สีหน้าของฟ่านซือเซวียนเปลี่ยนไปมาก เมื่อหวังหยวนพูดเช่นนี้!ต้องบอกว่าสิ่งที่หวังหยวนพูดนั้นสมเหตุสมผล!เขาบุกเข้ามาที่นี่โดยไม่มีหลักฐานหรือคำสั่ง จึงไม่สมเหตุสมผล!ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าตอนนี้เขาจะไม่ได้รับการสนับสนุนจากราชสำนัก แต่เขาก็ยังเป็นข้าราชการระดับเก้า ตำแหน่งนายทะเบียน หากเขาบุกเข้ามา ก็อาจถูกเขาฆ่าตายในบ้านได้ นี่เสี่ยงเกินไปแม้ว่าเขาจะไม่ตาย แต่เขาทำอะไรไม่ได้หากได้รับบาดเจ็บ!“หวังหยวน สุดท้ายเจ้าก็แค่กลัว มันไร้สาระจริง ๆ หากเป็นเช่นนั้น พรุ่งนี้ข้าจะพาคนมาค้นหาบ้านของเจ้า”ฟ่านซือเซวียนพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา แล้วพูดด้วยสีหน้าโกรธเกรี้ยว“เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะขนทองออกไปคืนนี้หรือ?”“แล้วเหตุใดเจ้าถึงคิดว่าพรุ่งนี้จะมีคนมาค้นบ้านข้าแน่นอน? สหาย ไม่ว่าจะทำอะไร เจ้าต้องใส่ใจกับหลักฐาน ข้ารู้ว่าเจ้าที่เป็นคนดูแลธนาคารเทียนเซี่ย มีความสามารถค่อนข้างมาก แต่การโน้มน้าวใจเฉิงเหลียวก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย”หวังหยวนยังคงดูถูกเหยียดหยาม แล้วมองเขาด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าทันใดนั้นสีหน้าของฟ่านซือเซวียนก็มืดมน เขามองหวังหยวนแล้วว่าตนไร้อำนาจทันที!รู้สึกเหมือนออกหมัดลงบนฝ้าย อึดอ
“จริงหรือ? แม้ว่าข้า หวังหยวน จะไม่มีความสามารถ แต่ข้าก็สามารถทำธุรกิจได้ดี มิฉะนั้น คนที่อยู่เบื้องหลังเจ้าคงไม่สั่งให้เจ้ามาจัดการกับข้าหรอก และเจ้าก็จะไม่ใช้ธุรกิจเพื่อหลอกลวงข้า”หวังหยวนยกยิ้ม ไม่พูดอะไรต่อ จากนั้นหันไปหยิบตะเกียบขึ้นมากินอาหารต่อ“หากเจ้ากล้าเดิมพันก็ให้ทำสัญญาเลย หากไม่กล้าก็ออกไป มันรบกวนการกินของข้า”“วันนี้... มีละครสนุกมาให้ดูด้วย มื้อนี้เลยอร่อยขึ้นไปอีก”หวังหยวนพูดด้วยรอยยิ้ม แล้วชนแก้วกับวังฉงโหลวและคนอื่น ๆพวกเขารู้สึกโล่งใจ หลังจากได้ยินการสนทนาระหว่างหวังหยวนและฟ่านซือเซวียน และรู้สึกผ่อนคลายลงมากในขณะนี้ใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนเป็นสีแดงหลังจากดื่มสุราฟ่านซือเซวียนยืนอยู่ตรงนั้น แล้วเริ่มครุ่นคิดเขาฉลาดมาก ฉลาดมากจนหาตัวจับยาก สีหน้าของหวังหยวนไร้ซึ่งพิรุธ แต่เมื่อเขามองวังฉงโหลวและคนอื่น ๆ เขาก็ขมวดคิ้ว“ตอนนี้... ไม่ใช่เวลากิน พวกเขาทำอย่างนี้... อาจจะแค่แสดงละครตบตาข้า!”“พวกเขาต้องการแกล้งทำเป็นว่าเรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้น และยังจัดงานเลี้ยงฉลอง เพื่อพยายามขจัดความสงสัยในใจของข้า อันที่จริงนี่คือจุดประสงค์ของพวกเขา!”ในที่สุดฟ่านซือเซวีย
หวังหยวนไม่สนใจคำพูดของฟ่านซือเซวียนเลย เพราะเขารู้ว่าไม่ว่าฟ่านซือเซวียนจะคิด หรือคาดเดาอะไรก็ตาม สุดท้ายก็จะไม่พบหลักฐานอยู่ดียิ่งไปกว่านั้น เขายังรู้ด้วยว่าชายคนนี้เป็นคนฉลาด และข้อบกพร่องที่ใหญ่ที่สุดของคนฉลาด ก็คือความเย่อหยิ่ง!หวังหยวนเองก็อยากจะเย่อหยิ่ง แต่หลังจากความล้มเหลวครั้งล่าสุด เขาก็ตั้งคำถามกับตัวเองวิธีนี้ถือเป็นการลงโทษคนฉลาดที่ดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย!ฟ่านซือเซวียนไม่รู้ว่าหวังหยวนกำลังคิดอะไรอยู่ แต่เขานั่งลงอธิบายอย่างใจเย็น“มันง่ายมาก ประเด็นแรกคือเวลาที่เพื่อน ๆ ของเจ้ามานั้นบังเอิญเกินไป ไม่ว่าจะเป็นการลอบวางเพลิง หรือการปล้น มันเกิดขึ้นโดยบังเอิญเกินไป นี่คือจุดแรกที่ทำให้ข้าเดาได้”หลังจากที่ฟ่านซือเซวียนพูดจบ พวกเขาก็ไม่สนใจ เพราะทุกคนคิดเรื่องนี้ได้อยู่แล้วแต่นี่เป็นเพียงข้อสงสัย!“ประเด็นที่สอง คือคนกลุ่มนี้ไม่ได้ออกจากเฉิงโจว และทองคำก็หายไป ข้าคิดว่าไม่ใช่พวกโจรจากค่ายต้าเฟิง แม้ว่าพวกเขาจะหยิ่งผยองมากเมื่อเร็ว ๆ นี้ แต่พวกเขาไม่กล้าเข้ามาในเฉิงโจว นับประสาอะไรกับการกล้าไปธนาคารของพวกข้า เพื่อปล้นทอง!”“และเมื่อมองทั่วเฉิงโจวแล้ว เจ้า หวั
“เจ้าซ่อนทองคำไว้ในไห!” ฟ้านซือเซวียนเอ่ยพูด ทันทีที่ได้ยินคำพูดเหล่านี้ วังฉงโหลวและคนอื่น ๆ ต่างก็รู้สึกสะดุ้งในใจ “คุณชายฟ่านล้อเล่นแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็ดูแต่ละอันพร้อมกับท่านก็แล้วกัน” หวังหยวนกล่าวและเปิดไหหนึ่งที่อยู่ในมือ ฟ้านซือเซวียนรีบก้มหน้าลงมองทันที นอกจากกลิ่นฉุนที่แตะจมูกแล้ว มีเพียงของเหลวขุ่นเล็กน้อยอยู่ในขวดเท่านั้น ไหที่สองก็เช่นกัน ไหที่สามก็เช่นกัน... ในที่สุดหวังหยวนก็เปิดไหทั้งหมดออก แต่ไม่มีทองคำแม้แต่แท่งเดียว! ในเวลานี้ ในที่สุดสีหน้าของฟ้านซือเซวียนก็เปลี่ยนไป! “เป็นไปได้อย่างไรที่ไม่มี!” เขาไม่เชื่อ เขาคิดว่าการวิเคราะห์ของเขาสมเหตุสมผลแล้ว! นอกจากนี้ เขายังเชื่อว่าหวังหยวนต้องเป็นคนทำแน่ ๆ! แต่เหตุใด... ถึงไม่มี! “คุณชายฟ้าน ท่านฉลาดมาก เมื่อเงื่อนไขเหล่านี้รวมกันย่อมทำให้ท่านสงสัยตัวข้าได้จริง ๆ แต่ความฉลาดของท่านกลับตกเป็นเหยื่อความฉลาดของตนเอง สิ่งที่ข้าต้องการคือทองหนึ่งแสนแปดหมื่นแท่ง” “ข้ากล้าเดิมพันกับท่าน แน่นอนว่าข้ามีความมั่นใจ” “แม้ว่าข้าจะความทรนง แต่ท่านคิดว่าใครกันที่จะสามารถซ่อนทองคำนับแสนในลานนี้ได้?”
หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ ต้าหู่และคนอื่น ๆ ต่างก็ตกตะลึง! คิดไม่ถึงว่าหวังหยวนจะใช้วิธีนี้ หากว่าเผยแพร่ออกไปจริง ๆ นั่นหมายความว่าคุณชายตระกูลฟ่านผู้นั้นก็ถึงจุดจบมิใช่หรือ? วันรุ่งขึ้น ข่าวเกี่ยวกับธนาคารเทียนเซี่ยแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว และทุกคนก็รู้เรื่องนี้ทันที! พวกเขาต่างตกใจมากจนคิดไม่ถึงเลยว่าจะกล้าปล้นค่ายต้าเฟิงจริง ๆ! เรื่องนี้ไม่สามารถสรุปได้เพียงการเอะอะโวยวายอีกต่อไป! พูดได้คำเดียวว่าแกว่งเท้าหาเสี้ยน! ชาวบ้านทั้งเฉิงโจวต่างเริ่มค้นหาทุกที่ทันที ท้ายที่สุดตามรายงานของธนาคารเทียนเซี่ย เงินหลายแสนตำลึงทองเหล่านี้ไม่ได้ออกจากเฉิงโจว! ในขณะนี้ ภายในจวนของผู้ว่าราชการฟ่านต้าเสียนและฟ่านซือเสวี่ยนกำลังนั่งอยู่ในห้องโถง เช่นเดียวกับเฉิงเหลียวและเฉิงอู่จี้ “ใต้เท้าเฉิง ข้ายังต้องการความช่วยเหลือจากท่านในเรื่องนี้... ท้ายที่สุดแล้ว นี่ไม่ใช่เงินจำนวนเล็กน้อยเท่านั้น…” ฟ่านต้าเสียนยกมือขึ้นแล้วยิ้มพร้อมพูดอย่างสุภาพ แม้ว่าเขาจะไม่พูด แต่เฉิงเหลียวก็ย่อมทำสุดความสามารถ ในเมื่อเงินจำนวนนี้... หากเขาไม่สามารถหาจากในเฉิงโจวได้ และอาจทำให้บางคนขุ่นเคือง เช่นนั้นก็
เมื่อพูดอย่างนั้น เขากำลังจะออกคำสั่งให้จับกุมหวังหยวน ใครจะรู้ว่าในขณะนั้น จู่ ๆ บ่าวรับใช้ก็วิ่งเข้ามา “ท่านใต้เท้าเกิดเรื่องแล้วขอรับ! เกิดเรื่องแล้ว!” เฉิงเหลียวขมวดคิ้วและดุเขาทันที “ลุกลี้ลุกลน เป็นอะไรไป พูดมาว่าเกิดอะไรขึ้น!” บ่าวรับใช้รีบเอ่ยปากพูดว่า “ข้างนอก...ข้างนอกมีข่าวลือว่า...ธนาคารเทียนเซี่ยรวมกลุ่มกับผู้อื่น ยักยอกทรัพย์สินภายใต้การดูแลของตัวเอง...” เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ทั้งเฉิงเหลียวและฟ่านต้าเสียนต่างก็ตกตะลึง! “สารเลว! ใครเป็นคนปล่อยข่าวว่าข้าฟ่านต้าเสียนยักยอกทรัพย์สินภายใต้การดูแลของตัวเอง!” ฟ่านต้าเสียนโกรธมากและตบโต๊ะอย่างแรง “ข้าน้อย... ข้าน้อยก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ตอนนี้ข่าวลือแพร่สะพัดอยู่ข้างนอก…” ในขณะนี้ ทั้งพ่อค้าและชาวบ้านต่างก็พูดถึงเรื่องนี้ “เฮ้ย... เจ้าได้ยินเรื่องนี้หรือยัง? เงินจากธนาคารเทียนเซี่ยไม่ได้สูญหาย เป็นหนึ่งในพวกเขาเองที่ยักยอกทรัพย์สินภายใต้การดูแลของตัวเอง โดยอ้างว่าช่วงนี้มีการปล้นในค่ายต้าเฟิง!” “หา? จริงเหรอ! เป็นไปได้อย่างไร!” “จะเป็นไปไม่ได้ได้อย่างไรเล่า ข้ายังได้ยินมาว่ามีผู้สมรู้ร่วมคิดอีกด้วย! ไม่อย่างนั
หวงปี๋จื่อและคนอื่น ๆ ต่างน้อมรับคำสั่งทันที และตอนนี้ได้นำคนนับพันพุ่งไปยังเฉิงโจวอีกครั้ง! “ใกล้แล้ว...เฉิงโจวใกล้จะจะขอความช่วยเหลือแล้ว เมื่อถึงตอนนั้นเราก็จะสามารถควบคุมเฉิงโจวได้ ลมฝนก็ไม่อาจหยุดยั้งได้!” เจิ้งเซิ่งหัวเราะด้วยสายตาที่มุ่งมั่น! ในขณะที่ ภายในเฉิงโจวยังไม่รู้เรื่องนี้ และยังตกใจกับการปล้นทองคำ ไป๋เฟยเฟยก็รู้ข่าวนี้เช่นกัน จากนั้นหัวเราะเสียงดังออกมาทันที “หวังหยวนผู้นี้โหดเหี้ยมจริง ๆ เขาพูดคำเดียวก็ได้เงินมาหกแสนกว่าตำลึงทองจากธนาคารเทียนเซี่ยในคราวเดียว น่าสนใจ น่าสนใจจริง ๆ!” ทันทีที่ได้ยินเช่นนี้ สตรีในชุดกระโปรงสีม่วงก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง “หวังหยวน? เจ้าแน่ใจได้อย่างไรว่าเป็นเขา?” ไป๋เฟยเฟยกล่าวอย่างราบเรียบว่า “นอกจากเขาแล้วจะมีใครอีกเล่า? คงมีคนในเฉิงโจวไม่มากนักที่กล้าปล้นธนาคาร นอกจากนี้เงินจำนวนนี้ก็ไม่ไหลออกไปข้างนอก และยังอยู่ในเมืองนี้ ข้านึกไม่ออกเลยว่าจะมีใครอื่นที่กล้าทำเช่นนี้อีก!” “สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ไม่มีกำลังที่จะทำสิ่งนี้ได้!” คนอื่นไม่รู้ แต่นางรู้ดีว่าหวังหยวนเป็นคนเดียวที่ทำได้! คนรอบตัวของเขาไม่ใช่คนธรรมดาเลย! “เป็
ไม่นานหลังจากนั้น รถม้าของไป๋เฟยเฟยก็ถึงที่หน้าลานบ้านของหวังหยวน หลังจากที่ถูกเชิญเข้าไปในลานบ้านและเห็นหวังหยวน ไป๋เฟยเฟยก็หัวเราะออกมา “สหายหวัง ช่างเป็นกลอุบายที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ!” หวังหยวนหัวเราะ “สหายไป๋ เหตุใดเจ้าถึงกล่าวเช่นนี้เล่า?” ไป๋เฟยเฟยไม่พูดเพ้อเจ้อและพูดขึ้นทันทีว่า “สหายหวัง ระหว่างท่านกับข้ายังเชื่อใจกันไม่ได้อีกหรือ? ยิ่งไปกว่านั้น ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าเป็นท่านใช่หรือไม่” หวังหยวนหัวเราะขึ้นมาทันที “พวกเจ้ารู้ ก็รู้ไปเถอะ แต่ข้าไม่มีทางยอมรับหรอกนะ” “อีกอย่าง...พูดเรื่องเชื่อใจ สหาย...ไป๋ ระหว่างข้าและเจ้าเชื่อใจกันด้วยจริงหรือ?! หวังหยวนปิดปากนางด้วยคำพูดดังกล่าว ซึ่งทำให้ไป๋เฟยเฟยรู้สึกหดหู่ใจในทันที อย่างไรก็ตาม เมื่อฟังความหมายของคำพูดของหวังหยวน นางก็รู้ดีว่าต้องเป็นอู๋หลิงชายหนุ่มผู้นั้นที่พูด! “เอาล่ะ ในเมื่อท่านรู้ทุกอย่างแล้ว เหตุใดยังทดสอบข้าอยู่อีก ข้าขอคาราวะ ท่านพอใจแล้วใช่ไหม!” ไป๋เฟยเฟยรู้สึกหมดหนทางแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “สหายหวัง ครั้งนี้ท่านควรบอกความจริงกับข้าแล้วใช่ไหม” “เจ้าไม่ต้องห่วง จุดอ่อนของข้าอยู่่านเสียเท่าไหร่ ปล้นมาแล้