ไม่นานหลังจากนั้น รถม้าของไป๋เฟยเฟยก็ถึงที่หน้าลานบ้านของหวังหยวน หลังจากที่ถูกเชิญเข้าไปในลานบ้านและเห็นหวังหยวน ไป๋เฟยเฟยก็หัวเราะออกมา “สหายหวัง ช่างเป็นกลอุบายที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ!” หวังหยวนหัวเราะ “สหายไป๋ เหตุใดเจ้าถึงกล่าวเช่นนี้เล่า?” ไป๋เฟยเฟยไม่พูดเพ้อเจ้อและพูดขึ้นทันทีว่า “สหายหวัง ระหว่างท่านกับข้ายังเชื่อใจกันไม่ได้อีกหรือ? ยิ่งไปกว่านั้น ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าเป็นท่านใช่หรือไม่” หวังหยวนหัวเราะขึ้นมาทันที “พวกเจ้ารู้ ก็รู้ไปเถอะ แต่ข้าไม่มีทางยอมรับหรอกนะ” “อีกอย่าง...พูดเรื่องเชื่อใจ สหาย...ไป๋ ระหว่างข้าและเจ้าเชื่อใจกันด้วยจริงหรือ?! หวังหยวนปิดปากนางด้วยคำพูดดังกล่าว ซึ่งทำให้ไป๋เฟยเฟยรู้สึกหดหู่ใจในทันที อย่างไรก็ตาม เมื่อฟังความหมายของคำพูดของหวังหยวน นางก็รู้ดีว่าต้องเป็นอู๋หลิงชายหนุ่มผู้นั้นที่พูด! “เอาล่ะ ในเมื่อท่านรู้ทุกอย่างแล้ว เหตุใดยังทดสอบข้าอยู่อีก ข้าขอคาราวะ ท่านพอใจแล้วใช่ไหม!” ไป๋เฟยเฟยรู้สึกหมดหนทางแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “สหายหวัง ครั้งนี้ท่านควรบอกความจริงกับข้าแล้วใช่ไหม” “เจ้าไม่ต้องห่วง จุดอ่อนของข้าอยู่่านเสียเท่าไหร่ ปล้นมาแล้
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ไป๋เฟยเฟยก็เหลือบมองสตรีในชุดกระโปรงสีม่วง สตรีในชุดกระโปรงสีม่วงถึงกับพูดว่า “เหอะ ๆ ข้าไม่กล้าเดิมพันกับท่าน ในเมื่อสหายหวังกล้า ไม่อย่างนั้นเจ้าลองเดิมพันดูไหมล่ะ?” ไป๋เฟยเฟยกระพริบตา ถึงแม้ว่านางจะชอบเดิมพัน แต่นางก็เดิมพันเฉพาะเมื่อนางมั่นใจเท่านั้น ทว่า... ตอนนี้นางรู้สึกไม่แน่ใจแล้ว! แน่นอนว่าโดยปกติแล้ว นางคิดว่าเป็นเรื่องไร้สาระที่จะมีทองคำอยู่ในน้ำ แต่หวังหยวนเป็นคนพูดเรื่องนี้ขึ้นมา นางจึงรู้สึกเชื่อครึ่งหนึ่งไม่เชื่อครึ่งหนึ่งจริง ๆ! “ทำไมเล่า เจ้าไม่กล้าเดิมพันหรือ? หากว่าเจ้าชนะเดิมพัน ข้าสามารถตอบตกลงเงื่อนไขของเจ้าได้หนึ่งเรื่อง เงื่อนไขใดก็ได้!” หวังหยวนยิ้มและพูด และเมื่อได้ยินสิ่งนี้ ไป๋เฟยเฟยก็กระพริบตา “เช่นนั้นหากว่าข้าแพ้แล้วท่านชนะล่ะ? ข้าต้องทำสิ่งใด?” ไป๋เฟยเฟยเตรียมพร้อมที่จะฟังสิ่งที่หวังหยวนพูดก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะเดิมพันหรือไม่ “ง่าย ๆ… เมื่อถึงเวลาเจ้าก็แค่ช่วยข้าขนทองออกจากเมืองก็พอแล้ว” ทันทีที่ได้ยินเช่นนี้ ไป๋เฟยเฟยก็ตกตะลึง “ง่ายเช่นนี้เลยหรือ?” หวังหยวนพยักหน้า “แน่นอน” “ตกลง! ถ้าอย่างนั้นข้าขอเดิมพั
“ก่อนที่ข้าจะมาที่นี่ ข้าได้รับข่าวว่าคนของค่ายต้าเฟิงไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ ซ้ำยังทำชั่วต่อไป ในทางกลับกัน กองทัพเฉิงโจวที่ออกไปปราบปรามพวกโจรต่างก็ไม่กลับมา!” “สามพันคนสู้รบกับกองทัพเฉิงโจวที่ไม่มีอุปกรณ์ครบครันจำนวนหนึ่งพันคน เดิมทีค่ายต้าเฟิงไม่มีกำลังต่อต้านได้เลย!” หลังจากที่ไป๋เฟยเฟยพูดจบ หวังหยวนก็ประหลาดใจเช่นกัน! ค่ายต้าเฟิงคิดจะทำอะไรกันแน่! “เจ้าหมายถึงว่ามีคนค่อยสนับสนุนพวกเขาอยู่ข้างหลังหรือ? จะเป็นใครไปได้ล่ะ?” หวังหยวนไม่คุ้นเคยกับผู้คนที่นี่มากนัก ดังนั้นจึงไม่สามารถคาดเดาได้ว่าใครเป็นคนลงมือกันแน่ “นี่...ยากที่จะคาดเดา...” “หนีไม่พ้นความเป็นไปได้สามประการ!” ไป๋เฟยเฟยเหยียดออกสามนิ้ว ทันทีที่พูดเช่นนี้ หวังหยวนก็เริ่มสนใจทันที “ขอคำชี้แนะด้วย!” ไป๋เฟยเฟยอธิบายความคาดเดาในใจของนางว่า “ประการแรกนั้นง่ายมาก นั่นคือใต้เท้าผู้ตรวจราชการมณฑลสมรู้ร่วมคิดกับค่ายต้าเฟิงและทำเรื่องขายผ้าเอาหน้ารอด ดังนั้นเมื่อคนของพวกเขาออกไปแล้วจึงไม่กลับมาโดยปริยาย และไม่ได้แลกเปลี่ยนจริง ๆ!” หวังหยวนพยักหน้า ประการนี่มีความเป็นไปได้ “แล้วประการที่สอง?” หวังหยวนถาม “ประ
เจิ้งไท่ชิงและเจิ้งเซิงสองพ่อลูกต่างยิ้มเบา ๆ แล้วเริ่มยกทัพทันที! กองทัพชิงชวนที่มีกำลังพลมากกว่าสามหมื่นนายกำลังมุ่งหน้าไปยังเฉิงโจวอย่างมหาศาล! ในขณะนี้ ผู้ตรวจราชการมณฑลเฉิงเหลียวรู้สึกตื่นเต้นมากเมื่อได้รับจดหมาย! “เยี่ยมไปเลย เจิ้งไท่ชิงส่งกองกำลังมาที่เฉิงโจวเพื่อช่วยข้าปราบพวกโจรจริง ๆ!” หลังจากที่พูดจบ เฉิงอู๋จี้ที่อยู่ด้านข้างก็รู้สึกปิติเล็กน้อย เมื่อเป็นเช่นนี้เรื่องนี้ก็สามารถจัดการได้แล้ว! หวังหยวนย่อมไม่สนใจเรื่องทั้งหมดนี้อย่างแน่นอน ในทางกลับกัน เขากำลังวางแผนที่จะส่งทองคำออกไปและขอให้ไป๋เฟยเฟยช่วยส่งออกไป สำหรับการเดินทางมาเฉิงโจวครั้งนี้ สำหรับเขาถือว่าภารกิจจบลงแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่จะอยู่ต่อ อย่างไรก็ตาม เขาไม่รู้ว่ากองทัพชิงชวนมาถึงแล้ว... เฉิงโจว! เพื่อปกป้องเมืองทั้งสามเมือง พวกเขาเปิดประตูเมืองและเชิญกองทัพชิงชวนเข้ามา! “ฮ่าฮ่าฮ่า ใต้เท้าเจิ้ง เชิญ!” ผู้นำองครักษ์ของทั้งสามเมืองรีบไปแสดงความเคารพ แต่ในขณะนี้ เจิ้งไท่ชิงกลับหัวเราะขึ้นมา “องครักษ์ทั้งสามท่าน ไม่ต้องมากพิธี ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป... กองทัพชิงชวนของเราจะรับหน้าที่ปกป
เจิ้งไท่ชิงไม่ได้รีบร้อนในขณะนี้ แต่กลับกำลังนั่งอยู่ในกระโจนและปิดตาใคร่ครวญ ทว่าในเวลานี้ เจิ้งเซิงก็เดินเข้ามา “ท่านพ่อ มีจดหมายจากที่นั่น ท่าน..ลองอ่านดูขอรับ” เจิ้งไท่ชิงรีบลืมตาขึ้นแล้วหยิบจดหมายมา หลังจากอ่านครู่หนึ่งแล้วขมวดคิ้วทันที “โจมตีโดยไม่ทำลาย เพื่อคนผู้เดียว?” เจิ้งไท่ชิงตกใจเล็กน้อย เขามองดูคำว่า 'หวังหยวน' สองคำนี้อย่างระมัดระวัง พร้อมรู้สึกสะเทือนใจอย่างมาก! “อะไรนะ?” เจิ้งเซิงรีบเดินเข้าไปดูจดหมาย หลังจากอ่านแล้วเขาก็ไม่อยากจะเชื่อเลย “เรารู้สึกหวาดระแวงขนาดนี้ก็เพื่อคน ๆ นี้คนเดียวหรอกเหรอ?” เจิ้งเซิงไม่เข้าใจว่านี่หมายความว่าอย่างไร! เจิ้งไท่ชิงสูดหายใจเข้าลึก แล้วค่อย ๆ พูดว่า “ดูเหมือนว่าหวังหยวนผู้นี้จะได้รับความรักอย่างลึกซึ้งจากคนผู้นั้น นี่นางกำลังพยายาม...ทำให้เขาสิ้นหวัง จากนั้นแสดงความเมตตาอันยิ่งใหญ่ เพื่อทำให้เขายอมจำนนอย่างสมบูรณ์ และยอมทำงานเพื่อนาง” เมื่อได้ยินสิ่งนี้ เจิ้งเซิงก็ตะคอกอย่างเย็นชา “เหตุใดต้องทำให้ลำบากถึงเพียงนี้ เราทำลายเมืองแล้วจับตัวเขาไป ภายในสามวัน เราเร่งแส้ม้าเร็วก็กลับไปถึงฮวงเหยียนแล้ว!” “แม้ว่าจะสามาร
“สารเลว!” “เจิ้งไท่ชิง เจ้ารังแกข้ามากเกินไปแล้ว ถึงกับไม่ยอมให้เฉิงโจวของข้ายอมจำนน!” ในขณะนี้ เฉิงเหลียวก็ได้รับตำราม้วนไม้ไผ่มาจากด้านนอก พร้อมมีสีหน้าตกตะลึงทันที! หากกองทัพชิงชวนไม่ยอมรับการยอมจำนน ไม่ว่าจะเป็นเปิดเมืองหรือไม่ก็ตาม เมืองนี้ก็จะถูกสังหารหมู่! ไม่ให้เหลือราษฎรแม้แต่เพียงผู้เดียว! “ท่านพ่อ...เช่นนั้นเราควรทำอย่างไรดี เมื่อเรื่องต่าง ๆ เกิดขึ้นแล้ว...เราต้องตายสถานเดียวงั้นหรือ!” ตอนนี้เฉิงอู๋จี้ตื่นตระหนกแล้ว เขายังไม่อยากตาย! เมื่อคิดถึงตรงนี้ เฉิงเหลียวก็สูดหายใจเข้าลึก จากนั้นมีแสงริบหรี่แวบขึ้นมาในดวงตาของเขา “มีวิธีเดียวเท่านั้นที่จะแก้ไขวิกฤตินี้ได้!” หลังจากที่เฉิงเหลียวพูดจบ เฉิงอู๋จี้ก็ตกตะลึงและสับสนอยู่ครู่หนึ่ง “ยังมีวิธีอื่นอีกหรือ?” เฉิงอู๋จี้คิดไม่ออก เฉิงโจวของพวกเขาสามารถทำอะไรได้อีกเมื่อต้องเผชิญกับกองทัพสามหมื่นนาย! “ถูกต้อง! ขอให้หวังหยวนทำหน้าที่เป็น...เสนาธิการทหาร!” เมื่อเฉิงเหลียวเอ่ยพูด เฉิงอู๋จี้ก็ตกตะลึงทันที แต่สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปมาก ทันใดนั้นก็ได้สติขึ้นมา! “ท่านพ่อ ท่านหมายความว่าขอให้หวังหยวนทำหน้าที่เป็นที่เ
สังหารหมู่ทั้งเมืองไปแล้วได้อะไร? ทำอะไรได้บ้าง? พูดไม่น่าฟังหน่อยก็คือ วันนี้สังหารทุกคนในเฉิงโจวจนสิ้นซาก วันถัดไปกองทัพชิงชวนจะถูกกวาดล้าง พอวันที่สามทั้งเมืองก็จะถูกเปลี่ยนใหม่หมด! ในทางกลับกัน ขุนพลที่ซ่อนตัวอยู่ในต้าเย่ก็ไม่มีแล้ว! ย่อมรู้ว่ามีตัวเดินหมากไม่มากนักที่สามารถควบคุมกองกำลังได้ มันน่าสงสัยจริง ๆ ที่ฮวงเหยียนทำอะไรไปมากมายเช่นนี้ แต่จบลงด้วยการไม่ได้อะไรเลย! “เป็นเรื่องจริง กองทัพชิงชวนก่อกบฏ ข้าเกรงว่าพวกเขาเป็นตัวเดินหมากของฮวงเหยียน แต่ข้าไม่เข้าใจสาเหตุของการก่อกบฏครั้งนี้ จริง ๆ รบไปก็ไม่มีประโยชน์ จะป้องกันไว้ก็ไม่สามารถป้องกันได้ มันเหลือเชื่อจริง ๆ!” ไป๋เฟยเฟยก็คิดแบบเดียวกัน หลักการนี้เข้าใจได้ไม่ยาก แต่เมื่อกองทัพใกล้เข้ามา ก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถเข้าใจเรื่องนี้ได้จริง ๆ และนั่งลงแล้วครุ่นคิดอย่างสงบ! “นอกจากนี้ สังหารหมู่...และไม่ยอมให้ยอมจำนน นี่มันหลักการอะไรกัน?” คำพูดของไป๋เฟยเฟยก็เป็นสิ่งที่หวังหยวนกำลังคิดเช่นกัน “ดูเหมือนว่าการเคลื่อนไหวของฮวงเหยียนครั้งนี้ ทำให้คนไม่อาจคาดเดาได้จริง ๆ” หวังหยวนถอนหายใจ และไม่เข้าใจจริง ๆ
หลังจากที่หวังหยวนพูดคำเหล่านี้จบ หวงเจียวเจียวก็ตกใจเช่นกัน! นางคิดไม่ถึงว่าหวังหยวนจะฉลาดถึงขนาดที่เขาสามารถวิเคราะห์จากคำพูดของนาง และสถานการณ์ปัจจุบันว่านางมาจากเมืองหวง! หวงเจียวเจียวสะดุ้งตกใจ ทว่าสีหน้าของหวังหยวนดูน่าเกลียดทันที! แต่ในขณะนี้ เขาก็ยังไม่เข้าใจว่าเหตุใดหวงเจียวเจียวถึงมาหาเขา! เป็นไปได้ไหมว่า... นางต้องการโน้มน้าวเขาหรือ? ในขณะนี้ หวังหยวนเดาว่าสถานการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะเขาเป็นต้นเหตุหรือ? แม้ว่าการตัดสินของนางจะสมเหตุสมผล แต่ก็เป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะจินตนาการว่าทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะเขาจริง ๆ! “คุณชายหวังสมกับเป็นวีรบุรุษท่ามกลางผู้คนจริง ๆ เช่นนั้นข้าน้อยก็ขอพูดอย่างตรงไปตรงมา แท้จริงแล้วข้ามาจากฮวงเหยียน ข้ามาที่นี่ครั้งนี้ก็เพื่อเป็นตัวแทนของฮวงเหยียน...ดึงตัวคุณชายหวัง” หวงเจียวเจียวพูดด้วยรอยยิ้ม ทว่าแววตาของหวังหยวนกลับแฝงไปด้วยความเย็นชา! “จริงหรือ? เช่นนั้นเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้ก็เพราะข้าหรือ?” หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ หวงเจียวเจียวก็ตกใจไม่แพ้กัน แต่ก็ยังพยักหน้า “ถูกต้อง เรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพื่อคุณชายหวัง” หว