หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ ต้าหู่และคนอื่น ๆ ต่างก็ตกตะลึง! คิดไม่ถึงว่าหวังหยวนจะใช้วิธีนี้ หากว่าเผยแพร่ออกไปจริง ๆ นั่นหมายความว่าคุณชายตระกูลฟ่านผู้นั้นก็ถึงจุดจบมิใช่หรือ? วันรุ่งขึ้น ข่าวเกี่ยวกับธนาคารเทียนเซี่ยแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว และทุกคนก็รู้เรื่องนี้ทันที! พวกเขาต่างตกใจมากจนคิดไม่ถึงเลยว่าจะกล้าปล้นค่ายต้าเฟิงจริง ๆ! เรื่องนี้ไม่สามารถสรุปได้เพียงการเอะอะโวยวายอีกต่อไป! พูดได้คำเดียวว่าแกว่งเท้าหาเสี้ยน! ชาวบ้านทั้งเฉิงโจวต่างเริ่มค้นหาทุกที่ทันที ท้ายที่สุดตามรายงานของธนาคารเทียนเซี่ย เงินหลายแสนตำลึงทองเหล่านี้ไม่ได้ออกจากเฉิงโจว! ในขณะนี้ ภายในจวนของผู้ว่าราชการฟ่านต้าเสียนและฟ่านซือเสวี่ยนกำลังนั่งอยู่ในห้องโถง เช่นเดียวกับเฉิงเหลียวและเฉิงอู่จี้ “ใต้เท้าเฉิง ข้ายังต้องการความช่วยเหลือจากท่านในเรื่องนี้... ท้ายที่สุดแล้ว นี่ไม่ใช่เงินจำนวนเล็กน้อยเท่านั้น…” ฟ่านต้าเสียนยกมือขึ้นแล้วยิ้มพร้อมพูดอย่างสุภาพ แม้ว่าเขาจะไม่พูด แต่เฉิงเหลียวก็ย่อมทำสุดความสามารถ ในเมื่อเงินจำนวนนี้... หากเขาไม่สามารถหาจากในเฉิงโจวได้ และอาจทำให้บางคนขุ่นเคือง เช่นนั้นก็
เมื่อพูดอย่างนั้น เขากำลังจะออกคำสั่งให้จับกุมหวังหยวน ใครจะรู้ว่าในขณะนั้น จู่ ๆ บ่าวรับใช้ก็วิ่งเข้ามา “ท่านใต้เท้าเกิดเรื่องแล้วขอรับ! เกิดเรื่องแล้ว!” เฉิงเหลียวขมวดคิ้วและดุเขาทันที “ลุกลี้ลุกลน เป็นอะไรไป พูดมาว่าเกิดอะไรขึ้น!” บ่าวรับใช้รีบเอ่ยปากพูดว่า “ข้างนอก...ข้างนอกมีข่าวลือว่า...ธนาคารเทียนเซี่ยรวมกลุ่มกับผู้อื่น ยักยอกทรัพย์สินภายใต้การดูแลของตัวเอง...” เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ทั้งเฉิงเหลียวและฟ่านต้าเสียนต่างก็ตกตะลึง! “สารเลว! ใครเป็นคนปล่อยข่าวว่าข้าฟ่านต้าเสียนยักยอกทรัพย์สินภายใต้การดูแลของตัวเอง!” ฟ่านต้าเสียนโกรธมากและตบโต๊ะอย่างแรง “ข้าน้อย... ข้าน้อยก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ตอนนี้ข่าวลือแพร่สะพัดอยู่ข้างนอก…” ในขณะนี้ ทั้งพ่อค้าและชาวบ้านต่างก็พูดถึงเรื่องนี้ “เฮ้ย... เจ้าได้ยินเรื่องนี้หรือยัง? เงินจากธนาคารเทียนเซี่ยไม่ได้สูญหาย เป็นหนึ่งในพวกเขาเองที่ยักยอกทรัพย์สินภายใต้การดูแลของตัวเอง โดยอ้างว่าช่วงนี้มีการปล้นในค่ายต้าเฟิง!” “หา? จริงเหรอ! เป็นไปได้อย่างไร!” “จะเป็นไปไม่ได้ได้อย่างไรเล่า ข้ายังได้ยินมาว่ามีผู้สมรู้ร่วมคิดอีกด้วย! ไม่อย่างนั
หวงปี๋จื่อและคนอื่น ๆ ต่างน้อมรับคำสั่งทันที และตอนนี้ได้นำคนนับพันพุ่งไปยังเฉิงโจวอีกครั้ง! “ใกล้แล้ว...เฉิงโจวใกล้จะจะขอความช่วยเหลือแล้ว เมื่อถึงตอนนั้นเราก็จะสามารถควบคุมเฉิงโจวได้ ลมฝนก็ไม่อาจหยุดยั้งได้!” เจิ้งเซิ่งหัวเราะด้วยสายตาที่มุ่งมั่น! ในขณะที่ ภายในเฉิงโจวยังไม่รู้เรื่องนี้ และยังตกใจกับการปล้นทองคำ ไป๋เฟยเฟยก็รู้ข่าวนี้เช่นกัน จากนั้นหัวเราะเสียงดังออกมาทันที “หวังหยวนผู้นี้โหดเหี้ยมจริง ๆ เขาพูดคำเดียวก็ได้เงินมาหกแสนกว่าตำลึงทองจากธนาคารเทียนเซี่ยในคราวเดียว น่าสนใจ น่าสนใจจริง ๆ!” ทันทีที่ได้ยินเช่นนี้ สตรีในชุดกระโปรงสีม่วงก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง “หวังหยวน? เจ้าแน่ใจได้อย่างไรว่าเป็นเขา?” ไป๋เฟยเฟยกล่าวอย่างราบเรียบว่า “นอกจากเขาแล้วจะมีใครอีกเล่า? คงมีคนในเฉิงโจวไม่มากนักที่กล้าปล้นธนาคาร นอกจากนี้เงินจำนวนนี้ก็ไม่ไหลออกไปข้างนอก และยังอยู่ในเมืองนี้ ข้านึกไม่ออกเลยว่าจะมีใครอื่นที่กล้าทำเช่นนี้อีก!” “สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ไม่มีกำลังที่จะทำสิ่งนี้ได้!” คนอื่นไม่รู้ แต่นางรู้ดีว่าหวังหยวนเป็นคนเดียวที่ทำได้! คนรอบตัวของเขาไม่ใช่คนธรรมดาเลย! “เป็
ไม่นานหลังจากนั้น รถม้าของไป๋เฟยเฟยก็ถึงที่หน้าลานบ้านของหวังหยวน หลังจากที่ถูกเชิญเข้าไปในลานบ้านและเห็นหวังหยวน ไป๋เฟยเฟยก็หัวเราะออกมา “สหายหวัง ช่างเป็นกลอุบายที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ!” หวังหยวนหัวเราะ “สหายไป๋ เหตุใดเจ้าถึงกล่าวเช่นนี้เล่า?” ไป๋เฟยเฟยไม่พูดเพ้อเจ้อและพูดขึ้นทันทีว่า “สหายหวัง ระหว่างท่านกับข้ายังเชื่อใจกันไม่ได้อีกหรือ? ยิ่งไปกว่านั้น ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าเป็นท่านใช่หรือไม่” หวังหยวนหัวเราะขึ้นมาทันที “พวกเจ้ารู้ ก็รู้ไปเถอะ แต่ข้าไม่มีทางยอมรับหรอกนะ” “อีกอย่าง...พูดเรื่องเชื่อใจ สหาย...ไป๋ ระหว่างข้าและเจ้าเชื่อใจกันด้วยจริงหรือ?! หวังหยวนปิดปากนางด้วยคำพูดดังกล่าว ซึ่งทำให้ไป๋เฟยเฟยรู้สึกหดหู่ใจในทันที อย่างไรก็ตาม เมื่อฟังความหมายของคำพูดของหวังหยวน นางก็รู้ดีว่าต้องเป็นอู๋หลิงชายหนุ่มผู้นั้นที่พูด! “เอาล่ะ ในเมื่อท่านรู้ทุกอย่างแล้ว เหตุใดยังทดสอบข้าอยู่อีก ข้าขอคาราวะ ท่านพอใจแล้วใช่ไหม!” ไป๋เฟยเฟยรู้สึกหมดหนทางแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “สหายหวัง ครั้งนี้ท่านควรบอกความจริงกับข้าแล้วใช่ไหม” “เจ้าไม่ต้องห่วง จุดอ่อนของข้าอยู่่านเสียเท่าไหร่ ปล้นมาแล้
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ไป๋เฟยเฟยก็เหลือบมองสตรีในชุดกระโปรงสีม่วง สตรีในชุดกระโปรงสีม่วงถึงกับพูดว่า “เหอะ ๆ ข้าไม่กล้าเดิมพันกับท่าน ในเมื่อสหายหวังกล้า ไม่อย่างนั้นเจ้าลองเดิมพันดูไหมล่ะ?” ไป๋เฟยเฟยกระพริบตา ถึงแม้ว่านางจะชอบเดิมพัน แต่นางก็เดิมพันเฉพาะเมื่อนางมั่นใจเท่านั้น ทว่า... ตอนนี้นางรู้สึกไม่แน่ใจแล้ว! แน่นอนว่าโดยปกติแล้ว นางคิดว่าเป็นเรื่องไร้สาระที่จะมีทองคำอยู่ในน้ำ แต่หวังหยวนเป็นคนพูดเรื่องนี้ขึ้นมา นางจึงรู้สึกเชื่อครึ่งหนึ่งไม่เชื่อครึ่งหนึ่งจริง ๆ! “ทำไมเล่า เจ้าไม่กล้าเดิมพันหรือ? หากว่าเจ้าชนะเดิมพัน ข้าสามารถตอบตกลงเงื่อนไขของเจ้าได้หนึ่งเรื่อง เงื่อนไขใดก็ได้!” หวังหยวนยิ้มและพูด และเมื่อได้ยินสิ่งนี้ ไป๋เฟยเฟยก็กระพริบตา “เช่นนั้นหากว่าข้าแพ้แล้วท่านชนะล่ะ? ข้าต้องทำสิ่งใด?” ไป๋เฟยเฟยเตรียมพร้อมที่จะฟังสิ่งที่หวังหยวนพูดก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะเดิมพันหรือไม่ “ง่าย ๆ… เมื่อถึงเวลาเจ้าก็แค่ช่วยข้าขนทองออกจากเมืองก็พอแล้ว” ทันทีที่ได้ยินเช่นนี้ ไป๋เฟยเฟยก็ตกตะลึง “ง่ายเช่นนี้เลยหรือ?” หวังหยวนพยักหน้า “แน่นอน” “ตกลง! ถ้าอย่างนั้นข้าขอเดิมพั
“ก่อนที่ข้าจะมาที่นี่ ข้าได้รับข่าวว่าคนของค่ายต้าเฟิงไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ ซ้ำยังทำชั่วต่อไป ในทางกลับกัน กองทัพเฉิงโจวที่ออกไปปราบปรามพวกโจรต่างก็ไม่กลับมา!” “สามพันคนสู้รบกับกองทัพเฉิงโจวที่ไม่มีอุปกรณ์ครบครันจำนวนหนึ่งพันคน เดิมทีค่ายต้าเฟิงไม่มีกำลังต่อต้านได้เลย!” หลังจากที่ไป๋เฟยเฟยพูดจบ หวังหยวนก็ประหลาดใจเช่นกัน! ค่ายต้าเฟิงคิดจะทำอะไรกันแน่! “เจ้าหมายถึงว่ามีคนค่อยสนับสนุนพวกเขาอยู่ข้างหลังหรือ? จะเป็นใครไปได้ล่ะ?” หวังหยวนไม่คุ้นเคยกับผู้คนที่นี่มากนัก ดังนั้นจึงไม่สามารถคาดเดาได้ว่าใครเป็นคนลงมือกันแน่ “นี่...ยากที่จะคาดเดา...” “หนีไม่พ้นความเป็นไปได้สามประการ!” ไป๋เฟยเฟยเหยียดออกสามนิ้ว ทันทีที่พูดเช่นนี้ หวังหยวนก็เริ่มสนใจทันที “ขอคำชี้แนะด้วย!” ไป๋เฟยเฟยอธิบายความคาดเดาในใจของนางว่า “ประการแรกนั้นง่ายมาก นั่นคือใต้เท้าผู้ตรวจราชการมณฑลสมรู้ร่วมคิดกับค่ายต้าเฟิงและทำเรื่องขายผ้าเอาหน้ารอด ดังนั้นเมื่อคนของพวกเขาออกไปแล้วจึงไม่กลับมาโดยปริยาย และไม่ได้แลกเปลี่ยนจริง ๆ!” หวังหยวนพยักหน้า ประการนี่มีความเป็นไปได้ “แล้วประการที่สอง?” หวังหยวนถาม “ประ
เจิ้งไท่ชิงและเจิ้งเซิงสองพ่อลูกต่างยิ้มเบา ๆ แล้วเริ่มยกทัพทันที! กองทัพชิงชวนที่มีกำลังพลมากกว่าสามหมื่นนายกำลังมุ่งหน้าไปยังเฉิงโจวอย่างมหาศาล! ในขณะนี้ ผู้ตรวจราชการมณฑลเฉิงเหลียวรู้สึกตื่นเต้นมากเมื่อได้รับจดหมาย! “เยี่ยมไปเลย เจิ้งไท่ชิงส่งกองกำลังมาที่เฉิงโจวเพื่อช่วยข้าปราบพวกโจรจริง ๆ!” หลังจากที่พูดจบ เฉิงอู๋จี้ที่อยู่ด้านข้างก็รู้สึกปิติเล็กน้อย เมื่อเป็นเช่นนี้เรื่องนี้ก็สามารถจัดการได้แล้ว! หวังหยวนย่อมไม่สนใจเรื่องทั้งหมดนี้อย่างแน่นอน ในทางกลับกัน เขากำลังวางแผนที่จะส่งทองคำออกไปและขอให้ไป๋เฟยเฟยช่วยส่งออกไป สำหรับการเดินทางมาเฉิงโจวครั้งนี้ สำหรับเขาถือว่าภารกิจจบลงแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่จะอยู่ต่อ อย่างไรก็ตาม เขาไม่รู้ว่ากองทัพชิงชวนมาถึงแล้ว... เฉิงโจว! เพื่อปกป้องเมืองทั้งสามเมือง พวกเขาเปิดประตูเมืองและเชิญกองทัพชิงชวนเข้ามา! “ฮ่าฮ่าฮ่า ใต้เท้าเจิ้ง เชิญ!” ผู้นำองครักษ์ของทั้งสามเมืองรีบไปแสดงความเคารพ แต่ในขณะนี้ เจิ้งไท่ชิงกลับหัวเราะขึ้นมา “องครักษ์ทั้งสามท่าน ไม่ต้องมากพิธี ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป... กองทัพชิงชวนของเราจะรับหน้าที่ปกป
เจิ้งไท่ชิงไม่ได้รีบร้อนในขณะนี้ แต่กลับกำลังนั่งอยู่ในกระโจนและปิดตาใคร่ครวญ ทว่าในเวลานี้ เจิ้งเซิงก็เดินเข้ามา “ท่านพ่อ มีจดหมายจากที่นั่น ท่าน..ลองอ่านดูขอรับ” เจิ้งไท่ชิงรีบลืมตาขึ้นแล้วหยิบจดหมายมา หลังจากอ่านครู่หนึ่งแล้วขมวดคิ้วทันที “โจมตีโดยไม่ทำลาย เพื่อคนผู้เดียว?” เจิ้งไท่ชิงตกใจเล็กน้อย เขามองดูคำว่า 'หวังหยวน' สองคำนี้อย่างระมัดระวัง พร้อมรู้สึกสะเทือนใจอย่างมาก! “อะไรนะ?” เจิ้งเซิงรีบเดินเข้าไปดูจดหมาย หลังจากอ่านแล้วเขาก็ไม่อยากจะเชื่อเลย “เรารู้สึกหวาดระแวงขนาดนี้ก็เพื่อคน ๆ นี้คนเดียวหรอกเหรอ?” เจิ้งเซิงไม่เข้าใจว่านี่หมายความว่าอย่างไร! เจิ้งไท่ชิงสูดหายใจเข้าลึก แล้วค่อย ๆ พูดว่า “ดูเหมือนว่าหวังหยวนผู้นี้จะได้รับความรักอย่างลึกซึ้งจากคนผู้นั้น นี่นางกำลังพยายาม...ทำให้เขาสิ้นหวัง จากนั้นแสดงความเมตตาอันยิ่งใหญ่ เพื่อทำให้เขายอมจำนนอย่างสมบูรณ์ และยอมทำงานเพื่อนาง” เมื่อได้ยินสิ่งนี้ เจิ้งเซิงก็ตะคอกอย่างเย็นชา “เหตุใดต้องทำให้ลำบากถึงเพียงนี้ เราทำลายเมืองแล้วจับตัวเขาไป ภายในสามวัน เราเร่งแส้ม้าเร็วก็กลับไปถึงฮวงเหยียนแล้ว!” “แม้ว่าจะสามาร