“สารเลว!” “เจิ้งไท่ชิง เจ้ารังแกข้ามากเกินไปแล้ว ถึงกับไม่ยอมให้เฉิงโจวของข้ายอมจำนน!” ในขณะนี้ เฉิงเหลียวก็ได้รับตำราม้วนไม้ไผ่มาจากด้านนอก พร้อมมีสีหน้าตกตะลึงทันที! หากกองทัพชิงชวนไม่ยอมรับการยอมจำนน ไม่ว่าจะเป็นเปิดเมืองหรือไม่ก็ตาม เมืองนี้ก็จะถูกสังหารหมู่! ไม่ให้เหลือราษฎรแม้แต่เพียงผู้เดียว! “ท่านพ่อ...เช่นนั้นเราควรทำอย่างไรดี เมื่อเรื่องต่าง ๆ เกิดขึ้นแล้ว...เราต้องตายสถานเดียวงั้นหรือ!” ตอนนี้เฉิงอู๋จี้ตื่นตระหนกแล้ว เขายังไม่อยากตาย! เมื่อคิดถึงตรงนี้ เฉิงเหลียวก็สูดหายใจเข้าลึก จากนั้นมีแสงริบหรี่แวบขึ้นมาในดวงตาของเขา “มีวิธีเดียวเท่านั้นที่จะแก้ไขวิกฤตินี้ได้!” หลังจากที่เฉิงเหลียวพูดจบ เฉิงอู๋จี้ก็ตกตะลึงและสับสนอยู่ครู่หนึ่ง “ยังมีวิธีอื่นอีกหรือ?” เฉิงอู๋จี้คิดไม่ออก เฉิงโจวของพวกเขาสามารถทำอะไรได้อีกเมื่อต้องเผชิญกับกองทัพสามหมื่นนาย! “ถูกต้อง! ขอให้หวังหยวนทำหน้าที่เป็น...เสนาธิการทหาร!” เมื่อเฉิงเหลียวเอ่ยพูด เฉิงอู๋จี้ก็ตกตะลึงทันที แต่สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปมาก ทันใดนั้นก็ได้สติขึ้นมา! “ท่านพ่อ ท่านหมายความว่าขอให้หวังหยวนทำหน้าที่เป็นที่เ
สังหารหมู่ทั้งเมืองไปแล้วได้อะไร? ทำอะไรได้บ้าง? พูดไม่น่าฟังหน่อยก็คือ วันนี้สังหารทุกคนในเฉิงโจวจนสิ้นซาก วันถัดไปกองทัพชิงชวนจะถูกกวาดล้าง พอวันที่สามทั้งเมืองก็จะถูกเปลี่ยนใหม่หมด! ในทางกลับกัน ขุนพลที่ซ่อนตัวอยู่ในต้าเย่ก็ไม่มีแล้ว! ย่อมรู้ว่ามีตัวเดินหมากไม่มากนักที่สามารถควบคุมกองกำลังได้ มันน่าสงสัยจริง ๆ ที่ฮวงเหยียนทำอะไรไปมากมายเช่นนี้ แต่จบลงด้วยการไม่ได้อะไรเลย! “เป็นเรื่องจริง กองทัพชิงชวนก่อกบฏ ข้าเกรงว่าพวกเขาเป็นตัวเดินหมากของฮวงเหยียน แต่ข้าไม่เข้าใจสาเหตุของการก่อกบฏครั้งนี้ จริง ๆ รบไปก็ไม่มีประโยชน์ จะป้องกันไว้ก็ไม่สามารถป้องกันได้ มันเหลือเชื่อจริง ๆ!” ไป๋เฟยเฟยก็คิดแบบเดียวกัน หลักการนี้เข้าใจได้ไม่ยาก แต่เมื่อกองทัพใกล้เข้ามา ก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถเข้าใจเรื่องนี้ได้จริง ๆ และนั่งลงแล้วครุ่นคิดอย่างสงบ! “นอกจากนี้ สังหารหมู่...และไม่ยอมให้ยอมจำนน นี่มันหลักการอะไรกัน?” คำพูดของไป๋เฟยเฟยก็เป็นสิ่งที่หวังหยวนกำลังคิดเช่นกัน “ดูเหมือนว่าการเคลื่อนไหวของฮวงเหยียนครั้งนี้ ทำให้คนไม่อาจคาดเดาได้จริง ๆ” หวังหยวนถอนหายใจ และไม่เข้าใจจริง ๆ
หลังจากที่หวังหยวนพูดคำเหล่านี้จบ หวงเจียวเจียวก็ตกใจเช่นกัน! นางคิดไม่ถึงว่าหวังหยวนจะฉลาดถึงขนาดที่เขาสามารถวิเคราะห์จากคำพูดของนาง และสถานการณ์ปัจจุบันว่านางมาจากเมืองหวง! หวงเจียวเจียวสะดุ้งตกใจ ทว่าสีหน้าของหวังหยวนดูน่าเกลียดทันที! แต่ในขณะนี้ เขาก็ยังไม่เข้าใจว่าเหตุใดหวงเจียวเจียวถึงมาหาเขา! เป็นไปได้ไหมว่า... นางต้องการโน้มน้าวเขาหรือ? ในขณะนี้ หวังหยวนเดาว่าสถานการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะเขาเป็นต้นเหตุหรือ? แม้ว่าการตัดสินของนางจะสมเหตุสมผล แต่ก็เป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะจินตนาการว่าทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะเขาจริง ๆ! “คุณชายหวังสมกับเป็นวีรบุรุษท่ามกลางผู้คนจริง ๆ เช่นนั้นข้าน้อยก็ขอพูดอย่างตรงไปตรงมา แท้จริงแล้วข้ามาจากฮวงเหยียน ข้ามาที่นี่ครั้งนี้ก็เพื่อเป็นตัวแทนของฮวงเหยียน...ดึงตัวคุณชายหวัง” หวงเจียวเจียวพูดด้วยรอยยิ้ม ทว่าแววตาของหวังหยวนกลับแฝงไปด้วยความเย็นชา! “จริงหรือ? เช่นนั้นเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้ก็เพราะข้าหรือ?” หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ หวงเจียวเจียวก็ตกใจไม่แพ้กัน แต่ก็ยังพยักหน้า “ถูกต้อง เรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพื่อคุณชายหวัง” หว
เมื่อกล่าวเช่นนั้น หวงเจียวเจียวก็จากไปทันที หวังหยวนมองไปที่ด้านหลังของหวงเจียวเจียวพร้อมรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ต้าเย่... กำลังจะจบสิ้นแล้วจริง ๆ ราวกับบ้านปรักหักพังที่มีอากาศพัดเข้ามาจากทั่วทิศทาง อันตรายแขวนอยู่บนเส้นด้าย! อย่างน้อยในสายตาของเขา คนผู้นั้นของเมืองหวงเก่งกาจกว่าคนที่อยู่ในต้าเย่มากนัก! หากว่าเขาไม่ได้มาที่ราชสำนักนี้ เกรงว่าอีกไม่นาน ฮวงเหยียนก็จะค่อย ๆ รุกล้ำต้าเย่ เมื่อถึงเวลายกทัพบุกโจมตี ต้าเย่จะถูกกวาดล้าง! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีพวกคนเถื่อนคอยจ้องตาเป็นมัน! หวังหยวนถอนหายใจพร้อมรู้สึกหมดหนทาง “ให้ใต้เท้าเฉิงเข้ามาพบข้าในห้องหนังสือเถอะ” หวังหยวนพูดแล้วหันกลับไปห้องหนังสือ เขารู้ว่าที่เฉิงเหลียวมาเวลานี้ก็เพื่อต้องขอความช่วยเหลือจากเขา หวังหยวนย่อมรู้สึกรังเกียจเฉิงเหลียวผู้นี้ ชายหน้าเนื้อใจเสือที่เล่นงานลับหลังผู้อื่น! หากไม่ใช่เพราะเขา หวังหยวนเองก็คงไม่ตกเป็นเป้าของธนาคารเทียนเซี่ย และเขาก็คงไม่ก่อเรื่องปล้นธนาคารเทียนเซี่ยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเรื่องภายหลัง ในตอนนี้... เขาไม่สามารถปล่อยให้กองทัพชิงฉวนโจมตีเข้ามาได้!
หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ เขาก็ไม่พูดอะไรอีก ทว่ากลับนั่งอยู่ที่นั่นและเริ่มดื่มชา เขารู้ว่าเฉิงเหลียวจะลังเล ท้ายที่สุดแล้ว หากบรรลุข้อตกลงนี้และถูกจับได้ เขาจะต้องตายอย่างอนาถ! เฉิงเหลียวในตอนนี้ลังเลจริง ๆ! แม้ว่าเขาจะรู้ว่าตอนนี้มีอันตรายทั่วทุกทิศทาง แต่หากเขาไม่ตอบกลงกับหวังหยวนจริง ๆ ทุกอย่างก็จะจบสิ้น! ในขณะนี้ เขากัดฟันและพูดทันที “ตกลง ทว่า...ข้อตกลงระหว่างท่านกับข้าจะต้องไม่ทิ้งร่องรอยเป็นอันขาด!” เฉิงเหลียวสูดหายใจเข้าลึก นี่คือขีดจำกัดของเขา! หวังหยวนย่อมรู้ดีอยู่แล้วว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ดังนั้นจึงยิ้มและพูดอย่างราบเรียบว่า “หากปราศจากความพยายามอย่างจริงใจ แม้แต่การทิ้งบันทึกที่เป็นลายลักษณ์อักษรไว้ก็ไม่มีประโยชน์” “เฉิงเหลียว ในเมื่อท่านรับปากแล้ว ข้าก็ไม่กลัวว่าท่านจะกลับคำ” เมื่อได้ยินสิ่งนี้ เฉิงเหลียวก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง “ท่านไม่กลัวว่าข้าจะทรยศเหรอ?” “ไม่กลัว...คนอย่างหวังหยวนใช้คนก็อย่าระแวง หากระแวงใครก็อย่าใช้เขามาโดยตลอด ยิ่งกว่านั้น หากท่านไม่ซื่อสัตย์ต่อข้า ข้าย่อมมีวิธีจัดการกับท่านอยู่แล้ว” หวังหยวนยิ้มเบา ๆ และหลังจากพูดเช่นนี้ เฉิงเห
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฉิงเหลียวก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง และสับสนเล็กน้อยหวังหยวนเหลือบมองเขาแล้วขมวดคิ้ว “ทำไมเล่า ท่านไม่เข้าใจความหมายของข้าหรือ?” เฉิงเหลียวรีบพูดว่า “เข้าใจแล้ว ข้าจะสั่งให้คนไปจัดการ” หวังหยวนตอบรับอืมเบา ๆ จากนั้นพูดขึ้นว่า “สั่งการทหารทั้งห้าพันนาย พร้อมทั้งเรียกผู้บัญชาการนับพัน และผู้บัญชาการนับร้อยออกมาด้วย ข้ามีเรื่องต้องเจราจาด้วย” เฉิงเหลียวไม่ปฏิเสธ และมองไปที่เฉิงอู๋จี้ คนข้างหลังเข้าใจทันที และรีบไปเรียกคนเหล่านี้ออกมา ตอนนี้พวกเขาไม่มีจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้แล้ว แน่นอนว่าหวังหยวนต้องสร้างขวัญกำลังใจแก่พวกเขา! มีเพียงนายพลเหล่านี้มีความหวังเท่านั้น พวกเขาจึงจะสามารถปกป้องต่อไปได้! ไม่นาน นายพลเหล่านี้ก็มาที่บ้านของหวังหยวน แต่พวกเขาต่างดูหดหู่ใจ ไร้ซึ่งความหวัง และดูราวกับกำลังรอความตายอยู่ “ใต้เท้าเฉิง เราควรทำอย่างไรดีขอรับ! พรุ่งนี้ก็ถูกสังหารหมู่ทั้งเมืองแล้ว!” “พวกเราทุกคนจะตายใช่หรือไม่!” “เพราะอะไรกัน...เหตุใดเราถึงน่าเวทนาถึงเพียงนี้!” ทันทีที่พวกเขาเข้ามาและเห็นเฉิงเหลียว พวกเขาก็ร้องไห้โวยวายทันที แต่ละคนคร่ำครวญด้วยความหวา
หวังหยวนยิ้มและพยักหน้า“ดีมาก สิ่งที่ข้าขอให้เจ้าทำตอนนี้ คือไปปลอบขวัญให้กำลังใจผู้คน บอกพวกเขาว่าอย่าตื่นตระหนก บอกพวกเขาว่าถ้าพวกเขายืนหยัดในวันพรุ่งนี้ได้ วันต่อไปพวกเขาก็จะยืนหยัดต่อไปได้ ข้าไม่สนใจว่าเจ้าจะใช้วิธีการอะไร แต่วันนี้เจ้าต้องปลอบขวัญผู้คนให้ได้สักหน่อยก็ยังดี”"ทำได้ไหม?"หวังหยวนพูดช้า ๆ พวกขุนพล นายพันและนายร้อยหลายคนต่างก็พยักหน้าแม้ว่าในเมืองตอนนี้จะตกในสภาวะตื่นตระหนก แต่ออกไปไหนไม่ได้ ด้วยความสิ้นหวัง บางคนก็แค่ซ่อนสีหน้าร้องไห้อย่างขมขื่น มันง่ายที่จะปลอบพวกเขาให้สงบสติอารมณ์"คืนนี้พวกเจ้าทุกคนนอนหลับพักผ่อนกินข้าวให้ดี พรุ่งนี้นอกเมืองจะไม่เห็นทหารสักคน!"หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ เขาก็โบกมือให้พวกเขาออกไปหลายคนไม่เชื่อว่าหวังหยวนจะทำได้จริง ๆ!แต่ออกไปจากที่นี่ดีกว่า ทำตามที่หวังหยวนได้ว่าไว้ ขุดคูเมืองและปลอบขวัญให้กำลังใจผู้คน!ในเวลานี้ เฉิงเหลียวอดไม่ได้ที่จะถามออกมาว่า "เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่?"หวังหยวนยิ้มและพูดว่า "แม่ทัพของกองทัพชิงชวนชื่อเจิ้งไท่ชิงสินะ ข้าได้ยินมาว่าคน ๆ นี้มีพรสวรรค์ในการเป็นผู้นำกองทัพใช่หรือไม่?"เฉิงเหลียวพยักหน้า "
หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของท่าน'หลังจากที่เจิ้งเซิงอ่านจดหมายแล้ว เขาก็แค่นสถบอย่างเย็นชา“หวังหยวนผู้นี้บังอาจมาก กองทัพใกล้เข้าประชิดเมืองแล้ว เขายังกล้ายั่วยุพวกเราอีก!”“ท่านพ่อ อย่าไปสนใจ พรุ่งนี้เราจะตีเมืองและจับตัวเขาเอาไว้!”เจิ้งเซิงมีสีหน้าดูถูกเหยียดหยาม ไม่สนเหตุผลอะไรแล้วแต่หลังจากที่เจิ้งไท่ชิงได้ยินสิ่งนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า "ลูกพ่อ พ่อขอถามสักหน่อย ถ้าเจ้ามีวลาหนึ่งวัน เจ้าจะช่วยแก้ไขวิกฤติการณ์ในเฉิงโจวได้หรือไม่"หลังจากที่เจิ้งเซิงได้ยิน เขาก็ส่ายหน้าทันที“จะเป็นไปได้อย่างไร? แค่วันเดียวจะแก้ไขได้อย่างไร ท่านพ่อ อย่าฟังคำพูดไร้สาระของหวังหยวน เขาแค่ถ่วงเวลา รอการเปลี่ยนแปลง”“แม้ว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง ต่อให้เวลาเขาสามวัน มันก็ไม่มีประโยชน์!”กองหนุนที่ใกล้ที่สุดจะมาถึงที่นี่จะใช้เวลาห้าวัน ยิ่งกว่านั้น เขารู้แล้วว่ากองทัพหลักของชาวหวงที่ประชิดรุกล้ำชายแดน ไม่มีกำลังพอที่จะจัดการกับพวกเขา!ยิ่งไปกว่านั้นสถานการณ์ในตอนนี้ ต้าเย่เองก็น่ารู้ด้วยว่า หากจะหยุดยั้งการรุกรานของราชสำนักหวง กองทัพชิงโจวของพวกเขาที่อยู่ในต้าเย่ หากพวกเขาคิดจะกำจัดมั