เซี่ยเหยาฮวากดให้ฟางชุ่ยฮวานั่งลง จากนั้นนางถึงเงยหน้าขึ้นด้วยสีหน้างุนงง “หรือว่าข้าได้ยินผิด ไม่ได้ให้มากินอาหารหรอกหรือ? ”นางไป๋อดกลั้นความโกรธ พยายามพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ข้าให้เจ้ามากินอาหาร ไม่ได้บอกให้นางมาด้วย”“เพิ่มมาคนหนึ่งก็เพิ่มตะเกียบอีกคู่เท่านั้น จวนโหวหย่งหนิงก็ไม่ได้เตรียมตะเกียบสำรองไว้อีกคู่หรือ? ”ดวงตางดงามของเซี่ยเหยาฮวาเบิกกว้างทันที มองด้วยความไร้เดียงสา มองจนนางไป๋เดือดดาล “จวนโหวหย่งหนิงมีชามและตะเกียบมากมาย เจ้าจะพาบ่าวรับใช้ทั้งหอจินเฟิงมาทั้งหมด ข้าก็เห็นด้วย แต่นางไม่ได้! ”“บ่าวรับใช้มาได้ แล้วทำไมนางถึงไม่ได้? ”“เพราะนางไม่คู่ควร! ” นางไป๋ชี้ไปที่ฟางชุ่ยฮวาด้วยสีหน้าอาฆาต “เข้ามา พานางออกไป! ”ฟางชุ่ยฮวารู้สึกหวาดกลัวกับจิตสังหารนั้นมาก นางอยากจะหนีไป หนีไปจากจวนโหวหย่งหนิง หนีไปจากเมืองลั่วจิงเร็ว ๆ แม้จะต้องไปที่ไป๋เยว่ ไปเป็นผู้ลี้ภัยทางตอนเหนือ นางก็ไม่อยากเผชิญหน้ากับคนของจวนโหวหย่งหนิงนี้อีก!ไม่คาดคิดว่า เมื่อมีความคิดนี้เกิดขึ้น มือของเซี่ยเหยาฮวาก็วางลงตรงหลังเอวของนางมือของเซี่ยเหยาฮวาอบอุ่นนุ่มนวล แรงตรงหลังเอวก็เบามาก ฟางชุ่ยฮวา
เสิ่นหยูวางกล่องอาหารลงแล้วหันหลังออกไปทันที โหวหย่งหนิงไม่มีแม้แต่โอกาสจะอธิบายเมื่อมองแผ่นหลังที่เด็ดขาดของอีกฝ่าย แล้วหันกลับมามองความยุ่งเหยิงในห้องโถง ฮูหยินที่กำลังร้องไห้ ลูกสาวสุดที่รักที่กระอักเลือด และลูกชายคนโตที่ได้แต่กระทืบเท้า เป็นครั้งแรกที่โหวหย่งหนิงรู้สึกหมดหนทางในชีวิตเขาเพียงพาลูกสาวแท้ ๆ กลับมาคืนสู่ตระกูลเท่านั้น ทำไมถึงวุ่นวายเพียงนี้?ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป จวนโหวหย่งหนิงคงกลายเป็นเรื่องตลกของเมืองลั่วจิง และตระกูลเซี่ยคงแตกสลายในไม่ช้า!หลังจากสูดลมหายใจลึกสิบกว่าครั้ง โหวหย่งหนิงจึงเรียกพ่อบ้านมา “พาตัวเซี่ยเหยาฮวาส่งกลับไปยังหอจินเฟิง อาหารที่องค์ชายใหญ่กับพระสนมหลิ่วพระราชทานมาก็ส่งไปเช่นกัน”พ่อบ้านถามขึ้นว่า “แล้วคำสั่งกักบริเวณล่ะขอรับ…”“กักไว้ได้กัก กักไม่ได้ก็ไม่ต้องกัก! ”“แล้ว…”“ทุกเรื่องต้องให้ข้าบอกทุกอย่าง! แบบนี้ข้าจะมีเจ้าไว้ทำไมกัน? ! ” โหวหย่งหนิงโกรธจัด “พวกไม่ได้เรื่อง! ไร้ประโยชน์! ”ในเวลานี้นางไป๋ก็กรีดร้องขึ้นว่า “นายท่านหยุดดุได้แล้ว! หมิงจูกระอักเลือดอีกแล้ว! ”โหวหย่งหนิงรีบสั่งให้คนไปตามหมอประจำจวนมาทันที จากนั้นก็พ
สนมหลิ่วขมวดคิ้ว พูดขึ้นเบา ๆ ว่า“ข้าไม่จำเป็นต้องมีหลักฐาน! ข้าบอกว่าเป็นนางก็คือนาง! ”“น้าหลิ่ว ท่านอย่าโมโหไป ค่อยๆ พูด หรงเจิ้งป้อนน้ำให้นาง “ข้ากลับมาคราวนี้ นอกจากมาเยี่ยมน้าหลิ่วแล้ว ก็ยังอยากรู้ความจริงว่าตอนนั้นท่านแม่ของข้าตายยังไง”“ฉินเสวี่ยฝูอายุน้อยกว่าข้ากับพี่จ้าวสี่ห้าปี พี่จ้าวก็รักเอ็นดูนางเหมือนกับน้องสาวแท้ ๆ มีอะไรที่ดี ๆ ก็จะคิดถึงนางก่อนเสมอ นางแค่ร้องไห้เสียใจครั้งหนึ่ง พี่จ้าวก็จะออกหน้าปกป้องนางทันที! แต่นางกลับแต่งงานกับคนที่นางเรียกว่า ‘พี่เขย’ หลังจากพี่จ้าวจากไปไม่ถึงสามเดือน! ”หน้าอกของสนมหลิ่วกระเพื่อมขึ้นลง“หลังจากนางขึ้นเป็นฮองเฮา ตระกูลฉินก็ทะยานขึ้นสู่ความรุ่งโรจน์ ทุกวันนี้ในราชสำนักก็มีลูกศิษย์ส่วนใหญ่ของราชครูฉิน ท่านพ่อของนาง! แต่ตั้งแต่พี่จ้าวจากไป เจิ้งเอ๋อร์ไปยังอารามหนานฮวา ลูกหลานของตระกูลจ้าวพากันเจ็บป่วย พิการ หรือไม่ก็ถูกโยกย้ายไปจากเมืองลั่วจิงด้วยเหตุผลต่าง ๆ นานา จนตอนนี้นอกจากไม่กี่คนที่เคยได้รับพระคุณจากพี่จ้าว ก็ยังมีใครจำนาง จำตระกูลจ้าวได้อีก! ”“ผลประโยชน์ทั้งหมดตกเป็นของนาง ฆาตกรจะเป็นใครถ้าไม่ใช่นาง? ! เจิ้งเอ๋อร์ ตอนน
พอดาบฟันลงไป กลับเป็นสัมผัสอ่อนนุ่ม เมื่อเปิดดู พบว่าบนเตียงมีแค่หมอนไม่กี่ใบ!ชิงเหมยรู้ว่าตนถูกหลอกคิดจะหลบหนีทันที ทว่าสายไปเสียแล้ว!เซี่ยเหยาฮวาได้แอบย่องไปอยู่ข้างหลังนางเรียบร้อยแล้วปิดปาก หักคอ โยนศพออกนอกหน้าต่าง ก่อนเซี่ยเหยาฮวาจะทะยานตามออกไปนักฆ่าที่กำลังปีนขึ้นไปถูกร่างศพกระแทกใส่ตกลงพื้นทันที เมื่อเขาผลักศพออกไป กลับปะทะเข้ากับนัยน์ตาหงส์เย็นชาคู่นั้นเจ้าของนัยน์ตาหงส์กล่าว "เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าคันมือ อยากฆ่าคนเล่นสักสองสามคน?"นักฆ่าพุ่งจู่โจมเข้ามา ทว่าเซี่ยเหยาฮวาเคลื่อนไหวเร็วกว่าเขาเมื่อหัวเขาเข้ามาใกล้ นางก็เตะกระแทกเข้าไป ทำให้หัวเขาหันไปด้านข้าง จากนั้นหมุนตัวกลับ รับกระบวนท่าจากนักฆ่าอีกคน คล้อยหลังออกสามกระบวนท่า นางก็บิดหัวนักฆ่าคนนี้ไปอีกด้านแสงจันทร์โผล่ออกมาจากชั้นเมฆ แสงจันทร์สีขาวสว่างตกกระทบบนร่างนาง ทำให้นางดูสูงส่งบริสุทธิ์ แต่เมื่อนางแสยะยิ้มริมฝีปาก กลับเหมือนยมทูตที่ปีนขึ้นมาจากขุมนรกเพื่อมาเอาชีวิตนักฆ่าคนที่สามที่สี่ คนหนึ่งอยู่กำแพงลานบ้าน อีกคนอยู่บนหลังคา หลังจากมองหน้ากันก็เหาะเหินมาหาเซี่ยเหยาฮวาพร้อมกันหนึ่งต่อสอง
รับแท่งเงินสองแท่งเสร็จ หรงเจิ้งก็พยักหน้า "เช่นนั้นคืนนี้ขอให้แม่นางราบรื่นทุกอย่าง เจอกันพรุ่งนี้""เจอกันพรุ่งนี้"อึดใจถัดมา รอยยิ้มนางก็เปลี่ยนไป พลางตะโกนเสียงดัง "ช่วยด้วย! มีนักฆ่า!!"หรงเจิ้งชะงักฝีเท้า เสิ่นหยูที่รออยู่ข้างนอกโกรธจะแย่แล้วฝ่าบาทของเขายังอยู่ในนี้อยู่เลย นางตะโกนว่านักฆ่าออกมา เห็นได้ชัดว่านางอยากให้พวกเขาถูกจวนหย่งหนิงโหวโจมตีในฐานะนักฆ่า!“ฝ่าบาท ผู้หญิงคนนี้โหดเหี้ยมอำมหิตจริงๆ พระองค์อย่าไปฟังเรื่องไร้สาระจากนางอีกนะพะยะค่ะ!”หรงเจิ้งเหาะออกมาจากหน้าต่าง หลังเหาะขึ้นลงไปไม่กี่ทีก็ทะยานปีนขึ้นไปบนหลังคาฝั่งตรงข้ามโหดเหี้ยมอำมหิตหรือ?แต่เขากลับคิดว่า นี่คือข้อดีที่ใหญ่ที่สุดของเซี่ยเหยาฮวา ในไม่ช้าข่าวนักฆ่าลอบเข้าหอจินเฟิงก็แพร่ไปยังเรือนไห่ถังนางไป๋และเซี่ยหมิงจูคุยกันเกือบครึ่งค่อนคืน เพิ่งพักสายตาไป ครั้นได้ยินข่าวนี้ปฏิกิริยาแรกของนางก็คือการกลอกตา จากนั้นก็ถามเรื่องราวของเซี่ยเหยาฮาวอย่างไม่ค่อยเต็มใจคนรับใช้ส่ายหน้า “เรื่องราวทั้งหมดไม่ค่อยแน่ชัด เพียงแต่ตอนที่คุณหนูใหญ่หลับ ไม่มีใครเฝ้าอยู่ข้างกาย ตอนที่เรื่องเกิดขึ้นมีแค่น
เซี่ยเหวินเสวียนอึ้งไปเล็กน้อยสตรีที่มีใบหน้าดุร้ายตรงหน้านี้คือเซี่ยหมิงจู?คือน้องสาวที่เขามองว่าเป็นหญิงอ่อนโยนและอ่อนต่อโลกมาตลอดหรือ?แม่นมถังรีบปรี่ไปข้างหน้า "ท่านซื่อจื่อเข้าใจผิดแล้ว! เรื่องทุกอย่างบ่าวเป็นคนทำ! ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณหนู…"“แม่นมถังเจ้าไม่ต้องอธิบาย!”เซี่ยหมิงจูสงบลงแล้ว และคิดวิธีรับมือได้อย่างรวดเร็วนางเดินไปหาเซี่ยเหวินเสวียนทีละก้าว "ในเมื่อท่านได้ยินแล้ว เช่นนั้นข้าก็ไม่จำเป็นต้องปิดบัง ใช่ ข้าให้แม่นมถังไปจ้างนักฆ่า และข้าอยากจะฆ่าเซี่ยเหยาฮวาจริงๆ !"เซี่ยเหวินเสวียนไม่เคยเห็นนางแบบนี้มาก่อน จึงก้าวถอยหลังด้วยความสับสนเล็กน้อย"หมิง หมิงจู เจ้า…"“แม่นมถังทำพลาด! แต่ก็ไม่เป็นไร! ข้าจะไปเอง! อย่างไรเสียตั้งแต่วินาทีที่เซี่ยเหยาฮวาก้าวเข้าประตูมา นางคิดแต่จะเล่นข้าให้ตาย! ไม่ว่าข้าจะอดทนแค่ไหน ไม่ว่าข้าจะทำอะไร นางไม่ให้ทางรอดแก่ข้าเลย! นางไม่ให้ข้าอยู่ ข้าก็จะฆ่านาง! อย่างมากก็แค่ตายไปด้วยกัน!”เซี่ยหมิงจูหยิบกรรไกรบนพื้นขึ้นมาแล้วพุ่งตัวออกไปข้างนอก เมื่อเดินผ่านแม่นมถังไปก็ส่งสายตาให้แม่นมถังอย่างรวดเร็วแม่นมถังเข้าใจทันที วิ่งตามนาง
“ ข้าไม่สนใจมากขนาดนั้น! ข้าแค่อยากให้นางหายไปให้ตระกูลเซี่ยกลับมาสงบสุขเหมือนเดิมอีกครั้ง!”เซี่ยเหวินเสวียนใช้แรงดึงกรรไกรออกจากไหล่ แล้วรีบเดินออกไปด้านนอก มุ่งหน้าตรงไปยังหอจินเฟิงโหวหย่งหนิงไล่ตามทัน แย่งกรรไกร และตวัดมือตบ แล้วรีบพันแผลเซี่ยเหวินเสวียนอย่างรวดเร็ว สุดท้ายจึงเรียกข้ารับใช้พาเซี่ยเหวินเสวียนกลับไปที่ห้อง“เรียกหมอในจวนรักษาไหล่ของเขาอีกครั้ง แล้วก็ ถ้าไม่มีคำสั่งข้า ภายในหนึ่งเดือนนี้ ห้ามออกจากห้องแม้แต่ครึ่งก้าว!”ตอนที่เซี่ยเหวินเสวียนถูกข้ารับใช้พาตัวไปยังไม่วายตะโกนว่า "หมิงจูเจ้าไม่ต้องกลัว ต่อให้ฟ้าถล่มลงมาพี่จะแบกไว้! พี่จะอยู่และตายไปพร้อมกับเจ้า!"เซี่ยหมิงจูได้สติกลับมาที่กรีดร้องโวยวายในห้อง ที่จริงแล้วเพื่อทำให้เซี่ยเหวินเสวียนสับสน แต่นางไม่คาดคิดว่าเซี่ยเหวินเสวียนจะเป็นฝ่ายออกโรงรับผิดแทนนางคนผู้นี้หลอกง่ายจริง ๆ โง่มาก และดีกับนางมากจริง ๆ แต่ทั้งหมดนี้นางสมควรได้รับมัน!เพราะไม่ว่าจะชาติก่อนหรือชาตินี้ นางได้นำความรุ่งโรจน์มาสู่ตระกูลเซี่ยอย่างไม่มีสิ้นสุด!เซี่ยหมิงจูเดินไปหาโหวหย่งหนิง "ท่านพ่อ ที่จริงพี่ใหญ่ก็ไม่ได้อยากฆ่าเหย
ฟางชุ่ยฮวาถูกนำตัวไปที่ลานไห่ถังอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นลูกสาวแท้ ๆ ของนางที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่ก้าว ฟางชุ่ยฮวาก็ก้าวไปข้างหน้าอย่างตื่นเต้น แต่หลังจากเห็นสีหน้าเย็นชาของเซี่ยหมิงจูแล้ว นางก็ก้าวถอยหลังมาฟางชุ่ยฮวาบิดเสื้อผ้าตัวเองในมือแล้วถามว่า "เจ้า เจ้าเรียกข้ามา มีเรื่องอะไรเหรอ?"เซี่ยหมิงจูจ้องมองนางอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นนางก็ลดสีหน้าลงและเรียกนางว่า "ท่านแม่"ฟางชุ่ยฮวาตกใจ "หมิง หมิงจู..."“ข้าขอโทษที่ทำให้ท่านแม่ต้องลำบากแล้ว” เซี่ยหมิงจูเดินไปพยุงฟางชุ่ยฮวานั่งบนเกาอี้เบาะนุ่ม "ท่านแม่ ลูกไม่ได้ไม่รังเกียจท่าน และยิ่งไม่เคยไม่ยอมรับท่าน เพียงแต่ข้าแค่อาศัยอยู่ใต้หลังคาของคนอื่น และหลายครั้งไม่สามารถทำตามใจตนเองได้ หากตระกูลเซี่ย พบว่าใจของข้าไม่ได้อยู่ที่ตระกูลเซี่ย ข้ากลัวว่าจะถูกไล่ออกจากที่นั่นข้าถูกไล่ออกไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรหรอก ข้าแค่กลัวว่าพวกเขาจะโกรธท่านแม่และส่งคนไปฆ่าท่าน”ฟางชุยฮวาย่อมดีใจที่ลูกสาวแท้ ๆ ของนางไม่ปฏิเสธนาง และยังเต็มใจที่จะใกล้ชิดกับนาง "ข้า ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ได้ใจร้ายแบบนั้น ไม่เหมือนกับเซี่ย..."เมื่อนึกถึงเซี่ยเหยาฮวา ฟางชุ่ยฮวาก็หยุดพ
“แต่ว่าท่านโหว เฉินสุ่ยเป็นผู้ติดตามใกล้ชิดของท่าน เมื่อเขาไปฆ่าท่านแม่ของข้า เขาทำตามคำสั่งของท่านหรือเขาไปเองกัน และผู้ลอบสังหารเมื่อคืนนี้ เป็นไปได้ไหมว่าท่านโหวเป็นคนสั่งการ " “พูด พูดไร้สาระ ข้า ข้าไม่เคยทำ” “เรื่องใหญ่ขนาดนั้นเจ้ายังไม่รู้ งั้นท่านก็โดนหลอกได้ง่ายสินะ แต่ข้าก็แตกต่างออกไป ข้าตระหนี่ ความแค้นเล็กๆ น้อยๆ อาจเก็บไว้ได้เป็นร้อยปี โหวหย่งหนิง อย่าหลอกข้าจะดีกว่า เพราะข้าจะมองหาโอกาสที่จะแก้แค้นจริงๆ...อ่า บางทีอาจจะเหมือนอย่างในวันนี้ พระเจ้ามีเมตตาออกโรงช่วยข้าจัดการคนร้าย” เซี่ยเหยาฮวาเป็นภัยคุกคามชัด ๆ โหวหย่งหนิงโกรธมากจนหัวเราะออกมา เขาเป็นท่านโหวชั้นสอง กลับถูกเด็กหญิงเล็ก ๆ คนหนึ่งข่มขู่ในที่สาธารณะ เด็กคนนี้เป็นลูกสาวแท้ ๆ ของตนเองด้วย หากเขาไม่สามารถควบคุมนางได้ในวันนี้ ต่อไปเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน มีหรงเจิ้งเป็นที่พึ่งพาแล้วอย่างไร ได้รับการยกย่องจากฮ่องเต้แล้วทำไม เขาเป็นพ่อแท้ ๆ นาง พ่อสั่งสอนลูก เป็นเรื่องสมควรแล้ว โหวหย่งหนิงยกมือขึ้นและตบหน้าเซี่ยเหยาฮวา เซี่ยเหยาฮวาขยับร่างของนางแล้วดึงเซี่ยหมิงจูที่กำลังดูเหตุการณ์ทั้งห
นางไป๋สีหน้าขรึม นางรู้สึกเช่นเดียวกับเซี่ยเหวินเสวียน ทั้งๆ ที่เรื่องของอนุเหยาไม่เกี่ยวข้องกับเซี่ยเหยาฮวา แต่เมื่อมองดูนาง ในใจกลับรู้สึกรังเกียจมาก นางไป๋ปฏิเสธที่จะพูด และส่งสายตาร้ายกาจให้เซี่ยเหยาฮวา อย่างไรก็ตาม โหวหย่งหนิงมีความคิดรอบคอบกว่า เขารู้ว่าตอนนี้ไม่สามารถทำให้เซี่ยเหยาฮวาขุ่นเคืองได้ โหวหย่งหนิงถึงกับยิ้ม "เจ้าไม่เข้าใจอะไรล่ะ ถามได้หมด" "เมื่อคืนท่านแม่ของข้าถูกลอบสังหาร มิรู้ว่าท่านโหวจับผู้ลอบสังหารได้หรือยัง ผู้ลอบสังหารมีคนสมรู้ร่วมคิดหรือไม่ ตอนนี้ผู้สมรู้ร่วมคิดอยู่ที่ใดแล้วท่านโหวมีแผนจะทำอย่างไรกับผู้ลอบสังหารพวกนี้ ใครเป็นคนสั่งการพวกนี้ ท่านโหวได้สอบถามอะไรมาบ้างหรือไม่" เซี่ยเหยาฮวาได้ถามติดกันหลายคำถาม ทำเอาโหวหย่งหนิงหน้ามืดทะมึน เฉินสุ่ยเป็นคนทำอะไรเรียบร้อยอยู่แล้ว เมื่อวานนี้ คำขอของเขาคือการฆ่าฟางชุยฮวา หลักฐานอื่น ๆ ยังไม่ต้องสนใจ เฉินสุ่ยอยู่เคียงข้างเขามาหลายปีแล้ว และเขาเชื่อว่าเฉินสุ่ยเข้าใจสิ่งที่เขาพูด แต่เฉินสุ่ยไม่ได้เลือกที่จะลงมือด้วยตัวเอง ในที่สุดไม่เพียงแต่ทำพลาด แต่ยังทำให้เสียคนไปคนหนึ่ง
องครักษ์ขององค์หญิงเป่าฮวามาอย่างเร็ว เขาไม่ได้มาคนเดียว กลุ่มเล็กๆ ห้าคน สามคนอยู่ข้างหน้าและสองคนอยู่ข้างหลัง ทั้งสามคนด้านหน้าโค้งคำนับและหลีกทางให้ทุกคน จากนั้นจึงเห็นสองคนอยู่ด้านหลังนั้นยกอะไรบางอย่าง - ไม่! คนสองคนกำลังยกเสื่อซึ่งถูกม้วนขึ้น และมีเท้าคู่หนึ่งโผล่ออกมาตรงกลาง มีคนถูกห่ออยู่ในเสื่อนี้ และเป็นคนตายอีกด้วย องครักษ์ทั้งสองที่อยู่ด้านหลังวางเสื่อฟางลงแล้วเขย่าเล็กน้อย จากนั้นก็เผยให้เห็นศพหญิงร่างหนึ่ง ผิวหนังบนใบหน้าของศพถูกลอกออก และไม่สามารถมองเห็นรูปลักษณ์ดั้งเดิมได้ ใบหน้ามีเลือดไปหมด ร่างกายแข็งทื่อ ตายอย่างสมบูรณ์แบบ องค์หญิงเป่าฮวาส่งศพให้เซี่ยเหวินเสวียน? ดวงตาของเซี่ยเหวินเสวียนเบิกกว้าง "นี่ นี่ องค์หญิงเป่าฮวาหมายความว่าอย่างไร" องครักษ์พูดว่า "เย็นวานนี้ องค์หญิงกำลังเล่นอยู่ข้างนอก ผู้หญิงคนนี้ดูหมิ่นองค์หญิง นางด่าองค์หญิงหน้าอ่อนหวานแต่จิตใจน่าเกลียด องค์หญิงโกรธมากแต่ท่านก็ยังมีเมตตา ตอนนั้นท่านแค่อยากจะกรีดใบหน้านางแต่คนๆ นั้นบอบบางเกินไป แค่แทงครั้งเดียวก็เจ็บจนตายเสียแล้ว" สองสามีภรรยาโหวหย่งหนิงและเซี่ยเห
ระหว่างทางแม่นมหวังบอกว่าโหวหย่งหนิงให้นางมา คงเพราะเรื่องอนุเหยา เรื่องของอนุเหยา เซี่ยเหยาฮวาพอจะรู้มาบ้าง ดังนั้นนางจึงไม่แสดงท่าทีอะไรในตอนนั้น ตอนที่กำลังจะไปถึงเรือนหลักนั้น นางก็ชมแม่นมหวังว่า "ข้อมูลนี้มีประโยชน์มาก ด้วยความช่วยเหลือจากแม่นมหวัง ข้าเชื่อว่าชีวิตของข้าที่อยู่ในจวนโหวจะดีขึ้นเรื่อยๆ " แม่นมหวังตัวสั่นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ทั้งๆ ที่เซี่ยเหยาฮวาชมนางอยู่และมีรอยยิ้มบนใบหน้าด้วย ทำไมนางถึงรู้สึกหวาดกลัวอย่างบอกไม่ถูกกันนะ? ความกลัวนั้นมันออกมาจากในกระดูก แปลกประหลาดมาก แต่การแสดงความภักดีนั้นไม่ผิด แม่นมหวังพูดอย่างรวดเร็วว่า "ตราบใดที่คุณหนูใหญ่สั่ง บ่าวพร้อมจะบุกน้ำลุยไฟ" บุกน้ำลุยไฟ...ประโยคว่างเปล่านี้อีกแล้ว แต่ใครๆ ก็ชอบฟัง เซี่ยเหยาฮวายิ้มก่อนก้าวเข้าไปในเรือนหลัก สามีภรรยาโหวหย่งหนิง เซี่ยเหวินเสวียน และ เซี่ยหมิงจูต่างอยู่กันพร้อมหน้า เซี่ยเหยาฮวาดูประหลาดใจ "เฮ้ ท่านซื่อจื่อกับคุณหนูหมิงจูไม่ได้ถูกกักบริเวณไว้อยู่หรือ ทำไมถึงมากันหมด ที่แท้ในตระกูลใหญ่บอกว่ากักบริเวณก็เป็นแค่คำพูดลอยๆ ไว้หลอกคนเท่านั้นสินะ"
ใครว่ามิใช่เล่า โหวหย่งหนิงถอนหายใจ แต่เรื่องมันพลาดไปแล้ว ตอนนี้จะทำอย่างไรได้เล่า ได้แต่เอาใจฮองเฮาก่อน รอให้การแต่งงานระหว่างเซี่ยหมิงจูและองค์รัชทายาทได้กำหนดลงมาเสียก่อน จากนั้นค่อยไปแก้ไขความสัมพันธ์กับฮ่องเต้ แค่หวังว่าเฉินสุ่ยจะทำสำเร็จในคืนนี้ คืนนี้ ไร้ดาว แต่มีพระจันทร์ ฟางชุ่ยฮวาอาศัยอยู่ห้องข้างของหอจินเฟิง แต่เดิมแม่นมหวังจัดสาวใช้คนหนึ่งให้นาง แต่หลังจากที่นางได้ป้ายหยก แม่นมหวังก็เพิ่มสาวใช้และบ่าวให้อีก คืนนี้คือบ่าวคนนั้นเฝ้าห้อง คั่นด้วยฉากบังตา ฟางชุ่ยฮวาก็สามารถได้ยินเสียงกรนดังสนั่นของนาง ฟางชุ่ยฮวาถือป้ายหยกที่ฮ่องเต้พระราชทาน รู้สึกปลอดภัยเต็มเปี่ยม แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดนางจึงนอนไม่หลับ นี่ก็ยามสองแล้ว ฟางชุ่ยฮวายังคงนอนไม่หลับ นางพลิกตัวและอยากจะลุกขึ้น แต่จู่ๆ ก็มีคนปิดปากของนาง “อย่าส่งเสียง” เซี่ยเหยาฮวาพูดเบาๆ “ไปซ่อนตัวอยู่ข้างๆ” ดวงตาของฟางชุ่ยฮวาเบิกกว้างด้วยความหวาดกลัว เซี่ยเหยาฮวาเข้ามาในห้องนางตั้งแต่เมื่อไร ทำไมนางไม่รู้สึกอะไรเลย ทั้งๆ ที่นางไม่ได้หลับด้วยซ้ำ แต่สิ่งที่ทำให้นางกลัวยิ่งกว่าน
เฉินสุ่ยเป็นคนใช้สนิทของโหวหย่งหนิง และเป็นลูกชายของแม่นมเขา กล่าวอีกนัยหนึ่ง เขาเป็นน้องของโหวหย่งหนิงด้วย ทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง โหวหย่งหนิงก็เชื่อใจเฉินสุ่ยมาก หากเป็นเรื่องสำคัญ โหวหย่งหนิงก็จะมอบให้เฉินสุ่ยไปจัดการ เฉินสุ่ยติดตามโหวหย่งหนิงไปที่ห้องลับในห้องหนังสือ โหวหย่งหนิงกล่าวว่า "เจ้าคิดอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องของเหยาฮวา" เฉินสุ่ยขมวดคิ้ว "คุณหนูเหยาฮวาเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของท่านเอง ไม่ว่านางจะหยาบคายและไม่เอาไหนเพียงใด ทางจวนก็สามารถรองรับนางได้อยู่แต่ฟางชุ่ยฮวานั้นไม่ได้" “สิ่งที่ข้าต้องการให้เจ้าไปทำก็คือเรื่องของฟางชุ่ยฮวา” “ท่านโหวอยากให้นางออกจากลั่วจิง หรืออยากให้นางหายตัวไปตลอดกาล” "หายตัวไปตลอดกาล" เฉินสุ่ยพยักหน้า "ข้าน้อยเข้าใจแล้วขอรับ" “ต้องทำแผนให้ละเอียดหน่อย จะใช้เวลามากหน่อยก็ไม่เป็นไร จวนโหวหย่งหนิงเป็นตัวตลกในสายตาคนอื่นอยู่แล้ว จะนานไปกว่านี้สักพักก็ไม่เห็นจะเป็นไร ข้าต้องการให้มันรอบคอบ ต้องจัดการให้เรียบร้อย อย่าทิ้งร่องรอยอะไรที่ไม่เป็นผลดีกับจวนโหวไว้” "ไม่ต้องกังวล ท่านโหว ข้าน้อยจะจัดการเรื่องนี้ให
“คุณท่าน มันเป็นความผิดของข้าทั้งหมด…” นางไป๋ปาดน้ำตา “ข้าไม่ควรโวยวายที่ขอร้องให้รับนางกลับมาตั้งแต่แรก ถ้าไม่ใช่ข้า จวนโหวคงจะไม่กลายเป็นตัวตลกเช่นนี้…” โหวหย่งหนิงโบกมืออย่างจนใจ “มาพูดแบบนี้ในยามนี้จะมีประโยชน์อะไรเล่า เอาล่ะ อย่าร้องไห้เลย สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือเซี่ยเหยาฮวา ไม่ว่าเจ้าจะใช้วิธีอะไร ต้องเกลี้ยกล่อมเซี่ยเหยาฮวาเอาไว้ อย่าให้นางย้ายออกจากจวนไป" เมื่อนึกถึงรางวัลที่ฮ่องเต้มอบให้ฟางชุ่ยฮวาอย่างมากมายนั้น โหวหย่งหนิงก็เริ่มปวดหัวตุบๆ อีกครั้ง นางไป๋ปาดน้ำตาและพยักหน้า "คุณท่านสบายใจเถอะ ข้าจะเกลี้ยกล่อมนางให้ได้ นางต้องการอะไร ข้าจะให้หมด แต่ตอนนี้ปัญหาใหญ่คือฟางชุ่ยฮวา" หากฟางชุ่ยฮวาเป็นเพียงหญิงชาวบ้านธรรดา ตระกูลเซี่ยก็สามารถหาที่ไหนสักแห่งจัดแจงให้นางอยู่ได้ ยังอาจถูกคนอื่นชมว่าเราเป็นคนใจกว้าง แต่ประเด็นคือฟางชุ่ยฮวาไม่เพียงเป็นแค่หญิงชาวบ้านธรรดา แต่มีผู้คนมากมายที่เห็นนางถูกทำลายความบริสุทธิ์ ขณะนี้ ข้างนอกไม่มีข่าวลืออะไร แต่เมื่อเรื่องนี้ถูกแพร่ออกไป ในความคิดของคนที่นินทาจะคิดว่า ความบริสุทธิ์ของฟางชุ่ยฮวาไม่มีทางถูกทำลายแต่จะ
คนเดียวที่ทำให้เซี่ยเหยาฮวาเรียกนางว่า "ท่านแม่" นั้นก็มีแต่ฟางชุ่ยฮวา แม่บุญธรรมของนางที่มาจากหมู่บ้านหลิงสุ่ยที่พร้อมกับนาง สีหน้าขององค์รัชทายาทและโหวหย่งหนิงเปลี่ยนไปอย่างมากในเวลาเดียวกัน องค์รัชทายาทคว้าป้ายหยกจากนั้นโยนมันกลับไป เขายิ้มให้โหวหย่งหนิงพลางพูดว่า "โหวหย่งหนิงมีลูกสาวที่ดีจริงๆ ยินดีด้วย เสด็จพี่ ข้ายังต้องกลับไปรายงานเสด็จพ่อ ขอตัวก่อน” “ข้าก็ต้องการกลับวังเพื่อรายงาน ไปด้วยกันพอดีเลย” หรงเจิ้งออกไปกับเขา องค์รัชทายาทและหรงเจิ้งเป็นพี่น้องต่างมารดากัน พวกเขามีรูปร่างและนิสัยคล้ายกันมาก แต่ไม่ว่ามองจากด้านใด หรงเจิ้งก็อยู่เหนือกว่าองค์รัชทายาทเสมอ ตัวองค์รัชทายาทเองอาจไม่ทันสังเกตเห็น แต่โหวหย่งหนิงซึ่งเฝ้าดูจากด้านหลังสามารถมองความแตกต่างได้อย่างรวดเร็ว หลังจากส่งคนใหญ่คนโตทั้งสองด้วยสายตา โหวหย่งหนิงก็ไม่ต้องแสดงต่อ เขาคว้าป้ายหยกจากมือของเซี่ยเหยาฮวา ด้านหน้าของป้ายหยกเขียนว่า 'หลี่ฮูหยิน' ด้านหลังเขียนว่า 'พระราชทาน' และวันที่สลักอยู่ด้านล่าง นี่คือป้ายหยกจริงๆ เซี่ยเหยาฮวาอยากจะหัวเราะ "ท่านโหวคงไม่คิดว่านี่มันป
องค์รัชทายาทลูบผมของเซี่ยหมิงจู แล้วตรัสว่า “หมิงจูเจ้ามีใจภักดีต่อข้าเยี่ยงนี้ ข้าจะไม่ทำให้เจ้าผิดหวัง”“ขอบพระทัยเพคะฝ่าบาท” “เจ้ากับข้าเราเป็นใจเดียวกันมาตั้งนานแล้ว จะขอบพระทัยก็ดูห่างเหินกันไป” องค์รัชทายาทจับมือนางแล้วตรัสว่า “วันนี้คงไม่ทันแล้ว ข้าจะต้องกลับวังไปเข้าเฝ้า” พรุ่งนี้เช้าข้าจะพาเจ้าออกไปพักผ่อนนอกเมือง ! ” เซี่ยหมิงจูดูมีความสุข แต่คิ้วของนางกลับตกลง “ขอบพระทัยเพคะฝ่าบาท แต่ท่านพ่อของหม่อนฉันอยากให้หม่อมฉันพักผ่อนอยู่กับบ้าน” “ข้าจะไปพูดกับโหวหย่งหนิงให้เอง วันนี้เจ้าพักผ่อนให้ดีเสียเถิด วันพรุ่งข้าจะมารับเจ้าแต่เช้า”“เพคะฝ่าบาท หากหม่อมฉันนึกเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับหรงเจิ้งออกอีก หม่อมฉันจะรีบส่งคนไปกราบทูลให้ฝ่าบาททรงทราบ”ทั้งสองกอดกันแน่นเซี่ยหมิงจูค่อย ๆ ขดริมฝีปากภายในอ้อมแขนขององค์รัชทายาทในชาติที่แล้ว ก่อนที่หรงเจิ้งจะแสวงหาอำนาจและแย่งชิงบัลลังก์ แม้ว่านางจะหลบอยู่เบื้องหลัง มองโหวหย่งหนิงและลูกชายของเขาวางแผนทุกอย่างให้นาง แต่นางก็รู้ทุกสิ่งที่นางจำเป็นต้องรู้ เพียงแค่องค์รัชทายาทเป็นโรคขี้สงสัยและเห็นแก่ตัว นางจึงต้องระมัดระวังเอาไว้