“อีกทั้งการจัดการกับสองแม่ลูกนั้นเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็นเลย เหตุใดต้องพยายามกล่าวหาด้วย? ตรงกันข้าม อ๋องผิงเล่อผู้นี้ต่างหากที่ต้องการแย่งชิงแผ่นดิน!”“ถูกต้อง หากเขาไม่ต้องการแย่งชิงแผ่นดิน เขาสามารถรอจนกว่าไท่จื่อจะโตกว่านี้ได้หรือไม่? นั่นคือน้องชายของเขา หากจะคอยช่วยเหลือน้องชายของเขาก็เป็นเรื่องปกติ”“แต่เขา... เขาไม่ได้อยากเป็นฮ่องเต้เสียเองใช่หรือไม่?”หลายคนเย้ยหยัน พูดด้วยสีหน้าดูถูกชัดเจน!ต้องบอกว่าในเวลานี้ความคิดของทุกคนแตกต่างกัน และการคาดเดาของพวกเขาก็แตกต่างกันเช่นกัน!แต่หลายคนก็ยังพอจะเดาความจริงได้!แต่ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะคาดเดาได้ คนที่มีปัญญาเฉียบแหลมย่อมรู้ว่าต้าเย่นี้คงจะวุ่นวายมากจริง ๆ!ในขณะนี้ ฮองเฮาย่อมรู้ข่าวแล้ว!เหนือราชสำนัก ฮองเฮามองขุนนางชั้นผู้ใหญ่ ในขณะนี้นางสงบมาก“ท่านขุนนางชั้นผู้ใหญ่ทุกคนรู้ดีที่สุดว่าข้าได้ตำแหน่งนี้มาได้อย่างไร พวกท่านทุกคนจำสิ่งที่ฮ่องเต้ผู้ล่วงลับพูดในวันนั้นได้”“ตระกูลเซิ่ง... ตระกูลเซิ่งช่างประเสริฐนัก เพื่อเห็นแก่ตำแหน่งสูงสุดนี้ ถึงกับกล้าใส่ร้ายข้าเช่นนี้ ช่างประเสริฐเสียจริง!”ฮองเฮาพูด แต่ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ด้
จดหมายพระประสงค์ของฮองเฮา ไปถึงมือของตระกูลเซิ่งทันที!มันแพร่กระจายไปทั่วทั้งสามแคว้นด้วยซ้ำ!ทันใดนั้นทั่วดินแดนสามแคว้นก็ตกตะลึง!“จบแล้ว! สงครามกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว!”“ราชวงศ์กำลังจะยกทัพมาโจมตีพวกเราแล้ว!”“จะทำอย่างไรดี... ให้ตายเถอะ เหตุใดตระกูลเซิ่งถึงอยากต่อต้านราชวงศ์!”ผู้ที่ไม่พอใจเช่นนี้ย่อมเป็นสามัญชน พวกเขาทำได้เพียงเลี้ยงปากท้องตัวเองในแต่ละวัน หากมีสงคราม ย่อมเหมือนการเติมเชื้อฟืนในกองไฟ!“อ๋องผิงเล่อช่างบังอาจนัก!”“ถูกต้อง ได้ตำแหน่งเจ้าผู้ปกครองสามแคว้นแล้ว แต่ยังคิดจะต่อสู้กับราชสำนักอีก! นี่ไม่ใช่การผลักพวกเราเข้าไปในกองไฟหรือ?”“น่าเกลียดมาก! ช่างน่ารังเกียจมาก!”คนในดินแดนแห่งสามแคว้นไม่ได้ร่ำรวยตั้งแต่แรก หากเกิดสงครามขึ้นตอนนี้ จะไม่ยิ่งเสียหายไปมากกว่านี้หรือ?ยิ่งกว่านั้น เนื่องจากฮองเฮาได้ใช้กลยุทธ์เช่นนี้ นางย่อมส่งคนของตัวเองมาที่นี่ เพื่อปลุกปั่นความรู้สึกของสาธารณชน!บอกตามตรงว่าตระกูลเซิ่งไม่ได้คาดคิดว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นนี้!ฮองเฮาเริ่มทำสงครามจริง ๆ!“ฮึ่ม! ไป๋เหยียนเฟย ช่างกล้ามากจริง ๆ! กล้าดีอย่างไรมาเปิดศึกกับข้า!”เมื่อเซิ่งฟา
“บางที... ตามความคิดของอู๋หลิง เขาไม่ควรเพิกเฉย”เมื่อคิดเช่นนี้ ไป๋หลิงก็ไปเรียกอู๋หลิงก่อนที่อู๋หลิงจะมา เขาพอจะคาดเดาได้บ้างหลังจากออกกฤษฎีกาเหล่านี้แล้ว เขาก็ถูกเชิญเข้าไปในวังหลวง เกิดอะไรขึ้นย่อมเข้าใจได้ทันที!ความจริงแล้วอู๋หลิงเองก็ไม่พอใจกับทัศนคติของอ๋องผิงเล่อ เขารู้ดีที่สุดว่าฮองเฮากำลังหลอกลวงฮ่องเต้หรือไม่!เพื่อให้ฮองเฮาขึ้นครองอำนาจได้อย่างราบรื่น ฮ่องเต้ซิงหลงจึงลากสังขารอันป่วยหนักมาดื่มกับเขา โดยหวังว่าจะได้รับคำตอบเชิงบวกจากเขา!อู๋หลิงเข้าใจว่าความจริงแล้วตอนนี้ฮองเฮาโกรธมาก แต่ก็ไม่มีทางแก้ไขได้ การมีสตรีปกครองราชสำนักนั้นทำให้มีปัญหาและข้อเสียมากมายเป็นเรื่องสมเหตุสมผลที่ตระกูลเซิ่งจะใช้ประเด็นนี้เพื่อวิพากษ์วิจารณ์ฮองเฮาคิดว่าการได้ยศเป็นเจ้าผู้ครองสามแคว้น จะทำให้ตระกูลเซิ่งรู้สถานะของตนเพราะของขวัญชิ้นนี้ และเรื่องเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นแต่เป้าหมายของตระกูลเซิ่งนั้นแน่วแน่ พวกเขายืนกรานจะแย่งชิงแผ่นดินนี้ อู๋หลิงเข้าใจความคิดนี้ และนี่คือสิ่งที่ทำให้เขาหดหู่ใจฝ่ายหนึ่งคือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากฮ่องเต้ซิงหลง ให้รับผิดชอบราชสำนักฝ่ายหนึ่งคือองค์ชา
เหตุผลที่ไป๋เหยียนเฟยพูดเช่นนี้ ก็เพราะนางเชื่อในตัวอู๋หลิงทั้งใจ!ไว้วางใจอย่างไม่มีสิ้นสุด!ไม่อยากปิดบังอะไร!หลังจากนั้น...สิ่งที่นางสามารถพึ่งพาได้อย่างสมบูรณ์ในตอนนี้คืออู๋หลิง!ไป๋เหยียนเฟยแตกต่างจากฮ่องเต้ซิงหลง ฮ่องเต้ซิงหลงเอาแต่ใจตัวเอง ไป๋เหยียนเฟยเห็นมาหลายปีแล้ว และรู้ดีว่าแนวทางของเขาเช่นนี้ผิดแน่นอน!ในเมื่อมอบความไว้วางใจให้ทำภารกิจสำคัญ ก็ไม่ควรเคลือบแคลงสงสัย!ยิ่งไปกว่านั้น ไป๋เหยียนเฟยยังรู้ด้วยว่าอู๋หลิงเป็นเช่นไร!คนผู้นี้มีความจริงใจและอุทิศตนให้กับต้าเย่ ไม่เคยแสดงท่าทีกระด้างกระเดื่องเลยแม้แต่น้อยฮ่องเต้ซิงหลงรู้สึกเคลือบแคลงใจอยู่ตลอดเวลา ในสายตาของไป๋เหยียนเฟย เขาเป็นคนใจแคบแม้ว่าเขาจะเป็นที่รักของนาง แต่ก็มีบางสิ่งที่ไป๋เหยียนเฟยลำบากใจเกินกว่าจะพูด แต่นางยังคงมีมโนธรรมที่แข็งแกร่งอยู่ในใจ!ถ้าอู๋มู่ไม่ถูกฮ่องเต้ซิงหลงสังหาร ต้าเย่ในวันนี้คงไม่มีฝ่ายใดจับตามองมากนัก!ไม่ว่าจะเป็นเมืองหวงหรือหมานอี๋ เพราะคนที่พวกเขากลัวมากที่สุดยังคงเป็นอู๋มู่!นั่นคือเทพเจ้าแห่งสงครามที่ไม่มีใครเทียบได้!สำหรับอู๋หลิง แม้ว่าเขาจะสืบทอดมรดกของพ่อ แต่ในการวิเ
ถ้าไม่อย่างนั้นอาจเกิดแรงกระแทกใหม่ขึ้น!ด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่ทุกคนในแผ่นดินจะรู้ว่าตระกูลเซิ่งนั้นมีความทะเยอทะยานเกินตัว!ทั้งยังจงใจสร้างอุปสรรคด้วย!“อู๋หลิง เช่นนั้นข้าขอแสดงความขอบคุณ”เมื่อไป๋เหยียนเฟยพูดจบ อู๋หลิงก็รู้สึกซาบซึ้งแล้วรีบพูด “นี่เป็นหน้าที่ของกระหม่อมอยู่แล้ว ฮองเฮาไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ!”ฮองเฮาไป๋เหยียนเฟยถอนหายใจแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “การเคลื่อนไหวของตระกูลเซิ่งทำให้ข้าหนักใจมากจริง ๆ อู๋หลิง เจ้าคิดว่าข้าผิดจริงหรือไม่?”คำถามของไป๋เหยียนเฟยทำให้อู๋หลิงสูดหายใจเข้าแน่นอนว่านางไม่ผิด แม้ว่าการรับผิดชอบเรื่องใหญ่จะถูกวิพากษ์วิจารณ์ แต่อู๋หลิงก็สามารถเข้าใจความคิดของฮ่องเต้ซิงหลงได้ ดังนั้นเขาจึงคิดว่า...ไม่ว่าเรื่องนี้จะแปลกแค่ไหน ก็ไม่สามารถตำหนิไป๋เหยียนเฟยได้ทุกคนต่างรู้ดีถึงความทะเยอทะยานอันแรงกล้าของตระกูลเซิ่ง ดังนั้นไม่ว่าไป๋เหยียนเฟยจะทำดีหรือไม่ เรื่องเช่นนี้ก็จะเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้!“ฮองเฮา ท่านโปรดอย่าคิดมากเลย เรื่องนี้... ไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็ไม่สามารถตำหนิท่านได้ ท่านต้องดูแลตัวเอง และอย่าได้เคร่งเครียดพ่ะย่ะค่ะ”อู๋หลิ
โจวซุ่นรู้สึกหวาดกลัวมาก เขามองอู๋หลิงด้วยสายตาเกรงกลัว“ขุนพลอู๋หลิง ท่าน... ท่านโทษข้าไม่ได้หรอก... ข้า... ข้าไม่มีทางเลือก ครอบครัวของข้าอยู่ในสามแคว้นนั้น ตระกูลเซิ่งขู่ว่าจะสังหาร ข้าทำไม่อาจขัดขืนได้!”“ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ข้าทำได้เพียงปกป้องเมืองชายแดนเท่านั้น…”“ท่านได้โปรดไว้ชีวิตข้าด้วยเถิดขอรับ!”โจวซุ่นรีบพูดทันที แต่อู๋หลิงไม่มีเจตนาจะฆ่าเขา คนผู้นี้ไม่ใช่ผู้บงการ ยิ่งกว่านั้น เขายังรู้ด้วยว่าผู้ชายคนนี้มีคุณธรรม“โจวซุ่น หากเจ้าอยากมีชีวิตอยู่ ข้าให้โอกาสเจ้าได้!”หลังจากพูดเช่นนี้แล้ว อู๋หลิงก็หยิบตราประทับของโจวซุ่นแล้วยกยิ้มมุมปาก“โอกาสอะไรหรือขอรับ?”โจวซุ่นไม่กล้าพูดเรื่องไร้สาระ รีบถาม“แน่นอนว่ามันเป็นโอกาสที่ดี ดั่งคำโบราณว่าไว้ ผิดชอบหักล้าง แม้ว่าโทษของการกบฏของเจ้าสมควรตาย ทั้งยังต้องประหารชีวิตเก้าชั่วโคตร แต่เนื่องจากเจ้าไม่ใช่ผู้กระทำผิดหลัก เจ้าย่อมถูกลงโทษสถานเบากว่า”“ถ้าเจ้ายังสามารถสร้างความสำเร็จได้ ฮองเฮาก็จะมีเมตตาและอาจจะผ่อนปรนให้ ดังนั้น... เจ้าลองคิดดูสิ”อู๋หลิงเก่งเรื่องการโน้มน้าวคนอื่นทีละขั้นตอน หลังจากพูดเช่นนี้ โจวซุ่นก็พยักห
“ออกคำสั่งซุ่มโจมตีใกล้เมืองชายแดน หากพบเห็นข้าศึก ให้สังหารได้เลยทันที!”อู๋หลิงสั่งการได้เด็ดขาดมาก!ไม่ต้องพูดถึงว่ากองกำลังของเขาล้วนแต่เป็นทหารชั้นยอดอยู่แล้ว ในแง่ของยุทธวิธีเพียงอย่างเดียว พวกเขาก็นำหน้าไปหนึ่งก้าวแล้ว!ต้องรู้ว่ากองทหารของเขาที่เขาเป็นผู้ฝึกฝนนั้น เคยไปต่อสู้ในสนามรบจริง ๆ!ส่วนทหารม้าของตระกูลเซิ่งเป็นเพียงดอกไม้เรือนกระจก จะมาสู้ได้อย่างไร?ทั้งยังมีแม่ทัพในตระกูลเซิ่งไม่กี่คนที่อู๋หลิงต้องตั้งใจสู้แม้ว่าจะมีคำกล่าวที่ว่าทหารอวดเก่งต้องพ่ายแพ้ แต่สำหรับอู๋หลิงแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่ทหารของตระกูลเซิ่งจะเอาชนะเขาได้!เขาต้องการให้ตระกูลเซิ่งเผชิญหน้า และโจมตีครั้งใหญ่ที่สุดในเวลาที่สั้นที่สุด!ในไม่ช้า ทหารม้าของตระกูลเซิ่งก็มุ่งหน้ามายังชายแดนเมืองหนานแล้ว!ซึ่ง...พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าจะมีการซุ่มโจมตี!ขณะที่พวกเขากำลังเดินทางอยู่ ก็พลันได้ยินเสียงการสังหารทหารปรากฏตัวจากทุกทิศทุกทางในครรลองสายตาของพวกเขา ลูกศรคมกริบจำนวนนับไม่ถ้วนก็พุ่งตรงมาหาพวกเขา!การเผชิญหน้ากันเพียงครั้งเดียวส่งผลให้เกิดการสูญเสียอย่างหนัก!คราวนี้แม่ทัพเป็นเชื้อสายของตระกู
เพียงแค่วันเดียวเท่านั้น ยังไม่ถึงบ่ายโมงด้วยซ้ำ!อู๋หลิงยึดเมืองได้แล้ว และจับกบฏได้เกือบสองหมื่นคน!นี่เป็นการสูญเสียครั้งใหญ่สำหรับตระกูลเซิ่ง!เซิ่งฟางสี่ยังไม่รู้เรื่องทั้งหมดนี้!ในขณะนี้ เขากำลังรอคอยให้ทุกคนกลับมาพร้อมชัยชนะ และจับตัวอู๋หลิงกลับมาอย่างกระหยิ่มใจ!“คุมตัวคนเหล่านี้ไปเข้าห้องขังในเมืองชายแดน รอตัดสินโทษ!”หลังจากที่อู๋หลิงพูดจบ เขาก็ไม่สนใจมากนัก ใช้ประโยชน์จากตอนที่เหล่าทหารภาคภูมิใจเพราะชัยชนะ เดินตรงออกไปโดยไม่เอ่ยคำใดอีกในตอนเย็น พื้นที่เมืองหนานแห่งนี้ถูกอู๋หลิงควบคุมได้ทั้งหมด!ในเวลานี้ ในที่สุดเซิ่งฟางสี่ก็ได้รับข่าวแล้ว!“อะไรนะ! โจวซุ่นทรยศ! คนของเราสามหมื่นคนถูกจับ และเสียเมืองหนานไปแล้วงั้นหรือ?”เซิ่งฟางสี่ตกตะลึงทันที!เพียงหนึ่งวัน!แค่วันเดียวเท่านั้น!เสียเมืองหนานไปแล้วจริง ๆ!นี่มัน...เป็นไปได้อย่างไร!“ท่านพ่อ ข้าเพิ่งรู้ว่ากลางดึกเมื่อวาน อู๋หลิงนำกองทัพสามหมื่นนายเดินทางเข้าโจมตีเมืองชายแดนเมืองหนานตอนรุ่งสาง และจับกุมโจวซุ่นขอรับ!”“จดหมายของเขานั้นอู๋หลิงเป็นคนสั่งให้เขียน เพื่อ... หลอกลวงกองกำลังสามหมื่นคนของเรา!”หลัง
เกาเล่อไม่ได้สนใจ เพียงแค่ดื่มสุราต่อไปในสายตาของเขา สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงกลอุบายหลอกล่อลูกค้าเท่านั้นเพียงแค่เสนอราคาให้เหมาะสม เขาก็ไม่เชื่อหรอกว่าหญิงสาวที่นี่จะรักนวลสงวนตัว!มันเป็นเพียงเรื่องน่าขัน!ทันใดนั้นชายหลายคนจากโต๊ะข้าง ๆ ก็หัวเราะเยาะขึ้นมา“เจ้าคิดว่ามีเงินแล้วจะยิ่งใหญ่นักหรือ?”“ที่อื่นอาจจะได้ แต่ที่นี่ไม่ได้หรอกนะ!”“เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีคนอยากดื่มสุราร่วมกับแม่นางหรูเยียนกี่คน?”“มากมายจนถ้าต่อแถวแล้ว แถวคงยาวออกไปนอกเมือง!”“ในบรรดาคนเหล่านั้นมีคุณชายจากตระกูลชั้นสูง แต่แม่นางหรูเยียนก็ไม่ได้สนใจพวกเขา”“ส่วนเจ้าก็คงไม่ต่างกัน!”ทุกคนต่างหัวเราะกันครื้นเครงหวังหยวนไม่ได้สนใจคำพูดของพวกเขา หลังจากเก็บทองบนโต๊ะกลับคืนมาแล้ว เขาก็โบกมือให้เสี่ยวเอ้อออกไปเสี่ยวเอ้อสบถ เดิมทีคิดว่าหวังหยวนจะให้เงินทอง แต่สุดท้ายกลับไม่ได้อะไรเลย…ช่างน่าโมโหนักหวังหยวนมองไปที่เกาเล่อ แล้วกระซิบว่า “เจ้าส่งคนไปสืบเรื่องราวของแม่นางหรูเยียนที ข้าค่อนข้างสนใจนาง”“ท่านผู้นำ ท่านไม่ได้ล้อเล่นใช่หรือไม่ขอรับ?”“ท่านเชื่อคำพูดไร้สาระของพวกเขาหรือ?”“ข้าสงสัยว่านางคนนั้น
หวังหยวนประหลาดใจ ที่นี่มีกฎเกณฑ์ด้วยงั้นหรือ? ขณะที่เกาเล่อกำลังจะแสดงความไม่พอใจ แต่หวังหยวนรีบส่งสัญญาณให้เขาด้วยสายตา เกาเล่อจึงไม่พูดอะไรเพิ่มเติม ยังคงยืนแข็งทื่อราวกับรูปปั้นอยู่ด้านหลังของหวังหยวน แต่ดวงตาของเกาเล่อแสดงถึงความไม่สบอารมณ์“เหตุใด?”“หรือว่าเจ้าจะคิดทำร้ายคน?”หญิงสาวที่เพิ่งสนทนากับหวังหยวนเบ้ปากใส่เกาเล่อ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ “หากไม่ได้มาเพื่อความสนุกสนานก็จงรีบออกไปจากที่นี่เสีย!”“อย่ามาขวางทาง อย่าทำให้พวกข้าเสียเวลา!”“พวกข้ายังต้องทำมาหากิน!”หญิงคนนั้นก็ชนไหล่ของหวังหยวนแล้วเดินผ่านไปที่หน้าประตู หญิงสาวคนอื่น ๆ ที่ตามมาก็ทำเช่นเดียวกัน“พวกนางช่างไม่รู้ที่ต่ำที่สูง!”“หากพวกนางรู้ถึงตัวตนของท่าน คงต้องคุกเข่าขอความเมตตาจากท่าน”เกาเล่อบ่นพึมพำ“เช่นนั้นอย่าให้พวกนางรู้ถึงตัวตนของข้าดีกว่า”“ข้าไม่อยากมีเรื่องกับพวกนาง”หวังหยวนกล่าวติดตลกแล้วเดินเข้าไปด้านในพร้อมกับเกาเล่อ เลือกที่นั่งแล้วมองไปยังเวทีกลางพลางพิจารณาหอชิงสุ่ยอย่างละเอียดต้องยอมรับว่าที่นี่ตกแต่งได้อย่างหรูหราอลังการอาคารหลังนี้มีทั้งหมดสามชั้น ชั้นล่าง
แต่เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่ว่าจะสำเร็จได้ในวันเดียวหากต้องการให้เมืองอู่เจียงกลายเป็นเมืองสำคัญทางคมนาคมคงต้องใช้เวลาอีกสองสามปีจึงจะสมบูรณ์หวังหยวนเองก็ไม่ปล่อยเวลาให้สูญเปล่า เขาพยายามค้นหาคนที่เหมาะจะเป็นผู้ว่าราชการคนใหม่ในเมืองอู่เจียง แต่ก็ยังหาไม่พบณ หอชิงสุ่ยเมื่อค่ำคืนนี้มาเยือน หวังหยวนกำลังไปเดินเล่นชมเมืองและบังเอิญมาถึงหอชิงสุ่ยที่นั่นเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและผู้คนพลุกพล่าน“ที่นี่คือที่ใด?” หวังหยวนถามเกาเล่อผู้ติดตามอยู่ข้างกาย“ที่นี่คือสถานที่แห่งความสุขทางโลกขอรับ”“ท่านผู้นำสนใจจะเข้าไปดูหรือไม่ขอรับ?”เกาเล่อตอบด้วยรอยยิ้ม“ข้าไม่สนใจเรื่องเหล่านี้...”“อีกอย่างซื่อหานก็รอข้าอยู่ที่บ้าน หากข้ามมัวเมาสุราอยู่ที่นี่ แล้วพวกผู้หญิงในบ้านรู้เข้าคงต้องมีเรื่องวุ่นวายเป็นแน่”หวังหยวนส่ายหน้า หลี่ซื่อหานนั้นยังเข้าใจได้และจะไม่พูดอะไรมาก แต่สำหรับหวงเจียวเจียว...นั่นคือคนที่ยากจะรับมือเกาเล่อหัวเราะ แล้วกล่าวต่อ “ท่านผู้นำอาจเข้าใจผิด ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ธรรมดาอย่างที่ท่านคิดหรอกนะขอรับ”“ข้าเคยสืบเรื่องที่นี่มาแล้ว”“เท่าที่ข้าทราบ เจ้าของที่นี่มีเบื้
ในไม่ช้าหวังหยวนพร้อมคณะก็กลับมายังที่ว่าการเมืองอู่เจียงฉุนอวี๋อันเฝ้ารอมาพักใหญ่แล้ว“ท่านผู้นำ ข้าสั่งให้เหล่าแรงงานเตรียมพร้อมแล้ว พวกเขาพร้อมจะเริ่มงานได้ทุกเมื่อขอรับ!”“ข้าได้แจกจ่ายแบบแปลนให้แก่พวกเขาแล้ว แต่ว่าตอนนี้ยังมีปัญหาอยู่อย่างหนึ่ง...”ฉุนอวี๋อันพูดเพียงเท่านี้ก็เงียบไป สีหน้าบ่งบอกถึงความลำบากใจ“ต้องการเงินเท่าใด?”หวังหยวนทราบความคิดของเขาในทันทีจึงเอ่ยถามออกไป“ท่านผู้นำฉลาดหลักแหลมยิ่งนักขอรับ!”“ใช่แล้วขอรับ เพียงแค่ต้องการเงินจำนวนหนึ่ง!”“ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เมืองอู่เจียงไม่ได้มีเงินทองมากมาย จึงไม่เพียงพอที่จะใช้ในการก่อสร้างครั้งนี้”“ข้าจึงจำต้องมาแจ้งเรื่องนี้กับท่านผู้นำขอรับ...”ฉุนอวี๋อันรีบกล่าว“เจ้าไม่ต้องอ้อมค้อมแล้ว ต้องการเงินเท่าใดก็บอกมาเถิด เรื่องนี้ข้าจะจัดการให้”หวังหยวนไม่ได้ขาดแคลนเงินทองนั่นคือเรื่องเดียวที่เขาได้เปรียบในบรรดาอาณาจักรทั้งสี่ฉุนอวี๋อันรีบนำบัญชีรายรับรายจ่ายที่รวบรวมไว้มาให้หวังหยวน “ข้าได้รวบรวมรายละเอียดทั้งหมดไว้แล้ว ท่านผู้นำโปรดพิจารณา หากไม่มีปัญหาอะไรก็โปรดอนุมัติตามจำนวนนี้ด้วยขอรับ”หวังหยวนรับม
ถ้อยคำของตงฟางฮั่นมีความหมายแฝงอยู่ แต่หวังหยวนก็เข้าใจในทันที“ข้าเข้าใจแล้ว ท่านหมายถึงพรรคทมิฬใช่หรือไม่?”ตงฟางฮั่นยิ้มอย่างพึงพอใจ แล้วพยักหน้า“ดูเหมือนว่าท่านจะไม่ได้ไร้เดียงสาเหมือนที่ข้าคิด สามารถสังเกตเห็นพรรคทมิฬได้เร็วถึงเพียงนี้!”เมื่อเอ่ยถึงชื่อนี้ สีหน้าของเกาเล่อก็เปลี่ยนไปเช่นกันหลังจากจับกุมสาวกของพรรคทมิฬได้หลายคน เกาเล่อและหวังหยวนก็รู้เรื่องของพรรคทมิฬมากขึ้น และในช่วงนี้เกาเล่อก็ได้ส่งคนจำนวนมากไปรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับพรรคทมิฬแต่ก็ยังไม่มีประโยชน์มากนักแสดงให้เห็นว่าคนของพรรคทมิฬนั้นเหมือนพวกหนูที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืด!การขุดคุ้ยเรื่องคนเหล่านี้ต้องใช้เวลา!“แล้วเหตุใดคนของพรรคทมิฬถึงได้ทำร้ายท่านเล่า?” “หรือว่าพวกท่านเคยมีเรื่องขัดแย้งกัน?”หวังหยวนเคาะโต๊ะเบา ๆ สายตาจ้องมองไปที่ตงฟางฮั่นอีกครั้งตงฟางฮั่นส่ายหน้าแล้วยิ้มเยาะ “ข้าจะไปเข้าร่วมกับคนพวกนั้นได้อย่างไร?” “ไม่รู้ว่าพวกเขาได้ยินชื่อของข้ามาจากไหน จึงได้มาติดต่อข้า หวังว่าข้าจะเข้าร่วมพรรคทมิฬ!” “แต่ข้าได้ปฏิเสธพวกเขามาหลายครั้งแล้ว” “แต่พวกเขาก็ยังคงตามติดไม่เลิก ก่อนหน้านี้พวกเขาย
“มาเยือนโดยไม่ได้รับเชิญ ถือว่าเป็นแขกผู้มาเยือนได้หรือ?” ตงฟางฮั่นเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ “ในเมื่อเจ้าชอบสถานที่นี้ ก็จงดื่มสุราอยู่ที่นี่คนเดียวเถิด” “ลาก่อน”เพียงชั่วพริบตา ตงฟางฮั่นก็ลุกขึ้นยืน ขณะที่เขากำลังจะเดินสวนกับชายคนนั้น ก็ได้ยินเสียงชายคนนั้นเอ่ยขึ้นว่า “ท่านตงฟาง ท่านพร้อมจะวางเดิมพันไว้ที่หวังหยวน แต่กลับไม่คิดจะพบกับท่านประมุขของข้าหรือ?”“ฮึ” “พวกเจ้าก็เป็นเพียงพวกหนูที่อาศัยอยู่ในความมืดมิด” “ใครเล่าจะอยากร่วมมือกับพวกเจ้า?” ตงฟางฮั่นเย้ยหยัน ไม่ได้สนใจชายผู้อยู่เบื้องหลังอีกต่อไปสีหน้าของชายวัยกลางคนเปลี่ยนไป มือหนึ่งคว้ามีดสั้นจากอกเสื้อ แล้วแทงเข้าที่หลังของตงฟางฮั่นอย่างรวดเร็ว! ว่องไวราวกับสายฟ้าแลบ!“ถ้าไม่เป็นมิตร ก็ต้องเป็นศัตรู!” “ไปลงนรกซะ!”สีหน้าของตงฟางฮั่นเปลี่ยนไป แต่ตอนนี้การหลบหลีกนั้นสายเกินไปแล้ว เพราะเขาไม่ได้ฝึกวิทยายุทธใด ๆ เลย!ในขณะที่เขาเตรียมใจยอมรับชะตากรรม ก็ได้ยินเสียงโลหะกระทบกัน ปรากฏว่าเกาเล่อผู้ซ่อนตัวอยู่ในที่มืดปรากฏตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว และข้างกายเขายังมีสมาชิกขององค์กรเครือข่ายผีเสื้ออีกหลายคนมีกำลังคนม
“ท่านทั้งหลายไปที่นั่นแล้วจะได้ลงทะเบียนทันที!”เมื่อทราบว่าหวังหยวนไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ทุกคนจึงรีบขอลา แล้วมุ่งหน้าสู่ตลาดตะวันออกด้วยความเร่งรีบ การลงทะเบียนโดยเร็วจะช่วยคลายกังวลในใจได้!เมื่อเห็นเหล่าชาวบ้านมาเร็วไปเร็วเช่นนั้น ฉุนอวี๋อันจึงบ่นหลังถอนหายใจว่า “ประชาชนพวกนี้ช่างร้อนรนนัก!”“หากมีสิ่งใดขัดขวางความประสงค์ของพวกเขา พวกเขาก็จะก่อความวุ่นวายไม่หยุด!”“โชคดีที่ข้าไม่ใช่ผู้ว่าราชการเมืองเมืองนี้แล้ว จึงบรรเทาความกดดันลงได้บ้าง…”แต่หารู้ไม่ว่าหวังหยวนยังคงยืนอยู่ข้างกายฉุนอวี๋อันหันกลับไปเห็นหวังหยวนกำลังมองตนอยู่ ทันใดนั้นเขาก็ตัวสั่นเทา ตกใจกลัวจนถอยหลังไปสองก้าว และถึงกับหายใจติดขัด“ท่านผู้นำ…”“ข้าไม่ใช่หมายความเช่นนั้น”หวังหยวนเห็นท่าทีขลาดกลัวของเขาจึงส่ายหน้าแล้วยกยิ้มดูเหมือนการตัดสินใจของเขาจะถูกต้อง คนเช่นนี้จะสามารถเป็นใหญ่ในเมืองได้อย่างไร?หากปล่อยให้ฉุนอวี๋อันดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการเมืองต่อไป แม้การก่อสร้างระบบชลประทานจะแล้วเสร็จก็คงหาผลกำไรไม่ได้มากนักผลลัพธ์สุดท้ายก็คงเดาได้ไม่ยากไม่ช้าหวังหยวนและคณะก็เดินทางกลับระหว่างทางกลับ เ
“หืม?” หวังหยวนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็เข้าใจทันที คงเป็นเพราะเรื่องเกณฑ์แรงงานจึงทำให้ประชาชนไม่พอใจ“ทุกคน!”“เรื่องนี้คงเกิดจากความเข้าใจผิดใช่หรือไม่?”“ข้าต้องการแรงงานมาช่วยทำงาน แต่ก็เพื่อการพัฒนาเมืองอู่เจียง!”“เมื่อการก่อสร้างระบบชลประทานเสร็จสมบูรณ์ ในฤดูฝน พวกเราก็ไม่ต้องกังวลว่าแม่น้ำจะเอ่อล้นอีกต่อไป และที่สำคัญที่สุด เวลาในการเดินทางระหว่างเมืองอู่เจียงกับเมืองต่าง ๆ ก็จะใกล้เคียงลงมาก!”“นับเป็นเรื่องที่ดีต่อแผ่นดินและประชาชน!”“ยิ่งไปกว่านั้น ข้าก็ไม่ได้ใช้แรงงานโดยไม่จ่ายค่าจ้าง ข้าจะจ่ายค่าจ้างให้เดือนละหนึ่งตำลึง!” หวังหยวนอธิบายสถานการณ์โดยย่อความจริงเป็นเช่นนั้น เมื่อการก่อสร้างระบบชลประทานเสร็จสมบูรณ์ เมืองอู่เจียงจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง! ในอนาคต แม้แต่เมืองหลวงก็อาจจะพัฒนาไม่ดีเท่าเมืองอู่เจียง! แต่ทั้งหมดนี้นั้นเป็นเพราะเมืองอู่เจียงมีแม่น้ำห้าสายไหลผ่าน หากไม่เป็นเช่นนี้จะมีโอกาสสร้างระบบชลประทานได้อย่างไร?“จ่ายค่าจ้างด้วยหรือ?”“ก่อนหน้านี้ไม่เคยได้ยินเช่นนั้นเลยไม่ใช่รึ?”“พวกเราคงจำผิดไปกระมัง?”“ใช่แล้ว! ข้าได้ยินมาว่าท่านผู้นำเ
“การเตรียมการต่าง ๆ เป็นอย่างไรบ้าง?”หวังหยวนยกถ้วยชาขึ้น สายตาจับจ้องไปยังเกาเล่อขณะเอ่ยถามเกาเล่อส่ายหน้าแล้วตอบว่า “ข้าได้ค้นหาคนผู้มีความสามารถอยู่เสมอ แต่ก็ไม่ราบรื่นดังที่คาดหวังไว้ขอรับ” “บางคนก็มีความรู้ความสามารถ บางคนก็ไม่อาจคาดเดาเจตนาได้ โดยสรุปแล้วก็ยังไม่พบผู้ใดที่เหมาะสมนัก”หวังหยวนพยักหน้า แท้จริงแล้ว การค้นหาคนที่ไว้ใจได้และมีความรู้ความสามารถนั้นจะเป็นเรื่องง่ายได้อย่างไร? เวลาเพียงสองวันนั้นย่อมไม่เพียงพอ“เช่นนั้นเจ้าจงค้นหาต่อไป” “อย่างไรเสียข้าก็ต้องอยู่ที่เมืองอู่เจียงต่อไปอีกนาน” “เรื่องต่าง ๆ ในที่นี้ ข้าจะรับผิดชอบเอง” “แต่ก่อนหน้านั้นเจ้ายังมีภารกิจสำคัญอีกอย่างหนึ่ง นั่นคือการจัดหาแรงงานเพื่อช่วยข้าขุดคลอง” หวังหยวนสั่งการเพิ่มเติมเกาเล่อรับคำแล้วก็จากไปหลังจากอยู่ในห้องมาสองวัน แผนที่ก็เสร็จสมบูรณ์แล้ว หวังหยวนจึงสั่งให้คนจัดเตรียมอาหารและเครื่องดื่ม เพื่อเป็นการฉลองความสำเร็จแม้ว่าฉุนอวี๋อันจะพ้นจากตำแหน่งแล้ว แต่ก็ยังคงอยู่เคียงข้างหวังหยวน เกาเล่อควบคุมข่าวสารต่าง ๆ แต่เรื่องราวภายในเมืองอู่เจียงนั้น ฉุนอวี๋อันย่อมรู้ดีกว่า