เมื่อวังฉงโหลวกล่าวเช่นนั้น หวังหยวนไม่ได้ตระหนี่เรื่องเงินหรือสิ่งของ แต่เขายังคงส่ายหน้า“สอนคนตกปลาย่อมดีกว่าหาปลามาให้ หากอยากช่วยพวกเขาจริง ๆ ให้เงินอย่างเดียวคงไม่พอ ส่วนผลผลิตการเกษตรคงจะได้เงินน้อย คงไม่พอสำหรับพวกเขาใช่หรือไม่? เพราะต้องเอาเงินไปจ่ายค่าภาษีพืชผลจนหมด!”หวังหยวนถอนหายใจใน ขณะเดียวกันพวกเขาก็หยุดอยู่ข้างหน้าป้อมหลิวเจียคนกลุ่มใหญ่ดึงดูดความสนใจของชาวบ้านในป้อมหลิวเจียโดยทันที เมื่อหลิวเป่าผู้ครอบครองที่ดินส่วนใหญ่ในเขตถังโข่วก็รีบรุดมาทักทายพวกเขา“ข้าครอบครองที่ดินกว่าครึ่งในป้อมหลิวเจีย หลิวเป่าไฉ ท่านเดินทางมาแดนไกลตั้งใจจะไปที่ไหนหรือขอรับ?”หลิวเป่าไฉเห็นว่าคนอื่น ๆ และหวังหยวนได้รับความนิยมอย่างมาก ทั้งยังมีทหารติดตามและยานพาหนะสุดหรู เขาจึงคาดเดาในใจว่าคนเหล่านี้จะต้องเป็นพ่อค้าอย่างแน่นอนการเก็บเกี่ยวผลผลิตการเกษตรในป้อมหลิวเจียได้ผลลัพธ์ไม่ดีนัก ชาวบ้านล้วนตกอยู่ในสภาวะยากจน แม้ว่าเขาจะครอบครองที่ดินมากมาย แต่ก็ลำบากเช่นกันเขาต้องทำให้พวกขุนนางที่อยู่เบื้องบนพึงพอใจ ขณะเดียวกันก็ต้องดูแลลูกจ้างที่อยู่เบื้องล่าง แม้จะมีที่ดินมากมาย แต่ก็น่าสังเ
หลิวเจียเป่ากลับมาพร้อมกับตะกร้าดอกไม้หลายตะกร้า ดังนั้นพวกเขาจึงได้กลิ่นหอมมาจากระยะไกล“เอ่อ... อาหยวน ท่านซื้อดอกไม้มากมายมาเพื่อ... ทำน้ำหอมรึ?”วังฉงโหลวและหลี่จ้าวหลินต่างรู้สึกสับสน ทว่าหวังหยวนกลับไม่อธิบายสักคำเขาต้องการสกัดกลิ่นหอมของดอกไม้ออกมา เพื่อนำไปผลิตเป็นน้ำมันหอมระเหย ก่อนที่จะเจือจางเป็นน้ำหอมในสมัยเหล่าหญิงสาวมักใช้ถุงเครื่องหอม เมื่อเวลาผ่านไปต้องกังวลว่ามันจะขึ้นราหรือไม่ ยิ่งไปกว่านั้น กลิ่นหอมของมันก็จะเจือจางไปตามกาลเวลา ซึ่งนับว่าสิ้นเปลืองวัตถุดิบไม่น้อยน้ำหอมที่ชาวบ้านผลิตเองจะสามารถดึงดูดความสนใจของหญิงสาวตระกูลเศรษฐีอย่างแน่นอนแท้จริงแล้วหวังหยวนต้องการขายน้ำหอมมาเป็นเวลานานแล้ว ทว่าสิ่งต่าง ๆ จำต้องค่อยเป็นค่อยไป กอปรกับเขามีเวลาว่างไม่มาก แต่เมื่อมาถึงเมืองชิงซานแล้ว เขาพบว่าชาวบ้านในทุกเขตและทุกหมู่บ้านที่นี่ล้วนยากจน ดังนั้นเขาจึงผุดความคิดนี้ขึ้นมาด้วยเหตุนี้หวังหยวนจึงขอให้หลิวเป่าไฉซื้อดอกไม้มาหลายตะกร้า จากนั้นเด็ดเอารากและลำต้นออก แล้วเก็บกลีบดอกเอาไว้ในหม้อขนาดใหญ่สองสามใบหลังจากนั้นหวังหยวนขอให้ทุกคนเริ่มต้มกลีบดอกไม้ เมื่อโดนความ
“เมื่อข้านำกลีบดอกเหล่านี้ไปต้ม เนื้อเยื่อของพวกมันก็จะถูกทำลายและทำให้แวคิวโอลแตก ดังนั้นน้ำหอมจึงไหลออกมา หลังจากผ่านการต้มและกลั่น พวกเราก็จะได้น้ำมันหอมระเหยที่ข้าพูดถึง!”หลังจากที่หวังหยวนอธิบาย แม้ว่าหลี่จ้าวหลินและวังฉงโหลวจะเข้าใจอย่างแจ่มชัด ทว่ายังคงประหลาดใจไม่น้อย!“สวรรค์... แท้จริงแล้วพวกเราถูกสร้างขึ้นจากเซลล์!”“แวคิวโอลพวกนั้นช่างมีมนต์ขลังจริง ๆ!”ขณะที่กำลังพูดอยู่นั้น หวังหยวนก็วาดรูปลงบนพื้น ซึ่งทำให้ทั้งสองตื่นตาตื่นใจอย่างมากขณะที่หลิวเป่าไฉไม่เข้าใจที่อีกฝ่ายอธิบายแม้แต่คำเดียวว่าเซลล์คืออะไร การกลั่นคืออะไร และแวคิวโอลคืออะไร...เขาเพียงรู้สึกสับสนและเสียดายดอกไม้เหล่านี้ยิ่งนัก“ในตอนนี้กลีบดอกเหล่านี้ไร้ประโยชน์แล้ว เพราะตอนนี้ข้าสกัดน้ำหอมออกมาจนหมด และขั้นตอนต่อไปก็คือการกลั่น”หวังหยวนเชื่อมต่อท่อขนาดใหญ่จากหม้อลงไปสู่อ่างที่วางไว้ข้างใต้เข้าด้วยกัน“อาหยวน อ่างนี้ได้เยอะยิ่งนัก! น้ำหอมเยอะเพียงนี้ ต้องขายได้หลายพันตำลึงอย่างแน่นอน!”วังฉงโหลวกล่าวด้วยความตื่นเต้นอย่างมาก ในตอนนี้เขาได้กลิ่นน้ำหอมที่หอมกว่าดอกไม้ในตะกร้าเมื่อครู่เสียอีก“ไม่ได
หลังจากค้างแรมอยู่ที่นี่หนึ่งคืน หวังหยวนและคนอื่น ๆ ก็ออกเดินทางต่อเมืองชิงชวนอยู่ไม่ไกลจากเฉิงโจว ดังนั้นไม่นานหวังหยวนก็เดินทางเข้าสู่เฉิงโจวพร้อมกับผู้ร่วมขบวนอย่างไรก็ตามทันทีที่เขาก้าวเท้าเข้าไปในเมือง คนผู้หนึ่งก็ได้รับการรายงานอย่างรวดเร็ว“เดินทางเร็วยิ่งนัก พวกเขามาถึงแล้วจริง ๆ หรือ...”ขณะเดียวกัน ณ จวนหลังใหญ่ในเฉิงโจว ไป๋เฟยเฟยถือจดหมายอยู่ในมือพร้อมยิ้มมุมปาก“เขามาถึงที่นี่แล้วจริง ๆ หรือ?” หญิงสาวในชุดสีม่วงถามด้วยความประหลาดใจไป๋เฟยเฟยพยักหน้า “เขาเข้ามาในเมืองแล้ว ไม่คิดเลยว่าหวังหยวนผู้นี้จะคิดถึงเรื่องรักใคร่ด้วย น่าประหลาดใจยิ่งนักที่เขาเดินทางมารับภรรยาด้วยตนเอง”หญิงสาวในชุดสีม่วงรู้สึกยินดีในความโชคร้ายของผู้อื่นขณะกล่าว “เช่นนั้นแผนของเจ้าคงสูญเปล่าแล้ว”ไป๋เฟยเฟยทำหน้ามุ่ย “ผู้ชาย... มีนิสัยเหมือนกันหมด ไม่ว่าใครก็มักมากในกาม ดังนั้นแม้จะเสแสร้งมากเท่าใดก็ไร้ประโยชน์ ข้าเตรียมของขวัญสำหรับการประชุมให้เขาแล้ว และข้าก็เชื่อว่าเขาจะต้องชอบมันมากแน่นอน”หญิงสาวในชุดสีม่วงกล่าวเสียงดัง “ข้าคิดว่าเขาจะต้องไม่พึงพอใจของขวัญของเจ้าเป็นแน่ บางทีหากเจ้าใช้ต
“ข้า... หวังหยวนจากหมู่บ้านต้าหวังแวะมาเยี่ยมเยือนและพาภรรยาของข้ากลับบ้าน”ยามเฝ้าประตูเหลือบมองหวังหยวนขณะคิดในใจ ‘ไอ้คนต่ำต้อยจากหมู่บ้านต้าหวังกล้ามายืนอยู่หน้าประตูตระกูลหลี่ได้อย่างไร?’แม้หวังหยวนจะเป็นลูกเขยของตระกูลหลี่ แต่ตระกูลหลี่หลับไม่เคยยอมตัวตนของเขารับเลยทว่าไม่ได้กล่าวคำใด เพียงแต่เปิดประตูเข้าไปแสดงความเคารพ“หวังหยวนอยู่ที่นี่จริง ๆ รึ? ไอ้สารเลว!”สะใภ้ตระกูลหลี่โมโหอย่างมาก ก่อนขมวดคิ้วพร้อมกล่าว “พี่บ้านโจว ไล่มันซะ”พ่อบ้านโจวที่กำลังยืนรอคำสั่งขานรับทันทีที่ได้ยิน“ขอรับนายหญิง ข้าจะไปไล่ไอ้คนบ้านนอกเดี๋ยวนี้ขอรับ”สิ้นคำ พ่อบ้านโจวก็เดินตรงไปที่ประตูจวนอย่างรวดเร็ว“เจ้าคือหวังหยวนใช่หรือไม่? ข้าคือพ่อบ้านแห่งจวนตระกูลหลี่... โจวฉางฝู”หวังหยวนอึ้งงันไปชั่วครู่ ตระกูลหลี่สั่งสอนบ่าวรับใช้อย่างไร เหตุใดพ่อบ้านถึงกล้าดีมาเรียกเขาด้วยชื่อจริง?แม้ว่าจะไม่ได้รับการยอมรับหรือการต้อนรับจากตระกูลหลี่ แต่อีกฝ่ายก็ยังต้องเรียกเขาว่าคุณชายหวังมิใช่หรือ“ใช่แล้ว ข้าเอง” หวังหยวนสูดหายใจเข้าลึก และไม่ได้กล่าวคำใดอีก“อืม หากเจ้าต้องการฝากให้ข้าแสดงความเคารพ
หลี่อีเหนียนขมวดคิ้ว หลังจากที่ได้ยินคำพูดซ่งชิงเหอผู้เป็นภรรยา เขาก็ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรทว่าเมื่อนึกถึงอนาคตของตระกูลหลี่ หากโชคชะตาของตระกูลเชื่อมโยงอยู่กับหวังหยวน มันก็ถึงคราวจบสิ้นแล้วเมื่อคิดเช่นนั้น เขาจึงตัดสินใจผลักประตูห้องตำราให้เปิดออก ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับหวังหยวนและต้าหู่เดินมาถึง โดยผู้ที่เดินนำทั้งสองคนเข้ามาคือยามและพ่อบ้านโจว“หวังหยวน! เจ้าบังอาจนัก!”ในตอนแรกหลี่อีเหนียนกล่าวโทษตนเอง ทว่าเมื่อเห็นภาพตรงหน้า ความโกรธของเขาก็ปะทุขึ้นทันใด!อย่างไรเสีย หวังหยวนก็เป็นเพียงลูกเขยของตระกูลหลี่ที่ไม่ได้รับการยอมรับจากคนในตระกูลด้วยซ้ำ การที่เขาบุกเข้ามาภายในจวน นับว่าเป็นการหมิ่นเกียรติตระกูลหลี่อย่างยิ่ง!หวังหยวนเหลือบมองพี่ชายภรรยาของเขาพลางกล่าวอย่างเย็นชา “ข้าบังอาจรึ? พี่ใหญ่ ข้าว่าท่านต่างหากที่บังอาจ!”“เจ้าพูดว่าอะไรนะ?” หลี่อีเหนียนคำรามด้วยความโกรธหวังหยวนตอบด้วยความโมโหทันใด “ตระกูลหลี่เป็นตระกูลของเหล่าบัณฑิต พ่อตาของข้าก็เป็นถึงขุนนางในราชสำนัก แต่ไม่คิดเลยว่าตระกูลหลี่ของพวกท่านจะกล้าหาญเพียงนี้”“ไม่ว่าอย่างไรข้าก็คือลูกเขยตระกูลหลี่ แม้ว่าจะไม
“ไม่ว่าเราสองคนจะหย่าหรือไม่ ก็เป็นเรื่องระหว่างข้ากับซื่อหาน ข้าอยากพบซื่อหาน”เมื่อเจอหน้าภรรยาแล้ว ปัญหาทุกอย่างก็จะคลี่คลาย โดยไม่ต้องเสียเวลาอธิบายมากมาย“พบ? เหตุใดเจ้าถึงต้องพบหน้านาง? เจ้ามีคุณสมบัติอันใด? ข้าจะบอกให้นะ ซื่อหานหมั้นหมายกับบุตรชายของผู้ตรวจการแล้ว ดังนั้นพวกเจ้าจะไม่มีวันพบกันอีก” ซ่งชิงเหอขมวดคิ้วพร้อมกล่าวออกมาหวังหยวนเข้าใจว่าตระกูลหลี่ต้องการบีบบังคับและควบคุมภรรยาของตน ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงหัวเราะเยาะในใจ และไม่กล่าวคำใดอีก“ในเมื่อตระกูลหลี่ไม่ต้อนรับข้า เช่นนั้นก็ลืมมันไปเสียเถิด”สิ้นคำ หวังหยวนก็หันหลังกลับแล้วเดินจากไปอย่างไรเสีย พวกเขาก็คือครอบครัวของภรรยาของเขา ดังนั้นหวังหยวนจึงไม่อยากล่วงเกินอีกฝ่าย หากเป็นคนอื่นแล้ว เขาคงไม่ปล่อยมันไว้แน่!ยิ่งกว่านั้น เขาเชื่อมั่นในตัวภรรยาว่านางจะไม่มีวันทอดทิ้งเขา แม้จะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม!“หึ! หากมันกลับมาอีก เจ้าก็อย่าทำให้มันไม่พอใจล่ะ บอกเพียงว่าตระกูลหลี่ไม่ต้อนรับก็พอแล้ว”ซ่งชิงเหอกล่าว ขณะเดินควงแขนหลี่อีเหนียนเข้าไปในห้องตำรา“ปล่อยไปเช่นนี้ดีแล้วหรือ?”หลี่อีเหนียนรู้สึกกังวลเล็กน้อย แม้เ
หวังหยวนมองสำรวจไป๋เฟยเฟยอย่างระมัดระวัง หากอู๋หลิงไม่บอกว่าคุณชายไป๋เป็นสตรี หวงหยวนก็คงไม่อาจแยกแยะได้หากสังเกตจากเคล็ดลับการปลอมตัวของแล้ว แม้จะแต่งกายเรียบง่าย ทว่ากลับไม่มีข้อบกพร่องเลยเพียงแต่...กล่าวคือใบหน้าขาวผ่องและผิวอ่อนนุ่มของนางดูไม่เหมือนบุรุษเอาเสียเลยไม่ประหลาดใจเลยที่อู๋หลิงจะไม่พอใจทุกครั้ง ที่เห็นหญิงสาวในชุดสีม่วงที่เขาชอบตัวติดกับไป๋เฟยเฟย เพราะเขารู้ความลับทุกอย่างแล้วหนึ่งคนมีลูกสองใบ นางจะเลือกโลกใบใดกันแน่?หวังหยวนคลี่ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นถอนหายใจพลางกล่าวทักทายอีกฝ่าย“ท่านหมิงถัน ท่านจะรังเกียจหรือไม่ที่ผู้น้อยแซ่ไป๋มาที่นี่โดยไม่ได้รับเชิญ?”ไป๋เฟยเฟยพับพัดด้ามจิ้วในมืออย่างมีมารยาทและสุภาพเรียบร้อย เช่นเดียวกับเหล่าคุณชายผู้ร่ำรวยในนิทาน“ไม่มีทาง พวกเราเป็นกัลยาณมิตรกันมิใช่หรือขอรับ”หวังหยวนโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ ครั้งล่าสุดพวกเขาก็มาโดยไม่ได้รับเชิญเพื่อแนะนำตนเอง และเมื่อเขาเดินทางมาถึงเฉิงโจวในครั้งนี้ ไป๋เฟยเฟยก็ต้องปรากฏตัวเป็นธรรมดา และหวังหยวนก็คาดเดาเรื่องนี้ไว้แล้ว“ในเมื่อพวกเราล้วนเป็นเพื่อนกัน เช่นนั้นการพูดอย่างตรงไปตรงม
“นี่คือคำสั่ง!”เกาเล่อถอนหายใจอย่างจนใจ ไม่ได้อยู่ที่นี่ต่อ แต่หันหลังเดินไปยังทิศทางหนึ่งในไม่ช้า หวังหยวนก็กลับเข้าไปในห้องทันทีที่เข้าประตูไป เขาเห็นหลิ่วหรูเยียนลืมตาตื่นและกำลังจะลุกขึ้นหวังหยวนรีบวิ่งไปหาหลิ่วหรูเยียน แล้วกล่าวว่า “ฝีมือของท่านหมอเทวดาอันช่างล้ำเลิศยิ่งนัก เพียงเวลาสั้น ๆ เจ้าก็ฟื้นคืนสติแล้วหรือ?”“อีกทั้งดูเหมือนว่า เจ้าจะดูมีเรี่ยวแรงขึ้นมาก”หลิ่วหรูเยียนรู้สึกว่าสภาพร่างกายของตนดีขึ้น แม้ว่าบริเวณหน้าท้องจะยังเจ็บอยู่บ้าง อีกทั้งร่างกายก็ยังอ่อนแรง แต่ก็ดีกว่าก่อนหน้านี้มากยามนี้ก็ไม่ต้องแสร้งทำเป็นว่าอาการดีขึ้น ทุกอย่างล้วนเป็นไปตามธรรมชาติหวังหยวนประคองนางนั่งลงที่โต๊ะ จากนั้นนางก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “นั่นเป็นเพราะว่าร่างกายของข้าแข็งแรง ท่านไม่เห็นสตรีด้านนอกเหล่านั้นหรือไร แต่ละคนล้วนดูอ่อนแอ จะนำมาเปรียบเทียบกับข้าได้อย่างไร?”“ร่างกายของข้าแข็งแรงดั่งวัว ประกอบกับฝีมืออันล้ำเลิศของท่านหมอเทวดาอัน การรักษาให้หายดีก็เป็นเพียงเรื่องของเวลา”“น่าเสียดาย ร่างกายอันงดงามของข้ากลับมีรอยแผลเป็น นี่ช่างดูไม่น่ามองเอาเสียเลย”“ไม่ได้! เมื่อข้าหาย
ไท่สื่อลี่ก็เอ่ยเสริมขึ้นบ้าง “ถูกต้อง ถูกต้อง ท่านเกาไม่ต้องเป็นกังวล ข้าเห็นท่านเองก็เหนื่อยล้าไม่น้อย รีบกลับไปพักผ่อนเถิด”“ส่วนท่านหวัง ให้ข้าดูแลเองเถิด”พวกเขาทั้งสองล้วนรู้ดีแก่ใจ เกาเล่อเพียงแค่ไม่วางใจเท่านั้นเพิ่งจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น ซ้ำร้ายหลิ่วหรูเยียนยังบาดเจ็บสาหัส เขาเป็นมือขวาของหวังหยวน ย่อมต้องรู้สึกว่าตนมีความผิดที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง“ช่างเถิด หากข้ากลับไปตอนนี้ก็เกรงว่าจะพักผ่อนไม่เต็มที่”“รอฮูหยินหายดีแล้ว ข้าค่อยพักผ่อนให้เต็มที่”เกาเล่อยิ้มพลางโบกมือหวังหยวนส่ายหน้าอย่างจนใจ มีพี่น้องเช่นนี้อยู่เคียงข้างจะต้องการสิ่งใดอีกเล่า?เขาไม่ได้บังคับเกาเล่ออีกแต่ไม่ได้หมายความว่าไฉจวิ้นไม่ดี เพียงแต่จิตใจของไฉจวิ้นไม่ละเอียดอ่อนเท่าเกาเล่อ จึงไม่ได้คำนึงถึงเรื่องเหล่านี้เพียงชั่วครู่ ทั้งสามก็มุ่งหน้าไปยังทิศทางหนึ่งในอีกหลายชั่วยามต่อมา อันจูหมิงและหลิ่วหรูเยียนก็ยังคงอยู่ในห้องเห็นได้ชัดว่าอันจูหมิงเหนื่อยล้าไม่น้อย เพราะการฝังเข็มต้องใช้ความพยายามไม่น้อยเช่นกันหวังหยวนและคนอื่น ๆ ได้เตรียมตัวยาสมุนไพรไว้พร้อมแล้ว ยามนี้การฝังเข็มได้เสร็จสิ้นลง ประ
หวังหยวนไม่เอ่ยคำใด ดวงตาจับจ้องไปที่อันจูหมิง รอคอยคำพูดต่อไป อันจูหมิงเอ่ยต่อว่า “เกรงว่าภายภาคหน้า ฮูหยินของท่านจะไม่อาจมีบุตรได้อีก”หวังหยวนชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ส่ายหน้าพลางยิ้ม แล้วกล่าวว่า “ข้านึกว่าเรื่องใหญ่อะไร ที่แท้ก็เพียงแค่ไม่อาจมีบุตรได้!”“เรื่องนี้ สำหรับข้าแล้ว ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร!”“เพียงแค่ให้หรูเยียนหายดีก็เพียงพอแล้ว!”“ในสายตาของข้า สตรีไม่ใช่เครื่องมือในการสืบสกุล แต่เป็นคู่ชีวิตที่จะอยู่เคียงข้างกันไปจนแก่เฒ่า!”อันจูหมิงอดไม่ได้ที่จะมองหน้าหวังหยวนรักษาผู้คนมาครึ่งชีวิต เขาได้พบเจอโรคภัยไข้เจ็บอันแปลกประหลาดมากมาย อีกทั้งยังได้พบเจอผู้คนมากหน้าหลายตาคนที่มีจิตใจเป็นอิสระและง่ายดายอย่างหวังหยวนนั้น ช่างหาได้ยากยิ่ง!ในโลกนี้ ไม่รู้ว่ามีผู้คนมากมายเพียงใดที่เมื่อรู้ว่าภรรยาของตนไม่อาจตั้งครรภ์ได้ ก็จะเปลี่ยนท่าทีไปในทันที แม้กระทั่งขับไล่ภรรยาออกจากบ้าน แต่ฐานะของหวังหยวนก็สูงส่ง กลับไม่ถือสาเรื่องเล็กน้อย ทั้งยังเอ่ยคำพูดเช่นนี้ออกมาได้ ช่างน่าเลื่อมใสยิ่งนัก!อันจูหมิงกล่าวต่อว่า “ในเมื่อท่านหวังเอ่ยเช่นนี้ ข้าก็ไม่ต้องกังวลแล้ว ข้าจะฝังเข็ม
“ข้าน้อยอันจูหมิง คำนับท่านหวัง!”ชายชราผู้มีผมขาวแต่ใบหน้าเยาว์วัยเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าหวังหยวน แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม“ท่านอย่าได้เกรงใจ รีบมาดูอาการภรรยาของข้าก่อนเถิด!”“แม้แต่หมอหลวงแห่งราชวงศ์ต้าเย่ยังจนปัญญา ข้าต้องขอฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่ท่านแล้ว”ขณะที่พูด เกาเล่อและไฉจวิ้นก็อุ้มร่างของหลิ่วหรูเยียนออกมาเมื่อมองดูแล้ว สภาพของหลิ่วหรูเยียนยิ่งแย่ลง ใบหน้าซีดเผือดไร้สีเลือด ร่างกายซูบผอมอย่างเห็นได้ชัดแม้ว่าหวังหยวนจะเจ็บปวดใจยิ่งนัก แต่ก็ไม่ได้เอ่ยคำใด เพียงรอคอยการวินิจฉัยของอันจูหมิงในไม่ช้า หวังหยวนและคนอื่น ๆ ต่างช่วยกันนำร่างของหลิ่วหรูเยียนเข้าไปในห้อง ภายในห้องเหลือเพียงหวังหยวนและอันจูหมิงส่วนคนอื่นรอคอยอยู่ด้านนอกอย่างอดทนเวลาผ่านไปเท่ากับหนึ่งก้านธูปไหม้หมด อันจูหมิงยังคงจับชีพจรของหลิ่วหรูเยียน สีหน้าแปรเปลี่ยนไปมายากจะคาดเดาความคิดในใจเขาหวังหยวนรู้สึกกดดันยิ่งนัก แต่ก็ไม่กล้าเร่งเร้าอันจูหมิง ทำได้เพียงกำหมัดแน่น รอคอยผลลัพธ์อย่างอดทนความหวังสุดท้ายอยู่ตรงหน้าแล้ว แต่หากแม้แต่อันจูหมิงก็จนปัญญา เช่นนั้นจะทำเช่นไร?หรือว่า...เขาจะต้องพลัดพรากจ
“ในที่สุดพวกท่านก็มาถึง!”แม้ว่าหวังหยวนจะยังไม่เห็นตัวผู้พูด แต่เพียงแค่ได้ยินเสียง เขาก็จำได้ทันทีว่าเจ้าของเสียงนี้เป็นผู้ใดจะเป็นใครไปได้อีก ถ้าไม่ใช่ไท่สื่อลี่?สายตาของหวังหยวนจับจ้องไปที่ไท่สื่อลี่ จากนั้นรีบลงจากรถม้า แล้วกล่าวว่า “ท่านไท่สื่อ ยามนี้ไม่ใช่เวลามาย้อนความหลังกัน ได้ยินว่าท่านหาหมอเทวดาพบแล้ว เช่นนั้นพวกเรารีบไปที่เผ่ากันเลยดีหรือไม่?”“ดีขอรับ ดีขอรับ!”“ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้ว ท่านหวังตามข้ามาก็พอ!”ในไม่ช้าคณะเดินทางก็ออกเดินทางอีกครั้ง มุ่งหน้าไปยังทิศทางของเผ่าอย่างโอ่อ่าในช่วงเวลาที่หวังหยวนกลับไปยังต้าเย่ ไท่สื่อลี่ใช้ความสามารถอันล้ำเลิศของตน ประกอบกับความช่วยเหลือจากหวังหยวนเข้าควบคุมชนเผ่าอื่นได้สำเร็จ!ยามนี้เผ่าทางเหนือทั้งหมดตกอยู่ในมือของเขา และเขาก็กลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่แห่งแดนเหนือ!ทว่าทั้งหมดนี้ล้วนต้องขอบคุณหวังหยวนอีกทั้งเขารู้ดีแก่ใจว่าหากเป็นศัตรูกับหวังหยวน รากฐานที่ตนอุตส่าห์สร้างขึ้นมาก็จะพังทลายลงในชั่วพริบตาในคืนนั้น เมื่อพลบค่ำมาเยือน ขบวนรถม้าก็เดินทางมาถึงเผ่าเมื่อมองออกไปจะเห็นคนในเผ่ายืนรออยู่สองข้างทาง ทุกคนล้วนรอคอยก
“ส่วนท่าน ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงตอนนี้ ท่านคงยังไม่ได้นอนเลยใช่หรือไม่?”“ดูสีหน้าของท่านสิว่าซีดเซียวเพียงใด?”“เชื่อข้าเถิด รีบไปนอนพักสักครู่ ให้ไฉจวิ้นดูแลข้าไปพลางก่อน”“เมื่อท่านตื่นแล้วค่อยสลับเปลี่ยนกับไฉจวิ้น เช่นนี้ไม่ดีกว่าหรือ?”หลิ่วหรูเยียนเอ่ยเสียงแผ่วเบา น้ำเสียงอ่อนแรงยิ่งนักหวังหยวนส่ายหน้า ฝืนยิ้มขมขื่น “เจ้าเป็นเช่นนี้ คิดว่าข้าจะนอนหลับลงหรือ?”“ตอนนี้ข้าเพียงต้องการให้เจ้าหายดีโดยเร็ว ส่วนเรื่องอื่น ข้าไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น...”หวังหยวนเอ่ยความในใจออกมา เขาไม่เพียงปฏิบัติต่อหลิ่วหรูเยียนเช่นนี้ แต่กับภรรยาคนอื่น ๆ รอบกาย เขาก็ปฏิบัติเช่นเดียวกันไม่เช่นนั้นในครอบครัวจะมีหญิงงามมากมายเพียงนี้ได้อย่างไร?“ท่านนี่...”หลิ่วหรูเยียนส่ายหน้าอย่างจนใจ จากนั้นเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “เช่นนั้นข้าจะพักผ่อนอีกสักครู่ ข้ารู้สึกเหนื่อยล้าจริง ๆ”“ดี!”หวังหยวนรีบตอบรับ พลางโอบกอดหลิ่วหรูเยียนอีกครั้ง เขามองสตรีในอ้อมแขนด้วยความเจ็บปวดส่วนไฉจวิ้นที่อยู่ด้านข้างพลันรู้สึกไม่สบายใจ“หากเจ้าเหนื่อยก็พักผ่อนเถิด พี่สะใภ้ก็บอกแล้วว่านางไม่เป็นอะไร อีกทั้งยังมีข้าคอยดูแลนาง
“หวังหยวน ระหว่างเจ้ากับข้ายังมีความอาฆาตแค้นที่ต้องสะสาง ภายภาคหน้าข้าจะต้องคิดบัญชีกับเจ้าให้สิ้นซาก เจ้าจงรอก่อนเถิด!”...อีกด้านหนึ่ง ภายในป่าลึกหวังหยวนและพรรคพวกกำลังเร่งรุดเดินทางผ่านป่าภายในรถม้า หวังหยวนโอบกอดหลิ่วหรูเยียนไว้ตลอดเวลา เพราะว่ารถม้านั้นสั่นสะเทือนยิ่งนัก เพื่อรักษาความเร็ว จึงไม่อาจสั่งให้คนด้านนอกชะลอความเร็วลงได้ ยามนี้สิ่งที่ทำได้ก็คือโอบกอดหลิ่วหรูเยียนไว้ให้มั่น เพื่อให้นางรู้สึกดีขึ้นบ้าง“พี่ใหญ่! พี่สะใภ้เป็นคนดี สวรรค์ย่อมคุ้มครอง คาดว่าอีกไม่นานจะต้องหายดีแน่นอน ท่านอย่าได้กังวลไปเลยขอรับ”ไฉจวิ้นที่นั่งอยู่ด้านข้างปลอบโยนหวังหยวนตลอดการเดินทางนี้ ผ่านไปหลายชั่วยามแล้ว หวังหยวนไม่ได้แตะต้องน้ำแม้สักหยด อีกทั้งยังไม่ได้กินสิ่งใดเลยยิ่งไปกว่านั้น ทั้งคืนก็ไม่ได้หลับใหลแม้แต่น้อย สภาพของเขาจึงดูอิดโรยยิ่งนักแม้ว่าทั้งสองจะเป็นพี่น้องร่วมสาบาน แต่ไฉจวิ้นก็ยังคงรู้สึกเป็นห่วงยิ่งนักหวังหยวนถอนหายใจ กล่าวอย่างช้า ๆ ว่า “เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะข้า หากไม่ใช่เพราะหรูเยียนยืนกรานที่จะอยู่กับข้า เรื่องราวมากมายเช่นนี้จะเกิดขึ้นได้อย่างไร?”
“โง่เขลา! เจ้ายังมีหน้ามาบอกว่าทำเพื่อข้าอีกหรือ?”“เจ้ารู้หรือไม่ว่าการกระทำของพวกเจ้าได้สร้างปัญหาใหญ่ให้กับข้า มันอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างสองอาณาจักรด้วยซ้ำ?”หานเทามีสีหน้าบึ้งตึง ดุด่าบุรุษตรงหน้าอย่างต่อเนื่องเดิมทีเขาวางแผนทุกวิถีทางเพื่อเปิดศึกกับหวังหยวน แต่ยามนี้กลับเปลี่ยนความคิดแล้วไม่ใช่เพราะว่าราชวงศ์ต้าเป่ยไม่อาจต่อกรกับหวังหยวนได้ แต่เป็นเพราะการก่อสร้างเส้นทางน้ำ ทำให้หานเทาและคนอื่น ๆ ได้ประจักษ์ถึงประโยชน์ของเส้นทางน้ำนี้ จึงไม่อยากเปิดศึกในยามนี้พัฒนาบ้านเมืองไปเงียบ ๆ ก่อนจะดีกว่า แล้วภายภาคหน้าย่อมต้องเหนือกว่าหวังหยวนอย่างแน่นอน!เพราะว่าดินแดนของต้าเป่ยนั้นกว้างใหญ่กว่าดินแดนของหวังหยวนมากนัก หากพัฒนาอย่างสงบสุข ผู้ที่เสียเปรียบย่อมต้องเป็นหวังหยวน!อีกประการหนึ่ง ยามนี้หวังหยวนก็ยังร่วมมือกับไป๋อวิ๋นเฟยด้วยหากเปิดศึกอย่างผลีผลาม ย่อมจะถูกทั้งสองอาณาจักรรุมโจมตี ผลลัพธ์ที่ตามมาย่อมเลวร้าย เกรงว่าจะเกิดปัญหาใหญ่!“จริงสิ หวังหยวนไม่ได้ล่วงรู้ถึงตัวตนของพวกเจ้าใช่หรือไม่?”หานเทาเปลี่ยนท่าทีในฉับพลัน เขาเอ่ยถามขึ้น“ข้ายืนยันได้ว่าไม่มีทา
“ฝ่าบาท ท่านคิดว่าท่านหวังจะไม่สงสัยพวกเราใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”เมื่อเห็นขบวนรถม้าของหวังหยวนและคนอื่น ๆ ออกเดินทางไปแล้ว เฉินซานเตาพลันกอดอกเอ่ยถาม ใบหน้าซีดเผือดเล็กน้อยแม้ว่าเฉินซานเตาจะเป็นเพียงขุนศึกผู้หนึ่ง แต่ก็ไม่ใช่คนหุนหันพลันแล่น ไม่เช่นนั้นในอดีตคงไม่เลือกที่จะยืนอยู่ข้างกายไป๋อวิ๋นเฟย!ไป๋อวิ๋นเฟยเอ่ยว่า “ข้าคิดว่าพี่หวังคงไม่คิดเช่นนั้น อย่างไรเสีย ยามนี้ราชวงศ์ต้าเย่กำลังเผชิญกับปัญหามากมาย ผู้ที่ข้าต้องการพึ่งพามากที่สุดก็คือพี่หวัง แต่ผู้ที่ลงมือในครั้งนี้เป็นใครกันแน่ ช่างยากที่จะคาดเดา...”“คนของซือฟางในอดีตล้วนถูกพวกเราจับกุมตัวไปหมดแล้ว ส่วนคนที่เหลือที่เคยมีความสัมพันธ์กับเขาก็หายสาบสูญไปนานแล้ว ไม่กล้าปรากฏตัวต่อหน้าพวกเรา ไม่กล้าปรากฏตัวในเมืองหลวง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะกล้าลงมือสังหาร”“อีกทั้งฝ่ายตรงข้ามก็เตรียมการมาอย่างดี หากพวกเขาต้องการจะล้างแค้น เช่นนั้นเป้าหมายก็ไม่น่าจะพุ่งตรงมาที่หวังหยวน...”ไป๋อวิ๋นเฟยก็ตกอยู่ในห้วงแห่งความสับสนยามนี้หลิ่วหรูเยียนบาดเจ็บสาหัส จิตใจของหวังหยวนต้องจดจ่ออยู่กับอาการของหลิ่วหรูเยียน แต่ความเคียดแค้นในครั้งนี้ย่อ