อย่างไรก็ตาม หวังหยวนคือใคร แม้แต่เจ้าเมืองก็ยังถูกเขาโค่นล้ม ดังนั้นค่ายเล็ก ๆ เช่นค่ายต้าเฟิงจะทำอะไรเขาได้เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ไม่ใช่สิ่งสำคัญ แม้จะฆ่าชายผู้นี้ หวังหยวนก็ไม่ได้ใส่ใจแม้แต่น้อย และหากค่ายต้าเฟิงท้าทายเขา หวังหยวนก็ไม่รังเกียจที่จะทำให้พวกเขาเปลี่ยนผู้ปกครองขบวนเดินทางเริ่มเคลื่อนขบวนอีกครั้ง หลังจากเดินทางเกือบครึ่งวัน ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงเมืองชิงชวน“พี่หยวน ตอนนี้เมืองชิงชวนอยู่ห่างจากเราเพียงหนึ่งร้อยลี้ ยิ่งไปกว่านั้น พวกเรายังอยู่ไม่ไกลจากค่ายต้าเฟิง ท่านโปรดระวังตัวด้วยขอรับ”หวังหยวนพยักหน้าก่อนที่ทุกคนจะเดินทางต่อ...ครึ่งชั่วยามที่แล้ว ณ ค่ายต้าเฟิง ผู้นำสูงสุดค่ายเฟิงเสี้ยวเทียนมองจดหมายในมือพลางแค่นเสียง“หวังหยวน? ชายหนุ่มที่ขวางทางเขาในหุบเขาชิงหลง? ชายผู้นี้กล้ามาเหยียบที่เมืองชิงชวนด้วยรึ น่าสนใจไม่น้อย เอ้อโถวหลางเขียนในจดหมายว่าหวังหยวนผู้นี้ร่ำรวยอย่างมาก เจ้าคิดว่าอย่างไร?”เฟิงเสี้ยวเทียนหรี่ตาลง แม้ว่าจะพูดเช่นนั้น แต่เขายังคงเชื่อว่าหวังหยวนตายแล้ว!ไม่อย่างนั้นหวังหยวนคงฆ่าเหลิ่งอวิ๋นแล้ว!ฆ่านายน้อยของเขา!กลุ่มคนที่นั่งอยู่ด้า
หลังจากที่หวังหยวนกล่าวเช่นนั้น ทุกคนก็วิตกกังวลไม่น้อยค่ายต้าเฟิงเป็นสถานที่แบบใดกัน หวังหยวนต้องการพาต้าหู่ไปที่นั่นเพียงสองคน นี่ไม่เท่ากับรนหาที่ตายหรอกหรือ?“พี่หยวน พวกเราฆ่าเอ้อโถวหลาง และไม่ว่าคนจากค่ายต้าเฟิงจะรู้เรื่องนี้หรือไม่ ข้าก็ยังเกรงว่าเอ้อโถวหลางจะรายงานเฟิงเสี้ยวเทียนไปหมดแล้ว หากมีอันตรายเกิดขึ้นกับท่านจะทำอย่างไร?”ถังหม่างโพล่งขึ้น เขารู้จักค่ายต้าเฟิงดี ผู้นำของพวกเขามีความสามารถมาก มิฉะนั้นคงไม่รวบรวมโจรทุกทั่วสารทิศจนกลายเป็นราชาแห่งเขาลูกนี้!“จริงขอรับ อาหยวน หากไม่สามารถผ่านได้จริง ๆ ก็ควรใช้ทางอ้อม ยอมเดินทางต่อไปอีกไม่กี่วันดีกว่านะขอรับ!”หลี่จ้าวหลินพยายามโน้มน้าวใจเขาอย่างรวดเร็ว แต่หวังหยวนกลับส่ายหน้า ค่ายต้าเฟิงไม่ใช่ชุมโจรธรรมดา ดังนั้นจะต้องมีคนของอ๋องฝูซานอยู่นั้นอย่างแน่นอนเดิมทีพวกเขาไม่ลงรอยกับอ๋องฝูซานอยู่แล้ว หากอีกฝ่ายรู้ว่าลูกชายถูกเขาฆ่า อ๋องฝูซานจะปล่อยเขาไปได้อย่างไร?ในเมื่อเอ้อโถวหลางรายงานข่าวไปแล้ว ดังนั้นไม่ว่าพวกเขาจะพยายามมากเพียงใดก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ยิ่งไปกว่านั้นหวังหยวนไม่ได้ทำลงไปเพราะอารมณ์“ไม่จำเป็นหรอก พวกเจ
ถังหม่างรีบโพล่งขึ้น ขณะที่หลี่จ้าวหลินขมวดคิ้วมุ่น แต่ยังคงกล่าวว่า “อาหยวนมักคิดถูกเสมอ ดังนั้นในเมื่ออาหยวนบอกว่าไม่เป็นไร เราก็ไปหาที่พักรอเขากันเถิด!”...ขณะเดียวกัน ณ ห้องโถงจู้อี้ในค่ายต้าเฟิง เฟิงเสี้ยวเทียนและคนอื่น ๆ กำลังช่วยกันจัดเตรียมงานเลี้ยง เมื่อมองอย่างพิจารณา ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังมอบความบันเทิงให้แก่หวังหยวนจริง ๆ“ฮ่าฮ่าฮ่า ท่านหมิงถัน ข้าได้ยินวีรกรรมของท่านมานานแล้ว ตอนที่ข้าเห็นท่านในวันนี้ ข้าก็รู้ได้ทันทีว่าท่านเป็นคนธรรมดา”เฟิงเสี้ยวเทียนแสร้งทำว่ามีความสุขอย่างมาก ก่อนยกจอกสุราขึ้นหวังหยวนคลี่ยิ้มก่อนส่งเสียงหัวเราะ “ท่านผู้นำเฟิง ท่านชวนข้าขึ้นมาบนภูเขาก็เพราะต้องการให้ข้าลิ้มลองอาหารรสเลิศของค่ายต้าเฟิงใช่หรือไม่?”สิ้นคำ บรรยากาศภายในห้องโถงจู้อี้พลันตึงเครียดขึ้นทันที เฟิงเสี้ยวเทียนกระตุกยิ้มพลางวางจอกสุราลง“ท่านหมิงถัน ไม่สำคัญหรอกว่าเราจะคุยเรื่องนี้กันช้าหรือเร็ว เช่นนั้นข้าขอไม่ปิดบังอีกต่อไปก็แล้วกัน”“พวกเราพี่น้องได้หารือกันแล้ว และได้ข้อสรุปสองประการ”“ประการแรก พวกเราล้วนฆ่าคนและปล้นสะดมเอาทรัพย์สิน หรือเรียกสั้น ๆ ว่าโจร ข้าคงไม่ต
เมื่อเฟิงเสี้ยวเทียนได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างมาก ตอนนี้เขารู้แล้วว่าหวังหยวนรู้ตัวตนที่แท้จริงของเหลิ่งอวิ๋นแล้ว!ตอนนั้นเอง ผู้นำลำดับสามโม่ชวนเหอก็รีบโพล่งขึ้นว่า “ท่านมิงถันเข้าใจผิดแล้ว แม้พวกเราจะเป็นพันธมิตรกับชิงเมี่ยนโช่ว แต่ความสัมพันธ์กลับไม่ได้ดีเท่าที่ควร และในตอนนี้เขาก็ตายไปแล้ว เช่นนั้นอย่าพูดถึงเรื่องนี้อีกเลยขอรับ”“ข้ายังอยากรู้วิธีที่ท่านหมิงถันจะช่วยทำให้เราร่ำรวยได้”ผู้นำลำดับที่ห้าหวงปี๋จื่อก็พูดในทำนองเดียวกัน “ท่านหมิงถัน ข้าหวังว่าท่านจะให้คำชี้แนะแก่ข้าเช่นกันขอรับ”หลังจากที่ผู้นำทั้งสองคนกล่าวจบ เถี๋ยซานก็ไม่ได้กล่าวคำใด อย่างไรก็ตาม เขาแค่อยากมีโชคลาภเท่านั้น ไม่ว่าจะด้วยวิธีการปล้นวิธีอื่น เถี๋ยซานก็ไม่สนใจตราบใดที่มันสามารถสนองความต้องการของเขา เขาก็ไม่มีปัญหาอย่างไรก็ตาม เฟิงเสี้ยวเทียนเหลือบมองเจ้าสามและเจ้าห้า ขณะที่หัวใจของเขาจมดิ่งลงทันทีหากพวกเขาขอร้องให้หวังหยวนชี้แนะวีถีทางรวยจริง ๆ มันคงเป็นเรื่องยากไม่น้อยที่จะลอบสังหารหวังหยวนเขากล่าวเสียงดังอย่างเย็นชา “พอได้แล้ว ท่านหมิงถัน ค่ายต้าเฟิงของเราไม่เชี่ยวชาญด้านธุรกิ
แม้ราชสำนักจะไม่ยอมรับการเป็นโจร แต่หากดำเนินชีวิตอย่างเหมาะสม ก็ยังสามารถครอบครองพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง และกลายเป็นราชาโจรอย่างอิสระได้ทว่าขอยกเว้นนี้ใช้ไม่ได้กับกรณีของอ๋องฝูซาน หากใครก็ตามมีความเกี่ยวข้องกับเขาจะต้องถูกปราบปราม และถูกประหารชีวิตทันที!“ท่านหมิงถัน ท่าน... หมายความว่าอย่างไร?”โม่ชวนเหอกล่าวเสียงทุ้ม เพราะเขาสามารถคาดเดาบางเรื่องได้แม้จะไม่ชัดเจนนักก็ตาม “ง่ายยิ่งนัก ผู้นำสูงสุดและผู้นำลำดับที่สองของท่านเป็นคนของอ๋องฝูซาน ยิ่งไปกว่านั้นผู้นำลำดับสองของท่านถูกข้าฆ่าตายไปแล้ว ดังนั้นมันจึงเป็นเหตุผลที่ข้ากล้ามาที่ค่ายแห่งนี้เพียงลำพัง เพื่อเสนอทางออกแก่พวกท่าน”เทพเจ้าหวังหยวนนั่งอยู่ในที่แห่งนี้แล้ว เขายังคงมีสีหน้าสงบนิ่ง ขณะครุ่นคิดบางอย่างอยู่ในใจ“อะไรนะ!”ท่าทีของทั้งสามคนเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นมองไปที่เฟิงเสี้ยวเทียนด้วยสายตาไม่เชื่อ“พี่ใหญ่ นี่มันเกิดอะไรขึ้น พวกเราต้องการคำอธิบายเดี๋ยวนี้!”“ถูกต้อง พี่ใหญ่ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่พวกเราพี่น้องจะกลายเป็นแบบทุกวันนี้ แม้อ๋องฝูซานจะกล้าหาญและเกือบจะเปลี่ยนแปลงแคว้นนี้ได้สำเร็จ แต่ตอนนี้เขาจากไปแล้
เสียงปังดังก้องในหูของทุกคนวินาทีต่อมา ภาพที่น่าสยดสยองก็ปรากฏต่อสายตาของพวกเขา!เฟิงเสี้ยวเทียน...ตายแล้ว!เขาถูกสังหารด้วยกระสุนนัดเดียว!สีหน้าของอีกฝ่ายพลันเปลี่ยนไป พวกเขาล้วนมองหวังหยวนด้วยสายตาหวาดกลัว!พวกเขารู้ว่าราชสำนักครอบครองปืนคาบศิลาเอาไว้ แต่พวกมันล้วนมีขนาดใหญ่เทอะทะ แต่สิ่งเล็ก ๆ ในมือหวังหยวนกลับเป็นปืนคาบศิลาของจริง!“เอาล่ะ... เศษสวะถูกกำจัดแล้ว ค่ายต้าเฟิงปลอดภัยแล้วล่ะ”“ขอแสดงความยินดีกับทุกคนด้วย ต่อไปนี้พวกท่านจะกลายเป็นเศรษฐีกันแล้ว”หวังหยวนวางปืนคาบศิลาลงพลางยิ้มเล็กน้อย ก่อนกวาดสายตามองคนอื่น ๆ ที่กำลังตกตะลึง...เช้าวันรุ่งขึ้น ณ ทางเข้าค่ายต้าเฟิง ผู้นำลำดับสามโม่ชวนเหอยืนอยู่หน้าประตู ขณะโบกมือด้วยท่าทีนอบน้อมอย่างมาก“ท่านหมิงถัน เดินทางโดยสวัสดิภาพขอรับ!”หวังหยวนคลี่ยิ้มเล็กน้อย พลางโบกพร้อมโบกมือกลับ จากนั้นขี่ม้าตัวใหญ่ลงจากเขาพร้อมกับต้าหู่“ท่านหมิงถันผู้นี้ไม่เพียงแต่ฉลาดอย่างมาก แต่ยังกล้าหาญเป็นที่สุดอีกด้วย เขากล้าขึ้นมาบนเขาพร้อมผู้ติดตามเพียงคนเดียว และด้วยคำพูดไม่กี่คำ เขาก็สามารถแก้วิกฤตในหมู่ค่ายต้าเฟิงของพวกเราได้อีกด้ว
เมื่อวังฉงโหลวกล่าวเช่นนั้น หวังหยวนไม่ได้ตระหนี่เรื่องเงินหรือสิ่งของ แต่เขายังคงส่ายหน้า“สอนคนตกปลาย่อมดีกว่าหาปลามาให้ หากอยากช่วยพวกเขาจริง ๆ ให้เงินอย่างเดียวคงไม่พอ ส่วนผลผลิตการเกษตรคงจะได้เงินน้อย คงไม่พอสำหรับพวกเขาใช่หรือไม่? เพราะต้องเอาเงินไปจ่ายค่าภาษีพืชผลจนหมด!”หวังหยวนถอนหายใจใน ขณะเดียวกันพวกเขาก็หยุดอยู่ข้างหน้าป้อมหลิวเจียคนกลุ่มใหญ่ดึงดูดความสนใจของชาวบ้านในป้อมหลิวเจียโดยทันที เมื่อหลิวเป่าผู้ครอบครองที่ดินส่วนใหญ่ในเขตถังโข่วก็รีบรุดมาทักทายพวกเขา“ข้าครอบครองที่ดินกว่าครึ่งในป้อมหลิวเจีย หลิวเป่าไฉ ท่านเดินทางมาแดนไกลตั้งใจจะไปที่ไหนหรือขอรับ?”หลิวเป่าไฉเห็นว่าคนอื่น ๆ และหวังหยวนได้รับความนิยมอย่างมาก ทั้งยังมีทหารติดตามและยานพาหนะสุดหรู เขาจึงคาดเดาในใจว่าคนเหล่านี้จะต้องเป็นพ่อค้าอย่างแน่นอนการเก็บเกี่ยวผลผลิตการเกษตรในป้อมหลิวเจียได้ผลลัพธ์ไม่ดีนัก ชาวบ้านล้วนตกอยู่ในสภาวะยากจน แม้ว่าเขาจะครอบครองที่ดินมากมาย แต่ก็ลำบากเช่นกันเขาต้องทำให้พวกขุนนางที่อยู่เบื้องบนพึงพอใจ ขณะเดียวกันก็ต้องดูแลลูกจ้างที่อยู่เบื้องล่าง แม้จะมีที่ดินมากมาย แต่ก็น่าสังเ
หลิวเจียเป่ากลับมาพร้อมกับตะกร้าดอกไม้หลายตะกร้า ดังนั้นพวกเขาจึงได้กลิ่นหอมมาจากระยะไกล“เอ่อ... อาหยวน ท่านซื้อดอกไม้มากมายมาเพื่อ... ทำน้ำหอมรึ?”วังฉงโหลวและหลี่จ้าวหลินต่างรู้สึกสับสน ทว่าหวังหยวนกลับไม่อธิบายสักคำเขาต้องการสกัดกลิ่นหอมของดอกไม้ออกมา เพื่อนำไปผลิตเป็นน้ำมันหอมระเหย ก่อนที่จะเจือจางเป็นน้ำหอมในสมัยเหล่าหญิงสาวมักใช้ถุงเครื่องหอม เมื่อเวลาผ่านไปต้องกังวลว่ามันจะขึ้นราหรือไม่ ยิ่งไปกว่านั้น กลิ่นหอมของมันก็จะเจือจางไปตามกาลเวลา ซึ่งนับว่าสิ้นเปลืองวัตถุดิบไม่น้อยน้ำหอมที่ชาวบ้านผลิตเองจะสามารถดึงดูดความสนใจของหญิงสาวตระกูลเศรษฐีอย่างแน่นอนแท้จริงแล้วหวังหยวนต้องการขายน้ำหอมมาเป็นเวลานานแล้ว ทว่าสิ่งต่าง ๆ จำต้องค่อยเป็นค่อยไป กอปรกับเขามีเวลาว่างไม่มาก แต่เมื่อมาถึงเมืองชิงซานแล้ว เขาพบว่าชาวบ้านในทุกเขตและทุกหมู่บ้านที่นี่ล้วนยากจน ดังนั้นเขาจึงผุดความคิดนี้ขึ้นมาด้วยเหตุนี้หวังหยวนจึงขอให้หลิวเป่าไฉซื้อดอกไม้มาหลายตะกร้า จากนั้นเด็ดเอารากและลำต้นออก แล้วเก็บกลีบดอกเอาไว้ในหม้อขนาดใหญ่สองสามใบหลังจากนั้นหวังหยวนขอให้ทุกคนเริ่มต้มกลีบดอกไม้ เมื่อโดนความ
“นี่คือคำสั่ง!”เกาเล่อถอนหายใจอย่างจนใจ ไม่ได้อยู่ที่นี่ต่อ แต่หันหลังเดินไปยังทิศทางหนึ่งในไม่ช้า หวังหยวนก็กลับเข้าไปในห้องทันทีที่เข้าประตูไป เขาเห็นหลิ่วหรูเยียนลืมตาตื่นและกำลังจะลุกขึ้นหวังหยวนรีบวิ่งไปหาหลิ่วหรูเยียน แล้วกล่าวว่า “ฝีมือของท่านหมอเทวดาอันช่างล้ำเลิศยิ่งนัก เพียงเวลาสั้น ๆ เจ้าก็ฟื้นคืนสติแล้วหรือ?”“อีกทั้งดูเหมือนว่า เจ้าจะดูมีเรี่ยวแรงขึ้นมาก”หลิ่วหรูเยียนรู้สึกว่าสภาพร่างกายของตนดีขึ้น แม้ว่าบริเวณหน้าท้องจะยังเจ็บอยู่บ้าง อีกทั้งร่างกายก็ยังอ่อนแรง แต่ก็ดีกว่าก่อนหน้านี้มากยามนี้ก็ไม่ต้องแสร้งทำเป็นว่าอาการดีขึ้น ทุกอย่างล้วนเป็นไปตามธรรมชาติหวังหยวนประคองนางนั่งลงที่โต๊ะ จากนั้นนางก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “นั่นเป็นเพราะว่าร่างกายของข้าแข็งแรง ท่านไม่เห็นสตรีด้านนอกเหล่านั้นหรือไร แต่ละคนล้วนดูอ่อนแอ จะนำมาเปรียบเทียบกับข้าได้อย่างไร?”“ร่างกายของข้าแข็งแรงดั่งวัว ประกอบกับฝีมืออันล้ำเลิศของท่านหมอเทวดาอัน การรักษาให้หายดีก็เป็นเพียงเรื่องของเวลา”“น่าเสียดาย ร่างกายอันงดงามของข้ากลับมีรอยแผลเป็น นี่ช่างดูไม่น่ามองเอาเสียเลย”“ไม่ได้! เมื่อข้าหาย
ไท่สื่อลี่ก็เอ่ยเสริมขึ้นบ้าง “ถูกต้อง ถูกต้อง ท่านเกาไม่ต้องเป็นกังวล ข้าเห็นท่านเองก็เหนื่อยล้าไม่น้อย รีบกลับไปพักผ่อนเถิด”“ส่วนท่านหวัง ให้ข้าดูแลเองเถิด”พวกเขาทั้งสองล้วนรู้ดีแก่ใจ เกาเล่อเพียงแค่ไม่วางใจเท่านั้นเพิ่งจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น ซ้ำร้ายหลิ่วหรูเยียนยังบาดเจ็บสาหัส เขาเป็นมือขวาของหวังหยวน ย่อมต้องรู้สึกว่าตนมีความผิดที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง“ช่างเถิด หากข้ากลับไปตอนนี้ก็เกรงว่าจะพักผ่อนไม่เต็มที่”“รอฮูหยินหายดีแล้ว ข้าค่อยพักผ่อนให้เต็มที่”เกาเล่อยิ้มพลางโบกมือหวังหยวนส่ายหน้าอย่างจนใจ มีพี่น้องเช่นนี้อยู่เคียงข้างจะต้องการสิ่งใดอีกเล่า?เขาไม่ได้บังคับเกาเล่ออีกแต่ไม่ได้หมายความว่าไฉจวิ้นไม่ดี เพียงแต่จิตใจของไฉจวิ้นไม่ละเอียดอ่อนเท่าเกาเล่อ จึงไม่ได้คำนึงถึงเรื่องเหล่านี้เพียงชั่วครู่ ทั้งสามก็มุ่งหน้าไปยังทิศทางหนึ่งในอีกหลายชั่วยามต่อมา อันจูหมิงและหลิ่วหรูเยียนก็ยังคงอยู่ในห้องเห็นได้ชัดว่าอันจูหมิงเหนื่อยล้าไม่น้อย เพราะการฝังเข็มต้องใช้ความพยายามไม่น้อยเช่นกันหวังหยวนและคนอื่น ๆ ได้เตรียมตัวยาสมุนไพรไว้พร้อมแล้ว ยามนี้การฝังเข็มได้เสร็จสิ้นลง ประ
หวังหยวนไม่เอ่ยคำใด ดวงตาจับจ้องไปที่อันจูหมิง รอคอยคำพูดต่อไป อันจูหมิงเอ่ยต่อว่า “เกรงว่าภายภาคหน้า ฮูหยินของท่านจะไม่อาจมีบุตรได้อีก”หวังหยวนชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ส่ายหน้าพลางยิ้ม แล้วกล่าวว่า “ข้านึกว่าเรื่องใหญ่อะไร ที่แท้ก็เพียงแค่ไม่อาจมีบุตรได้!”“เรื่องนี้ สำหรับข้าแล้ว ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร!”“เพียงแค่ให้หรูเยียนหายดีก็เพียงพอแล้ว!”“ในสายตาของข้า สตรีไม่ใช่เครื่องมือในการสืบสกุล แต่เป็นคู่ชีวิตที่จะอยู่เคียงข้างกันไปจนแก่เฒ่า!”อันจูหมิงอดไม่ได้ที่จะมองหน้าหวังหยวนรักษาผู้คนมาครึ่งชีวิต เขาได้พบเจอโรคภัยไข้เจ็บอันแปลกประหลาดมากมาย อีกทั้งยังได้พบเจอผู้คนมากหน้าหลายตาคนที่มีจิตใจเป็นอิสระและง่ายดายอย่างหวังหยวนนั้น ช่างหาได้ยากยิ่ง!ในโลกนี้ ไม่รู้ว่ามีผู้คนมากมายเพียงใดที่เมื่อรู้ว่าภรรยาของตนไม่อาจตั้งครรภ์ได้ ก็จะเปลี่ยนท่าทีไปในทันที แม้กระทั่งขับไล่ภรรยาออกจากบ้าน แต่ฐานะของหวังหยวนก็สูงส่ง กลับไม่ถือสาเรื่องเล็กน้อย ทั้งยังเอ่ยคำพูดเช่นนี้ออกมาได้ ช่างน่าเลื่อมใสยิ่งนัก!อันจูหมิงกล่าวต่อว่า “ในเมื่อท่านหวังเอ่ยเช่นนี้ ข้าก็ไม่ต้องกังวลแล้ว ข้าจะฝังเข็ม
“ข้าน้อยอันจูหมิง คำนับท่านหวัง!”ชายชราผู้มีผมขาวแต่ใบหน้าเยาว์วัยเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าหวังหยวน แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม“ท่านอย่าได้เกรงใจ รีบมาดูอาการภรรยาของข้าก่อนเถิด!”“แม้แต่หมอหลวงแห่งราชวงศ์ต้าเย่ยังจนปัญญา ข้าต้องขอฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่ท่านแล้ว”ขณะที่พูด เกาเล่อและไฉจวิ้นก็อุ้มร่างของหลิ่วหรูเยียนออกมาเมื่อมองดูแล้ว สภาพของหลิ่วหรูเยียนยิ่งแย่ลง ใบหน้าซีดเผือดไร้สีเลือด ร่างกายซูบผอมอย่างเห็นได้ชัดแม้ว่าหวังหยวนจะเจ็บปวดใจยิ่งนัก แต่ก็ไม่ได้เอ่ยคำใด เพียงรอคอยการวินิจฉัยของอันจูหมิงในไม่ช้า หวังหยวนและคนอื่น ๆ ต่างช่วยกันนำร่างของหลิ่วหรูเยียนเข้าไปในห้อง ภายในห้องเหลือเพียงหวังหยวนและอันจูหมิงส่วนคนอื่นรอคอยอยู่ด้านนอกอย่างอดทนเวลาผ่านไปเท่ากับหนึ่งก้านธูปไหม้หมด อันจูหมิงยังคงจับชีพจรของหลิ่วหรูเยียน สีหน้าแปรเปลี่ยนไปมายากจะคาดเดาความคิดในใจเขาหวังหยวนรู้สึกกดดันยิ่งนัก แต่ก็ไม่กล้าเร่งเร้าอันจูหมิง ทำได้เพียงกำหมัดแน่น รอคอยผลลัพธ์อย่างอดทนความหวังสุดท้ายอยู่ตรงหน้าแล้ว แต่หากแม้แต่อันจูหมิงก็จนปัญญา เช่นนั้นจะทำเช่นไร?หรือว่า...เขาจะต้องพลัดพรากจ
“ในที่สุดพวกท่านก็มาถึง!”แม้ว่าหวังหยวนจะยังไม่เห็นตัวผู้พูด แต่เพียงแค่ได้ยินเสียง เขาก็จำได้ทันทีว่าเจ้าของเสียงนี้เป็นผู้ใดจะเป็นใครไปได้อีก ถ้าไม่ใช่ไท่สื่อลี่?สายตาของหวังหยวนจับจ้องไปที่ไท่สื่อลี่ จากนั้นรีบลงจากรถม้า แล้วกล่าวว่า “ท่านไท่สื่อ ยามนี้ไม่ใช่เวลามาย้อนความหลังกัน ได้ยินว่าท่านหาหมอเทวดาพบแล้ว เช่นนั้นพวกเรารีบไปที่เผ่ากันเลยดีหรือไม่?”“ดีขอรับ ดีขอรับ!”“ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้ว ท่านหวังตามข้ามาก็พอ!”ในไม่ช้าคณะเดินทางก็ออกเดินทางอีกครั้ง มุ่งหน้าไปยังทิศทางของเผ่าอย่างโอ่อ่าในช่วงเวลาที่หวังหยวนกลับไปยังต้าเย่ ไท่สื่อลี่ใช้ความสามารถอันล้ำเลิศของตน ประกอบกับความช่วยเหลือจากหวังหยวนเข้าควบคุมชนเผ่าอื่นได้สำเร็จ!ยามนี้เผ่าทางเหนือทั้งหมดตกอยู่ในมือของเขา และเขาก็กลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่แห่งแดนเหนือ!ทว่าทั้งหมดนี้ล้วนต้องขอบคุณหวังหยวนอีกทั้งเขารู้ดีแก่ใจว่าหากเป็นศัตรูกับหวังหยวน รากฐานที่ตนอุตส่าห์สร้างขึ้นมาก็จะพังทลายลงในชั่วพริบตาในคืนนั้น เมื่อพลบค่ำมาเยือน ขบวนรถม้าก็เดินทางมาถึงเผ่าเมื่อมองออกไปจะเห็นคนในเผ่ายืนรออยู่สองข้างทาง ทุกคนล้วนรอคอยก
“ส่วนท่าน ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงตอนนี้ ท่านคงยังไม่ได้นอนเลยใช่หรือไม่?”“ดูสีหน้าของท่านสิว่าซีดเซียวเพียงใด?”“เชื่อข้าเถิด รีบไปนอนพักสักครู่ ให้ไฉจวิ้นดูแลข้าไปพลางก่อน”“เมื่อท่านตื่นแล้วค่อยสลับเปลี่ยนกับไฉจวิ้น เช่นนี้ไม่ดีกว่าหรือ?”หลิ่วหรูเยียนเอ่ยเสียงแผ่วเบา น้ำเสียงอ่อนแรงยิ่งนักหวังหยวนส่ายหน้า ฝืนยิ้มขมขื่น “เจ้าเป็นเช่นนี้ คิดว่าข้าจะนอนหลับลงหรือ?”“ตอนนี้ข้าเพียงต้องการให้เจ้าหายดีโดยเร็ว ส่วนเรื่องอื่น ข้าไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น...”หวังหยวนเอ่ยความในใจออกมา เขาไม่เพียงปฏิบัติต่อหลิ่วหรูเยียนเช่นนี้ แต่กับภรรยาคนอื่น ๆ รอบกาย เขาก็ปฏิบัติเช่นเดียวกันไม่เช่นนั้นในครอบครัวจะมีหญิงงามมากมายเพียงนี้ได้อย่างไร?“ท่านนี่...”หลิ่วหรูเยียนส่ายหน้าอย่างจนใจ จากนั้นเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “เช่นนั้นข้าจะพักผ่อนอีกสักครู่ ข้ารู้สึกเหนื่อยล้าจริง ๆ”“ดี!”หวังหยวนรีบตอบรับ พลางโอบกอดหลิ่วหรูเยียนอีกครั้ง เขามองสตรีในอ้อมแขนด้วยความเจ็บปวดส่วนไฉจวิ้นที่อยู่ด้านข้างพลันรู้สึกไม่สบายใจ“หากเจ้าเหนื่อยก็พักผ่อนเถิด พี่สะใภ้ก็บอกแล้วว่านางไม่เป็นอะไร อีกทั้งยังมีข้าคอยดูแลนาง
“หวังหยวน ระหว่างเจ้ากับข้ายังมีความอาฆาตแค้นที่ต้องสะสาง ภายภาคหน้าข้าจะต้องคิดบัญชีกับเจ้าให้สิ้นซาก เจ้าจงรอก่อนเถิด!”...อีกด้านหนึ่ง ภายในป่าลึกหวังหยวนและพรรคพวกกำลังเร่งรุดเดินทางผ่านป่าภายในรถม้า หวังหยวนโอบกอดหลิ่วหรูเยียนไว้ตลอดเวลา เพราะว่ารถม้านั้นสั่นสะเทือนยิ่งนัก เพื่อรักษาความเร็ว จึงไม่อาจสั่งให้คนด้านนอกชะลอความเร็วลงได้ ยามนี้สิ่งที่ทำได้ก็คือโอบกอดหลิ่วหรูเยียนไว้ให้มั่น เพื่อให้นางรู้สึกดีขึ้นบ้าง“พี่ใหญ่! พี่สะใภ้เป็นคนดี สวรรค์ย่อมคุ้มครอง คาดว่าอีกไม่นานจะต้องหายดีแน่นอน ท่านอย่าได้กังวลไปเลยขอรับ”ไฉจวิ้นที่นั่งอยู่ด้านข้างปลอบโยนหวังหยวนตลอดการเดินทางนี้ ผ่านไปหลายชั่วยามแล้ว หวังหยวนไม่ได้แตะต้องน้ำแม้สักหยด อีกทั้งยังไม่ได้กินสิ่งใดเลยยิ่งไปกว่านั้น ทั้งคืนก็ไม่ได้หลับใหลแม้แต่น้อย สภาพของเขาจึงดูอิดโรยยิ่งนักแม้ว่าทั้งสองจะเป็นพี่น้องร่วมสาบาน แต่ไฉจวิ้นก็ยังคงรู้สึกเป็นห่วงยิ่งนักหวังหยวนถอนหายใจ กล่าวอย่างช้า ๆ ว่า “เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะข้า หากไม่ใช่เพราะหรูเยียนยืนกรานที่จะอยู่กับข้า เรื่องราวมากมายเช่นนี้จะเกิดขึ้นได้อย่างไร?”
“โง่เขลา! เจ้ายังมีหน้ามาบอกว่าทำเพื่อข้าอีกหรือ?”“เจ้ารู้หรือไม่ว่าการกระทำของพวกเจ้าได้สร้างปัญหาใหญ่ให้กับข้า มันอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างสองอาณาจักรด้วยซ้ำ?”หานเทามีสีหน้าบึ้งตึง ดุด่าบุรุษตรงหน้าอย่างต่อเนื่องเดิมทีเขาวางแผนทุกวิถีทางเพื่อเปิดศึกกับหวังหยวน แต่ยามนี้กลับเปลี่ยนความคิดแล้วไม่ใช่เพราะว่าราชวงศ์ต้าเป่ยไม่อาจต่อกรกับหวังหยวนได้ แต่เป็นเพราะการก่อสร้างเส้นทางน้ำ ทำให้หานเทาและคนอื่น ๆ ได้ประจักษ์ถึงประโยชน์ของเส้นทางน้ำนี้ จึงไม่อยากเปิดศึกในยามนี้พัฒนาบ้านเมืองไปเงียบ ๆ ก่อนจะดีกว่า แล้วภายภาคหน้าย่อมต้องเหนือกว่าหวังหยวนอย่างแน่นอน!เพราะว่าดินแดนของต้าเป่ยนั้นกว้างใหญ่กว่าดินแดนของหวังหยวนมากนัก หากพัฒนาอย่างสงบสุข ผู้ที่เสียเปรียบย่อมต้องเป็นหวังหยวน!อีกประการหนึ่ง ยามนี้หวังหยวนก็ยังร่วมมือกับไป๋อวิ๋นเฟยด้วยหากเปิดศึกอย่างผลีผลาม ย่อมจะถูกทั้งสองอาณาจักรรุมโจมตี ผลลัพธ์ที่ตามมาย่อมเลวร้าย เกรงว่าจะเกิดปัญหาใหญ่!“จริงสิ หวังหยวนไม่ได้ล่วงรู้ถึงตัวตนของพวกเจ้าใช่หรือไม่?”หานเทาเปลี่ยนท่าทีในฉับพลัน เขาเอ่ยถามขึ้น“ข้ายืนยันได้ว่าไม่มีทา
“ฝ่าบาท ท่านคิดว่าท่านหวังจะไม่สงสัยพวกเราใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”เมื่อเห็นขบวนรถม้าของหวังหยวนและคนอื่น ๆ ออกเดินทางไปแล้ว เฉินซานเตาพลันกอดอกเอ่ยถาม ใบหน้าซีดเผือดเล็กน้อยแม้ว่าเฉินซานเตาจะเป็นเพียงขุนศึกผู้หนึ่ง แต่ก็ไม่ใช่คนหุนหันพลันแล่น ไม่เช่นนั้นในอดีตคงไม่เลือกที่จะยืนอยู่ข้างกายไป๋อวิ๋นเฟย!ไป๋อวิ๋นเฟยเอ่ยว่า “ข้าคิดว่าพี่หวังคงไม่คิดเช่นนั้น อย่างไรเสีย ยามนี้ราชวงศ์ต้าเย่กำลังเผชิญกับปัญหามากมาย ผู้ที่ข้าต้องการพึ่งพามากที่สุดก็คือพี่หวัง แต่ผู้ที่ลงมือในครั้งนี้เป็นใครกันแน่ ช่างยากที่จะคาดเดา...”“คนของซือฟางในอดีตล้วนถูกพวกเราจับกุมตัวไปหมดแล้ว ส่วนคนที่เหลือที่เคยมีความสัมพันธ์กับเขาก็หายสาบสูญไปนานแล้ว ไม่กล้าปรากฏตัวต่อหน้าพวกเรา ไม่กล้าปรากฏตัวในเมืองหลวง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะกล้าลงมือสังหาร”“อีกทั้งฝ่ายตรงข้ามก็เตรียมการมาอย่างดี หากพวกเขาต้องการจะล้างแค้น เช่นนั้นเป้าหมายก็ไม่น่าจะพุ่งตรงมาที่หวังหยวน...”ไป๋อวิ๋นเฟยก็ตกอยู่ในห้วงแห่งความสับสนยามนี้หลิ่วหรูเยียนบาดเจ็บสาหัส จิตใจของหวังหยวนต้องจดจ่ออยู่กับอาการของหลิ่วหรูเยียน แต่ความเคียดแค้นในครั้งนี้ย่อ