เมื่อเห็นคนที่เดินเข้ามา กู้อวิ๋นซีก็ต้องตกใจจนตัวแข็งนิ้วมือสั่นไหวน้อยๆ ตำราหนังสือที่อยู่ในมือเกือบจะร่วงหล่นลงไปบนโต๊ะแต่ว่าหลังจากที่ตกใจไปชั่วขณะ กู้อวิ๋นซีก็จัดการกับอารมณ์ของตัวเองได้อย่างรวดเร็วนางยืนขึ้น เดินอ้อมโต๊ะออกไปต้อนรับ ย่อตัวทำความเคารพ "คารวะเสวียนอ๋อง"จวินเย่เสวียนสะบัดแขนเสื้อทีหนึ่ง ประตูก็ปิดลงดังเสียงดังปังหัวใจของกู้อวิ๋นซีก็สะดุ้งโหยงตามเสียงปิดประตูที่ดังขึ้นในมือของเขาถือยาเอาไว้ชามหนึ่งกู้อวิ๋นซีก้มหน้าลง ไม่กล้าพูดอะไร ได้เพียงแค่มองเขาอยู่อย่างนั้นจวินเย่เสวียนเดินผ่านข้างตัวนางไป วางชามยาเอาไว้บนโต๊ะ ก่อนจะหันหน้ากลับมามองนางเขาพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย แววตาปกติไม่แสดงอารมณ์ใดๆ "ไม่ใช่ว่าจะกินยาหรือยังไง? เหตุใดจึงไม่เดินเข้ามา?"กู้อวิ๋นซีมองไปที่ยาชามนั้นนางดมดูก็รู้ว่า เป็นยาที่นางให้อันเซี่ยไปต้มมาให้"เสวียนอ๋อง อันเซี่ย...ตอนนี้อยู่ที่ไหนเพคะ?" นางถาม"ข้าสั่งให้นางไปไหน นางก็ไปที่นั่น เหตุใดเจ้าต้องเป็นห่วงด้วย?"จวินเย่เสวียนนั่งลงบนเก้าอี้ยาว นิ้วเรียวยาวเคาะลงบนโต๊ะเบาๆ "ความอดทนของข้ามีจำกัด ยานี่หากว่าเจ้าไม่ดื่ม ข้าจะจ
น่าเสียดายที่ไม่ว่ากู้อวิ๋นซีจะขอร้องอย่างไร จวินเย่เสวียนก็คงยังไม่ใจอ่อนนางไม่อาจขัดขืนได้ ทุกครั้งที่อยากจะลุกออกจากขาของเขา ก็จะถูกเขาจับให้กลับลงมานั่นได้ง่ายๆ เสมอในระหว่างที่ทั้งสองกำลังยื้อยุดกันนั้น ทั้งยี่สิบไม้ก็ตีลงมาบนร่างของอันเซี่ยอย่างหนักหน่องและรุนแรงจนครบอันเซี่ยเจ็บปวดเกินกว่าที่จะส่งเสียงร้องออกมาได้อีกเจ็บปวดจนหมดสติไป แถมยังถูกน้ำเย็นสาดเรียกสติให้กลับคืนมาการถูกโบยยี่สิบไม้ สำหรับนางแล้วเรียกได้ว่าแทบจะเอาชีวิตกันเลยทีเดียวตอนที่โบยเสร็จ อันเซี่ยก็นอนหมอบคว่ำหายใจรวยรินอยู่บนเก้าอี้ไม้แล้วทหารองครักษ์เดินกลับไปประจำอยู่ที่ข้างประตู พูดอย่างนอบน้อมว่า "ท่านอ๋อง โบยครบแล้วพ่ะย่ะค่ะ!""พากลับไปโยนคืนไว้ในห้อง อีกเดี๋ยวไม่แน่ว่าจะไม่ถูกโบยอีก" จวินเย่เสวียนพูดอย่างเย็นชา"พ่ะย่ะค่ะ!" ทหารองครักษ์สองนายลากตัวอันเซี่ยออกไปตอนที่พาออกไป อันเซี่ยยังร้องโอดครวญเสียงแหบแห้งอยู่ เพียงแค่ไม่เหลือเรี่ยวแรงแล้วเท่านั้น เสียงอู้อี้อู่ในลำคอเปล่งออกมาไม่ได้คนในห้อง ยังพอได้ยินอยู่เบาๆเพราะความอ่อนแอของนาง ทำให้หัวใจของกู้อวิ๋นซี ยิ่งรู้สึกเจ็บปวดขึ้นไปอีก
กู้อวิ๋นซีว่าง่ายมากไม่ว่าเขาจะให้นางทำอะไร นางก็ทำอย่างนั้นนางไม่ต่อต้านอีกแล้วเสื้อผ้าบางๆ ถูกนางถอดจนตกลงไปกองอยู่ช่วงเอวส่วนเสื้อผ้าชั้นสุดท้าย ถึงแม้จะลังเลเล็กน้อยแต่สุดท้ายนางก็หลับตาแล้วดึงมันออกไปผิวสีขาวผ่องราวหิมะปรากฎออกมาดูนุ่มนิ่มซะจนทำให้คนที่พบเห็นต้องหายใจติดขัดจวินเย่เสวียนจ้องไปยังเรือนร่างที่สะอาดสะอ้านของนาง รู้สึกเลือดลมเกร็งเครียดไปทั้งร่างแต่เขาไม่ดีใจ ไม่ดีใจเลยสักนิด!อีกทั้ง เขายังอารมณ์เสียมากด้วย!เขาพูดอย่างเย็นชาว่า "คิดว่าทำท่าทางเช่นนี้แล้วข้าจะยอมปล่อยเจ้าไปอย่างนั้นเหรอ? กู้อวิ๋นซี เจ้าคิดว่าข้ายังเป็นคนโง่ที่หลอกง่ายคนเดือมอยู่หรือไง?"กู้อวิ๋นซีแค่เพียงมองเขาใบหน้าที่ร้อนผ่าวในตอนแรก ในตอนนี้กลับใจเย็นลงได้แล้วหลังจากที่ใจเย็นลงแล้ว ใบหน้าก็พลันเปลี่ยนเป็นขาวซีด"เสวียนอ๋องยังอยากให้ข้าทำอะไรอีกงั้นเหรอเพคะ?" นางถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยแต่จวินเย่เสวียนกลับจับคางของนางเอาไว้แน่น เชิดหน้าของนางให้เงยขึ้นมา"คิดจะแสดงละครอะไรต่อหน้าข้าอีก?"กู้อวิ๋นซีไม่ได้พูดอะไร จวินเย่เสวียนก็พูดเย้ยหยันออกมาก่อน "แต่น่าเสียดาย ไม่ว่าเจ้
ภัยพิบัตินี้ กินเวลาไปประมาณหนึ่งชั่วโมงกว่าครั้งสุดท้าย กู้อวิ๋นซีราวกับเป็นเครื่องมือที่ถูกใช้จนพัง ถูกทิ้งไว้จนเตียงอย่างไม่แยแสนางหมดแรงไปทั้งร่าง ขนาดแค่แรงที่จะหยิบเอาผ้าห่มมาคลุมปกปิดร่างกายของตัวเองยังไม่มีเลยด้านหลัง ชายหนุ่มกำลังสวมใส่เสื้อผ้าอยู่นางคิดว่าเขาคงจะพูดแดกดันอีกสักหลายประโยค คิดไม่ถึงว่า หลังจากที่เขาใส่เสื้อผ้าเสร็จก็จะหมุนตัวเดินออกไปเลยประตูถูกเขาผลักเปิดออกกู้อวิ๋นซีร้อนใจจนแทบจะร้องไห้ออกมาแล้วตัวนางยังอยู่นอกผ้าห่มนอกประตูมีทหารองครักษ์เฝ้าอยู่ ถ้าเกิดว่าพวกเขาเงยหน้าขึ้นมามอง...กู้อวิ๋นซีกัดริมฝีปากตัวเองอย่างแรง ใช้แรงที่เหลืออยู่น้อยนิด หยิบผ้าห่มมาพยายามคลุมปกปิดร่างกายของตัวเองจากนั้นถึงได้ล้มลงไปอย่างหมดแรงเจ็บริมฝีปากจังเดิมทีก็ถูกกัดจนเป็นแผลอยู่แล้ว เมื่อกี้ยังกัดไปอีกหนึ่งที เลือดที่แห้งกรังไปแล้ว กลับไหลซึมออกมาใหม่เมื่อคิดอยากที่จะยกมือขึ้นมาเช็ดคราบเลืดที่ริมฝีปากถึงได้รู้ว่าตัวเองไม่มีแรงเหลืออยู่แล้วแม้แต่นิดเดียวขนาดมือยังยกไม่ขึ้นเลยเหนื่อยเกินไป ลุกไม่ไหว ใจสลาย สิ้นหวังสุดท้ายนางก็หลับตาลง หลับไปทั้งที่ยังมึนๆ งงๆ อย่างนั้
ในใจของกู้อวิ๋นซีเจ็บปวดมากความจริงแล้วอันเซี่ยยังเป็นเด็กอยู่เลย เพิ่งจะอายุแต่สิบหกปี เป็นเด็กซื่อๆ ตั้งใจทำงาน ความคิดก็อ่านเรียบง่ายไร้เดียงสานางคิดจริงๆ ว่า เมื่อจวินฉู่หลีกลับมา สถานการณ์ทุกอย่างของกู้อวิ๋นซีจะต้องดีขึ้นแน่มีเพียงกู้อวิ๋นซีที่รู้ดีแก่ใจว่าต่อให้อาหลีกลับมา เขาก็คงไม่อาจจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้ความเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง นางจะต้องสร้างมันขึ้นมาเองแต่อันเซี่ย นางกำลังรออยู่จริงๆเด็กสาวที่ใสซื่อบริสุทธิ์เช่นนี้ จวินเย่เสวียนทำไมถึงใจร้ายทำร้ายนางได้ขนาดนี้?"เจ้าไม่ได้ทำอะไรผิด เป็นข้า...เป็นข้าเองที่ทำผิด ทำให้เสวียนอ๋องไม่พอใจ แต่เขา...เขาไม่อยากรักแกข้า ดังนั้น ก็เลยเอาเจ้ามาระบายอารมณ์แทน"กู้อวิ๋นซีหลับตาลง พยายามเก็บซ่อนและกำจัดอารมณ์ที่อยากจะร้องไห้ออกไปให้หมด"เช่นนั้นเสวียนอ๋อง...เขาได้ลงโทษอะไรท่านหรือไม่เจ้าคะ?" อันเซี่ยเจ็บจนต้องกัดฟันกรอด แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะถามกลับ"ไม่ เขา...โบยเจ้าขนาดนั้นแล้ว ก็ไม่โบยข้าแล้วล่ะ เจ้ารับเคราะห์แทนข้าแล้ว"กู้อวิ๋นซีถอนหายใจออกมาทีหนึ่ง ไม่อยากที่จะหลอกนาง แต่ก็ไม่อยากที่จะบอกความจริงกับนางนางพูดอย่างอ่อนโยนว
ในใจของกู้อวิ๋นซีรู้สึกหนักอึ้งอีกครั้งเขาจะต้องหยามเกียรตินางขนาดนี้เชียวเหรอ?"ข้าจะใช่หรือไม่ใช่พระชายาหลีอ๋อง เกรงว่า ขนาดท่านอ๋องของเจ้าก็ไม่มีสิทธิ์จะมาตัดสินกระมัง" นางพูดเสียงเย็นเยียบด้วยสีหน้าเคร่งขรึมให้ย้ายไปอยูเรือนหลังของจวินเย่เสวียน กลายเป็นแม่นางซีอะไรนั่นในเรือนหลังของเขา นั่นก็หมายความว่า ตัวนางกลายเป็นของประดับของเขาไปแล้วเป็นภรรยาน้อยที่เขาคิดมาจาสนุกด้วยเมื่อไรก็ได้ไม่ใช่พระชายาเสวียนอ๋อง และไม่ใช่พระชายารอง เป็นเพียงภรรยาน้อย ประเภทที่ไม่มีแม้กระทั่งตำแหน่งด้วยซ้ำมือที่จับประตูไว้อยู่ของกู้อวิ๋นซี ค่อยๆ กำแน่นขึ้นเรื่อยๆเยียนเป่ยสามารถเห็นถึงว่านางกำแน่นจนกระดูกข้อนิ้วขึ้นเป็นสีขาวเกรงว่าในใจคงจะต้อวรู้สึกเสียใจมากแน่ๆเพียงแต่ ใบหน้านั้นก็ยังคงนิ่งสงบ เย็นชาดูเหมือนว่านางจะเริ่มเก็บซ่อนความรู้สึกของตัวเองเก่งขึ้นทุกทีแล้วเยียนเป่ยก็บอกไม่ถูกว่าตอนนี้เขาอารมณ์เป็นอย่างไร ได้แต่พูดเสียงเบาๆ ว่า "ท่านอ๋องบอกว่า ท่าน...ก็เป็นเพียงผู้หญิงที่ถูกเขาใช้งานแล้ว ไม่มีสิทธิ์ได้เป็นพระชายาหลีอ๋อง จากนี้ต่อไป ให้ถือว่าพระชายาหลีอ๋อง...ตายไปแล้ว"กู้อวิ๋น
กู้หรูชิวมองนาง อยากจะพูดอะไรแต่ก็ไม่พูดกู้อวิ๋นซีขมวดคิ้วน้อยๆ ในใจเกิดความรู้สึกไม่สบายใจ "เสวียนอ๋องบังคับให้ท่านมาอยู่ที่นี่เหรอ?"แต่จวินเย่เสวียนกับพี่แปด ไปรู้จักกันตั้งแต่เมื่อไรล่ะ?ก่อนหน้านี้ตอนที่จวินเย่เสวียนคัดเลือดพระชายา พี่แปดเองก็ไม่ได้ส่งแม้แต่ภาพวาดเข้ามาด้วยทำไมตอนนี้ถึงพัฒนาความสัมพันธ์กันได้รวดเร็วขนาดนี้?"ซีเออร์ ข้ากับเสวียนอ๋องไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกัน เจ้าอย่าโมโหไปเลย" กู้หรูชิวกล่าวคำพูดนี้หากว่าเป็นผู้หญิงคนอื่นพูด ก็น่าจะกำลังพูดเหน็บแนมนางทางอ้อมอยู่แต่กู้หรูชิวพูดมันออกมาด้วยใบหน้าเรียบเฉย ท่าทางสงบนิ่ง ไม่ได้แฝงเจตนาไม่ดีไว้เลยนางดึงกู้อวิ๋นซีให้มานั่งลงที่โต๊ะ มองไปรอบๆ ก่อนจะพูดเสียงเบาๆ ว่า "พี่ใหญ่ถูกจับตัวไปขังเข้าคุกสวรรค์แล้ว""ว่ายังไงนะ?" กู้อวิ๋นซีตกใจจนแทบจะกระเด้งตัวขึ้นมาจากเก้าอี้ก่อนหน้านี้นางป่วยหนัก จากนั้นก็ถูกจับขังอยู่แต่ในจวนเสวียนอ๋องเพื่อพักฟื้น ความจริงก็ไม่ทราบข่าวคราวที่เกิดขึ้นด้านนอกมากว่าหนึ่งเดือนแล้วพี่ใหญ่..."เพราะอะไร?""ข้าก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่ได้ยินว่าพี่ใหญ่ต้องการลอบสังหารเสวียนอ๋อง และเสวีย
ไม่มีใครรู้ว่าทำไมกู้หนานฟงจะต้องลอบสังหารจวินเย่เสวียนแต่กู้อวิ๋นซีรู้ดีว่าคนที่แอบบุกเข้าจวนเสวียนอ๋อง เพื่อสืบข่าวที่หออวิ๋นหลีครั้งก่อนก็คือกู้หนานฟงแต่มีจุดหนึ่งที่นางไม่เข้าใจก็คือ ตอนที่นางถามเรื่องนี้กับพี่ใหญ่ สายตาของพี่ใหญ่ดูจริงใจและไม่รู้เรื่องถึงแม้นางจะเพิ่งข้ามมิติมาได้เพียงแค่ปีกว่า แต่ในช่วงเวลาปีกว่านี้ ตั้งแต่ก่อนแต่งงาน ขอเพียงพี่ใหญ่อยู่ที่จวน พวกเขาสองพี่น้องก็จะตัวติดกันตลอดพี่ใหญ่มีใจจงรักภักดีต่อบ้านเมือง มีเมตตาและคุณธรรม เขาไม่มีทางเป็นกบฎแน่แต่ทำไมเขาจะต้องบุกเข้าจวนเสวียนอ๋องตอนกลางดึกด้วย? ทำไมจะต้องลอบสังหารจวินเย่เสวียนด้วย?ในนี้มันมีเรื่องเข้าใจผิดอะไรกันอยู่แน่?กู้อวิ๋นซีหยุดอยู่ที่ห้องของกู้หรูชิวเป็นเวลานานกู้หรูชิวได้เล่ารายละเอียดเรื่องน้อยใหญ่ที่เกิดขึ้นกับจวนแม่ทัพตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาให้กับกู้อวิ๋นซีได้ฟังทั้งหมดแต่ถึงอย่างไรนางก็เป็นเพียงแค่ลูกคนหนึ่งที่เกิดจากเมียน้อย ลูกที่ไม่ได้เป็นที่รักของท่านพ่อ วันๆ ก็ได้แต่คลุกตัวอยู่ในเรือนกับน้าเซวียทั้งวัน ไม่ค่อยได้มีโอกาสออกไปข้างนอกมากนักดังนั้น เรื่องที่นางรู้ก็ไม่ได้เยอะมา
"ท่านอ๋อง ข้าต้องการยาเล็กน้อย อีกทั้งเหล้ากาหนึ่ง" กู้หรูชิวกล่าวจวินเย่เสวียนโบกมือหนึ่งที ความจริงเยียนเป่ยไม่ยินยอม แต่สุดท้ายเขาก็ไปเตรียมของมาให้กู้หรูชิวอย่างรวดเร็วกู้หรูชิวเดินไปอยู่ตรงหน้าของหลานโจว พูดอย่างอ่อนโยนว่า "คุณชายท่านนี้ ขออภัยด้วย"ที่ขมับของหลานโจวมีเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นมาเยี่ยนอีกำมือแน่น แต่ก็ได้แต่ยืนอยู่ข้างๆ ไม่ได้พูดอะไรเยียนเป่ยร้อนใจ "ท่านอ๋อง หลานโจวติดตามข้างกายท่านมาสิบกว่า สิบกว่าปี เขา..."จวินเย่เสวียนไม่ได้พูดอะไร ได้แต่มองด้วยสายตาเย็นชากู้หรูชิวบดยาหลายชนิดให้กลายเป็นผงแล้วใส่ลงไปในเหล้าหลานโจวรู้ว่านั่นเป็นยาที่ทำให้เขาขาดสติ โดยส่วนมากไว้ใช้สำหรับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ เพื่อลดความเจ็บปวดของร่างกายเขาไม่รู้เลยว่ายาพวกนี้เมื่อเอามาผสมกับเหล้าแรงจะสามารถดึงวิญญาณของคนๆ หนึ่งได้แต่เมื่อทั้งสองชนิดผสมเข้าด้วยกัน ก็สามารถทำให้คนๆ หนึ่งมีสติเลือนลาน ช้าเชือนได้จริงๆ!เมื่อเห็นว่ากู้หรูชิวผสมยากับเหล้าเข้ากันดีแล้ว เดินถือมาอยู่ตรงหน้าของตัวเอง หลานโจวก็ได้สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดอย่างสงบว่า "ท่านอ๋อง เป็นกระหม่อมที่เอายาพิษรุนแรง
ไม่รอให้หลานโจวได้เอ่ยปาก หมอคนนั้นก็พูดขึ้นว่า "จะไม่มีปัญหาได้อย่างไร? ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นดื่มยาพิษอะไรเข้าไป ซึ่งเป็นการทำร้ายเด็กในท้องตั้งนานแล้ว"เมื่อหมอคิดไปถึงสีหน้าของผู้หญิงคนนั้นในตอนนั้น ก็อดที่จะสงสารไม่ได้"ผู้หญิงคนนั้นจะต้องรักลูกในท้องของนางมากแน่ ข้าน้อยแนะนำให้นางรีบตัดสินใจ อะ เอาเด็กออก..."เมื่อรับรู้ได้ถึงสายตาของเสวียนอ๋อง ที่จู่ๆ ก็เย็นเยียบขึ้นมา หมอคนนั้นก็หวาดกลัวจนตัวสั่น ฉับพลันไม่รู้ว่าควรจะพูดต่อไปหรือไม่แต่ก็เป็นจวินเย่เสวียนที่พูดออกมาประโยคหนึ่งอย่างเย็นชา "พูดต่อ!"หมอคนนั้นถึงได้พูดต่อไปอย่างกลัวๆ กล้าๆ "ข้าน้อยคิดเพื่อร่างกายของผู้หญิงคนนั้นเองถึงได้แนะนำให้ดื่มยาขับเลือด แต่ผู้หญิงคนนั้นไม่ยินยอม ข้าน้อยรู้ว่านางยังแอบมีความหวังอยู่"สายตาของจวินเย่เสวียนมองไปยังร่างของหลานโจวหลานโจวรู้สึกสิ้นหวังมากเขารู้อยู่แล้วว่าสักวัน วันนี้ก็จะต้องมาถึงแต่แค่คิดไม่ถึงว่ามันจะมาเร็วขนาดนี้"มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?" ในที่สุดเยียนเป่ยก็ทนไม่ไหวเขาเชื่อใจหลานโจวขนาดนั้น แต่ทำไมตอนนี้ หลานโจว...ดูเหมือนว่าหลานโจวกำลังปกปิดอะไรไว้อยู่จริงๆ
"เสวียนเออร์ เจ้า...เจ้าพูดเรื่องเหลวไหลอะไร? ข้าจะไปทำอะไรนางได้? นางอยู่ในการคุ้มครองของเจ้าตลอดเวลานะ!"พระสนมหรงรู้สึกละอายใจ แต่ก็พยายามรักษาจิตใจให้สงบนิ่งนางปล่อยมือที่จับชายเสื้อของจวินเย่เสวียนเอาไว้ แล้วก้าวถอยหลังไปสองก้าวเริ่มรู้สึกหวาดกลัวลูกชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ขึ้นมาอย่างประหลาด"เสวียนเออร์ เจ้าลืมความเจ็บปวดของเจ้าได้เร็วขนาดนี้เชียวเหรอ? นางเป็นคนฆ่า...ของเจ้าเองกับมือเพื่อช่วยหลีเออร์นะ...""ลูก" คำนี้พระสนมหรงไม่กล้าที่จะพูดมันออกไปรอบข้างมีทั้งขันทีและนางกำนัลมากมายแต่นางรู้ดีว่าลูกชายของนางเข้าใจจริงดังนั้น ประโยคนี้ทำให้จวินเย่เสวียนกำหมัดแน่นทีเดียวเขาไม่อาจทำใจยอมรับเรื่องนี้ได้!โชคดีที่หลังจากกลับมา นางได้พบกับมู่อันหนิงแล้ว และได้คุยกับเรื่องคำที่จะพูดแล้วมู่อันหนิงช่างรู้งานจริงๆ!หากว่าไม่มีมู่อันหนิง พระสนมหรงเองคนเดียวคงไม่อาจจัดการเรื่องให้ดีได้เช่นนี้"เสวียนเออร์ แม่ก็แค่สงสารเจ้า หรือว่าเจ้าไม่คิดแค้นนาง...""นางช่วยลูกชายสุดที่รักของท่านไว้ แต่ท่านกลับ แค้นนาง?"จวินเย่เสวียนหรี่ตาลง ฉับพลันก็เดินขึ้นไปข้างหน้าพระสนมหรงตกใจจ
"เจ้า..."พระสนมหรงคิดไม่ถึงเลยว่ากู้อวิ๋นซีจะกล้ายอมรับออกมาจริงๆ!นางทำไปเพื่อแก้แค้นนางจริงๆ!แถมนางยังคิดจะให้ลูกชายทั้งสองคนของนางกลายเป็นศัตรู ฆ่ากันเอง!พระสนมหรงโมโหจนตัวสั่น แต่กู้อวิ๋นซีกลับใช้ดวงตาคู่โตชุ่มชื้นนั้นมองมาที่นางด้วยสายตาที่ไร้เดียงสาอย่างเดิมรอยยิ้มที่มุมปากเหมือนจะอ่อนโยน แต่คำพูดที่ออกมากลับเย็นชาสุดขีด"เสด็จแม่ ข้าเกือบจะถูกท่านฆ่าตายแล้ว หากว่าข้าไม่ทำให้ลูกชายทั้งสองของท่านตายไปบ้าง ข้าจะทำใจเรื่องความแค้นนี้ได้อย่างไร?""นังแพศยา เจ้ากล้า!"พระสนมหรงโมโหจนเสียสติ ยกมือขึ้นมาอย่างเร็ว และกำลังจะตบลงไปบนหน้าของกู้อวิ๋นซีอย่างแรงที่น่าแปลกก็คือ การต้องเผชิญกับฝ่ามือของตัวเอง กู้อวิ๋นซีไม่เพียงไม่คิดหลบ แต่ยังกลับยิ้มออกมาอย่างสะใจพระสนมหรงตกใจ จู่ๆ ก็เข้าใจได้ทันทีว่าตัวเองโดนหลอกแล้ว!แต่แรงตบที่นางอ้างออกไปมันไม่สามารถเก็บกลับได้ทันแล้ว ฝ่ามือนี้ในที่สุดก็จบลงไปบนหน้าของกู้อวิ๋นซีอย่างแรงเพราะว่าแรงมาก กู้อวิ๋นซีถึงได้ล้มลงไปนั่งกองอยู่บนพื้นทันทีตาลายไปหมด ลุกขึ้นมาไม่ได้เลย"ซีเออร์!" เงาของสองร่างปรากฎออกมาในทันทีตอนที่จวินฉู่หลีช่
ความจริงแล้วพระสนมหรงไม่เคยคิดเลยว่าหลังจากที่กลับมาจะยังเจอหน้าผู้หญิงคนนี้อีกตอนนั้นที่นางจากมา กู้อวิ๋นซีนอนคว่ำหน้าอยู่ข้างเตียง ปากก็กระอักเลือดสีดำ ลมหายใจรวยรินถึงแม้นางจะมีความสงสารอยู่บ้าง แต่เมื่อคิดถึงว่าลูกชายของตัวเองทังสองคนจะต้องผิดใจกันเพราะผู้หญิงคนนี้ นางก็ใจแข็งได้อีกครั้งวันนั้นที่ออกคำสั่งไม่ให้มีใครมา จริงๆ แล้วไม่ใช่ความปรารถนาของมู่อันหนิงแค่คนเดียวแต่เป็นความอนุญาตกลายๆ ของพระสนมหรงอีกด้วยเพียงแค่มู่อันหนิงนับว่ายังดีอยู่บ้างที่รับจบเรื่องนี้เอาไว้เอง ไม่ได้ทำให้ลูกชายทั้งสองของนางเกลียดนางด้วยเรื่องนี้ ทำให้ท่าทีที่พระสนมหรงมีต่อมู่อันหนิงก็ยิ่งดีขึ้นอีกเดิมคิดว่าหลังจากสามเดือนผ่านไป ตอนที่กลับมากู้อวิ๋นซีก็คงจะตายไปนานแล้ว และด้วยระยะเวลาที่ยาวนานนี้ ลูกชายทั้งสองของนางก็คงทำใจเรื่องผู้หญิงคนนี้ไปได้แล้วถึงตอนนั้น หลีเออร์ก็จะมีชีวิตใหม่ ส่วนเสวียนเออร์ นางเองก็ชอบมู่อันหนิงถ้าจะให้มู่อันหนิงมาเป็นพระชายาของเสวียนอ๋อง นางก็พอใจอย่างมากสรุปก็คือมันจะต้องเป็นการจบเรื่องที่สมบูรณ์แบบแต่นางคิดไม่ถึงเลยว่ากู้อวิ๋นซีไม่เพียงไม่ตาย แต่ยังกล้าท
สองวันต่อจากนั้น กู้อวิ๋นซีก็พักอยู่ที่ตำหนักของไทเฮาตลอดสองวันนี้จวินฉู่หลียุ่งมากด้านหนึ่งก็ยุ่งเรื่องการก่อสร้างจวนหลีอ๋อง อีกด้านหนึ่งก็ยุ่งเรื่องการย้ายไปประจำการที่เมืองฝานกู้อวิ๋นซีได้พักผ่อนอยู่สองวัน พอถึงเช้าตรู่วันที่สาม ในที่สุดก็ได้รับข่าวดี"คนในจวนแม่ทัพออกนอกเมืองไปแล้วเหรอ?"ข่าวนี้ทำให้นางอารมณ์ดีอย่างบอกไม่ถูกไปทั้งวัน"เจ้ากังวลว่าเสวียนอ๋องจะมาขัดขวางเหรอ?" ขนาดมู่เฟยหย่ายังดูออกเลยว่านางเบาใจไปมากกู้อวิ๋นซีไม่ได้ตอบคำถามนี้ความคิดของจวินเย่เสวียน ใครจะเดาออกกัน?สามวันก่อนหน้านี้เขาถูกนางทำให้โกรธจนกลับออกไป เสวียนอ๋องเป็นคนอารมณ์แปรปรวณ อีกทั้งยังรู้ว่านางตั้งใจจะให้คนในจวนแม่ทัพออกห่างจากความวุ่นวายนี้ดังนั้นการที่เขาจะขวางก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร"เรื่องนี้ข้าได้ปรึกษากับอาหลีแล้ว อาหลีเองก็เคยคิดวิธีรับมือ หากว่าเสวียนอ๋องตั้งใจจะขวาง อาหลีก็จะทำตามที่ข้าบอก"การที่จวินเย่เสวียนเก็บตัวเงียบแบบนี้ เป็นเรื่องที่เหนือการคาดหมายไปเหมือนกัน"วันนี้เจ้าช่วยข้าออกไปตามหาคุณชายมู่อีกครั้งเถอะ" จู่ๆ กู้อวิ๋นซีก็พูดขึ้นมา"หามาตั้งหลายวันแล้วยังไม่ได้ข
"อื้อ!"หมอนใบหนึ่งกระเด็นมาโดนที่หัวของมู่เฟยหย่าพอดิบพอดีมู่เฟยหย่าจึงทำได้เพียงแค่ต้องเงียบปากไปเท่านั้นแต่ในหัวสมองของนางยังคงมีภาพแผ่นหลังที่โดดเดี่ยวอ้างว้าง ราวกับถูกคนทั้งโลกละทิ้งของจวินเย่เสวียนตอนเดินจากไปวนเวียนอยู่ไม่หายนางรู้สึกปวดใจจริงๆ นะ!ก็ไม่รู้ว่าทำไมกู้อวิ๋นซีถึงใจร้ายได้แบบนี้กู้อวิ๋นซีในตอนนี้ นิ่งสงบราวกับผิวน้ำที่ไร้คลื่นความเจ็บปวดของเขา มันเทียบไม่ได้กับความเจ็บปวดของนางแม้เพียงสักหนึ่งส่วน มีอะไรให้น่าสงสารกัน?อีกอย่าง ต่อไปเสวียนอ๋องก็มีโอกาสอีกกว้างไกลในอนาคตแต่ตัวนางกับคนในจวนแม่ทัพกลับต้องตกอยู่ในสภาพที่ลำบากแค่สถานการณ์ของตัวนางเองในตอนนี้ก็ไม่มีสิทธิที่จะไปสงสารคนอื่นแล้ว"เอาล่ะ ข้าไม่พูดแล้ว แต่ว่า เจ้าไม่ใช่ต้องการจะแก้แค้นเหรอ? เหตุใดเจ้าถึงไม่ใช้เสวียนอ๋องกับหลีอ๋องมาต่อกรกับพระสนมหรงโดยตรงล่ะ?"ตอนนี้เป็นไง ทำให้เสวียนอ๋องโกรธจนจากไปแล้ว ต่อไปไม่ใช่ว่าจะมีศัตรูที่แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอีกคนอย่างนั้นเหรอ?กู้อวิ๋นซีได้แต่มองนางอย่างนิ่งสงบ "แล้วถ้าหากว่าเป็นเจ้า เจ้าจะทำอย่างไร?"มู่เฟยหย่าคิดสักพัก ก่อนจะขยับเข้ามาใกล้นางแล้วพู
"ข้าชอบอาหลีหรือไม่ ข้าไม่รู้ แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ข้ารู้ได้ชัดเจน"กู้อวิ๋นซีเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา อย่างน้อย ครั้งนี้ก็เต็มไปด้วยความจริงใจ"จวินเย่เสวียน ข้าไม่รักท่านแล้ว""เจ้าคิดว่าข้าจะสนหรือยังไง?" น้ำเสียงของจวินเย่เสวียนที่พูดออกมาแทบจะแค้นมันออกมาจากซอกฟันอยู่แล้วถ้าเป็นในเวลาปกติ กู้อวิ๋นซีจะต้องกลัวแน่แต่ตอนนี้ ไม่รู้ทำไม จู่ๆ นางก็รู้สึกไม่กลัวแล้วจริงๆ"ทางที่ดีท่านอ๋องพูดแล้วก็ทำให้ได้ด้วย ไม่สน ต่อไปก็อย่ามารบกวนชีวิตของพวกเราสองสามีภรรยา"ใบหน้าเขาเรียบเฉย ดูแล้วจิตใจสงบนิ่งราวผิวน้ำแต่มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่าคำพูดของกู้อวิ๋นซี เป็นเหมือนมีดเล่มหนึ่งที่ปักเข้าไปในหัวใจเขาอย่างจังลึกและแรงมาก!ประกายแสงเพียงน้อยนิดในดวงตาของเขา หายไปหมดแล้ว"กู้อวิ๋นซี เจ้าอย่าเสียใจทีหลังล่ะ!"...ในที่สุดเขาก็ไปแล้วกู้อวิ๋นซีนั่งลงไปบนพื้นอย่างอ่อนแรง หมดอาลัยตายอยากด้านนอกมีคนวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อนนางจับขอบเตียงเอาไว้เพื่อพยุงตัวเองขึ้นมาอย่างช้าๆเพิ่งจะลุกขึ้นมาได้ ก็เห็นจวินฉู่หลีที่วิ่งเข้ามาในห้องโถงด้วยสีหน้าที่ร้อนรน"ท่านพี่สี่เขา...""ไปแล้ว" กู้
การปรากฎตัวขึ้นของจวินเย่เสวียนเป็นอะไรที่กู้อวิ๋นซีคิดไม่ถึงมาก่อนตอนที่เห็นเงาร่างของเขาเดินเข้ามา นางก็รีบลุกขึ้นยืนอย่างตกใจ ก่อนจะถอยหลังไปหลายก้าวโดยสัญชาตญาณ"เจ้าคิดเหรอว่ามาหลบอยู่ที่ตำหนักของเสด็จย่าแล้วจะสามารถหลบข้าพ้น?"สายตาเย็นเยียบของจวินเย่เสวียนจับจ้องไปที่ร่างกายของนางตรงๆ"ให้คนของจวนแม่ทัพย้ายไปที่เมืองฝาน เพื่อจะได้รอดพ้นจากขอบเขตอำนาจของข้าก็คิดว่าจะสามารถไปไหนก็ได้แล้วอย่างนั้นเหรอ?""ก็แค่พวกมดแมลงตัวเล็กๆ ที่ต้องการรักษาชีวิตเท่านั้น ท่านอ๋อง ท่านต้องการปกป้องครอบครัวของท่าน ข้าก็ต้องการให้ครอบครัวของข้าได้มีชีวิตต่อไป เหตุใดท่านอ๋องถึงไม่ยอมปล่อยพวกเขาไปล่ะ?"กู้อวิ๋นซียังคงเดินถอยหลังอยู่ ไม่ทันระวังก็เลยเดินถอยไปจนถึงเตียงนอน จนไม่อาจถอยหลังได้อีก"ท่านอ๋อง คนที่ท่านแค้นคือข้า ไม่เกี่ยวกับพวกเขา ท่านอ๋องจะสามารถปล่อยให้พวกเขาได้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้หรือไม่?"ถึงแม้ฝีเท้าของจวินเย่เสวียนจะดูเอื่อยเฉื่อย แต่เพียงไม่นานเขาก็เดินมาอยู่ตรงหน้าของนางแล้ว"ดังนั้น ทั้งๆ ที่เมื่อคืนเจ้ายังพูดว่าต้องการผู้ชายที่แข็งแกร่งยิ่งใหญ่แบบข้าในอ้อมแขนของข้า แต่คืนนี