“ออกคำสั่งซุ่มโจมตีใกล้เมืองชายแดน หากพบเห็นข้าศึก ให้สังหารได้เลยทันที!”อู๋หลิงสั่งการได้เด็ดขาดมาก!ไม่ต้องพูดถึงว่ากองกำลังของเขาล้วนแต่เป็นทหารชั้นยอดอยู่แล้ว ในแง่ของยุทธวิธีเพียงอย่างเดียว พวกเขาก็นำหน้าไปหนึ่งก้าวแล้ว!ต้องรู้ว่ากองทหารของเขาที่เขาเป็นผู้ฝึกฝนนั้น เคยไปต่อสู้ในสนามรบจริง ๆ!ส่วนทหารม้าของตระกูลเซิ่งเป็นเพียงดอกไม้เรือนกระจก จะมาสู้ได้อย่างไร?ทั้งยังมีแม่ทัพในตระกูลเซิ่งไม่กี่คนที่อู๋หลิงต้องตั้งใจสู้แม้ว่าจะมีคำกล่าวที่ว่าทหารอวดเก่งต้องพ่ายแพ้ แต่สำหรับอู๋หลิงแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่ทหารของตระกูลเซิ่งจะเอาชนะเขาได้!เขาต้องการให้ตระกูลเซิ่งเผชิญหน้า และโจมตีครั้งใหญ่ที่สุดในเวลาที่สั้นที่สุด!ในไม่ช้า ทหารม้าของตระกูลเซิ่งก็มุ่งหน้ามายังชายแดนเมืองหนานแล้ว!ซึ่ง...พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าจะมีการซุ่มโจมตี!ขณะที่พวกเขากำลังเดินทางอยู่ ก็พลันได้ยินเสียงการสังหารทหารปรากฏตัวจากทุกทิศทุกทางในครรลองสายตาของพวกเขา ลูกศรคมกริบจำนวนนับไม่ถ้วนก็พุ่งตรงมาหาพวกเขา!การเผชิญหน้ากันเพียงครั้งเดียวส่งผลให้เกิดการสูญเสียอย่างหนัก!คราวนี้แม่ทัพเป็นเชื้อสายของตระกู
เพียงแค่วันเดียวเท่านั้น ยังไม่ถึงบ่ายโมงด้วยซ้ำ!อู๋หลิงยึดเมืองได้แล้ว และจับกบฏได้เกือบสองหมื่นคน!นี่เป็นการสูญเสียครั้งใหญ่สำหรับตระกูลเซิ่ง!เซิ่งฟางสี่ยังไม่รู้เรื่องทั้งหมดนี้!ในขณะนี้ เขากำลังรอคอยให้ทุกคนกลับมาพร้อมชัยชนะ และจับตัวอู๋หลิงกลับมาอย่างกระหยิ่มใจ!“คุมตัวคนเหล่านี้ไปเข้าห้องขังในเมืองชายแดน รอตัดสินโทษ!”หลังจากที่อู๋หลิงพูดจบ เขาก็ไม่สนใจมากนัก ใช้ประโยชน์จากตอนที่เหล่าทหารภาคภูมิใจเพราะชัยชนะ เดินตรงออกไปโดยไม่เอ่ยคำใดอีกในตอนเย็น พื้นที่เมืองหนานแห่งนี้ถูกอู๋หลิงควบคุมได้ทั้งหมด!ในเวลานี้ ในที่สุดเซิ่งฟางสี่ก็ได้รับข่าวแล้ว!“อะไรนะ! โจวซุ่นทรยศ! คนของเราสามหมื่นคนถูกจับ และเสียเมืองหนานไปแล้วงั้นหรือ?”เซิ่งฟางสี่ตกตะลึงทันที!เพียงหนึ่งวัน!แค่วันเดียวเท่านั้น!เสียเมืองหนานไปแล้วจริง ๆ!นี่มัน...เป็นไปได้อย่างไร!“ท่านพ่อ ข้าเพิ่งรู้ว่ากลางดึกเมื่อวาน อู๋หลิงนำกองทัพสามหมื่นนายเดินทางเข้าโจมตีเมืองชายแดนเมืองหนานตอนรุ่งสาง และจับกุมโจวซุ่นขอรับ!”“จดหมายของเขานั้นอู๋หลิงเป็นคนสั่งให้เขียน เพื่อ... หลอกลวงกองกำลังสามหมื่นคนของเรา!”หลัง
“นั่นเป็นเรื่องปกติ กองกำลังสามหมื่นนายต้องการกำจัดตระกูลเซิ่ง มันเป็นเพียงความเพ้อฝันของคนโง่เขลา อู๋หลิงอาจทำเช่นนี้เพราะความตั้งใจของฮองเฮา เขาต้องการเอาชนะตระกูลเซิ่งและทำให้คนในแผ่นดินหวาดกลัว ในเวลาเดียวกันเขาก็ยังต้องการบอกทั้งแผ่นดินว่า ราชสำนักต้าเย่มีความชอบธรรม ใครก็ตามที่มีเจตนาแอบแฝงจะถูกราชต้าเย่สังหาร!”“แต่ว่า... จำนวนเท่านี้เกรงว่าจะไม่พอ ข้าคิดว่า... จดหมายของอู๋หลิงจะมาถึงที่นี่เร็ว ๆ นี้”หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ เกาเล่อก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง“พี่หยวน ท่านหมายถึง... อู๋หลิงต้องการให้พวกเราส่งกองกำลังไปร่วมด้วยหรือ?”หวังหยวนยกยิ้ม “ถ้าข้าเป็นอู๋หลิง ข้าจะทำเช่นนี้ รวมตัวกับตระกูลไป๋ รวมตัวกับเรา เพื่อจัดการกับตระกูลเซิ่ง!”“ไม่จำเป็นต้องพูดว่าตระกูลไป๋และตระกูลเซิ่ง ต้องการแข่งขันกันเพื่อแย่งชิงแผ่นดิน ส่วนฝ่ายเรามีความแค้นกับตระกูลเซิ่ง ตระกูลเซิ่งพยายามฆ่าข้าหลายครั้ง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ข้าจะลงมือต่อสู้กับพวกเขา”“ดังนั้น อู๋หลิงจะขอให้เราช่วยดำเนินการแน่นอน”“ตราบใดที่เราดำเนินการ ต่อให้ตระกูลเซิ่งจะเป็นอมตะ แต่ภายในไม่กี่ปีย่อมไม่กลายเป็นปัญหาอีกต่
ในเขตชายแดน อู๋หลิงกำลังนั่งอ่านตำราทหารอยู่ในกระโจม ไม่นานทหารคนหนึ่งก็รีบเข้ามาพร้อมจดหมายในมือ“รายงานขุนพลอู๋ นกพิราบสื่อสารมาถึงแล้ว พร้อมจดหมายจากท่านหมิงถันขอรับ!”เมื่ออู๋หลิงได้ยินดังนั้น เขาก็แสดงสีหน้าวิตกกังวลทันที เขาลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว กวัดมือเร่งเร้าให้ทหารเข้ามา “รีบเอามาให้ข้าอ่านเร็วเข้า!”“ขอรับ ขุนพลอู๋!”ทหารก้าวมาข้างหน้าทันที แล้วส่งจดหมายให้อู๋หลิงเมื่อเขาได้อ่านเนื้อหาของจดหมาย อู๋หลิงก็ดีใจมากจนไม่อาจระงับความตื่นเต้นได้!“เยี่ยมมาก ในที่สุดเสนาธิการทหารก็ตกลงช่วยพวกเราแล้ว!”ในขณะนี้ รองขุนพลจางผิงที่ยืนหน้าเคร่งขรึมอยู่ข้างอู๋หลิง ถามด้วยความประหลาดใจ “ขุนพลอู๋ ท่านกำลังบอกว่าท่านหมิงถันวางแผนจะช่วยเราแก้ไขสถานการณ์ปัจจุบันหรือขอรับ?”“ถูกต้อง”อู๋หลิงเต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ“ข้าเชื่อว่าด้วยความช่วยเหลือจากเสนาธิการทหาร จะสามารถช่วยให้พวกเราชนะในครั้งนี้ได้แน่นอน!”เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของจางผิงก็จริงจังขึ้นเล็กน้อยหลังจากที่เขาไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง ก็อดไม่ได้ที่จะถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ขุนพลอู๋ ท่านหมิงถันจะใช้วิธีใดเพื่อช่วยพวกเราหร
อู๋หลิงพูดด้วยรอยยิ้ม ท่าทางของเขาไม่ได้ดูตื่นตระหนกหรือผิดหวังเลยดูเหมือนว่าทั้งหมดนี้อยู่ในการคาดเดาของเขาหมดแล้วเมื่อเห็นดังนั้น ความสับสนบนใบหน้าของจางผิงก็ยิ่งชัดเจนขึ้น เขามองอู๋หลิงด้วยความสงสัยแล้วถามว่า “ขุนพลอู๋ เหตุใดท่านยังยิ้มได้อยู่ล่ะขอรับ?”“นี่เป็นช่วงเวลาสำคัญที่จะตัดสินว่าเราจะชนะตระกูลเซิ่งในศึกครั้งนี้ได้หรือไม่ ตระกูลไป๋ทำเช่นนี้จริง ๆ ยังไม่ชัดเจนหรือว่าพวกเขากำลังใช้กลอุบายกับเรา...”เมื่ออู๋หลิงได้ยินเช่นนี้ เขาก็ส่ายหน้าเบา ๆแล้วพูดด้วยสีหน้าไม่แยแส “ความจริงแล้วการจัดหาคนห้าพันคนมาให้เรา ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับตระกูลไป๋เลย”“เอ๊ะ?”เมื่อจางผิงได้ยินดังนั้น เขาก็ส่ายหน้าทันทีด้วยสีหน้าไม่เชื่อ“ท่านแม่ทัพอู๋ ข้าไม่เข้าใจ…”“จุดประสงค์ของการทำศึกครั้งนี้ ข้าไม่จำเป็นต้องอธิบายให้เจ้าฟังเพิ่มเติมใช่หรือไม่?”อู๋หลิงมองจางผิงด้วยดวงตาลุกโชน แล้วพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ตระกูลเซิ่งกล้าลงมือ เพราะตระกูลเซิ่งมีองค์ชายใหญ่”“ส่วนฮองเฮา ก่อนที่ฝ่าบาทจะเสด็จสวรรคต ได้ทรงขอให้นางทำหน้าที่เป็นตัวแทนของไท่จื่อ ด้วยการดูแลราชสำนักชั่วคราว ทั้งสองฝ่ายย่อมมีเหตุผลอ
ในไม่ช้าเซิ่งฟางสี่ก็ได้รับจดหมายท้าทายของอู๋หลิงเดิมทีเขากำลังนั่งดื่มชาอยู่ในกระโจม เมื่อเขาได้รับจดหมายท้าทายจากอู๋หลิง ก็นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่งแล้วจึงหัวเราะเขาอ่านจดหมายท้าทายอย่างรวดเร็ว แล้วโยนมันทิ้งไปด้วยความรังเกียจ ความเย้ยหยันปรากฏบนใบหน้าของเขา“น่าสนใจ น่าสนใจจริง ๆ เจ้าเด็กคนนี้คิดว่าตัวเองมีความสามารถจริง ๆ คิดว่าจะสามารถเอาชนะกองทหารห้าหมื่นนายของข้าได้ ด้วยทหารเพียงสามหมื่นนายของเขางั้นหรือ?”“เขาคิดว่าตัวเองเป็นเทพเจ้าแห่งสงครามที่ไม่มีใครเทียบได้หรือ ช่างฟังดูไร้สาระมาก ฮ่า ๆ ๆ!”รองขุนพลที่อยู่ข้างเซิ่งฟางสี่ก็พยักหน้าและยกยิ้ม “ใช่แล้วขอรับ แม้ว่าอู๋หลิงจะเป็นที่รู้จักในฐานะขุนพลผู้อยู่ยงคงกระพัน แต่ช่องว่างความแข็งแกร่งระหว่างทั้งสองฝ่ายในครั้งนี้ใหญ่มาก เว้นแต่เขาจะยอมจำนนโดยสมัครใจ และยอมอยู่ใต้อำนาจของเรา มิฉะนั้นเราต้องฆ่าพวกเขาทุกคนจนราบคาบ!”คำพูดของรองขุนพลทำให้เซิ่งฟางสี่ระเบิดเสียงหัวเราะดวงตาของเขาเป็นประกาย ดูเย่อหยิ่งเป็นพิเศษ!ถูกต้อง!ครั้งนี้เขามุ่งมั่นที่จะชนะ ต้องกำจัดอุปสรรคใหญ่อย่างอู๋หลิงให้เร็วที่สุด!เมื่อถึงเวลานั้น ผู้คนจะเห็นว่า
อู๋หลิงเห็นปฏิกิริยาและความคิดของเซิ่งฟางสี่ แล้วจดจำไว้ในใจใบหน้าของเขาเคร่งขรึมอย่างยิ่ง สายตาเย็นชา ขณะพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก “เจ้าหยุดพูดจาเหลวไหลเดี๋ยวนี้!”“เจ้ากล้าพูดเรื่องชั่วร้ายเช่นนี้ ที่นี่อย่างโจ่งแจ้งได้อย่างไร?”“เซิ่งฟางสี่ เจ้าหยิ่งผยองและไร้ยางอายจริง ๆ!”หลังจากได้ยินถ้อยคำเหล่านี้ ดวงตาของเซิ่งฟางสี่ก็เต็มไปด้วยความเย้ยหยันนัยน์ตาฉายแววดุดันขณะกำหมัดแน่น เจตนาฆ่าในดวงตาของเขาฉายชัด!“ฮ่าฮ่าฮ่า ขุนพลอู๋ เจ้าไม่รู้จักคิดให้รอบคอบ แม้ว่าฮองเฮาจะได้รับการแต่งตั้งจากฝ่าบาทให้ดูแลแผ่นดิน แต่นางก็ยังเป็นสตรี!คนเช่นนี้จะปกป้องแผ่นดินต้าเย่ได้อย่างไร?”“หุบปาก!”สีหน้าของอู๋หลิงเริ่มโกรธเกรี้ยว เขาตวาดเสียงดัง “เจ้าจงใจพยายามปลุกปั่นให้ผู้คนสับสน!”“ฮ่าฮ่า เจ้าดูตัวเองสิ ตอนนี้เจ้าหงุดหงิดเพราะรับความจริงไม่ได้แล้ว”อู๋หลิงยังคงเยาะเย้ยและพูดประชด “ข้าจะบอกเจ้าให้นะอู๋หลิง ตั้งแต่สมัยโบราณ ไม่มีทางที่สตรีจะดูแลราชสำนักได้!”“เจ้ายินดีจะเฝ้าดูชายแดนต้าเย่ถูกรุกรานซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนแผ่นดินใกล้พังพินาศเพียง เพียงเพราะให้สตรีมาดูแลแผ่นดินงั้นหรือ?”หลังจากพูดจบ ค
ความแข็งแกร่งระหว่างทั้งสองฝ่ายนั้นแตกต่างกันมาก ไม่มีทางที่อู๋หลิงจะเอาชนะพวกเขาได้!ยิ่งคิดเรื่องนี้มากเท่าไหร่ เซิ่งฟางสี่ก็รู้สึกหยิ่งผยองและตื่นเต้นมากขึ้นเท่านั้น!เขาอดไม่ได้ที่จะยกยิ้มมุมปาก จากนั้นน้ำเสียงของเขาก็เต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ขณะพูดเยาะเย้ย “ฮ่าฮ่า อู๋หลิง ข้านับถือเจ้าในฐานะขุนพล นับถือนิสัยหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรีของเจ้า!”“แม้ว่าปัจจุบันเราจะอยู่คนละฝั่งกัน แต่ก็ไม่ได้ขัดขวางเราจากการเป็นพันธมิตรกัน หากเจ้าเต็มใจ เจ้าสามารถเข้าร่วมกับตระกูลเซิ่งของข้าได้!”“เจ้าช่วยข้าพิชิตแผ่นดิน จากนี้ไปเจ้าจะเป็นขุนพลที่ได้รับความไว้วางใจจากข้ามากที่สุด เมื่อถึงเวลานั้น ข้าจะมอบตำแหน่งดูแลกองทัพให้เจ้าด้วย ว่าอย่างไร?”หลังจากคำพูดของเซิ่งฟางสี่ออกมา ใบหน้าของอู๋หลิงที่บึ้งตึงอยู่แล้วก็เย็นชายิ่งขึ้นเขาอดไม่ได้ที่จะนึกเย้ยหยัน ความดูถูกในสายตาเขานั้นมองเห็นได้ชัดเจน!“หึหึ ฮ่าฮ่าฮ่า ไร้สาระ ช่างไร้สาระยิ่งนัก!”อู๋หลิงมีรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าเหี้ยมเกรียม เขาพยายามระงับโทสะในใจ แล้วตะคอก “เซิ่งฟางสี่ เจ้าอย่าแม้แต่จะคิด!”“ตอนนี้เจ้าไม่มีสถานะหรือชื่อเสียงใด ๆ ที่จะทำเรื่อง
เกาเล่อไม่ได้สนใจ เพียงแค่ดื่มสุราต่อไปในสายตาของเขา สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงกลอุบายหลอกล่อลูกค้าเท่านั้นเพียงแค่เสนอราคาให้เหมาะสม เขาก็ไม่เชื่อหรอกว่าหญิงสาวที่นี่จะรักนวลสงวนตัว!มันเป็นเพียงเรื่องน่าขัน!ทันใดนั้นชายหลายคนจากโต๊ะข้าง ๆ ก็หัวเราะเยาะขึ้นมา“เจ้าคิดว่ามีเงินแล้วจะยิ่งใหญ่นักหรือ?”“ที่อื่นอาจจะได้ แต่ที่นี่ไม่ได้หรอกนะ!”“เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีคนอยากดื่มสุราร่วมกับแม่นางหรูเยียนกี่คน?”“มากมายจนถ้าต่อแถวแล้ว แถวคงยาวออกไปนอกเมือง!”“ในบรรดาคนเหล่านั้นมีคุณชายจากตระกูลชั้นสูง แต่แม่นางหรูเยียนก็ไม่ได้สนใจพวกเขา”“ส่วนเจ้าก็คงไม่ต่างกัน!”ทุกคนต่างหัวเราะกันครื้นเครงหวังหยวนไม่ได้สนใจคำพูดของพวกเขา หลังจากเก็บทองบนโต๊ะกลับคืนมาแล้ว เขาก็โบกมือให้เสี่ยวเอ้อออกไปเสี่ยวเอ้อสบถ เดิมทีคิดว่าหวังหยวนจะให้เงินทอง แต่สุดท้ายกลับไม่ได้อะไรเลย…ช่างน่าโมโหนักหวังหยวนมองไปที่เกาเล่อ แล้วกระซิบว่า “เจ้าส่งคนไปสืบเรื่องราวของแม่นางหรูเยียนที ข้าค่อนข้างสนใจนาง”“ท่านผู้นำ ท่านไม่ได้ล้อเล่นใช่หรือไม่ขอรับ?”“ท่านเชื่อคำพูดไร้สาระของพวกเขาหรือ?”“ข้าสงสัยว่านางคนนั้น
หวังหยวนประหลาดใจ ที่นี่มีกฎเกณฑ์ด้วยงั้นหรือ? ขณะที่เกาเล่อกำลังจะแสดงความไม่พอใจ แต่หวังหยวนรีบส่งสัญญาณให้เขาด้วยสายตา เกาเล่อจึงไม่พูดอะไรเพิ่มเติม ยังคงยืนแข็งทื่อราวกับรูปปั้นอยู่ด้านหลังของหวังหยวน แต่ดวงตาของเกาเล่อแสดงถึงความไม่สบอารมณ์“เหตุใด?”“หรือว่าเจ้าจะคิดทำร้ายคน?”หญิงสาวที่เพิ่งสนทนากับหวังหยวนเบ้ปากใส่เกาเล่อ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ “หากไม่ได้มาเพื่อความสนุกสนานก็จงรีบออกไปจากที่นี่เสีย!”“อย่ามาขวางทาง อย่าทำให้พวกข้าเสียเวลา!”“พวกข้ายังต้องทำมาหากิน!”หญิงคนนั้นก็ชนไหล่ของหวังหยวนแล้วเดินผ่านไปที่หน้าประตู หญิงสาวคนอื่น ๆ ที่ตามมาก็ทำเช่นเดียวกัน“พวกนางช่างไม่รู้ที่ต่ำที่สูง!”“หากพวกนางรู้ถึงตัวตนของท่าน คงต้องคุกเข่าขอความเมตตาจากท่าน”เกาเล่อบ่นพึมพำ“เช่นนั้นอย่าให้พวกนางรู้ถึงตัวตนของข้าดีกว่า”“ข้าไม่อยากมีเรื่องกับพวกนาง”หวังหยวนกล่าวติดตลกแล้วเดินเข้าไปด้านในพร้อมกับเกาเล่อ เลือกที่นั่งแล้วมองไปยังเวทีกลางพลางพิจารณาหอชิงสุ่ยอย่างละเอียดต้องยอมรับว่าที่นี่ตกแต่งได้อย่างหรูหราอลังการอาคารหลังนี้มีทั้งหมดสามชั้น ชั้นล่าง
แต่เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่ว่าจะสำเร็จได้ในวันเดียวหากต้องการให้เมืองอู่เจียงกลายเป็นเมืองสำคัญทางคมนาคมคงต้องใช้เวลาอีกสองสามปีจึงจะสมบูรณ์หวังหยวนเองก็ไม่ปล่อยเวลาให้สูญเปล่า เขาพยายามค้นหาคนที่เหมาะจะเป็นผู้ว่าราชการคนใหม่ในเมืองอู่เจียง แต่ก็ยังหาไม่พบณ หอชิงสุ่ยเมื่อค่ำคืนนี้มาเยือน หวังหยวนกำลังไปเดินเล่นชมเมืองและบังเอิญมาถึงหอชิงสุ่ยที่นั่นเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและผู้คนพลุกพล่าน“ที่นี่คือที่ใด?” หวังหยวนถามเกาเล่อผู้ติดตามอยู่ข้างกาย“ที่นี่คือสถานที่แห่งความสุขทางโลกขอรับ”“ท่านผู้นำสนใจจะเข้าไปดูหรือไม่ขอรับ?”เกาเล่อตอบด้วยรอยยิ้ม“ข้าไม่สนใจเรื่องเหล่านี้...”“อีกอย่างซื่อหานก็รอข้าอยู่ที่บ้าน หากข้ามมัวเมาสุราอยู่ที่นี่ แล้วพวกผู้หญิงในบ้านรู้เข้าคงต้องมีเรื่องวุ่นวายเป็นแน่”หวังหยวนส่ายหน้า หลี่ซื่อหานนั้นยังเข้าใจได้และจะไม่พูดอะไรมาก แต่สำหรับหวงเจียวเจียว...นั่นคือคนที่ยากจะรับมือเกาเล่อหัวเราะ แล้วกล่าวต่อ “ท่านผู้นำอาจเข้าใจผิด ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ธรรมดาอย่างที่ท่านคิดหรอกนะขอรับ”“ข้าเคยสืบเรื่องที่นี่มาแล้ว”“เท่าที่ข้าทราบ เจ้าของที่นี่มีเบื้
ในไม่ช้าหวังหยวนพร้อมคณะก็กลับมายังที่ว่าการเมืองอู่เจียงฉุนอวี๋อันเฝ้ารอมาพักใหญ่แล้ว“ท่านผู้นำ ข้าสั่งให้เหล่าแรงงานเตรียมพร้อมแล้ว พวกเขาพร้อมจะเริ่มงานได้ทุกเมื่อขอรับ!”“ข้าได้แจกจ่ายแบบแปลนให้แก่พวกเขาแล้ว แต่ว่าตอนนี้ยังมีปัญหาอยู่อย่างหนึ่ง...”ฉุนอวี๋อันพูดเพียงเท่านี้ก็เงียบไป สีหน้าบ่งบอกถึงความลำบากใจ“ต้องการเงินเท่าใด?”หวังหยวนทราบความคิดของเขาในทันทีจึงเอ่ยถามออกไป“ท่านผู้นำฉลาดหลักแหลมยิ่งนักขอรับ!”“ใช่แล้วขอรับ เพียงแค่ต้องการเงินจำนวนหนึ่ง!”“ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เมืองอู่เจียงไม่ได้มีเงินทองมากมาย จึงไม่เพียงพอที่จะใช้ในการก่อสร้างครั้งนี้”“ข้าจึงจำต้องมาแจ้งเรื่องนี้กับท่านผู้นำขอรับ...”ฉุนอวี๋อันรีบกล่าว“เจ้าไม่ต้องอ้อมค้อมแล้ว ต้องการเงินเท่าใดก็บอกมาเถิด เรื่องนี้ข้าจะจัดการให้”หวังหยวนไม่ได้ขาดแคลนเงินทองนั่นคือเรื่องเดียวที่เขาได้เปรียบในบรรดาอาณาจักรทั้งสี่ฉุนอวี๋อันรีบนำบัญชีรายรับรายจ่ายที่รวบรวมไว้มาให้หวังหยวน “ข้าได้รวบรวมรายละเอียดทั้งหมดไว้แล้ว ท่านผู้นำโปรดพิจารณา หากไม่มีปัญหาอะไรก็โปรดอนุมัติตามจำนวนนี้ด้วยขอรับ”หวังหยวนรับม
ถ้อยคำของตงฟางฮั่นมีความหมายแฝงอยู่ แต่หวังหยวนก็เข้าใจในทันที“ข้าเข้าใจแล้ว ท่านหมายถึงพรรคทมิฬใช่หรือไม่?”ตงฟางฮั่นยิ้มอย่างพึงพอใจ แล้วพยักหน้า“ดูเหมือนว่าท่านจะไม่ได้ไร้เดียงสาเหมือนที่ข้าคิด สามารถสังเกตเห็นพรรคทมิฬได้เร็วถึงเพียงนี้!”เมื่อเอ่ยถึงชื่อนี้ สีหน้าของเกาเล่อก็เปลี่ยนไปเช่นกันหลังจากจับกุมสาวกของพรรคทมิฬได้หลายคน เกาเล่อและหวังหยวนก็รู้เรื่องของพรรคทมิฬมากขึ้น และในช่วงนี้เกาเล่อก็ได้ส่งคนจำนวนมากไปรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับพรรคทมิฬแต่ก็ยังไม่มีประโยชน์มากนักแสดงให้เห็นว่าคนของพรรคทมิฬนั้นเหมือนพวกหนูที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืด!การขุดคุ้ยเรื่องคนเหล่านี้ต้องใช้เวลา!“แล้วเหตุใดคนของพรรคทมิฬถึงได้ทำร้ายท่านเล่า?” “หรือว่าพวกท่านเคยมีเรื่องขัดแย้งกัน?”หวังหยวนเคาะโต๊ะเบา ๆ สายตาจ้องมองไปที่ตงฟางฮั่นอีกครั้งตงฟางฮั่นส่ายหน้าแล้วยิ้มเยาะ “ข้าจะไปเข้าร่วมกับคนพวกนั้นได้อย่างไร?” “ไม่รู้ว่าพวกเขาได้ยินชื่อของข้ามาจากไหน จึงได้มาติดต่อข้า หวังว่าข้าจะเข้าร่วมพรรคทมิฬ!” “แต่ข้าได้ปฏิเสธพวกเขามาหลายครั้งแล้ว” “แต่พวกเขาก็ยังคงตามติดไม่เลิก ก่อนหน้านี้พวกเขาย
“มาเยือนโดยไม่ได้รับเชิญ ถือว่าเป็นแขกผู้มาเยือนได้หรือ?” ตงฟางฮั่นเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ “ในเมื่อเจ้าชอบสถานที่นี้ ก็จงดื่มสุราอยู่ที่นี่คนเดียวเถิด” “ลาก่อน”เพียงชั่วพริบตา ตงฟางฮั่นก็ลุกขึ้นยืน ขณะที่เขากำลังจะเดินสวนกับชายคนนั้น ก็ได้ยินเสียงชายคนนั้นเอ่ยขึ้นว่า “ท่านตงฟาง ท่านพร้อมจะวางเดิมพันไว้ที่หวังหยวน แต่กลับไม่คิดจะพบกับท่านประมุขของข้าหรือ?”“ฮึ” “พวกเจ้าก็เป็นเพียงพวกหนูที่อาศัยอยู่ในความมืดมิด” “ใครเล่าจะอยากร่วมมือกับพวกเจ้า?” ตงฟางฮั่นเย้ยหยัน ไม่ได้สนใจชายผู้อยู่เบื้องหลังอีกต่อไปสีหน้าของชายวัยกลางคนเปลี่ยนไป มือหนึ่งคว้ามีดสั้นจากอกเสื้อ แล้วแทงเข้าที่หลังของตงฟางฮั่นอย่างรวดเร็ว! ว่องไวราวกับสายฟ้าแลบ!“ถ้าไม่เป็นมิตร ก็ต้องเป็นศัตรู!” “ไปลงนรกซะ!”สีหน้าของตงฟางฮั่นเปลี่ยนไป แต่ตอนนี้การหลบหลีกนั้นสายเกินไปแล้ว เพราะเขาไม่ได้ฝึกวิทยายุทธใด ๆ เลย!ในขณะที่เขาเตรียมใจยอมรับชะตากรรม ก็ได้ยินเสียงโลหะกระทบกัน ปรากฏว่าเกาเล่อผู้ซ่อนตัวอยู่ในที่มืดปรากฏตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว และข้างกายเขายังมีสมาชิกขององค์กรเครือข่ายผีเสื้ออีกหลายคนมีกำลังคนม
“ท่านทั้งหลายไปที่นั่นแล้วจะได้ลงทะเบียนทันที!”เมื่อทราบว่าหวังหยวนไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ทุกคนจึงรีบขอลา แล้วมุ่งหน้าสู่ตลาดตะวันออกด้วยความเร่งรีบ การลงทะเบียนโดยเร็วจะช่วยคลายกังวลในใจได้!เมื่อเห็นเหล่าชาวบ้านมาเร็วไปเร็วเช่นนั้น ฉุนอวี๋อันจึงบ่นหลังถอนหายใจว่า “ประชาชนพวกนี้ช่างร้อนรนนัก!”“หากมีสิ่งใดขัดขวางความประสงค์ของพวกเขา พวกเขาก็จะก่อความวุ่นวายไม่หยุด!”“โชคดีที่ข้าไม่ใช่ผู้ว่าราชการเมืองเมืองนี้แล้ว จึงบรรเทาความกดดันลงได้บ้าง…”แต่หารู้ไม่ว่าหวังหยวนยังคงยืนอยู่ข้างกายฉุนอวี๋อันหันกลับไปเห็นหวังหยวนกำลังมองตนอยู่ ทันใดนั้นเขาก็ตัวสั่นเทา ตกใจกลัวจนถอยหลังไปสองก้าว และถึงกับหายใจติดขัด“ท่านผู้นำ…”“ข้าไม่ใช่หมายความเช่นนั้น”หวังหยวนเห็นท่าทีขลาดกลัวของเขาจึงส่ายหน้าแล้วยกยิ้มดูเหมือนการตัดสินใจของเขาจะถูกต้อง คนเช่นนี้จะสามารถเป็นใหญ่ในเมืองได้อย่างไร?หากปล่อยให้ฉุนอวี๋อันดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการเมืองต่อไป แม้การก่อสร้างระบบชลประทานจะแล้วเสร็จก็คงหาผลกำไรไม่ได้มากนักผลลัพธ์สุดท้ายก็คงเดาได้ไม่ยากไม่ช้าหวังหยวนและคณะก็เดินทางกลับระหว่างทางกลับ เ
“หืม?” หวังหยวนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็เข้าใจทันที คงเป็นเพราะเรื่องเกณฑ์แรงงานจึงทำให้ประชาชนไม่พอใจ“ทุกคน!”“เรื่องนี้คงเกิดจากความเข้าใจผิดใช่หรือไม่?”“ข้าต้องการแรงงานมาช่วยทำงาน แต่ก็เพื่อการพัฒนาเมืองอู่เจียง!”“เมื่อการก่อสร้างระบบชลประทานเสร็จสมบูรณ์ ในฤดูฝน พวกเราก็ไม่ต้องกังวลว่าแม่น้ำจะเอ่อล้นอีกต่อไป และที่สำคัญที่สุด เวลาในการเดินทางระหว่างเมืองอู่เจียงกับเมืองต่าง ๆ ก็จะใกล้เคียงลงมาก!”“นับเป็นเรื่องที่ดีต่อแผ่นดินและประชาชน!”“ยิ่งไปกว่านั้น ข้าก็ไม่ได้ใช้แรงงานโดยไม่จ่ายค่าจ้าง ข้าจะจ่ายค่าจ้างให้เดือนละหนึ่งตำลึง!” หวังหยวนอธิบายสถานการณ์โดยย่อความจริงเป็นเช่นนั้น เมื่อการก่อสร้างระบบชลประทานเสร็จสมบูรณ์ เมืองอู่เจียงจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง! ในอนาคต แม้แต่เมืองหลวงก็อาจจะพัฒนาไม่ดีเท่าเมืองอู่เจียง! แต่ทั้งหมดนี้นั้นเป็นเพราะเมืองอู่เจียงมีแม่น้ำห้าสายไหลผ่าน หากไม่เป็นเช่นนี้จะมีโอกาสสร้างระบบชลประทานได้อย่างไร?“จ่ายค่าจ้างด้วยหรือ?”“ก่อนหน้านี้ไม่เคยได้ยินเช่นนั้นเลยไม่ใช่รึ?”“พวกเราคงจำผิดไปกระมัง?”“ใช่แล้ว! ข้าได้ยินมาว่าท่านผู้นำเ
“การเตรียมการต่าง ๆ เป็นอย่างไรบ้าง?”หวังหยวนยกถ้วยชาขึ้น สายตาจับจ้องไปยังเกาเล่อขณะเอ่ยถามเกาเล่อส่ายหน้าแล้วตอบว่า “ข้าได้ค้นหาคนผู้มีความสามารถอยู่เสมอ แต่ก็ไม่ราบรื่นดังที่คาดหวังไว้ขอรับ” “บางคนก็มีความรู้ความสามารถ บางคนก็ไม่อาจคาดเดาเจตนาได้ โดยสรุปแล้วก็ยังไม่พบผู้ใดที่เหมาะสมนัก”หวังหยวนพยักหน้า แท้จริงแล้ว การค้นหาคนที่ไว้ใจได้และมีความรู้ความสามารถนั้นจะเป็นเรื่องง่ายได้อย่างไร? เวลาเพียงสองวันนั้นย่อมไม่เพียงพอ“เช่นนั้นเจ้าจงค้นหาต่อไป” “อย่างไรเสียข้าก็ต้องอยู่ที่เมืองอู่เจียงต่อไปอีกนาน” “เรื่องต่าง ๆ ในที่นี้ ข้าจะรับผิดชอบเอง” “แต่ก่อนหน้านั้นเจ้ายังมีภารกิจสำคัญอีกอย่างหนึ่ง นั่นคือการจัดหาแรงงานเพื่อช่วยข้าขุดคลอง” หวังหยวนสั่งการเพิ่มเติมเกาเล่อรับคำแล้วก็จากไปหลังจากอยู่ในห้องมาสองวัน แผนที่ก็เสร็จสมบูรณ์แล้ว หวังหยวนจึงสั่งให้คนจัดเตรียมอาหารและเครื่องดื่ม เพื่อเป็นการฉลองความสำเร็จแม้ว่าฉุนอวี๋อันจะพ้นจากตำแหน่งแล้ว แต่ก็ยังคงอยู่เคียงข้างหวังหยวน เกาเล่อควบคุมข่าวสารต่าง ๆ แต่เรื่องราวภายในเมืองอู่เจียงนั้น ฉุนอวี๋อันย่อมรู้ดีกว่า