หวังหยวนยิ้มและพยักหน้า“ดีมาก สิ่งที่ข้าขอให้เจ้าทำตอนนี้ คือไปปลอบขวัญให้กำลังใจผู้คน บอกพวกเขาว่าอย่าตื่นตระหนก บอกพวกเขาว่าถ้าพวกเขายืนหยัดในวันพรุ่งนี้ได้ วันต่อไปพวกเขาก็จะยืนหยัดต่อไปได้ ข้าไม่สนใจว่าเจ้าจะใช้วิธีการอะไร แต่วันนี้เจ้าต้องปลอบขวัญผู้คนให้ได้สักหน่อยก็ยังดี”"ทำได้ไหม?"หวังหยวนพูดช้า ๆ พวกขุนพล นายพันและนายร้อยหลายคนต่างก็พยักหน้าแม้ว่าในเมืองตอนนี้จะตกในสภาวะตื่นตระหนก แต่ออกไปไหนไม่ได้ ด้วยความสิ้นหวัง บางคนก็แค่ซ่อนสีหน้าร้องไห้อย่างขมขื่น มันง่ายที่จะปลอบพวกเขาให้สงบสติอารมณ์"คืนนี้พวกเจ้าทุกคนนอนหลับพักผ่อนกินข้าวให้ดี พรุ่งนี้นอกเมืองจะไม่เห็นทหารสักคน!"หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ เขาก็โบกมือให้พวกเขาออกไปหลายคนไม่เชื่อว่าหวังหยวนจะทำได้จริง ๆ!แต่ออกไปจากที่นี่ดีกว่า ทำตามที่หวังหยวนได้ว่าไว้ ขุดคูเมืองและปลอบขวัญให้กำลังใจผู้คน!ในเวลานี้ เฉิงเหลียวอดไม่ได้ที่จะถามออกมาว่า "เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่?"หวังหยวนยิ้มและพูดว่า "แม่ทัพของกองทัพชิงชวนชื่อเจิ้งไท่ชิงสินะ ข้าได้ยินมาว่าคน ๆ นี้มีพรสวรรค์ในการเป็นผู้นำกองทัพใช่หรือไม่?"เฉิงเหลียวพยักหน้า "
หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของท่าน'หลังจากที่เจิ้งเซิงอ่านจดหมายแล้ว เขาก็แค่นสถบอย่างเย็นชา“หวังหยวนผู้นี้บังอาจมาก กองทัพใกล้เข้าประชิดเมืองแล้ว เขายังกล้ายั่วยุพวกเราอีก!”“ท่านพ่อ อย่าไปสนใจ พรุ่งนี้เราจะตีเมืองและจับตัวเขาเอาไว้!”เจิ้งเซิงมีสีหน้าดูถูกเหยียดหยาม ไม่สนเหตุผลอะไรแล้วแต่หลังจากที่เจิ้งไท่ชิงได้ยินสิ่งนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า "ลูกพ่อ พ่อขอถามสักหน่อย ถ้าเจ้ามีวลาหนึ่งวัน เจ้าจะช่วยแก้ไขวิกฤติการณ์ในเฉิงโจวได้หรือไม่"หลังจากที่เจิ้งเซิงได้ยิน เขาก็ส่ายหน้าทันที“จะเป็นไปได้อย่างไร? แค่วันเดียวจะแก้ไขได้อย่างไร ท่านพ่อ อย่าฟังคำพูดไร้สาระของหวังหยวน เขาแค่ถ่วงเวลา รอการเปลี่ยนแปลง”“แม้ว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง ต่อให้เวลาเขาสามวัน มันก็ไม่มีประโยชน์!”กองหนุนที่ใกล้ที่สุดจะมาถึงที่นี่จะใช้เวลาห้าวัน ยิ่งกว่านั้น เขารู้แล้วว่ากองทัพหลักของชาวหวงที่ประชิดรุกล้ำชายแดน ไม่มีกำลังพอที่จะจัดการกับพวกเขา!ยิ่งไปกว่านั้นสถานการณ์ในตอนนี้ ต้าเย่เองก็น่ารู้ด้วยว่า หากจะหยุดยั้งการรุกรานของราชสำนักหวง กองทัพชิงโจวของพวกเขาที่อยู่ในต้าเย่ หากพวกเขาคิดจะกำจัดมั
เฉิงเหลียวรู้ว่าการปิดล้อมเมืองจะเริ่มในตอนกลางวัน ไม่ใช่ตอนกลางคืน แต่เป็นในตอนเช้า!นั่นเป็นเวลาที่ดีที่สุดในการตีเมือง!แต่กองทัพชิงชวนยังไม่มา นั่นหมายความว่าพวกเขาจะไม่มา!อย่างน้อยวันนี้...จะไม่มาแล้ว!“ทำไมกัน? เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร?”เฉิงเหลียวอดไม่ได้ที่จะถามออกมา“เจ้าไม่ได้อ่านจดหมายเมื่อวานหรอกหรือ? ทำไมเจ้ายังถามอยู่อีกล่ะ?” หวังหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้ม“ถึงแม้ข้าจะอ่านแล้ว แต่...เขานั้น...มั่นใจในความสามารถ คิดอยากจะสู้กับเจ้าหรือเปล่า?”นั่นคือทั้งหมดที่เฉิงเหลียวคิดได้ นอกจากนั้นเขายังคิดอะไรไม่ออกอีกเลยหวังหยวนยิ้มมองเฉิงเหลียว แล้วพูดอย่างเรียบเฉย“เจ้าอยากฟังความจริง จริง ๆ อย่างนั้นเหรอ?”หวังหยวนยิ้มเหมือนไม่ยิ้มเหลือบมองเฉิงเหลียว หลังจากพูดจบ เขาก็ตกใจนิ่งอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง"ย่อมแน่อยู่แล้ว"เฉิงเหลียวพูดตามตรง“ในเมื่อเจ้าอยากฟังก็นั่งลง แล้วข้าจะเล่าให้ฟัง”หลังจากหวังหยวนพูดจบ เฉิงเหลียวก็หายใจเข้าลึก ๆ และนั่งลงฝั่งตรงข้ามหวังหยวนและตั้งใจฟัง“เรื่องในวันนี้ที่ข้าจะพูด เจ้าได้ยินแล้ว ถ้าอยากพูดข้างนอกก็พูดไปเถอะ ข้าไม่สนหรอก ที่ข้าบอกเจ้าเพราะว
เฉิงเหลียวไม่เชื่อว่าราชสำนักหวงจะเคลื่อนไหวครั้งใหญ่เพื่อหวังหยวนแบบนี้!แม้จะต้องเสียสละเจิ้งไท่ชิงคนนี้ก็ตาม!“เจ้าอาจไม่เชื่อ แต่ข้าไม่ได้โกหกเจ้า ไม่เช่นนั้นทำไมเฉิงเหลียวถึงยกทัพขึ้นมาล่ะ นอกจากนี้ราชสำนักหวงจะไม่ทำอะไรนี้ ข้าคิดว่าจะมีสงครามที่ชายแดนเร็ว ๆ นี้ ราชสำนักหวงจะใช้ทั้งไม้อ่อนไม้แข็งไปพร้อม ๆ กัน ในท้ายที่สุด เพื่อให้ข้ายอมสวามิภักดิ์ต่อราชสำนักหวง พวกเขาจะบังคับให้ต้าเย่มอบตัวข้า”การคาดเดาของหวังหยวนไม่ใช่การพูดอย่างไม่มีมูลความจริงอย่างแน่นอนคำพูดของหวงเจียวเจียว เขาเข้าใจคำตอบแล้ว!เขาคิดได้เลยว่าชะตากรรมของเขาจะเป็นอย่างไรต่อไป!ต้าเย่จะยอมสู้กับราชสำนักหวงเพราะเขาได้อย่างไร?เฉิงเหลียวที่ได้ยินก็รู้สึกตกใจ ไม่อยากจะเชื่อเลยแต่สิ่งที่หวังหยวนพูดทำให้เขาไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ เมื่อลองมาคิดดู เขาก็เดาได้ว่ามีสิ่งแปลก ๆ มากมายเกิดขึ้น และทั้งหมดนั้นอาจเป็น...จริงด้วย!“ข้ารู้ชะตากรรมของตัวเอง ต้าเย่จะไม่ปกป้องข้า แต่ข้าที่ยังปกป้องเฉิงโจว เพราะข้าอยากปกป้องชีวิตข้าเองด้วย!”หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ เฉิงเหลียวก็ขมวดคิ้วอย่างเคร่งเครียด“เจ้าบอกว่า...เพื
เฉิงเหลียวสับสนงุนงงไปหมด แสดงความปรารถนาดีต่อเขางั้นเหรอ?มันหมายความว่าอะไรกันแน่?เขาไม่เข้าใจ!ทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่ไม่เป็นมิตรต่อกัน อาจกล่าวได้ว่าหากราชสำนักหวงเห็นคุณค่าความสามารถของหวังหยวนจริง ๆ เจิ้งไท่ชิงก็ควรจะถือว่าเขาเป็นศัตรูทางการเมืองสิ!จะมาแสดงความปรารถนาดีได้อย่างไร?“หวังหยวน นี่มันหมายความว่ายังไงกัน?”เฉิงเหลียวไม่เข้าใจจริง ๆ แต่หวังหยวนพูดด้วยรอยยิ้ม "ธรรมดามาก เขารู้ว่าวันนี้ถ้าเขาตีเมืองข้าคงไม่สามารถปกป้องเฉิงโจวได้ แต่ที่เขาไม่ได้ตีเมือง เขาอยากเห็นความสามารถของข้า และพิสูจน์ความสามารถตัวเองด้วย แต่ก็เช่นกัน… เขาเองก็อยากเป็นเพื่อนกับข้าด้วย!”“เพราะว่าหากข้าสามารถปกป้องเฉิงโจวได้จริง ๆ ข้าจะกลายเป็นคนมีชื่อเสียงอย่างแน่นอน เขาต้องการโน้มน้าวราชสำนักหวงและข้าด้วย เจ้าเข้าใจไหม”“บอกตามตรง ความรู้สึกนี้... ข้าจะจำมันไว้จริง ๆ”หวังหยวนหายใจเข้าลึก ๆ เขาที่ทำเช่นนี้รู้สึกหมดหนทางนักไม่เช่นนั้นเขาจะทำอะไรที่เฉิงโจวไม่ได้เลย อย่างไรก็ตามเขาเป็นคนมีความสามารถ กับเหล่าชายหนุ่มที่ไม่มีใจจะสู้ มีเพียงความหวาดกลัวและไม่มีความหวัง เขาจะชนะได้อย่างไร?ด
“ท่านที่ปรึกษามีความสามารถที่ยอดเยี่ยม ข้าน้อยละอายใจนัก ท่านที่ปรึกษาได้โปรดวางแผนหาทางรอดให้พวกเราด้วย!”“ท่านที่ปรึกษาได้โปรดวางแผนหาทางรอดให้พวกเราด้วย!”“ท่านที่ปรึกษาได้โปรดวางแผนหาทางรอดให้พวกเราด้วย!”พวกเขาที่ได้เห็นความสามารถที่แท้จริงของหวังหยวนแล้ว ในตอนนี้พวกเขาจึงมีความรู้สึกมั่นใจขึ้นมาแล้ว"ข้ารับปากกับพวกเจ้าไว้ว่าจะหาทางรอดให้ทุกคน มันจะเป็นจริง คำสัญญาของเมื่อวานเป็นจริงแล้ว ตราบใดที่เจ้าเชื่อในตัวข้า เฉิงโจวจะไม่ถูกตีแตก!"“คูเมืองที่ยังขุดไม่เสร็จเมื่อวานนี้ วันนี้ทำต่อให้เสร็จ แล้วสั่งการลงไปว่าทหารในเฉิงโจวอย่าพูดเรื่องจะพ่ายแพ้แม้แต่นิดเดียว อย่าทำลายขวัญกำลังใจของกองทัพ!”“ข้าได้ยินทหารพูดอย่างนี้ ฆ่านายร้อย นายร้อยพูดอย่างนี้ ฆ่านายพันนายพัน พูดอย่างนี้ ฆ่าแม่ทัพ!”“ถ้าท่านแม่ทัพพูดแบบนี้ พวกเราเฉิงโจวก็เตรียมตัวตายได้เลย!”หวังหยวนจ้องมองทุกคนด้วยสายตาเย็นชาและพูดอย่างนิ่ง ๆ หลังจากที่พวกเขาได้ฟัง สีหน้าของพวกเขาก็เริ่มจริงจังขึ้นทันที“น้อมรับคำสั่งท่านที่ปรึกษา!”หวังหยวนพยักหน้าแล้วพูดต่อ "บอกชาวบ้านด้วยว่าคำสัญญาเมื่อวานวันนี้เป็นจริงแล้ว บอกพวก
เจิ้งไท่ชิงที่สงสัยใคร่รู้อยู่ ในตอนนั้น มีห่าลูกธนูพุ่งตรงไปยังค่ายลูกธนูแต่ละดอกมีจดหมายผูกมาด้วยหนึ่งฉบับ รวมเป็นนับพันฉบับ!ในขณะนั้น ทหารชิงชวนทั้งหมดได้รับมันไว้แล้ว!เจิ้งไท่ชิงก็เห็นมันเช่นกัน เขาถือมันไว้ในมือแล้วยิ้มเล็กน้อย“ลูกไม้เล็ก ๆ น้อย ๆ ทำให้คนแตกแยก กลยุทธ์ยุแยงนี้... ช่างน่าสนใจจริง ๆ แต่เขาคงไม่รู้ว่ากองทหารชิงชวนเหล่านี้อยู่ภายใต้คำสั่งของข้าทั้งหมด พวกเขาเป็นมือขวาของข้ามาหลายปีแล้ว เขาพูดไม่กี่คำจะปลุกปั่นคนของข้าได้อย่างไร”เจิ้งไท่ชิงไม่ได้นำมาใส่ใจ แต่หลายคนในกองทัพชิงชวนก็ได้เห็นแล้วแม้ว่าพวกเขาจะรู้สึกไม่สบายใจเมื่อเห็นจดหมายเหล่านี้ ถือเป็นกบฏอย่างแท้จริง หลังจากนี้ไป พวกเขามีแค่สองทางเท่านั้น!จะตาย!หรือจะติดตามเจิ้งไท่ชิงต่อไป!พวกเขาทั้งหมดเป็นทหารที่ได้รับการฝึกฝนจากเจิ้งไท่ชิง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สงสัยในตัวเขา พวกเขาทุกคนรู้ว่าเจิ้งไท่ชิงก่อกบฏ แต่พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงทำเช่นนี้แต่…พวกเขายังคงติดตามความตายแววตามีร่องรอยของความกังวล และความสงสัยปรากฏขึ้นมา!...ในขณะนี้ ในเมืองหลวง มีจดหมายสองฉบับส่งมาที่โต๊ะจักรพรรดิซิงหลงด้ว
ดังนั้นความตั้งใจแต่เดิมของเขา คือเขาไม่เต็มใจอย่างยิ่งที่จะให้อู๋หลิงไป!“ฝ่าบาท โปรดให้อู๋หลิงเป็นผู้บังคับบัญชากองทัพด้วย!”ในเวลานี้ เจ้ากระทรวงกรมขุนนาง หยวนกวนหลวนลุกขึ้น เขาไม่ใช่ทั้งฝ่ายเสนาซ้ายหรือเสนาขวา แต่เขาเป็นคนที่เป็นกลางที่สุดในราชสำนัก ทำทุกอย่างเพื่อประโยชน์ของสถานการณ์โดยรวมแม้ว่าเขาจะรู้ว่าฝ่าบาทอาจจะไม่อยากได้ยินถ้อยคำเหล่านี้ แต่เขาก็ยังพูดต่อไปหลังจากได้ยินเช่นนั้น จักรพรรดิซิงหลงก็หายใจเข้าลึก ๆ และพยักหน้า“ข้าจะพิจารณาคำขอของเจ้า เอาล่ะ เลิกประชุมเถอะ”หลังจากพูดจบ จักรพรรดิซิงหลงก็ตรงกลับไปที่ห้องทรงพระอักษรทันที หลังจากเข้ามา สิ่งแรกที่เขาพูดคือ ให้คนเรียกอู๋หลิงมา!ในขณะนี้อู๋หลิงก็ได้รู้ข่าวว่าเฉิงโจวติดอยู่สถานการณ์วิกฤต แม้ว่าเขาจะกังวล แต่เขาเชื่อมั่นในความสามารถของหวังหยวนมาก!ทหารของอ๋องถูหนานจำนวนมากที่พ่ายแพ้ไปในวันนั้น ทหารแค่สามหมื่นนายของเจิ้งไท่ชิงไม่น่าจะเพียงพอที่จะทำร้ายท่านเสนาธิการทหารได้!ตอนนั้นเขาถูกจักรพรรดิซิงหลงเรียกตัวไปเข้าเฝ้า เขาจึงทำได้แค่เดินทางไปยังห้องทรงพระอักษรเท่านั้นเมื่อได้พบจักรพรรดิซิงหลง อู๋หลิงก็ถวายบังค
น่าเสียดาย หากต้องการเก็บเกสรดอกหน้าผาชันก็จำเป็นต้องมีทักษะอย่างแท้จริง!“ท่านรู้จักดอกหน้าผาชันด้วยหรือ?”หวังหยวนเอ่ยถามโดยไม่รู้ตัว“ย่อมต้องรู้จักสิ”“ท่านไม่อยากรู้หรือว่าข้ามาที่นี่เพื่ออะไร?”“ง่ายมาก! ข้าเองก็มาเพื่อดอกหน้าผาชันนี้เช่นกัน!”ชายคนนั้นกอดอกพูดคำพูดที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ“ท่านต้องการดอกหน้าผาชันไปทำอะไร?”หวังหยวนรีบถาม“แน่นอนว่าต้องนำไปแลกเงิน”“ดอกหน้าผาชันนับว่าเป็นสมุนไพรล้ำค่า ข้าต้องพึ่งพามันเพื่อหาทางอยู่รอด!”“ดอกหน้าผาชันหนึ่งดอกสามารถขายได้สิบตำลึงเงิน เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายทั้งเดือนของข้า!”หวังหยวนชะงักไปครู่หนึ่ง เพียงแค่สิบตำลึงเงินเองหรือ?“เหตุใดจึงมีราคาแต่ไม่มีคนขาย?”หากสามารถใช้เงินซื้อดอกหน้าผาชันในตอนนั้นได้ เขาจะลำบากเดินทางมาที่นี่เพื่ออะไร?บ่ายวันนี้ หวังหยวนได้แอบสอบถามมาแล้ว ปรากฏว่าในเผ่าไม่มีดอกหน้าผาชันแม้แต่ดอกเดียว!เขามีบารมีสูงส่งในเผ่า ผู้คนในเผ่าย่อมไม่หลอกลวงเขาหรือว่า...ชายตรงหน้าเขากำลังโกหก?“เหตุใดท่านมองข้าเช่นนี้?”“แน่นอนว่าดอกหน้าผาชันไม่ได้มีไว้ขายให้กับคนในเผ่า เพราะว่าพวกเขาไม่ต้องการสิ่งนี
ในขณะที่หวังหยวนกับเกาเล่อกำลังพูดคุยกัน พลันได้ยินเสียงที่ไม่คุ้นเคยดังขึ้น“เขาพูดถูก หากตกลงมาจากยอดเขานี้ ต่อให้เจ้ามีสามเศียรหกกรก็จะต้องแหลกเป็นชิ้นแน่นอน!”“ถึงตอนนั้น สภาพย่อมดูไม่จืด!”หวังหยวนกับเกาเล่ออดไม่ได้ที่จะรู้สึกตึงเครียด รีบหันไปมองตามต้นเสียงเมื่อสักครู่นี้พวกเขาทั้งสองคนกลับไม่ทันสังเกตว่าในความมืดมิดนั้นยังมีผู้อื่นซ่อนอยู่ด้วย!“พวกท่านไม่ต้องเครียด! ข้าไม่มีเจตนาร้ายต่อพวกท่าน!”ชายคนนั้นค่อย ๆ เดินออกมาจากความมืด เขาแต่งกายด้วยชุดผ้าป่าน อายุใกล้เคียงกับหวังหยวน ใบหน้าใต้แสงจันทร์ ของเขาเปื้อนรอยยิ้มอยู่ตลอดเวลา“ไม่ทราบว่าท่านเป็นใคร?”“เหตุใดจึงมาที่นี่ในยามนี้?”ภูเขาทางเหนือตั้งอยู่ในที่ห่างไกล รอบด้านไม่มีบ้านเรือนผู้คน แม้แต่หมู่บ้านที่อยู่ใกล้ที่สุดก็ยังอยู่ห่างออกไปหลายร้อยลี้!ไม่เช่นนั้น หวังหยวนคงไม่ต้องเสียเวลาเดินทางมาหลายชั่วยาม!แต่ในสถานที่เช่นนี้กลับมีคนแปลกหน้าปรากฏตัว จะไม่ให้สงสัยได้อย่างไร?ชายคนนั้นยิ้มพลางโบกมือเอ่ยว่า “ข้าก็เพียงแค่เดินทางผ่านมาที่นี่ เห็นพวกท่านทั้งสองกำลังเตรียมปีนหน้าผา จึงคิดจะดูความสนุกสักหน่อย”“แต่ข
ในใจนางก็รู้เรื่องราวเหล่านี้ดี และที่พูดเช่นนี้กับไฉจวิ้นก็เพราะว่านางมองว่าไฉจวิ้นเป็นน้องชายแท้ ๆ ของนางเองไม่ใช่หรือ?หากปฏิบัติต่อคนนอกย่อมไม่ใช่ท่าทีเช่นนี้หยอกล้อกันอยู่ครู่หนึ่ง หลิ่วหรูเยียนอาจจะรู้สึกเหนื่อยจึงหลับไปอย่างรวดเร็วในคืนนั้น หลังจากที่หวังหยวนกินอาหารเสร็จก็ได้ออกไปอย่างเงียบเชียบหลายชั่วยามต่อมาก็เป็นเวลาเที่ยงคืน หวังหยวนมายืนอยู่ตรงหน้าผาของภูเขาทางเหนือเมื่อมองออกไป อาจเป็นเพราะความมืดมิด จึงมองไม่เห็นจุดสิ้นสุดของหน้าผา ให้ความรู้สึกกดดันอย่างอธิบายไม่ถูก!หวังหยวนกอดอกยืนอยู่ด้านข้าง มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย เผยให้เห็นรอยยิ้มจางที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจและสง่างาม“พายุใหญ่คลื่นยักษ์แบบไหนที่ไม่เคยพบเจอ?”“สถานการณ์แบบไหนที่ไม่เคยประสบ?”“เพียงแค่หน้าผา คิดจะขวางทางข้าได้หรือ?”“ช่างน่าขันนัก!”ขณะที่พูด หวังหยวนก็ลุกขึ้นเตรียมที่จะปีนขึ้นหน้าผาด้วยมือเปล่า ทันใดนั้น เขาได้ยินเสียงเคลื่อนไหวมาจากด้านหลังเขาหันกลับไปโดยสัญชาตญาณ สายตาจับจ้องไปที่ผู้มาเยือน ผู้ที่มานั้นไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นเกาเล่อ!ท่ามกลางความมืดมิด ชายคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหลังหวัง
“เช่นนั้นก็ได้ขอรับ...”เมื่อเห็นท่าทีที่แข็งกร้าวของหวังหยวน ไท่สื่อลี่ก็ไม่ได้กล่าวต่ออีก สุดท้ายก็จำต้องจากไปส่วนหวังหยวนนั่งลงศึกษาแผนที่อย่างละเอียดภายในห้องเมื่อไฉจวิ้นกลับมา หลิ่วหรูเยียนก็รีบลุกขึ้นเดินเข้าไปหาไฉจวิ้นอย่างรวดเร็ว พลิกดูห่อผ้าในมือเขาอย่างตื่นเต้น“ครั้งนี้เจ้าทำได้ดีมาก!”“ซื้อของดี ๆ มาฝากข้ามากมายเพียงนี้เลยหรือ?”“ต่อไปต้องมอบเรื่องเช่นนี้ให้เจ้าจัดการแล้ว!”หลิ่วหรูเยียนลูบศีรษะของไฉจวิ้น พลางเอ่ยด้วยรอยยิ้มไฉจวิ้นรู้สึกอึดอัด นี่นางเห็นเขาเป็นเด็กน้อยชัด ๆ แต่เขาก็เป็นผู้ใหญ่คนหนึ่งแล้ว อายุอานามก็ไม่น้อย กลับถูกปฏิบัติเหมือนเด็กงั้นหรือ?ช่างน่าเจ็บใจนัก!แต่พี่สะใภ้ผู้นี้ก็เป็นคนที่เขาไม่อาจล่วงเกิน จึงทำได้เพียงอดทนหากเป็นผู้อื่นที่กล้าลูบศีรษะของเขา นี่ถือว่าเป็นการหาเรื่องตายชัดๆ!“จริงสิ พี่ใหญ่ของเจ้าอยู่ไหน?”“เมื่อครู่เขาออกไปกับไท่สื่อลี่ นี่ก็ผ่านมานานแล้ว ยังไม่กลับมาอีก หรือว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”หลิ่วหรูเยียนกินขนมพลางเอ่ยถามไฉจวิ้นชี้ไปที่นอกประตู แล้วตอบว่า “พี่ใหญ่อยู่ในลานบ้านขอรับ เมื่อครู่ตอนที่ข้าเข้ามา เขากำลั
ครึ่งชั่วยามต่อมา ไท่สื่อลี่นำแผนที่มาให้ด้วยตนเอง ทางด้านหวังหยวนเฝ้ารออยู่ที่ลานบ้านเมื่อรับแผนที่มาก็ตรวจดูอย่างละเอียด คิ้วของหวังหยวนขมวดแน่นช่างอันตรายยิ่งนัก!แม้ว่าภูเขาทางเหนือจะเป็นภูเขาโดดเดี่ยว แต่ด้านข้างเป็นหน้าผาทั้งสิ้น หากต้องการเก็บเกสรของดอกหน้าผาชันก็ต้องปีนขึ้นไปบนหน้าผา ไม่มีเส้นทางอื่นให้เลือกเดินนี่ช่างเป็นเรื่องที่ยุ่งยากยิ่งนัก!หากไม่มีวิชาตัวเบา การปีนขึ้นหน้าผาด้วยมือเปล่านั้นยากราวกับปีนขึ้นสวรรค์!หวังหยวนตกอยู่ในห้วงความคิด ครุ่นคิดหาวิธีเก็บเกสรดอกหน้าผาชันส่วนไท่สื่อลี่ไม่ได้เอ่ยคำใด ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมเวลาผ่านไปทีละน้อย ไม่นานไฉจวิ้นก็กลับมาพร้อมกับห่อผ้าห่อใหญ่ ในมือไม่เพียงแต่มีของกิน ยังมีของเล่นน่าสนใจอีกมากมายด้วยทั้งหมดนี้ก็เพื่อเอาใจหลิ่วหรูเยียนเป็นเพราะเขาเอง หลิ่วหรูเยียนจึงไม่อาจออกไปเที่ยวเล่นได้ สตรีนั้นอารมณ์แปรปรวน เขากลัวว่าหลิ่วหรูเยียนจะเก็บเรื่องนี้มาคิดเล็กคิดน้อย“กลับมาแล้ว”หวังหยวนเอ่ยอย่างเรียบเฉยไฉจวิ้นพยักหน้า เขามองหวังหยวนก่อนเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มว่า “พี่ใหญ่อารมณ์ไม่ดี หรือว่าเมื่อครู่นี้ทะเลาะกับพี่
“ช่างสมกับเป็นท่านหวัง ไม่มีสิ่งใดปิดบังท่านได้จริง ๆ”ไท่สื่อลี่ยิ้มพลางส่ายหน้า เมื่อเห็นว่าหลิ่วหรูเยียนไม่ได้แอบหนีออกมาจากห้อง เขาจึงกระซิบว่า “ก่อนหน้านี้ข้าได้พูดคุยกับท่านหมอเทวดาอันแล้ว เขาได้บอกอาการของฮูหยินกับข้าทั้งหมดแล้วขอรับ”“อีกทั้งยังบอกวิธีที่จะทำให้อาการของฮูหยินดีขึ้นด้วย”หวังหยวนชะงักไปครู่หนึ่ง ดวงตาพลันเป็นประกาย“ท่านหมายถึง...”หวังหยวนไม่ได้เอ่ยประโยคหลังออกมา แต่ชี้ไปที่ท้องของตนไท่สื่อลี่เข้าใจความหมายในทันที จากนั้นก็พยักหน้า“เป็นเช่นนั้นจริง ๆ!”“เช่นนั้นรีบบอกข้ามา วิธีแก้ต้องทำอย่างไร?”“อีกอย่างคือก่อนหน้านี้ข้าได้ถามท่านหมอเทวดาแล้วว่ามีวิธีใดที่จะทำให้อาการของภรรยาข้าดีขึ้นหรือไม่ ท่านหมอเทวดาไม่ได้ให้คำตอบที่ชัดเจน ข้านึกว่าไม่อาจรักษาภรรยาของข้าให้หายได้...”“ดูท่าแล้ว ท่านหมอเทวดาจงใจปิดบังข้า!”หวังหยวนเข้าใจดีว่าอันจูหมิงคงมีเหตุผลที่ไม่อาจเอ่ยออกมาได้ ไม่เช่นนั้นคงไม่บอกเรื่องนี้กับไท่สื่อลี่ไท่สื่อลี่รีบโบกมือกล่าวว่า “ท่านหวังอย่าได้เข้าใจผิด ไม่ใช่ว่าท่านหมอเทวดาอันไม่อยากบอกท่าน แต่เป็นเพราะว่าตัวยาที่ใช้รักษาฮูหยินนั้นหายา
เมื่อกลับถึงห้อง ด้วยการดูแลของหวังหยวน หลิ่วหรูเยียนจึงจำต้องนอนลงบนเตียงเมื่อเห็นนางพลิกตัวไปมาไม่หยุด หวังหยวนก็เข้าใจได้ในทันที นี่เป็นเพราะนางไม่อยากนอนหลับ“เจ้านี่นะ เหตุใดจึงได้ดื้อรั้นเพียงนี้?”“ในตอนนั้นข้าก็ไม่รู้ว่าเห็นอะไรในตัวเจ้า!”“หากรู้ล่วงหน้าว่าการเดินทางครั้งนี้จะพบเจอกับเรื่องราวมากมายเพียงนี้ ก็ควรจะให้เจ้าอยู่ที่หมู่บ้านต้าหวังแต่แรก เจ้าจะได้ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานมากมาย”“สุดท้ายแล้วก็เป็นความผิดของข้า...”หวังหยวนจิบชาพลางพึมพำกับตนเอง เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้า ภาพในความคิดย้อนกลับไปถึงคำพูดของอันจูหมิงก่อนหน้านี้ยามนี้เขาก็ยังคงคิดหาวิธีที่จะบอกกล่าวเรื่องนี้กับหลิ่วหรูเยียนไม่ได้สำหรับหวังหยวนแล้ว การไม่อาจตั้งครรภ์ได้นั้นสำคัญตรงไหนกัน?ครอบครัวของเขามีเหล่าภรรยาที่เพียบพร้อม ย่อมไม่ใส่ใจเรื่องเหล่านี้แต่สำหรับหลิ่วหรูเยียนแล้ว สตรีที่ไม่มีบุตรก็ไม่นับว่าเป็นสตรีเมื่อคิดถึงเรื่องเหล่านี้ หวังหยวนจะไม่รู้สึกอึดอัดใจได้อย่างไร?ดูท่าแล้วคงต้องหาจังหวะที่เหมาะสม จากนั้นค่อยบอกความจริงกับหลิ่วหรูเยียน นางจะได้ไม่เจ็บปวดมากนัก“นี่ท่านกำลังคิดอ
“เอาล่ะ!”“ตอนนี้เจ้าเชื่อฟังพี่ใหญ่ของเจ้าใช่หรือไม่?”“พี่ใหญ่ของเจ้าไม่อยู่ไม่ใช่หรือ? เช่นนั้นคำพูดของพี่สะใภ้ก็ไม่มีค่าแล้วใช่หรือไม่?”“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ภายภาคหน้าเจ้าก็ไม่ต้องเรียกข้าว่าพี่สะใภ้ ข้าจะออกไปเดินเล่นเอง หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับข้า พี่ใหญ่ของเจ้าจะต้องมาเอาเรื่องกับเจ้า ถึงตอนนั้นก็คอยดูเถิดว่าจะเป็นอย่างไร!”หลิ่วหรูเยียนเฉลียวฉลาด ไฉจวิ้นผู้ไม่ประสีประสาจะต่อกรกับนางได้อย่างไร?เพียงชั่วครู่ ไฉจวิ้นถึงกับพูดไม่ออก เมื่อเห็นว่าหลิ่วหรูเยียนกำลังจะเดินจากไป เขาก็รีบวิ่งตาม พลางประจบประแจงว่า “พี่สะใภ้! ท่านอย่าได้ทำให้ช้าต้องลำบากใจเลยขอรับ ตกลงหรือไม่?”“ท่านเพิ่งจะหายป่วย สภาพร่างกายก็ยังฟื้นตัวไม่ดี อีกทั้งท่านหมอเทวดาก็บอกแล้วว่าอย่างน้อยต้องใช้เวลาอีกหลายวัน ท่านถึงจะหายดี ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการพักผ่อนนะขอรับ!”“แต่ในเมื่อท่านยืนกรานจะออกไป เช่นนั้นพวกเราเดินเล่นเพียงครู่เดียว จากนั้นก็รีบกลับมาก็ได้ ตกลงหรือไม่ขอรับ?”ในที่สุดไฉจวิ้นก็ยอมอ่อนข้อให้ทั้งสองฝ่ายล้วนเป็นผู้ที่เขาไม่อาจล่วงเกิน!ล่วงเกินหวังหยวนก็ไม่เป็นอะไร เพราะว่าพวกเขาล้วนเ
“นี่คือคำสั่ง!”เกาเล่อถอนหายใจอย่างจนใจ ไม่ได้อยู่ที่นี่ต่อ แต่หันหลังเดินไปยังทิศทางหนึ่งในไม่ช้า หวังหยวนก็กลับเข้าไปในห้องทันทีที่เข้าประตูไป เขาเห็นหลิ่วหรูเยียนลืมตาตื่นและกำลังจะลุกขึ้นหวังหยวนรีบวิ่งไปหาหลิ่วหรูเยียน แล้วกล่าวว่า “ฝีมือของท่านหมอเทวดาอันช่างล้ำเลิศยิ่งนัก เพียงเวลาสั้น ๆ เจ้าก็ฟื้นคืนสติแล้วหรือ?”“อีกทั้งดูเหมือนว่า เจ้าจะดูมีเรี่ยวแรงขึ้นมาก”หลิ่วหรูเยียนรู้สึกว่าสภาพร่างกายของตนดีขึ้น แม้ว่าบริเวณหน้าท้องจะยังเจ็บอยู่บ้าง อีกทั้งร่างกายก็ยังอ่อนแรง แต่ก็ดีกว่าก่อนหน้านี้มากยามนี้ก็ไม่ต้องแสร้งทำเป็นว่าอาการดีขึ้น ทุกอย่างล้วนเป็นไปตามธรรมชาติหวังหยวนประคองนางนั่งลงที่โต๊ะ จากนั้นนางก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “นั่นเป็นเพราะว่าร่างกายของข้าแข็งแรง ท่านไม่เห็นสตรีด้านนอกเหล่านั้นหรือไร แต่ละคนล้วนดูอ่อนแอ จะนำมาเปรียบเทียบกับข้าได้อย่างไร?”“ร่างกายของข้าแข็งแรงดั่งวัว ประกอบกับฝีมืออันล้ำเลิศของท่านหมอเทวดาอัน การรักษาให้หายดีก็เป็นเพียงเรื่องของเวลา”“น่าเสียดาย ร่างกายอันงดงามของข้ากลับมีรอยแผลเป็น นี่ช่างดูไม่น่ามองเอาเสียเลย”“ไม่ได้! เมื่อข้าหาย