จี้ฉวนจงแอบเย้ยหยันอยู่ในใจ หากไม่เห็นแก่หน้าตาของสกุลเฉา เขาไม่มีทางสนใจเจียงป๋อเหนียนผู้นี้แน่นอน“หากเป็นเช่นนั้น ข้าก็จะรออีกสักหน่อย”เจียงป๋อเหนียนเอ่ยปากกล่าวอีกว่า “ท่านจี้ ให้สกุลเฉากลับจวนไปพร้อมกับข้าก่อนได้หรือไม่”จี้ฉวนจงขมวดคิ้วพลางกล่าว “ท่านเจียง หากสกุลเฉาหนี ท่านเจียงต้องรับผิดชอบเรื่องทั้งหมด”เมื่อเห็นจี้ฉวนจงไม่สบอารมณ์เช่นนี้ เจียงป๋อเหนียนจึงฝืนยิ้มพลางกล่าวอย่างระมัดระวังว่า “ขอบคุณท่านจี้มากที่เมตตา วันหลังข้าจะมาขอบคุณอย่างเป็นทางการ”จี้ฉวนจงกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ท่านเจียงกลับดีๆ ล่ะ ข้าไม่ไปส่ง”เจียงป๋อเหนียนยกมือโค้งคำนับพลางกล่าว “ข้าขอตัวลา”“ท่านเจียง ท่านอ๋องเป็นคนพาฮูหยินเจียงมาร้องความที่จิงจ้าวอิ่งด้วยตัวเอง”เมื่อนึกถึงจวนสกุลเฉาแล้ว จี้ฉวนจงจึงกล่าวเตือนเจียงป๋อเหนียนเล็กน้อย“ขอบคุณท่านจี้ที่เตือนข้า”ในขณะที่กล่าวนั้น เจียงป๋อเหนียนได้ติดตามเจ้าหน้าที่ไปนำตัวเฉาหยูเฟิ่งออกจากจิงจ้าวอิ่งเขาส่งคนไปแจ้งลาในวัง หากเขาไม่จัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย เขาจะกลายตัวตลกที่ผู้คนพูดถึงในโรงน้ำชาอีกครั้งเป็นแน่เฉาหยูเฟิ่ง
น้ำเสียงของเจียงหวานหว่านเย็นชา ยิ่งทวีความโกรธของเจียงป๋อเหนียนมากยิ่งขึ้นส่วนสกุลหลิ่วนางก็มาเช่นกัน แต่ไม่ได้ปรากฏตัวออกมา ให้ดาวมฤตยูผู้นี้ออกมาเจอเขาเพียงผู้เดียว“หากว่าเจ้ามีเรื่องด่วนก็ไปทำเถอะ พ่อมาหาแม่ของเจ้า”ดวงตาของเจียงหวานหว่านเผยความไม่อดทนออกมา“ท่านพ่อ ท่านแม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส เพิ่งจะดื่มยาไป นอนแล้วเจ้าค่ะ ท่านพ่อมีเรื่องอันใดก็พูดกับลูกได้ อย่างไรเสีย คำร้องนั่นลูกก็เป็นคนเขียนมันเอง”เมื่อได้ยินเช่นนี้สีหน้าของเจียงป๋อเหนียนพลันเปลี่ยนไปทันที ลูกสาวตัวนี้คนนี้ของเขาเดาถูกแล้วว่าเขามาที่นี่ด้วยเหตุอันใดในเมื่อเป็นเช่นนี้ เขาก็จะพูดอย่างตรงไปตรงมาเสียเลย“ไปถอนคำร้องซะ หากคนนอกรู้เรื่องนี้เข้าเขาจะเอาไปพูดเป็นเรื่องตลกเอาได้”เจียงหวานหว่านได้ยินเช่นนี้ดวงตาของนางก็เผยความเย็นชาขึ้น“ท่านพ่อ หน้าตาของสกุลเจียงสำคัญไปกว่าชีวิตของท่านแม่อย่างนั้นหรือ?”เพื่อให้เรื่องนี้แก้ไขไปได้ เจียงป๋อเหยียนไม่อาจใช้ไม้แข็งกับเจียงหวานหว่านได้“พ่อไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น หากเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับสกุลเฉา พ่อไม่มีทางปล่อยนางแน่นอน และไม่ยอมให้แม่ของเจ้าต้อ
จี้ฉวนจงหยิบเอาสำนวนคำร้องออกมาหลายแผ่น ก่อนจะกล่าวด้วยความโกรธเกรี้ยวว่า“จางเทียน เจ้ายึดครองพื้นที่ภูเขาและตั้งตนเป็นผู้นำ ขายตัวผู้หญิง ต่อมาก็ลักพาตัวฮูหยินเจียง ความผิดเหล่านี้สามารถฆ่าเจ้าได้หลายร้อยหลายพันครั้ง เจ้ายังกล้าบอกว่าตัวเองถูกใส่ร้ายอีกอย่างนั้นหรือ?”จางเทียนเห็นสำนวนคำร้องเหล่านั้นเข้าก็ตื่นตระหนกลุกลี้ลุกลนขึ้น ดวงตาเบิกกว้างมองไปมาด้วยความตกใจชุนฮว๋ามองจางเทียนด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะหัวเราะเสียงดังลั่นออกมา“เจ้าคนสารเลว กล้าทำแต่ไม่กล้ารับ”จางเทียนจ้องมองชุนฮว๋าด้วยสายตาโหดร้าย เขาแทบอยากหั่นเนื้อชุนฮว๋าออกมาเป็นหมื่นพันชิ้นโยนให้สุนัขกินสายตาของเจียงหวานหว่านมองไปที่หรงซีเขาดูท่าทางเย่อหยิ่ง นัยน์ตาเขาเต็มไปด้วยความรังเกียจนางไม่อาจละสายตาไปจากเขาได้เลย เขาดูดีมากจริงๆ เมื่อรู้สึกได้ถึงสายตาของเจียงหวานหว่านที่มองไป หรงซีก็ยิ้มมุมปากเล็กน้อย ใบหน้าขี้เล่นเจียงหวานหว่านลดสายตาลงเพื่อปกปิดความเขินอายของตนเองส่วนเฉาหยูเฟิ่งเมื่อเห็นพี่ชายตัวเองมาเช่นนี้ นางก็รู้สึกสบายใจขึ้นมากท่านพ่อต้องเป็นคนส่งท่านพี่มาเป็นแน่ ครอบครัวของนางทำให้
เจ้าหน้าที่รับห่อยามาจากมู่เซียง นำไปให้ขุนนางผู้พิสูจน์หลักฐานหลังจากพิสูจน์หลักฐานแล้ว จึงตอบว่า “ท่าน นี่คือยากัดกร่อนหัวใจ หลังจากกินยาตัวนี้ไป จะทำให้หัวใจอ่อนแรงลง ร่างกายก็ยิ่งทรุดโทรมลงเรื่อยๆ ไม่ถึงครึ่งปี หัวใจวายตายได้แน่นอน”เจียงหวานหว่านกำหมัดแน่น หากไม่ใช่เพราะนางตรวจเจอเร็วกว่านี้ ท่านแม่นางคงถูกเฉาหยูเฟิ่งวางยาจนถึงแก่ชีวิตไปแล้วจี้ฉวนจงนึกไม่ถึงเลยว่าจะมีคนใช้วิธีการวางยาพิษเช่นนี้ทำร้ายคนอื่น“สกุลหวัง เจ้าช่างกล้าบังอาจยิ่งนัก นึกไม่ถึงเลยว่าจะวางยาพิษทำร้ายคนอื่นได้เช่นนี้”ในตอนที่มู่เซียงเอาห่อยาออกมา แม่นมหวังเกิดอาการเหม่อลอยเล็กน้อย“ท่าน หลายวันก่อนมู่เซียงทำงานผิดพลาด ข้าน้อยกล่าวตักเตือนสั่งสอนนางเพียงไม่กี่คำ นึกไม่ถึงว่านางแค้นฝังใจ กล้าใส่ร้ายป้ายสีข้าน้อยได้ถึงเพียงนี้ ได้โปรดท่านให้ความเป็นธรรมแก่ข้าน้อยด้วย”แม่นมหวังร้องสะอื้นไห้พลางกล่าว“หยุดเอะอะเสียงดังได้แล้ว”จี้ฉวนจงเคาะโต๊ะกับไม้เคาะอย่างแรงเจียงหวานหว่านเอากระดาษแผ่นหนึ่งและแผ่นเงินออกมายื่นให้จี้ฉวนจง“ท่าน นี่คือบันทึกจากบัญชีตลาดมืดที่ข้าคัดลอกมาได้ ราคายากัดกร่อนหัวใ
ภายนอกนางดูสงบนิ่งมาก แต่ในใจแอบภาวนาว่าให้จางวั่งไฉยอมรับผิดเรื่องทั้งหมดจางวั่งไฉถูกเจ้าหน้าที่คุมตัวซ้ายขวาเดินเข้ามาในห้องโถง กดไหล่เขา บังคับให้เขาคุกเข่าลง“เป็นเขา คนผู้นี้นี่แหละที่ลักพาตัวข้า”หลิ่วซู่ชี้ไปที่จางวั่งไฉ ในใจนางโกรธแค้นเป็นอย่างยิ่งเจียงหวานหว่านปลอบหลิ่วซู่ ดวงตาจ้องมองจางวั่งไฉราวกับธนู“ท่าน เหตุใดท่านถึงทำเรื่องเช่นนี้ได้ เช่นนี้จะให้ข้ากับลูกทำเช่นไร!”คำพูดของแม่นมหวังบอกเป็นนัยให้จางวั่งไฉรู้ว่าอย่าได้เปิดโปงนาง ทั้งสองมีลูก หากเกิดเรื่องขึ้นกับนางจะไม่มีใครดูแลลูก“จางวั่งไฉ สกุลเฉาของเรามีคนรับใช้จิตใจบ้าคลั่งเช่นนี้ได้อย่างไร ช่างทำให้สกุลเฉาอับอายขายหน้าจริงๆ รีบสังหารเจ้าคนจิตใจบ้าคลั่งผู้นี้เร็วเข้า เพื่อไม่ให้คนอื่นเอาเป็นเยี่ยงอย่าง”เฉาอวี้เจียงเห็นจางวั่งไฉก็ปริปากด่าขึ้นทันทีภายนอกแสดงออกว่ากำลังตำหนิจางวั่งไฉ แต่อันที่จริงแล้วเขากำลังเตือนจางวั่งไฉอยู่ว่าอย่าได้กล่าววาจาเหลวไหลออกมา คำพูดของเฉาอวี้เจียงได้ผล สายตาของจางวั่งไฉเผยความหวาดกลัวออกมา เขากลัวสกุลเฉาอำนาจของสกุลเฉานั้นยิ่งใหญ่นัก หากวันนี้เอาสกุลเฉาเข้ามาเก
น้ำเสียงของเจียงหวานหว่านเย็นยะเยือกดุจดั่งน้ำแข็ง“จางวั่งไฉ เงยหน้าขึ้นมามองดูดีๆ สิ เจ้ารู้จักสองแม่ลูกคู่นี้หรือไม่”เมื่อจางวั่งไฉได้ยินคำพูดนี้ของเจียงหวานหว่าน ก็รีบหันไปมองสองแม่ลูกที่กำลังเดินเข้ามาด้านหลังทันที“ท่านพ่อ”เด็กผู้ชายที่ถูกหญิงผู้นั้นจูงมือเรียกขานขึ้น พลางวิ่งเข้าไปหาจางวั่งไฉแต่ก็ถูกหญิงผู้นั้นคว้าตัวห้ามเอาไว้จางวั่งไฉมองไปที่สองแม่ลูกที่ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าอย่างกะทันหันเช่นนี้ด้วยสายตาที่ไม่อยากเชื่อหญิงผู้นี้รูปร่างหน้าตางดงามมาก นางเรียกจางวั่งไฉด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า “จางหลาง!”แม่นมหวังเห็นเช่นนี้แล้ว มีอันใดไม่เข้าใจอีกเล่า“จาง วั่ง ไฉ!”น้ำเสียงของแม่นมหวังแหลมคมขึ้นอีกทั้งยังเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวอีกด้วย“เงียบ!”จี้ฉวนจงเคาะไม้อย่างแรงพลางตะโกนเตือนขึ้นเจียงหวานหว่านเห็นสีหน้าที่เจ็บปวดของแม่นมหวังก็รู้สึกสะใจเป็นอย่างยิ่งก่อนหน้านี้จางวั่งไฉได้มีลูกนอกสมรสและแอบเลี้ยงดูอยู่ข้างนอกเพื่อไม่ให้แม่นมหวังรู้เรื่องนี้ เขาทุ่มเทไปไม่น้อยและพยายามอย่างมากเพื่อเลี้ยงดูอนุภรรยาและลูกอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ ข้างๆ เมืองหลวง
“ท่านพ่อ”“จางหลาง”เจินเหนียงตะโกนเรียกจางวั่งไฉด้วยความตกใจจู่ๆ ร่งของจางวั่งไฉก็ฟุบลงไป ทุกคนเห็นเช่นนี้ก็ตกตะลึงขึ้น เจียงหวานหว่านรีบเข้าไปจับชีพจรของจางวั่งไฉเพื่อตรวจดู“เขาตายแล้ว”เจียงหวานหว่านกล่าวเสียงขรึมหรงซีเองก็ตกใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันนี้เช่นกันเฉาหยูเฟิ่งเห็นจางวั่งไฉตายเช่นนี้ในใจก็รู้สึกโล่งมาก จึงหันไปสบตากับเฉาอวี้เจียงผู้เป็นพี่ชายขุนนางผู้พิสูจน์ศพรีบเข้ามาตรวจสาเหตุการตายของจางวั่งไฉในห้องโถง“รายงานท่าน คนผู้นี้ตายเพราะหัวใจวายเฉียบพลัน”เทียนซูก้มกระซิบบางอย่างข้างหูหรงซีเจียงหวานหว่านโกรธเกรี้ยวจนตัวสั่น จางวั่งไฉตายอย่างกะทันหันเช่นนี้ ตายไปอย่างไร้หลักฐานสกุลเฉาวางอุบายได้ดียิ่งนักสายตาของจี้ฉวนจงจ้องมองไปที่เฉาอวี้เจียง เขาคิดสงสัยสกุลเฉา“พยานสำคัญตายแล้ว ผู้สมรู้ร่วมคิดคนอื่นต้องโทษประหาร ท่านอ๋อง เรื่องนี้ตัดสินเช่นนี้ ท่านอ๋องคิดเช่นไรพ่ะย่ะค่ะ?”สีหน้าของหรงซีเคร่งขรึมขึ้น และมองจี้ฉวนจงด้วยความไม่พอใจ“ท่านจี้ อำนาจตัดสินคดีเป็นของท่าน”จี้ฉวนจงนำผู้ต้องโทษทุกคนจับขัง รอโทษประหาร เขารับปากกับหรง
สีหน้าของเจียงหวานหว่านเกิดความลังเล “ท่านย่า ช่างบังเอิญจริงๆ สองวันนี้หลานต้องไปกับท่านหญิงหลิงโหรว อาการป่วยของเจียงอวิ้น ท่านย่าให้คนอื่นมาตรวจเถอะเจ้าค่ะ”ฮูหยินใหญ่เจียงนึกขึ้นได้แล้ว นางลืมเรื่องนี้ไปได้อย่างไรกัน“เจียงหว่านเออร์ เจ้าช่วยไปดูสักหน่อยเถอะนะ ออกความเห็นสักนิดก็ยังดี”เจียงหวานหว่านเห็นฮูหยินใหญ่เจียงยืนกรานให้นางไปดูอาการป่วยเจียงอวิ้นให้ได้ นางจึงยิ้มพลางกล่าวว่า “ก็ได้เจ้าค่ะ หลานเชื่อฟังท่านย่า”เมื่อเห็นเจียงหวานหว่านเชื่อฟังแต่โดยดีเช่นนี้ ฮูหยินใหญ่เจียงก็พึงพอใจมากนางรีบสั่งแม่นมหลี่ให้เปิดคลังส่วนตัวของนางเอาเครื่องประดับศีรษะ ชุดหลายชิ้น และรังนกหิมะมอบให้กับหลิ่วซู่หลิ่วซู่รีบกล่าวขอบคุณ “ขอบพระคุณท่านแม่เจ้าค่ะ”หลิ่วซู่ยอมรับของรางวัลจากฮูหยินใหญ่เจียงสองแม่ลูกอยู่พูดคุยครู่หนึ่ง ก่อนจะขอตัวลาฮูหยินใหญ่เจียงสั่งให้แม่นมหลี่ไปส่งนางทั้งสองกลับแม่นมหลี่ออกมาจากลานบ้านกับนางทั้งสองคนเจียงหวานหว่านเหลือบมองแม่นมหลี่แวบหนึ่ง ก่อนจะกล่าวกับหลิ่วซู่ว่า “ท่านแม่ ลูกไปดูอาการเจียงอวิ้นสักหน่อย”“แม่ไปเป็นเพื่อนเจ้าเอง”เจียงหวานหว่
เจียงหวานหว่านตกอยู่ในภวังค์ของตัวเองชาติก่อน หรงมู่หานขังนางเอาไว้ในห้องลับ ยังมีสตรีอีกนางหนึ่งอยู่ด้วยตอนที่นางถูกจับเข้าไป สตรีนางนั้นก็ถูกนำตัวออกไปสตรีนางนั้นหายใจโรยรินตอนที่หิ้วสตรีนางนั้นออกไป นางได้เห็นใบหน้าสตรีนางนั้นโดยไม่ได้ตั้งใจตอนนั้นคิดว่าสตรีนางนั้นหน้าตาคุ้นตามากเมื่อรวมกับใบหน้าของหรงซี สตรีนางนั้นและหรงซีมีความคล้ายกันอยู่แปดส่วนคงเป็นเสด็จแม่ของหรงซีซ่างกวนเสวี่ยเจียงหวานหว่านมองหรงซีด้วยสายตาสับสนนางรู้แล้ว เป็นความลับที่ชาติก่อนนางกับหรงซีไม่ล่วงรู้นางคิดว่าจะบอกเรื่องนี้กับหรงซีเช่นไรหรงซีเห็นสีหน้าเจียงหวานหว่านก็คิดว่านางต้องรู้เรื่องบางอย่าง“เจ้ารู้จักเสด็จแม่ข้า?”หรงซีกล่าวประโยคนี้ออกมาสัญชาตญาณเขาบอกเขาว่าเจียงหวานหว่านเคยพบเสด็จแม่ของเขาเจียงหวานหว่านสับสนในใจห้องลับอยู่ในห้องอักษรของฝ่าบาทหากสตรีนางนั้นเป็นเสด็จแม่ของหรงซีจริงเช่นนั้นใครเป็นผู้บงการเรื่องการหายตัวของเสด็จแม่หรงซี ก็ไม่ต้องคาดเดาแล้วเป็นฝ่าบาทองค์ปัจจุบันฝ่าบาทมีประสงค์ใดจึงได้กักขังเสด็จแม่ของหรงซีเอาไว้ในห้องลับหรือเพื่อควบคุมอำนาจทหารในมือหรง
“เจียงหวานหว่าน เจ้าเคยทำอาหารให้เซียวหวายกินหรือไม่?”เจียงหวานหว่านยิ้ม “นอกจากท่านแม่และสือหลิ่วแล้ว ข้าเคยทำอาหารให้ท่านอ๋องแค่คนเดียว”หรงซีพอใจกับคำตอบของเจียงหวานหว่านมาก“ต่อไปทำอาหารให้ข้ากินได้คนเดียวเท่านั้น”เจียงหวานหว่านคิดสักพัก “ได้”หรงซีพอใจมากเมื่อเห็นคราบโจ๊กที่มุมปากนางหรงซีใช้นิ้วหัวแม่มือเช็ดให้ ทำเอาเจียงหวานหว่านเขินจนหน้าแดง“ท่านอ๋อง มือท่านไม่มีแรงไม่ใช่หรือ?”เจียงหวานหว่านถามอย่างรู้ทัน“อืม”หรงซีหน้าไม่แดง ใจไม่เต้นเร็วเจียงหวานหว่านเบะปาก หรงซีกำลังโกหกชัดๆแต่เมื่อคิดถึงเรื่องที่หรงซีถูกพิษเพราะขนมของนาง นางก็ยอมให้ความร่วมมือกับเขา“ท่านอ๋องต้องกินให้มากหน่อย ไม่แน่พรุ่งนี้ก็อาจลุกจากเตียงได้แล้ว”เจียงหวานหว่านกล่าวด้วยความหงุดหงิด“ยาพิษกลืนวิญญาณ จะหายเร็วเพียงนั้นได้เช่นไร”“ตุบ”ชามในมือเจียงหวานหว่านร่วงลงพื้น“ท่านถูกยาพิษกลืนวิญญาณ?”ผู้ถูกยาพิษกลืนวิญญาณจะต้องตายภายในสามวันนางจับมือของหรงซีแล้ววางนิ้วมือตัวเองทาบลงไปหรงซีเห็นท่าทางร้อนใจของนางก็รู้สึกอบอุ่นในใจ“ชีพจรท่านอ๋องได้รับความเสียหาย ยังดีที่ยายใบ้อยู่ด้วย
เจียงหวานหว่านส่ายหน้า นางไม่ได้วางยาหรงซี“ปล่อยนาง”หรงซีได้ยินเสียงจึงเอ่ยปาก“ท่านอ๋อง พิษถอนหมดแล้ว พักผ่อนมากๆ”หญิงชรานั่งอยู่ข้างเตียงหรงซีกล่าวเสียงทุ้มต่ำ“ขอบคุณมากยายเฒ่า”หรงซีกล่าวอย่างไร้เรี่ยวแรงหญิงชราลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปตอนที่เจียงหวานหว่านได้เห็นใบหน้าหญิงชราก็ใจกระตุกหญิงชราก็คือยายใบ้ อาจารย์ของซิ่วกู่“เทียนซู เจ้าก็ออกไปด้วย”“ท่านอ๋อง แต่ว่า...”เทียนซูไม่ไว้ใจกลัวว่าเจียงหวานหว่านจะคิดร้ายต่อท่านอ๋อง“ออกไป...”แม้เสียงของหรงซีจะอ่อนแรง แต่น้ำเสียงนั้นก็เกินพอแล้วเทียนซูมองเจียงหวานหว่านด้วยสายตาเตือน จากนั้นก็ออกจากห้องไปเจียงหวานหว่านเห็นหรงซีใบหน้าซีดขาว นางไม่กล้าเข้าไปหานางนึกถึงฉากที่หรงซีตายเพื่อนางในชาติที่แล้วขึ้นมา“เข้ามา”หรงซีขมวดคิ้วเจียงหวานหว่านน้ำตาตก เดินเข้าไปหาหรงซี“เจียงหวานหว่าน เป็นโชคดีของเจ้าที่ข้ายังไม่ตาย”หรงซีมองเจียงหวานหว่านที่กำลังตื่นตระหนกทำสิ่งใดไม่ถูกเขาถูกพิษหลังจากที่กินขนมของเจียงหวานหว่านแต่เขาไม่สงสัยในตัวเจียงหวานหว่านสักนิด“ท่านอ๋อง ข้าไม่รู้เหตุใด...”“เจ้าไม่ใช่คนวางยา ข้ารู้”
“ไอ้หยา”เจียงจิ่นเซวียนแกล้งทำเงินตกพื้นอย่างไม่ตั้งใจสือหลิ่วเห็นดังนั้นก็วางกล่องอาหารลงและวิ่งไปเก็บเศษเงินที่ตกกระจายอยู่ทั่วพื้นเจียงจิ่นเซวียนค่อยๆ ขยับและเปิดกล่องอาหารอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็โรยผงบางอย่างลงไปสือหลิ่วเก็บเศษเงินกลับมาหมดแล้ว เจียงจิ่นเซวียนกล่าวขอโทษ “แม่นางสือหลิ่วลำบากแล้ว”“ไม่เป็นไร คุณชายสี่ ข้าไปก่อนเจ้าค่ะ”สือหลิ่วหยิบกล่องอาหารขึ้นมาแล้วบอกลาเจียงจิ่นเซวียนเจียงจิ่งเซวียนกล่าวอย่างนุ่มนวล “แม่นางสือหลิ่วเดินทางระวังด้วย”“เจ้าค่ะ”สือหลิ่วรู้สึกเขินอายหลังจากพยักหน้าให้เจียงจิ่นเซวียนแล้ว นางก็เดินทางไปจวนอ๋องในมุมที่สือหลิ่วมองไม่เห็น เจียงจิ่นเซวียนยิ้มเยาะเย็นชานี่คือบทเรียนเล็กๆ น้อยๆ ที่เขาให้เจียงหวานหว่านสือหลิ่วไม่สงสัยสักนิด นางเดินถือกล่องอาหารมาถึงจวนอ๋องหลังส่งกล่องอาหารเรียบร้อย นางไปร้านหนังสือเพื่อซื้อกระดาษให้เจียงจิ่นเซวียนซื้อกระดาษเสร็จแล้ว สือหลิ่วกลับถึงจวนและนำกระดาษไปส่งให้เจียงจิ่นเซวียน“แม่นางสือหลิ่ว เรื่องซื้อกระดาษในวันนี้ ไม่ต้องบอกน้องหก นางไม่ชอบให้ข้าเข้าใกล้คนเรือนเหมย หากนางรู้ว่าข้าเรียกใช้คนข
เจียงหวานหว่านมองดูรถม้าจวนอ๋องจากไปรถม้าจวนอ๋องไปไกลแล้ว เจียงหวานหว่านเก็บสายตากลับมาและเดินเข้าจวนไป“น้องหก รอก่อน”เจียงจิ่นเซวียนเรียกเจียงหวานหว่านเจียงหวานหว่านหยุดเดินแล้วถามเสียงเย็น “มีเรื่องใด?”“น้องหก ได้รับความโปรดปรานจากท่านอ๋อง เป็นวาสนาของเจ้านัก ต้องรักษาไว้ให้ดี อย่าทำให้ท่านอ๋องโกรธจนลากคนในจวนเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย”เจียงจิ่นเซวียนเดินมาข้างกายเจียงหวานหว่านเจียงหวานหว่านหงุดหงิด เจียงจิ่นเซวียนไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปจริงด้วย คอยแต่จะหาโอกาสถากถางนางน้ำเสียงดูแคลนหาว่านางไม่คู่ควรกับท่านอ๋อง ช่างเป็นพี่ชายแท้ๆ ของนางจริงๆ“พี่สี่คอยปรนนิบัติรัชทายาทมาตั้งหลายปี การประจบสอพลอคงเป็นสิ่งที่พี่สี่ถนัดนัก หน้าไหว้หลังหลอกเป็นความสามารถโดดเด่นของพี่สี่ พี่สี่ใช้ชีวิตได้อย่างหน้าซื่อใจคดจริงๆ”รอยยิ้มจอมปลอมของเจียงจิ่นเซวียนเลือนหายไปเขานึกไม่ถึงว่าเจียงหวานหว่านจะด่าเขาไม่ไว้หน้าสักนิดเจียงหวานหว่านไม่มองเจียงจิ่นเซวียนแม้แต่น้อย นางเดินเข้าไปในประตูจวนหากอยู่นานกว่านี้หน่อยนางยิ่งรู้สึกขยะแขยง เจียงจิ่นเซวียนน่ารังเกียจกว่าเจียงจิ่นหนิงเสียอีกเจียงจิ่น
นางเปิดผ้าม่านเตรียมตัวลงรถม้าทันใดก็ถูกแรงกระชากนางกลับเข้ามาในรถม้าเจียงหวานหว่านจมเข้าสู่อ้อมกอดหรงซีกลิ่นหอมอำพันทะเลลอยเข้าจมูกนางหรงซีกุ้มหน้ามองเจียงหวานหว่านไม่พูดไม่จาเจียงหวานหว่านคิดจะลุกขึ้นกลับถูกหรงซีกอดเอาไว้แน่นคนสองคนจ้องตากันและกัน ไม่มีใครพูดจา“เหตุใดรถม้าจวนอ๋องถึงจอดอยู่ตรงนี้?”เจียงจิ่นเซวียนกลับมาถึงจวนพอดีและเห็นรถม้าจวนอ๋องจอดอยู่หน้าบ้านของตนเจียงหวานหว่านได้ยินเสียงเจียงจิ่นเซวียน ดวงตาก็กลับมาแจ่งชัดอีกครั้ง“ท่านอ๋อง พี่สี่ข้าอยู่ข้างนอก รีบปล่อยข้า”หรงซียิ้มเย็น “ข้าต้องกลัวเขาด้วย?”เจียงหวานหว่านกัดฟัน “ท่านอ๋องไม่กลัว แต่ชื่อเสียงข้าไม่เหลือแล้ว วันหน้าหากแต่งงานก็จะถูกผู้คนวิพากษ์วิจารณ์เอาได้”“เจ้าคิดจะแต่งกับใคร? กู้ฉางชิง? หรือเซียวหวาย?”เจียงหวานหว่านประหลาดใจ นางแต่งงานเกี่ยวข้องอันใดกับพวกเขาฝีเท้าของเจียงจิ่นเซวียนเดินเข้ามาใกล้เจียงหวานหว่านกดร่างต่ำลงแล้วกล่าวอย่างออดอ้อน “ท่านอ๋อง ขอร้องท่านล่ะ”หรงซีได้ยินคำพูดประโยคนี้ของเจียงหวานหว่าน ความโมโหในใจลดไปไม่น้อย“เจียงหวานหว่าน เจ้าติดค้างข้า ครั้งหน้าข้าไม่ปล่อ
เจียงหวานหว่านได้ฟังคำพูดของหรงซีก็หันไปยิ้มให้เซียวหวายอย่างจนปัญญา“เซียวหวาย ขอโทษด้วย พรุ่งนี้ข้าจะไปพบเจ้า”เซียวหวายยิ้มแย้ม “แม่นางเจียง พรุ่งนี้ข้ามารับเจ้า”“ก็ดี...”ยังไม่ทันได้กล่าวจบประโยค เจียงหวานหว่านรู้สึกว่าตัวเองถูกจับข้อมือเอาไว้ไม่รู้ว่าหรงซีลงมาจากรถม้าตั้งแต่เมื่อใดเขาสีหน้าบึ้งตึง ดึงข้อมือเจียงหวานหว่าน ลากนางขึ้นรถม้าจวนอ๋อง“ท่านอ๋อง โปรดปล่อยแม่นางเจียงด้วย”เซียวหวายเห็นเจียงหวานหว่านถูกหรงซีผลักขึ้นรถม้า เขาจึงตามไปขวางแต่ถูกเทียนซูขวางเอาไว้ เซียวหวายผลักเทียนซู ทว่าเทียนซูไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อยหรงซีทำเหมือนไม่ได้ยินเซียวหวายโกรธเจียงหวานหว่านหันหน้ามากล่าวกลับเซียวหวายที่อยู่ด้านหลัง“คุณชายเซียว ข้าไปก่อนนะ”มือของหรงซีดึงศีรษะเจียงหวานหว่านเข้าไปในรถม้าเซียวหวายนั่งอยู่บนรถม้าสกุลเซียว กำลังตามท้ายรถม้าจวนอ๋อง“ท่านอ๋อง รถม้าของคุณชายเซียวตามอยู่ด้านหลัง”เทียนซูที่อยู่ด้านนอกกล่าวรายงานหรงซี“สะกดรอยตามราชวงศ์ มีเจตนาไม่ดี เทียนซู ส่งคุณชายเซียวไปยังสถานที่ที่เขาควรไป”เทียนซูลังเล“ท่านอ๋อง คุณชายเซียวเป็นน้องชายเซียวกุ้ย
เซียวกุ้ยเฟยยิ้มอย่างอบอุ่น“ฝีมือของอ้ายเฟย ข้าชอบยิ่งนัก”ฝ่าบาทตรัสด้วยถ้อยคำสองแง่สองง่ามเซียวกุ้ยเฟยหุบตาลงด้วยความเขินอาย จากนั้นก็พยุงฝ่าบาทเดินไปด้วยกันรอจนกระทั่งไม่เห็นเงาฝ่าบาทแล้วหรงซีสีหน้าเย็นชา ดวงตาเย็นชายิ่งกว่า จับจ้องมองหรงมู่หานหรงมู่หานรับรู้ถึงความโกรธท่วมท้นของหรงซี“เสด็จอา หลานขอตัวก่อน”ระหว่างที่กล่าว สายตาเขาเหล่มองเจียงหวานหว่านเจียงหวานหว่านกรอกตาบนใส่หรงมู่หานนัยน์ตาหรงซีใกล้ระเบิดแล้วเขาขยับข้อมือก้อนเงินถูกดีดออกไปดีดโดนบริเวณกระดูกขาของหรงมู่หาน“เอื้อ...”หรงมู่หานรู้สึกถึงกระแทกที่ขาความเจ็บปวดจู่โจมกะทันหัน ทำให้เขาทรุดเข่าข้างหนึ่งต่อหน้าเจียงหวานหว่าน”“องค์ชายรอง รู้ว่าผิดรู้จักแก้ไข เป็นสิ่งที่ดียิ่ง แต่ไม่จำเป็นต้องพิธีรีตองเช่นนี้”เจียงหวานหว่านกล่าวด้วยท่าทางใจกว้าง“เจ้า พวกเจ้า...”หรงซีและเจียงหวานหว่านเดินเคียงข้างกันจากไปโดยไม่สนใจหรงมู่หานหรงมู่หานรู้ว่าเป็นฝีมือหรงซีความรู้สึกอัปยศอดสูพุ่งเข้าสู่หน้าอกใบหน้าของเขาถูกหรงซีกับเจียงหวานหว่านทำลายจนป่นปี้หรงมู่หานมองแผ่นหลังทั้งสองคนแล้วสาบานกับตัวเอง
วิชาการแพทย์ของเจียงหวานหวานล้ำเลิศ พิษในร่างกายของน้องชายจะกำจัดไปได้เมื่อใดก็ขึ้นอยู่กับเวลาแล้ว เขาต้องวางแผนเอาไว้“น้องชาย ช่วงนี้สุขภาพเจ้าดีหรือไม่ เจ้าไม่ได้ไปให้หมอหลวงตรวจนานแล้ว”หรงซีหุบสายตาลง จากนั้นก็ประสานมือ “ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงนึกถึง ช่วงนี้น้องชายสุขภาพไม่ดี วันนี้จะไปให้หมอหลวงตรวจอาการ”ฝ่าบาทเมื่อได้รับฟังก็เบาพระทัยลงมากพิษในตัวน้องชายถูกถอนไปแล้วหรือไม่ ถามหมอหลวงก็รู้แล้วฝ่าบาทหรี่พระเนตร มีแผนการในพระทัยแค่หมอหลวงจับชีพจรก็จะรู้ว่าหรงซีถอนพิษไปแล้วหรือไม่“แม่นางเจียง โรคของหรงซี เจ้ามีวิธีรักษาหรือไม่?”ฝ่าบาททอดพระเนตรเจียงหวานหว่าน“ฝ่าบาท แม่นางเจียงก็รักษาโรคของข้าไม่หายเช่นกัน”หรงซีกล่าวประโยคหนึ่งเจียงหวานหว่านรู้สึกว่าหรงซีประหลาดมาก เหตุใดกล่าวเช่นนั้นทว่าเมื่อเห็นสายพระเนตรฝ่าบาท นางเข้าใจทันทีฝ่าบาทต้องการให้หรงซีประคองความมั่นคงของแคว้น เขาไม่มีทางเปิดโอกาสให้หรงซีได้ครองบัลลังก์ในสมองเจียงหวานหว่านผุดความคิดหนึ่งขึ้นมาพิษหนอนกู่ในร่างกายหรงซีเป็นของฝ่าบาทจังหวะหัวใจนางเต้นเร็วขึ้น หากเป็นเช่นนี้ หรงซีก็จะถูกฝ่าบาทควบคุม