Share

บทที่73 หาเรื่อง

สิ้นเสียงของชายหนุ่มที่พึ่งกล่าวจบลงไป เสื้อคลุมตัวนอกสีเเดงและพู่หยกประจำตัวที่ห้อยอยู่ตรงข้างเอวที่เห็นได้ชัด ทำให้กลุ่มของหนิงอ้ายพอที่จะคาดเดาได้ว่าผู้ที่เอ่ยถ้อยคำคล้ายกับหาเรื่องพวกเขานั้นเป็นศิษย์สายนอกของตำหนักศาสตร์แห่งการต่อสู้คนหนึ่ง ตรงด้านหลังของอีกฝ่ายยังมีกลุ่มของชายหนุ่มที่มีอายุไล่เลี่ยกันไปอีกสี่ห้าคนที่ดูเเล้วไม่ต่างไปจากลูกสมุนติดตามสักเท่าไหร่นัก ที่ต่างพากันมองมาทางกลุ่มของพวกเขาด้วยสายตาดูถูกและไร้มรารยาทเป็นอย่างยิ่ง

เนตรแห่งสวรรค์ได้เเสดงให้ได้รู้ว่ากลุ่มของศิษย์พี่เหล่านี้ต่างมีรากฐานบ่มเพาะพลังวิญญาณอยู่ในระดับเทวะวิญญาณขั้นต้นกันทั้งสิ้น มีเพียงชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงด้านหน้าสุดที่พึ่งเอ่ยกับเขาไปเมื่อครู่คนเดียวเท่านั้นที่มีพลังวิญญาณอยู่ในระดับเทวะวิญญาณขั้นกลาง

แน่นอนว่าทางกลุ่มของหนิงอ้ายย่อมเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด บทสนทนาที่เกิดขึ้นตั้งเเต่เเรกเริ่ม ท่าทางแลน้ำเสียงของอีกฝ่ายได้เเสดงออกมาที่พูดจาดูแคลนหนิงอ้าย พวกเขาเองในตอนนี้ต่างรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก

อี้หลินคล้ายกับว่าจะพูดบางอย่างที่รุนเเรงโต้กลับกลุ่มของศิษย์พี่เหล่านี้ไป เเต่หนิงอ้ายที่เห็นท่าทางดังกล่าวนั้นจึงห้ามอีกฝ่ายไว้ได้ทันพอดี ทางฝั่งของหลี่ซวงเองแม้ในยามปกตินิสัยของเขาย่อมไม่ชอบความวุ่นวายสักเท่าไหร่นัก เเต่เมื่อเห็นว่ากลุ่มของศิษย์พี่เหล่านี้ได้เอ่ยถ้อยคำดูถูก เรื่องเช่นนี้เขาไม่มีทางยอมอีกฝ่ายอย่างแน่นอน

"การที่พวกข้าเลือกคบหาผู้ใดเป็นสหายล้วนขึ้นอยู่กับตัวของพวกข้าเองหาใช่เรื่องของคนอื่นที่ต้องบอกไม่ อย่างไรเรื่องนี้คงไม่รบกวนพวกศิษย์พี่ให้วุ่นวายหรอกขอรับ..." หลี่ซวงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยที่ตรงข้ามกับความหมายของคำนั้น ทำเอาอี้หลินที่ยืนอยู่ข้างกันถึงกับตบไหล่ของอีกฝ่าย พร้อมกับหัวเราะชอบใจออกมาเบา ๆ ก่อนที่จะทำหน้าชื่นชมสหายคนนี้เป็นอย่างมาก

"เจ้าต้องเข้าใจนะสหาย กับคนบางคนต่อให้บางเรื่องที่ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของตน เเต่กลับชื่นชอบในการเอาตัวเองเข้ามายุ่งวุ่นวาย คนประเภทนี้ช่างน่ารังเกียจเสียจริงเจ้าว่าหรือไม่?" อี้หลินเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงคล้ายกับบัณฑิตแก่เรียนผู้หนึ่ง ด้วยท่าทางที่จงใจปั้นแต่งนั้นช่างดูน่าหมั่นไส้ในสายตาของหลายคนที่มองมา โดยเฉพาะกลุ่มของศิษย์พี่ตรงหน้าที่ตอนนี้ต่างโมโหมีโทสะในใจที่เพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

"ข้าจำได้ว่าท่านอาจารย์รุ่ยเหอได้กล่าวคำสอนหนึ่งแก่ศิษย์ทุกคนในตำหนักศาสตร์แห่งการต่อสู้ แน่นอนว่าศิษย์ทุกคนในตำหนักล้วนยึดถือปฏิบัติกันมาอย่างยาวนานและเคร่งครัดว่าผู้ซึ่งเป็นวิญญูชนนั้นย่อมไม่ปรามาสผู้อื่นโดยไร้ซึ่งการไตร่ตรองอย่างรอบคอบ สามารถเเยกแยะผิดถูกชั่วดีอย่างเป็นกลาง รู้จักว่าสิ่งใดนั้นสมควรหรือไม่เหมาะสมได้อย่างแจ่มแจ้งผู้นั้นย่อมเป็นวิญญูชนที่น่าชื่นชมและนับถือยิ่ง!!"

"คำกล่าวของท่านอาจารย์รุ่ยเหอในตำหนักศาสตร์แห่งการต่อสู้ของพวกเราต่างถือปฏิบัติไม่ต่างไปจากคำประกาศิต ตัวข้าที่เป็นศิษย์ใหม่นั้นน้อมรับปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดเเต่เหตุใดพวกท่านที่เป็นศิษย์พี่จึงเอ่ยเช่นนี้กับพวกข้ากับสหายของข้าเช่นนี้เล่า หากมีสิ่งใดไม่กระจ่างหรือสงสัยสอบถามความเป็นจริงได้นะขอรับ..." จินหั่วเอ่ยขึ้นอย่างยาวเหยียดพร้อมกับถามกลับไปด้วยความสุภาพ เเต่กลับดูขัดหูขัดตาของกลุ่มศิษย์พี่ที่ถูกกล่าวถึงเป็นอย่างมาก ความหมายที่ซ่อนเร้นเอาไว้ในคำกล่าวไม่ต่างไปจากการติเตียนว่าพวกเขาไม่รู้จักเคารพคำสั่งสอนของท่านอาจารย์เสียอย่างนั้น

"ปากดีนักนะ!! พวกเจ้ามีสิทธิเอ่ยเช่นนี้กับพวกข้าที่เป็นศิษย์พี่ของพวกเจ้าได้อย่างนั้นรึ? ช่างไร้สัมมาคารวะยิ่งนักมารยาทที่ศิษย์น้องพึงกระทำต่อศิษย์พี่นั้นพวกเจ้าไม่รู้จักธรรมเนียมปฏิบัติใช่หรือไม่ เช่นนั้นพวกข้าจะยอมเสียเวลาสักเล็กน้อยเพื่อสั่งสอนพวกเจ้าให้ได้รู้เสียบ้าง!!!" ชายหนุ่มคนหนึ่งในกลุ่มของศิษย์พี่นั้นได้ตะโกนขึ้นมาเสียงดังด้วยท่าทางที่กักขฬะยิ่งนัก

"ศิษย์ใหม่ปีนี้ช่างจองหองไม่รู้จักเคารพศิษย์พี่ศิษย์น้อง ข้าจะให้โอกาสพวกเจ้าให้ได้เเก้ตัวกันสักหน่อย! จงคุกเข่าขอโทษจนกว่าพวกข้าจะพอใจ จากนี้ไปอีกสามเดือนจงเป็นข้ารับใช้ทำตามคำสั่งทุกอย่างของพวกข้าอย่างไร้ซึ่งข้อแม้ โดยเฉพาะเจ้าที่ชื่อว่าหนิงอ้ายจักต้องคอยทำความสะอาดห้องปฏิกูลของพวกข้าเป็นระยะเวลาสามเดือนเช่นกัน!!" ชายหนุ่มอีกคนที่ยืนอยู่ตรงข้างกันเอ่ยเสริมขึ้น ขณะที่เอ่ยออกมาก็ได้ส่งสายตาเหยียดหยามกลุ่มของหนิงอ้ายทุกคนจนมาสายตามาหยุดตรงที่เด็กหนุ่มผู้เป็นเจ้าของชื่อ

เเต่ศิษย์พี่คนนี้คงหลงลืมอะไรไปบางอย่างและได้ทำผิดพลาดไปแล้วอย่างไม่น่าให้อภัยเป็นอย่างยิ่ง พึงทราบเอาไว้ว่าตำแหน่งศิษย์ผู้สืบทอดนั้นมีฐานะที่สูงขั้นกว่าศิษย์โดยทั่วไปเป็นอย่างมาก พบเห็นศิษย์ผู้สืบทอดที่ใดย่อมต้องให้ความเคารพนับถือไปไม่ต่างท่านเจ้าตำหนัก

ฟังว่าด้วยฐานะตำแหน่งนี้แม้กระทั่งผู้อาวุโสในสำนักศึกษายังต้องไว้หน้าสามถึงสี่ส่วนเลยทีเดียว เห็นว่าตำแหน่งนี้นั้นเป็นที่น่านับถือยำเกรงมากเพียงใด ศิษย์ส่วนใหญ่ที่ได้เข้าศึกษาในสำนักนี้ต่างคาดหวังว่าตนนจะถูกเลือกให้เป็นหนึ่งในสี่ของศิษย์ผู้สืบทอดของตำหนักทั้งสี่กันทั้งสิ้น

ดังนั้นการที่ศิษย์พี่สายนอกคนนี้ที่ได้กล่าวดูถูกเหยียดหยามและปฏิบัติตัวอย่างไม่เหมาะสมกับหนิงอ้ายผู้เป็นศิษย์ผู้สืบทอดของตำหนักศาสตร์แห่งการรักษา แม้เด็กหนุ่มจะยังไม่ได้เจ้ารับพิธีการเเต่งตั้งอย่างเป็นทางการ

เเต่ถึงอย่างไรท่านเจ้าสำนักเจียงเฉิง ท่านเจ้าตำหนักทั้งสาม ผู้อาวุโสคุมกฎ ผู้อาวุโสในสำนักรวมไปถึงศิษย์สายใน ศิษย์สายนอกที่อยู่ร่วมในงานพิธีรับศิษย์ใหม่ในเมื่อวานนี้ ต่างรับรู้โดยทั่วกันเเล้ว หากมีสิ่งใดเกิดขึ้นเด็กหนุ่มย่อมมีสิทธิลงโทษอีกฝ่ายด้วยตำแหน่งที่ถือครองอยู่นั่นเอง

เนื่องจากตอนนี้เป็นยามสายไปมากเเล้วเป็นการเปิดตลาดในวันเเรกหลังจากเสร็จสิ้นการเตรียมงานรับศิษย์ใหม่ที่พึ่งจบลงไปในเมื่อวานนี้ ดังนั้นจึงทำให้บรรยากาศของตลาดในวันนี้ต่างคึกคักและเต็มไปด้วยศิษย์ชายหญิงมากมายที่เลือกมาเดินเล่นหรือจับจ่ายใช้สอยกันอย่างมากมาย

แน่นอนว่าการเสียงพูดคุยที่ดังขึ้นของศิษย์พี่ทั้งสองคนกลับกลุ่มของหนิงอ้าย ได้เรียกสายตาของทุกคนในตลาดให้หันมองมาทางนี้ด้วยความสงสัยและความสนใจเป็นอย่างมาก มีไม่น้อยที่พากันยืนอยู่รายล้อมกลุ่มของพวกเขาทั้งสองด้วยความตื่นเต้น

ความอยากรู้และความสนุกสนาน เพราะไม่ว่าจะเป็นกลุ่มของศิษย์สายนอกของตำหนักศาสตร์แห่งการต่อสู้ที่แน่นอนว่าพวกเขาย่อมคุ้นตา พวกศิษย์น้องที่ประกอบไปด้วยรุ่นเยาว์ที่มากไปด้วยฝีมืออย่างแท้จริงและเด็กหนุ่มผู้เป็นเจ้าของตำแหน่งศิษย์ผู้สืบทอดของตำหนักศาสตร์แห่งการรักษา พวกเขาต่างอยากรู้ว่าท้ายที่สุดแล้วเรื่องราวนั้นจะจบลงไปได้อย่างไร

เหล่าศิษย์เก่าทุกคนในที่นี้ต่างทราบกันดีว่ากลุ่มของศิษย์สายนอกที่ถูกนำด้วยหัวหน้าอย่างเฉินหลานนั้นเป็นหลานของผู้อาวุโสประจำระดับสูงสำนักศึกษาเเห่งนี้ มีพฤติกรรมหยาบคายและเอาเเต่ใจเป็นอย่างยิ่งผู้ใดพบเห็นต่างหลีกเร้นไม่อยากมีเรื่อง เเต่กลับไม่ใช่กับกลุ่มศิษย์น้องสายนอกพวกนี้เป็นแน่ ซึ่งพวกเขาอาจจะยังไม่รู้ว่าตนนั้นมีเรื่องกับผู้ใดเนื่องจากพึ่งเข้าเป็นศิษย์ของสำนักได้นั่นเอง

"ข้ากับสหายต่างล้วนเดินเที่ยวชมตลาดด้วยความราบรื่นปกติ มีเเต่พวกท่านที่เข้ามาหาเรื่องกัน กล่าวที่ว่าสหายข้าไม่เหมาะสมกับตำแหน่งผู้สืบทอดของตำหนักอีกทั้งยังได้ตำแหน่งนี้มาด้วยเลห์กลหาใช่ได้ด้วยความสามารถช่างเป็นคำกล่าวหาที่หยาบคายยิ่ง ผู้ที่เอ่ยถามช่างไร้สติปัญญานึกคิดเป็นอย่างยิ่ง!!!" อี้หลินเอ่ยขึ้นด้วยความโมโห

"สหายของข้าผู้นี้ได้รับตำแหน่งผู้สืบทอดมาอย่างชอบธรรมท่ามกลางประจักษ์พยานอย่างท่านเจ้าสำนัก ท่านเจ้าตำหนักทั้งสาม ผู้อาวุโสคุมกฎ ผู้อาวุโสระดับสูงรวมไปถึงเหล่าศิษย์พี่คนอื่น ๆ ที่เข้าร่วมงานพิธีในเมื่อวานนี้ คงมีเเต่พวกท่านที่ไม่สนใจเข้าร่วมจึงกล่าวออกมาได้อย่างไม่รู้ความจริงเช่นนี้"จ้าวหลานเอ่ยเสริมขึ้นด้วยความเดือดดาลไปไม่แพ้กัน

ศิษย์พี่สายนอกทั้งสองคนก่อนหน้าเมื่อเห็นว่ากลุ่มของศิษย์น้องเหล่านี้กล้าที่จะต่อปากต่อคำกลับอย่างไม่หวั่นเกรง อีกทั้งสายตาที่มองมายังกลุ่มพวกเขา เสียงกระซิบพูดคุยเห็นด้วยกับเหล่าศิษย์น้องเหล่านี้ยิ่งทำให้เขานั้นรู้สึกอับอายและโมโหเป็นอย่างมาก ก่อนที่ชายหนุ่มทั้งสองคนจะตั้งท่าชักกระบี่พร้อมกับจะพุ่งตัวออกไปเพียงเเต่ถูกห้ามเอาไว้เสียก่อนอย่างทันท่วงที

"อย่าทำอะไรนอกเหนือคำสั่งของข้า!!!" เสียงของเฉินหลางดังขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา

"เเต่ว่าศิษย์น้องพวกนี้มัน..." ชายหนุ่มทั้งสองคนเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มที่ตนนับถือเป็นหัวหน้านั้นมองมาด้วยสายตาเย็นชาจึงหยุดการกระทำเหล่านั้นลงในทันที

"ท่านคือเฉินหลาน หนึ่งในสิบสุดยอดรุ่นเยาว์ของตำหนักศาสตร์แห่งการต่อสู้ใช่หรือไม่??" หนิงอ้ายเอ่ยถามอีกฝ่ายพร้อมกับก้าวขาอยู่ด้านหน้ากลุ่มสหายของตนอย่างไม่เกรงกลัว

"ในเมื่อเจ้าก็รู้เเล้วว่าข้าคือใครก็ดี เอาเถอะเห็นแก่ว่าเจ้าเป็นศิษย์ใหม่ที่ยังโง่เขวาไม่รู้จักธรรมเนียมปฏิบัติเช่นนั้นคุกเข่าโค้งคำนับข้าเเล้วเรื่องที่เกิดขึ้นข้าจะไม่ถือสาเอาความอย่างนี้ดีหรือไม่?" เฉินหลานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงถือดี

"ท่านไม่คู่ควรให้ข้าต้องกระทำด้วยเช่นนั้น เข่าของบุรุษมีค่าเพียงใดท่านย่อมทราบดีอยู่เเล้วการคุกเข่าให้กับคนที่ไม่มีคุณสมบัติเหมาะสมไม่ต่างไปจากการดูถูกตน ท่านว่าเช่นนั้นหรือไม่?" หนิงอ้ายเอ่ยขึ้นตอบกลับไปช่างเป็นคำกล่าวที่ชัดเจนเสียจริง

"ศิษย์ใหม่เช่นเจ้าหาได้คู่ควรกล่าวกับข้าเช่นนี้ ในเมื่อรู้ว่าข้าเป็นใครเจ้าคงรู้เช่นกันว่าใครที่อยู่เบื้องหลังข้า!!" เฉินหยางเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงรอดไรฟันด้วยความโกรธ

"ท่านคงจะภูมิใจมากสินะ จึงมักที่จะหยิบอ้างชื่อของบรรพบุรุษของตระกูลของตนมายกข่มคนอื่นเช่นนี้ เป็นข้าคงละอายยิ่งนักที่ทำตัวเสียชื่อเกียรติของวงศ์ตระกูลเช่นท่าน!!" หนิงอ้ายเอ่ยตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงนับถือที่คนฟังเเล้วชวนให้รู้สึกโมโหกว่าเดิมอย่างมาก

"หากตัดชื่อแซ่ตัดตระกูลตัดบรรพบุรุษของท่านออกไปแล้วท่านนั้นมีสิ่งใดที่ผู้คนควรนับถือเช่นนั้นรึ??" หนิงอ้ายตอบกลับไปพร้อมกับถอนหายใจออกมาเล็กน้อย หลังจากจบคำเสียงของอี้หลินได้หัวเราะขึ้นอย่างชอบใจในฝีปากของสหายตนคนนี้ยิ่ง

"ช่างปากกล้าเสียจริง! เอาเถอะวันนี้ข้าจะลดตัวลงสั่งสอนเจ้าเเทนบิดามารดาของเจ้าเสียเเล้วกัน..." เฉินหลานเอ่ยขึ้น

"หากใครคิดช่วยเหลือกลุ่มศิษย์น้องเหล่านี้ ข้าเฉินหลานจะถือว่าพวกเจ้าเป็นศัตรูของข้าทั้งสิ้น!!" ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นเสียงดังพร้อมกับมองไปโดยรอบ แน่นอนว่าทุกคนที่อยู่ในที่นี้แม้จะไม่ชื่นชอบนิสัยของเฉินหลานก็จริง

ทว่าฝีมือของอีกฝ่ายนั้นนับได้ว่าเป็นของจริงเช่นกัน เพราะไม่อย่างนั้นแล้วอีกฝ่ายคงไม่ติดรายชื่อเป็นหนึ่งในสิบศิษย์สุดยอดรุ่นเยาว์ของตำหนักศาสตร์แห่งการต่อสู้ เป็นที่ยอมรับในลำดับต้น ๆ ในสำนักศึกษานี้

"เจ้าถอยออกมาเถอะ คนผู้นี้ให้เกอจัดการเองเสียดีกว่า..." ลู่ซีแม้จะไม่เอ่ยคำใดมาตั้งเเต่เเรก ทว่าในใจของเขารู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก

สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้คล้ายคลึงกับในวัยเด็กของพวกเขาทั้งสองคนยิ่งนักที่ถูกรังแกอย่างไร้หนทางโต้กลับ เเต่ในวันนี้ตัวของเขานั้นโตขึ้นและมีความสามารถเพียงพอที่จะปกป้องหนิงอ้ายได้เเล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่รอช้าที่จะบอกความต้องการของตนออกไปในทันที

"เกอไม่ต้องเป็นห่วงขอรับเรื่องนี้หากไล่เรียงดูแล้วสาเหตุนั่นเป็นเพราะคนพาลเหล่านี้ไม่ชอบในตัวข้า...เกอเชื่อใจข้านะขอรับ" หนิงอ้ายตอบกลับไปด้วยรับรู้ได้ถึงความเป็นห่วงที่ลู่ซีถ่ายทอดออกมา

"ช่างน่าขันยิ่งนักผู้ฝึกตนพลังวิญญาณระดับจักรพรรดิขั้นสูงเช่นเจ้าจะรับมือกับพวกข้าที่เป็นผู้ฝึกตนระดับเทวะขั้นต้นได้อย่างนั่นรึ? แม้ว่าพวกข้าจะไม่สามารถเลื่อนระดับเทวะขั้นกลางได้ในตอนนี้ เเต่ด้วยเพราะติดอยู่ในขั้นต้นมาหลายปีรากฐานบ่มเพาะของพวกข้าย่อมมากกว่าเจ้าอย่างแน่นอน รับมือ!!!" ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างนั้นเฉินหลานหัวเราะดังขึ้นพร้อมกับเอ่ยออกมาเสียงดังก่อนที่จะร่ายเวทย์โจมตีออกมา

โซ่ตรวนอัสนีลงทัณฑ์!

เปรี้ยง!

เวทย์โจมตีที่ถูกร่ายขึ้นจากผู้ฝึกตนระดับเทวะวิญญาณขั้นต้นแม้จะมีความรุนแรงความรวดเร็วมากเพียงใด เเต่ถึงอย่างนั้นด้วยญาณสัมผัสที่ลึกล้ำของหนิงอ้ายที่แผ่ซ่านคลอบคลุมบริเวณหลายลี้ตรงนี้เเล้ว การโจมตีนับได้ว่าไม่เป็นปัญหาที่มากมายสักเท่าไหร่ของเขานัก ก่อนที่เด็กหนุ่มนั้นจะร่ายบทเวทย์ป้องกันของตนในทันที

ปราการวารีอหังการ!

ตู้ม!

"ไม่จริง!! นี่เป็นเวทย์โจมตีระดับสูงของข้า เเล้วเหตุใด..." ชายหนุ่มผู้ร่ายเวทย์โจมตีเมื่อเห็นว่าเวทย์ของตนนั้นได้สลายหายไปอย่างง่ายดายเช่นนี้จึงทำให้รู้สึกตกตะลึงยิ่งนัก

"ถอยไป!!!ปล่อยให้พวกข้าทั้งสองคนจัดการเจ้าเด็กจองหองคนนี้เอง..."

คลื่นพสุธาสังหาร!

ตู้ม!

วายุทมิฬพิฆาต!

ตู้ม!

เสียงระเบิดของเวทย์โจมตีระดับสูงถึงสองบทได้สะท้อนดังขึ้นพร้อมกันไปทั่วทั้งบริเวณ ผู้ร่ายบทเวทย์ดังกล่าวนี้เป็นชายหนุ่มสองคนที่มีนามว่าลู่ซือและลู่จื้อ สองฝาแฝดตระกูลลู่ผู้เป็นศิษย์สายนอกของตำหนักศาสตร์แห่งการต่อสู้ ชื่อเสียงของทั้งสองคนนี้เป็นที่รู้จักไปไม่น้อยเช่นกัน

อาจด้วยเพราะว่าคุณชายลู่ทั้งสองคนนี้เป็นถึงคุณชายใหญ่และคุณชายรองของตระกูลใหญ่ที่มีเบื้องหลังสนับสนุนเป็นผู้อาวุโสระดับสูงอยู่ในสำนักศึกษาแห่งนี้ อีกทั้งมีฝีมือความสามารถเชิงยุทธ์การต่อสู้เป็นอย่างมากสมกับเป็นลูกหลานของตระกูลใหญ่ของแคว้น

ตระกูลลู่นั้นเป็นตระกูลใหญ่ที่มีอำนาจฝังลึกอยู่ในแคว้นนี้มาอย่างช้านานเเล้วหลายร้อยปี มีส่วนเกี่ยวข้องกับราชวงศ์ประจำแคว้นไม่ว่าจะทั้งทางตรงหรือทางอ้อม เนื่องด้วยเพราะเป็นหนึ่งในตระกูลใหญ่ที่คอยสนับสนุนปกป้องผู้นั่งราชบัลลังก์ของแคว้น ที่ว่ากันว่าตระกูลลู่นั่นได้รับหน้าที่สืบทอดอันทรงเกียรตินี้จากรุ่นสู่รุ่นเป็นเวลาหลายร้อยปีมาเเล้ว ด้วยเหตุผลหลายสิ่งอย่างนี้จึงทำให้คุณชายลู่ทั้งสองคนถือว่าตนอยู่เหนือกว่าผู้อื่น มีความถือดีอยู่ในตัวเองเป็นอย่างมากนั่นเอง...

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terkait

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่74 ศิษย์พี่ผู้สืบทอด

    เวทย์โจมตีระดับสูงที่ถูกร่ายออกมาพร้อมกันจากผู้ฝึกตนราชทินนามเทวะวิญญาณขั้นต้นถึงสองคนในคราวเดียวกัน ย่อมส่งผลให้อานุภาพของเวทย์โจมตีทั้งสองบทนี้ยิ่งทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า การจู่โจมโดยฉับพลันที่ผสานเข้าด้วยกันของเวทย์โจมตีปราณธาตุดินและปราณธาตุลมได้สร้างความเสียหายเป็นระยะกว้างในพื้นที่โดยรอบด้วยความรุนแรงที่เพิ่มทวีคูณเช่นนี้ต่อให้เป็นผู้ฝึกตนในระดับเดียวกันนั้นย่อมรับมือผลจากเวทย์โจมตีไม่ได้โดยง่ายสักเท่าไหร่นัก ความแข็งแกร่งของผู้ฝึกตนราชทินนามเทวะวิญญาณนั้นมีมากมายเพียงใดทุกคนย่อมรับรู้โดยทั่ว ยิ่งกับเวทย์ต่าง ๆ ที่ถูกร่ายออกมาจากผู้ฝึกตนในระดับนี้นั้นย่อมมีอานุภาพสะเทือนฟ้าสะเทือนดินต่อให้หนิงอ้ายจะมีระดับพลังวิญญาณน้อยกว่าอีกฝ่ายไปถึงหนึ่งขั้นใหญ่ก็จริง เเต่ถึงอย่างไรก็ตามสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ก็ไม่ได้ทำให้หนิงอ้ายรู้สึกกดดันเลยแม้เเต่น้อย ในทางตรงกันข้ามภายในใจของเขากลับรู้สึกตื่นเต้นเสียอย่างนั้นที่ได้ปะทะรับมือเช่นนี้ เพราะตนนั้นจะได้ฝึกฝนฝีมือและญาณสัมผัสของตนให้เฉียบคมเพิ่มขึ้น ผลแพ้ชนะนั้นหาได้วัดจากเพียงระดับพลังวิญญาณของคู่ต่อสู้เท่านั้น เพราะพลังฝีมือต่อสู้ที่เ

    Terakhir Diperbarui : 2025-03-06
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่75 คนที่ไม่ควรข้องเกี่ยว

    ไม่นานข่าวลือได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งสำนักด้วยความรวดเร็ว ที่ว่าเฉินหลานได้หาเรื่องศิษย์ใหม่ที่เป็นถึงศิษย์ผู้สืบทอดของตำหนักศาสตร์แห่งการรักษา เเต่ท้ายที่สุดได้ถูกศิษย์ใหม่ผู้นั้นตอกกลับด้วยถ้อยคำที่เจ็บแสบจนทำให้อับอาย ยังดีที่กลุ่มของตงหยางและสหายทั้งสามที่ได้เข้ามาห้ามปรามตำหนิชายหนุ่มไปเช่นกันเดิมทีเฉินหลานก็ไม่ได้ชอบตงหยางมากเท่าไหร่ ด้วยเพราะบิดาและผู้อาวุโสที่อยู่ในรอบตัวมักจะเปรียบเทียบเขากับตงหยางอยู่เสมอ ยิ่งถูกอีกฝ่ายกล่าวตำหนิต่อหน้าผู้คนมากมาย เขายิ่งรู้สึกโกรธและเสียหน้าเป็นอย่างมาก อคติในใจได้โทษว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นเพราะหนิงอ้ายคนเดียวที่ทำให้ต้องอับอายเช่นนี้ เขาต้องเอาคืนอีกฝ่ายอย่างแน่นอนในสักวัน"เจ้าเด็กสารเลวนั่นหาเรื่องตายเสียแล้ว!!""ข้าจะจำเอาไว้แล้วในวันหนึ่งข้าจะทำให้เจ้าเสียใจที่ทำให้ข้าต้องอับอายเช่นนี้!!!" เฉินหลานเอ่ยสบถอย่างหัวเสีย ครั้งนี้เป็นเขาที่เสียหน้าเป็นที่อับอายไปไม่น้อยเสียงการทำลายสิ่งของดังไปทั่ว แต่ด้วยเพราะเรือนพักแต่ละหลังของตำหนักศาสตร์แห่งการต่อสู้นั้นมีพื้นที่ส่วนตัวเป็นอย่างมาก เสียงดังที่เกิดขึ้นนี้นับว่าไม่ได้แปลกประห

    Terakhir Diperbarui : 2025-03-06
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่76 อาคารส่วนกลาง

    หลังจากที่เดินแยกออกมาได้สักระยะหนึ่ง หนิงอ้ายยังคงรู้สึกได้ถึงสายตาของอีกฝ่ายที่มองตามหลังของเขามาอย่างไม่ลดละ ถึงแม้ว่าเด็กหนุ่มจะสัมผัสไม่ได้ถึงความมุ่งร้ายของอีกฝ่ายได้เลยก็ตาม หากกล่าวตามความจริงคือพลังจิตของหนิงอ้ายนั้นไม่สามารถสัมผัสได้ถึงคลื่นอารมณ์หรือความนึกคิดของอีกฝ่ายได้เลยแม้เเต่น้อยนั่นหมายความว่าหากอีกฝ่ายไม่ได้ครอบครองของวิเศษระดับสูงที่สามารถป้องกันการรุกล้ำเหล่านี้ได้ เช่นนั้นเเล้วชายหนุ่มคงมีจิตที่กล้าเเข็งที่มากเพียงพอจึงทำให้เนตรแห่งสวรรค์ของหนิงอ้ายนั้นไม่สามารถล่วงรู้ได้ถึงอารมณ์หรือความนึกคิดของอีกฝ่ายได้นั่นเองสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ทำให้หนิงอ้ายรู้สึกหงุดหงิดและรำคานใจอยู่บ้างเช่นกัน ด้วยเพราะว่าเนตรแห่งสวรรค์ของเขานั้นมีการพัฒนาเพิ่มขึ้นจากเดิมอยู่หลายเท่า อีกทั้งยังสามารถพลิกเเพลงนำมาใช้ได้อย่างหลายหลายดั่งใจนึกคิด หนิงอ้ายมักจะใช้ทั้งสัญชาติญาณ ไหวพริบควบคู่กันอยู่เสมอ เผื่อว่าหากสิ่งใดเกิดขึ้นเขาจะได้รับมือได้อย่างทันท่วงทีและมีแผนสำรองเพื่อที่จะทำให้ตนไม่เป็นฝ่ายที่เพลี้ยงพล้ำเหตุการณ์ต่าง ๆ หรือสิ่งที่ได้เกิดขึ้น หากว่าอยู่นอกเหนือการควบคุมหรือการรับรู้ท

    Terakhir Diperbarui : 2025-03-06
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่77 ผู้บุกรุกในยามวิกาล

    วิหคสอดแนมได้ส่งภาพบางอย่างให้เขาได้รับรู้ จากกลิ่นอายของอีกฝ่ายที่เล็ดลอดออกมาแม้จะเพียงน้อยนิดเเต่นั่นก็เป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่าผู้ที่ลักลอบเข้ามาในยามวิกาลเช่นนี้คงไปใครไปไม่ได้นอกจากชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าสำนักคนต่อไปที่ตนนั้นพึ่งได้พบเจอเมื่อในช่วงสายของวันนี้สิ้นเสียงของเด็กหนุ่มคล้ายกับต่อว่าผู้ที่บุกรุกเข้ามา เสียงหัวเราะชอบใจได้ดังขึ้นเบา ๆ ชวนให้รู้สึกหมั่นไส้อยู่ไม่น้อยก่อนที่ด้านหลังของหนิงอ้ายนั้นได้มีบางสิ่งอย่างที่เคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็วเข้ามาจู่โจมในทันทีพรึบ!หนิงอ้ายได้หันหลังลุกขึ้นพร้อมกับสองมือนั้นต่างตั้งรับการโจมตีของอีกฝ่ายได้อย่างทันท่วงที ทั้งสองคนต่างเเลกเปลี่ยนเชิงยุทธ์ต่อสู้กันอย่างไม่มีฝ่ายใดเพลี่ยงพล้ำสลับไปมายากจะมองเห็นตามทันสำหรับผู้ฝึกตนทั่วไป หลังจากที่เวลาได้ผ่านไปสักครู่ทั้งสองคนต่างแยกตัวออกจากกันเพื่อตั้งหลักอีกครั้ง ตรงด้านหน้าของหนิงอ้ายนั้นปรากฎเป็นชายหนุ่มในชุดดำที่รูปร่างสูงใหญ่กำยำ ที่ตอนนี้หัวเราะออกมาเบา ๆ ก่อนที่จะพุ่งตัวเข้าโจมตีเด็กหนุ่มอีกครั้งด้วยความรวดเร็วดวงตาเรียวเล็กของหนิงอ้ายฉายชัดถึงความเย็นชาก่อนที่ร่างบางจะเร่งญาณสัมผัสของ

    Terakhir Diperbarui : 2025-03-06
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่78 ไม่อยากพบเจอ

    ด้วยเพราะปราณฟ้าดินบริสุทธิ์เป็นอย่างมากที่ไหลเวียนอยู่โดยรอบจึงส่งผลให้บรรยากาศภายในตำหนักเต็มไปด้วยกลิ่นอายของชีวิตที่ประสานเข้ากับความเงียบสงบได้อย่างลงตัว อีกทั้งเรือนพักเเต่ละหลังรวมไปถึงอาคารและสิ่งก่อสร้างในตำหนักนั้นต่างมีพื้นที่เป็นส่วนตัวกันอย่างมาก ถึงแม้ว่าจะมีคนรับใช้ชายหญิงที่คอยดูเเลจัดการความสะอาดเรียบร้อยหรือหากพูดไปตามความจริงแล้วกลุ่มคนเหล่านี้ต่างมีทั้งคนธรรมดาทั่วไปรวมไปถึงผู้ฝึกตนที่มีระดับพลังวิญญาณไม่สูงมากที่เต็มใจรับจ้างทำงานเหล่านี้จากทางสำนักศึกษานอกจากผลตอบเเทนที่ได้รับจะเป็นเงินทองเบี้ยหวัดรายเดือนตามสมควรที่ตกลงเอาไว้ตามข้อสัญญาจ้างงาน หากมีทั้งความขยันและซื่อสัตย์ที่น่าชื่นชมบางคนนั้นถึงกับได้รับโชควาสนาเป็นผู้รับใช้ส่วนตัวของผู้อาวุโสระดับต่าง ๆ ในสำนักเลยก็มีให้เห็นไม่น้อยผลตอบเเทนที่ได้รับนอกจากที่ได้กล่าวมาข้างต้นแล้วบางคนถึงกับได้รับสิ่งตอบเเทนอื่นที่ไม่ว่าจะเป็นโอสถ อาวุธวิเศษหรือแม้กระทั่งหากผู้นั้นมีพรสวรรค์ที่เข้าตาเเล้วละก็ คนเหล่านั้นอาจจะได้รับการส่งเสริมในเรื่องของการบ่มเพาะพลังวิญญาณให้เพิ่มสูงขึ้นหรือแม้กระทั่งอาจได้เป็นคนสนิทข้างกายขอ

    Terakhir Diperbarui : 2025-03-06
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่79 ศึกษาตำรา

    "ศิษย์พี่ตงหยางมาทำอันใดที่อาคารส่วนกลางตำหนักของข้าตั้งเเต่เช้าเช่นนี้หรือขอรับ??" เห็นท่าทางที่ชวนหน้าหมั่นไส้ของชายหนุ่ม เเต่ด้วยความสงสัยที่มีมากกว่าหนิงอ้ายจึงเลือกที่จะมองข้ามและถามกลับอีกฝ่ายไปด้วยความอยากรู้"ท่านเจ้าสำนักไหว้วานให้มาเอาตำราเล่มหนึ่ง ฟังว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับภารกิจสำคัญในครั้งถัดไป แล้วเจ้าเล่าเหตุใดจึงมาเเต่เช้าเช่นนี้ ไม่ใช่ว่าผู้อาวุโสเหวินหวู่ให้เจ้าพักผ่อนอย่างนั้นรึ??" เฟยหลงถามกลับหนิงอ้ายไปตามสิ่งที่ตนได้รับรู้มาก่อนหน้า"ข้าพึ่งเริ่มเข้าสู่วิถีฝึกตนเพียงไม่กี่ปีความรอบรู้นับว่ายังอ่อนด้อยยิ่งนัก ดังนั้นข้าจึงอยากจะใช้ทุกเวลาที่มีให้คุ้มค่ามากที่สุดขอรับ..." เด็กหนุ่มตอบกลับไปตามที่ตนคิด เพราะทุกอย่างในโลกนี้นับว่าค่อนข้างแปลกใหม่เป็นอย่างมาก ซึ่งเขานั้นยังต้องเรียนรู้ในอีกหลายสิ่งอย่าง"ศิษย์น้องหนิงอ้ายกล่าวได้ถูกต้องผู้ที่จะประสบความสำเร็จได้คนผู้นั้นต้องใช้ทุกสิ่งอย่างที่ตนมีให้คุ้มค่ามากที่สุด..." เสียงของชายหนุ่มอีกคนดังขึ้นทางด้านหลัง เรียกความสนใจของทั้งสองคนคนให้ละสายตาจากกัน"ไม่คิดว่าจะเจอเจ้าที่นี่เเต่เช้านะตงหยาง ภารกิจจากท่านเจ้าสำนักในครั

    Terakhir Diperbarui : 2025-03-06
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่80 จิตวิญญาณแห่งปราณธาตุ

    เช้าของวันรุ่งขึ้นหนิงอ้ายกำลังนั่งดูดซับปราณฟ้าดินเหมือนดังเช่นทุกวันที่ผ่านมา ด้วยญาณสัมผัสอันลึกล้ำจึงสัมผัสรู้สึกได้ถึงบางสิ่งอย่างที่กำลังก่อตัวขึ้นตรงบริเวณเหนือจุดตันเถียร จากประสบการณ์ที่ผ่านมาเเล้วหลายครั้งทำให้รู้ได้ทันทีว่านี่เป็นสัญญาณของการเลื่อนระดับพลังวิญญาณในขั้นถัดไปหนิงอ้ายจึงรีบหลับตาลงพร้อมกับเร่งโคจรวิถีลมปราณไปทั่วทั่งร่างกายของตนด้วยความรวดเร็วพริ้วไหวเเต่หนักเเน่นล้ำลึกไปตามความพิศดารของเคล็ดวิชาสยบอัสนีเมฆา เพียงชั่วครู่เดียวแรงบีบอัดจากภายในได้สร้างความเจ็บปวดเกินจะคาดคิดเอาไว้ ร่างบางสั่นสะท้าน ใบหน้างามบิดเบี้ยวราวกับต้องการกดข่มทุกความรู้สึก หนิงอ้ายตั้งมั่นโคจรลมปราณต่อไปไม่ให้ขาดช่วงเพราะหากพลาดโอกาสในครั้งนี้ไปแล้วไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาอีกมากน้อยเท่าใดจึงจะสามารถสัมผัสได้ถึงประตูเลื่อนขั้นเช่นนี้ได้อีกเมื่อไหร่ แม้สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้จะได้สร้างความทรมานต่อทั้งร่างกายจิตใจไปมากเพียงใดก็ตาม ถึงอย่างไรก็ตามหนิงอ้ายเองก็รู้ดีว่าหากเขาสามารถที่จะอดทนผ่านพ้นไปได้จนสำเร็จเเล้ว สิ่งที่ได้รับคืนมาหลังจากนี้ย่อมเป็นผลดีต่อตนเองทั้งสิ้น ดังนั้นเเล้วเขาต้องตัดผ

    Terakhir Diperbarui : 2025-03-06
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่81 ศิษย์พี่ทั้งสาม

    "ศิษย์พี่จะแนะนำให้เจ้าได้รู้จักกับศิษย์พี่ทั้งสามคนอย่างเป็นทางการอีกครั้ง..." ไป๋เหลียนฮวาเอ่ยขึ้นพร้อมกับผายมือแนะนำอย่างคล่องแคล่วตรงหน้าของหนิงอ้ายเป็นชายหนุ่มสามคนนั่งหลดหลั่นกัน ต่างมีหน้าตารูปงามหล่อเหลาเป็นอย่างมาก หากเทียบกันเเล้วก็ถือได้ว่าทั้งสามคนมีความแตกต่างเฉพาะเป็นของตัวเอง หากเทียบไปเเล้วก็ให้ความรู้สึกเหมือนชายหนุ่มไอดอลชายในโลกเดิมของเขาอย่างนั้น"คนทางซ้ายมือคือศิษย์พี่สามซุนหลิง เชี่ยวชาญในเรื่องเวทย์รักษาเป็นอย่างมาก หากไม่นับท่านอาจารย์ เจ้าสามารถปรึกษานี้ศิษย์พี่สามในเรื่องนี้เป็นคนเเรก ๆ ได้ทุกเมื่อ..." ชายหนุ่มที่ถูกแนะนำนั้นได้ยกมือทักทายกับหนิงอ้ายเล็กน้อยพร้อมกับสังเกตเด็กหนุ่มตรงหน้าตนนี้ด้วยความสนใจ"คนทางขวามือคือศิษย์พี่รอง นามว่าศิษย์พี่เกาเจิน แม้การแต่งกายภายนอกจะดูแปลกประหลาดไปบ้าง เเต่ศิษย์พี่รองเชี่ยวชาญในเรื่องศาสตร์แห่งการต่อสู้เป็นอย่างมาก สามารถนำมาพลิกเเพลงกับการใช้โอสถและสมุนไพรในการต่อสู้ หากเจ้าต้องการวิถีแนวคิดผสมผสาน ข้าแนะนำเป็นศิษย์พี่รองท่านนี้..." ชายหนุ่มที่ถูกกล่าวหาว่าแต่งกายประหลาดนั้นไม่ได้รู้สึกอันใดกับถ้อยคำนี้ทั้งสิ้น หนำซ

    Terakhir Diperbarui : 2025-03-06

Bab terbaru

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   ( -จบเล่ม ปฐมบท 3.2- ) บทที่ 174 ความวุ่นวายที่สิ้นสุดลง

    ความกังวลแผ่ซ่านไปทั่วหัวใจของทุกคนขณะที่พวกเขาเฝ้าดูการเผชิญหน้ากับอสูรมารจางหมิ่นที่เทียบเท่ากับราชทินนามเทพสวรรค์วิญญาณขั้นสูง พวกเขารู้ดีว่าผู้อาวุโสหนุ่มผู้นี้เป็นราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณที่แข็งแกร่งและมีพรสวรรค์ แต่อย่างไรคู่ต่อสู้ของเขานั้นก็ทรงพลังอย่างหาที่เปรียบมิได้เช่นกัน ยามนี้จางหมิ่นในสภาพอสูรมารนั้นมีพละกำลังมหาศาลมีความเร็วที่เหลือเชื่อและความสามารถในการฟื้นฟูที่น่าทึ่งทั้งยังสามารถทนทานต่อการโจมตีได้อย่างไม่เพลี่ยงพล้ำ และการโจมตีของเขานั้นรุนแรงพอที่จะสังหารราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณที่อ่อนด้อยได้อย่างไม่ยากนักแม้จะต้องเผชิญกับอสูรมารที่มีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับราชทินนามเทพสวรรค์วิญญาณขั้นสูงแต่หนิงอ้ายกลับไร้ซึ่งความหวาดหลัวแต่อย่างใด สิ่งนี้กลับชวนให้เขาหวนคิดไปถึงช่วงเวลาที่ได้ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองแห่งการสังหารในครั้งนั้น แก่นแท้แห่งการต่อสู้ จิตสังหารที่ดิบเถือนบ้าคลั่งที่เคยสะกดไว้คล้ายกำลังถูกปลุกขึ้นโดยที่ไม่ต้องร้องขอกลิ่นอายอหังการที่แข็งแกร่งไม่ธรรมดาของราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณขั้นกลางที่มีรากฐานบ่มเพาะลึกล้ำชวนให้ผู้ที่เคยกังขาถึงความเป็นมาและความสามารถของผู

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 173 สมบัติเทพมารจุติ

    ท่ามกลางความมืดมิดแห่งอนธการที่ได้ปกคลุมทั่วทั้งสนามประลอง บริเวณโดยรอบต่างอัดแน่นไปด้วยความชั่วร้ายและความสิ้นหวัง ม่านพลังพิสดารสายนี้ส่องประกายสีดำม่วงเข้มประกายริ้วคลื่นแผ่กระจายทั้งยังก่อตัวเป็นกำแพงหนาที่ไม่อาจมองทะลุผ่านได้ มากไปกว่านั้นม่านพลังผืนนี้ยังดูดกลืนพลังปราณฟ้าดินโดยรอบเข้ามาเสริมแกร่งอีกด้วย แม้ว่าบรรดาผู้อาวุโสหลายคนจะพยายามโจมตีหรือใช้สมบัติวิเศษเข้าขัดขวางการทำงานแต่ก็ไร้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการได้"สมบัติเทพมารจุติอย่างนั้นรึ? เป็นไปได้อย่างไรกัน!!!" กุ้ยเจินหรือเจ้าตำหนักศาสตร์แห่งค่ายกลเอ่ยด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ ไม่คิดว่าจางหมิ่นที่เป็นผู้ขายวิญญาณนั้นจะครอบครองสมบัติมารระดับสูงเช่นนี้ได้"มันคือสิ่งใดกันสมบัติเทพมารจุติที่เจ้าเอ่ยถึง..." รุ่ยเหอผู้เป็นรองเจ้าสำนักศึกษาและเจ้าตำหนักศาสตร์แห่งการต่อสู้เอ่ยถามด้วยความสงสัย"สมบัติเทพมารจุติเป็นที่เล่าขานกล่าวกันว่าเป็นสมบัติล้ำค่าที่เกิดจากการหลอมรวมพลังของเทพและมารเข้าด้วยกันจึงทำให้สมบัติวิเศษชิ้นนี้มีพลังอำนาจมหาศาลสามารถบันดาลสิ่งที่ปรารถนาได้ทุกประการ โดยเชื่อกันว่าเมื่อครั้งอดีตกาลมีมหาเทพเทพสองตนที่ทรงพลังยิ่ง

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 172 การปรากฎตัวของผู้ขายวิญญาณ

    คราแรกที่ลู่ซีได้ยินว่าศิษย์ใหม่นามว่าจางหมิ่นนั้นเอ่ยวาจาส่อเสียดหนิงอ้ายเขาก็รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก เขารู้ดีว่าหนิงอ้ายไม่ได้ปรากฎตัวในสำนักนับเป็นเวลาสิบปีแล้วจึงไม่มีผู้ใดคุ้นเคยหรือพบเห็นหน้ามาก่อน ยิ่งการกลับมาครั้งนี้รูปลักษณ์ของเขานั้นเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเสียด้วยซ้ำ อีกทั้งหนิงอ้ายยังเป็นผู้ร้องขอว่ายามนี้ควรปกปิดตัวตนของเขาไปเสียก่อน ด้วยเพราะไม่ล่วงรู้ว่าบรรดาศิษย์ใหม่ที่ผ่านการทดสอบในปีนี้ได้มีผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์ที่เป็นสายข่าวของเผ่าพันธ์มารปีศาจที่ถูกส่งตัวมาหรือไม่ แม้ความลับนี้อาจจะเก็บไว้ได้ไม่นานแต่อย่างน้อยท่ามกลางการทดสอบฝีมือเพื่อคัดเลือกเข้าตำหนักนี้ย่อมสามารถสังเกตุอาการพิรุจผิดปกติจากที่ควรจะเป็นได้“ป้ายหยกชั่วคราวลำดับที่เจ็ด ข้าต้องการประลองกับผู้อาวุโสท่านนั้นขอรับ!!” เสียงของศิษย์ใหม่คนหนึ่งดังขึ้นเรียกความสนใจจากบรรดาศิษย์สืบทอดและศิษย์หลักของตำหนักทั้งสี่ที่ยืนเรียงอยู่ด้านหน้าเพื่อรอเข้าทดสอบเป็นคู่ประลองกับเหล่าศิษย์ใหม่ แม้คำกล่าวนี้จะไม่ได้เอ่ยชื่อแต่ทุกคนในที่นี้ย่อมกระจ่างใจดีว่าถ้อยคำนี้เจาะจงถึงผู้ใด“กฎเกณฑ์เงื่อนไขในการทดสอบคัดเลือกเข้าสังกัดต

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 171 ผู้ท้าทายที่กล้าหาญ

    การทดสอบศิษย์ใหม่ในปีนี้ที่มีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขกฎเกณฑ์การทดสอบกล่าวว่าเป็นที่น่าตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย บรรดารุ่นเยาว์ชายหญิงเหล่านี้ต่างตั้งตารอที่จะได้ประลองกับศิษย์ผู้สืบทอดหรือศิษย์หลักของตำหนักทั้งสี่ด้วยความมุ่งมั่นอย่างเต็มเปี่ยม พวกเขารู้ดีว่าการประลองครั้งนี้จะเป็นโอกาสอันดีที่จะได้แสดงความสามารถของตนเองและพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าพวกเขาคู่ควรที่จะเป็นส่วนหนึ่งของสำนักศึกษาแห่งนี้ แม้ไม่รู้ว่าผลลัพธ์ของการทดสอบจะออกมายอดเยี่ยมมากเพียงใดแต่สิ่งหนึ่งที่คาดเดาได้นั่นคือการประลองครั้งนี้จะต้องเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความท้าทายอย่างแน่นอนศิษย์ใหม่ประจำปีการศึกษาจำนวนห้าคนแรกที่ต้องทำการประลองแสดงฝีมือนั้นถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะยามที่ได้ยินเสียงเรียกหมายเลขของป้ายหยกที่พวกเขาถือครองอยู่ ด้วยเพราะไม่เตรียมใจว่าจะได้ลงทดสอบรวดเร็วถึงเพียงนี้ จากนั้นบรรดาสหายและผู้ที่อยู่ใกล้เคียงต่างได้เข้าไปอวยพรให้พวกเขาทำให้ดีที่สุด จากนั้นพวกเขาจึงได้ก้าวเท้ามุ่งตรงไปยังลานประลองที่มีศิษย์สืบทอดและศิษย์หลักทั้งสี่ที่ยืนเรียงเฝ้ารอคอยว่าพวกเขานั้นจะเลือกใครในการทดสอบความสามารถครั้งนี้แน่นอนว่าศิษย์

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 170 กฎเกณฑ์ที่เปลี่ยนแปลงไป

    หนิงอ้ายได้เล่าถึงเรื่องราวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านไท่หลุนเมื่อสิบปีก่อนอย่างละเอียด ทุกคนในสำนักศึกษาต่างตั้งใจฟังด้วยความสนใจและตกใจไปกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น พวกเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าเผ่าพันธุ์มารปีศาจได้วางแผนการชั่วร้ายเช่นนี้มานานหลายปีเช่นนี้ ยิ่งเมื่อหนิงอ้ายเล่าถึงแผนการลับของเผ่าพันธุ์มารปีศาจที่ได้ยินแม่ทัพมารเอ่ยถึงในครั้งนั้น บางเหตุการณ์ก็ตรงกับข้อมูลที่หน่วยสืบข่าวของสำนักศึกษาสืบค้นได้เจ้าสำนักและผู้อาวุโสคนอื่นๆ ต่างก็กังวลใจเป็นอย่างมาก พวกเขารู้ดีว่าหากเผ่าพันธุ์มารปีศาจประสบความสำเร็จในแผนการแล้ว โลกยุทธภพแห่งนี้คงจะต้องเผชิญกับหายนะครั้งใหญ่โดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ อย่างไรก็ตามทุกคนต่างชื่นชมในความกล้าหาญและความเสียสละของชายหนุ่มตรงหน้า เหตุการณ์ครั้งนั้นได้ส่งผลให้หนิงอ้ายกลายเป็นวีรบุรุษและถูกเลื่อนระดับเป็นผู้อาวุโสสายในของสำนักศึกษาด้วยความเห็นชอบจากเจ้าสำนัก รองเจ้าสำนัก เจ้าตำหนักทั้งสี่รวมไปถึงบรรดาผู้อาวุโสต่าง ๆ ล้วนเห็นด้วยทั้งสิ้นจากนั้นหนิงอ้ายได้เล่าถึงเรื่องราวการหวนคืนกลับมามีกายเนื้อนี้อีกครั้งให้ทุกคนได้รับรู้แต่ก็ปกปิดบางส่วนที่เขาคิดว่าสมควร

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 169 ผู้ผ่านการทดสอบ

    ท่ามกลางหุบเขาน้อยใหญ่สูงเสียดฟ้าที่ถูกปกคลุมด้วยหมอกหนาและหิมะสีขาวบริสุทธิ์โปรยปรายอันเป็นลักษณะภูมิศาสตร์ที่โดดเด่นของสำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์ บรรดาอาคารสิ่งก่อสร้างในสำนักศึกษาต่างถูกตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจงรวมไปถึงพื้นที่โดยรอบต่างประดับประดาด้วยโคมไฟเวทย์หลากสีสันที่ส่องสว่างไสวให้ความรู้สึกอลังการเพื่อเป็นการต้อนรับเหล่าบรรดาผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์จากทั่วทุกสารทิศที่หลั่งไหลเข้ามาร่วมการทดสอบพร้อมกับความหวังและความฝันที่จะก้าวเข้าเป็นส่วนหนึ่งของสำนักศึกษาอันทรงเกียรติแห่งนี้ซุ้มประตูสำนักที่ถูกสร้างขึ้นจากแร่ผลึกอัมพรสวรรค์เก้าชั้นฟ้าอันเป็นวัสดุสินแร่หายากในยุทธภพนี้ได้ถูกแกะสลักอย่างวิจิตรบรรจงได้เปิดออกกว้างเพื่อต้อนรับผู้มาเยือนที่หลังจากนี้ย่อมกลายเป็นส่วนหนึ่งเดียวกันโดยมีผู้อาวุโสและศิษย์รุ่นพี่ที่ยืนคอยต้อนรับด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่น เมื่อการทดสอบสิ้นสุดลงบรรดาศิษย์ใหม่ที่พึ่งผ่านการทดสอบต่างก้าวเดินเข้ามาด้วยความตื่นเต้นและเต็มเปี่ยมไปด้วยความประหม่าหลังจากบรรดาผู้ผ่านการทดสอบทั้งหมดได้เข้ามาโดยพร้อมเพรียงแล้ว บริเวณลานกว้างหน้าสำนักศึกษายามนี้ต่างคลาคล่ำไปด้วยผู้ฝึกต

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 168 เดินทางกลับสำนักศึกษา

    มหาพิภพพิสดารแห่งนี้ประกอบไปด้วยสามพิภพ สี่มหาสมุทร แปดมหาทวีป โดยที่สามพิภพนั้นจะแบ่งเป็นดินแดนพิภพระดับสูง ดินแดนพิภพระดับกลางและพิภพระดับล่าง โดยมีสี่ทะเลมหาสมุทรตั้งอยู่ 4 ทิศล้อมรอบที่เชื่อว่าเป็นที่พักพิงของเทพบรรพกาลสูงสุดทั้งสาม และแปดมหาทวีปที่ได้มีการแบ่งการปกครองตามทิศทั้งแปดของดินแดนพิภพระดับกลาง ด้วยเพราะต่างมีผู้ปกครองดินแดนอันเป็นตัวตนที่ไม่ธรรมดาสามัญทั้งสิ้น ดังนั้นการเดินทางข้ามผ่านแต่ละเขตดินแดนจึงจำเป็นต้องมีเงื่อนไขกฎเกณฑ์ที่แตกต่างกันไปสำหรับการเดินทางข้ามเขตแดนทั้งสามพิภพโดยเฉพาะดินแดนพิภพระดับสูงและดินแดนพิภพระดับกลางนั้น เงื่อนไขสำคัญคือผู้ฝึกตนที่บ่มเพาะพลังปราณในดินแดนพิภพระดับกลาง หากไม่สามารถเลื่อนระดับเป็นราชทินนามอัครพรหมยุทธ์วิญญาณหรือครอบครองพลังวิญญาณในระดับที่101ได้ย่อมไม่อาจก้าวล้ำมายังดินแดนพิภพระดับสูงนี้ได้ด้วยขีดจำกัดของกายเนื้อที่ไม่สามารถรองรับพลังปราณฟ้าดินบริสุทธิ์เข้มข้นที่ไหลเวียนหล่อเลี้ยงทั่วทั้งมหาพิภพ เพราะหากไร้ซึ่งความแข็งแกร่งของสายโลหิตและพลังปราณที่ล้ำลึกที่เพียงพอ ไม่กี่ชั่วลมหายใจร่างกายและจิตวิญญาณย่อมถูกบดขยี้ไปสิ้นแต่ในทางก

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 167 การเลื่อนระดับที่เหนือล้ำ

    ไม่น่าเชื่อว่าเพียงหนึ่งราตรีที่ผ่านพ้น สำนักหมาป่าทมิฬจะถูกฆ่าล้างสำนักจนไม่เหลือแม้แต่ผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียว การจู่โจมโดยไม่อาจตั้งตัวนั้นได้ส่งผลให้เหล่าสมาชิกในสำนักต้องสังเวยชีวิตอย่างน่าสลดใจ สิ่งนี้กล่าวว่าได้สร้างความตื่นตะลึงแก่กลุ่มอิทธิพลมืดในยุทธภพอยู่ไม่น้อย แม้ว่าสำนักหมาป่าทมิฬจะเป็นสำนักที่พึ่งก่อตั้งได้ไม่กี่สิบปีแต่ก็มีชื่อเสียงโด่งดังในด้านความโหดเหี้ยมและไร้ความปรานี การล่มสลายของสำนักในครั้งนี้จึงกลายเป็นปริศนาที่ยากจะคาดเดาได้ว่าจะเกิดขึ้นสิ่งที่น่าตื่นตะลึงนั่นคืออดีตผู้ก่อตั้งสำนักนั้นเป็นถึงราชทินนามเทพสวรรค์วิญญาณที่มีรากฐานบ่มเพาะไม่ธรรมดาสามัญรวมไปถึงเจ้าสำนักคนปัจจุบันนั้นก็เป็นราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณขั้นสูงที่มากไปด้วยความสามารถไม่อ่อนด้อยแม้จะขึ้นชื่อในเรื่องของความวิปริตมากกว่าก็ตาม ไม่นับรวมถึงบรรดาผู้อาวุโสที่ล้วนต่างเป็นราชทินนามระดับสูงที่ไม่อาจดูแคลนได้ทั้งสถานที่ตั้งยังรายล้อมไปด้วยมหาค่ายกลเขตแดนธรรมชาติที่ใช่ว่าจะสามารถบุกฝ่าทะลวงไปได้โดยง่าย ข่าวการกวาดล้างสำนักหมาป่าทมิฬได้แพร่สะพัดออกไปราวกับไฟลามทุ่ง ไม่รู้ว่าทางสำนักได้ไปรับภารกิจหรือได้ล

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 166 ความร่วมมือ

    ท่ามกลางกลิ่นคาวเลือดและเศษซากร่างไร้วิญญาณของศัตรูที่พ่ายแพ้ หนิงอ้ายเรียกใช้พลังปราณตวัดเอาแหวนมิติและสมบัติวิเศษประจำตัวของผู้ตกตายทั้งหมดย้ายเข้ามาในแหวนมิติของตนอย่างไรสิ่งเหล่านี้ย่อมสามารถทำประโยชน์ได้อยู่ไม่น้อย ในใจเขาไม่นึกรังเกียจเลยเพียงนิด การเข่นฆ่าสังหารแล้วช่วงชิงสิ่งของของผู้ที่ตกตายไปนั้นเป็นสิ่งที่พบเจอได้ทั่วไปในยุทธภพจากนั้นหนิงอ้ายได้ระดมเรียกเปลวเพลิงบริสุทธิ์จากปราณทิวาธาตุเข้าแผดเผาเศษซากชิ้นเนื้อรวมไปถึงจิตวิญญาณของบรรดานักฆ่าเหล่านี้ให้สูญสลายโดยไม่อาจหวนคืนในวัฏจักรสังขารได้อีก จากเศษเสี้ยวความทรงจำที่เขาสัมผัสได้นั้นคนกลุ่มนี้หาใช่เป็นคนดีแต่อย่างใด ตลอดช่วงอายุที่ผ่านมาก็ล้วนแต่กระทำต่ำช้า สังหารผู้บริสุทธิ์มาไม่น้อย เพียงเท่านี้ย่อมไม่อาจชดเชยได้เสียด้วยซ้ำไม่ถึงครึ่งเค่อให้หลัง ห้วงมิติที่ถูกผนึกไว้เมื่อไร้ซึ่งผู้บัญชาการยามนี้ม่านพลังประหลาดดังกล่าวจึงได้ซ่านสลายไปในที่สุด เผยให้เห็นหมู่เมฆาที่ล่องลอยประดับเหนือท้องฟ้า เสียงแมลงน้อยใหญ่ดังขึ้นทั่วทั้งผืนป่าโดยรอบขับขานบรรเลงสอดประสานเป็นท่วงทำนองเสนาะหู แสงไฟเวทย์จากอาคารบ้านเรือน เสียงโหวกเหวกโวยวาย

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status