หลังจากที่จ้าวป๋อเซี่ยวกล่าวจบ หวังหยวนก็ชะงักไปชั่วครู่“ความในใจ?”หงเยี่ยมีอะไรต้องการจะพูดกับเขางั้นรึ?“ขอรับ” จ้าวป๋อเซี่ยวหัวเราะเบา ๆ ก่อนชี้ไปข้างหน้า“ท่านผู้นำกำลังรอท่านอยู่ห่างออกไปสองลี้ขอรับ”ท่าทีของจ้าวป๋อเซี่ยวคลุมเครือนัก อีกทั้งสายตาของเขายังแปลกไปไม่น้อย“เข้าใจแล้ว”หวังหยวนคลี่ยิ้มก่อนขี่ม้าออกไป เขามีบางอย่างที่จะพูดกับหงเยี่ยเช่นกันเมื่อหงเยี่ยที่อยู่ในศาลาเห็นหวังหยวนขี่ม้าเข้ามาก็ยิ้มกว้าง “ครั้งนี้ข้าช่วยเจ้าไว้มากมาย เจ้าไม่มีสิ่งตอบแทนให้ข้ารึ?" หวังหยวนลงจากหลังม้าม้าพร้อมฉีกยิ้ม “ตอนนี้เจ้ากลายเป็นคนมีอิทธิพลแล้ว ยังมีสิ่งใดที่เจ้าไม่ได้ครอบครองอีกรึ?”“เจ้าช่างไม่จริงใจเอาเสียเลย ลืมมันเสียเถิด” หงเยี่ยกล่าวด้วยความไม่พอใจหวังหยวนระเบิดหัวเราะ ก่อนเปลี่ยนบทสนทนา “เจ้าต้องระมัดระวังในการลงมือครั้งนี้อย่างยิ่ง ราชสำนักอาจจับตามองเจ้าอยู่ก็เป็นได้ พี่น้องของข้าโปรดระวังตัวด้วย”หงเยี่ยพยักหน้า นางเข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการจะบอกก่อนตอบว่า “อืม ข้าเชื่อฟังเจ้า”อย่างไรก็ตามเมื่อหัวข้อบทสนทนาเปลี่ยนไป นางก็เริ่มรู้สึกกังวล“ยังไงก็ตาม ครั้งน
ครั้งนี้ทุกคนช่วยเหลือเขามากมาย ดังนั้นหวังหยวนจึงไม่ตระหนี่ เขาซื้อของขวัญมากมายให้สมาชิกของสมาคมต้าถงทุกคนแน่นอนว่าเขาไม่ลืมว่าหลี่จ้าวหลินทุ่มเทอย่างมากเพื่อช่วยเหลือตนในครั้งนี้หวังหยวนควัก ‘ตั๋วเงินสองเท่า’ ออกมา และมอบมันให้หลี่จ้าวหลิน“อาหยวน ท่านดูตัวเองสิ เหตุใดถึงให้เงินข้ามากมายเพียงนี้เล่าขอรับ?”เมื่อเห็นตั๋วทองคำเหล่านั้น หลี่จ้าวหลินก็ตกตะลึงทันใด เขารู้ว่าหวังหยวนนั้นร่ำรวย ทว่าไม่คิดว่าจะรวยเพียงนี้!“อย่างไร? ช่วงนี้เจ้ามีค่าใช้จ่ายมากมาย เก็บเอาไว้เถิด” หวังหยวนไม่สนใจแม้แต่น้อยเมื่อเทียบกับมิตรภาพแล้ว เงินเหล่านี้แทบไม่มีค่าเลยเงินเพียงเล็กน้อยไม่ส่งผลกระทบต่อเขาหรอก“ฮ่าฮ่า ในเมื่ออาหยวนพูดเช่นนี้ ข้าก็จะทำตามที่ท่านต้องการก็แล้วกัน แค่ก ๆ”หลี่จ้าวหลินหัวเราะเบา ๆ จากนั้นยื่นมือออกไปตรงหน้า“ตั๋วทองจำนวนมากเกินไป เจ้าอย่าลืมเอาไปแลกเป็นเงินล่ะ”หวังหยวนยังคงย้ำเตือนเขาอีกว่าธนาคารทั่วไปไม่สามารถแลกเปลี่ยนเงินจำนวนมากเพียงนี้ได้“ขอรับ ข้าเข้าใจแล้ว ท่านพ่อของข้าเคยบอกว่าธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในโลกเป็นคนออกตั๋วเงินเหล่านี้ ซึ่งผู้ที่ใช้ตั๋วเงินเหล่านี
หลังจากที่หวังหยวนออกคำสั่ง ต้าหู่ก็พูดคุยกับทหารสองคนก่อนปลีกตัวออกไปอย่างลับ ๆคนผู้นี้ระมัดระวังตัวตลอดเวลา เนื่องจากครั้งที่แล้วเขาสามารถหนีไปได้ ครั้งนี้ต้าหู่จึงต้องวางแผนลอบจับตัวอย่างรัดกุมทุกคนยังคงเดินทางต่อไป หลังจากเวลาผ่านไปเกือบสองชั่วโมง ต้าหู่ก็ขี่ม้าตัวใหญ่กลับมา ขณะแบกชายคนหนึ่งที่หมดสติไปนานแล้ว“พี่หยวน ข้าจับตัวเขาได้แล้ว คนผู้นี้หลบหลีกเป็นเลิศ จึงค่อนข้างจับตัวได้ยากยิ่งนัก” ต้าหู่คลี่ยิ้มแล้วโยนชายผู้นั้นลงกับพื้น ขณะมัดร่างเขาไว้ เมื่อถูกโยนอย่างแรง เขาจึงฟื้นคืนสติทันที“ปล่อย... ปล่อยข้า หากกล้าจับตัวข้า พวกเจ้าก็รนหาที่ตายแล้ว!”ทันทีที่คนผู้นี้เปิดปาก เขาก็พูดจาข่มขู่ทุกคนทันที หวังหยวนรู้ว่าอีกฝ่ายมีสถานะที่ไม่ธรรมดา เหลิ่งอวิ๋นคือบุตรชายของอ๋องฝูซาน คนผู้นี้จะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับอ๋องฝูซานอย่างแน่นอน“จริงรึ?”หวังหยวนกล่าวอย่างเย็นชา จากนั้นล้วงปืนคาบศิลาออกมาแล้วยิงที่ขาของชายผู้นั้นเมื่อเสียงปืนดังขึ้น ต้นขาของชายผู้นั้นก็เกิดรอยแผล ขณะเลือดไหลรินออกมา ขณะกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด!“หวังหยวน! เจ้าฆ่าชิงเมี่ยนโช่ว พวกข้าไม่มีทางปล่อยเจ้าไปแน่
อย่างไรก็ตาม หวังหยวนคือใคร แม้แต่เจ้าเมืองก็ยังถูกเขาโค่นล้ม ดังนั้นค่ายเล็ก ๆ เช่นค่ายต้าเฟิงจะทำอะไรเขาได้เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ไม่ใช่สิ่งสำคัญ แม้จะฆ่าชายผู้นี้ หวังหยวนก็ไม่ได้ใส่ใจแม้แต่น้อย และหากค่ายต้าเฟิงท้าทายเขา หวังหยวนก็ไม่รังเกียจที่จะทำให้พวกเขาเปลี่ยนผู้ปกครองขบวนเดินทางเริ่มเคลื่อนขบวนอีกครั้ง หลังจากเดินทางเกือบครึ่งวัน ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงเมืองชิงชวน“พี่หยวน ตอนนี้เมืองชิงชวนอยู่ห่างจากเราเพียงหนึ่งร้อยลี้ ยิ่งไปกว่านั้น พวกเรายังอยู่ไม่ไกลจากค่ายต้าเฟิง ท่านโปรดระวังตัวด้วยขอรับ”หวังหยวนพยักหน้าก่อนที่ทุกคนจะเดินทางต่อ...ครึ่งชั่วยามที่แล้ว ณ ค่ายต้าเฟิง ผู้นำสูงสุดค่ายเฟิงเสี้ยวเทียนมองจดหมายในมือพลางแค่นเสียง“หวังหยวน? ชายหนุ่มที่ขวางทางเขาในหุบเขาชิงหลง? ชายผู้นี้กล้ามาเหยียบที่เมืองชิงชวนด้วยรึ น่าสนใจไม่น้อย เอ้อโถวหลางเขียนในจดหมายว่าหวังหยวนผู้นี้ร่ำรวยอย่างมาก เจ้าคิดว่าอย่างไร?”เฟิงเสี้ยวเทียนหรี่ตาลง แม้ว่าจะพูดเช่นนั้น แต่เขายังคงเชื่อว่าหวังหยวนตายแล้ว!ไม่อย่างนั้นหวังหยวนคงฆ่าเหลิ่งอวิ๋นแล้ว!ฆ่านายน้อยของเขา!กลุ่มคนที่นั่งอยู่ด้า
หลังจากที่หวังหยวนกล่าวเช่นนั้น ทุกคนก็วิตกกังวลไม่น้อยค่ายต้าเฟิงเป็นสถานที่แบบใดกัน หวังหยวนต้องการพาต้าหู่ไปที่นั่นเพียงสองคน นี่ไม่เท่ากับรนหาที่ตายหรอกหรือ?“พี่หยวน พวกเราฆ่าเอ้อโถวหลาง และไม่ว่าคนจากค่ายต้าเฟิงจะรู้เรื่องนี้หรือไม่ ข้าก็ยังเกรงว่าเอ้อโถวหลางจะรายงานเฟิงเสี้ยวเทียนไปหมดแล้ว หากมีอันตรายเกิดขึ้นกับท่านจะทำอย่างไร?”ถังหม่างโพล่งขึ้น เขารู้จักค่ายต้าเฟิงดี ผู้นำของพวกเขามีความสามารถมาก มิฉะนั้นคงไม่รวบรวมโจรทุกทั่วสารทิศจนกลายเป็นราชาแห่งเขาลูกนี้!“จริงขอรับ อาหยวน หากไม่สามารถผ่านได้จริง ๆ ก็ควรใช้ทางอ้อม ยอมเดินทางต่อไปอีกไม่กี่วันดีกว่านะขอรับ!”หลี่จ้าวหลินพยายามโน้มน้าวใจเขาอย่างรวดเร็ว แต่หวังหยวนกลับส่ายหน้า ค่ายต้าเฟิงไม่ใช่ชุมโจรธรรมดา ดังนั้นจะต้องมีคนของอ๋องฝูซานอยู่นั้นอย่างแน่นอนเดิมทีพวกเขาไม่ลงรอยกับอ๋องฝูซานอยู่แล้ว หากอีกฝ่ายรู้ว่าลูกชายถูกเขาฆ่า อ๋องฝูซานจะปล่อยเขาไปได้อย่างไร?ในเมื่อเอ้อโถวหลางรายงานข่าวไปแล้ว ดังนั้นไม่ว่าพวกเขาจะพยายามมากเพียงใดก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ยิ่งไปกว่านั้นหวังหยวนไม่ได้ทำลงไปเพราะอารมณ์“ไม่จำเป็นหรอก พวกเจ
ถังหม่างรีบโพล่งขึ้น ขณะที่หลี่จ้าวหลินขมวดคิ้วมุ่น แต่ยังคงกล่าวว่า “อาหยวนมักคิดถูกเสมอ ดังนั้นในเมื่ออาหยวนบอกว่าไม่เป็นไร เราก็ไปหาที่พักรอเขากันเถิด!”...ขณะเดียวกัน ณ ห้องโถงจู้อี้ในค่ายต้าเฟิง เฟิงเสี้ยวเทียนและคนอื่น ๆ กำลังช่วยกันจัดเตรียมงานเลี้ยง เมื่อมองอย่างพิจารณา ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังมอบความบันเทิงให้แก่หวังหยวนจริง ๆ“ฮ่าฮ่าฮ่า ท่านหมิงถัน ข้าได้ยินวีรกรรมของท่านมานานแล้ว ตอนที่ข้าเห็นท่านในวันนี้ ข้าก็รู้ได้ทันทีว่าท่านเป็นคนธรรมดา”เฟิงเสี้ยวเทียนแสร้งทำว่ามีความสุขอย่างมาก ก่อนยกจอกสุราขึ้นหวังหยวนคลี่ยิ้มก่อนส่งเสียงหัวเราะ “ท่านผู้นำเฟิง ท่านชวนข้าขึ้นมาบนภูเขาก็เพราะต้องการให้ข้าลิ้มลองอาหารรสเลิศของค่ายต้าเฟิงใช่หรือไม่?”สิ้นคำ บรรยากาศภายในห้องโถงจู้อี้พลันตึงเครียดขึ้นทันที เฟิงเสี้ยวเทียนกระตุกยิ้มพลางวางจอกสุราลง“ท่านหมิงถัน ไม่สำคัญหรอกว่าเราจะคุยเรื่องนี้กันช้าหรือเร็ว เช่นนั้นข้าขอไม่ปิดบังอีกต่อไปก็แล้วกัน”“พวกเราพี่น้องได้หารือกันแล้ว และได้ข้อสรุปสองประการ”“ประการแรก พวกเราล้วนฆ่าคนและปล้นสะดมเอาทรัพย์สิน หรือเรียกสั้น ๆ ว่าโจร ข้าคงไม่ต
เมื่อเฟิงเสี้ยวเทียนได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างมาก ตอนนี้เขารู้แล้วว่าหวังหยวนรู้ตัวตนที่แท้จริงของเหลิ่งอวิ๋นแล้ว!ตอนนั้นเอง ผู้นำลำดับสามโม่ชวนเหอก็รีบโพล่งขึ้นว่า “ท่านมิงถันเข้าใจผิดแล้ว แม้พวกเราจะเป็นพันธมิตรกับชิงเมี่ยนโช่ว แต่ความสัมพันธ์กลับไม่ได้ดีเท่าที่ควร และในตอนนี้เขาก็ตายไปแล้ว เช่นนั้นอย่าพูดถึงเรื่องนี้อีกเลยขอรับ”“ข้ายังอยากรู้วิธีที่ท่านหมิงถันจะช่วยทำให้เราร่ำรวยได้”ผู้นำลำดับที่ห้าหวงปี๋จื่อก็พูดในทำนองเดียวกัน “ท่านหมิงถัน ข้าหวังว่าท่านจะให้คำชี้แนะแก่ข้าเช่นกันขอรับ”หลังจากที่ผู้นำทั้งสองคนกล่าวจบ เถี๋ยซานก็ไม่ได้กล่าวคำใด อย่างไรก็ตาม เขาแค่อยากมีโชคลาภเท่านั้น ไม่ว่าจะด้วยวิธีการปล้นวิธีอื่น เถี๋ยซานก็ไม่สนใจตราบใดที่มันสามารถสนองความต้องการของเขา เขาก็ไม่มีปัญหาอย่างไรก็ตาม เฟิงเสี้ยวเทียนเหลือบมองเจ้าสามและเจ้าห้า ขณะที่หัวใจของเขาจมดิ่งลงทันทีหากพวกเขาขอร้องให้หวังหยวนชี้แนะวีถีทางรวยจริง ๆ มันคงเป็นเรื่องยากไม่น้อยที่จะลอบสังหารหวังหยวนเขากล่าวเสียงดังอย่างเย็นชา “พอได้แล้ว ท่านหมิงถัน ค่ายต้าเฟิงของเราไม่เชี่ยวชาญด้านธุรกิ
แม้ราชสำนักจะไม่ยอมรับการเป็นโจร แต่หากดำเนินชีวิตอย่างเหมาะสม ก็ยังสามารถครอบครองพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง และกลายเป็นราชาโจรอย่างอิสระได้ทว่าขอยกเว้นนี้ใช้ไม่ได้กับกรณีของอ๋องฝูซาน หากใครก็ตามมีความเกี่ยวข้องกับเขาจะต้องถูกปราบปราม และถูกประหารชีวิตทันที!“ท่านหมิงถัน ท่าน... หมายความว่าอย่างไร?”โม่ชวนเหอกล่าวเสียงทุ้ม เพราะเขาสามารถคาดเดาบางเรื่องได้แม้จะไม่ชัดเจนนักก็ตาม “ง่ายยิ่งนัก ผู้นำสูงสุดและผู้นำลำดับที่สองของท่านเป็นคนของอ๋องฝูซาน ยิ่งไปกว่านั้นผู้นำลำดับสองของท่านถูกข้าฆ่าตายไปแล้ว ดังนั้นมันจึงเป็นเหตุผลที่ข้ากล้ามาที่ค่ายแห่งนี้เพียงลำพัง เพื่อเสนอทางออกแก่พวกท่าน”เทพเจ้าหวังหยวนนั่งอยู่ในที่แห่งนี้แล้ว เขายังคงมีสีหน้าสงบนิ่ง ขณะครุ่นคิดบางอย่างอยู่ในใจ“อะไรนะ!”ท่าทีของทั้งสามคนเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นมองไปที่เฟิงเสี้ยวเทียนด้วยสายตาไม่เชื่อ“พี่ใหญ่ นี่มันเกิดอะไรขึ้น พวกเราต้องการคำอธิบายเดี๋ยวนี้!”“ถูกต้อง พี่ใหญ่ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่พวกเราพี่น้องจะกลายเป็นแบบทุกวันนี้ แม้อ๋องฝูซานจะกล้าหาญและเกือบจะเปลี่ยนแปลงแคว้นนี้ได้สำเร็จ แต่ตอนนี้เขาจากไปแล้