อันเซี่ยรู้สึกสิ้นหวังมากต้องโทษที่นางไม่ยอมเชื่อฟังคำพูดของคุณหนู!นางไม่กลัวที่จะต้องตาย แต่กลัวว่าหากคุณหนูเห็นสภาพศพที่ถูกแยกชิ้นส่วนของนางจะเสียใจจนสิ้นหวังขออภัยนะเจ้าคะคุณหนู ข้าไม่สามารถรับใช้ท่านได้อีกแล้วนางหลับตาลง เมื่อต้องเผชิญหน้ากับกระบี่ยาวของมู่อันหนิง นางไม่ได้หลบ แต่กลับรวบรวมความกล้าชนยืดอกของตัวเองออกไปรับทันทีถึงอย่างไรก็ต้องตาย นางจะไม่ยอมโดนดูถูกเด็ดขาด!เดิมคิดว่าจะต้องตายแน่นอนคิดไม่ถึงว่ากลับได้ยินเพียงเสียงเคร้งคล้ายกับเสียงกระบี่ยาวสองเล่มกระทบกันความเจ็บปวดที่คาดการณ์เอาไว้ ไม่ได้เกิดขึ้นกับร่างกายของนางมีคนมาช่วยนางแล้ว!เป็นคนของเสวียนอ๋องอย่างนั้นเหรอ?อันเซี่ยดีใจสุดขีด รีบลืมตาขึ้นในทันทีกลับคิดไม่ถึงว่าเงาร่างด้านหน้าที่ปรากฎสู่สายตาจะเป็นของกู้อวิ๋นซี"คุณหนู!" อันเซี่ยพยายามอดกลั้นความเจ็บปวด ยืนขึ้นมาอย่างยากลำบาก จากนั้นก็เดินทุลักทุเลมาอยู่ข้างกายของกู้อวิ๋นซี"คุณหนู ระวังผู้หญิงสารเลวคนนี้นะเจ้าคะ! อาวุธลับของนาง...อาวุธลับมีพิษ!"อยากจะปกป้องให้กู้อวิ๋นซีไปยืนอยู่ด้านหลังตัวเอง แต่คิดไม่ถึงว่า ยังไม่ทันจะเดินขึ้นไปก็ถ
เมื่อเหล่าทหารองครักษ์ได้ยินดังนั้นก็รู้สึกตกใจในทันใดเมื่อมองใบหน้าที่จริงจังของกู้อวิ๋นซี แต่ละคนก็พลันรู้สึกอับอายขึ้นมาในฉับพลันท่านอ๋องสองคน คนหนึ่งออกนอกเมืองไป ส่วนอีกคนก็ป่วยหนักไม่สบาย ขนาดเยียนเป่ยกับเยี่ยนอียังไม่มีคำสั่งใดๆเหตุใดพวกเขาถึงได้เชื่อฟังคำสั่งของมู่อันหนิงลงมือรังแกพระชายาของจวนอ๋องตัวเองได้?"แต่...แต่นางบอกว่า...ท่านทำร้ายทายาทของราชวงศ์..." ไม่รู้ว่าทหารองครักษ์คนไหน ก้มหน้าพูดออกมาด้วยเสียงอันแผ่วเบาในใจของทุกคนเองก็มีความสงสัยนี้ก่อนหน้านี้ที่หอหนิงซีเคยเกิดเรื่องขึ้นจริงๆ ได้ยินว่าเสวียนอ๋องเปิดป่วยหนักขึ้นที่หอหนิงซีดังนั้น เมื่อมีคนบอกว่าท่านอ๋องกักบริเวณกู้อวิ๋นซี ทุกคนก็เลยพากันเชื่อความจริง ท่านอ๋องอีกทั้งคนที่อยู่ข้างกายท่านอ๋อง ก็ไม่มีใครเคยพูดอะไรเลยจริงๆ"พวกเจ้าอย่าได้ไปฟังนางพูดจาเหลวไหล!"มู่อันหนิงจ้องหน้าพวกเขาอย่างโมโห แล้วพูดว่า "นางทำให้ท่านอ๋องของพวกเจ้าต้องหมดสติไม่ยอมฟื้น พวกเจ้ายังจะเชื่อฟังที่นางพูดอีกเหรอ?"เหล่าทหารองครักษ์ยังคงลังเลอยู่อย่างนั้นการที่ท่านอ๋องหมดสติไม่ยอมฟื้นย่อมต้องเกี่ยวกับพระชายาหลีอ๋องอยู่แล้
อันเซี่ยเองก็พบความจริงข้อนี้แล้ว รีบดึงตัวกู้อวิ๋นซีในทันที "คุณหนู นาง...นางซ่อนไว้ซะมิดเลย"พวกทหารองครักษ์คงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมู่อันหนิงแน่!เป็นเช่นนี้ต่อไป คุณหนูคงจะต้องตายด้วยน้ำมือของมู่อันหนิงแน่ทหารองครักษ์สิบกว่านายเองก็ตกใจจนอ้าปากค้าคิดไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนี้จะมีวรยุทธ์สูงส่งเพียงนี้!เมื่อก่อนนางปกปิดเอาไว้ ทุกคนจึงไม่มีใครดูออก!"พระชายา รีบไปหาเยี่ยนอีเถอะ!" ในจวนอ๋องของพวกเขา เกรงว่าขนาดเยียนเป่ยเองก็คงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมู่อันหนิงเลยมีก็แต่ยอดฝีมืออันดับหนึ่งข้างกายของเสวียนอ๋อง เยี่ยนอี ถึงจะต่อกรกับผู้หญิงคนนี้ได้!เดิมทีสิบกว่าคนนี้ไม่ได้มีความรู้สึกอยากจะปกป้องกู้อวิ๋นซีสักเท่าไร แต่ตอนนี้เมื่อได้เห็นวรยุทธ์ที่กู้อวิ๋นซีปกปิดเอาไว้ แต่ละคนก็พากับเลือดร้อนขึ้นมาในทันใดจะไม่มีทางยอมให้ผู้หญิงคนนี้ทำอันตรายพระชายาของพวกเขาได้แน่!"พระชายา รีบไป! ไปหอชมจันทร์ หาเยี่ยนอี เร็ว!"มีหลายคนถือกระบี่วิ่งเข้าไปทางมู่อันหนิงกู้อวิ๋นซีรีบคว้าแขนของอันเซี่ยแล้วหมุนตัววิ่งออกไปทันที "อันเซี่ย เร็ว!"อันเซี่ยกัดฟัน พยายามให้ความร่วมมืออย่างสุดความสามารถแต่นางเดิ
ในตอนที่มู่อันหนิงยังไม่ทันที่จะได้ตอบสนองอะไร กู้อวิ๋นซีก็สะบัดมือส่งเข็มเงินสามเล่มไปทางตำแหน่งหัวใจของมู่อันหนิง"เจ้า..." มู่อันหนิงไม่คาดคิดเรื่องนี้มาก่อนว่านางจะกล้าใช้วิธียอมตายเพื่อทำร้ายตัวเองได้เช่นนี้!มู่อันหนิงตกใจจนรีบชักกระบี่ยาวกลับโดยสัญชาติญาณ เซถอยหลังไป พยายามหลบเข็มเงินสามเล่มนั้นคิดไม่ถึงว่าจะมีอีกสามเล่มส่งมาตรงหน้านางนังผู้หญิงแพศยา!เคร้งๆ ๆ มู่อันหนิงกับเข็มเงินทั้งสามเล่มเอาไว้ได้!กำลังจะลงมือกับกู้อวิ๋นซี แต่นางคิดไม่ถึงเลยว่ากู้อวิ๋นซีจะไม่สนใจสิ่งใด อาศัยจังหวะที่นางหลบเข็มเงิน มาอยู่ตรงหน้าของนางได้จากนั้นก็ใช้หัวกระแทกเข้าที่ตัวของนาง"อื้อออ" มู่อันหนิงถูกชนจนล้มลงไปกับพื้น ที่ตำแหน่งหัวใจถูกเข็มเงินเล่มหนึ่งปักไว้อยู่รู้สึกเจ็บปวดที่หัวใจอย่างมาก มู่อันหนิงอ้าปากกระอักเลือดออกมาฝ่ามือของนางตบไปที่ไหล่ของกู้อวิ๋นซี ออกแรงผลักกู้อวิ๋นซีออกไป จากนั้นก็ใช้สายตาที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้นมองไปที่ใบหน้าของกู้อวิ๋นซี"นังแพศยา เจ้ากล้าทำร้ายข้า! ข้าจะฆ่าเจ้าซะ!"สะบัดกระบี่ยาวหนึ่งที ครั้งนี้ไม่มีการลังเลใดๆ ออกแรงแทงไปที่ใบหน้าของกู้อวิ๋น
"บังอาจ!" เมื่อมู่อันหนิงได้ฟังคำพูดของเยี่ยนอีก็โมโหจนต้องกัดฟันกรอด "เจ้าบังอาจใช้ท่าทางเช่นนี้ในการพูดกับข้าอย่างนั้นเหรอ!"เยี่ยนอีไม่ชอบพูดมากมาแต่ไหนแต่ไร ชิ้ง เขาชักกระบี่เล่มยาวที่เหน็บเอวเอาไว้ออกมาชี้ปลายกระบี่ไปที่มู่อันหนิงมู่อันหนิงแทบจะถูกเขาทำให้โมโหตายแล้ว นี่เขาเอาจริงเหรอเนี่ย!"ความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับเย่เสวียนดีขนาดไหน พวกเจ้าไม่รู้หรือยังไง? ก่อนที่พระสนมหรงจะจากไป ก็พูดเองว่าให้ข้าดูแลเรื่องเล็กใหญ่ภายในจวน ข้า..."เยี่ยนอีเดินเข้ามาหานางมู่อันหนิงกุมไปที่ตำแหน่งหัวใจที่ถูกเข็มเงินของกู้อวิ๋นซีแทงจนได้รับบาดเจ็บ ถูกพลังปราณของเยี่ยนอี กดดันจนต้องถอยหลังไปสองก้าว!ไอ้คนสารเลว กล้าช่วยกู้อวิ๋นซีมารังแกนาง!แต่เมื่อครู่นางถูกกู้อวิ๋นซีทำให้ได้รับบาดเจ็บ ตอนนี้ยังไม่สามารถรวบรวมพลับปราณกลับคืนมาได้การสู้กับเยี่ยนอีด้วยร่างกายที่แข็งแรง ตัวนางก็ยังไม่มั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะเขาได้ แล้วยิ่งตอนนี้ได้รับบาดเจ็บด้วยอีก!คนฉลาดมักต้องรู้จักประเมิณสถานการณ์!"เจ้ารอก่อนเถอะ! รอให้เย่เสวียนฟื้นขึ้นมาก่อน ข้าจะให้เขาจัดการเจ้าแน่!"มู่อันหนิงทิ้งกระบี่ยาวลงอย่า
"เจ้าพูดเหลวไหลอะไร?" เยี่ยนอีสีหน้าเคร่งขรึม เขาโกรธแล้ว!"ต่อให้พวกเจ้าจะทำร้ายท่านอ๋อง แต่คนข้างกายของท่านอ๋องเคยไปรังแกพวกเจ้าเมื่อไรกัน?"เยี่ยนอีพูดไปก็รู้สึกแย่ในใจไป!ก็เพราะว่าท่านอ๋องทั้งสองต่างพากันให้ความสำคัญกับกู้อวิ๋นซีขนาดนี้ พวกเขาถึงไม่กล้าทำอะไรเลย!ไม่เช่นนั้น ถ้าเป็นคนอื่น กล้าทำร้ายท่านอ๋องขนาดนี้ คงจะโดนฆ่าไปตั้งนานแล้ว!ในเวลานี้ สองนายบ่าวนี่ยังจะกล้าพูดจาใส่ร้ายกันอีก!"ข้าไม่ได้พูดเหลวไหลนะ"ในใจของอันเซี่ยเองก็โกรธ แต่นางรู้สึกน้อยใจ "ใต้เท้าเยี่ยนอี ข้ากับคุณหนูถูกขังอยู่ในหอหนิงซีมาโดยตลอด คุณหนูถูกวางยา แท้งลูก ไม่มีหมอ ไม่มียา เกือบจะตายไปอยู่แล้ว""นี่ก็ช่างเถอะ พวกท่านยังไม่ให้อาหารเลยแม้แต่นิดเดียว แถมไม่ให้พวกข้าออกไปข้างนอก นี่ไม่ใช่จงใจจะขังพวกข้าให้ตายอยู่ข้างในเหรอ?""ไม่มีเรื่องแบบนี้!" เยี่ยนอีจ้องนางเขม็งอันเซี่ยเองก็กำลังจ้องเขาเช่นกัน "มีหรือไม่ ใต้เท้าเยี่ยนอีไปสืบเองก็รู้แล้ว มันยากแค่ไหนเชียว?""เรื่องที่ผ่านไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องคิดเล็กคิดน้อย ตอนนี้ข้าแค่เพียงอยากทำการค้ากับพวกเจ้าเท่านั้น"กู้อวิ๋นซีมองไปที่อันเซี่ยทีหนึ่ง อ
เยี่ยนอีกับเยียนเป่ยต่างพากันก็อึ้งไปถึงแม้ปากของเยียนเป่ยจะพูดว่ารังเกียจ แต่ความจริง ตอนที่ได้เห็นกู้อวิ๋นซีเดินเข้ามา เขาก็รู้สึกรอคอยอย่างประหลาดเพียงแต่กลัวว่าหลานโจวจะไม่ยอมรับแต่คิดไม่ถึงเลยว่าหลานโจวจะพูดมันออกมาเอง ขอให้พระชายาช่วยรักษาท่านอ๋องด้วยท่าทีที่จริงใจที่สุดเยี่ยนอีไม่ได้พูดอะไร เยียนเป่ยเองก็รีบเงียบปากในทันใดเกลียดกู้อวิ๋นซีเป็นเรื่องจริง แต่ก็เชื่อในการรักษาของนางอย่างแท้จริงเช่นกันกู้อวิ๋นซีไม่ได้มองหลานโจว นางเดินตรงไปนั่งลงที่ข้างเตียง ยกมือของจวินเย่เสวียนขึ้นมาจับชีพจรเพียงแต่ คิ้วของนางก็ค่อยๆ ขมวดเข้าหากันเยียนเป่ยรีบถามอย่างร้อนใจ "ท่านอ๋องเป็นอย่างไรบ้าง?"เยี่ยนอีเองก็ขยับเข้าไปใกล้ ถึงจะไม่ได้พูดออกไป แต่สายตาก็จับจ้องไปที่กู้อวิ๋นซี ไม่พลาดสีหน้าของนางเลยแม้แต่น้อยแน่นอนว่าหลานโจวก็ไม่กล้าพูดอะไร แต่ในเวลานี้ไม่สนใจเรื่องอื่นแล้ว เพียงมองดูกู้อวิ๋นซีอย่างจดจ่อกู้อวิ๋นซีขมวดคิ้วเเน่นยิ่งขึ้นผ่านไปสักพักนางถึงได้พูดออกมา "อาการบาดเจ็บภายในของเขา...หายดีตั้งนานแล้ว"ร่างกายของจวินเย่เสวียนพิเศษกว่าคนทั่วไป ร่างกายที่ผ่านการทำศึกส
สุดท้ายเยี่ยนอีก็ยอมแต่ก็เพียงแค่ให้กู้อวิ๋นซีอยู่ในห้อง ส่วนเขาเฝ้าอยู่นอกประตู ไม่ยอมห่างไปไหนแม้เพียงครึ่งก้าวส่วนเยียนเป่ย กู้อวิ๋นซีไหว้วานให้เขาช่วยงานสักหน่อยถึงแม้จะไม่เต็มใจเพียงใด แต่สุดท้ายก็ยอมไปทำให้หลานโจวเป็นคนสุดท้ายที่เดินออกไปกู้อวิ๋นซีจงใจเหลือเขาไว้แต่หลานโจวกลับชิงพูดขึ้นก่อนที่กู้อวิ๋นซีจะได้พูดอะไร "พระชายาหลีอ๋อง ข้ารู้ว่าท่านอยากจะพูดอะไร แต่คำตอบของข้าก็ไม่เปลี่ยนแปลง ดังนั้น พระชายาไม่จำเป็นต้องถามแล้ว"แต่กู้อวิ๋นซีกลับเพียงมองเขาเฉยๆ ไม่พูดอะไรสายตาที่เรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์ราวกับผิวน้ำที่เรียบสนิท ทำให้หลานโจวยิ่งก้มหน้าต่ำลงไปอีกยังคงไม่ยอมสบสายตากับนางตรงๆ"ข้ารู้ว่าเจ้าคิดอะไร ข้าเพียงอยากถามสักประโยค ทุกคืนหมอหลานหลับสนิทดีหรือ?""พระชายา กระหม่อมไม่ได้ทำสิ่งใดผิด ย่อมต้องหลับสนิทอยู่แล้วเป็นธรรมดา" หลานโจวพูดอย่างเย็นชาแต่กู้อวิ๋นซีกลับยกริมฝีปากบางขึ้น แล้วพูดอย่างยิ้มๆ ว่า "ในเมื่อสามารถนอนหลับสนิท เหตุใดข้าเข้ามาตั้งนาน หมอหลานถึงไม่กล้าสบตากับข้าเลยสักครั้งล่ะ?""ข้าไม่รู้ว่าท่านกำลังพูดอะไร" หลานโจวลุกขึ้นยืน ย่อตัวทำความเคารพ
"ท่านอ๋อง ข้าต้องการยาเล็กน้อย อีกทั้งเหล้ากาหนึ่ง" กู้หรูชิวกล่าวจวินเย่เสวียนโบกมือหนึ่งที ความจริงเยียนเป่ยไม่ยินยอม แต่สุดท้ายเขาก็ไปเตรียมของมาให้กู้หรูชิวอย่างรวดเร็วกู้หรูชิวเดินไปอยู่ตรงหน้าของหลานโจว พูดอย่างอ่อนโยนว่า "คุณชายท่านนี้ ขออภัยด้วย"ที่ขมับของหลานโจวมีเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นมาเยี่ยนอีกำมือแน่น แต่ก็ได้แต่ยืนอยู่ข้างๆ ไม่ได้พูดอะไรเยียนเป่ยร้อนใจ "ท่านอ๋อง หลานโจวติดตามข้างกายท่านมาสิบกว่า สิบกว่าปี เขา..."จวินเย่เสวียนไม่ได้พูดอะไร ได้แต่มองด้วยสายตาเย็นชากู้หรูชิวบดยาหลายชนิดให้กลายเป็นผงแล้วใส่ลงไปในเหล้าหลานโจวรู้ว่านั่นเป็นยาที่ทำให้เขาขาดสติ โดยส่วนมากไว้ใช้สำหรับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ เพื่อลดความเจ็บปวดของร่างกายเขาไม่รู้เลยว่ายาพวกนี้เมื่อเอามาผสมกับเหล้าแรงจะสามารถดึงวิญญาณของคนๆ หนึ่งได้แต่เมื่อทั้งสองชนิดผสมเข้าด้วยกัน ก็สามารถทำให้คนๆ หนึ่งมีสติเลือนลาน ช้าเชือนได้จริงๆ!เมื่อเห็นว่ากู้หรูชิวผสมยากับเหล้าเข้ากันดีแล้ว เดินถือมาอยู่ตรงหน้าของตัวเอง หลานโจวก็ได้สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดอย่างสงบว่า "ท่านอ๋อง เป็นกระหม่อมที่เอายาพิษรุนแรง
ไม่รอให้หลานโจวได้เอ่ยปาก หมอคนนั้นก็พูดขึ้นว่า "จะไม่มีปัญหาได้อย่างไร? ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นดื่มยาพิษอะไรเข้าไป ซึ่งเป็นการทำร้ายเด็กในท้องตั้งนานแล้ว"เมื่อหมอคิดไปถึงสีหน้าของผู้หญิงคนนั้นในตอนนั้น ก็อดที่จะสงสารไม่ได้"ผู้หญิงคนนั้นจะต้องรักลูกในท้องของนางมากแน่ ข้าน้อยแนะนำให้นางรีบตัดสินใจ อะ เอาเด็กออก..."เมื่อรับรู้ได้ถึงสายตาของเสวียนอ๋อง ที่จู่ๆ ก็เย็นเยียบขึ้นมา หมอคนนั้นก็หวาดกลัวจนตัวสั่น ฉับพลันไม่รู้ว่าควรจะพูดต่อไปหรือไม่แต่ก็เป็นจวินเย่เสวียนที่พูดออกมาประโยคหนึ่งอย่างเย็นชา "พูดต่อ!"หมอคนนั้นถึงได้พูดต่อไปอย่างกลัวๆ กล้าๆ "ข้าน้อยคิดเพื่อร่างกายของผู้หญิงคนนั้นเองถึงได้แนะนำให้ดื่มยาขับเลือด แต่ผู้หญิงคนนั้นไม่ยินยอม ข้าน้อยรู้ว่านางยังแอบมีความหวังอยู่"สายตาของจวินเย่เสวียนมองไปยังร่างของหลานโจวหลานโจวรู้สึกสิ้นหวังมากเขารู้อยู่แล้วว่าสักวัน วันนี้ก็จะต้องมาถึงแต่แค่คิดไม่ถึงว่ามันจะมาเร็วขนาดนี้"มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?" ในที่สุดเยียนเป่ยก็ทนไม่ไหวเขาเชื่อใจหลานโจวขนาดนั้น แต่ทำไมตอนนี้ หลานโจว...ดูเหมือนว่าหลานโจวกำลังปกปิดอะไรไว้อยู่จริงๆ
"เสวียนเออร์ เจ้า...เจ้าพูดเรื่องเหลวไหลอะไร? ข้าจะไปทำอะไรนางได้? นางอยู่ในการคุ้มครองของเจ้าตลอดเวลานะ!"พระสนมหรงรู้สึกละอายใจ แต่ก็พยายามรักษาจิตใจให้สงบนิ่งนางปล่อยมือที่จับชายเสื้อของจวินเย่เสวียนเอาไว้ แล้วก้าวถอยหลังไปสองก้าวเริ่มรู้สึกหวาดกลัวลูกชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ขึ้นมาอย่างประหลาด"เสวียนเออร์ เจ้าลืมความเจ็บปวดของเจ้าได้เร็วขนาดนี้เชียวเหรอ? นางเป็นคนฆ่า...ของเจ้าเองกับมือเพื่อช่วยหลีเออร์นะ...""ลูก" คำนี้พระสนมหรงไม่กล้าที่จะพูดมันออกไปรอบข้างมีทั้งขันทีและนางกำนัลมากมายแต่นางรู้ดีว่าลูกชายของนางเข้าใจจริงดังนั้น ประโยคนี้ทำให้จวินเย่เสวียนกำหมัดแน่นทีเดียวเขาไม่อาจทำใจยอมรับเรื่องนี้ได้!โชคดีที่หลังจากกลับมา นางได้พบกับมู่อันหนิงแล้ว และได้คุยกับเรื่องคำที่จะพูดแล้วมู่อันหนิงช่างรู้งานจริงๆ!หากว่าไม่มีมู่อันหนิง พระสนมหรงเองคนเดียวคงไม่อาจจัดการเรื่องให้ดีได้เช่นนี้"เสวียนเออร์ แม่ก็แค่สงสารเจ้า หรือว่าเจ้าไม่คิดแค้นนาง...""นางช่วยลูกชายสุดที่รักของท่านไว้ แต่ท่านกลับ แค้นนาง?"จวินเย่เสวียนหรี่ตาลง ฉับพลันก็เดินขึ้นไปข้างหน้าพระสนมหรงตกใจจ
"เจ้า..."พระสนมหรงคิดไม่ถึงเลยว่ากู้อวิ๋นซีจะกล้ายอมรับออกมาจริงๆ!นางทำไปเพื่อแก้แค้นนางจริงๆ!แถมนางยังคิดจะให้ลูกชายทั้งสองคนของนางกลายเป็นศัตรู ฆ่ากันเอง!พระสนมหรงโมโหจนตัวสั่น แต่กู้อวิ๋นซีกลับใช้ดวงตาคู่โตชุ่มชื้นนั้นมองมาที่นางด้วยสายตาที่ไร้เดียงสาอย่างเดิมรอยยิ้มที่มุมปากเหมือนจะอ่อนโยน แต่คำพูดที่ออกมากลับเย็นชาสุดขีด"เสด็จแม่ ข้าเกือบจะถูกท่านฆ่าตายแล้ว หากว่าข้าไม่ทำให้ลูกชายทั้งสองของท่านตายไปบ้าง ข้าจะทำใจเรื่องความแค้นนี้ได้อย่างไร?""นังแพศยา เจ้ากล้า!"พระสนมหรงโมโหจนเสียสติ ยกมือขึ้นมาอย่างเร็ว และกำลังจะตบลงไปบนหน้าของกู้อวิ๋นซีอย่างแรงที่น่าแปลกก็คือ การต้องเผชิญกับฝ่ามือของตัวเอง กู้อวิ๋นซีไม่เพียงไม่คิดหลบ แต่ยังกลับยิ้มออกมาอย่างสะใจพระสนมหรงตกใจ จู่ๆ ก็เข้าใจได้ทันทีว่าตัวเองโดนหลอกแล้ว!แต่แรงตบที่นางอ้างออกไปมันไม่สามารถเก็บกลับได้ทันแล้ว ฝ่ามือนี้ในที่สุดก็จบลงไปบนหน้าของกู้อวิ๋นซีอย่างแรงเพราะว่าแรงมาก กู้อวิ๋นซีถึงได้ล้มลงไปนั่งกองอยู่บนพื้นทันทีตาลายไปหมด ลุกขึ้นมาไม่ได้เลย"ซีเออร์!" เงาของสองร่างปรากฎออกมาในทันทีตอนที่จวินฉู่หลีช่
ความจริงแล้วพระสนมหรงไม่เคยคิดเลยว่าหลังจากที่กลับมาจะยังเจอหน้าผู้หญิงคนนี้อีกตอนนั้นที่นางจากมา กู้อวิ๋นซีนอนคว่ำหน้าอยู่ข้างเตียง ปากก็กระอักเลือดสีดำ ลมหายใจรวยรินถึงแม้นางจะมีความสงสารอยู่บ้าง แต่เมื่อคิดถึงว่าลูกชายของตัวเองทังสองคนจะต้องผิดใจกันเพราะผู้หญิงคนนี้ นางก็ใจแข็งได้อีกครั้งวันนั้นที่ออกคำสั่งไม่ให้มีใครมา จริงๆ แล้วไม่ใช่ความปรารถนาของมู่อันหนิงแค่คนเดียวแต่เป็นความอนุญาตกลายๆ ของพระสนมหรงอีกด้วยเพียงแค่มู่อันหนิงนับว่ายังดีอยู่บ้างที่รับจบเรื่องนี้เอาไว้เอง ไม่ได้ทำให้ลูกชายทั้งสองของนางเกลียดนางด้วยเรื่องนี้ ทำให้ท่าทีที่พระสนมหรงมีต่อมู่อันหนิงก็ยิ่งดีขึ้นอีกเดิมคิดว่าหลังจากสามเดือนผ่านไป ตอนที่กลับมากู้อวิ๋นซีก็คงจะตายไปนานแล้ว และด้วยระยะเวลาที่ยาวนานนี้ ลูกชายทั้งสองของนางก็คงทำใจเรื่องผู้หญิงคนนี้ไปได้แล้วถึงตอนนั้น หลีเออร์ก็จะมีชีวิตใหม่ ส่วนเสวียนเออร์ นางเองก็ชอบมู่อันหนิงถ้าจะให้มู่อันหนิงมาเป็นพระชายาของเสวียนอ๋อง นางก็พอใจอย่างมากสรุปก็คือมันจะต้องเป็นการจบเรื่องที่สมบูรณ์แบบแต่นางคิดไม่ถึงเลยว่ากู้อวิ๋นซีไม่เพียงไม่ตาย แต่ยังกล้าท
สองวันต่อจากนั้น กู้อวิ๋นซีก็พักอยู่ที่ตำหนักของไทเฮาตลอดสองวันนี้จวินฉู่หลียุ่งมากด้านหนึ่งก็ยุ่งเรื่องการก่อสร้างจวนหลีอ๋อง อีกด้านหนึ่งก็ยุ่งเรื่องการย้ายไปประจำการที่เมืองฝานกู้อวิ๋นซีได้พักผ่อนอยู่สองวัน พอถึงเช้าตรู่วันที่สาม ในที่สุดก็ได้รับข่าวดี"คนในจวนแม่ทัพออกนอกเมืองไปแล้วเหรอ?"ข่าวนี้ทำให้นางอารมณ์ดีอย่างบอกไม่ถูกไปทั้งวัน"เจ้ากังวลว่าเสวียนอ๋องจะมาขัดขวางเหรอ?" ขนาดมู่เฟยหย่ายังดูออกเลยว่านางเบาใจไปมากกู้อวิ๋นซีไม่ได้ตอบคำถามนี้ความคิดของจวินเย่เสวียน ใครจะเดาออกกัน?สามวันก่อนหน้านี้เขาถูกนางทำให้โกรธจนกลับออกไป เสวียนอ๋องเป็นคนอารมณ์แปรปรวณ อีกทั้งยังรู้ว่านางตั้งใจจะให้คนในจวนแม่ทัพออกห่างจากความวุ่นวายนี้ดังนั้นการที่เขาจะขวางก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร"เรื่องนี้ข้าได้ปรึกษากับอาหลีแล้ว อาหลีเองก็เคยคิดวิธีรับมือ หากว่าเสวียนอ๋องตั้งใจจะขวาง อาหลีก็จะทำตามที่ข้าบอก"การที่จวินเย่เสวียนเก็บตัวเงียบแบบนี้ เป็นเรื่องที่เหนือการคาดหมายไปเหมือนกัน"วันนี้เจ้าช่วยข้าออกไปตามหาคุณชายมู่อีกครั้งเถอะ" จู่ๆ กู้อวิ๋นซีก็พูดขึ้นมา"หามาตั้งหลายวันแล้วยังไม่ได้ข
"อื้อ!"หมอนใบหนึ่งกระเด็นมาโดนที่หัวของมู่เฟยหย่าพอดิบพอดีมู่เฟยหย่าจึงทำได้เพียงแค่ต้องเงียบปากไปเท่านั้นแต่ในหัวสมองของนางยังคงมีภาพแผ่นหลังที่โดดเดี่ยวอ้างว้าง ราวกับถูกคนทั้งโลกละทิ้งของจวินเย่เสวียนตอนเดินจากไปวนเวียนอยู่ไม่หายนางรู้สึกปวดใจจริงๆ นะ!ก็ไม่รู้ว่าทำไมกู้อวิ๋นซีถึงใจร้ายได้แบบนี้กู้อวิ๋นซีในตอนนี้ นิ่งสงบราวกับผิวน้ำที่ไร้คลื่นความเจ็บปวดของเขา มันเทียบไม่ได้กับความเจ็บปวดของนางแม้เพียงสักหนึ่งส่วน มีอะไรให้น่าสงสารกัน?อีกอย่าง ต่อไปเสวียนอ๋องก็มีโอกาสอีกกว้างไกลในอนาคตแต่ตัวนางกับคนในจวนแม่ทัพกลับต้องตกอยู่ในสภาพที่ลำบากแค่สถานการณ์ของตัวนางเองในตอนนี้ก็ไม่มีสิทธิที่จะไปสงสารคนอื่นแล้ว"เอาล่ะ ข้าไม่พูดแล้ว แต่ว่า เจ้าไม่ใช่ต้องการจะแก้แค้นเหรอ? เหตุใดเจ้าถึงไม่ใช้เสวียนอ๋องกับหลีอ๋องมาต่อกรกับพระสนมหรงโดยตรงล่ะ?"ตอนนี้เป็นไง ทำให้เสวียนอ๋องโกรธจนจากไปแล้ว ต่อไปไม่ใช่ว่าจะมีศัตรูที่แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอีกคนอย่างนั้นเหรอ?กู้อวิ๋นซีได้แต่มองนางอย่างนิ่งสงบ "แล้วถ้าหากว่าเป็นเจ้า เจ้าจะทำอย่างไร?"มู่เฟยหย่าคิดสักพัก ก่อนจะขยับเข้ามาใกล้นางแล้วพู
"ข้าชอบอาหลีหรือไม่ ข้าไม่รู้ แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ข้ารู้ได้ชัดเจน"กู้อวิ๋นซีเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา อย่างน้อย ครั้งนี้ก็เต็มไปด้วยความจริงใจ"จวินเย่เสวียน ข้าไม่รักท่านแล้ว""เจ้าคิดว่าข้าจะสนหรือยังไง?" น้ำเสียงของจวินเย่เสวียนที่พูดออกมาแทบจะแค้นมันออกมาจากซอกฟันอยู่แล้วถ้าเป็นในเวลาปกติ กู้อวิ๋นซีจะต้องกลัวแน่แต่ตอนนี้ ไม่รู้ทำไม จู่ๆ นางก็รู้สึกไม่กลัวแล้วจริงๆ"ทางที่ดีท่านอ๋องพูดแล้วก็ทำให้ได้ด้วย ไม่สน ต่อไปก็อย่ามารบกวนชีวิตของพวกเราสองสามีภรรยา"ใบหน้าเขาเรียบเฉย ดูแล้วจิตใจสงบนิ่งราวผิวน้ำแต่มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่าคำพูดของกู้อวิ๋นซี เป็นเหมือนมีดเล่มหนึ่งที่ปักเข้าไปในหัวใจเขาอย่างจังลึกและแรงมาก!ประกายแสงเพียงน้อยนิดในดวงตาของเขา หายไปหมดแล้ว"กู้อวิ๋นซี เจ้าอย่าเสียใจทีหลังล่ะ!"...ในที่สุดเขาก็ไปแล้วกู้อวิ๋นซีนั่งลงไปบนพื้นอย่างอ่อนแรง หมดอาลัยตายอยากด้านนอกมีคนวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อนนางจับขอบเตียงเอาไว้เพื่อพยุงตัวเองขึ้นมาอย่างช้าๆเพิ่งจะลุกขึ้นมาได้ ก็เห็นจวินฉู่หลีที่วิ่งเข้ามาในห้องโถงด้วยสีหน้าที่ร้อนรน"ท่านพี่สี่เขา...""ไปแล้ว" กู้
การปรากฎตัวขึ้นของจวินเย่เสวียนเป็นอะไรที่กู้อวิ๋นซีคิดไม่ถึงมาก่อนตอนที่เห็นเงาร่างของเขาเดินเข้ามา นางก็รีบลุกขึ้นยืนอย่างตกใจ ก่อนจะถอยหลังไปหลายก้าวโดยสัญชาตญาณ"เจ้าคิดเหรอว่ามาหลบอยู่ที่ตำหนักของเสด็จย่าแล้วจะสามารถหลบข้าพ้น?"สายตาเย็นเยียบของจวินเย่เสวียนจับจ้องไปที่ร่างกายของนางตรงๆ"ให้คนของจวนแม่ทัพย้ายไปที่เมืองฝาน เพื่อจะได้รอดพ้นจากขอบเขตอำนาจของข้าก็คิดว่าจะสามารถไปไหนก็ได้แล้วอย่างนั้นเหรอ?""ก็แค่พวกมดแมลงตัวเล็กๆ ที่ต้องการรักษาชีวิตเท่านั้น ท่านอ๋อง ท่านต้องการปกป้องครอบครัวของท่าน ข้าก็ต้องการให้ครอบครัวของข้าได้มีชีวิตต่อไป เหตุใดท่านอ๋องถึงไม่ยอมปล่อยพวกเขาไปล่ะ?"กู้อวิ๋นซียังคงเดินถอยหลังอยู่ ไม่ทันระวังก็เลยเดินถอยไปจนถึงเตียงนอน จนไม่อาจถอยหลังได้อีก"ท่านอ๋อง คนที่ท่านแค้นคือข้า ไม่เกี่ยวกับพวกเขา ท่านอ๋องจะสามารถปล่อยให้พวกเขาได้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้หรือไม่?"ถึงแม้ฝีเท้าของจวินเย่เสวียนจะดูเอื่อยเฉื่อย แต่เพียงไม่นานเขาก็เดินมาอยู่ตรงหน้าของนางแล้ว"ดังนั้น ทั้งๆ ที่เมื่อคืนเจ้ายังพูดว่าต้องการผู้ชายที่แข็งแกร่งยิ่งใหญ่แบบข้าในอ้อมแขนของข้า แต่คืนนี