่าในการหลอมสร้างโอสถนอกจากการที่ต้องฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอจนชำนาญเเล้ว การที่ได้เห็นวิถีหลอมสร้างของนักปรุงโอสถเเต่ละคนก็ช่วยในเรื่องนี้เช่นกัน

ความแตกต่างและเอกลักษณ์เฉพาะเหล่านี้สามารถที่จะนำมาปรับใช้ให้เข้ากับวิถีหลอมสร้างของตนเองได้ ในยุทภพเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดไปเท่าไหร่นัก หากว่านักปรุงโอสถที่มีอาจารย์สั่งสอนคนเดียวกัน เเต่ละสำนักจะมีวิถีหลอมสร้างที่ใกล้เคียงกันเพราะอย่างไรก็ตามหลังจากผ่านพ้นเป็นนักปรุงโอสถระดับสี่ การจะเป็นนักปรุงโอสถระดับห้าอย่างเต็มตัวจำเป็นจะต้องคิดค้นและมีวิถีหลอมสร้างเป็นของตัวเองหากไม่เช่นนั้นก็จะติดอยู่ในขั้นของนักปรุงโอสถระดับสี่เพียงเท่านั้น

ทางฝั่งของหนิงอ้ายเองที่ใช้เวลายามว่างในช่วงบ่ายหลังจากที่ช่วงเช้าที่เด็กหนุ่มรับหน้าที่ทำอาหารเช้าและดูเเลสวนสมุนไพรให้กับอาจารย์ของตน เหวินหวู่ได้มีการสอนทักษะเพิ่มเติมอันเป็นวิถีหลอมสร้างเฉพาะให้กับเด็กหนุ่มอย่างไม่หวงแหน ด้วยเพราะตำแหน่งศิษย์ผู้สืบทอดตำหนักที่เด็กหนุ่มถือครองอยู่

ตัวของเหวินหวู่เองก็ตั้งใจรับหนิงอ้ายเป็นศิษย์สืบทอดสายตรงของตนหลังจากนี้อีกด้วย การที่เด็กหนุ่มไปหาบรรดาศิษย์พี่ในตำหนักในขณะที่อีกฝ่ายกำลังหลอมสร้างโออสถระดับสาม โอสถระดับสี่อยู่นั้นทำให้หนิงอ้ายสามารถเก็บเกี่ยวรายละเอียดเล็กน้อยที่นำมาปรับใช้กับการหลอมสร้างโอสถของตนไปไม่น้อยเลยทีเดียว

อีกทั้งวิญญาณยุทธ์ปราณธาตุไฟของศิษย์พี่เเต่ละคนที่เนตรเเห่งสวรรค์ได้ส่งข้อมูลบางส่วนให้รับรู้ ก็ทำให้หนิงอ้ายได้เข้าใจเพิ่มเติมขึ้นว่าลักษณะเฉพาะของเเต่ละเปลวเพลิงอันเกิดจากวิญญาณยุทธ์ของผู้ฝึกตนที่มีความแตกต่างกันไป ย่อมทำให้เกิดเอกลักษณ์เฉพาะในวิถีปรุงโอสถ ทำให้เกิดคุณสมบัติแฝงในโอสถเม็ดนั้นที่ถูกหลอมสร้างขึ้นมานั่นเอง

นอกจากนั้นหนิงอ้ายได้ทำการหลอมสร้างโอสถระดับหนึ่งอีกหลายสูตรเพื่อให้ศิษย์พี่ได้คำแนะนำแก่เขาเพิ่มเติมเช่นกัน หนิงอ้ายไม่ได้หยิ่งทะนงในศักดิ์ศรีหรือมีความคิดที่ว่าตนเป็นถึงศิษย์ผู้สืบทอดของตำหนักแล้วจะอยู่เหนือขั้นกว่าศิษย์พี่ของตน เพราะตำแหน่งนี้สำหรับเขาเเล้วก็เป็นเพียงหน้าที่หรือหัวโขนหนึ่งที่ต้องเเบกรับ ทำหน้าที่ดังกล่าวให้ดีที่สุดเพียงเท่านั้น

ที่สำคัญคือประสบการณ์และองค์ความรู้ต่าง ๆ เกี่ยวกับสมุนไพรรวมไปถึงการหลอมโอสถจากแนวทางวิถีปรุงโอสถเฉพาะของศิษย์พี่เเต่ละคนนั้นเรียกได้ว่าเปิดมุมมองใหม่ให้กับหนิงอ้ายเป็นอย่างมาก คำแนะนำที่อีกฝ่ายได้ให้กับเด็กหนุ่มนั้นก็เป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์กับตัวเขามากเช่นกัน

"เจ้าช่างมีพรสวรรค์ยิ่งนักศิษย์น้องหนิงอ้าย เพียงเเค่สองวันเจ้าก็สามารถหลอมสร้างโอสถระดับหนึ่งที่มีความบริสุทธิ์ได้ถึงสิบส่วนเช่นนี้ เป็นอย่างที่เจ้าคิดเรื่องของเวลาในการหลอมสร้างนั้นเป็นตัวแปรที่สำคัญในการหลอมสร้างโอสถเช่นกัน..." เหยียนฮุ่ยเอ่ยชมศิษย์น้องเล็กของตนเสียไม่ได้

ก่อนหน้านี้ที่อีกฝ่ายสามารถเรียนรู้ จดจำเกี่ยวกับสมุนไพรต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วก็นับว่าทำให้ตนประหลาดใจเเล้ว เเต่นี่ถึงกับปรุงโอสถระดับหนึ่งที่มีความบริสุทธิ์ถึงสิบส่วนเช่นนี้ได้เพียงเเค่ระยะเวลาเท่านี้หากเทียบกับตนที่ใช้เวลาไปเกือบเดือนแล้วจะเป็นอันใดได้กัน

"ความจริงเเล้วศิษย์พี่ใหญ่อีกคนก็มากไปด้วยพรสวรรค์เช่นเดียวกับเจ้า วิถีปรุงโอสถของศิษย์พี่นั้นเรียกได้ว่าล้ำลึกพิศดารเป็นรองจากท่านอาจารย์ไปเพียงไม่กี่ส่วนเท่านั้น หากมีเวลาเจ้าสามารถไปขอคำแนะนำได้เพราะบ่อยครั้งที่ท่านอาจารย์ไม่อยู่ตำหนัก เหล่าศิษย์พี่ของพวกเจ้าหากมีข้อสงสัยในการปรุงโอสถก็จะไปปรึกษาสอบถามจากศิษย์พี่ใหญ่เช่นกัน..." ชายหนุ่มแนะนำศิษย์น้องของตนไปพร้อมกับตบไหล่ให้กำลังใจ

"ขอรับศิษย์พี่..." หนิงอ้ายที่ได้ยินก็ได้เเต่ตอบรับอยู่ในคออย่างแผ่วเบาพร้อมกับชวนอีกฝ่ายคุยเรื่องอื่นไปเสีย

จนมาถึงตอนนี้ตั้งเเต่ที่หนิงอ้ายได้พบเจอกับอีกฝ่ายที่เป็นศิษย์พี่ใหญ่ของตน เขายังไม่สามารถหาจุดเชื่อมโยงได้ว่าอีกฝ่ายมีความเกี่ยวกับกับเเทนไทยังไงกันแน่ เพราะไม่ว่าจะเป็นสายตาและท่าทางต่าง ๆ ของอีกฝ่ายที่เขาสังเกตุแทบเป็นคนเดียวกันในความรู้สึกของเขา เเต่ถึงอย่างนั้นข้อมูลของอีกฝ่ายที่เขาได้รับรู้จากเนตรเเห่งสวรรค์นั้นก็ไม่ได้พบความผิดปกติอันใด เเต่ด้วยสัญชาติญาณส่วนลึกของเขาได้ร้องบอกว่าควรที่จะอยู่ห่างจากศิษย์พี่คนนี้ให้มากจะเป็นการดีที่สุด...

"ท่านอาจารย์ วันนี้ข้าออกไปพบสหายที่ด้านนอกตำหนักนะขอรับ..." หนิงอ้ายบอกกับอาจารย์ของตนหลังจากที่ในช่วงเช้าที่ผ่านมานั้นเด็กหนุ่มได้ทำอาหารและรดน้ำดูเเลสวนสมุนไพรให้กับอาจารย์ของตนเสร็จเรียบร้อยเเล้วดั่งเช่นทุกวันที่ผ่านมา

"เจ้าไปเถิดแล้วอย่าลืมแวะอาคารส่วนกลางของตำหนักเราก่อนเล่า โอสถระดับหนึ่งที่เจ้าหลอมสร้างได้ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาจงนำไปแลกแต้มคะแนนคงจะได้มาอยู่ไม่น้อย..."

"เอาป้ายหยกอันนี้ไปด้วย ข้าได้บอกกับตาเฒ่าซุนให้เตรียมสมุนไพรที่ใช้ในการปรุงโอสถระดับสองให้แก่เจ้า สำหรับการเรียนขั้นไปหลังจากนี้..." เหวินหวู่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเอ็นดู

"ขอรับท่านอาจารย์" หนิงอ้ายตอบกลับไปพร้อมกับยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะเเยกตัวไป ซึ่งใช้เวลาเพียงไม่นานเด็กหนุ่มก็มาถึงอาคารส่วนกลางที่เป็นเป้าหมายของตนเเล้ว

"เจ้ามาแล้วอย่างนั้นรึ...ตาเฒ่าเหวินได้บอกกับเจ้าเเล้วใช่หรือไม่เรื่องสมุนไพร?" ซุนเกาเอ่ยทักขึ้นเมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มผู้เป็นศิษย์ผู้สืบทอดได้ก้าวเท้าเข้ามายังอาคารส่วนกลางหลังนี้

"คำนับเหล่าซุนขอรับ วันนี้ข้ารับสมุนไพรตามที่ท่านอาจารย์ได้ฝากไว้พร้อมกับนำโอสถระดับหนึ่งที่ข้าหลอมสร้างเสร็จมาแลกแต้มคะแนนขอรับ..." หนิงอ้ายตอบกลับไปพร้อมกับยื่นป้ายหยกอีกชิ้นที่ตนได้รับมาจากอาจารย์ก่อนหน้านี้

"โอ้!! ถึงกับหลอมสร้างโอสถระดับหนึ่งได้สำเร็จแล้วอย่างนั้นรึ?? ไม่ธรรมดา ไม่ธรรมดา"

"เป็นความเมตตาของท่านอาจารย์ที่สั่งสอนรวมไปถึงศิษย์พี่ทุกคนที่เอ็นดูให้คำแนะนำแก่ข้าขอรับ..."

"เอาละ!!เจ้ารออยู่ตรงนี้สักครู่เดี๋ยวข้าไปหยิบสมุนไพรให้ เจ้าเตรียมโอสถที่เจ้าต้องการแลกแต้มคะแนนออกมารอเลยก็ได้เช่นกัน..." กล่าวจบลง รางสูงใหญ่ของอีกฝ่ายนั้นได้หายไปตรงทางด้านหลัง หนิงอ้ายก็ทำตามที่อีกฝ่ายได้บอกนั่นคือการยืนรออย่างสงบพร้อมกับตรวจทานโอสถระดับหนึ่งที่ได้เตรียมมาอีกครั้ง

"เเหวนมิตินี้มีสมุนไพรสำหรับสูตรโอสถระดับสองจำนวนทั้งหมดยี่สิบชุดให้แก่เจ้าตามที่ตาเฒ่าเหวินได้บอกกับข้า แล้วไหนเล่าโอสถที่เจ้าต้องการเเลกเป็นแต้มคะเเนนในวันนี้..."

"ขายหน้ากับเหล่าซุนแล้วขอรับ เป็นข้าที่ปรุงโอสถเหล่านี้ขึ้นมาเองทั้งสิ้นรบกวนเหล่าซุนตรวจสอบก่อนโอสถที่ข้าเตรียมมาจะเป็นโอสถรักษาสามสิบเม็ด โอสถห้ามเลือดห้าสิบเม็ดและโอสถลมปราณอีกยี่สิบเม็ด ล้วนเเต่มีความบริสุทธิ์สิบส่วนทั้งสิ้นขอรับ..." หนิงอ้ายตอบกลับไปพร้อมกับมอบเเหวนมิติที่ตนบรรจุโอสถทั้งหมดให้กับอีกฝ่ายได้ตรวจสอบ

"โอสถระดับหนึ่งที่มีความบริสุทธิ์สิบส่วน เจ้าเป็นผู้ปรุงโอสถทั้งหมดนี่เองงั้นรึ??" ซุนเการ้องดังขึ้นด้วยความแปลกประหลาดใจ ด้วยเพราะเด็กหนุ่มพึ่งเข้าเป็นศิษย์ในตำหนักยังไม่ถึงเจ็ดวัน จากที่ตนพอทราบมานั่นคืออีกฝ่ายพึ่งได้หลอมสร้างโอสถเพียงสองถึงสามวันเท่านั้น เเต่กลับสามารถปรุงโอสถระดับนี้ออกมาได้ นับว่าเป็นสุดยอดรุ่นเยาว์ที่มากด้วยพรสวรรค์อย่างเเท้จริง

"รุ่นเยาว์เดี๋ยวนี้ช่างน่าชื่นชมเสียจริง เอาละ ๆ ตำหนักของเราจะมีกฎเกณฑ์เกี่ยวกับการนำโอสถที่หลอมสร้างมาเเลกเป็นแต้มคะเเนนดังเช่น โอสถระดับหนึ่งที่มีความบริสุทธิ์สิบส่วนหนึ่งเม็ดก็จะได้รับไปสิบแต้มคะเเนน โอสถระดับสองความบริสุทธิ์สิบส่วนหนึ่งเม็ดก็จะได้รับไปยี่สิบแต้มคะเเนน โอสถระดับสามความบริสุทธิ์สิบส่วนหนึ่งเม็ดก็จะได้รับไปสามสิบแต้มคะเเนน เจ้าจะเห็นว่าแต้มคะเเนนที่ได้มานั้นจะเป็นล้อไปกับระดับของโอสถและความบริสุทธิ์ของโอสถ..."

"โอสถที่เจ้านำมาล้วนเป็นโอสถระดับหนึ่งจำนวนทั้งหมดหนึ่งร้อยเม็ด มีความบริสุทธิ์สิบส่วนทั้งสิ้น ดังนั้นเจ้าจะได้รับไปนั่นคือหนึ่งพันแต้มคะเเนนในวันนี้ ยื่นป้ายหยกประจำตัวของเจ้ามาข้าจะมอบแต้มคะเเนนนี้ให้แก่เจ้า..."

"ครั้งต่อไปหากเจ้าทำการปรุงโอสถได้มากพอแล้วก็สามารถนำมาเเลกเปลี่ยนเป็นแต้มคะเเนนหรือเป็นสมุนไพรตามสูตรโอสถที่เจ้าต้องการได้ หรือหากต้องการฝากโอสถเหล่านั้นไปขายที่ตลาดในเมืองก็บอกข้าได้เช่นกัน" ซุนเกาแนะนำหนิงอ้ายไปอีกครั้ง

"ข้าทราบแล้วขอรับเหล่าซุน อย่างไรวันนี้ขอบคุณท่านมากนะขอรับ..." หนิงอ้ายเอ่ยขอบคุณอีกฝ่ายที่เป็นธุระจัดการให้กับตนในวันนี้ พร้อมกับคำนับอีกฝ่ายไปอีกเล็กน้อยก่อนที่จะออกจากอาคารส่วนกลางไปยังเรือนพักของตนเนื่องจากตอนนี้ใกล้เวลานัดหมายเเล้ว เด็กหนุ่มคาดการณ์เอาว่าเขานั้นน่าจะไปทันพอดี...

การนัดหมายกับลู่ซีและสหายคนอื่น ๆ ในวันนี้ หนิงอ้ายตั้งใจว่าจะพาต้าเฮยออกไปเปิดหูเปิดตาด้วย เมื่อเจ้าตัวน้อยได้ยินอย่างนั้นก็มีทีท่าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขเป็นอย่างมาก ก่อนที่อสรพิษน้อยนั้นจะเลื้อยขึ้นมาตามแขนของหนิงอ้ายและหายไปอยู่ในอกเสื้อของเด็กหนุ่มดั่งเช่นทุกครั้งพร้อมกับชูคอออกมาเล็กน้อยด้วยท่าทางที่น่าเอ็นดูยิ่ง

คิดถูกเเล้วที่หนิงอ้ายเลือกพาอีกฝ่ายออกมาด้วยเพราะว่าก่อนหน้านี้เขาทุ่มเทกับการปรุงโอสถเป็นอย่างมากเลยทำให้ไม่ค่อยมีเวลาให้กับอีกฝ่ายเท่าไหร่นัก ดังนั้นเขาจึงสัญญากับตัวเองว่าหลังจากนี้หากตนไปที่ใดก็จะพาเจ้าตัวน้อยนี้ไปด้วยทุกครั้งอย่างแน่นอน

ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งเค่อเท่านั้นหนิงอ้ายออกจากนอกเขตประตูของตำหนักศาสตร์แห่งการรักษาของตนเเล้วท่ามกลางสายตาของศิษย์สายใน ศิษย์สายนอกชายหญิงมากมายที่มองมาด้วยความอยากรู้อยากเห็นเเต่นั่นก็ไม่ได้ส่งผลกับเด็กหนุ่มไปมากสักเท่าไหร่

เพียงชั่วครู่หนิงอ้ายก็ไปถึงโรงครัวส่วนรวมเสียที ร่างกายบอบบางรวมไปถึงหน้าตาที่รูปงามของหนิงอ้ายได้เรียกความสนใจจากทุกคนในที่นี้ ด้วยเป็นวันหยุดที่ทางสำนักเป็นผู้กำหนดให้ทั้งสี่ตำหนักได้หยุดตรงกันดังนั้นจำนวนผู้คนจึงมากกว่าในยามปกติไปมากเมื่อวิหคสอดแนมส่งรูปภาพกลุ่มสหายของเขาที่นั่งอยู่ในอีกฝั่งหนิงอ้ายจึงไม่รอช้าก้าวเท้าเดินไปทิศทางนั้นในทันที

"เป็นอย่างไรบ้างหนิงอ้าย ปรับตัวได้มากเเล้วใช่หรือไม่??" จ้าวหลานเอ่ยทักขึ้นเมื่อเห็นว่าสหายอายุน้อยของพวกตนมาถึงเเล้ว

"ข้าสบายดีตอนนี้ก็ปรับตัวได้มากเเล้ว พวกเจ้าทุกคนเล่าเป็นอย่างไรบ้าง??" หนิงอ้ายตอบกลับจ้าวหลานไปพร้อมกับเอ่ยประโยคสุดท้ายถามสหายของตนทุกคน

"พวกข้าสบายดี เเต่ก็มีความตื่นเต้นอยู่มากเเต่ก็ถือว่าปรับตัวได้มากเเล้ว..." หลี่ซวงตอบกลับไปพร้อมกับขยับตัวให้สหายมานั่งข้างตน

"ลู่เกอเล่าขอรับ อยู่ตำหนักศาสตร์แห่งค่ายกลเป็นอย่างไรบ้าง?"

"เกอสบายดี ตอนนี้ถือว่าปรับตัวได้มากแล้วเช่นกัน ยังดีที่มีอู๋ฮั่นอยู่ด้วยจึงพอมีเพื่อนพูดคุยอยู่บ้าง..." ลู่ซีตอบกลับเด็กหนุ่มไปพร้อมกับสำรวจเด็กหนุ่มที่เป็นดั่งน้องชายของตน

"พวกข้าต่างล้วนมีสหายอยู่ในตำหนักเดียวกัน มีเพียงเเต่เจ้านั่นเเหละหนิงอ้ายที่อยู่ตำหนักศาสตร์แห่งการรักษาเพียงคนเดียว ไม่รู้ว่าข้าจะไปหาเจ้าที่ตำหนักได้หรือไม่นะ??" อี้หลินเอ่ยขึ้นพร้อมกับถามเด็กหนุ่มด้วยน้ำเสียงที่คาดหวัง

"หยุดเลยอี้หลิน เจ้าก็น่าจะรู้ว่าท่านเหวินหวู่เจ้าตำหนักศาสตร์แห่งการรักษานั้นไม่ชอบให้ศิษย์จากตำหนักอื่นเข้าไปวุ่นวายในอาณาเขตตำหนักสักเท่าไหร่หากไม่ได้มีเรื่องสำคัญจริง ๆ พวกเราค่อยนัดเจอกันข้างนอกเช่นนี้ก็ได้..." จินหั่วเอ่ยห้ามปรามเด็กหนุ่มร่างเล็กที่นั่งอยู่ข้างกัน ก็มีการตอบรับคำพูดนั้นด้วยใบหน้าที่บูดบึ้งจากการถูกขัดใจจากสหายของตนนั่นเอง

"เป็นอย่างที่จินหั่วว่าไว้นั่นเเหละ หากคิดถึงข้าก็เขียนจดหมายเวทย์มาหรือพวกเราจะนัดเจอกันที่นี่ทุกอาทิตย์ก็ย่อมได้..."

"จริงสิ!!ข้ามีบางสิ่งที่จะมอบให้กับพวกเจ้า" หนิงอ้ายร้องขึ้นราวกับพึ่งนึกขึ้นได้ก่อนที่จะล้วงหยิบสิ่งของบางสิ่งออกจากเเหวนมิติของตน จากนั้นจึงได้มอบขวดแก้วเหล่านั้นให้กับสหายของตนทุกคน

"โอสถอย่างนั้นรึ??"

"กลิ่นหอมยิ่งนัก พินิจจากกลิ่นแล้วน่าจะมีความบริสุทธิ์ถึงสิบส่วนเลยกระมัง...

"ทั้งสามขวดนั่นคือโอสถห้ามเลือด โอสถรักษาและโอสถลมปราณระดับหนึ่งที่มีความบริสุทธิ์สิบส่วนขวดละห้าเม็ด ทั้งหมดนี้เป็นโอสถที่ข้าปรุงขึ้นมาด้วยตนเองทั้งสิ้น..." หนิงอ้ายบอกไปเมื่อเห็นว่าในมือของทุกคนนั้นต่างมองดูขวดโอสถที่พึ่งได้รับไป

"นี่ข้าไม่ได้ยินผิดไปใช่หรือไม่?? โอสถนี้เป็นเจ้าที่หลอมสร้างเองงั้นรึ!!" อี้หลินร้องดังขึ้นด้วยความตกใจ

"เจ้าพึ่งเริ่มเรียนรู้ได้ไม่กี่วันไม่ใช่รึ เหตุใดจึงหลอมสร้างโอสถได้เร็วเช่นนี้??" จ้าวหลานถามกลับไปด้วยความตกใจไม่แพ้กัน

"โอสถระดับหนึ่งที่มีความบริสุทธิ์สิบส่วนทั้งสิ้น เเสดงว่าในตอนนี้เจ้าเป็นนักปรุงโอสถระดับหนึ่งเเล้วใช่หรือไม่??" จ้าวหลานที่พอมีความรู้ในเรื่องนี้อยู่บ้างจึงถามขึ้น สหายตัวน้อยของเขาใช้เวลาไม่ถึงเจ็ดวันหากนับตั้งเเต่วันคัดเลือกเข้าตำหนัก ทว่าในวันนี้อีกฝ่ายถึงกับมีคุณสมบัติเป็นนักปรุงโอสถระดับหนึ่งเเล้ว ช่างมากไปด้วยพรสวรรค์อย่างเเท้จริง

"ท่านอาจารย์บอกว่าข้าต้องสอบเลื่อนขั้นเสียก่อน หากไม่เช่นนั้นจะถือได้ว่ายังไม่ใช่นักปรุงโอสถระดับหนึ่งเเบบเต็มตัว..." หนิงอ้ายบอกกับสหายขอเขาไปตามที่ท่านอาจารย์ได้บอกกับตน

"หากท่านเเม่ ท่านตาท่านยายรู้เข้าคงภูมิใจในตัวเจ้าเป็นมากแน่..." ลู่ซีเอ่ยชมหนิงอ้ายพร้อมกับลูบหัวของเด็กหนุ่มเบา ๆ ด้วยความเอ็นดู เขาไม่ค่อยเเปลกใจเท่าไหร่นักที่เพียงไม่กี่วันอีกฝ่ายสามารถทำเช่นนี้ได้ ยิ่งเด็กหนุ่มพัฒนาตัวเองมากขึ้นเท่าไหร่ตัวของเขานั้นก็ต้องพยายามให้มากขึ้นและต้องเเข็งแกร่งให้มากพอเพื่อที่จะปกป้องอีกฝ่ายในวันข้างหน้าได้...

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terkait

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่85 เรื่องราวที่เกิดขึ้น

    เวลาได้ผ่านไปอย่างรวดเร็วจนมาถึงในยามเว่ยแล้ว กลุ่มของหนิงอ้ายยังคงพากันพูดคุยเเลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่พวกเขาทุกคนพบเจอหลังจากได้เริ่มศึกษาไปในช่วงสี่ถึงห้าวันที่ผ่านมา บางเรื่องจะเป็นสิ่งที่พวกเขาพอรับรู้มาบ้างก่อนหน้าจึงสามารถปรับตัวกันได้อย่างง่ายดาย แต่ละตำหนักล้วนต่างมีแนวทางในการบ่มเพาะศิษย์ของตนที่แตกต่างกันออกไปทั้งสิ้นสำหรับตำหนักศาสตร์เเห่งการต่อสู้ เรียกได้ว่าการเเข่งขันภายในค่อนข้างที่จะสูงมาก บรรดาศิษย์ชายหญิงทุกคนล้วนต้องทำตัวเองให้เเข็งแกร่งต้องเตรียมความพร้อมอยู่เสมอเพราะว่าในทุกเจ็ดวันจะมีการประลองทั้งเชิงเวทย์และเชิงยุทธ์ขึ้นในตำหนัก จุดประสงค์หลักก็เพื่อให้ศิษย์เหล่านี้ตื่นตัวพร้อมกับพัฒนาตัวเองอยู่เสมอด้วยแนวคิดที่ว่าผู้ที่เเข็งแกร่งเท่านั้นที่จะเป็นผู้อยู่รอดแม้จะดูโหดร้ายเเต่นั่นก็เป็นความจริงของยุทธภพที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ การประลองเหล่านี้มีจุดหมายแฝงอยู่นั่นคือเพื่อค้นหาสุดยอดรุ่นเยาว์มากพรสวรรค์ในการเข้าร่วมสังกัดหน่วยต่าง ๆ ที่อาจเป็นกองกำลังสำคัญในอนาคตของทางสำนักได้ หนิงอ้ายแม้จะเป็นห่วงสหายของตนอยู่บ้าง เเต่เมื่อได้ยินว่าสหายของเขาทั้งอี้หลิน จินหั่ว หลี

    Terakhir Diperbarui : 2025-03-06
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่86 นักปรุงโอสถฝึกหัด

    หลังจากที่เขาได้เเยกย้ายกับเหล่าสหายของตนที่อยู่คนละตำหนัก ศิษย์พี่จางลี่ได้ฝากฝังให้ศิษย์พี่ตงหยางเดินไปส่งตนที่หน้าตำหนักเหมือนครั้งเเรกที่ได้เจอกันตรงที่ตลาด ทว่าศิษย์พี่ใหญ่โจวเซินได้ผ่านมาทางนั้นพอดีจึงอาสาเดินกลับตำหนักไปพร้อมกับตน ถึงหนิงอ้ายจะสามารถเเยกแยะได้ว่าชายหนุ่มผู้เป็นศิษย์พี่นั้นเพียงเเค่มีใบหน้าเหมือนกับเเทนไทและไม่ใช่คนเดียวกันอย่างแน่นอนหนิงอ้ายกลับมีความรู้สึกบางอย่างที่ว่าไม่ควรอยู่ใกล้กับคนนี้จะเป็นการดีที่สุด อาจจะดูเสียมารยาทไปบ้างกับศิษย์พี่โจวเซินผู้เป็นถึงศิษย์พี่ใหญ่ในตำหนักของตนก็จริง ทว่าหนิงอ้ายยังมีความรู้สึกบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้ สายตาที่อีกฝ่ายมองมาชวนให้เขารู้สึกอึดอัดใจไปไม่น้อยเช่นกัน เพื่อหลีกหนีความวุ่นวายจากชายหนุ่มทั้งสองคนหนิงอ้ายจึงเลือกที่จะเดินกลับตำหนักของตนในทันทีอย่างไม่รั้งรอโดยที่ไม่ต้องให้ผู้ใดต้องมาคอยรับส่งตนทั้งสิ้นวิหคสอดแนมของหนิงอ้ายก็ได้ทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างดีเยี่ยม หนิงอ้ายได้รับรู้ทุกสิ่งที่ศิษย์พี่ท่านนี้ทำเป็นประจำทุกวัน ถึงแม้ว่าในตอนนี้จะยังไม่เจอความผิดปกติก็จริง เเต่ถึงอย่างไรหนิงอ้ายยังคงสั่งให้วิหคสอดแน

    Terakhir Diperbarui : 2025-03-06
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่87 โอสถห้ามเลือด

    โอสถห้ามเลือดเป็นโอสถเเรกที่หนิงอ้ายได้ปรุงออกมาได้สำเร็จ การหลอมสร้างปรุงโอสถระดับสองวันนี้เหวินหวู่จึงให้เด็กหนุ่มได้เริ่มจากโอสถนี้อีกครั้ง สำหรับสูตรโอสถห้ามเลือดระดับสองนี้ที่ได้รับมาจากอาจารย์ของตนหนิงอ้ายเห็นว่านอกจากจะมีสมุนไพรตั้งต้นจากสูตรโอสถระดับหนึ่ง นอกจากนี้ยังได้มีการเพิ่มสมุนไพรขึ้นมาอีกหลายชนิดเช่นกันที่ล้วนเเต่มีฤทธิ์ส่งเสริมสมุนไพรก่อนหน้าทั้งสิ้น เมื่อเด็กหนุ่มได้จัดเตรียมสมุนไพรครบถ้วนตามสูตรโอสถในมือของตนแล้วจึงไม่รอช้าที่จะลงมือในทันทีหนิงอายตั้งสมาธิให้มั่นคงพร้อมกับเรียกญาณสัมผัสของตนออกมาคลอบคลุมไปทั้งทั้งเตาโอสถตรงหน้านี้ มือเรียวบางได้ตวัดเอาสมุนไพรตามสูตรโอสถลงไปในเตาหลอมก่อนที่จะเรียกวิญญาณยุทธ์ธาตุไฟของตนออกมาอย่างระมัดระวัง ความล้ำค่าของสมุนไพรตามสูตรโอสถระดับสองนี้ที่บางชนิดก็มีอายุถึงร้อยปี ดังนั้นการหลอมสร้างปรุงโอสถในครั้งนี้หนิงอ้ายจึงระวังตั้งใจเป็นอย่างมากเพราะต้องการใช้สมุนไพรเหล่านี้ให้คุ้มค่ามากที่สุดปราณธาตุไฟที่เกิดจากวิญญาณยุทธ์ของหนิงอ้ายได้ล้อมรอบเตาโอสถซึ่งเด็กหนุ่มพยายามบังคับเปลวเพลิงนี้ให้มีความสมดุลไม่เบาไม่หนักจนเกินไปเพื่อที่จะไ

    Terakhir Diperbarui : 2025-03-06
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่88 หมู่บ้านไร้นาม

    วิญญาณยุทธ์ปราณธาตุไฟที่ถูกปลดปล่อยออกมายามที่หนิงอ้ายฝึกฝนวิชายุทธได้แฝงไปด้วยความร้อนและความเเข็งแกร่งเป็นอย่างมาก บทเวทย์ต่าง ๆ ที่หนิงอ้ายถือครองอยู่นั้นเรียกได้ว่าอาณุภาพของบทเวทย์ดังกล่าวไปทบทวีคูณมากเพิ่มขึ้นหลายเท่าพื้นที่ส่วนด้านหลังเรือนพักได้แปรเปลี่ยนเป็นลานฝึกขนาดย่อม ด้วยเพราะหนิงอ้ายได้ร่ายเวทย์ป้องกันที่เสริมความเเข็งแกร่งไปอีกหลายชั้น เสียงระเบิดดังต่อเนื่องที่เกิดจากฝึกฝนเคล็ดวิชาจึงไม่อาจหลุดลอดออกไปสร้างความรำคานแก่ศิษย์พี่ท่านอื่นที่อยู่ไปไม่ไกลจากเรือนพักหนิงอ้ายมุ่งเน้นในการใช้วิญญาณยุทธ์ปราณธาตุไฟของตนเป็นหลัก เพราะถึงอย่างไรเเล้วการเรียกใช้วิญญาณยุทธ์เเต่ละปราณธาตุนั้นล้วนต่างเหมือนกันทั้งสิ้น เพียงต้องอาศัยประสบการณ์ความคุ้นชินเสียมากกว่า แม้ว่าจะใช้ปราณธาตุน้ำตามเคล็ดวิชาคัมภีร์เบญจธาตุได้เเล้วก็จริง เเต่ถึงอย่างไรหนิงอ้ายยังต้องคอยฝึกฝนอยู่เสมอเพื่อให้เกิดความเชี่ยวชาญคุ้นชินมากกว่านี้สำหรับปราณธาตุต่อไปตามคัมภีร์เบญจธาตุที่หนิงอ้ายต้องศึกษา หลังจากปราณธาตุน้ำนั่นก็คือปราณธาตุลม เรียกได้ว่าเป็นปราณธาตุที่เป็นอิสระอย่างยิ่ง สามารถเคลื่อนไหวกระจายไปทั่วสาร

    Terakhir Diperbarui : 2025-03-06
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่89 อสูรจักรพรรดิแมงมุมรัตติกาลเหมันต์

    จุดบริเวณดังกล่าวเป็นแนวต้นไม้สูงใหญ่ที่ให้ความรู้สึกเหมือนกับป่าโบราณที่มีอายุหลายร้อยหลายพันปี กลิ่นอายของสมุนไพรระดับสูงรวมไปถึงลมปราณฟ้าดินบริสุทธิ์ไหลเวียนอย่างเข้มข้น เห็นได้ชัดว่าโดยรอบนี้มีความอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมากมากไปกว่านั้นยังให้ความรู้สึกราวกับว่าตกอยู่ในสายตาดุร้ายไม่ประสงค์ดีที่มองมาจากทั่วทั้งสารทิศ หนิงอ้ายไม่รอช้ารีบสั่งการให้วิหคสอดแนมของตนออกมาอย่างไม่จำกัดในรัศมีพื้นที่โดยรอบ สำหรับเนตรเเห่งสวรรค์ในตอนนี้ที่หนิงอ้ายเป็นผู้ฝึกตนระดับเทวะวิญญาณขั้นต้นได้ส่งผลให้อาณุภาพยิ่งเหนือชั้นมากขึ้นดวงตาเรียวงามสีดำในรูปลักษณ์ปลอมเเปลงนี้แปรเปลี่ยนเป็นสีทองอร่ามไปชั่วครู่ก่อนที่จะกลับมาเป็นเป็นปกติ ญาณสัมผัสได้ถูกขีดเค้นออกมาถึงขีดสุดจนสามารถรับรู้ในในระยะสองลี้อย่างชัดเจน หนิงอ้ายสัมผัสได้ถึงสัตว์อสูรที่อยู่รายล้อมชวนให้น่าหวั่นเกรงอยู่ไม่น้อยสำหรับคนธรรมดาหรือผู้ฝึกตนทั่วไปเเต่ด้วยเพราะเหวินหวู่ที่เป็นผู้ฝึกตนระดับราชันวิญญาณขั้นสูง ที่อีกเพียงครึ่งก้าวก็จะบรรลุถึงระดับเทพยุทธ์วิญญาณเเล้วย่อมส่งผลให้อสูรร้ายต่าง ๆ เหล่านี้ไม่กล้าก้าวล้ำเข้ามาในบริเวณเพราะสัมผัสได้ถึงการ

    Terakhir Diperbarui : 2025-03-06
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่90 ทักษะวิญญาณที่เพิ่มขึ้น

    หลังจากที่จัดการทุกอย่างเสร็จสิ้นเรียบร้อยเเล้ว เหวินหวู่ได้พาหนิงอ้ายมายังที่หนึ่งซึ่งอยู่ห่างไปจากหมู่บ้านไร้นามเเห่งนี้ไปไม่ไกลสักเท่าไหร่นัก ตรงหน้าของเด็กหนุ่มเป็นถ้ำขนาดใหญ่ที่ภายในเต็มไปด้วยสมุนไพรที่ให้ความรู้สึกเหมือนสวนสมุนไพรข้างเรือนของอาจารย์กลิ่นอายของลมปราณฟ้าดินที่ไหลเวียนอยู่โดยรอบเข้มข้นมีความบริสุทธิ์อยู่ไม่น้อย ฟังว่าถ้ำนี้เปรียบได้กับที่พักชั่วคราวในยามที่ท่านอาจารย์ผ่านทางมายังหมู่บ้านนี้ สมุนไพรโดยรอบที่เห็นเป็นระเบียนก็เป็นฝีมือของชายชราเช่นกันที่เลือกสรรนำมาปลูกไว้ในบริเวณถ้ำดั่งกล่าวนี้นั่นเอง"เจ้าจะพักผ่อนก่อนหรือไม่?" ชายชราถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง เพราะก่อนหน้านี้อีกฝ่ายคงเสียพลังวิญญาณไปอย่างมากจากการสังหารอสูรจักรพรรดิแมงมุมรัตติกาลเหมันต์เมื่อครู่ ในความคิดของผู้ที่มีอายุมากกว่าเห็นควรว่าเด็กหนุ่มควรจะพักเสียหน่อยจะเป็นการดีที่สุด"ข้ายังไหวอยู่ขอรับท่านอาจารย์อย่างไรข้าฝากท่านด้วยนะขอรับ..." หนิงอ้ายตอบกลับไปเพื่อให้อาจารย์สบายใจ อีกทั้งยังรบกวนอีกฝ่ายไปอีกด้วยการดูดซับกระดูกวิญญาณในเเต่ละครั้งหากว่าเกิดเหตุการ์ที่ไม่คาดฝันขึ้น ผู้ฝึกตนที่กำลังอยู่ใน

    Terakhir Diperbarui : 2025-03-06
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่91 สอบเลื่อนระดับ

    โดยปกติทั่วไปนักปรุงโอสถฝึกหัดจะมีอายุตั้งเเต่สิบปีถึงยี่สิบห้าปีโดยเสียส่วนใหญ่ ขึ้นอยู่กับระดับพลังวิญญาณรวมไปถึงความเเข็งแกร่งของวิญญาณยุทธ์ปราณธาตุไฟต้นกำเนิดและจะต้องมีจิตวิญญาณของนักปรุงโอสถที่มากพอจึงจะสามารถเข้าสู่เส้นทางนี้ได้นักปรุงโอสถคนหนึ่งจะต้องประกอบไปด้วยทั้งสามสิ่งนี้ไปในทิศทางเดียวกัน หากไม่เป็นไปดังนี้เเล้วย่อมถือว่านักปรุงโอสถฝึกหัดผู้นั้นขาดคุณสมบัติที่จะเลื่อนระดับเป็นนักปรุงโอสถระดับหนึ่ง คงเป็นได้เพียงนักปรุงโอสถฝึกหัดต่อไปจนกว่าจะมีคุณสมบัติที่เพียบพร้อมในทั้งสามด้านนี้จึงจะสามารถเข้าร่วมสอบเลื่อนระดับเป็นนักปรุงโอสถระดับหนึ่งได้นั่นเองดังนั้นการที่เหวินหวู่ได้บอกแก่สหายของตนถึงเหตุผลในการเดินทางมายังสมาคมสมาพันธ์นักปรุงโอสถในครั้งนี้ ว่าต้องการพาศิษย์คนล่าสุดมาสอบเลื่อนระดับจึงสร้างความตกใจแก่จ้าวเสวี่ยถังเป็นอย่างมาก ก่อนหน้าหลายปีที่ผ่านมาอีกฝ่ายได้เคยพาศิษย์ลำดับหกที่มีอายุเพียงสิบแปดสิบเก้าปีเท่านั้นมาสอบเลื่อนระดับเป็นนักปรุงโอสถระดับหนึ่ง ก็นับว่าในตอนได้สร้างความตกตะลึงแก่ผู้คนในเมืองนี้รวมไปถึงสร้างชื่อเสียงเป็นที่ร่ำลือไปทั่วที่อีกฝ่ายสามารถบ่มเพาะ

    Terakhir Diperbarui : 2025-03-06
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่92 นักปรุงโอสถระดับหนึ่ง

    ครึ่งชั่วยามผ่านไปอย่างเชื่องช้าในความรู้สึกของผู้ที่รับชมการสอบเลื่อนระดับของนักปรุงโอสถฝึกหัดในครั้งนี้ ทว่ารุ่นเยาว์ชายหญิงเหล่านี้ที่กำลังหลอมสร้างปรุงโอสถด้วยความกดดันต่างรู้สึกว่าเวลาช่างผ่านไปอย่างรวดเร็วในความรู้สึกเป็นอย่างมากเสียงระเบิดปะทุดังขึ้นจากมุมต่าง ๆ ของสนามสอบที่เกิดจากการหลอมสมุนไพรที่ผิดพลาดในการคำนวณเวลา หรือการแตกหักของเตาหลอมโอสถที่เกิดจากการใช้ความร้อนแรงของเปลวเพลิงที่มากจนเกินไปจำนวนสมุนไพรที่ได้รับในทดสอบนี้ทุกคนต่างได้รับอย่างเท่าเทียมกันเพียงสองชุด จึงต้องมีความระมัดระวังเเต่ละขั้นตอนเป็นอย่างมาก เเต่กับบางคนอาจจะด้วยความคุ้นชินหรือเพราะได้รับสูตรโอสถที่ง่ายดายจึงทำให้ด้วยเวลาที่ผ่านไปเพียงครึ่งของการทดสอบพวกเขาเหล่านี้ต่างอยู่ในขั้นตอนขึ้นรูปโอสถเม็ดกันเเล้วทั้งสิ้น โอสถเหลวในเตาหลอมได้ส่งกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ของโอสถระดับหนึ่งต่าง ๆ ลอยฟุ้งไปทั่วบริเวณนี้เเต่ใช่ว่าการขึ้นรูปเม็ดโอสถจะง่ายดายตามที่สายตาของคนทั่วไปมองเห็น หากเป็นเช่นนั้นจริงขอเพียงมีวิญญาณยุทธ์ปราณธาตุไฟก็สามารถหลอมสร้างปรุงโอสถกันได้ทั้งสิ้น เเต่ละขั้นตอนของการหลอมสร้างปรุงโอสถต้อง

    Terakhir Diperbarui : 2025-03-06

Bab terbaru

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   ( -จบเล่ม ปฐมบท 3.2- ) บทที่ 174 ความวุ่นวายที่สิ้นสุดลง

    ความกังวลแผ่ซ่านไปทั่วหัวใจของทุกคนขณะที่พวกเขาเฝ้าดูการเผชิญหน้ากับอสูรมารจางหมิ่นที่เทียบเท่ากับราชทินนามเทพสวรรค์วิญญาณขั้นสูง พวกเขารู้ดีว่าผู้อาวุโสหนุ่มผู้นี้เป็นราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณที่แข็งแกร่งและมีพรสวรรค์ แต่อย่างไรคู่ต่อสู้ของเขานั้นก็ทรงพลังอย่างหาที่เปรียบมิได้เช่นกัน ยามนี้จางหมิ่นในสภาพอสูรมารนั้นมีพละกำลังมหาศาลมีความเร็วที่เหลือเชื่อและความสามารถในการฟื้นฟูที่น่าทึ่งทั้งยังสามารถทนทานต่อการโจมตีได้อย่างไม่เพลี่ยงพล้ำ และการโจมตีของเขานั้นรุนแรงพอที่จะสังหารราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณที่อ่อนด้อยได้อย่างไม่ยากนักแม้จะต้องเผชิญกับอสูรมารที่มีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับราชทินนามเทพสวรรค์วิญญาณขั้นสูงแต่หนิงอ้ายกลับไร้ซึ่งความหวาดหลัวแต่อย่างใด สิ่งนี้กลับชวนให้เขาหวนคิดไปถึงช่วงเวลาที่ได้ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองแห่งการสังหารในครั้งนั้น แก่นแท้แห่งการต่อสู้ จิตสังหารที่ดิบเถือนบ้าคลั่งที่เคยสะกดไว้คล้ายกำลังถูกปลุกขึ้นโดยที่ไม่ต้องร้องขอกลิ่นอายอหังการที่แข็งแกร่งไม่ธรรมดาของราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณขั้นกลางที่มีรากฐานบ่มเพาะลึกล้ำชวนให้ผู้ที่เคยกังขาถึงความเป็นมาและความสามารถของผู

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 173 สมบัติเทพมารจุติ

    ท่ามกลางความมืดมิดแห่งอนธการที่ได้ปกคลุมทั่วทั้งสนามประลอง บริเวณโดยรอบต่างอัดแน่นไปด้วยความชั่วร้ายและความสิ้นหวัง ม่านพลังพิสดารสายนี้ส่องประกายสีดำม่วงเข้มประกายริ้วคลื่นแผ่กระจายทั้งยังก่อตัวเป็นกำแพงหนาที่ไม่อาจมองทะลุผ่านได้ มากไปกว่านั้นม่านพลังผืนนี้ยังดูดกลืนพลังปราณฟ้าดินโดยรอบเข้ามาเสริมแกร่งอีกด้วย แม้ว่าบรรดาผู้อาวุโสหลายคนจะพยายามโจมตีหรือใช้สมบัติวิเศษเข้าขัดขวางการทำงานแต่ก็ไร้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการได้"สมบัติเทพมารจุติอย่างนั้นรึ? เป็นไปได้อย่างไรกัน!!!" กุ้ยเจินหรือเจ้าตำหนักศาสตร์แห่งค่ายกลเอ่ยด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ ไม่คิดว่าจางหมิ่นที่เป็นผู้ขายวิญญาณนั้นจะครอบครองสมบัติมารระดับสูงเช่นนี้ได้"มันคือสิ่งใดกันสมบัติเทพมารจุติที่เจ้าเอ่ยถึง..." รุ่ยเหอผู้เป็นรองเจ้าสำนักศึกษาและเจ้าตำหนักศาสตร์แห่งการต่อสู้เอ่ยถามด้วยความสงสัย"สมบัติเทพมารจุติเป็นที่เล่าขานกล่าวกันว่าเป็นสมบัติล้ำค่าที่เกิดจากการหลอมรวมพลังของเทพและมารเข้าด้วยกันจึงทำให้สมบัติวิเศษชิ้นนี้มีพลังอำนาจมหาศาลสามารถบันดาลสิ่งที่ปรารถนาได้ทุกประการ โดยเชื่อกันว่าเมื่อครั้งอดีตกาลมีมหาเทพเทพสองตนที่ทรงพลังยิ่ง

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 172 การปรากฎตัวของผู้ขายวิญญาณ

    คราแรกที่ลู่ซีได้ยินว่าศิษย์ใหม่นามว่าจางหมิ่นนั้นเอ่ยวาจาส่อเสียดหนิงอ้ายเขาก็รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก เขารู้ดีว่าหนิงอ้ายไม่ได้ปรากฎตัวในสำนักนับเป็นเวลาสิบปีแล้วจึงไม่มีผู้ใดคุ้นเคยหรือพบเห็นหน้ามาก่อน ยิ่งการกลับมาครั้งนี้รูปลักษณ์ของเขานั้นเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเสียด้วยซ้ำ อีกทั้งหนิงอ้ายยังเป็นผู้ร้องขอว่ายามนี้ควรปกปิดตัวตนของเขาไปเสียก่อน ด้วยเพราะไม่ล่วงรู้ว่าบรรดาศิษย์ใหม่ที่ผ่านการทดสอบในปีนี้ได้มีผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์ที่เป็นสายข่าวของเผ่าพันธ์มารปีศาจที่ถูกส่งตัวมาหรือไม่ แม้ความลับนี้อาจจะเก็บไว้ได้ไม่นานแต่อย่างน้อยท่ามกลางการทดสอบฝีมือเพื่อคัดเลือกเข้าตำหนักนี้ย่อมสามารถสังเกตุอาการพิรุจผิดปกติจากที่ควรจะเป็นได้“ป้ายหยกชั่วคราวลำดับที่เจ็ด ข้าต้องการประลองกับผู้อาวุโสท่านนั้นขอรับ!!” เสียงของศิษย์ใหม่คนหนึ่งดังขึ้นเรียกความสนใจจากบรรดาศิษย์สืบทอดและศิษย์หลักของตำหนักทั้งสี่ที่ยืนเรียงอยู่ด้านหน้าเพื่อรอเข้าทดสอบเป็นคู่ประลองกับเหล่าศิษย์ใหม่ แม้คำกล่าวนี้จะไม่ได้เอ่ยชื่อแต่ทุกคนในที่นี้ย่อมกระจ่างใจดีว่าถ้อยคำนี้เจาะจงถึงผู้ใด“กฎเกณฑ์เงื่อนไขในการทดสอบคัดเลือกเข้าสังกัดต

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 171 ผู้ท้าทายที่กล้าหาญ

    การทดสอบศิษย์ใหม่ในปีนี้ที่มีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขกฎเกณฑ์การทดสอบกล่าวว่าเป็นที่น่าตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย บรรดารุ่นเยาว์ชายหญิงเหล่านี้ต่างตั้งตารอที่จะได้ประลองกับศิษย์ผู้สืบทอดหรือศิษย์หลักของตำหนักทั้งสี่ด้วยความมุ่งมั่นอย่างเต็มเปี่ยม พวกเขารู้ดีว่าการประลองครั้งนี้จะเป็นโอกาสอันดีที่จะได้แสดงความสามารถของตนเองและพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าพวกเขาคู่ควรที่จะเป็นส่วนหนึ่งของสำนักศึกษาแห่งนี้ แม้ไม่รู้ว่าผลลัพธ์ของการทดสอบจะออกมายอดเยี่ยมมากเพียงใดแต่สิ่งหนึ่งที่คาดเดาได้นั่นคือการประลองครั้งนี้จะต้องเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความท้าทายอย่างแน่นอนศิษย์ใหม่ประจำปีการศึกษาจำนวนห้าคนแรกที่ต้องทำการประลองแสดงฝีมือนั้นถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะยามที่ได้ยินเสียงเรียกหมายเลขของป้ายหยกที่พวกเขาถือครองอยู่ ด้วยเพราะไม่เตรียมใจว่าจะได้ลงทดสอบรวดเร็วถึงเพียงนี้ จากนั้นบรรดาสหายและผู้ที่อยู่ใกล้เคียงต่างได้เข้าไปอวยพรให้พวกเขาทำให้ดีที่สุด จากนั้นพวกเขาจึงได้ก้าวเท้ามุ่งตรงไปยังลานประลองที่มีศิษย์สืบทอดและศิษย์หลักทั้งสี่ที่ยืนเรียงเฝ้ารอคอยว่าพวกเขานั้นจะเลือกใครในการทดสอบความสามารถครั้งนี้แน่นอนว่าศิษย์

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 170 กฎเกณฑ์ที่เปลี่ยนแปลงไป

    หนิงอ้ายได้เล่าถึงเรื่องราวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านไท่หลุนเมื่อสิบปีก่อนอย่างละเอียด ทุกคนในสำนักศึกษาต่างตั้งใจฟังด้วยความสนใจและตกใจไปกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น พวกเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าเผ่าพันธุ์มารปีศาจได้วางแผนการชั่วร้ายเช่นนี้มานานหลายปีเช่นนี้ ยิ่งเมื่อหนิงอ้ายเล่าถึงแผนการลับของเผ่าพันธุ์มารปีศาจที่ได้ยินแม่ทัพมารเอ่ยถึงในครั้งนั้น บางเหตุการณ์ก็ตรงกับข้อมูลที่หน่วยสืบข่าวของสำนักศึกษาสืบค้นได้เจ้าสำนักและผู้อาวุโสคนอื่นๆ ต่างก็กังวลใจเป็นอย่างมาก พวกเขารู้ดีว่าหากเผ่าพันธุ์มารปีศาจประสบความสำเร็จในแผนการแล้ว โลกยุทธภพแห่งนี้คงจะต้องเผชิญกับหายนะครั้งใหญ่โดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ อย่างไรก็ตามทุกคนต่างชื่นชมในความกล้าหาญและความเสียสละของชายหนุ่มตรงหน้า เหตุการณ์ครั้งนั้นได้ส่งผลให้หนิงอ้ายกลายเป็นวีรบุรุษและถูกเลื่อนระดับเป็นผู้อาวุโสสายในของสำนักศึกษาด้วยความเห็นชอบจากเจ้าสำนัก รองเจ้าสำนัก เจ้าตำหนักทั้งสี่รวมไปถึงบรรดาผู้อาวุโสต่าง ๆ ล้วนเห็นด้วยทั้งสิ้นจากนั้นหนิงอ้ายได้เล่าถึงเรื่องราวการหวนคืนกลับมามีกายเนื้อนี้อีกครั้งให้ทุกคนได้รับรู้แต่ก็ปกปิดบางส่วนที่เขาคิดว่าสมควร

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 169 ผู้ผ่านการทดสอบ

    ท่ามกลางหุบเขาน้อยใหญ่สูงเสียดฟ้าที่ถูกปกคลุมด้วยหมอกหนาและหิมะสีขาวบริสุทธิ์โปรยปรายอันเป็นลักษณะภูมิศาสตร์ที่โดดเด่นของสำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์ บรรดาอาคารสิ่งก่อสร้างในสำนักศึกษาต่างถูกตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจงรวมไปถึงพื้นที่โดยรอบต่างประดับประดาด้วยโคมไฟเวทย์หลากสีสันที่ส่องสว่างไสวให้ความรู้สึกอลังการเพื่อเป็นการต้อนรับเหล่าบรรดาผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์จากทั่วทุกสารทิศที่หลั่งไหลเข้ามาร่วมการทดสอบพร้อมกับความหวังและความฝันที่จะก้าวเข้าเป็นส่วนหนึ่งของสำนักศึกษาอันทรงเกียรติแห่งนี้ซุ้มประตูสำนักที่ถูกสร้างขึ้นจากแร่ผลึกอัมพรสวรรค์เก้าชั้นฟ้าอันเป็นวัสดุสินแร่หายากในยุทธภพนี้ได้ถูกแกะสลักอย่างวิจิตรบรรจงได้เปิดออกกว้างเพื่อต้อนรับผู้มาเยือนที่หลังจากนี้ย่อมกลายเป็นส่วนหนึ่งเดียวกันโดยมีผู้อาวุโสและศิษย์รุ่นพี่ที่ยืนคอยต้อนรับด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่น เมื่อการทดสอบสิ้นสุดลงบรรดาศิษย์ใหม่ที่พึ่งผ่านการทดสอบต่างก้าวเดินเข้ามาด้วยความตื่นเต้นและเต็มเปี่ยมไปด้วยความประหม่าหลังจากบรรดาผู้ผ่านการทดสอบทั้งหมดได้เข้ามาโดยพร้อมเพรียงแล้ว บริเวณลานกว้างหน้าสำนักศึกษายามนี้ต่างคลาคล่ำไปด้วยผู้ฝึกต

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 168 เดินทางกลับสำนักศึกษา

    มหาพิภพพิสดารแห่งนี้ประกอบไปด้วยสามพิภพ สี่มหาสมุทร แปดมหาทวีป โดยที่สามพิภพนั้นจะแบ่งเป็นดินแดนพิภพระดับสูง ดินแดนพิภพระดับกลางและพิภพระดับล่าง โดยมีสี่ทะเลมหาสมุทรตั้งอยู่ 4 ทิศล้อมรอบที่เชื่อว่าเป็นที่พักพิงของเทพบรรพกาลสูงสุดทั้งสาม และแปดมหาทวีปที่ได้มีการแบ่งการปกครองตามทิศทั้งแปดของดินแดนพิภพระดับกลาง ด้วยเพราะต่างมีผู้ปกครองดินแดนอันเป็นตัวตนที่ไม่ธรรมดาสามัญทั้งสิ้น ดังนั้นการเดินทางข้ามผ่านแต่ละเขตดินแดนจึงจำเป็นต้องมีเงื่อนไขกฎเกณฑ์ที่แตกต่างกันไปสำหรับการเดินทางข้ามเขตแดนทั้งสามพิภพโดยเฉพาะดินแดนพิภพระดับสูงและดินแดนพิภพระดับกลางนั้น เงื่อนไขสำคัญคือผู้ฝึกตนที่บ่มเพาะพลังปราณในดินแดนพิภพระดับกลาง หากไม่สามารถเลื่อนระดับเป็นราชทินนามอัครพรหมยุทธ์วิญญาณหรือครอบครองพลังวิญญาณในระดับที่101ได้ย่อมไม่อาจก้าวล้ำมายังดินแดนพิภพระดับสูงนี้ได้ด้วยขีดจำกัดของกายเนื้อที่ไม่สามารถรองรับพลังปราณฟ้าดินบริสุทธิ์เข้มข้นที่ไหลเวียนหล่อเลี้ยงทั่วทั้งมหาพิภพ เพราะหากไร้ซึ่งความแข็งแกร่งของสายโลหิตและพลังปราณที่ล้ำลึกที่เพียงพอ ไม่กี่ชั่วลมหายใจร่างกายและจิตวิญญาณย่อมถูกบดขยี้ไปสิ้นแต่ในทางก

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 167 การเลื่อนระดับที่เหนือล้ำ

    ไม่น่าเชื่อว่าเพียงหนึ่งราตรีที่ผ่านพ้น สำนักหมาป่าทมิฬจะถูกฆ่าล้างสำนักจนไม่เหลือแม้แต่ผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียว การจู่โจมโดยไม่อาจตั้งตัวนั้นได้ส่งผลให้เหล่าสมาชิกในสำนักต้องสังเวยชีวิตอย่างน่าสลดใจ สิ่งนี้กล่าวว่าได้สร้างความตื่นตะลึงแก่กลุ่มอิทธิพลมืดในยุทธภพอยู่ไม่น้อย แม้ว่าสำนักหมาป่าทมิฬจะเป็นสำนักที่พึ่งก่อตั้งได้ไม่กี่สิบปีแต่ก็มีชื่อเสียงโด่งดังในด้านความโหดเหี้ยมและไร้ความปรานี การล่มสลายของสำนักในครั้งนี้จึงกลายเป็นปริศนาที่ยากจะคาดเดาได้ว่าจะเกิดขึ้นสิ่งที่น่าตื่นตะลึงนั่นคืออดีตผู้ก่อตั้งสำนักนั้นเป็นถึงราชทินนามเทพสวรรค์วิญญาณที่มีรากฐานบ่มเพาะไม่ธรรมดาสามัญรวมไปถึงเจ้าสำนักคนปัจจุบันนั้นก็เป็นราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณขั้นสูงที่มากไปด้วยความสามารถไม่อ่อนด้อยแม้จะขึ้นชื่อในเรื่องของความวิปริตมากกว่าก็ตาม ไม่นับรวมถึงบรรดาผู้อาวุโสที่ล้วนต่างเป็นราชทินนามระดับสูงที่ไม่อาจดูแคลนได้ทั้งสถานที่ตั้งยังรายล้อมไปด้วยมหาค่ายกลเขตแดนธรรมชาติที่ใช่ว่าจะสามารถบุกฝ่าทะลวงไปได้โดยง่าย ข่าวการกวาดล้างสำนักหมาป่าทมิฬได้แพร่สะพัดออกไปราวกับไฟลามทุ่ง ไม่รู้ว่าทางสำนักได้ไปรับภารกิจหรือได้ล

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 166 ความร่วมมือ

    ท่ามกลางกลิ่นคาวเลือดและเศษซากร่างไร้วิญญาณของศัตรูที่พ่ายแพ้ หนิงอ้ายเรียกใช้พลังปราณตวัดเอาแหวนมิติและสมบัติวิเศษประจำตัวของผู้ตกตายทั้งหมดย้ายเข้ามาในแหวนมิติของตนอย่างไรสิ่งเหล่านี้ย่อมสามารถทำประโยชน์ได้อยู่ไม่น้อย ในใจเขาไม่นึกรังเกียจเลยเพียงนิด การเข่นฆ่าสังหารแล้วช่วงชิงสิ่งของของผู้ที่ตกตายไปนั้นเป็นสิ่งที่พบเจอได้ทั่วไปในยุทธภพจากนั้นหนิงอ้ายได้ระดมเรียกเปลวเพลิงบริสุทธิ์จากปราณทิวาธาตุเข้าแผดเผาเศษซากชิ้นเนื้อรวมไปถึงจิตวิญญาณของบรรดานักฆ่าเหล่านี้ให้สูญสลายโดยไม่อาจหวนคืนในวัฏจักรสังขารได้อีก จากเศษเสี้ยวความทรงจำที่เขาสัมผัสได้นั้นคนกลุ่มนี้หาใช่เป็นคนดีแต่อย่างใด ตลอดช่วงอายุที่ผ่านมาก็ล้วนแต่กระทำต่ำช้า สังหารผู้บริสุทธิ์มาไม่น้อย เพียงเท่านี้ย่อมไม่อาจชดเชยได้เสียด้วยซ้ำไม่ถึงครึ่งเค่อให้หลัง ห้วงมิติที่ถูกผนึกไว้เมื่อไร้ซึ่งผู้บัญชาการยามนี้ม่านพลังประหลาดดังกล่าวจึงได้ซ่านสลายไปในที่สุด เผยให้เห็นหมู่เมฆาที่ล่องลอยประดับเหนือท้องฟ้า เสียงแมลงน้อยใหญ่ดังขึ้นทั่วทั้งผืนป่าโดยรอบขับขานบรรเลงสอดประสานเป็นท่วงทำนองเสนาะหู แสงไฟเวทย์จากอาคารบ้านเรือน เสียงโหวกเหวกโวยวาย

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status