ในไม่ช้าเซิ่งฟางสี่ก็ได้รับจดหมายท้าทายของอู๋หลิงเดิมทีเขากำลังนั่งดื่มชาอยู่ในกระโจม เมื่อเขาได้รับจดหมายท้าทายจากอู๋หลิง ก็นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่งแล้วจึงหัวเราะเขาอ่านจดหมายท้าทายอย่างรวดเร็ว แล้วโยนมันทิ้งไปด้วยความรังเกียจ ความเย้ยหยันปรากฏบนใบหน้าของเขา“น่าสนใจ น่าสนใจจริง ๆ เจ้าเด็กคนนี้คิดว่าตัวเองมีความสามารถจริง ๆ คิดว่าจะสามารถเอาชนะกองทหารห้าหมื่นนายของข้าได้ ด้วยทหารเพียงสามหมื่นนายของเขางั้นหรือ?”“เขาคิดว่าตัวเองเป็นเทพเจ้าแห่งสงครามที่ไม่มีใครเทียบได้หรือ ช่างฟังดูไร้สาระมาก ฮ่า ๆ ๆ!”รองขุนพลที่อยู่ข้างเซิ่งฟางสี่ก็พยักหน้าและยกยิ้ม “ใช่แล้วขอรับ แม้ว่าอู๋หลิงจะเป็นที่รู้จักในฐานะขุนพลผู้อยู่ยงคงกระพัน แต่ช่องว่างความแข็งแกร่งระหว่างทั้งสองฝ่ายในครั้งนี้ใหญ่มาก เว้นแต่เขาจะยอมจำนนโดยสมัครใจ และยอมอยู่ใต้อำนาจของเรา มิฉะนั้นเราต้องฆ่าพวกเขาทุกคนจนราบคาบ!”คำพูดของรองขุนพลทำให้เซิ่งฟางสี่ระเบิดเสียงหัวเราะดวงตาของเขาเป็นประกาย ดูเย่อหยิ่งเป็นพิเศษ!ถูกต้อง!ครั้งนี้เขามุ่งมั่นที่จะชนะ ต้องกำจัดอุปสรรคใหญ่อย่างอู๋หลิงให้เร็วที่สุด!เมื่อถึงเวลานั้น ผู้คนจะเห็นว่า
อู๋หลิงเห็นปฏิกิริยาและความคิดของเซิ่งฟางสี่ แล้วจดจำไว้ในใจใบหน้าของเขาเคร่งขรึมอย่างยิ่ง สายตาเย็นชา ขณะพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก “เจ้าหยุดพูดจาเหลวไหลเดี๋ยวนี้!”“เจ้ากล้าพูดเรื่องชั่วร้ายเช่นนี้ ที่นี่อย่างโจ่งแจ้งได้อย่างไร?”“เซิ่งฟางสี่ เจ้าหยิ่งผยองและไร้ยางอายจริง ๆ!”หลังจากได้ยินถ้อยคำเหล่านี้ ดวงตาของเซิ่งฟางสี่ก็เต็มไปด้วยความเย้ยหยันนัยน์ตาฉายแววดุดันขณะกำหมัดแน่น เจตนาฆ่าในดวงตาของเขาฉายชัด!“ฮ่าฮ่าฮ่า ขุนพลอู๋ เจ้าไม่รู้จักคิดให้รอบคอบ แม้ว่าฮองเฮาจะได้รับการแต่งตั้งจากฝ่าบาทให้ดูแลแผ่นดิน แต่นางก็ยังเป็นสตรี!คนเช่นนี้จะปกป้องแผ่นดินต้าเย่ได้อย่างไร?”“หุบปาก!”สีหน้าของอู๋หลิงเริ่มโกรธเกรี้ยว เขาตวาดเสียงดัง “เจ้าจงใจพยายามปลุกปั่นให้ผู้คนสับสน!”“ฮ่าฮ่า เจ้าดูตัวเองสิ ตอนนี้เจ้าหงุดหงิดเพราะรับความจริงไม่ได้แล้ว”อู๋หลิงยังคงเยาะเย้ยและพูดประชด “ข้าจะบอกเจ้าให้นะอู๋หลิง ตั้งแต่สมัยโบราณ ไม่มีทางที่สตรีจะดูแลราชสำนักได้!”“เจ้ายินดีจะเฝ้าดูชายแดนต้าเย่ถูกรุกรานซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนแผ่นดินใกล้พังพินาศเพียง เพียงเพราะให้สตรีมาดูแลแผ่นดินงั้นหรือ?”หลังจากพูดจบ ค
ความแข็งแกร่งระหว่างทั้งสองฝ่ายนั้นแตกต่างกันมาก ไม่มีทางที่อู๋หลิงจะเอาชนะพวกเขาได้!ยิ่งคิดเรื่องนี้มากเท่าไหร่ เซิ่งฟางสี่ก็รู้สึกหยิ่งผยองและตื่นเต้นมากขึ้นเท่านั้น!เขาอดไม่ได้ที่จะยกยิ้มมุมปาก จากนั้นน้ำเสียงของเขาก็เต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ขณะพูดเยาะเย้ย “ฮ่าฮ่า อู๋หลิง ข้านับถือเจ้าในฐานะขุนพล นับถือนิสัยหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรีของเจ้า!”“แม้ว่าปัจจุบันเราจะอยู่คนละฝั่งกัน แต่ก็ไม่ได้ขัดขวางเราจากการเป็นพันธมิตรกัน หากเจ้าเต็มใจ เจ้าสามารถเข้าร่วมกับตระกูลเซิ่งของข้าได้!”“เจ้าช่วยข้าพิชิตแผ่นดิน จากนี้ไปเจ้าจะเป็นขุนพลที่ได้รับความไว้วางใจจากข้ามากที่สุด เมื่อถึงเวลานั้น ข้าจะมอบตำแหน่งดูแลกองทัพให้เจ้าด้วย ว่าอย่างไร?”หลังจากคำพูดของเซิ่งฟางสี่ออกมา ใบหน้าของอู๋หลิงที่บึ้งตึงอยู่แล้วก็เย็นชายิ่งขึ้นเขาอดไม่ได้ที่จะนึกเย้ยหยัน ความดูถูกในสายตาเขานั้นมองเห็นได้ชัดเจน!“หึหึ ฮ่าฮ่าฮ่า ไร้สาระ ช่างไร้สาระยิ่งนัก!”อู๋หลิงมีรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าเหี้ยมเกรียม เขาพยายามระงับโทสะในใจ แล้วตะคอก “เซิ่งฟางสี่ เจ้าอย่าแม้แต่จะคิด!”“ตอนนี้เจ้าไม่มีสถานะหรือชื่อเสียงใด ๆ ที่จะทำเรื่อง
ยิ่งเขาคิดเรื่องนี้มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งสงสัยและสับสนมากขึ้นเท่านั้นในช่วงเวลาวิกฤตินี้ ด้านหลังเซิ่งฟางสี่ จู่ ๆ ชายคนหนึ่งก็ควบม้าเข้ามาอย่างเร่งรีบ“รายงาน รายงานขอรับ ท่าไม่ดีแล้วขอรับ เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!”ใบหน้าของทหารคนนั้นเต็มไปด้วยความกังวลใจและตื่นตระหนก เขาตะโกนบอกเซิ่งฟางสี่อย่างลนลาน “ท่าไม่ดีแล้ว อาหารและหญ้าของเราถูกเผาหมดแล้วขอรับ!”“อะไร!”เมื่อได้ยินเช่นนั้น เซิ่งฟางสี่ก็ตื่นตระหนกทันทีเขาอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายด้วยความตกใจ สัมผัสได้ถึงเหงื่อเย็นบนหลังความรู้สึกน่าขนลุกนี้เข้ามารบกวนจิตใจของเขาอยู่ตลอดเวลา จนทำให้หายใจลำบากเมื่อต้องเดินทัพเพื่อไปสู้รบ สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ต้องเตรียมคืออาหารและหญ้า หากมีอาหารไม่เพียงพอ ขวัญกำลังใจจะลดลงอย่างมาก และการต่อสู้จะต้องพ่ายแพ้แน่นอน!ตอนนี้อาหารและหญ้าถูกไฟไหม้หมดแล้ว เมื่อเหล่าทหารได้ยินก็เกิดความตื่นตระหนก สีหน้าบ่งบอกว่าไม่สบายใจชัดเจนตามที่คาดไว้สีหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความกลัวและความตื่นตกใจ เริ่มพูดคุยกันเสียงเบาด้วยความหวั่นวิตก!หากไม่มีเสบียงอาหารหลังสงคราม คนจะไม่ตายเพราะความเหนื่อยล้าหรือความอดอยากห
การข่มขู่ยิ่งทำให้สีหน้าของเซิ่งฟางสี่ยิ่งโกรธเกรี้ยวขึ้นอีก!แต่สิ่งที่อู๋หลิงพูดเป็นเรื่องจริง ถ้าเขายังคงอยู่ที่นี่ แล้วเขาจะแก้ปัญหาวุ่นวายที่อยู่ข้างหลังได้อย่างไร?ในขณะนี้เซิ่งฟางสี่ตกอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก!ใบหน้าของอู๋หลิงเต็มไปด้วยความเยาะเย้ย เขามองอู๋หลิงอย่างกระหยิ่มใจ แล้วถามว่า “ดังนั้นใต้เท้าเซิ่ง เจ้าจะล่าถอยไปแคว้นกู่ หรือจะต่อสู้กับข้าให้จบ?”อู๋หลิงยิ้มอย่างภาคภูมิใจ แล้วพูดต่อ “เจ้าเป็นฝ่ายพูดเองแล้วว่าข้าเป็นขุนพลไร้พ่าย ไม่มีการต่อสู้ใดในแผ่นดินนี้ที่ข้าไม่สามารถชนะได้!”อู๋หลิงโบกมือแล้วชี้ไปยังกองกำลังที่อยู่ข้างหลังเขา ดวงตาฉายแววภาคภูมิใจ“เห็นหรือไม่ ว่าข้ามีนักรบฝีมือดีทั้งหมดสามหมื่นห้าพันคนใต้บัญชาของข้า แม้ว่าจำนวนคนจะต่างกันมาก แต่พวกขยะในมือเจ้าก็ไม่อาจต่อสู้ได้โดยง่ายใช่หรือไม่?”คนเหล่านั้นอาบเลือดกลางสนามรบ กลิ่นอายของเลือดและความเหี้ยมโหดบนร่างกายของพวกเขา บ่งบอกว่าไม่ใช่คำลวงทันใดนั้นใบหน้าของเซิ่งฟางสี่ก็เคร่งเครียด เขาคิดอย่างรอบคอบว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี!“ใต้เท้าเซิ่ง เจ้ามีเวลาเหลือไม่มากแล้ว ยิ่งเจ้าล่าช้ามากเท่าไหร่ เจ้า
“พ่ะย่ะค่ะ ฮองเฮา!”ใบหน้าของหลายคนดูตื่นตระหนกและไม่สบายใจอย่างยิ่ง!สีหน้าของผู้นำเคร่งขรึม ขณะพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม “เรื่องนี้ร้ายแรงเกินไปจริง ๆ โปรดตัดสินใจโดยเร็วที่สุด เพื่อให้ทุกคนในแผ่นดินสงบสุขพ่ะย่ะค่ะ…”เมื่อได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของฮองเฮาก็เคร่งขรึมเช่นกันอดไม่ได้ที่จะครุ่นคิดเรื่องนี้สักครู่ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ความจริงแล้วเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ข้ากังวลมาโดยตลอด ข้าคาดคิดว่าหลังจากกังวลเรื่องนี้มานาน แล้วยังคงเกิดขึ้นจริง…”“ฮองเฮา การถูกบุกรุกที่ชายแดนไม่ใช่เรื่องเล็ก!”“สงครามสร้างปัญหาให้กับประชาชน ก่อให้เกิดการสิ้นเปลืองทั้งกำลังคนและเงิน เราต้องเลือกคนไปปราบกบฏครั้งนี้โดยเร็วที่สุดพ่ะย่ะค่ะ!”“พวกเจ้าพูดถูก”เมื่อฮองเฮาได้ฟังคำพูดที่เป็นกังวลของขุนนางชั้นผู้ใหญ่หลายคน ใบหน้าของนางก็เต็มไปด้วยความเคร่งเครียดดวงตาของนางฉายแววกังวล ก่อนจะพูดอย่างลำบากใจ “แต่ขุนพลที่แข็งแกร่งที่สุดของเราคือขุนพลอู๋หลิง ซึ่งตอนนี้กำลังยกทัพไปกวาดล้างกองทัพของกบฏตระกูลเซิ่ง จะให้จัดการทั้งสองฝ่ายได้อย่างไร...”ดวงตาของฮองเฮาเต็มไปด้วยความอับอาย นางกำแขนเสื้อตัวเองแน่นโดยไม่
อู๋หลิงเยาะเย้ยแล้วมองเซิ่งฟางสี่ด้วยความเย้ยหยัน มองเขาราวกับกำลังมองคนโง่ที่ไม่เข้าใจอะไรเลย“เจ้าหัวเราะอะไร คิดว่าข้าจะไม่ทุบหม้อข้าว จมเรือหรือ?”เซิ่งฟางสี่กำดาบยาวในมือแน่นโดยไม่รู้ตัว ขณะถามเสียงเย็นด้วยความไม่พอใจ“ฮ่าฮ่า ข้าแค่คิดว่าเจ้าช่างน่าขัน เจ้าคิดว่าจะเกิดผลอะไร ถ้าเจ้ายังคงฝืนต่อไป?”“ยิ่งเจ้าเสียเวลานานเท่าไหร่ ครอบครัวและญาติสนิทมิตรสหายของเจ้า ก็จะยิ่งได้รับบาดเจ็บล้มตายกันมากขึ้นเท่านั้น!”ดวงตาของอู๋หลิงมืดมน เขาพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน “ถ้าเจ้าปฏิเสธที่จะถอยไปแคว้นกู่ในวันนี้ ข้าจะต่อสู้กับเจ้า ไม่ว่าเจ้าจะอยู่หรือตาย ประเดี๋ยวก็จะได้รู้กันในไม่ช้า!”สิ้นคำพูดนี้ กองกำลังทหารที่อยู่ด้านหลังอู๋หลิงก็คำรามพร้อมกันทันที ขวัญกำลังใจของพวกเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก!ภาพทำให้สีหน้าของเซิ่งฟางสี่เปลี่ยนไปทันที!น้ำเสียงของเขาสั่นเครือเล็กน้อย รังสีอำมหิตของคนกลุ่มนี้แข็งแกร่งเกินไป!เขาตกใจมากจนสีหน้ากังวลเริ่มเปลี่ยนไปกะทันหัน ความกลัวและความไม่สบายใจฉายชัดในดวงตาเขาทันที!ในขณะนี้จากระยะไกล จู่ ๆ ก็มีทหารคนหนึ่งถือธงอยู่ในมือ ควบม้ามาทางนี้อย่างรวดเร็ว!ในเวลาเดียว
“...”อู๋หลิงหน้าบึ้งตึง ไม่เอ่ยคำใดยิ่งมีเรื่องนี้เกิดขึ้น ท่าทางของเซิ่งฟางสี่จึงยิ่งเย่อหยิ่งมากขึ้นอีกเขายิ้มอย่างมีชัยแล้วพูดประชด “ดังนั้น ถ้าเจ้าก้าวเท้าหน้าออกไป ข้าย่อมสามารถยึดทั้งเมืองหนานและเมืองไห่ได้ทันที!”คำพูดของเซิ่งฟางสี่หยิ่งผยองยิ่งนัก ใบหน้ามีรอยยิ้มกว้าง ราวกับว่าเขาอยากจะยั่วยุอู๋หลิงให้โกรธตายไปเลย!“เจ้า...”ใบหน้าของอู๋หลิงมืดมน เขากำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว ขณะหายใจแรงสิ่งที่เซิ่งฟางสี่พูดนั้นถูกต้องจริง ๆ หากเขาจากไปในเวลานี้ เพื่อไปปราบปรามกลุ่มคนที่อยู่ที่ชายแดน เซิ่งฟางสี่จะใช้โอกาสนี้ดำเนินการแน่นอน!แต่หากไม่ถอยทัพออกไป ชายแดนก็ถูกบุกและสูญเสียดินแดนต้าเย่ จะทำอย่างไรดี?ขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงวิกฤติของปัญหาภายในและภายนอก ดูเหมือนว่าทุกอย่างยังต้องรอให้ฮองเฮาตัดสินใจ!แม้ว่าในขณะนี้อู๋หลิงจะไม่พอใจมาก แต่เขาก็ยังคงโบกมือแล้วตะโกนด้วยความโกรธไปยังกลุ่มคนที่อยู่ข้างหลังเขา “ทหารทุกคน ฟังคำสั่งของข้า ถอยทัพบัดเดี๋ยวนี้!”เซิ่งฟางสี่กระหยิ่มยิ้มย่อง เฝ้ามองอู๋หลิงกับคนของเขาจากไปอย่างรวดเร็ว ความภาคภูมิใจบนใบหน้าปรากฏชัดหลังจากที่อู๋หลิงจากไปแล้ว
แต่ศัตรูมีจำนวนมากเกินไป แม้หวังหยวนและพรรคพวกทั้งสี่จะมีฝีมือ แต่ไม่นานก็เริ่มอ่อนล้า!ด้วยกลยุทธ์การรุมกินโต๊ะ คนสี่คนจะสู้กับคนร้อยกว่าคนได้อย่างไร?ยิ่งไปกว่านั้น คนพวกนี้ไม่ใช่ธรรมดา ล้วนเป็นยอดฝีมือที่ถูกคัดเลือกมาอย่างดี!เพียงแค่คนเดียวก็สามารถจัดการคนธรรมดาได้หลายคนแล้ว!ครั้งนี้ซือฟางลงทุนมากทีเดียว!“หากรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ ข้าคงไม่พาพวกเจ้าสามคนมาด้วย...”หวังหยวนและพรรคพวกรวมตัวกัน ยืนหันหลังชนกัน คอยสังเกตสถานการณ์จากทุกทิศทุกทางในเวลาเดียวกัน!ศัตรูล้อมพวกเขาไว้หลายชั้น พร้อมจะลงมือได้ทุกเมื่อ!พวกหวังหยวนใกล้จะถึงขีดจำกัดแล้ว หากถูกโจมตีอีกครั้งคงจะต้านทานไม่ไหวอย่างแน่นอน...สุดท้ายคงมีแต่ทางตัน!“พวกมันใกล้จะหมดแรงแล้ว!”“ทุกคนร่วมกันออกแรงอีกครั้ง! ฆ่าคนสี่คนนี้ให้ได้ แล้วพวกเราจะได้กลับไปรับรางวัล!”หัวหน้ามือสังหารกล่าวอย่างตื่นเต้น!นี่ถือว่าเป็นช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์!ในดินแดนทั้งเก้า หวังหยวนมีชื่อเสียงโด่งดัง ผู้คนต่างยกย่องชื่นชมและนับถือราวกับเทพเจ้า!แต่ตอนนี้หวังหยวนกำลังจะตายด้วยน้ำมือของเขา!แล้วเขาจะไม่ดีใจได้อย่างไร?เมื่อกลับไปยังต้า
ในคืนนั้น พวกหวังหยวนออกจากป่ามุ่งหน้าไปยังชนเผ่าทางเหนือ!ชนเผ่าทางเหนือตั้งอยู่ในดินแดนอันห่างไกลที่ทุรกันดาร!หวังหยวนหยิบแผนที่ที่ไท่สื่อลี่มอบให้มาดูทิศทางคร่าวๆ แล้วชี้ไปทางทิศเหนือ ก่อนจะกล่าวว่า “ตามแผนที่ ชนเผ่าของไท่สื่อลี่น่าจะอยู่ข้างหน้า!”“ห่างจากพวกเราเพียงร้อยกว่าลี้! หากพวกเราเร่งฝีเท้า อีกไม่นานก็ถึงแล้ว!”“เมื่อเข้าไปในเผ่าได้ก็จะปลอดภัย!”ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วยแม้ร้อยกว่าลี้จะไม่ใกล้ แต่เพื่อเอาชีวิตรอด ต่อให้เหนื่อยล้าก็ต้องอดทน!เพียงแค่เข้าไปในชนเผ่าได้จึงจะปลอดภัยไร้กังวล!ขณะที่พวกหวังหยวนกำลังจะเดินทางต่อ พลันมีเสียงหัวเราะเยาะดังมาจากด้านหลัง ทำให้ทุกคนขนลุก!ไม่นึกเลยว่า...คนพวกนั้นจะตามมาทันแล้ว!ช่างดื้อด้านยิ่งนัก!“หวังหยวน!”“น่าเสียดายที่พวกเจ้าไม่มีโอกาสไปถึงชนเผ่าแล้ว”หัวหน้ามือสังหารยืนอยู่บนต้นไม้ มองลงมาที่หวังหยวนและพรรคพวก เขาถอดหน้ากากออกชักดาบยาวออกมา ดวงตาเต็มไปด้วยจิตสังหาร!“ลูกน้องของเจ้าตายหมดแล้ว!”“การอยู่กับเจ้าช่างน่าเวทนา ต้องมาตายอนาถเช่นนี้!”“เมื่อลงไปยมโลก เจ้าก็ไปปลอบใจพวกมันเสีย แล้วบอกพวกมันด้วยว่าต่อไปอย่าไ
ไฉจวิ้นรีบหลบหลังต้นไม้ จึงรอดพ้นจากอันตรายไปได้อย่างฉิวเฉียด!แม้เขาจะไม่กลัวความเจ็บปวด แต่หากโดนธนูมากมายเช่นนี้ เลือดคงไหลหมดตัวตายในที่สุด!“ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!”ขณะที่หวังหยวนกำลังเผชิญหน้ากับศัตรู พลันมีเสียงแหวกอากาศดังขึ้นอีกครั้ง!ยอดฝีมือยี่สิบคนที่ซ่อนตัวอยู่ปรากฏตัวขึ้น ไม่ช้าก็เข้าโรมรันกันอย่างดุเดือด!“ท่านผู้นำรีบไปก่อนขอรับ! ที่นี่พวกข้าจัดการเอง!”หนึ่งในนั้นตะโกนบอกหวังหยวนหวังหยวนรู้สึกซาบซึ้งใจ กัดฟันแน่น ไม่เอ่ยคำใดและไม่ยอมจากไปด้วยหากทิ้งคนยี่สิบคนนี้ไว้ พวกเขาคงไม่รอด!ถึงแม้เขาจะต้องเอาชีวิตรอด แต่ก็ไม่ใช่การเสียสละชีวิตพี่น้อง!“พวกเจ้าไปก่อน! ข้าจะอยู่ช่วยพวกเขา!”หวังหยวนรีบบอกหลิ่วหรูเยียนและคนอื่น ๆ“พี่ใหญ่! ท่านพูดอะไรเช่นนั้น?”“บัดนี้พวกเราเป็นพี่น้องกันแล้ว! ก่อนท่านปู่ของข้าตายยังกำชับให้ข้าดูแลท่านเสมือนพี่ชายแท้ ๆ อยู่เลย! ยามคับขันเช่นนี้ หากต้องมีคนอยู่ที่นี่ คนผู้นั้นก็ต้องเป็นข้า!”“พี่ใหญ่! รีบพาพี่สะใภ้ออกไป! ข้าจะช่วยพี่น้องยี่สิบคนนี้จัดการกับพวกสารเลวเหล่านี้เองขอรับ!”“นั่นสินะ! ข้าล่าสัตว์ในป่ามาตลอด เคยสู้กับแต่สัตว์ร้าย
“ฟึ่บ!”ทันใดนั้นหวังหยวนรู้สึกเสียวสันหลัง สัมผัสได้ถึงอันตรายจนขนทั่วร่างลุกชัน!หวังหยวนรีบโอบคอไป๋ลั่วหลีและหลิ่วหรูเยียนพุ่งตัวล้มลงกับพื้น!ลูกธนูมากมายพุ่งผ่านศีรษะพวกเขาไปอย่างรวดเร็ว!หากหวังหยวนไม่ตอบสนองอย่างรวดเร็ว ตอนนี้พวกเขาคงกลายเป็นเม่นไปแล้ว!ส่วนไฉจวิ้นดูเหมือนจะไม่โชคดีนัก ตอนนี้ไม่เพียงแต่ถูกธนูยิงเข้าที่หน้าอกเท่านั้น แขนก็ยังโดนอีกดอก!ดูท่าทางน่าเวทนายิ่งนัก!“ไฉจวิ้น! เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”หวังหยวนรีบตะโกนถามไฉจวิ้นยกยิ้ม แล้วส่ายหน้ากล่าวว่า “ไม่เป็นอะไรขอรับ! แค่บาดเจ็บนิดหน่อย! เทียบกับสัตว์ร้ายที่ข้าเคยเจอ นี่ยังแค่คัน ๆ ขอรับ!”ว่าแล้วไฉจวิ้นก็ดึงลูกธนูทั้งสองดอกที่ปักอยู่บนตัวออก!ครั้งหนึ่งตอนที่เขาติดตามปู่ไป สองปู่หลานมักจะเข้าไปในป่าและพบเจอสัตว์ร้ายมากมาย!แม้แต่หมีสีน้ำตาลก็เคยสู้ด้วยมา!ไฉจวิ้นมีความดุร้ายอยู่ในตัว!“พวกเจ้าสองคนเป็นอย่างไรบ้าง?”หวังหยวนมองไป๋ลั่วหลีและหลิ่วหรูเยียนที่อยู่ในอ้อมกอด แล้วถามด้วยความเป็นห่วง“พวกข้าไม่เป็นอะไร!”ทั้งสองตอบพร้อมกัน“หวังหยวน!”ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงคุ้นเคยดังมาจากด้านหลังหวังหยวน
“ไล่ตามไป!”“ห้ามปล่อยให้พวกมันหนีไปได้!”“หากฆ่าพวกหวังหยวนไม่ได้ กลับไปพวกเราคงหัวหลุดจากบ่าเป็นแน่!”หัวหน้าคนนั้นตะโกนลั่น ลูกน้องรีบวิ่งตามไปติด ๆ!เดิมทีคิดว่าหวังหยวนหยุดอยู่ที่นี่คงจะสู้ตาย แต่ไม่คาดคิดว่าหวังหยวนกลับพาลูกน้องวิ่งหนีอย่างกับหมาตกน้ำงั้นหรือ?หากเรื่องนี้แพร่ออกไปคงจะอับอายขายหน้า!“หากท่านไม่ได้เตรียมการไว้ เหตุใดจึงบอกให้พวกเราหยุด?”“ยิ่งกว่านั้น! ท่านยังไปยั่วโมโหพวกมันอีก! นี่เป็นการหาเรื่องใส่ตัวไม่ใช่หรือ?”หลิ่วหรูเยียนบ่นอุบอิบส่วนไป๋ลั่วหลีเพียงแค่ติดตามหวังหยวน ไม่ได้เอ่ยคำใด“หากรวมพวกเราด้วยมีทั้งหมดยี่สิบสี่คน! ในจำนวนนี้มีคนซ่อนตัวอยู่ยี่สิบคน ข้าคิดว่าฝ่ายตรงข้ามคงส่งคนมาเท่า ๆ กับพวกเรา!”“เช่นนั้นพวกเราก็จะจัดการพวกมันได้ง่ายดาย!”“แต่ข้าไม่คาดคิดว่าซือฟางจะลงทุนส่งคนมาลอบสังหารพวกเรามากมายถึงเพียงนี้!”“หากพวกเราสู้กับพวกมันตรงนี้ คนที่รอดออกจากป่าคงมีไม่ถึงสิบคน!”หวังหยวนกล่าวถึงความกังวลในใจหลิ่วหรูเยียนขมวดคิ้ว ช่างน่าเจ็บใจนัก!ซือฟางช่างหน้าไหว้หลังหลอก เมื่ออยู่ในเมืองหลวงทำเป็นปล่อยพวกเขาไป แต่กลับส่งคนมาดักฆ่าในตอนนี
“ข้ารู้อยู่แล้วว่าพวกเรากำลังเดินวนอยู่”“แต่หากไม่ทำเช่นนี้จะทำให้คนพวกนั้นสับสนได้อย่างไร?”จู่ ๆ หวังหยวนก็มองไปทางด้านหลังราวกับกำลังมองหาอะไรบางอย่างทุกคนต่างมองตาม ซือฟางก็เช่นกัน เขารีบลุกขึ้นยืนมองไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวังหวังหยวนผ่านสมรภูมิมามากมาย ย่อมมีความเฉียบคมเหนือคนทั่วไป!“พี่ใหญ่!”“ในป่ามืดเช่นนี้ ต่อให้มีคนซ่อนอยู่ พวกเราก็คงหาตัวเจอได้ยากไม่ใช่หรือขอรับ?”“ท่านแน่ใจหรือขอรับว่ามีคนตามมา?”ซือฟางถามด้วยความสงสัยหวังหยวนไม่ได้ตอบ แต่กล่าวว่า “พวกมันตามเรามานานแล้ว ที่นี่น่าจะลึกเข้ามาในป่าแล้วกระมัง?”“ข้าว่าพวกเจ้าลงมือตรงนี้เลยก็ได้!”“หากไปต่อ เมื่อพวกเราออกจากป่า พวกเจ้าก็จะหมดโอกาสสังหารพวกเรา!”หวังหยวนยืนกอดอกด้วยท่าทางองอาจสิ้นคำของเขา พลันมีเสียงดังมาจากในป่า ตามมาด้วยเสียงฝีเท้า เงาร่างมากมายปรากฏตัวขึ้นล้อมพวกหวังหยวนไว้!มองดูแล้วมีมากกว่าร้อยคน!ทุกคนสวมหน้ากากใส่ชุดดำ ถือดาบยาวสีเงินวาววับอยู่ในมือ!เห็นได้ชัดว่าเป็นยอดฝีมือที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างดี!“ยอดเยี่ยม!”ในกลุ่มคน มีบุรุษคนหนึ่งเดินออกมามองไปที่หวังหยวน เขากอดดาบไว้พลางกล่าวว
“ท่านคิดจะจับหวังหยวนไว้ที่นี่จริงหรือ?”“หากฆ่ามัน คนของมันจะยอมไว้ชีวิตพวกเราหรือ?”“ยิ่งไปกว่านั้น หวังหยวนเป็นที่รักของประชาชน หากเกิดเรื่องขึ้นที่นี่ แล้วข่าวแพร่ออกไป พวกเราก็คงไม่รอด...”ได้ใจประชาชนย่อมได้ครองแผ่นดินเจี๋ยงโฉ่วอีเข้าใจเรื่องนี้ดี น้ำสามารถพยุงเรือก็สามารถคว่ำเรือได้ หากทำให้ประชาชนลุกฮือย่อมจะสายเกินแก้!“แต่หวังหยวนพาไป๋ลั่วหลีไปด้วย นางเป็นตัวแปรสำคัญ!”ซือฟางถอนหายใจยาวเจี๋ยงโฉ่วอีหรี่ตากล่าวด้วยเสียงเย็นชาว่า “แล้วจะทำเช่นไร? ในเมืองหลวง พวกเราทำอะไรหวังหยวนไม่ได้ เพราะต้องหยุดทุกคนไม่ให้พูดถึงเรื่องนี้ในภายหลัง!”“แต่หวังหยวนออกจากเมืองหลวงไปแล้ว กำลังเดินทางไปชนเผ่าทางเหนือ คนแถวนั้นล้วนเป็นคนป่าเถื่อน! หากหวังหยวนตายระหว่างทางคงไม่แปลกใช่หรือไม่?”ทันใดนั้น ซือฟางก็เข้าใจความหมายของเจี๋ยงโฉ่วอีเขายกนิ้วให้เจี๋ยงโฉ่วอี แล้วกล่าวว่า “ว่ากันว่าคนโหดเหี้ยมจึงจะได้เป็นใหญ่ ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้นจริง! โดยเฉพาะพวกบัณฑิตอย่างท่าน ช่างมีเล่ห์เหลี่ยมมากมายเหลือเกิน”“การมีท่านเป็นสหาย ข้ารู้สึกยินดีนัก!”“ข้าจะไปจัดการ ครั้งนี้ข้าจะให้หวังหยวนและพรรค
หลังจากหวังหยวนสั่งการ คนของเขาต่างแยกย้ายกันไป กลุ่มหนึ่งติดตามหวังหยวนไปยังชนเผ่าทางเหนือ ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งมุ่งหน้าเข้าไปยังจุดต่าง ๆ ในเมืองหลวงไป๋หมิงเพิ่งขึ้นครองราชย์ ซือฟางและเจี๋ยงโฉ่วอีก็คอยช่วยเหลือย่อมต้องเข้าควบคุมราชการแผ่นดิน เมืองหลวงจึงถูกควบคุมอย่างเข้มงวดหากเป็นคนอื่น หวังหยวนคงจะกังวลใจ แต่คนที่อยู่ที่นี่คือเกาเล่อ หวังหยวนจึงวางใจได้ด้วยนิสัยและความสามารถของเกาเล่อย่อมไม่ทำให้เขาผิดหวังและจะไม่เกิดปัญหาขึ้น!“เจ้าจะไปชนเผ่ากับพวกข้าหรือจะอยู่ในเมืองเพื่อดูแลเกาเล่อ?”“ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเจ้า” หวังหยวนมองไปที่ไป๋ลั่วหลีไป๋ลั่วหลีเป็นคนสนิทของไป๋อวิ๋นเฟย นับตั้งแต่ไป๋เหยียนเฟยป่วย นางก็คอยดูแลไป๋อวิ๋นเฟยมาตลอด บัดนี้ถึงคราวคับขัน ไป๋อวิ๋นเฟยก็ถูกกักบริเวณ หวังหยวนไม่อยากบังคับไป๋ลั่วหลี จึงให้นางตัดสินใจเอง“ข้าอยู่ในเมืองก็คงช่วยอะไรไม่ได้...”ไป๋ลั่วหลีถอนหายใจ มองไปทางที่เกาเล่อจากไปก่อนกล่าวว่า “แม้ซือฟางและเจี๋ยงโฉ่วอีจะรู้ว่าท่านหวังมีองค์กรเครือข่ายผีเสื้อคอยทำงานลับให้ และท่านเกาคือหัวหน้า แต่พวกมันไม่เคยเห็นหน้าท่านเกา”“หากข้าอยู่ที่นี่ เก
ทุกคนมองหน้ากัน แล้วต่างพากันยกนิ้วให้หวังหยวนในตอนนี้หลิ่วหรูเยียนเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วว่าเหตุใดหวังหยวนจึงมีสตรีมากมายอยู่เคียงข้าง เพราะเขามีเสน่ห์ที่ทำให้คนอยู่ด้วยรู้สึกปลอดภัยอย่างแท้จริง!ความรู้สึกนี้ช่างดีเหลือเกิน!“เหตุใดท่านไม่พาองค์ชายมาด้วยเล่าเจ้าคะ?” ไป๋ลั่วหลีถามหวังหยวนโบกมือ กล่าวว่า “ข้าก็อยากพาองค์ชายมาด้วย แต่เจ้าก็เห็นแล้วว่าซือฟางและเจี๋ยงโฉ่วอีคิดการใหญ่”“การโจมตีค่ายเสบียงอาจทำให้พวกเขาหวั่นเกรงได้ แต่เมื่อเทียบกับไป๋อวิ๋นเฟยแล้ว แน่นอนว่าไป๋อวิ๋นเฟยสำคัญกว่า!”“หากพวกเขาควบคุมตัวไป๋อวิ๋นเฟยไว้ได้ ก็จะกำจัดปัญหาทั้งหมด! สามารถใช้พระนามขององค์ชายควบคุมขุนนางและกองทัพได้!”“แต่หากปล่อยไป๋อวิ๋นเฟยไป ต่อให้พวกเขาแย่งชิงราชบัลลังก์จากไป๋หมิงได้หรือทำให้ไป๋หมิงเป็นหุ่นเชิด ผลลัพธ์ก็เดาได้ไม่ยาก ไป๋อวิ๋นเฟยจะรวบรวมกำลังต่อสู้กับพวกเขา!”“พวกเขาเป็นคนฉลาด จะไม่เข้าใจเรื่องนี้ดีได้อย่างไร?”“ก่อนที่อำนาจของพวกเขาจะมั่นคง พวกเขาจะไม่ทำร้ายไป๋อวิ๋นเฟย เจ้าสบายใจได้!”“แต่หากพวกเราดึงดันพาไป๋อวิ๋นเฟยไป นั่นแหละจะเป็นการทำร้ายเขา!”ไป๋ลั่วหลีเข้าใจแล้ว ทั้งห