อู๋หลิงเยาะเย้ยแล้วมองเซิ่งฟางสี่ด้วยความเย้ยหยัน มองเขาราวกับกำลังมองคนโง่ที่ไม่เข้าใจอะไรเลย“เจ้าหัวเราะอะไร คิดว่าข้าจะไม่ทุบหม้อข้าว จมเรือหรือ?”เซิ่งฟางสี่กำดาบยาวในมือแน่นโดยไม่รู้ตัว ขณะถามเสียงเย็นด้วยความไม่พอใจ“ฮ่าฮ่า ข้าแค่คิดว่าเจ้าช่างน่าขัน เจ้าคิดว่าจะเกิดผลอะไร ถ้าเจ้ายังคงฝืนต่อไป?”“ยิ่งเจ้าเสียเวลานานเท่าไหร่ ครอบครัวและญาติสนิทมิตรสหายของเจ้า ก็จะยิ่งได้รับบาดเจ็บล้มตายกันมากขึ้นเท่านั้น!”ดวงตาของอู๋หลิงมืดมน เขาพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน “ถ้าเจ้าปฏิเสธที่จะถอยไปแคว้นกู่ในวันนี้ ข้าจะต่อสู้กับเจ้า ไม่ว่าเจ้าจะอยู่หรือตาย ประเดี๋ยวก็จะได้รู้กันในไม่ช้า!”สิ้นคำพูดนี้ กองกำลังทหารที่อยู่ด้านหลังอู๋หลิงก็คำรามพร้อมกันทันที ขวัญกำลังใจของพวกเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก!ภาพทำให้สีหน้าของเซิ่งฟางสี่เปลี่ยนไปทันที!น้ำเสียงของเขาสั่นเครือเล็กน้อย รังสีอำมหิตของคนกลุ่มนี้แข็งแกร่งเกินไป!เขาตกใจมากจนสีหน้ากังวลเริ่มเปลี่ยนไปกะทันหัน ความกลัวและความไม่สบายใจฉายชัดในดวงตาเขาทันที!ในขณะนี้จากระยะไกล จู่ ๆ ก็มีทหารคนหนึ่งถือธงอยู่ในมือ ควบม้ามาทางนี้อย่างรวดเร็ว!ในเวลาเดียว
“...”อู๋หลิงหน้าบึ้งตึง ไม่เอ่ยคำใดยิ่งมีเรื่องนี้เกิดขึ้น ท่าทางของเซิ่งฟางสี่จึงยิ่งเย่อหยิ่งมากขึ้นอีกเขายิ้มอย่างมีชัยแล้วพูดประชด “ดังนั้น ถ้าเจ้าก้าวเท้าหน้าออกไป ข้าย่อมสามารถยึดทั้งเมืองหนานและเมืองไห่ได้ทันที!”คำพูดของเซิ่งฟางสี่หยิ่งผยองยิ่งนัก ใบหน้ามีรอยยิ้มกว้าง ราวกับว่าเขาอยากจะยั่วยุอู๋หลิงให้โกรธตายไปเลย!“เจ้า...”ใบหน้าของอู๋หลิงมืดมน เขากำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว ขณะหายใจแรงสิ่งที่เซิ่งฟางสี่พูดนั้นถูกต้องจริง ๆ หากเขาจากไปในเวลานี้ เพื่อไปปราบปรามกลุ่มคนที่อยู่ที่ชายแดน เซิ่งฟางสี่จะใช้โอกาสนี้ดำเนินการแน่นอน!แต่หากไม่ถอยทัพออกไป ชายแดนก็ถูกบุกและสูญเสียดินแดนต้าเย่ จะทำอย่างไรดี?ขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงวิกฤติของปัญหาภายในและภายนอก ดูเหมือนว่าทุกอย่างยังต้องรอให้ฮองเฮาตัดสินใจ!แม้ว่าในขณะนี้อู๋หลิงจะไม่พอใจมาก แต่เขาก็ยังคงโบกมือแล้วตะโกนด้วยความโกรธไปยังกลุ่มคนที่อยู่ข้างหลังเขา “ทหารทุกคน ฟังคำสั่งของข้า ถอยทัพบัดเดี๋ยวนี้!”เซิ่งฟางสี่กระหยิ่มยิ้มย่อง เฝ้ามองอู๋หลิงกับคนของเขาจากไปอย่างรวดเร็ว ความภาคภูมิใจบนใบหน้าปรากฏชัดหลังจากที่อู๋หลิงจากไปแล้ว
ในช่วงเวลาวิกฤตินี้ ฮองเฮาไม่ค่อยแน่ใจว่าจะตัดสินใจเรื่องนี้อย่างไรนัยน์ตานางฉายแววลังเล สีหน้าก็ลังเล ลำบากใจมากหลังจากลังเลอยู่นาน ก็ยังไม่รู้ว่าจะตัดสินใจเรื่องนี้อย่างไรสีหน้านางเคร่งเครียดจริงจัง หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง นางก็พูดด้วยน้ำเสียงเข้ม “ไป๋หลิง ไปเรียกเสนาบดีฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวาเข้ามา บอกว่าข้ามีเรื่องสำคัญต้องหารือ!”ขณะนี้สงครามชายแดนร้ายแรงมาก และการปราบปรามตระกูลเซิ่งก็เป็นเรื่องเร่งด่วนเช่นกันแม้ว่าฮองเฮาไม่ได้บอกพวกเขาตามตรง ถึงสาเหตุที่เรียกพวกเขามา แต่เสนาบดีทั้งสองก็ยังพอจะเดาได้อยู่ในไม่ช้า ไป๋หลิงก็เรียกเสนาบดีสองคนเข้ามาในวังหลวงขุนนางชั้นผู้ใหญ่ทั้งสองคุกเข่าลงตรงหน้าฮองเฮาด้วยแววตากระตือรือร้น แล้วพูดพร้อมกัน “ถวายบังคมฮองเฮา!”“เสนาบดีทั้งสองไม่ต้องมากพิธี!”ฮองเฮาทรงโบกมือให้ทั้งสองคนทันที แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเป็นกังวลว่า “ท่านเสนาบดีทั้งสอง พวกท่านน่าจะเดาได้แล้วว่าจุดประสงค์ของข้า ที่เรียกพวกท่านมาหารือครั้งนี้คืออะไร?”หลังจากได้ยินคำพูดนี้ เสนาบดีทั้งสองก็พยักหน้าพร้อมกันทันทีดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความเคร่งเครียดและไม่สบายใจ จากนั้นก็พ
สิ่งที่เสนาบดีฝ่ายขวาพูดก็สมเหตุสมผลจริง ๆขณะนี้คำพูดของเสนาบดีฝ่ายซ้ายและเสนาบดีฝ่ายขวา ไม่ได้ช่วยให้ฮองเฮาตัดสินใจได้ง่ายขึ้นเลยตอนนี้เลือกได้แค่ว่าอยากแก้เรื่องไหนก่อนตอนนี้ทำได้เพียงเลือกวิธีแก้ปัญหาที่ขาดทุนน้อยที่สุดเท่านั้นหลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง ฮองเฮาก็ตัดสินใจทันที!“ส่งจดหมายด้วยนกพิราบสื่อสารถึงขุนพล ให้เขารีบไปที่ชายแดนเพื่อช่วยสังหารชาวหวงเหล่านั้น ไม่อาจปล่อยให้ชื่อเสียงต้าเย่ของข้าถูกยั่วยุเช่นนี้ได้!”เหตุผลที่ฮองเฮาตัดสินใจเช่นนี้ เป็นเพราะนางเพิ่งเข้าควบคุมราชสำนัก จึงไม่ต้องการให้คนอื่นบอกว่านางปล่อยให้เสียดินแดนต้าเย่ไป หลังจากที่นางได้ครองตำแหน่งนี้!ถ้าเรื่องนี้แพร่ออกไป คนอื่นก็จะติฉินนินทานางยิ่งไปกว่านั้น ปัญหาเรื่องเซิ่งฟางสี่สามารถแก้ไขได้ทุกเมื่อ แต่จะแย่มากหากสูญเสียดินแดนต้าเย่ไปหลังจากครุ่นคิดอยู่นาน นางจึงตัดสินใจสั่งให้อู๋หลิงไปแก้ไขปัญหาชายแดน!ไม่นานหลังจากนั้น อู๋หลิงที่ประจำการอยู่ที่เมืองหนานก็ได้รับข่าว!เขานำกองทหารสามหมื่นห้าพันนาย มุ่งหน้าตรงไปยังชายแดนทันที!ขณะเดียวกัน เขายังจงใจเรียกทหารม้ามากกว่าหนึ่งหมื่นนาย ที่คนของเขาจ
หมานต๋าถูกับหมานจิ้งกำลังนั่งอยู่ในกระโจม สายตาจับจ้องไปที่แผนผังจำลองทำด้วยทรายหลังจากที่หมานจิ้งรู้ข่าว สายตานางก็เคร่งขรึม ขณะถามด้วยน้ำเสียงทุ้ม “ท่านพี่ พวกเราจะต่อสู้กับต้าเย่จริงหรือเจ้าคะ?”“แน่นอน”หมานต๋าถูยกยิ้มอ่อนด้วยสีหน้าสงบใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ ขณะพูดด้วยรอยยิ้ม “ข้าตั้งตารอวันนี้มานานแล้ว!”เมื่อเห็นพี่ชายดูมีความสุขมาก หมานจิ้งก็ยิ้มกว้างทันที แล้วพูดว่า “ท่านพี่ ดูเหมือนท่านจะมั่นใจมากเลยนะเจ้าคะ”“จะตัดสินใจเรื่องนี้อย่างไร?”สีหน้าของหมานต๋าถูเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด แล้วพูดว่า “ความจริงข้าอยากจะเริ่มสงครามมานานแล้ว การต่อสู้ระหว่างตระกูลเซิ่งและราชวงศ์ครั้งนี้ เป็นโอกาสที่หายากสำหรับเรา!”“โอกาสหรือเจ้าคะ? ท่านพี่ นี่หมายความว่าอย่างไรหรือเจ้าคะ?”หมานจิ้งถามด้วยความสับสน“ฮ่าฮ่า ตอนนี้เป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุด อย่างน้อยเราก็สามารถบุกเมืองสู่ได้แล้ว!”“และตอนนี้ในต้าเย่ ตระกูลเซิ่งได้ดำเนินการกับราชวงศ์แล้ว ฮองเฮาแห่งต้าเย่คงประสบปัญหาทั้งภายในและภายนอก ตอนนี้เป็นเวลาที่ดีที่สุดที่จะเริ่มดำเนินการกับต้าเย่!”“นั่นเป็นข่าวดีจริง ๆ เจ้าค่ะ ท
“เด็กหนุ่มหวังหยวนคนนั้น เป็นคนมีพรสวรรค์ที่หาได้ยากในแผ่นดินจริง ๆ!”“ความสามารถและกลยุทธ์ของเขาไม่มีใครเทียบได้ หากเขาดำเนินการเพราะเรื่องนี้จริง ๆ มันจะเป็นเรื่องยากมากที่จะรับมือ”“แต่เราไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องนี้หรอก อู๋หลิงมาถึงถิ่นของเราแล้ว ขณะที่เมืองหวงเดินทัพ หวังหยวนทำได้เพียงไปจัดการกับเมืองหวงเท่านั้น”หมานต๋าถูยกยิ้มมุมปาก พยักหน้าแล้วพูดว่า “ดังนั้นให้เมืองหวงปวดหัวกับเรื่องนี้ไปเถิด”หลังจากได้ยินดังนั้น หมานจิ้งก็อดไม่ได้ที่จะยกยิ้ม“จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเมืองหวงล้มเหลว เพราะหวังหยวนนั้นเก่งกาจมาก หากเขาต้องการจัดการกับเมืองหวง มันก็น่าจะเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขาใช่หรือไม่?”“เจ้าพูดถูก”หมานต๋าถูตอบด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก “แต่หวังหยวนอาจจะไม่ดำเนินการใด ๆ เลย”“เอ๊ะ เหตุใดหรือเจ้าคะ?”หมานจิ้งถามอย่างสงสัย“เพราะหวังหยวนเป็นคนฉลาด เขาจึงเห็นแล้วว่าแผ่นดินกำลังสับสนวุ่นวาย”น้ำเสียงของหมานต๋าถูเคร่งขรึมมากขณะอธิบาย “ตอนนี้ตระกูลเซิ่งกำลังกระหายอำนาจ เพื่อที่จะได้ครองบัลลังก์ อาจกล่าวได้ว่าพวกเขาปฏิเสธญาติพี่น้องทั้งหมด และใช้วิธีการที่โหดเหี้ยม!”“เพราะเรื่องเหล่าน
แม้ว่าต้าเย่จะมีปัญหาทั้งภายในและภายนอก แต่ความแข็งแกร่งก็ไม่อาจมองข้ามได้ หากพวกเขาต่อสู้จริง ๆ ย่อมชนะ แต่ก็จะต้องประสบกับความสูญเสียอย่างหนักเช่นกันเมื่อถึงเวลานั้น แม้ว่าต้าเย่จะเจ็บหนัก แต่ก็ยังมีหมานอี๋อยู่ค่อย ๆ กลืนกินต้าเย่ไปทีละน้อยแม้ว่าจะช้า แต่ก็มีความมั่นคงมากกว่า!“ในเมื่อเจ้าทั้งสองมีความตั้งใจนี้ เช่นนั้นก็เดินหน้าต่อไปเลย ทันทีที่หมานอี๋และอู๋หลิงลงมือ เราจะใช้โอกาสนี้โจมตีชายแดน เพื่อยึดครองดินแดน!”หลังจากที่เซียวฉู่ฉู่พูดจบ อากู่ต๋าก็นึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้ จึงพูดว่า “ไทเฮา ข้าคิดถึงใครบางคน ... “หลังจากพูดเช่นนี้ อ๋องหลงซีก็ขมวดคิ้วแล้วสูดหายใจเข้าลึกไทเฮาย่อมทราบดีว่าเขากำลังนึกถึงใคร“เจ้าหมายถึง หวังหยวน อ๋องเป่ยหลิง...”หลังจากที่ไทเฮาพูดจบ อากู่ต๋าก็พยักหน้า“ใช่แล้ว ไทเฮา แม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเรากับหวังหยวนจะดี แต่เขาจะไม่เฝ้าดูเราโจมตีต้าเย่ ถ้าเขาขัดขวาง... ด้วยกลยุทธ์ที่ไม่มีใครเทียบได้ของเขา ข้าเกรงว่า...”อากู่ต๋าชื่นชมหวังหยวนมาก!ชายคนนี้ร้ายกาจเกินไปจริง ๆ! เรื่องวางแผนการ อาจไม่มีใครในแผ่นดินเทียบได้ เขากลัวจริง ๆ ว่าหวังหยวนจะด
ในขณะนี้เซิ่งตงหยวนกล่าวว่า “ท่านพ่อ ตอนนี้อู๋หลิงได้จัดการกับหมานอี๋แล้ว อาจไม่มีใครในเมืองจิงตูที่เป็นคู่ต่อสู้ของเรา ไม่เช่นนั้น หากเราไปบุกเมืองจิงเลยจะได้หรือไม่ขอรับ?”แม้ว่าแนวคิดนี้จะฟังดูเหิมเกริมมาก แต่ตอนนี้ก็ยังเป็นไปได้!แต่เมื่อเซิ่งฟางสี่ได้ยินดังนั้น เขาก็ส่ายหน้า“ลูกชาย เจ้ายังคิดว่าราชสำนักต้าเย่นั้นเรียบง่ายเกินไป!”หลังจากที่เซิ่งฟางสี่พูดจบ เซิ่งตงหยวนก็สับสน“เหตุใดล่ะขอรับ ท่านพ่อ หลังจากที่อู๋หลิงจากไป แม้ว่าจะมีทหารในเมืองหลวง พวกเขาก็ไม่อาจสู้กับท่านพ่อได้!”เซิ่งตงหยวนไม่เข้าใจว่าเหตุใดพ่อของเขาถึงระมัดระวังถึงเพียงนี้“เมืองจิง นั่นคือหนึ่งในดินแดนทั้งเก้า สถานที่ที่มีป้อมปราการมากที่สุด มีเมืองล้อมรอบมากกว่าสองดินแดนของเราเสียอีก!”“แต่ละเมืองมีผู้พิทักษ์อย่างน้อยห้าพันคน!”“ดังนั้น กองทหารรักษาการณ์ในเมืองจะต้องมีจำนวนอย่างน้อยสี่หมื่นถึงห้าหมื่นคน!”“ทั้งยังมีกองทหารจักรวรรดิมากกว่าหนึ่งหมื่นนายในเมืองจิง และทั้งหมดล้วนเป็นยอดฝีมือ หากตระกูลเซิ่งของเราต้องการยึดเมืองจิง เราจะไม่สามารถทำได้ หากไม่มีคนถึงหนึ่งแสนคน!”เซิ่งฟางสี่รู้ดีว่าเมืองจิงเ