Share

บทที่87 โอสถห้ามเลือด

โอสถห้ามเลือดเป็นโอสถเเรกที่หนิงอ้ายได้ปรุงออกมาได้สำเร็จ การหลอมสร้างปรุงโอสถระดับสองวันนี้เหวินหวู่จึงให้เด็กหนุ่มได้เริ่มจากโอสถนี้อีกครั้ง สำหรับสูตรโอสถห้ามเลือดระดับสองนี้ที่ได้รับมาจากอาจารย์ของตนหนิงอ้ายเห็นว่านอกจากจะมีสมุนไพรตั้งต้นจากสูตรโอสถระดับหนึ่ง นอกจากนี้ยังได้มีการเพิ่มสมุนไพรขึ้นมาอีกหลายชนิดเช่นกันที่ล้วนเเต่มีฤทธิ์ส่งเสริมสมุนไพรก่อนหน้าทั้งสิ้น เมื่อเด็กหนุ่มได้จัดเตรียมสมุนไพรครบถ้วนตามสูตรโอสถในมือของตนแล้วจึงไม่รอช้าที่จะลงมือในทันที

หนิงอายตั้งสมาธิให้มั่นคงพร้อมกับเรียกญาณสัมผัสของตนออกมาคลอบคลุมไปทั้งทั้งเตาโอสถตรงหน้านี้ มือเรียวบางได้ตวัดเอาสมุนไพรตามสูตรโอสถลงไปในเตาหลอมก่อนที่จะเรียกวิญญาณยุทธ์ธาตุไฟของตนออกมาอย่างระมัดระวัง ความล้ำค่าของสมุนไพรตามสูตรโอสถระดับสองนี้ที่บางชนิดก็มีอายุถึงร้อยปี ดังนั้นการหลอมสร้างปรุงโอสถในครั้งนี้หนิงอ้ายจึงระวังตั้งใจเป็นอย่างมากเพราะต้องการใช้สมุนไพรเหล่านี้ให้คุ้มค่ามากที่สุด

ปราณธาตุไฟที่เกิดจากวิญญาณยุทธ์ของหนิงอ้ายได้ล้อมรอบเตาโอสถซึ่งเด็กหนุ่มพยายามบังคับเปลวเพลิงนี้ให้มีความสมดุลไม่เบาไม่หนักจนเกินไปเพื่อที่จะได้เม็ดโอสถที่สมบูรณ์ เพราะหากในขั้นตอนหลอมสร้างปรุงโอสถในขณะที่สมุนไพรได้แปรเปลี่ยนเป็นของเหลว หากควบคุมความร้อนเปลวไฟของเตาโอสถได้ขาดช่วงไม่พอดี ผลลัพธ์ที่ตามมาก็เป็นไปได้ที่ว่าโอสถอาจจะไม่สมบูรณ์ได้หรืออาจไม่เป็นไปตามใจหวัง

ผ่านไปอีกไม่ถึงหนึ่งเค่อ ปราณธาตุไฟของหนิงอ้ายยังคงทำหน้าที่ของตนได้อย่างดีเยี่ยม กลิ่นอายของพลังชีวิตที่เเผ่ออกมานั้นได้ซึมซับเข้าไปในโอสถเหลวที่กำลังจะขึ้นรูปเป็นเม็ดโอสถเเล้ว กลิ่นหอมฟุ้งอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของโอสถระดับสองได้ส่งกลิ่นออกมาจากเตาโอสถอย่างสม่ำเสมอ

จากนั้นหนิงอ้ายจึงค่อย ๆ ลดความร้อนแรงของเปลวเพลิงตนก่อนที่จะประสานมือขึ้นตามขั้นตอนสุดท้ายของการขึ้นรูปโอสถเม็ด ก่อนที่จะได้ยินเสียงเม็ดโอสถที่กระทบกันอยู่ในเตาตรงหน้า เป็นสัญญาณว่าการหลอมสร้างปรุงโอสถในครั้งนี้ได้เสร็จสิ้นเเล้ว

"เจ้าหยิบโอสถระดับสองที่เจ้าปรุงขึ้นมาดูเถิดว่าเป็นอย่างไรบ้าง..." เหวินหวู่เอ่ยขึ้นพร้อมกับก้าวเท้าเข้ามาก่อนที่จะนั่งลงข้างเด็กหนุ่ม

"โอสถห้ามเลือดระดับสองสามเม็ดความบริสุทธิ์แปดส่วนกับครั้งเเรกเช่นนี้นับได้ว่าค่อนข้างเกินความคาดหมายของข้าไปมากเลยทีเดียว..." เหวินหวู่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงชื่นชม

"เเต่ว่า...."

"เจ้าคิดว่าอย่างไร?" เมื่อเหวินหวู่ได้เห็นท่าทางของเด็กหนุ่มจึงถามกลับไปด้วยความสงสัย

"ข้ากำลังคิดว่าได้ทำขั้นตอนใดผิดพลาดไปหรือไม่? เพราะตามสูตรโอสถนั้นจะต้องได้โอสถห้ามเลือดเป็นจำนวนทั้งสิ้นห้าเม็ดเเต่ข้ากลับปรุงขึ้นมาได้เพียงสามเม็ดเท่านั้น..." หนิงอ้ายตอบกลับไปเเต่คล้ายกับว่าคุยกับตนเองเสียมากกว่า

จ ากนั้นเด็กหนุ่มจึงเอ่ยขอท่านอาจารย์ของตนว่าต้องการหลอมสร้างปรุงโอสถใหม่อีกครั้ง เมื่อชายชราพยักหน้าเห็นด้วยพร้อมกับให้กำลังใจอีกเล็กน้อย หนิงอ้ายไม่รอช้าจึงลงมือตามที่ตนคิดไว้ในทันที...

การหลอมสร้างปรุงโอสถระดับสองตามสูตรของโอสถห้ามเลือดตอนนี้หนิงอ้ายได้จดจำทุกขั้นตอนอย่างแม่นยำเเล้ว จึงใช้เวลาในการทดลองปรุงใหม่ในครั้งที่สองนี้ด้วยระยะเวลาไม่ถึงสองเค่อเพียงเท่านั้น ผลลัพธ์ที่ได้ก็พอให้ชื่นใจมาบ้างเล็กน้อย เพราะในครั้งนี้เขาสามารถทำได้เพิ่มขึ้นเป็นสี่เม็ดแม้ว่าความบริสุทธิ์จะอยู่ที่เพียงเก้าส่วนเท่านั้นก็ตาม

"เจ้ากำลังสงสัยว่าเหตุใดในครั้งนี้สองนี้จำนวนที่ได้กับความบริสุทธิ์นั้นยังไม่เป็นไปตามที่ต้องการใช่หรือไม่??" เหวินหวู่เอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มนั้นกำลังนั่งครุ่นคิดว่าได้ผิดพลาดในขั้นตอนใดไปหรืออย่างไร

"ขอรับท่านอาจารย์ โอสถระดับสองหากเทียบเเล้วอาจมีความแตกต่างในเรื่องของสมุนไพรที่เพิ่มมาเพียงเท่านั้น หมายความว่าอาจจะเป็นสาเหตุอื่นนอกเหนือจากจำนวนชนิดของสมุนไพรขอรับ..." หนิงอ้ายเอ่ยจบหลังจากที่ได้นิ่งเงียบวิเคราะห์ไปเมื่อครู่ จากนั้นจึงเริ่มทำการหลอมสร้างปรุงโอสถห้ามเลือดในครั้งที่สามนี้ในทันที

ขั้นตอนการหลอมสร้างปรุงโอสถนั้นเป็นไปด้วยความรวดเร็วตามขั้นตอนทุกอย่าง เพียงเเต่ว่าในครั้งที่สามนี้หนิงอ้ายได้ลองเพิ่มความร้อนแรงของเปลวเพลิงจากวิญญาณยุทธ์ให้มากขึ้นหนึ่งเท่า เเต่ทว่าผลลัพธ์ที่ออกมากลับแย่กว่าสองครั้งเเรกยิ่งนัก ครั้งนี้ได้โอสถมาเพียงสามเม็ดอีกทั้งยังมีความบริสุทธิ์เพียงหกส่วนเท่านั้น นั่นย่อมหมายความว่าความร้อนแรงของเปลวเพลิงนั้นมีส่วนสำคัญในการหลอมสร้างปรุงโอสถเช่นกัน เเต่อาจเป็นไปได้ว่าสูตรโอสถห้ามเลือดนี้อาจจะยังไม่เหมาะสมกับความร้อนแรงที่มากจนเกินไป

"เจ้าสังเกตอะไรได้เเล้วใช่หรือไม่??" เหวินหวู่ได้ถามขึ้นเมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มนั้นมีทีท่าว่าสามารถเเก้ปัญหาในเรื่องนี้ได้เเล้ว

"หากข้าคาดเดาไม่ผิดสูตรโอสถเเต่ละประเภทนั้นย่อมมีการใช้ความร้อนแรงของเปลวเพลิงที่แตกต่างกันออกไปใช่หรือไม่ขอรับ??"

"ย่อมเป็นเช่นนั้นสมุนไพรเเต่ละชนิดที่ถูกบันทึกในสูตรโอสถย่อมมีคุณลักษณะที่พิเศษเฉพาะเจ้าจะเห็นว่าสมุนไพรหลักในสูตรโอสถนี้จะเป็นสมุนไพรสังกัดธาตุน้ำเสียเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นเเล้วเปลวเพลิงในการหลอมสร้างปรุงโอสถที่ร้อนแรงเกินไปย่อมส่งผลไปถึงความบริสุทธิ์ของเม็ดโอสถเป็นอย่างมากเช่นกัน..."

"ดังนั้นเเล้วการที่อาจารย์ได้ให้เจ้าศึกษาตำราเกี่ยวกับสมุนไพรต่าง ๆ ทั้งเเหล่งที่อยู่อาศัยรวมไปถึงคุณสมบัตินี้เจ้าสามารถนำมาปรับให้เข้ากับสูตรโอสถที่เจ้าต้องการ หรือแม้กระทั่งคาดเดาความร้อนแรงของเปลวเพลิงที่ควรใช้ในยามหลอมสร้างปรุงโอสถนี้ เจ้าลองอีกครั้งดูเเล้วกัน...."เหวินหวู่ได้อธิบายถึงหลักการหลอมสร้างปรุงโอสถที่ตนได้ค้นพบขึ้นในตลอดเส้นทางการเป็นนักปรุงโอสถของตนตลอดหลายสิบปีมานี้พร้อมกับถ่ายทอดให้กับศิษย์สายตรงเพียงคนเดียวของตนอย่างไม่ปิดบัง

"ข้าเข้าใจแล้วขอรับท่านอาจารย์ ครั้งนี้ข้าจะลองเพิ่มเวลาในการหลอมสร้างปรุงโอสถ เพราะหากควบคุมเปลวเพลิงให้อยู่ในระดับที่พอดีสมดุลเเล้ว ระยะเวลาที่เพิ่มขึ้นน่าจะมีผลไปไม่น้อยเช่นกันขอรับ..." หนิงอ้ายตอบกลับชายชราผู้เป็นอาจารย์ของตนไปด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่จะทำการปรุงโอสถอีกครั้งในครั้งที่สี่

สองมือเรียวบางของเด็กหนุ่มนั้นได้ตวัดเอาสมุนไพรตามสูตรโอสถห้ามเลือดระดับสองลงไปในเตาหลอมโอสถ โดยที่ขั้นตอนหลังจากนั้นก็เหมือนเดิมทุกอย่าง เพียงเเต่ว่าในครั้งนี้หนองอ้ายเลือกที่จะควบคุมเปลวเพลิงจากวิญญาณยุทธ์ของตนอย่างสม่ำเสมอไม่ติดขัดสมดุลกันเหมือนกับครั้งที่สองก่อนหน้า

จนเมื่อเวลาได้ผ่านไปถึงสองเค่อเเล้ว ตัวของหนิงอ้ายยังคงควบคุมเปลวไปใต้เตาหลอมโอสถนั้นอย่างคงที่มั่นคง จนเมื่อถึงขณะหนึ่งคล้ายกับมีญาณสัมผัสหรือบางสิ่งที่บอกให้กับเด็กหนุ่มได้รู้ว่าเวลาเช่นนี้น่าจะพอดีเเล้ว จากนั้นเด็กหนุ่มจึงค่อย ๆ ผ่อนระดับของเปลวเพลิงลงก่อนที่จะประสานมือคู่อีกครั้งเพื่อผนึกโอสถเหลวนี้ให้กลายเป็นเม็ดตามที่ต้องการ กลิ่นหอมฟุ้งอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของโอสถห้ามเลือดระดับสองได้อบอวลไปทั่วห้องนี้ สร้างความผ่อนคลายอย่างน่าประหลาด

"หวังว่าในครั้งนี้จะสำเร็จตามที่คาดการณ์..." หนิงอ้ายเอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบา

ท่ามกลางความลุ้นระทึกว่าในครั้งนี้ตนจะทำได้สำเร็จจริงหรือไม่ เมื่อได้ยินเสียงโอสถที่กลิ้งนอนอยู่ในเตาหลอมหนิงอ้ายจึงหยิบขึ้นมาดูทันที

"โอสถห้ามเลือดระดับสองจำนวนห้าเม็ดความบริสุทธ์สิบส่วนทั้งสิ้น!!! ท่านอาจารย์ข้าทำสำเร็จแล้วขอรับ..." หนิงอ้ายร้องเสียงดังออกมาด้วยความยินดี

"เจ้าสามารถทำได้สำเร็จแม้ว่าข้าได้ชี้แนะไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เก่งมาก เก่งมากศิษย์ของข้า..." เหวินหวู่เอ่ยขึ้นพร้อมกับยิ้มเอ็นดูที่เห็นท่าทางดีใจราวกับเด็กน้อย

"เเต่ถึงอย่างไรเจ้าอย่าได้กดดันตัวเองมากไปนัก นักปรุงโอสถที่มีพลังวิญญาณระดับเทวะวิญญาณขึ้นไปจะสามารถปรุงโอสถระดับสองได้ก็จริง เเต่ถึงอย่างไรนั้นการจะได้มาซึ่งความบริสุทธิ์ถึงสิบส่วนก็ใช้ว่าจะสามารถทำได้ทุกครั้งด้วยเพราะปัจจัยหลายสิ่งอย่าง..."

"เเต่กับเจ้าที่พึ่งเป็นผู้ฝึกตนระดับเทวะวิญญาณขั้นต้นได้ไม่นาน ยังสามารถปรุงโอสถระดับสองที่มีความบริสุทธิ์มากถึงแปดส่วนเก้าส่วนเช่นนี้ได้ตั้งเเต่ครั้งเเรก ๆ ก็นับว่าโดดเด่นเหนือขั้นกว่านักปรุงโอสถระดับหนึ่งทั่วไปเเล้ว ไม่นับรวมไปถึงในตอนนี้ที่เจ้าเป็นเพียงนักปรุงโอสถฝึกหัดด้วยอายุเพียงสิบห้าสิบหกปีเช่นนี้ นับว่ามากไปด้วยพรสวรรค์ที่สามารถยืนอยู่แถวหน้าอย่างเต็มภาคภูมิได้เเล้ว..."

"อาจารย์ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เจ้าเคยพบเจอกับสิ่งใดมาบ้างที่หล่อหลอมให้เจ้าต้องกลายเป็นคนที่จริงจังในทุกเรื่องเช่นนี้ไปได้ เเต่หากให้อาจารย์แนะนำด้วยประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมาหลายสิบปีนี้ จึงอยากให้คำแนะนำเจ้าเเต่เพียงว่า..."

"ทุกคนย่อมผ่านอายุสิบห้าสิบหกปีเพียงเเค่ครั้งเดียวเท่านั้น เจ้าที่ยังคงเป็นเด็กหนุ่มจงใช้ชีวิตอย่างมีความสุขให้สมกับช่วงวัยที่ควรจะเป็นเสียเถิด อีกหลายสิบปีข้างหน้าตัวเจ้าก็ไม่สามารถที่จะย้อนเวลามาเเก้ไขหรือใช้ชีวิตตอนอายุสิบห้าสิบหกปีได้เเล้ว ปล่อยวางเสียบ้าง ลองทำสิ่งใหม่ ๆ ที่ไม่เคยทำหรืออาจจะออกไปเรียนรู้โลกที่กว้างใหญ่นี้เพื่อเรียนรู้ผิดถูกว่าสิ่งใดควรทำหรือยิ่งใดไม่ควรทำ..."

"ที่สำคัญอาจารย์จะคอยอยู่ข้างหลังเจ้า คอยเป็นกำลังใจ คอยให้คำปรึกษาอยู่เสมอ ไม่ว่าสิ่งใดจะเกิดขึ้นหลังจากนี้ นอกจากครอบครัวหรือสหายของเจ้าเเล้ว จงอย่าลืมว่าที่ตรงนี้ก็จะมีอาจารย์เช่นกัน..." สิ้นคำสอนของเหวินหวู่ หนิงอ้ายจึงโผเข้ากอดชายชราพร้อมกับร้องไห้ออกมาเสียงดังคล้ายกับต้องการระบายความอึดอัดที่อยู่ในใจของตน...

ไม่ใช่ว่าหนิงอ้ายไม่อยากใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายเหมือนกับคนทั่วไป เเต่ด้วยเพราะตั้งเเต่โลกเดิมที่เขาเป็นเพียงเด็กกำพร้าที่อาศัยอยู่ในสถานสงเคราะห์ สภาพแวดล้อมในตอนนั้นได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของเด็กคนหนึ่งไปสิ้น จากที่เคยเป็นเด็กน้อยใสซื่อบริสุทธิ์ไม่ทันคนเจอกับโลกของความเป็นจริงที่โหดร้าย จึงหล่อหลอมเด็กน้อยในวันนั้นให้โตขึ้นไปด้วยเเรงกดดันกับคำกล่าวที่ว่าผู้ที่เเข็งแกร่งเท่านั้นที่จะเป็นผู้อยู่รอด

หนิงอ้ายได้รับโอกาสครั้งที่สองในการใช้ชีวิตอยู่ในโลกนี้ อาจจะด้วยเพราะความเป็นอยู่ก่อนหน้าที่เขารับรู้ได้จากความทรงจำของหนิงอ้ายคนเก่า หรืออาจจะด้วยเพราะความคุ้นชินกับการกดดันตัวเองเช่นนี้จึงทำให้เขานั้นยังคงจริงจังในการทำทุกสิ่งให้ออกมาดีที่สุดเช่นนี้ รู้ว่าในโลกนี้ตนจะมีผู้หนุนหลังที่มากมายหาใช่ต้องเดียวดายเหมือนกับในโลกเก่า เเต่อย่างไรนั้นตัวเขาก็ต้องพึ่งตัวเองให้ได้มากที่สุด ต้องเเข็งแกร่งให้มากขึ้นพอที่จะปกป้องตัวเองและสิ่งที่ตัวเองรักเช่นกัน

ตลอดเวลาเกือบสามชั่วยามหลังจากนั้น หนิงอ้ายได้ทำการหลอมสร้างปรุงโอสถห้ามเลือดระดับสองนี้ไปอีกหลายครั้งโดยไม่ผิดพลาดและออกมาเป็นความบริสุทธิ์สิบส่วนในทุกครั้งเเล้ว จึงได้ข้อสรุปเเล้วว่าความสมดุลของเปลวเพลิงรวมไปถึงระยะเวลาในการหลอมสร้างที่มากขึ้น จะเป็นอีกส่วนสำคัญที่ทำให้โอสถที่ปรุงนั้นออกมาสมบูรณ์ที่สุด

แม้จะต้องสูญเสียพลังลมปราณที่เพิ่มขึ้นจากการหลอมสร้างปรุงโอสถระดับหนึ่งอีกเล็กน้อย เเต่เมื่อทำบ่อยครั้งเข้าเด็กหนุ่มจึงต้องหยุดพักเพื่อดูดซับโอสถลมปราณที่ตนหลอมสร้างขึ้น ไปพร้อมกับนั่งสอบถามสิ่งที่ยังสงสัยกับอาจารย์ของตนด้วยความใฝ่รู้

"วันนี้ก็เพียงเท่านี้ การฝึกฝนเป็นเรื่องที่ดีก็จริงเเต่มากไปก็ส่งผลเสียเช่นกันพรุ่งนี้อาจารย์จะพาเจ้าไปสอบเลื่อนระดับที่เมืองหมอกทมิฬในวันพรุ่งนี้..." เหวินหวู่เอ่ยขึ้นพร้อมกับลูบหัวเด็กหนุ่มด้วยความเอ็นดู

เขาตั้งใจจะพาเด็กหนุ่มไปสอบเลื่อนขั้นให้เรียบร้อย เพราะอีกฝ่ายจะได้ใช้สิทธิของการเป็นนักปรุงโอสถทั้งในเรื่องสวัสดิการในสำนัก รวมไปถึงสามารถไปช่วยบรรดาศิษย์คนอื่น ๆ ที่หอโอสถด้านนอกที่อยู่ในพื้นที่ส่วนกลางของสำนัก

หนิงอ้ายรับคำของอาจารย์ตน พร้อมกับยกมือประสานพร้อมกับโค้งตัวลงเล็กน้อยเป็นการขอบคุณอีกฝ่ายที่เอ็นดูและเมตตาตนเป็นอย่างยิ่ง จากนั้นจึงขอเเยกตัวกลับเรือนพักของตนที่อยู่ห่างไปไม่ไกลสักเท่าไหร่ เจ้าต้าเฮยเองที่เหมือนกับว่าได้ออกไปเที่ยวเล่นซุกซนตรงผืนป่าด้านหลัง ไม่นานหนึ่งคน หนึ่งสัตว์อสูรก็ถึงจุดหมายซึ่งนั่นก็คือเรือนพักติดป่าไผ่นั่นเอง...

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terkait

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่88 หมู่บ้านไร้นาม

    วิญญาณยุทธ์ปราณธาตุไฟที่ถูกปลดปล่อยออกมายามที่หนิงอ้ายฝึกฝนวิชายุทธได้แฝงไปด้วยความร้อนและความเเข็งแกร่งเป็นอย่างมาก บทเวทย์ต่าง ๆ ที่หนิงอ้ายถือครองอยู่นั้นเรียกได้ว่าอาณุภาพของบทเวทย์ดังกล่าวไปทบทวีคูณมากเพิ่มขึ้นหลายเท่าพื้นที่ส่วนด้านหลังเรือนพักได้แปรเปลี่ยนเป็นลานฝึกขนาดย่อม ด้วยเพราะหนิงอ้ายได้ร่ายเวทย์ป้องกันที่เสริมความเเข็งแกร่งไปอีกหลายชั้น เสียงระเบิดดังต่อเนื่องที่เกิดจากฝึกฝนเคล็ดวิชาจึงไม่อาจหลุดลอดออกไปสร้างความรำคานแก่ศิษย์พี่ท่านอื่นที่อยู่ไปไม่ไกลจากเรือนพักหนิงอ้ายมุ่งเน้นในการใช้วิญญาณยุทธ์ปราณธาตุไฟของตนเป็นหลัก เพราะถึงอย่างไรเเล้วการเรียกใช้วิญญาณยุทธ์เเต่ละปราณธาตุนั้นล้วนต่างเหมือนกันทั้งสิ้น เพียงต้องอาศัยประสบการณ์ความคุ้นชินเสียมากกว่า แม้ว่าจะใช้ปราณธาตุน้ำตามเคล็ดวิชาคัมภีร์เบญจธาตุได้เเล้วก็จริง เเต่ถึงอย่างไรหนิงอ้ายยังต้องคอยฝึกฝนอยู่เสมอเพื่อให้เกิดความเชี่ยวชาญคุ้นชินมากกว่านี้สำหรับปราณธาตุต่อไปตามคัมภีร์เบญจธาตุที่หนิงอ้ายต้องศึกษา หลังจากปราณธาตุน้ำนั่นก็คือปราณธาตุลม เรียกได้ว่าเป็นปราณธาตุที่เป็นอิสระอย่างยิ่ง สามารถเคลื่อนไหวกระจายไปทั่วสาร

    Terakhir Diperbarui : 2025-03-06
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่89 อสูรจักรพรรดิแมงมุมรัตติกาลเหมันต์

    จุดบริเวณดังกล่าวเป็นแนวต้นไม้สูงใหญ่ที่ให้ความรู้สึกเหมือนกับป่าโบราณที่มีอายุหลายร้อยหลายพันปี กลิ่นอายของสมุนไพรระดับสูงรวมไปถึงลมปราณฟ้าดินบริสุทธิ์ไหลเวียนอย่างเข้มข้น เห็นได้ชัดว่าโดยรอบนี้มีความอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมากมากไปกว่านั้นยังให้ความรู้สึกราวกับว่าตกอยู่ในสายตาดุร้ายไม่ประสงค์ดีที่มองมาจากทั่วทั้งสารทิศ หนิงอ้ายไม่รอช้ารีบสั่งการให้วิหคสอดแนมของตนออกมาอย่างไม่จำกัดในรัศมีพื้นที่โดยรอบ สำหรับเนตรเเห่งสวรรค์ในตอนนี้ที่หนิงอ้ายเป็นผู้ฝึกตนระดับเทวะวิญญาณขั้นต้นได้ส่งผลให้อาณุภาพยิ่งเหนือชั้นมากขึ้นดวงตาเรียวงามสีดำในรูปลักษณ์ปลอมเเปลงนี้แปรเปลี่ยนเป็นสีทองอร่ามไปชั่วครู่ก่อนที่จะกลับมาเป็นเป็นปกติ ญาณสัมผัสได้ถูกขีดเค้นออกมาถึงขีดสุดจนสามารถรับรู้ในในระยะสองลี้อย่างชัดเจน หนิงอ้ายสัมผัสได้ถึงสัตว์อสูรที่อยู่รายล้อมชวนให้น่าหวั่นเกรงอยู่ไม่น้อยสำหรับคนธรรมดาหรือผู้ฝึกตนทั่วไปเเต่ด้วยเพราะเหวินหวู่ที่เป็นผู้ฝึกตนระดับราชันวิญญาณขั้นสูง ที่อีกเพียงครึ่งก้าวก็จะบรรลุถึงระดับเทพยุทธ์วิญญาณเเล้วย่อมส่งผลให้อสูรร้ายต่าง ๆ เหล่านี้ไม่กล้าก้าวล้ำเข้ามาในบริเวณเพราะสัมผัสได้ถึงการ

    Terakhir Diperbarui : 2025-03-06
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่90 ทักษะวิญญาณที่เพิ่มขึ้น

    หลังจากที่จัดการทุกอย่างเสร็จสิ้นเรียบร้อยเเล้ว เหวินหวู่ได้พาหนิงอ้ายมายังที่หนึ่งซึ่งอยู่ห่างไปจากหมู่บ้านไร้นามเเห่งนี้ไปไม่ไกลสักเท่าไหร่นัก ตรงหน้าของเด็กหนุ่มเป็นถ้ำขนาดใหญ่ที่ภายในเต็มไปด้วยสมุนไพรที่ให้ความรู้สึกเหมือนสวนสมุนไพรข้างเรือนของอาจารย์กลิ่นอายของลมปราณฟ้าดินที่ไหลเวียนอยู่โดยรอบเข้มข้นมีความบริสุทธิ์อยู่ไม่น้อย ฟังว่าถ้ำนี้เปรียบได้กับที่พักชั่วคราวในยามที่ท่านอาจารย์ผ่านทางมายังหมู่บ้านนี้ สมุนไพรโดยรอบที่เห็นเป็นระเบียนก็เป็นฝีมือของชายชราเช่นกันที่เลือกสรรนำมาปลูกไว้ในบริเวณถ้ำดั่งกล่าวนี้นั่นเอง"เจ้าจะพักผ่อนก่อนหรือไม่?" ชายชราถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง เพราะก่อนหน้านี้อีกฝ่ายคงเสียพลังวิญญาณไปอย่างมากจากการสังหารอสูรจักรพรรดิแมงมุมรัตติกาลเหมันต์เมื่อครู่ ในความคิดของผู้ที่มีอายุมากกว่าเห็นควรว่าเด็กหนุ่มควรจะพักเสียหน่อยจะเป็นการดีที่สุด"ข้ายังไหวอยู่ขอรับท่านอาจารย์อย่างไรข้าฝากท่านด้วยนะขอรับ..." หนิงอ้ายตอบกลับไปเพื่อให้อาจารย์สบายใจ อีกทั้งยังรบกวนอีกฝ่ายไปอีกด้วยการดูดซับกระดูกวิญญาณในเเต่ละครั้งหากว่าเกิดเหตุการ์ที่ไม่คาดฝันขึ้น ผู้ฝึกตนที่กำลังอยู่ใน

    Terakhir Diperbarui : 2025-03-06
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่91 สอบเลื่อนระดับ

    โดยปกติทั่วไปนักปรุงโอสถฝึกหัดจะมีอายุตั้งเเต่สิบปีถึงยี่สิบห้าปีโดยเสียส่วนใหญ่ ขึ้นอยู่กับระดับพลังวิญญาณรวมไปถึงความเเข็งแกร่งของวิญญาณยุทธ์ปราณธาตุไฟต้นกำเนิดและจะต้องมีจิตวิญญาณของนักปรุงโอสถที่มากพอจึงจะสามารถเข้าสู่เส้นทางนี้ได้นักปรุงโอสถคนหนึ่งจะต้องประกอบไปด้วยทั้งสามสิ่งนี้ไปในทิศทางเดียวกัน หากไม่เป็นไปดังนี้เเล้วย่อมถือว่านักปรุงโอสถฝึกหัดผู้นั้นขาดคุณสมบัติที่จะเลื่อนระดับเป็นนักปรุงโอสถระดับหนึ่ง คงเป็นได้เพียงนักปรุงโอสถฝึกหัดต่อไปจนกว่าจะมีคุณสมบัติที่เพียบพร้อมในทั้งสามด้านนี้จึงจะสามารถเข้าร่วมสอบเลื่อนระดับเป็นนักปรุงโอสถระดับหนึ่งได้นั่นเองดังนั้นการที่เหวินหวู่ได้บอกแก่สหายของตนถึงเหตุผลในการเดินทางมายังสมาคมสมาพันธ์นักปรุงโอสถในครั้งนี้ ว่าต้องการพาศิษย์คนล่าสุดมาสอบเลื่อนระดับจึงสร้างความตกใจแก่จ้าวเสวี่ยถังเป็นอย่างมาก ก่อนหน้าหลายปีที่ผ่านมาอีกฝ่ายได้เคยพาศิษย์ลำดับหกที่มีอายุเพียงสิบแปดสิบเก้าปีเท่านั้นมาสอบเลื่อนระดับเป็นนักปรุงโอสถระดับหนึ่ง ก็นับว่าในตอนได้สร้างความตกตะลึงแก่ผู้คนในเมืองนี้รวมไปถึงสร้างชื่อเสียงเป็นที่ร่ำลือไปทั่วที่อีกฝ่ายสามารถบ่มเพาะ

    Terakhir Diperbarui : 2025-03-06
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่92 นักปรุงโอสถระดับหนึ่ง

    ครึ่งชั่วยามผ่านไปอย่างเชื่องช้าในความรู้สึกของผู้ที่รับชมการสอบเลื่อนระดับของนักปรุงโอสถฝึกหัดในครั้งนี้ ทว่ารุ่นเยาว์ชายหญิงเหล่านี้ที่กำลังหลอมสร้างปรุงโอสถด้วยความกดดันต่างรู้สึกว่าเวลาช่างผ่านไปอย่างรวดเร็วในความรู้สึกเป็นอย่างมากเสียงระเบิดปะทุดังขึ้นจากมุมต่าง ๆ ของสนามสอบที่เกิดจากการหลอมสมุนไพรที่ผิดพลาดในการคำนวณเวลา หรือการแตกหักของเตาหลอมโอสถที่เกิดจากการใช้ความร้อนแรงของเปลวเพลิงที่มากจนเกินไปจำนวนสมุนไพรที่ได้รับในทดสอบนี้ทุกคนต่างได้รับอย่างเท่าเทียมกันเพียงสองชุด จึงต้องมีความระมัดระวังเเต่ละขั้นตอนเป็นอย่างมาก เเต่กับบางคนอาจจะด้วยความคุ้นชินหรือเพราะได้รับสูตรโอสถที่ง่ายดายจึงทำให้ด้วยเวลาที่ผ่านไปเพียงครึ่งของการทดสอบพวกเขาเหล่านี้ต่างอยู่ในขั้นตอนขึ้นรูปโอสถเม็ดกันเเล้วทั้งสิ้น โอสถเหลวในเตาหลอมได้ส่งกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ของโอสถระดับหนึ่งต่าง ๆ ลอยฟุ้งไปทั่วบริเวณนี้เเต่ใช่ว่าการขึ้นรูปเม็ดโอสถจะง่ายดายตามที่สายตาของคนทั่วไปมองเห็น หากเป็นเช่นนั้นจริงขอเพียงมีวิญญาณยุทธ์ปราณธาตุไฟก็สามารถหลอมสร้างปรุงโอสถกันได้ทั้งสิ้น เเต่ละขั้นตอนของการหลอมสร้างปรุงโอสถต้อง

    Terakhir Diperbarui : 2025-03-06
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่93 โอสถฤทัยอัคคีพิสุทธิ์

    หลังจากการสอบเลื่อนระดับนักปรุงโอสถระดับหนึ่งได้จบลง หนิงอ้ายตั้งใจว่าจะสอบเลื่อนขั้นเป็นนักปรุงโอสถระดับสองรอบช่วงบ่ายในทันที ทางฝั่งของเหวินหวู่ผู้เป็นอาจารย์นอกจากที่จะไม่ห้ามปรามเเล้วยังส่งเสริมด้วยการมอบสูตรโอสถระดับสองให้กับเด็กหนุ่มอีกด้วยการสอบเลื่อนระดับของนักปรุงโอสถระดับสองเป็นต้นไป ผู้ที่เข้าร่วมการทดสอบจะต้องทำการปรุงโอสถระดับสองชนิดใดก็ได้ออกมาหนึ่งชนิด เงื่อนไขคือสมุนไพรที่ต้องใช้ในสูตรโอสถจะต้องจัดเตรียมมาด้วยตนเอง อีกทั้งความบริสุทธิ์ของเม็ดโอสถที่ปรุงออกมาจะต้องมีความบริสุทธิ์อยู่ที่เจ็ดส่วนเป็นต้นไปจึงจะผ่านการทดสอบเป็นนักปรุงโอสถระดับสองได้สำหรับสูตรโอสถระดับสองที่หนิงอ้ายได้รับมาจากเหวินหวู่มีนามว่าโอสถฤทัยอัคคีพิสุทธิ์ระดับสอง เป็นหนึ่งในสูตรโอสถที่ถูกบันทึกไว้และสร้างชื่อเสียงของเหวินหวู่ในฐานะของปรมจารย์โอสถระดับสูงแห่งทวีปบูรพาเเห่งนี้ แม้จะเป็นเพียงโอสถระดับสองก็จริงเเต่หากเทียบกันเเล้วไม่ต่างไปจากโอสถระดับสามขั้นต้นเสียด้วยซ้ำ เป็นโอสถที่สามารถช่วยเพิ่มให้ความเข้มข้นในวิญญาณยุทธ์ธาตุไฟมีความเข้มข้นบริสุทธิ์เพิ่มมากขึ้นพึงทราบว่านักปรุงโอสถฝึกหัด แม้จะมีคว

    Terakhir Diperbarui : 2025-03-06
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่94 นักปรุงโอสถระดับสอง

    หลังจากที่หนิงอ้ายผ่านการสอบเลื่อนระดับเป็นนักปรุงโอสถระดับสองและได้ป้ายหยกประจำตัวเสร็จเรียบร้อยเเล้วท่ามกลางความตกตะลึงไปทั่วทั้งสนามสอบเเห่งนี้ เส้นทางของนักปรุงโอสถกว่าจะผ่านแต่ละระดับได้ย่อมมีหลายปัจจัยที่เข้ามาข้องเกี่ยวอยู่ไม่น้อย จะเห็นว่าแม้ในยุทธภพจะสามารถพบเห็นตัวตนของนักปรุงโอสถฝึกหัดหรือนักปรุงโอสถระดับหนึ่งได้ไม่ยากนักก็จริง เเต่ทว่าสำหรับนักปรุงโอสถระดับสองเป็นต้นไปนั้นกว่าที่จะบ่มเพาะออกมาได้เเต่ละคนนั้นย่อมใช้เวลาหลายปีเลยทีเดียวมีจำนวนไม่น้อยในกลุ่มผู้ที่ร่วมการสอบเลื่อนระดับในครั้งนี้ที่เคยสอบเลื่อนระดับเป็นนักปรุงโอสถระดับสองมาเเล้วหลายครั้ง บ้างก็ใช้เวลาหลายปีกว่าที่จะเข้าใจในเเต่ละขั้นตอนของการหลอมสร้างปรุงโอสถ อีกทั้งยังต้องอาศัยความร้อนแรงของเปลวเพลิงและความละเอียดอ่อนในญาณสัมผัสเป็นอย่างยิ่งแน่นอนว่าต่อให้พวกเขาเหล่านี้จะซุ่มฝึกซ้อมอย่างหนักหน่วงตลอดหลายปีที่ผ่านมาหรือก็ต่างมั่นใจเป็นอย่างมากว่าตนนั้นจะประสบความสำเร็จในการสอบเลื่อนระดับครั้งนี้ เเต่ถึงอย่างไรก็ตามระดับพลังวิญญาณก็เป็นตัวแปรที่สำคัญไม่แพ้กัน ด้วยเพราะว่าการจะเป็นนักปรุงโอสถระดับสองได้นั้นนอกจ

    Terakhir Diperbarui : 2025-03-06
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่95 ความดำมืดในยุทธภพ

    หนิงอ้ายเกือบลืมไปเเล้วว่าโลกยุทธภพนี้นอกจากจะเเบ่งการปกครองดูเเลเป็นเมืองน้อยใหญ่ที่อยู่ภายใต้การดูเเลของเเต่ละแคว้นในมหาทวีปทั้งหกแห่งนี้เเล้ว ประชากรส่วนใหญ่ล้วนเป็นผู้ฝึกตนชาวยุทธภพรวมไปถึงชาวบ้านธรรมดาที่ตั้งรกรากอาศัยกันมาอย่างยาวนานนับร้อยนับพันปี ซึ่งเป็นพื้นที่ราบลุ่มหรือพื้นที่ติดเเม่น้ำสายใหญ่เกือบทั้งหมดตามแนวเทือกเขาสูงหรือตามมหาพงไพรต่าง ๆ ล้วนเป็นถิ่นอาศัยของสัตว์ป่าหรือสัตว์อสูรกันทั้งสิ้น ได้เเบ่งเขตการปกครองไปไม่ต่างจากเมืองผู้ฝึกตนสักเท่าไหร่นัก อีกทั้งยังคงยึดตามหลักของธรรมชาติที่ว่าผู้ที่เเข็งแกร่งเท่านั้น จึงจะอยู่รอดถือได้ว่าเป็นการคัดสรรจากธรรมชาติอย่างเเท้จริงยังเชื่อกันว่าตรงพื้นที่สุดชายแดนทางใต้เป็นที่อยู่อาศัยของเหล่าปีศาจอสูรชั้นต่ำ เหล่าหมู่มารระดับสูง ได้มีบันทึกเอาไว้ว่าในครั้งอดีตกาลตั้งเเต่ยุคเเรกเริ่ม ว่าในครั้งนั้นผู้ฝึกตนและเหล่ามารปีศาจต่างได้อาศัยอยู่ร่วมกันอย่างผาสุกปรองดอง เเต่ด้วยสัญชาติญาณดั้งเดิมจึงหล่อหลอมให้เหล่ามารปีศาจได้เสพติดการฆ่าฟันเป็นอย่างมากแม้ว่าในช่วงเเรกจะเป็นเพียงการสังหารเหล่าสัตว์อสูรเพื่อนำมาเป็นอาหารหรือการต่อสู้แย่งชิ

    Terakhir Diperbarui : 2025-03-06

Bab terbaru

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   ( -จบเล่ม ปฐมบท 3.2- ) บทที่ 174 ความวุ่นวายที่สิ้นสุดลง

    ความกังวลแผ่ซ่านไปทั่วหัวใจของทุกคนขณะที่พวกเขาเฝ้าดูการเผชิญหน้ากับอสูรมารจางหมิ่นที่เทียบเท่ากับราชทินนามเทพสวรรค์วิญญาณขั้นสูง พวกเขารู้ดีว่าผู้อาวุโสหนุ่มผู้นี้เป็นราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณที่แข็งแกร่งและมีพรสวรรค์ แต่อย่างไรคู่ต่อสู้ของเขานั้นก็ทรงพลังอย่างหาที่เปรียบมิได้เช่นกัน ยามนี้จางหมิ่นในสภาพอสูรมารนั้นมีพละกำลังมหาศาลมีความเร็วที่เหลือเชื่อและความสามารถในการฟื้นฟูที่น่าทึ่งทั้งยังสามารถทนทานต่อการโจมตีได้อย่างไม่เพลี่ยงพล้ำ และการโจมตีของเขานั้นรุนแรงพอที่จะสังหารราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณที่อ่อนด้อยได้อย่างไม่ยากนักแม้จะต้องเผชิญกับอสูรมารที่มีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับราชทินนามเทพสวรรค์วิญญาณขั้นสูงแต่หนิงอ้ายกลับไร้ซึ่งความหวาดหลัวแต่อย่างใด สิ่งนี้กลับชวนให้เขาหวนคิดไปถึงช่วงเวลาที่ได้ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองแห่งการสังหารในครั้งนั้น แก่นแท้แห่งการต่อสู้ จิตสังหารที่ดิบเถือนบ้าคลั่งที่เคยสะกดไว้คล้ายกำลังถูกปลุกขึ้นโดยที่ไม่ต้องร้องขอกลิ่นอายอหังการที่แข็งแกร่งไม่ธรรมดาของราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณขั้นกลางที่มีรากฐานบ่มเพาะลึกล้ำชวนให้ผู้ที่เคยกังขาถึงความเป็นมาและความสามารถของผู

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 173 สมบัติเทพมารจุติ

    ท่ามกลางความมืดมิดแห่งอนธการที่ได้ปกคลุมทั่วทั้งสนามประลอง บริเวณโดยรอบต่างอัดแน่นไปด้วยความชั่วร้ายและความสิ้นหวัง ม่านพลังพิสดารสายนี้ส่องประกายสีดำม่วงเข้มประกายริ้วคลื่นแผ่กระจายทั้งยังก่อตัวเป็นกำแพงหนาที่ไม่อาจมองทะลุผ่านได้ มากไปกว่านั้นม่านพลังผืนนี้ยังดูดกลืนพลังปราณฟ้าดินโดยรอบเข้ามาเสริมแกร่งอีกด้วย แม้ว่าบรรดาผู้อาวุโสหลายคนจะพยายามโจมตีหรือใช้สมบัติวิเศษเข้าขัดขวางการทำงานแต่ก็ไร้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการได้"สมบัติเทพมารจุติอย่างนั้นรึ? เป็นไปได้อย่างไรกัน!!!" กุ้ยเจินหรือเจ้าตำหนักศาสตร์แห่งค่ายกลเอ่ยด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ ไม่คิดว่าจางหมิ่นที่เป็นผู้ขายวิญญาณนั้นจะครอบครองสมบัติมารระดับสูงเช่นนี้ได้"มันคือสิ่งใดกันสมบัติเทพมารจุติที่เจ้าเอ่ยถึง..." รุ่ยเหอผู้เป็นรองเจ้าสำนักศึกษาและเจ้าตำหนักศาสตร์แห่งการต่อสู้เอ่ยถามด้วยความสงสัย"สมบัติเทพมารจุติเป็นที่เล่าขานกล่าวกันว่าเป็นสมบัติล้ำค่าที่เกิดจากการหลอมรวมพลังของเทพและมารเข้าด้วยกันจึงทำให้สมบัติวิเศษชิ้นนี้มีพลังอำนาจมหาศาลสามารถบันดาลสิ่งที่ปรารถนาได้ทุกประการ โดยเชื่อกันว่าเมื่อครั้งอดีตกาลมีมหาเทพเทพสองตนที่ทรงพลังยิ่ง

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 172 การปรากฎตัวของผู้ขายวิญญาณ

    คราแรกที่ลู่ซีได้ยินว่าศิษย์ใหม่นามว่าจางหมิ่นนั้นเอ่ยวาจาส่อเสียดหนิงอ้ายเขาก็รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก เขารู้ดีว่าหนิงอ้ายไม่ได้ปรากฎตัวในสำนักนับเป็นเวลาสิบปีแล้วจึงไม่มีผู้ใดคุ้นเคยหรือพบเห็นหน้ามาก่อน ยิ่งการกลับมาครั้งนี้รูปลักษณ์ของเขานั้นเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเสียด้วยซ้ำ อีกทั้งหนิงอ้ายยังเป็นผู้ร้องขอว่ายามนี้ควรปกปิดตัวตนของเขาไปเสียก่อน ด้วยเพราะไม่ล่วงรู้ว่าบรรดาศิษย์ใหม่ที่ผ่านการทดสอบในปีนี้ได้มีผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์ที่เป็นสายข่าวของเผ่าพันธ์มารปีศาจที่ถูกส่งตัวมาหรือไม่ แม้ความลับนี้อาจจะเก็บไว้ได้ไม่นานแต่อย่างน้อยท่ามกลางการทดสอบฝีมือเพื่อคัดเลือกเข้าตำหนักนี้ย่อมสามารถสังเกตุอาการพิรุจผิดปกติจากที่ควรจะเป็นได้“ป้ายหยกชั่วคราวลำดับที่เจ็ด ข้าต้องการประลองกับผู้อาวุโสท่านนั้นขอรับ!!” เสียงของศิษย์ใหม่คนหนึ่งดังขึ้นเรียกความสนใจจากบรรดาศิษย์สืบทอดและศิษย์หลักของตำหนักทั้งสี่ที่ยืนเรียงอยู่ด้านหน้าเพื่อรอเข้าทดสอบเป็นคู่ประลองกับเหล่าศิษย์ใหม่ แม้คำกล่าวนี้จะไม่ได้เอ่ยชื่อแต่ทุกคนในที่นี้ย่อมกระจ่างใจดีว่าถ้อยคำนี้เจาะจงถึงผู้ใด“กฎเกณฑ์เงื่อนไขในการทดสอบคัดเลือกเข้าสังกัดต

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 171 ผู้ท้าทายที่กล้าหาญ

    การทดสอบศิษย์ใหม่ในปีนี้ที่มีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขกฎเกณฑ์การทดสอบกล่าวว่าเป็นที่น่าตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย บรรดารุ่นเยาว์ชายหญิงเหล่านี้ต่างตั้งตารอที่จะได้ประลองกับศิษย์ผู้สืบทอดหรือศิษย์หลักของตำหนักทั้งสี่ด้วยความมุ่งมั่นอย่างเต็มเปี่ยม พวกเขารู้ดีว่าการประลองครั้งนี้จะเป็นโอกาสอันดีที่จะได้แสดงความสามารถของตนเองและพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าพวกเขาคู่ควรที่จะเป็นส่วนหนึ่งของสำนักศึกษาแห่งนี้ แม้ไม่รู้ว่าผลลัพธ์ของการทดสอบจะออกมายอดเยี่ยมมากเพียงใดแต่สิ่งหนึ่งที่คาดเดาได้นั่นคือการประลองครั้งนี้จะต้องเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความท้าทายอย่างแน่นอนศิษย์ใหม่ประจำปีการศึกษาจำนวนห้าคนแรกที่ต้องทำการประลองแสดงฝีมือนั้นถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะยามที่ได้ยินเสียงเรียกหมายเลขของป้ายหยกที่พวกเขาถือครองอยู่ ด้วยเพราะไม่เตรียมใจว่าจะได้ลงทดสอบรวดเร็วถึงเพียงนี้ จากนั้นบรรดาสหายและผู้ที่อยู่ใกล้เคียงต่างได้เข้าไปอวยพรให้พวกเขาทำให้ดีที่สุด จากนั้นพวกเขาจึงได้ก้าวเท้ามุ่งตรงไปยังลานประลองที่มีศิษย์สืบทอดและศิษย์หลักทั้งสี่ที่ยืนเรียงเฝ้ารอคอยว่าพวกเขานั้นจะเลือกใครในการทดสอบความสามารถครั้งนี้แน่นอนว่าศิษย์

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 170 กฎเกณฑ์ที่เปลี่ยนแปลงไป

    หนิงอ้ายได้เล่าถึงเรื่องราวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านไท่หลุนเมื่อสิบปีก่อนอย่างละเอียด ทุกคนในสำนักศึกษาต่างตั้งใจฟังด้วยความสนใจและตกใจไปกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น พวกเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าเผ่าพันธุ์มารปีศาจได้วางแผนการชั่วร้ายเช่นนี้มานานหลายปีเช่นนี้ ยิ่งเมื่อหนิงอ้ายเล่าถึงแผนการลับของเผ่าพันธุ์มารปีศาจที่ได้ยินแม่ทัพมารเอ่ยถึงในครั้งนั้น บางเหตุการณ์ก็ตรงกับข้อมูลที่หน่วยสืบข่าวของสำนักศึกษาสืบค้นได้เจ้าสำนักและผู้อาวุโสคนอื่นๆ ต่างก็กังวลใจเป็นอย่างมาก พวกเขารู้ดีว่าหากเผ่าพันธุ์มารปีศาจประสบความสำเร็จในแผนการแล้ว โลกยุทธภพแห่งนี้คงจะต้องเผชิญกับหายนะครั้งใหญ่โดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ อย่างไรก็ตามทุกคนต่างชื่นชมในความกล้าหาญและความเสียสละของชายหนุ่มตรงหน้า เหตุการณ์ครั้งนั้นได้ส่งผลให้หนิงอ้ายกลายเป็นวีรบุรุษและถูกเลื่อนระดับเป็นผู้อาวุโสสายในของสำนักศึกษาด้วยความเห็นชอบจากเจ้าสำนัก รองเจ้าสำนัก เจ้าตำหนักทั้งสี่รวมไปถึงบรรดาผู้อาวุโสต่าง ๆ ล้วนเห็นด้วยทั้งสิ้นจากนั้นหนิงอ้ายได้เล่าถึงเรื่องราวการหวนคืนกลับมามีกายเนื้อนี้อีกครั้งให้ทุกคนได้รับรู้แต่ก็ปกปิดบางส่วนที่เขาคิดว่าสมควร

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 169 ผู้ผ่านการทดสอบ

    ท่ามกลางหุบเขาน้อยใหญ่สูงเสียดฟ้าที่ถูกปกคลุมด้วยหมอกหนาและหิมะสีขาวบริสุทธิ์โปรยปรายอันเป็นลักษณะภูมิศาสตร์ที่โดดเด่นของสำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์ บรรดาอาคารสิ่งก่อสร้างในสำนักศึกษาต่างถูกตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจงรวมไปถึงพื้นที่โดยรอบต่างประดับประดาด้วยโคมไฟเวทย์หลากสีสันที่ส่องสว่างไสวให้ความรู้สึกอลังการเพื่อเป็นการต้อนรับเหล่าบรรดาผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์จากทั่วทุกสารทิศที่หลั่งไหลเข้ามาร่วมการทดสอบพร้อมกับความหวังและความฝันที่จะก้าวเข้าเป็นส่วนหนึ่งของสำนักศึกษาอันทรงเกียรติแห่งนี้ซุ้มประตูสำนักที่ถูกสร้างขึ้นจากแร่ผลึกอัมพรสวรรค์เก้าชั้นฟ้าอันเป็นวัสดุสินแร่หายากในยุทธภพนี้ได้ถูกแกะสลักอย่างวิจิตรบรรจงได้เปิดออกกว้างเพื่อต้อนรับผู้มาเยือนที่หลังจากนี้ย่อมกลายเป็นส่วนหนึ่งเดียวกันโดยมีผู้อาวุโสและศิษย์รุ่นพี่ที่ยืนคอยต้อนรับด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่น เมื่อการทดสอบสิ้นสุดลงบรรดาศิษย์ใหม่ที่พึ่งผ่านการทดสอบต่างก้าวเดินเข้ามาด้วยความตื่นเต้นและเต็มเปี่ยมไปด้วยความประหม่าหลังจากบรรดาผู้ผ่านการทดสอบทั้งหมดได้เข้ามาโดยพร้อมเพรียงแล้ว บริเวณลานกว้างหน้าสำนักศึกษายามนี้ต่างคลาคล่ำไปด้วยผู้ฝึกต

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 168 เดินทางกลับสำนักศึกษา

    มหาพิภพพิสดารแห่งนี้ประกอบไปด้วยสามพิภพ สี่มหาสมุทร แปดมหาทวีป โดยที่สามพิภพนั้นจะแบ่งเป็นดินแดนพิภพระดับสูง ดินแดนพิภพระดับกลางและพิภพระดับล่าง โดยมีสี่ทะเลมหาสมุทรตั้งอยู่ 4 ทิศล้อมรอบที่เชื่อว่าเป็นที่พักพิงของเทพบรรพกาลสูงสุดทั้งสาม และแปดมหาทวีปที่ได้มีการแบ่งการปกครองตามทิศทั้งแปดของดินแดนพิภพระดับกลาง ด้วยเพราะต่างมีผู้ปกครองดินแดนอันเป็นตัวตนที่ไม่ธรรมดาสามัญทั้งสิ้น ดังนั้นการเดินทางข้ามผ่านแต่ละเขตดินแดนจึงจำเป็นต้องมีเงื่อนไขกฎเกณฑ์ที่แตกต่างกันไปสำหรับการเดินทางข้ามเขตแดนทั้งสามพิภพโดยเฉพาะดินแดนพิภพระดับสูงและดินแดนพิภพระดับกลางนั้น เงื่อนไขสำคัญคือผู้ฝึกตนที่บ่มเพาะพลังปราณในดินแดนพิภพระดับกลาง หากไม่สามารถเลื่อนระดับเป็นราชทินนามอัครพรหมยุทธ์วิญญาณหรือครอบครองพลังวิญญาณในระดับที่101ได้ย่อมไม่อาจก้าวล้ำมายังดินแดนพิภพระดับสูงนี้ได้ด้วยขีดจำกัดของกายเนื้อที่ไม่สามารถรองรับพลังปราณฟ้าดินบริสุทธิ์เข้มข้นที่ไหลเวียนหล่อเลี้ยงทั่วทั้งมหาพิภพ เพราะหากไร้ซึ่งความแข็งแกร่งของสายโลหิตและพลังปราณที่ล้ำลึกที่เพียงพอ ไม่กี่ชั่วลมหายใจร่างกายและจิตวิญญาณย่อมถูกบดขยี้ไปสิ้นแต่ในทางก

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 167 การเลื่อนระดับที่เหนือล้ำ

    ไม่น่าเชื่อว่าเพียงหนึ่งราตรีที่ผ่านพ้น สำนักหมาป่าทมิฬจะถูกฆ่าล้างสำนักจนไม่เหลือแม้แต่ผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียว การจู่โจมโดยไม่อาจตั้งตัวนั้นได้ส่งผลให้เหล่าสมาชิกในสำนักต้องสังเวยชีวิตอย่างน่าสลดใจ สิ่งนี้กล่าวว่าได้สร้างความตื่นตะลึงแก่กลุ่มอิทธิพลมืดในยุทธภพอยู่ไม่น้อย แม้ว่าสำนักหมาป่าทมิฬจะเป็นสำนักที่พึ่งก่อตั้งได้ไม่กี่สิบปีแต่ก็มีชื่อเสียงโด่งดังในด้านความโหดเหี้ยมและไร้ความปรานี การล่มสลายของสำนักในครั้งนี้จึงกลายเป็นปริศนาที่ยากจะคาดเดาได้ว่าจะเกิดขึ้นสิ่งที่น่าตื่นตะลึงนั่นคืออดีตผู้ก่อตั้งสำนักนั้นเป็นถึงราชทินนามเทพสวรรค์วิญญาณที่มีรากฐานบ่มเพาะไม่ธรรมดาสามัญรวมไปถึงเจ้าสำนักคนปัจจุบันนั้นก็เป็นราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณขั้นสูงที่มากไปด้วยความสามารถไม่อ่อนด้อยแม้จะขึ้นชื่อในเรื่องของความวิปริตมากกว่าก็ตาม ไม่นับรวมถึงบรรดาผู้อาวุโสที่ล้วนต่างเป็นราชทินนามระดับสูงที่ไม่อาจดูแคลนได้ทั้งสถานที่ตั้งยังรายล้อมไปด้วยมหาค่ายกลเขตแดนธรรมชาติที่ใช่ว่าจะสามารถบุกฝ่าทะลวงไปได้โดยง่าย ข่าวการกวาดล้างสำนักหมาป่าทมิฬได้แพร่สะพัดออกไปราวกับไฟลามทุ่ง ไม่รู้ว่าทางสำนักได้ไปรับภารกิจหรือได้ล

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 166 ความร่วมมือ

    ท่ามกลางกลิ่นคาวเลือดและเศษซากร่างไร้วิญญาณของศัตรูที่พ่ายแพ้ หนิงอ้ายเรียกใช้พลังปราณตวัดเอาแหวนมิติและสมบัติวิเศษประจำตัวของผู้ตกตายทั้งหมดย้ายเข้ามาในแหวนมิติของตนอย่างไรสิ่งเหล่านี้ย่อมสามารถทำประโยชน์ได้อยู่ไม่น้อย ในใจเขาไม่นึกรังเกียจเลยเพียงนิด การเข่นฆ่าสังหารแล้วช่วงชิงสิ่งของของผู้ที่ตกตายไปนั้นเป็นสิ่งที่พบเจอได้ทั่วไปในยุทธภพจากนั้นหนิงอ้ายได้ระดมเรียกเปลวเพลิงบริสุทธิ์จากปราณทิวาธาตุเข้าแผดเผาเศษซากชิ้นเนื้อรวมไปถึงจิตวิญญาณของบรรดานักฆ่าเหล่านี้ให้สูญสลายโดยไม่อาจหวนคืนในวัฏจักรสังขารได้อีก จากเศษเสี้ยวความทรงจำที่เขาสัมผัสได้นั้นคนกลุ่มนี้หาใช่เป็นคนดีแต่อย่างใด ตลอดช่วงอายุที่ผ่านมาก็ล้วนแต่กระทำต่ำช้า สังหารผู้บริสุทธิ์มาไม่น้อย เพียงเท่านี้ย่อมไม่อาจชดเชยได้เสียด้วยซ้ำไม่ถึงครึ่งเค่อให้หลัง ห้วงมิติที่ถูกผนึกไว้เมื่อไร้ซึ่งผู้บัญชาการยามนี้ม่านพลังประหลาดดังกล่าวจึงได้ซ่านสลายไปในที่สุด เผยให้เห็นหมู่เมฆาที่ล่องลอยประดับเหนือท้องฟ้า เสียงแมลงน้อยใหญ่ดังขึ้นทั่วทั้งผืนป่าโดยรอบขับขานบรรเลงสอดประสานเป็นท่วงทำนองเสนาะหู แสงไฟเวทย์จากอาคารบ้านเรือน เสียงโหวกเหวกโวยวาย

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status