ไป๋เหยียนเฟยถอนหายใจแล้วพูดว่า “นี่ก็เป็นการกระทำที่ทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน ท้ายที่สุดแล้ว...ไม่มีวิธีการใดที่สามารถจัดการเรื่องนี้ได้แล้วจริง ๆ!” “มีเพียงขอให้ตระกูลไป๋มั่งคงเท่านั้น ข้าจึงจะสามารถจัดการกฏของราชสำนักได้ และมีวิธีต่อกรกับตระกูลเซิ่งได้” “ดังนั้น...ไม่ว่าวันนี้จะเกิดอะไรขึ้น ข้าก็ต้องรู้ทัศนคติของตระกูลไป๋ หากพวกเขาสนับสนุนข้า เช่นนั้นทุกอย่างก็จะเป็นไปด้วยดี” “หากไม่สนับสนุนข้า ข้าก็ต้องเตรียมการตั้งแต่เนิ่น!” หลังจากที่ไป๋เหยียนเฟยพูดจบ ไป๋หลิงก็เข้าใจ! “เข้าใจแล้วเพคะ หม่อมฉันจะไปเตรียมตัวเดี๋ยวนี้!” หลังจากนั้น ไป๋หลิงก็ส่งนกพิราบส่งสารกลับไปอยู่ในมือของตระกูลไป๋โดยตรง ในขณะนี้ ไป๋เฟยเฟยได้บอกสิ่งที่หวังหยวนพูดกับไป๋เจิ้นถังแล้ว ไป๋เจิ้นถังตกใจ และรู้สึกว่าสิ่งที่หวังหยวนพูดนั้นสมเหตุสมผล! ยิ่งกว่านั้น ใกล้ชิดฮ่องเต้เสมือนอยู่กับพยัคฆ์ร้าย ไม่สู้เก็บสิทธิ์นี้อยู่ในมือของตัวเองดีกว่า! ทว่าในขณะเดียวกัน มีคนรับใช้เข้ามาพร้อมกับนกพิราบส่งสาร ทันทีที่เขาเห็นนกพิราบส่งสารตัวนี้ สีหน้าของไป๋เจิ้นถังก็เปลี่ยนไป และไป๋เฟยเฟยก็เปลี่ยนไปเช่นกัน! “นกพิราบส่
ในเวลานี้ ท่ามกลางลานบ้านเล็ก ๆ หลังนี้ หวังหยวนสูดหายใจเข้าลึก แล้วพูดว่า “ฮ่องเต้ซิงหลงสวรรคตแล้ว ช่วงเวลาโกลาหลใกล้เข้ามาแล้ว พวกเจ้ารู้แล้วใช่หรือไม่?” เกาเล่อพยักหน้า “คุณชาย แม้ว่าตอนนี้จะไม่เกิดความโกลาหลขึ้น แต่หลายคนก็พร้อมที่จะลงมือ” “ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ข้าได้รับรายงานว่าตระกูลชนชั้นสูงจำนวนมากได้เริ่มลงมือแล้ว แม้แต่โจรภูเขาบางคนก็ยังไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ และคิดที่จะตกปลาในน้ำขุ่นท่ามกลางความวุ่นวายนี้” เมื่อหวังหยวนได้ยินดังนั้น เขาก็ยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่ต้องสนใจเรื่องพวกนี้เลย พวกเขาเป็นแค่กุ้งจำนวนหนึ่งเท่านั้น เกาเล่อ เจ้าเตรียมตาข่ายผีเสื้อไปถึงไหนแล้ว? เกาเล่อยิ้มทันทีและพูดอย่างเร่งรีบ “ก้าวหน้าเร็วมาก บัดนี้มีผู้คนจำนวนไม่น้อยในใต้หล้าต้าเย่ที่มีความสามารถ แต่ไม่สามารถรับประกันได้ บัดนี้เมื่อเรามีน้ำใจ ย่อมโน้มน้าวคนจำนวนมากได้เป็นธรรมดา” “แม้แต่ตระกูลไป๋และตระกูลเซิ่งก็ยังมีคนของเรา และแม้ในส่วนลึกของพระราชวังก็ยังเหมือนเดิม!” หลังจากที่เกาเล่อพูดจบ หวังหยวนก็ตกใจ เขาคิดไม่ถึงว่าเกาเล่อจะบรรลุถึงขั้นตอนนี้ได้ภายในเวลาเพียงไม่กี่เดือน! “เกาเล่อ ข
ขณะนี้ ณ ห้องพระบรรทมของฮองเฮา “ทูลฮองเฮา ประมุขตระกูลไป๋เข้ามาในวังแล้วเพคะ และกำลังเดินทางมายังห้องพระบรรทมของพระองค์เพคะ!” สาวใช้ไป๋หลิงเข้ามาอย่างรวดเร็ว นางโค้งคำนับอย่างสุภาพและกล่าวกับไป๋เหยียนเฟยด้วยความเคารพ ใบหน้าของไป๋เหยียนเฟยฉายแววเคร่งขรึม ในใจนางรู้ดีว่าที่พี่ชายและเฟยเอ๋อร์มาหาตัวเองในครั้งนี้มีจุดประสงค์อะไร จู่ ๆ ไป๋เหยียนเฟยก็รู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมากในใจ สีหน้าของนางดูกลืนไม่เข้าคายไม่ออก และหลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง นางก็พูดอย่างระมัดระวังกับสาวใช้ในวังไป๋หลิงที่อยู่ตรงหน้านาง “ไป๋หลิง ให้คนจัดเตรียมสำรับงานเลี้ยงให้พร้อม” “ข้าจะต้อนรับพวกเขาในวัง จากนั้นนำสุราร้อยปีที่ข้าแอบเก็บไว้ออกมาให้พร้อม” “เพคะ ฮองเฮา” ไป๋หลิงพยักหน้า แล้วรีบหันกลับไปเตรียมการ หลังจากที่ไป๋เหยียนเฟยพูดจบ นางก็หันกลับมาอย่างรวดเร็วและเริ่มไปเตรียมการ ใช้เวลาไม่นาน ห้องเครื่องก็เตรียมสำรับเรียบร้อยแล้ว หลังจากที่ไป๋หลิงจัดวางลงบนโต๊ะ และภายใต้คำสั่งของไป๋เหยียนเฟย นางก็รีบขับไล่คนรับใช้ที่อยู่รอบ ๆ ออกไปทันที จากนั้นยืนเฝ้าที่ประตูเพื่อป้องกันให้ไป๋เหยียนเฟย หลังจา
“ตอนนี้ โอกาสนี้ถูกวางไว้ต่อหน้าตระกูลไป๋ของเราแล้ว น้องเล็ก เจ้ามีความคิดเห็นว่าอย่างไร?” ไป๋เจิ้นถังยิ้มเล็กน้อย สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความราบเรียบ และพูดเบา ๆ “สิ่งที่ข้าต้องการ แน่นอนว่าคือสถานะที่สามารถทำให้ตระกูลไป๋ของเราปกครองใต้หล้าได้” วินาทีต่อมา ดวงตาทั้งคู่ของไป๋เจิ้นถังก็ค่อย ๆ จับจ้องไปที่ไป๋เหยียนเฟย ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความคาดหวัง และพูดอย่างเร่งรีบว่า “น้องเล็ก เจ้าเป็นคนเดียวที่สามารถช่วยพี่ได้ในตอนนี้” ดวงตาของไป๋เหยียนเฟยเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม ริมฝีปากของนางขยับ แต่คำพูดของนางทำให้ใบหน้าของไป๋เจิ้นถังมืดลงทันที จากนั้นการแสดงออกของเขาก็แสดงให้เห็นถึงความเคร่งขรึมและไม่พอใจ “พี่ชาย แม้ว่าจะพูดเช่นนี้ แต่ท้ายที่สุด ข้าก็แต่งงานออกมาแล้ว ตอนนี้ข้าเป็นฮองเฮา เป็นพระมารดาของใต้หล้า และเป็นมารดาของชางเอ๋อร์อีกด้วย” “สิบปีต่อมา ชางเอ๋อร์จะสามารถดูแลปกครองใต้หล้าได้อย่างอิสระ ข้ายังหวังว่าพี่ชายจะช่วยข้าสนับสนุนชางเอ๋อร์ และให้เขาเป็นฮ่องเต้ที่ดี” “อะไรนะ?” ใบหน้าของไป๋เจิ้นถังแสดงความไม่พอใจเป็นอย่างมากในทันที เขาพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มลึกและถามทีละคำ “ดังน
เมื่อประมุขตระกูลไป๋ออกจากพระราชวัง ไป๋เหยียนเฟยก็โกรธมาก หัวใจของนางเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและความข่มขื่น ปนเปกับความโกรธอันไม่มีที่สิ้นสุด! ในขณะนี้ ไป๋หลิงก้าวมาข้างหน้าทันที ประคองไป๋เหยียนเฟยแล้วกระซิบพูดเสียงเบาด้วยความกังวล “ฮองเฮา พระองค์ทรงอย่าเป็นกังวลก่อนเพคะ” “ตอนนี้เราได้เจรจาเรื่องนี้อย่างกระจ่างแล้ว เช่นนั้นก็ลองใช้วิธีทหารมาใช้ขุนพลต้านรับ น้ำมาใช้ดินต้าน” “ตอนนี้ถึงเวลาที่เราควรพิจารณาเรื่องของเสียนกุ้ยเฟยแล้วใช่หรือไม่เพคะ?” คำพูดเตือนสติของไป๋หลิงทำให้ฮองเฮาสูดหายใจเข้าลึก นางพยายามอย่างหนักเพื่อระงับความตื่นตระหนกและความวิตกกังวลในใจ จากนั้นมองไปที่ไป๋หลิงอย่างจริงจังและพูดว่า “เจ้าพูดถูก ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะรู้สึกเศร้าเสียใจ!” “เชิญท่านเสนาบดีฝ่ายซ้ายและเสนาบดีฝ่ายขวามาเข้าเฝ้า!” “เพคะ ฮองเฮา!” ไป๋หลิงพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นหันหลังกลับอย่างรวดเร็วแล้วออกจากที่นี่ หลังจากนั้นไม่นาน ไป๋หลิงก็เข้ามาพร้อมกับอัครเสนาบดีทั้งสองคน อัครเสนาบดีทั้งสองก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ถวายบังคม แล้วกราบทูลฮองเฮาด้วยความเคารพว่า “กระหม่อม ถวายบังคมฮองเฮาพ่ะย
สีหน้าของฮองเฮาก็ดูค่อนข้างกังวลเช่นกัน นางมองดูเสนาบดีทั้งสองอย่างลังเลแล้วถามว่า "ตอนนี้เรามีวิธีแก้ปัญหาที่ดีหรือไม่" “กระหม่อมคิดว่าสิ่งที่ฮองเฮาควรทำมากที่สุดในตอนนี้คือการประกาศให้ทั้งใต้หล้ารับรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้พ่ะย่ะค่ะ” เสนาบดีฝ่ายซ้ายกล่าวอย่างจริงจัง “ต้องตัดฮองเฮาออกจากเรื่องนี้ก่อน เพื่อพิสูจน์ว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับพระองค์พ่ะย่ะค่ะ!” “ไม่เช่นนั้น ทันทีที่ตระกูลเซิ่งแว้งกัด คาดว่าจะมีหายนะเกิดขึ้นพ่ะย่ะค่ะ” “ถูกต้อง!”สีหน้าของเสนาบดีฝ่ายขวายังคงเคร่งขรึม ในขณะที่เขาพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มลึกว่า "ในกรณีนี้ แม้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับพระสนมเสียนกุ้ยเฟยและหย่งเอ๋อร์ ก็ไม่ใช่ความผิดของฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ!"“ท่านเสนาบดีทั้งสองพูดถูก” ฮองเฮาพยักหน้าเล็กน้อยและพูดเบา ๆ “เช่นนั้นก็ทำตามที่ท่านทั้งทั้งสองพูดก็แล้วกัน!” เช้าวันรุ่งขึ้น ณ ท้องพระโรง ฮองเฮาทำตามคำแนะนำของเสนาบดีฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวาที่ชี้แนะให้ตัวเอง ทรงเปิดเผยข่าวการหายตัวไปของเสียนกุ้ยเฟยและหย่งเอ๋อร์ทันที หลังจากที่เหล่าขุนนางรู้ข่าว ต่างก็ตกใจและเหลือเชื่อ! มีการถกเถียงมากมายจากข้าราชบริพารทันที“
ไป๋เหยียนเฟยออกราชโองการ อัครเสนาบดีไม่กล้าพูดอะไรในท้องพระโรงอีก แม้ว่าบางคนจะมีสีหน้าเย็นชา แต่พวกเขาไม่กล้าเอ่ยพูด แน่นอนว่าทุกคนที่มีสายตาเฉียบแหลม ย่อมรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น! ไม่หายตัวไปตั้งแต่เนิ่น หรือหายตัวไปช้ากว่านี้ แต่กลับหายไปในเวลานี้! เรื่องนี้มีปัญหาอย่างแน่นอน! ยิ่งไปกว่านั้น ฮองเฮาไม่จำเป็นต้องทำให้องค์ชายใหญ่และเสียนกุ้ยเฟยถูกประหารหรือหายตัวไปด้วยเงื้อมมือของนาง ในทางกลับกัน กลับเป็นประโยชน์มากขึ้น! ท้ายที่สุดแล้ว เมื่อทั้งคนสองคนนี้อยู่ในมือ ตระกูลเซิ่งก็ไม่สามารถสร้างปัญหาใด ๆ ได้ แม้ว่าพวกเขาคิดที่จะก่อกบฏ แต่เมื่อมีองค์ชายใหญ่อยู่ในมือของฮองเฮา พวกเขาก็ไม่กล้าทำอะไรเลย! ท้ายที่สุดแล้ว โอกาสเดียวที่ตระกูลเซิ่งต้องการใช้ประโยชน์ ก็คือองค์ชายใหญ่!ด้วยความชอบธรรมนี้เท่านั้น พวกเขาจึงกล้ากบฏ! ในทางตรงกันข้าม หากมีสิ่งไม่คาดคิดเกิดขึ้นกับองค์ชายใหญ่ แม้ว่าพวกเขาจะก่อกบฏ ผู้คนในใต้หล้าก็จะพูดถึงฮองเฮา ทว่า... ชื่อเสียงไม่ถูกต้องและไม่สมเหตุสมผล ยิ่งกว่านั้นไม่มีสายเลือดของตระกูลจี ก่อกบฏแล้วจะมีประโยชน์อะไร? ดังนั้นฮองเฮาที่ฉลาดควรรู้ว่าการปล่อยให้พ
“ไม่เข้าใจหรือ? ฮ่องเต้ซิงหลงมีองค์ชายคนโต แม้ว่าพระองค์อายุยังน้อย แต่ก็มีอายุสิบปีแล้ว ซ้ำยังเป็นเด็กอัจฉริยะ ราชสำนักมีเสนาบดีฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวาทั้งสองคนคอยชี้แนะ ขณะเดียวกันก็ยังมีปรมาจารย์ทั้งสามท่านยังอยู่ ยิ่งกว่านั้นมีหกกระทรวงเป็นศูนย์กลาง องค์ชายรัชทายาทก็พอจะควบคุมราชสำนักได้แล้ว!” “มีอัครเสนาบดีจำนวนมากอยู่ อันที่จริงไม่สำคัญเลยว่ามีฮองเฮาหรือไม่ ทว่าเหตุใดฮองเฮาถึงสามารถปกครองราชสำนักได้เล่า?” หลังจากพูดเช่นนี้จบ ทุกคนก็ตกใจ! ถูกต้อง! เรื่องนี้มีปัญหาแน่นอน! องค์ชายใหญ่อายุสิบปีแล้ว! มีเสนาบดีและผู้ช่วยที่มีความสามารถมากมายในการชี้แนะปกครองใต้หล้าเช่นนี้ แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว! “ฉะนั้น เกรงว่าทั้งหมดนี้เกิดจากฝีมือของฮองเฮา!” “หากเป็นเช่นนั้น การสิ้นพระชนม์อย่างน่าสงสัยของจักรพรรดิองค์ปัจจุบันอาจเป็นเพียงฝีมือของสตรีผู้ชั่วร้ายคนนี้!” “หึ! ได้ครองบังลังก์อย่างไม่ถูกต้อง จะเกิดหายนะอย่างแน่นอน หากสตรีผู้นี้ครองบังลังก์ ต้าเย่ของเราจะต้องจบสิ้นอย่างแน่นอน!” มีการถกเถียงทุกประเภท เห็นได้ว่าหลายคนไม่เต็มใจที่จะปล่อยให้ฮองเฮาปกครองราชสำนัก! ไม่เพียงแต่ไม่เต็ม
เกาเล่อไม่ได้สนใจ เพียงแค่ดื่มสุราต่อไปในสายตาของเขา สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงกลอุบายหลอกล่อลูกค้าเท่านั้นเพียงแค่เสนอราคาให้เหมาะสม เขาก็ไม่เชื่อหรอกว่าหญิงสาวที่นี่จะรักนวลสงวนตัว!มันเป็นเพียงเรื่องน่าขัน!ทันใดนั้นชายหลายคนจากโต๊ะข้าง ๆ ก็หัวเราะเยาะขึ้นมา“เจ้าคิดว่ามีเงินแล้วจะยิ่งใหญ่นักหรือ?”“ที่อื่นอาจจะได้ แต่ที่นี่ไม่ได้หรอกนะ!”“เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีคนอยากดื่มสุราร่วมกับแม่นางหรูเยียนกี่คน?”“มากมายจนถ้าต่อแถวแล้ว แถวคงยาวออกไปนอกเมือง!”“ในบรรดาคนเหล่านั้นมีคุณชายจากตระกูลชั้นสูง แต่แม่นางหรูเยียนก็ไม่ได้สนใจพวกเขา”“ส่วนเจ้าก็คงไม่ต่างกัน!”ทุกคนต่างหัวเราะกันครื้นเครงหวังหยวนไม่ได้สนใจคำพูดของพวกเขา หลังจากเก็บทองบนโต๊ะกลับคืนมาแล้ว เขาก็โบกมือให้เสี่ยวเอ้อออกไปเสี่ยวเอ้อสบถ เดิมทีคิดว่าหวังหยวนจะให้เงินทอง แต่สุดท้ายกลับไม่ได้อะไรเลย…ช่างน่าโมโหนักหวังหยวนมองไปที่เกาเล่อ แล้วกระซิบว่า “เจ้าส่งคนไปสืบเรื่องราวของแม่นางหรูเยียนที ข้าค่อนข้างสนใจนาง”“ท่านผู้นำ ท่านไม่ได้ล้อเล่นใช่หรือไม่ขอรับ?”“ท่านเชื่อคำพูดไร้สาระของพวกเขาหรือ?”“ข้าสงสัยว่านางคนนั้น
หวังหยวนประหลาดใจ ที่นี่มีกฎเกณฑ์ด้วยงั้นหรือ? ขณะที่เกาเล่อกำลังจะแสดงความไม่พอใจ แต่หวังหยวนรีบส่งสัญญาณให้เขาด้วยสายตา เกาเล่อจึงไม่พูดอะไรเพิ่มเติม ยังคงยืนแข็งทื่อราวกับรูปปั้นอยู่ด้านหลังของหวังหยวน แต่ดวงตาของเกาเล่อแสดงถึงความไม่สบอารมณ์“เหตุใด?”“หรือว่าเจ้าจะคิดทำร้ายคน?”หญิงสาวที่เพิ่งสนทนากับหวังหยวนเบ้ปากใส่เกาเล่อ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ “หากไม่ได้มาเพื่อความสนุกสนานก็จงรีบออกไปจากที่นี่เสีย!”“อย่ามาขวางทาง อย่าทำให้พวกข้าเสียเวลา!”“พวกข้ายังต้องทำมาหากิน!”หญิงคนนั้นก็ชนไหล่ของหวังหยวนแล้วเดินผ่านไปที่หน้าประตู หญิงสาวคนอื่น ๆ ที่ตามมาก็ทำเช่นเดียวกัน“พวกนางช่างไม่รู้ที่ต่ำที่สูง!”“หากพวกนางรู้ถึงตัวตนของท่าน คงต้องคุกเข่าขอความเมตตาจากท่าน”เกาเล่อบ่นพึมพำ“เช่นนั้นอย่าให้พวกนางรู้ถึงตัวตนของข้าดีกว่า”“ข้าไม่อยากมีเรื่องกับพวกนาง”หวังหยวนกล่าวติดตลกแล้วเดินเข้าไปด้านในพร้อมกับเกาเล่อ เลือกที่นั่งแล้วมองไปยังเวทีกลางพลางพิจารณาหอชิงสุ่ยอย่างละเอียดต้องยอมรับว่าที่นี่ตกแต่งได้อย่างหรูหราอลังการอาคารหลังนี้มีทั้งหมดสามชั้น ชั้นล่าง
แต่เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่ว่าจะสำเร็จได้ในวันเดียวหากต้องการให้เมืองอู่เจียงกลายเป็นเมืองสำคัญทางคมนาคมคงต้องใช้เวลาอีกสองสามปีจึงจะสมบูรณ์หวังหยวนเองก็ไม่ปล่อยเวลาให้สูญเปล่า เขาพยายามค้นหาคนที่เหมาะจะเป็นผู้ว่าราชการคนใหม่ในเมืองอู่เจียง แต่ก็ยังหาไม่พบณ หอชิงสุ่ยเมื่อค่ำคืนนี้มาเยือน หวังหยวนกำลังไปเดินเล่นชมเมืองและบังเอิญมาถึงหอชิงสุ่ยที่นั่นเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและผู้คนพลุกพล่าน“ที่นี่คือที่ใด?” หวังหยวนถามเกาเล่อผู้ติดตามอยู่ข้างกาย“ที่นี่คือสถานที่แห่งความสุขทางโลกขอรับ”“ท่านผู้นำสนใจจะเข้าไปดูหรือไม่ขอรับ?”เกาเล่อตอบด้วยรอยยิ้ม“ข้าไม่สนใจเรื่องเหล่านี้...”“อีกอย่างซื่อหานก็รอข้าอยู่ที่บ้าน หากข้ามมัวเมาสุราอยู่ที่นี่ แล้วพวกผู้หญิงในบ้านรู้เข้าคงต้องมีเรื่องวุ่นวายเป็นแน่”หวังหยวนส่ายหน้า หลี่ซื่อหานนั้นยังเข้าใจได้และจะไม่พูดอะไรมาก แต่สำหรับหวงเจียวเจียว...นั่นคือคนที่ยากจะรับมือเกาเล่อหัวเราะ แล้วกล่าวต่อ “ท่านผู้นำอาจเข้าใจผิด ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ธรรมดาอย่างที่ท่านคิดหรอกนะขอรับ”“ข้าเคยสืบเรื่องที่นี่มาแล้ว”“เท่าที่ข้าทราบ เจ้าของที่นี่มีเบื้
ในไม่ช้าหวังหยวนพร้อมคณะก็กลับมายังที่ว่าการเมืองอู่เจียงฉุนอวี๋อันเฝ้ารอมาพักใหญ่แล้ว“ท่านผู้นำ ข้าสั่งให้เหล่าแรงงานเตรียมพร้อมแล้ว พวกเขาพร้อมจะเริ่มงานได้ทุกเมื่อขอรับ!”“ข้าได้แจกจ่ายแบบแปลนให้แก่พวกเขาแล้ว แต่ว่าตอนนี้ยังมีปัญหาอยู่อย่างหนึ่ง...”ฉุนอวี๋อันพูดเพียงเท่านี้ก็เงียบไป สีหน้าบ่งบอกถึงความลำบากใจ“ต้องการเงินเท่าใด?”หวังหยวนทราบความคิดของเขาในทันทีจึงเอ่ยถามออกไป“ท่านผู้นำฉลาดหลักแหลมยิ่งนักขอรับ!”“ใช่แล้วขอรับ เพียงแค่ต้องการเงินจำนวนหนึ่ง!”“ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เมืองอู่เจียงไม่ได้มีเงินทองมากมาย จึงไม่เพียงพอที่จะใช้ในการก่อสร้างครั้งนี้”“ข้าจึงจำต้องมาแจ้งเรื่องนี้กับท่านผู้นำขอรับ...”ฉุนอวี๋อันรีบกล่าว“เจ้าไม่ต้องอ้อมค้อมแล้ว ต้องการเงินเท่าใดก็บอกมาเถิด เรื่องนี้ข้าจะจัดการให้”หวังหยวนไม่ได้ขาดแคลนเงินทองนั่นคือเรื่องเดียวที่เขาได้เปรียบในบรรดาอาณาจักรทั้งสี่ฉุนอวี๋อันรีบนำบัญชีรายรับรายจ่ายที่รวบรวมไว้มาให้หวังหยวน “ข้าได้รวบรวมรายละเอียดทั้งหมดไว้แล้ว ท่านผู้นำโปรดพิจารณา หากไม่มีปัญหาอะไรก็โปรดอนุมัติตามจำนวนนี้ด้วยขอรับ”หวังหยวนรับม
ถ้อยคำของตงฟางฮั่นมีความหมายแฝงอยู่ แต่หวังหยวนก็เข้าใจในทันที“ข้าเข้าใจแล้ว ท่านหมายถึงพรรคทมิฬใช่หรือไม่?”ตงฟางฮั่นยิ้มอย่างพึงพอใจ แล้วพยักหน้า“ดูเหมือนว่าท่านจะไม่ได้ไร้เดียงสาเหมือนที่ข้าคิด สามารถสังเกตเห็นพรรคทมิฬได้เร็วถึงเพียงนี้!”เมื่อเอ่ยถึงชื่อนี้ สีหน้าของเกาเล่อก็เปลี่ยนไปเช่นกันหลังจากจับกุมสาวกของพรรคทมิฬได้หลายคน เกาเล่อและหวังหยวนก็รู้เรื่องของพรรคทมิฬมากขึ้น และในช่วงนี้เกาเล่อก็ได้ส่งคนจำนวนมากไปรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับพรรคทมิฬแต่ก็ยังไม่มีประโยชน์มากนักแสดงให้เห็นว่าคนของพรรคทมิฬนั้นเหมือนพวกหนูที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืด!การขุดคุ้ยเรื่องคนเหล่านี้ต้องใช้เวลา!“แล้วเหตุใดคนของพรรคทมิฬถึงได้ทำร้ายท่านเล่า?” “หรือว่าพวกท่านเคยมีเรื่องขัดแย้งกัน?”หวังหยวนเคาะโต๊ะเบา ๆ สายตาจ้องมองไปที่ตงฟางฮั่นอีกครั้งตงฟางฮั่นส่ายหน้าแล้วยิ้มเยาะ “ข้าจะไปเข้าร่วมกับคนพวกนั้นได้อย่างไร?” “ไม่รู้ว่าพวกเขาได้ยินชื่อของข้ามาจากไหน จึงได้มาติดต่อข้า หวังว่าข้าจะเข้าร่วมพรรคทมิฬ!” “แต่ข้าได้ปฏิเสธพวกเขามาหลายครั้งแล้ว” “แต่พวกเขาก็ยังคงตามติดไม่เลิก ก่อนหน้านี้พวกเขาย
“มาเยือนโดยไม่ได้รับเชิญ ถือว่าเป็นแขกผู้มาเยือนได้หรือ?” ตงฟางฮั่นเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ “ในเมื่อเจ้าชอบสถานที่นี้ ก็จงดื่มสุราอยู่ที่นี่คนเดียวเถิด” “ลาก่อน”เพียงชั่วพริบตา ตงฟางฮั่นก็ลุกขึ้นยืน ขณะที่เขากำลังจะเดินสวนกับชายคนนั้น ก็ได้ยินเสียงชายคนนั้นเอ่ยขึ้นว่า “ท่านตงฟาง ท่านพร้อมจะวางเดิมพันไว้ที่หวังหยวน แต่กลับไม่คิดจะพบกับท่านประมุขของข้าหรือ?”“ฮึ” “พวกเจ้าก็เป็นเพียงพวกหนูที่อาศัยอยู่ในความมืดมิด” “ใครเล่าจะอยากร่วมมือกับพวกเจ้า?” ตงฟางฮั่นเย้ยหยัน ไม่ได้สนใจชายผู้อยู่เบื้องหลังอีกต่อไปสีหน้าของชายวัยกลางคนเปลี่ยนไป มือหนึ่งคว้ามีดสั้นจากอกเสื้อ แล้วแทงเข้าที่หลังของตงฟางฮั่นอย่างรวดเร็ว! ว่องไวราวกับสายฟ้าแลบ!“ถ้าไม่เป็นมิตร ก็ต้องเป็นศัตรู!” “ไปลงนรกซะ!”สีหน้าของตงฟางฮั่นเปลี่ยนไป แต่ตอนนี้การหลบหลีกนั้นสายเกินไปแล้ว เพราะเขาไม่ได้ฝึกวิทยายุทธใด ๆ เลย!ในขณะที่เขาเตรียมใจยอมรับชะตากรรม ก็ได้ยินเสียงโลหะกระทบกัน ปรากฏว่าเกาเล่อผู้ซ่อนตัวอยู่ในที่มืดปรากฏตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว และข้างกายเขายังมีสมาชิกขององค์กรเครือข่ายผีเสื้ออีกหลายคนมีกำลังคนม
“ท่านทั้งหลายไปที่นั่นแล้วจะได้ลงทะเบียนทันที!”เมื่อทราบว่าหวังหยวนไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ทุกคนจึงรีบขอลา แล้วมุ่งหน้าสู่ตลาดตะวันออกด้วยความเร่งรีบ การลงทะเบียนโดยเร็วจะช่วยคลายกังวลในใจได้!เมื่อเห็นเหล่าชาวบ้านมาเร็วไปเร็วเช่นนั้น ฉุนอวี๋อันจึงบ่นหลังถอนหายใจว่า “ประชาชนพวกนี้ช่างร้อนรนนัก!”“หากมีสิ่งใดขัดขวางความประสงค์ของพวกเขา พวกเขาก็จะก่อความวุ่นวายไม่หยุด!”“โชคดีที่ข้าไม่ใช่ผู้ว่าราชการเมืองเมืองนี้แล้ว จึงบรรเทาความกดดันลงได้บ้าง…”แต่หารู้ไม่ว่าหวังหยวนยังคงยืนอยู่ข้างกายฉุนอวี๋อันหันกลับไปเห็นหวังหยวนกำลังมองตนอยู่ ทันใดนั้นเขาก็ตัวสั่นเทา ตกใจกลัวจนถอยหลังไปสองก้าว และถึงกับหายใจติดขัด“ท่านผู้นำ…”“ข้าไม่ใช่หมายความเช่นนั้น”หวังหยวนเห็นท่าทีขลาดกลัวของเขาจึงส่ายหน้าแล้วยกยิ้มดูเหมือนการตัดสินใจของเขาจะถูกต้อง คนเช่นนี้จะสามารถเป็นใหญ่ในเมืองได้อย่างไร?หากปล่อยให้ฉุนอวี๋อันดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการเมืองต่อไป แม้การก่อสร้างระบบชลประทานจะแล้วเสร็จก็คงหาผลกำไรไม่ได้มากนักผลลัพธ์สุดท้ายก็คงเดาได้ไม่ยากไม่ช้าหวังหยวนและคณะก็เดินทางกลับระหว่างทางกลับ เ
“หืม?” หวังหยวนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็เข้าใจทันที คงเป็นเพราะเรื่องเกณฑ์แรงงานจึงทำให้ประชาชนไม่พอใจ“ทุกคน!”“เรื่องนี้คงเกิดจากความเข้าใจผิดใช่หรือไม่?”“ข้าต้องการแรงงานมาช่วยทำงาน แต่ก็เพื่อการพัฒนาเมืองอู่เจียง!”“เมื่อการก่อสร้างระบบชลประทานเสร็จสมบูรณ์ ในฤดูฝน พวกเราก็ไม่ต้องกังวลว่าแม่น้ำจะเอ่อล้นอีกต่อไป และที่สำคัญที่สุด เวลาในการเดินทางระหว่างเมืองอู่เจียงกับเมืองต่าง ๆ ก็จะใกล้เคียงลงมาก!”“นับเป็นเรื่องที่ดีต่อแผ่นดินและประชาชน!”“ยิ่งไปกว่านั้น ข้าก็ไม่ได้ใช้แรงงานโดยไม่จ่ายค่าจ้าง ข้าจะจ่ายค่าจ้างให้เดือนละหนึ่งตำลึง!” หวังหยวนอธิบายสถานการณ์โดยย่อความจริงเป็นเช่นนั้น เมื่อการก่อสร้างระบบชลประทานเสร็จสมบูรณ์ เมืองอู่เจียงจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง! ในอนาคต แม้แต่เมืองหลวงก็อาจจะพัฒนาไม่ดีเท่าเมืองอู่เจียง! แต่ทั้งหมดนี้นั้นเป็นเพราะเมืองอู่เจียงมีแม่น้ำห้าสายไหลผ่าน หากไม่เป็นเช่นนี้จะมีโอกาสสร้างระบบชลประทานได้อย่างไร?“จ่ายค่าจ้างด้วยหรือ?”“ก่อนหน้านี้ไม่เคยได้ยินเช่นนั้นเลยไม่ใช่รึ?”“พวกเราคงจำผิดไปกระมัง?”“ใช่แล้ว! ข้าได้ยินมาว่าท่านผู้นำเ
“การเตรียมการต่าง ๆ เป็นอย่างไรบ้าง?”หวังหยวนยกถ้วยชาขึ้น สายตาจับจ้องไปยังเกาเล่อขณะเอ่ยถามเกาเล่อส่ายหน้าแล้วตอบว่า “ข้าได้ค้นหาคนผู้มีความสามารถอยู่เสมอ แต่ก็ไม่ราบรื่นดังที่คาดหวังไว้ขอรับ” “บางคนก็มีความรู้ความสามารถ บางคนก็ไม่อาจคาดเดาเจตนาได้ โดยสรุปแล้วก็ยังไม่พบผู้ใดที่เหมาะสมนัก”หวังหยวนพยักหน้า แท้จริงแล้ว การค้นหาคนที่ไว้ใจได้และมีความรู้ความสามารถนั้นจะเป็นเรื่องง่ายได้อย่างไร? เวลาเพียงสองวันนั้นย่อมไม่เพียงพอ“เช่นนั้นเจ้าจงค้นหาต่อไป” “อย่างไรเสียข้าก็ต้องอยู่ที่เมืองอู่เจียงต่อไปอีกนาน” “เรื่องต่าง ๆ ในที่นี้ ข้าจะรับผิดชอบเอง” “แต่ก่อนหน้านั้นเจ้ายังมีภารกิจสำคัญอีกอย่างหนึ่ง นั่นคือการจัดหาแรงงานเพื่อช่วยข้าขุดคลอง” หวังหยวนสั่งการเพิ่มเติมเกาเล่อรับคำแล้วก็จากไปหลังจากอยู่ในห้องมาสองวัน แผนที่ก็เสร็จสมบูรณ์แล้ว หวังหยวนจึงสั่งให้คนจัดเตรียมอาหารและเครื่องดื่ม เพื่อเป็นการฉลองความสำเร็จแม้ว่าฉุนอวี๋อันจะพ้นจากตำแหน่งแล้ว แต่ก็ยังคงอยู่เคียงข้างหวังหยวน เกาเล่อควบคุมข่าวสารต่าง ๆ แต่เรื่องราวภายในเมืองอู่เจียงนั้น ฉุนอวี๋อันย่อมรู้ดีกว่า