เมื่อเห็นคนที่เดินเข้ามา กู้อวิ๋นซีก็ต้องตกใจจนตัวแข็งนิ้วมือสั่นไหวน้อยๆ ตำราหนังสือที่อยู่ในมือเกือบจะร่วงหล่นลงไปบนโต๊ะแต่ว่าหลังจากที่ตกใจไปชั่วขณะ กู้อวิ๋นซีก็จัดการกับอารมณ์ของตัวเองได้อย่างรวดเร็วนางยืนขึ้น เดินอ้อมโต๊ะออกไปต้อนรับ ย่อตัวทำความเคารพ "คารวะเสวียนอ๋อง"จวินเย่เสวียนสะบัดแขนเสื้อทีหนึ่ง ประตูก็ปิดลงดังเสียงดังปังหัวใจของกู้อวิ๋นซีก็สะดุ้งโหยงตามเสียงปิดประตูที่ดังขึ้นในมือของเขาถือยาเอาไว้ชามหนึ่งกู้อวิ๋นซีก้มหน้าลง ไม่กล้าพูดอะไร ได้เพียงแค่มองเขาอยู่อย่างนั้นจวินเย่เสวียนเดินผ่านข้างตัวนางไป วางชามยาเอาไว้บนโต๊ะ ก่อนจะหันหน้ากลับมามองนางเขาพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย แววตาปกติไม่แสดงอารมณ์ใดๆ "ไม่ใช่ว่าจะกินยาหรือยังไง? เหตุใดจึงไม่เดินเข้ามา?"กู้อวิ๋นซีมองไปที่ยาชามนั้นนางดมดูก็รู้ว่า เป็นยาที่นางให้อันเซี่ยไปต้มมาให้"เสวียนอ๋อง อันเซี่ย...ตอนนี้อยู่ที่ไหนเพคะ?" นางถาม"ข้าสั่งให้นางไปไหน นางก็ไปที่นั่น เหตุใดเจ้าต้องเป็นห่วงด้วย?"จวินเย่เสวียนนั่งลงบนเก้าอี้ยาว นิ้วเรียวยาวเคาะลงบนโต๊ะเบาๆ "ความอดทนของข้ามีจำกัด ยานี่หากว่าเจ้าไม่ดื่ม ข้าจะจ
น่าเสียดายที่ไม่ว่ากู้อวิ๋นซีจะขอร้องอย่างไร จวินเย่เสวียนก็คงยังไม่ใจอ่อนนางไม่อาจขัดขืนได้ ทุกครั้งที่อยากจะลุกออกจากขาของเขา ก็จะถูกเขาจับให้กลับลงมานั่นได้ง่ายๆ เสมอในระหว่างที่ทั้งสองกำลังยื้อยุดกันนั้น ทั้งยี่สิบไม้ก็ตีลงมาบนร่างของอันเซี่ยอย่างหนักหน่องและรุนแรงจนครบอันเซี่ยเจ็บปวดเกินกว่าที่จะส่งเสียงร้องออกมาได้อีกเจ็บปวดจนหมดสติไป แถมยังถูกน้ำเย็นสาดเรียกสติให้กลับคืนมาการถูกโบยยี่สิบไม้ สำหรับนางแล้วเรียกได้ว่าแทบจะเอาชีวิตกันเลยทีเดียวตอนที่โบยเสร็จ อันเซี่ยก็นอนหมอบคว่ำหายใจรวยรินอยู่บนเก้าอี้ไม้แล้วทหารองครักษ์เดินกลับไปประจำอยู่ที่ข้างประตู พูดอย่างนอบน้อมว่า "ท่านอ๋อง โบยครบแล้วพ่ะย่ะค่ะ!""พากลับไปโยนคืนไว้ในห้อง อีกเดี๋ยวไม่แน่ว่าจะไม่ถูกโบยอีก" จวินเย่เสวียนพูดอย่างเย็นชา"พ่ะย่ะค่ะ!" ทหารองครักษ์สองนายลากตัวอันเซี่ยออกไปตอนที่พาออกไป อันเซี่ยยังร้องโอดครวญเสียงแหบแห้งอยู่ เพียงแค่ไม่เหลือเรี่ยวแรงแล้วเท่านั้น เสียงอู้อี้อู่ในลำคอเปล่งออกมาไม่ได้คนในห้อง ยังพอได้ยินอยู่เบาๆเพราะความอ่อนแอของนาง ทำให้หัวใจของกู้อวิ๋นซี ยิ่งรู้สึกเจ็บปวดขึ้นไปอีก
กู้อวิ๋นซีว่าง่ายมากไม่ว่าเขาจะให้นางทำอะไร นางก็ทำอย่างนั้นนางไม่ต่อต้านอีกแล้วเสื้อผ้าบางๆ ถูกนางถอดจนตกลงไปกองอยู่ช่วงเอวส่วนเสื้อผ้าชั้นสุดท้าย ถึงแม้จะลังเลเล็กน้อยแต่สุดท้ายนางก็หลับตาแล้วดึงมันออกไปผิวสีขาวผ่องราวหิมะปรากฎออกมาดูนุ่มนิ่มซะจนทำให้คนที่พบเห็นต้องหายใจติดขัดจวินเย่เสวียนจ้องไปยังเรือนร่างที่สะอาดสะอ้านของนาง รู้สึกเลือดลมเกร็งเครียดไปทั้งร่างแต่เขาไม่ดีใจ ไม่ดีใจเลยสักนิด!อีกทั้ง เขายังอารมณ์เสียมากด้วย!เขาพูดอย่างเย็นชาว่า "คิดว่าทำท่าทางเช่นนี้แล้วข้าจะยอมปล่อยเจ้าไปอย่างนั้นเหรอ? กู้อวิ๋นซี เจ้าคิดว่าข้ายังเป็นคนโง่ที่หลอกง่ายคนเดือมอยู่หรือไง?"กู้อวิ๋นซีแค่เพียงมองเขาใบหน้าที่ร้อนผ่าวในตอนแรก ในตอนนี้กลับใจเย็นลงได้แล้วหลังจากที่ใจเย็นลงแล้ว ใบหน้าก็พลันเปลี่ยนเป็นขาวซีด"เสวียนอ๋องยังอยากให้ข้าทำอะไรอีกงั้นเหรอเพคะ?" นางถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยแต่จวินเย่เสวียนกลับจับคางของนางเอาไว้แน่น เชิดหน้าของนางให้เงยขึ้นมา"คิดจะแสดงละครอะไรต่อหน้าข้าอีก?"กู้อวิ๋นซีไม่ได้พูดอะไร จวินเย่เสวียนก็พูดเย้ยหยันออกมาก่อน "แต่น่าเสียดาย ไม่ว่าเจ้
ภัยพิบัตินี้ กินเวลาไปประมาณหนึ่งชั่วโมงกว่าครั้งสุดท้าย กู้อวิ๋นซีราวกับเป็นเครื่องมือที่ถูกใช้จนพัง ถูกทิ้งไว้จนเตียงอย่างไม่แยแสนางหมดแรงไปทั้งร่าง ขนาดแค่แรงที่จะหยิบเอาผ้าห่มมาคลุมปกปิดร่างกายของตัวเองยังไม่มีเลยด้านหลัง ชายหนุ่มกำลังสวมใส่เสื้อผ้าอยู่นางคิดว่าเขาคงจะพูดแดกดันอีกสักหลายประโยค คิดไม่ถึงว่า หลังจากที่เขาใส่เสื้อผ้าเสร็จก็จะหมุนตัวเดินออกไปเลยประตูถูกเขาผลักเปิดออกกู้อวิ๋นซีร้อนใจจนแทบจะร้องไห้ออกมาแล้วตัวนางยังอยู่นอกผ้าห่มนอกประตูมีทหารองครักษ์เฝ้าอยู่ ถ้าเกิดว่าพวกเขาเงยหน้าขึ้นมามอง...กู้อวิ๋นซีกัดริมฝีปากตัวเองอย่างแรง ใช้แรงที่เหลืออยู่น้อยนิด หยิบผ้าห่มมาพยายามคลุมปกปิดร่างกายของตัวเองจากนั้นถึงได้ล้มลงไปอย่างหมดแรงเจ็บริมฝีปากจังเดิมทีก็ถูกกัดจนเป็นแผลอยู่แล้ว เมื่อกี้ยังกัดไปอีกหนึ่งที เลือดที่แห้งกรังไปแล้ว กลับไหลซึมออกมาใหม่เมื่อคิดอยากที่จะยกมือขึ้นมาเช็ดคราบเลืดที่ริมฝีปากถึงได้รู้ว่าตัวเองไม่มีแรงเหลืออยู่แล้วแม้แต่นิดเดียวขนาดมือยังยกไม่ขึ้นเลยเหนื่อยเกินไป ลุกไม่ไหว ใจสลาย สิ้นหวังสุดท้ายนางก็หลับตาลง หลับไปทั้งที่ยังมึนๆ งงๆ อย่างนั้
ในใจของกู้อวิ๋นซีเจ็บปวดมากความจริงแล้วอันเซี่ยยังเป็นเด็กอยู่เลย เพิ่งจะอายุแต่สิบหกปี เป็นเด็กซื่อๆ ตั้งใจทำงาน ความคิดก็อ่านเรียบง่ายไร้เดียงสานางคิดจริงๆ ว่า เมื่อจวินฉู่หลีกลับมา สถานการณ์ทุกอย่างของกู้อวิ๋นซีจะต้องดีขึ้นแน่มีเพียงกู้อวิ๋นซีที่รู้ดีแก่ใจว่าต่อให้อาหลีกลับมา เขาก็คงไม่อาจจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้ความเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง นางจะต้องสร้างมันขึ้นมาเองแต่อันเซี่ย นางกำลังรออยู่จริงๆเด็กสาวที่ใสซื่อบริสุทธิ์เช่นนี้ จวินเย่เสวียนทำไมถึงใจร้ายทำร้ายนางได้ขนาดนี้?"เจ้าไม่ได้ทำอะไรผิด เป็นข้า...เป็นข้าเองที่ทำผิด ทำให้เสวียนอ๋องไม่พอใจ แต่เขา...เขาไม่อยากรักแกข้า ดังนั้น ก็เลยเอาเจ้ามาระบายอารมณ์แทน"กู้อวิ๋นซีหลับตาลง พยายามเก็บซ่อนและกำจัดอารมณ์ที่อยากจะร้องไห้ออกไปให้หมด"เช่นนั้นเสวียนอ๋อง...เขาได้ลงโทษอะไรท่านหรือไม่เจ้าคะ?" อันเซี่ยเจ็บจนต้องกัดฟันกรอด แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะถามกลับ"ไม่ เขา...โบยเจ้าขนาดนั้นแล้ว ก็ไม่โบยข้าแล้วล่ะ เจ้ารับเคราะห์แทนข้าแล้ว"กู้อวิ๋นซีถอนหายใจออกมาทีหนึ่ง ไม่อยากที่จะหลอกนาง แต่ก็ไม่อยากที่จะบอกความจริงกับนางนางพูดอย่างอ่อนโยนว
ในใจของกู้อวิ๋นซีรู้สึกหนักอึ้งอีกครั้งเขาจะต้องหยามเกียรตินางขนาดนี้เชียวเหรอ?"ข้าจะใช่หรือไม่ใช่พระชายาหลีอ๋อง เกรงว่า ขนาดท่านอ๋องของเจ้าก็ไม่มีสิทธิ์จะมาตัดสินกระมัง" นางพูดเสียงเย็นเยียบด้วยสีหน้าเคร่งขรึมให้ย้ายไปอยูเรือนหลังของจวินเย่เสวียน กลายเป็นแม่นางซีอะไรนั่นในเรือนหลังของเขา นั่นก็หมายความว่า ตัวนางกลายเป็นของประดับของเขาไปแล้วเป็นภรรยาน้อยที่เขาคิดมาจาสนุกด้วยเมื่อไรก็ได้ไม่ใช่พระชายาเสวียนอ๋อง และไม่ใช่พระชายารอง เป็นเพียงภรรยาน้อย ประเภทที่ไม่มีแม้กระทั่งตำแหน่งด้วยซ้ำมือที่จับประตูไว้อยู่ของกู้อวิ๋นซี ค่อยๆ กำแน่นขึ้นเรื่อยๆเยียนเป่ยสามารถเห็นถึงว่านางกำแน่นจนกระดูกข้อนิ้วขึ้นเป็นสีขาวเกรงว่าในใจคงจะต้อวรู้สึกเสียใจมากแน่ๆเพียงแต่ ใบหน้านั้นก็ยังคงนิ่งสงบ เย็นชาดูเหมือนว่านางจะเริ่มเก็บซ่อนความรู้สึกของตัวเองเก่งขึ้นทุกทีแล้วเยียนเป่ยก็บอกไม่ถูกว่าตอนนี้เขาอารมณ์เป็นอย่างไร ได้แต่พูดเสียงเบาๆ ว่า "ท่านอ๋องบอกว่า ท่าน...ก็เป็นเพียงผู้หญิงที่ถูกเขาใช้งานแล้ว ไม่มีสิทธิ์ได้เป็นพระชายาหลีอ๋อง จากนี้ต่อไป ให้ถือว่าพระชายาหลีอ๋อง...ตายไปแล้ว"กู้อวิ๋น
กู้หรูชิวมองนาง อยากจะพูดอะไรแต่ก็ไม่พูดกู้อวิ๋นซีขมวดคิ้วน้อยๆ ในใจเกิดความรู้สึกไม่สบายใจ "เสวียนอ๋องบังคับให้ท่านมาอยู่ที่นี่เหรอ?"แต่จวินเย่เสวียนกับพี่แปด ไปรู้จักกันตั้งแต่เมื่อไรล่ะ?ก่อนหน้านี้ตอนที่จวินเย่เสวียนคัดเลือดพระชายา พี่แปดเองก็ไม่ได้ส่งแม้แต่ภาพวาดเข้ามาด้วยทำไมตอนนี้ถึงพัฒนาความสัมพันธ์กันได้รวดเร็วขนาดนี้?"ซีเออร์ ข้ากับเสวียนอ๋องไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกัน เจ้าอย่าโมโหไปเลย" กู้หรูชิวกล่าวคำพูดนี้หากว่าเป็นผู้หญิงคนอื่นพูด ก็น่าจะกำลังพูดเหน็บแนมนางทางอ้อมอยู่แต่กู้หรูชิวพูดมันออกมาด้วยใบหน้าเรียบเฉย ท่าทางสงบนิ่ง ไม่ได้แฝงเจตนาไม่ดีไว้เลยนางดึงกู้อวิ๋นซีให้มานั่งลงที่โต๊ะ มองไปรอบๆ ก่อนจะพูดเสียงเบาๆ ว่า "พี่ใหญ่ถูกจับตัวไปขังเข้าคุกสวรรค์แล้ว""ว่ายังไงนะ?" กู้อวิ๋นซีตกใจจนแทบจะกระเด้งตัวขึ้นมาจากเก้าอี้ก่อนหน้านี้นางป่วยหนัก จากนั้นก็ถูกจับขังอยู่แต่ในจวนเสวียนอ๋องเพื่อพักฟื้น ความจริงก็ไม่ทราบข่าวคราวที่เกิดขึ้นด้านนอกมากว่าหนึ่งเดือนแล้วพี่ใหญ่..."เพราะอะไร?""ข้าก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่ได้ยินว่าพี่ใหญ่ต้องการลอบสังหารเสวียนอ๋อง และเสวีย
ไม่มีใครรู้ว่าทำไมกู้หนานฟงจะต้องลอบสังหารจวินเย่เสวียนแต่กู้อวิ๋นซีรู้ดีว่าคนที่แอบบุกเข้าจวนเสวียนอ๋อง เพื่อสืบข่าวที่หออวิ๋นหลีครั้งก่อนก็คือกู้หนานฟงแต่มีจุดหนึ่งที่นางไม่เข้าใจก็คือ ตอนที่นางถามเรื่องนี้กับพี่ใหญ่ สายตาของพี่ใหญ่ดูจริงใจและไม่รู้เรื่องถึงแม้นางจะเพิ่งข้ามมิติมาได้เพียงแค่ปีกว่า แต่ในช่วงเวลาปีกว่านี้ ตั้งแต่ก่อนแต่งงาน ขอเพียงพี่ใหญ่อยู่ที่จวน พวกเขาสองพี่น้องก็จะตัวติดกันตลอดพี่ใหญ่มีใจจงรักภักดีต่อบ้านเมือง มีเมตตาและคุณธรรม เขาไม่มีทางเป็นกบฎแน่แต่ทำไมเขาจะต้องบุกเข้าจวนเสวียนอ๋องตอนกลางดึกด้วย? ทำไมจะต้องลอบสังหารจวินเย่เสวียนด้วย?ในนี้มันมีเรื่องเข้าใจผิดอะไรกันอยู่แน่?กู้อวิ๋นซีหยุดอยู่ที่ห้องของกู้หรูชิวเป็นเวลานานกู้หรูชิวได้เล่ารายละเอียดเรื่องน้อยใหญ่ที่เกิดขึ้นกับจวนแม่ทัพตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาให้กับกู้อวิ๋นซีได้ฟังทั้งหมดแต่ถึงอย่างไรนางก็เป็นเพียงแค่ลูกคนหนึ่งที่เกิดจากเมียน้อย ลูกที่ไม่ได้เป็นที่รักของท่านพ่อ วันๆ ก็ได้แต่คลุกตัวอยู่ในเรือนกับน้าเซวียทั้งวัน ไม่ค่อยได้มีโอกาสออกไปข้างนอกมากนักดังนั้น เรื่องที่นางรู้ก็ไม่ได้เยอะมา