เมื่อวังฉงโหลวกล่าวเช่นนั้น หวังหยวนไม่ได้ตระหนี่เรื่องเงินหรือสิ่งของ แต่เขายังคงส่ายหน้า“สอนคนตกปลาย่อมดีกว่าหาปลามาให้ หากอยากช่วยพวกเขาจริง ๆ ให้เงินอย่างเดียวคงไม่พอ ส่วนผลผลิตการเกษตรคงจะได้เงินน้อย คงไม่พอสำหรับพวกเขาใช่หรือไม่? เพราะต้องเอาเงินไปจ่ายค่าภาษีพืชผลจนหมด!”หวังหยวนถอนหายใจใน ขณะเดียวกันพวกเขาก็หยุดอยู่ข้างหน้าป้อมหลิวเจียคนกลุ่มใหญ่ดึงดูดความสนใจของชาวบ้านในป้อมหลิวเจียโดยทันที เมื่อหลิวเป่าผู้ครอบครองที่ดินส่วนใหญ่ในเขตถังโข่วก็รีบรุดมาทักทายพวกเขา“ข้าครอบครองที่ดินกว่าครึ่งในป้อมหลิวเจีย หลิวเป่าไฉ ท่านเดินทางมาแดนไกลตั้งใจจะไปที่ไหนหรือขอรับ?”หลิวเป่าไฉเห็นว่าคนอื่น ๆ และหวังหยวนได้รับความนิยมอย่างมาก ทั้งยังมีทหารติดตามและยานพาหนะสุดหรู เขาจึงคาดเดาในใจว่าคนเหล่านี้จะต้องเป็นพ่อค้าอย่างแน่นอนการเก็บเกี่ยวผลผลิตการเกษตรในป้อมหลิวเจียได้ผลลัพธ์ไม่ดีนัก ชาวบ้านล้วนตกอยู่ในสภาวะยากจน แม้ว่าเขาจะครอบครองที่ดินมากมาย แต่ก็ลำบากเช่นกันเขาต้องทำให้พวกขุนนางที่อยู่เบื้องบนพึงพอใจ ขณะเดียวกันก็ต้องดูแลลูกจ้างที่อยู่เบื้องล่าง แม้จะมีที่ดินมากมาย แต่ก็น่าสังเ
หลิวเจียเป่ากลับมาพร้อมกับตะกร้าดอกไม้หลายตะกร้า ดังนั้นพวกเขาจึงได้กลิ่นหอมมาจากระยะไกล“เอ่อ... อาหยวน ท่านซื้อดอกไม้มากมายมาเพื่อ... ทำน้ำหอมรึ?”วังฉงโหลวและหลี่จ้าวหลินต่างรู้สึกสับสน ทว่าหวังหยวนกลับไม่อธิบายสักคำเขาต้องการสกัดกลิ่นหอมของดอกไม้ออกมา เพื่อนำไปผลิตเป็นน้ำมันหอมระเหย ก่อนที่จะเจือจางเป็นน้ำหอมในสมัยเหล่าหญิงสาวมักใช้ถุงเครื่องหอม เมื่อเวลาผ่านไปต้องกังวลว่ามันจะขึ้นราหรือไม่ ยิ่งไปกว่านั้น กลิ่นหอมของมันก็จะเจือจางไปตามกาลเวลา ซึ่งนับว่าสิ้นเปลืองวัตถุดิบไม่น้อยน้ำหอมที่ชาวบ้านผลิตเองจะสามารถดึงดูดความสนใจของหญิงสาวตระกูลเศรษฐีอย่างแน่นอนแท้จริงแล้วหวังหยวนต้องการขายน้ำหอมมาเป็นเวลานานแล้ว ทว่าสิ่งต่าง ๆ จำต้องค่อยเป็นค่อยไป กอปรกับเขามีเวลาว่างไม่มาก แต่เมื่อมาถึงเมืองชิงซานแล้ว เขาพบว่าชาวบ้านในทุกเขตและทุกหมู่บ้านที่นี่ล้วนยากจน ดังนั้นเขาจึงผุดความคิดนี้ขึ้นมาด้วยเหตุนี้หวังหยวนจึงขอให้หลิวเป่าไฉซื้อดอกไม้มาหลายตะกร้า จากนั้นเด็ดเอารากและลำต้นออก แล้วเก็บกลีบดอกเอาไว้ในหม้อขนาดใหญ่สองสามใบหลังจากนั้นหวังหยวนขอให้ทุกคนเริ่มต้มกลีบดอกไม้ เมื่อโดนความ
“เมื่อข้านำกลีบดอกเหล่านี้ไปต้ม เนื้อเยื่อของพวกมันก็จะถูกทำลายและทำให้แวคิวโอลแตก ดังนั้นน้ำหอมจึงไหลออกมา หลังจากผ่านการต้มและกลั่น พวกเราก็จะได้น้ำมันหอมระเหยที่ข้าพูดถึง!”หลังจากที่หวังหยวนอธิบาย แม้ว่าหลี่จ้าวหลินและวังฉงโหลวจะเข้าใจอย่างแจ่มชัด ทว่ายังคงประหลาดใจไม่น้อย!“สวรรค์... แท้จริงแล้วพวกเราถูกสร้างขึ้นจากเซลล์!”“แวคิวโอลพวกนั้นช่างมีมนต์ขลังจริง ๆ!”ขณะที่กำลังพูดอยู่นั้น หวังหยวนก็วาดรูปลงบนพื้น ซึ่งทำให้ทั้งสองตื่นตาตื่นใจอย่างมากขณะที่หลิวเป่าไฉไม่เข้าใจที่อีกฝ่ายอธิบายแม้แต่คำเดียวว่าเซลล์คืออะไร การกลั่นคืออะไร และแวคิวโอลคืออะไร...เขาเพียงรู้สึกสับสนและเสียดายดอกไม้เหล่านี้ยิ่งนัก“ในตอนนี้กลีบดอกเหล่านี้ไร้ประโยชน์แล้ว เพราะตอนนี้ข้าสกัดน้ำหอมออกมาจนหมด และขั้นตอนต่อไปก็คือการกลั่น”หวังหยวนเชื่อมต่อท่อขนาดใหญ่จากหม้อลงไปสู่อ่างที่วางไว้ข้างใต้เข้าด้วยกัน“อาหยวน อ่างนี้ได้เยอะยิ่งนัก! น้ำหอมเยอะเพียงนี้ ต้องขายได้หลายพันตำลึงอย่างแน่นอน!”วังฉงโหลวกล่าวด้วยความตื่นเต้นอย่างมาก ในตอนนี้เขาได้กลิ่นน้ำหอมที่หอมกว่าดอกไม้ในตะกร้าเมื่อครู่เสียอีก“ไม่ได
หลังจากค้างแรมอยู่ที่นี่หนึ่งคืน หวังหยวนและคนอื่น ๆ ก็ออกเดินทางต่อเมืองชิงชวนอยู่ไม่ไกลจากเฉิงโจว ดังนั้นไม่นานหวังหยวนก็เดินทางเข้าสู่เฉิงโจวพร้อมกับผู้ร่วมขบวนอย่างไรก็ตามทันทีที่เขาก้าวเท้าเข้าไปในเมือง คนผู้หนึ่งก็ได้รับการรายงานอย่างรวดเร็ว“เดินทางเร็วยิ่งนัก พวกเขามาถึงแล้วจริง ๆ หรือ...”ขณะเดียวกัน ณ จวนหลังใหญ่ในเฉิงโจว ไป๋เฟยเฟยถือจดหมายอยู่ในมือพร้อมยิ้มมุมปาก“เขามาถึงที่นี่แล้วจริง ๆ หรือ?” หญิงสาวในชุดสีม่วงถามด้วยความประหลาดใจไป๋เฟยเฟยพยักหน้า “เขาเข้ามาในเมืองแล้ว ไม่คิดเลยว่าหวังหยวนผู้นี้จะคิดถึงเรื่องรักใคร่ด้วย น่าประหลาดใจยิ่งนักที่เขาเดินทางมารับภรรยาด้วยตนเอง”หญิงสาวในชุดสีม่วงรู้สึกยินดีในความโชคร้ายของผู้อื่นขณะกล่าว “เช่นนั้นแผนของเจ้าคงสูญเปล่าแล้ว”ไป๋เฟยเฟยทำหน้ามุ่ย “ผู้ชาย... มีนิสัยเหมือนกันหมด ไม่ว่าใครก็มักมากในกาม ดังนั้นแม้จะเสแสร้งมากเท่าใดก็ไร้ประโยชน์ ข้าเตรียมของขวัญสำหรับการประชุมให้เขาแล้ว และข้าก็เชื่อว่าเขาจะต้องชอบมันมากแน่นอน”หญิงสาวในชุดสีม่วงกล่าวเสียงดัง “ข้าคิดว่าเขาจะต้องไม่พึงพอใจของขวัญของเจ้าเป็นแน่ บางทีหากเจ้าใช้ต
“ข้า... หวังหยวนจากหมู่บ้านต้าหวังแวะมาเยี่ยมเยือนและพาภรรยาของข้ากลับบ้าน”ยามเฝ้าประตูเหลือบมองหวังหยวนขณะคิดในใจ ‘ไอ้คนต่ำต้อยจากหมู่บ้านต้าหวังกล้ามายืนอยู่หน้าประตูตระกูลหลี่ได้อย่างไร?’แม้หวังหยวนจะเป็นลูกเขยของตระกูลหลี่ แต่ตระกูลหลี่หลับไม่เคยยอมตัวตนของเขารับเลยทว่าไม่ได้กล่าวคำใด เพียงแต่เปิดประตูเข้าไปแสดงความเคารพ“หวังหยวนอยู่ที่นี่จริง ๆ รึ? ไอ้สารเลว!”สะใภ้ตระกูลหลี่โมโหอย่างมาก ก่อนขมวดคิ้วพร้อมกล่าว “พี่บ้านโจว ไล่มันซะ”พ่อบ้านโจวที่กำลังยืนรอคำสั่งขานรับทันทีที่ได้ยิน“ขอรับนายหญิง ข้าจะไปไล่ไอ้คนบ้านนอกเดี๋ยวนี้ขอรับ”สิ้นคำ พ่อบ้านโจวก็เดินตรงไปที่ประตูจวนอย่างรวดเร็ว“เจ้าคือหวังหยวนใช่หรือไม่? ข้าคือพ่อบ้านแห่งจวนตระกูลหลี่... โจวฉางฝู”หวังหยวนอึ้งงันไปชั่วครู่ ตระกูลหลี่สั่งสอนบ่าวรับใช้อย่างไร เหตุใดพ่อบ้านถึงกล้าดีมาเรียกเขาด้วยชื่อจริง?แม้ว่าจะไม่ได้รับการยอมรับหรือการต้อนรับจากตระกูลหลี่ แต่อีกฝ่ายก็ยังต้องเรียกเขาว่าคุณชายหวังมิใช่หรือ“ใช่แล้ว ข้าเอง” หวังหยวนสูดหายใจเข้าลึก และไม่ได้กล่าวคำใดอีก“อืม หากเจ้าต้องการฝากให้ข้าแสดงความเคารพ
หลี่อีเหนียนขมวดคิ้ว หลังจากที่ได้ยินคำพูดซ่งชิงเหอผู้เป็นภรรยา เขาก็ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรทว่าเมื่อนึกถึงอนาคตของตระกูลหลี่ หากโชคชะตาของตระกูลเชื่อมโยงอยู่กับหวังหยวน มันก็ถึงคราวจบสิ้นแล้วเมื่อคิดเช่นนั้น เขาจึงตัดสินใจผลักประตูห้องตำราให้เปิดออก ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับหวังหยวนและต้าหู่เดินมาถึง โดยผู้ที่เดินนำทั้งสองคนเข้ามาคือยามและพ่อบ้านโจว“หวังหยวน! เจ้าบังอาจนัก!”ในตอนแรกหลี่อีเหนียนกล่าวโทษตนเอง ทว่าเมื่อเห็นภาพตรงหน้า ความโกรธของเขาก็ปะทุขึ้นทันใด!อย่างไรเสีย หวังหยวนก็เป็นเพียงลูกเขยของตระกูลหลี่ที่ไม่ได้รับการยอมรับจากคนในตระกูลด้วยซ้ำ การที่เขาบุกเข้ามาภายในจวน นับว่าเป็นการหมิ่นเกียรติตระกูลหลี่อย่างยิ่ง!หวังหยวนเหลือบมองพี่ชายภรรยาของเขาพลางกล่าวอย่างเย็นชา “ข้าบังอาจรึ? พี่ใหญ่ ข้าว่าท่านต่างหากที่บังอาจ!”“เจ้าพูดว่าอะไรนะ?” หลี่อีเหนียนคำรามด้วยความโกรธหวังหยวนตอบด้วยความโมโหทันใด “ตระกูลหลี่เป็นตระกูลของเหล่าบัณฑิต พ่อตาของข้าก็เป็นถึงขุนนางในราชสำนัก แต่ไม่คิดเลยว่าตระกูลหลี่ของพวกท่านจะกล้าหาญเพียงนี้”“ไม่ว่าอย่างไรข้าก็คือลูกเขยตระกูลหลี่ แม้ว่าจะไม
“ไม่ว่าเราสองคนจะหย่าหรือไม่ ก็เป็นเรื่องระหว่างข้ากับซื่อหาน ข้าอยากพบซื่อหาน”เมื่อเจอหน้าภรรยาแล้ว ปัญหาทุกอย่างก็จะคลี่คลาย โดยไม่ต้องเสียเวลาอธิบายมากมาย“พบ? เหตุใดเจ้าถึงต้องพบหน้านาง? เจ้ามีคุณสมบัติอันใด? ข้าจะบอกให้นะ ซื่อหานหมั้นหมายกับบุตรชายของผู้ตรวจการแล้ว ดังนั้นพวกเจ้าจะไม่มีวันพบกันอีก” ซ่งชิงเหอขมวดคิ้วพร้อมกล่าวออกมาหวังหยวนเข้าใจว่าตระกูลหลี่ต้องการบีบบังคับและควบคุมภรรยาของตน ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงหัวเราะเยาะในใจ และไม่กล่าวคำใดอีก“ในเมื่อตระกูลหลี่ไม่ต้อนรับข้า เช่นนั้นก็ลืมมันไปเสียเถิด”สิ้นคำ หวังหยวนก็หันหลังกลับแล้วเดินจากไปอย่างไรเสีย พวกเขาก็คือครอบครัวของภรรยาของเขา ดังนั้นหวังหยวนจึงไม่อยากล่วงเกินอีกฝ่าย หากเป็นคนอื่นแล้ว เขาคงไม่ปล่อยมันไว้แน่!ยิ่งกว่านั้น เขาเชื่อมั่นในตัวภรรยาว่านางจะไม่มีวันทอดทิ้งเขา แม้จะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม!“หึ! หากมันกลับมาอีก เจ้าก็อย่าทำให้มันไม่พอใจล่ะ บอกเพียงว่าตระกูลหลี่ไม่ต้อนรับก็พอแล้ว”ซ่งชิงเหอกล่าว ขณะเดินควงแขนหลี่อีเหนียนเข้าไปในห้องตำรา“ปล่อยไปเช่นนี้ดีแล้วหรือ?”หลี่อีเหนียนรู้สึกกังวลเล็กน้อย แม้เ
หวังหยวนมองสำรวจไป๋เฟยเฟยอย่างระมัดระวัง หากอู๋หลิงไม่บอกว่าคุณชายไป๋เป็นสตรี หวงหยวนก็คงไม่อาจแยกแยะได้หากสังเกตจากเคล็ดลับการปลอมตัวของแล้ว แม้จะแต่งกายเรียบง่าย ทว่ากลับไม่มีข้อบกพร่องเลยเพียงแต่...กล่าวคือใบหน้าขาวผ่องและผิวอ่อนนุ่มของนางดูไม่เหมือนบุรุษเอาเสียเลยไม่ประหลาดใจเลยที่อู๋หลิงจะไม่พอใจทุกครั้ง ที่เห็นหญิงสาวในชุดสีม่วงที่เขาชอบตัวติดกับไป๋เฟยเฟย เพราะเขารู้ความลับทุกอย่างแล้วหนึ่งคนมีลูกสองใบ นางจะเลือกโลกใบใดกันแน่?หวังหยวนคลี่ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นถอนหายใจพลางกล่าวทักทายอีกฝ่าย“ท่านหมิงถัน ท่านจะรังเกียจหรือไม่ที่ผู้น้อยแซ่ไป๋มาที่นี่โดยไม่ได้รับเชิญ?”ไป๋เฟยเฟยพับพัดด้ามจิ้วในมืออย่างมีมารยาทและสุภาพเรียบร้อย เช่นเดียวกับเหล่าคุณชายผู้ร่ำรวยในนิทาน“ไม่มีทาง พวกเราเป็นกัลยาณมิตรกันมิใช่หรือขอรับ”หวังหยวนโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ ครั้งล่าสุดพวกเขาก็มาโดยไม่ได้รับเชิญเพื่อแนะนำตนเอง และเมื่อเขาเดินทางมาถึงเฉิงโจวในครั้งนี้ ไป๋เฟยเฟยก็ต้องปรากฏตัวเป็นธรรมดา และหวังหยวนก็คาดเดาเรื่องนี้ไว้แล้ว“ในเมื่อพวกเราล้วนเป็นเพื่อนกัน เช่นนั้นการพูดอย่างตรงไปตรงม
นอกจากฝีมือของหวังหยวนจะจัดว่ายอดเยี่ยมแล้วยิ่งไปกว่านั้น เมื่อสักครู่นี้นางยังบังเอิญเห็นปืนคาบศิลาที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อของหวังหยวน นางจึงรู้ตัวตนของหวังหยวนแล้วทันใดนั้นแม่นางหรูเยียนก็ยกยิ้มจาง ก่อนจะกล่าวเสียงเรียบว่า “หากข้าเดาไม่ผิด ท่านคงเป็นหวังหยวนผู้มีชื่อเสียงโด่งดังใช่หรือไม่?”“เจ้ารู้จักข้าได้อย่างไร?” หวังหยวนตกตะลึง“คนมีชื่อเสียงเช่นนี้ ข้าจะไม่รู้จักได้อย่างไร?” แม่นางหรูเยียนกอดอกและกล่าวช้า ๆ ว่า “จากอาวุธลับในแขนเสื้อของท่าน ก็สามารถบอกตัวตนของท่านได้แล้ว”“ดังนั้น…” หวังหยวนจงใจลากเสียงยาว “เจ้าเป็นคนของอาณาจักรต้าเป่ยใช่หรือไม่? หรือว่าอาณาจักรต้าเย่ ไม่ก็คนเมืองหวงใช่หรือเปล่า?”ในปัจจุบัน แผ่นดินของดินแดนทั้งเก้าถูกแบ่งออกเป็นสี่ส่วน เขาครอบครองส่วนหนึ่ง ส่วนที่เหลืออีกสามส่วนถูกครอบครองโดยอีกสามคนแม้ว่าจะยังไม่รบกันในตอนนี้ แต่ก็ต้องมีสงครามเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้! เป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้นแต่คนที่สามารถจดจำอาวุธลับในมือเขาได้ก็มีไม่มาก นั่นก็พิสูจน์ได้ว่าแม่นางหรูเยียนต้องมีความเกี่ยวข้องกับหนึ่งในกองกำลังเหล่านี้ จึงสามารถจำต
หวังหยวนที่กำลังจะก้าวออกไปชะงักฝีเท้าทันที แท้จริงแล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เฉินเทียนอับอาย ในสายตาของหวังหยวนนั้น ชายคนนี้ก็เป็นเพียงชายเจ้าสำราญคนหนึ่งที่ประพฤติตนไร้สาระ จึงไม่สมควรได้รับการใส่ใจทว่าเหตุผลที่เขาก้าวออกไปนั้น ไม่ใช่เพราะหันหลังให้ความทุกข์ยาก แต่เป็นเพราะเชื่อมั่นว่าแม่นางหรูเยียนจะสามารถจัดการเรื่องราวเหล่านี้ได้ด้วยฝีมือของแม่นางหรูเยียน เพียงแค่นายน้อยขี้เมาคนหนึ่งจะมีความหมายอะไร? แต่เฉินเทียนกลับกล้าเอ่ยวาจาท้าทายเขาต่อหน้า ซ้ำยังใช้คำหยาบคายอย่างยิ่ง หวังหยวนจึงไม่อาจปล่อยวางได้! ไม่เช่นนั้นจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?ทันใดนั้น หวังหยวนก็หันมาถีบเข้าที่อกของเฉินเทียนอย่างแรง! ในวินาทีต่อมา ร่างของเฉินเทียนก็กระเด็นไปหลายวาเหมือนลูกบอล ก่อนจะหยุดลง... เลือดไหลทะลักออกมาจากจมูก!ดูสภาพแล้วน่าเวทนาเหลือเกิน! แม่นางหรูเยียนที่อยู่ข้าง ๆ ยกมือปิดปากหัวเราะเบา ๆหวังหยวนปัดฝุ่นบนมือ และพูดอย่างใจเย็นว่า “งาช้างไม่งอกออกจากปากสุนัข!” “มอบโอกาสให้เจ้าแล้ว แต่เจ้ากลับไม่เห็นคุณค่า ยังกล้าพูดจาเยาะเย้ยต่อหน้าข้าอีก สมควรตายนัก!”ด้วยเหตุใดไม่ทราบ แม่
“ได้! ข้ายินยอม!”แม่นางหรูเยียนจำต้องยอมจำนนดังที่หวังหยวนคาดการณ์ไว้ นางยังคงมีจุดประสงค์ของตนเอง จึงไม่สามารถยอมแพ้ในสถานการณ์นี้ได้ ส่วนเรื่องความแค้นกับหวังหยวน ภายหลังค่อยแก้แค้นภายหลังยังไม่สาย…“ถูกต้อง”เมื่อแม่นางหรูเยียนตอบตกลง หวังหยวนจึงลุกขึ้นยิ้ม แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ทุกคนเข้าใจผิดแล้วจริง ๆ”“ข้ากับแม่นางหรูเยียนเป็นเพื่อนที่ไม่ได้พบกันมานานหลายปี ครั้งนี้ข้ามาเพื่อปรึกษาหารือเรื่องบางอย่างกับนาง”“หากเราจะทำอะไรกันจริง เราจะนั่งห่างกันถึงเพียงนี้หรือ?”หวังหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้มผู้คนต่างมองหน้ากัน ไม่มีใครเอ่ยคำใดออกมา คำพูดนี้ยังไม่ค่อยมีความน่าเชื่อถือนักหวังหยวนเหลือบมอง และกล่าวอีกครั้ง “ทุกคน! คงไม่รู้ว่าข้าแต่งงานแล้วใช่หรือไม่?”“ภรรยาของข้ารอข้าอยู่ที่บ้าน และนางก็รู้จักแม่นางหรูเยียน นางจึงให้ข้ามาพบกับนาง”“ทุกท่านดูข้าสิ ข้าดูเหมือนคนเจ้าชู้หรือ?”ผู้คนต่างวิพากษ์วิจารณ์กันอีกครั้งด้วยความช่วยเหลือของคนจากหอชิงสุ่ย ฝูงชนจึงค่อย ๆ แยกย้ายสลายตัวกันไป ไม่มีใครอยู่ต่อมีเพียงคนเดียวที่ยังไม่จากไปไหน นั่นคือเฉินเทียนขี้เมาสีหน้า
แม่นางหรูเยียนเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งของที่นี่ เหล่าบุรุษมากมายต่างมาเยือนที่นี่เพราะนาง แต่บัดนี้เหตุการณ์ไม่คาดฝันได้เกิดขึ้นแล้ว ผู้คนมากมายต่างมารวมตัวกันนอกประตู ต่างพากันกระซิบกระซาบวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างไม่ขาดสาย“นึกไม่ถึงเลยว่าแม่นางหรูเยียนแสร้งทำเป็นสูงส่งเป็นเปลือกนอก แต่เบื้องหลังกลับเป็นเช่นนี้!”“ข้าก็พอจะเข้าใจ คนเราล้วนมีด้านมืด นางจะมาทำเป็นสูงส่งได้อย่างไร?”“นางแสร้งทำเป็นหญิงบริสุทธิ์ผุดผ่อง!”ทันใดนั้นความคิดของทุกคนที่มีต่อแม่นางหรูเยียนก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากหลายคนบ่นว่าเงินที่เสียไปก่อนหน้านี้ไม่คุ้มค่าเลยจริง ๆ! หากรู้ว่านางเป็นเช่นนี้แล้ว พวกเขาจะมาที่นี่เพื่ออะไร? เสียเงินทองมากมายไปกับการฟังเพลง มันช่างเป็นเรื่องไร้สาระ!สีหน้าของแม่นางหรูเยียนเปลี่ยนไป นางรีบหยิบผ้าไหมขึ้นมาปิดบังใบหน้า แล้วชี้ไปที่หวังหยวนพลางกล่าวว่า “เรื่องราวไม่ได้เป็นอย่างที่พวกท่านคิด!”“บุรุษผู้นี้เป็นเพียงคนเจ้าชู้! ข้าก็ไม่รู้ว่าเขาบุกเข้ามาในห้องได้อย่างไร!”“ทุกท่านเข้าใจผิดแล้ว!”ทุกคนต่างหัวเราะเยาะในกลุ่มคนมีเสียงหนึ่งกล่าวขึ้น “แม่นางหรูเยียน เจ้าคิดว่าพวกข้
“ต่อให้คนธรรมดาทำงานหนักทั้งชีวิตก็ไม่มีโอกาสได้ใช้ของเหมือนที่อยู่ในห้องข้าได้!”แม่นางหรูเยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาและแฝงไปด้วยความรำคาญทว่าตั้งแต่เข้ามาในห้อง หวังหยวนก็จ้องมองแม่นางหรูเยียนตลอดเวลา พิจารณาแม้แต่ท่าทางการพูดของนางแม้ว่าแม่นางหรูเยียนจะแสร้งทำเป็นหยิ่งผยองและทำท่าทางเย็นชา แต่หวังหยวนรู้สึกได้ว่านางไม่ใช่คนเช่นนี้แน่นอน นางกำลังจงใจเล่นละครเพื่อปกปิดอะไรบางอย่าง!แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้หวังหยวนยังไม่สามารถค้นพบความลับของนางได้โชคดีที่เขายังมีเวลาอีกมากพอที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป ค่อย ๆ ขุดคุ้ยความลับเบื้องหลังของแม่นางหรูเยียน!เวลาผ่านไปทีละวินาทีแม่นางหรูเยียนก็แอบมองหวังหยวนเป็นระยะ นางคาดเดาความคิดของชายผู้นี้อยู่ในใจพลางครุ่นคิด“เขาคงไม่เฝ้าอยู่ที่นี่ตลอดหรอกใช่หรือไม่?”“เขาต้องการอะไรกันแน่?”“ข้ากับเขาไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกัน เหตุใดข้าถึงจำไม่ได้เลยว่าเคยพบเขามาก่อน?”ส่วนหวังหยวนก็นั่งจิบชาเงียบ ๆ ด้วยท่าทางสบายใจทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นอย่างเร่งรีบ ตามมาด้วยเสียงสนทนาของชายหญิงดังเข้ามาในห้อง“คุณชายเฉิน! ท่านเข้าไปไม่ได้นะเจ้าคะ!”
“ว่ามาสิว่าเจ้าเป็นใครกันแน่?” สตรีผู้นี้มีวิทยายุทธไม่ธรรมดา เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนธรรมดาสามัญ นางจะซ่อนเร้นให้รอดพ้นสายตาของหวังหยวนไปได้อย่างไร?ที่นี่คือเมืองอู่เจียง ซึ่งเป็นเขตอิทธิพลของเขา ไม่อาจปล่อยให้คนเช่นนี้ปรากฏตัวได้! แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นสตรี หวังหยวนก็จำต้องระมัดระวัง เพราะเกรงว่าจะเกิดความผิดพลาด!แม่นางหรูเยียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นยกมือขึ้นดึงปิ่นปักผมของตนเองออกมาอย่างรวดเร็ว แล้วจ่อไปที่ลำคอของตนเอง ทำท่าทางเหมือนพร้อมจะสละชีพ!“ได้!”“ถือว่าข้าโชคร้ายเองที่ได้พบเจ้า!”“หากเจ้ายังคงบีบบังคับข้าต่อไป ข้าจะตายตรงหน้าเจ้าบัดเดี๋ยวนี้!”หลังจากพูดจบ แม่นางหรูเยียนก็พร้อมที่จะใช้ปิ่นปักผมแทงเข้าที่คอของตนเอง!โชคดีที่หวังหยวนตาไว คว้าปิ่นปักผมออกจากมือของนางได้ทัน แล้วเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “อย่ามาเล่นละครตบตากับข้า!”แม้จะพูดเช่นนั้น แต่ในใจก็ยังหวาดกลัวอยู่บ้าง!สตรีผู้นี้ช่างบ้าคลั่งนัก กล้าลงมือกับตนเองเช่นนี้!ช่างโหดเหี้ยมนัก แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่เว้น!“เจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่?” ใบหน้าของแม่นางหรูเยียนบึ้งตึง วิทยายุทธของหวังหยวนนั้นสูงส่งแล
ก่อนที่แม่นางหรูเยียนจะทันได้ตั้งตัว มือของหวังหยวนก็สัมผัสผ้าคลุมหน้าของนางแล้ว!เห็นได้ชัดว่าต้องการจะดึงผ้าคลุมหน้าออก!แต่ที่หวังหยวนไม่คาดคิดก็คือแม่นางหรูเยียนมีปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็วมาก เห็นได้ชัดว่านางมีวรยุทธ!นางรีบยกมือขึ้นมาสกัดกั้นมือของหวังหยวน แล้วถอยหลังอย่างรวดเร็วไปยังเตียงนอนนางคว้ามีดสั้นออกมา ก่อนจะวิ่งเข้าไปหาหวังหยวนด้วยท่าทางน่าเกรงขาม!“มีวรยุทธด้วยหรือ?”หวังหยวนหรี่ตาแล้วยกยิ้ม เรื่องราวยิ่งน่าสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆไม่น่าแปลกใจเลยที่แม่นางหรูเยียนช่างมีเสน่ห์ดึงดูดใจ นางมีความลึกลับซ่อนอยู่มากมาย!เพียงชั่วพริบตาเดียว หวังหยวนก็เข้าต่อสู้กับแม่นางหรูเยียน!แม้ว่าหวังหยวนจะระวัง แต่กระบวนท่าโจมตีอันทรงพลังของแม่นางหรูเยียนนั้นรุนแรงมาก เห็นได้ชัดว่านางต้องการสังหารหวังหยวนให้ได้!โชคดีที่หวังหยวนหลบหลีกได้ทัน สามารถเลี่ยงการโจมตีของนางได้ครั้งแล้วครั้งเล่า!“เจ้าเป็นสตรี เหตุใดถึงได้โหดร้ายเช่นนี้?”หวังหยวนส่ายหน้าขณะพูดแม่นางหรูเยียนขมวดคิ้ว “นั่นก็เพราะท่านชั่วร้ายเกินไปไม่ใช่หรือ?”“ท่านรู้เรื่องที่ควรจะรู้แล้ว แต่ท่านยังคงหยาบคาย เห็นได้ชัด
“ข้าได้กล่าวไปแล้วว่าข้าไม่ได้มีเจตนาร้าย เพียงแต่ต้องการสนทนากับเจ้าเท่านั้น” ริมฝีปากของหวังหยวนเผยรอยยิ้มอ่อนโยน ราวกับว่าได้กลับมาถึงบ้านของตนเองต่อจากนั้น หวังหยวนก็นั่งลงรินน้ำชาให้ตนเอง แล้วโบกมือให้อีกฝ่ายนั่งลง ก่อนพูดด้วยรอยยิ้ม “หากเจ้าคิดจะเรียกคนมาช่วย ข้ารับรองว่าได้ว่าก่อนที่พวกเขาจะมาถึง ข้าสามารถทำให้เจ้าเสียโฉมได้แน่นอน”“หากเจ้าไม่เชื่อก็ลองดูได้”หวังหยวนยังคงพูดด้วยรอยยิ้ม ไม่รู้ว่าฝาถ้วยชามาอยู่ในมือของเขาตั้งแต่เมื่อใด เป็นการเตือนแม่นางหรูเยียนอย่างชัดเจนแม่นางหรูเยียนสีหน้าซีดเผือด นี่เป็นครั้งแรกที่นางถูกข่มขู่ ในหอชิงสุ่ยนี้ ชายแทบทุกคนต่างปรารถนาจะได้ใกล้ชิดนาง แต่ก็ไม่มีใครได้โอกาสและไม่มีใครกล้าล่วงเกินนางแม้แต่ข่มขู่นางก็ไม่เคยมีมาก่อนหวังหยวนเป็นคนแรกที่ทำเช่นนี้หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แม่นางหรูเยียนจึงขมวดคิ้วพูดว่า “ท่านต้องการอะไร?”ขณะที่พูด แม่นางหรูเยียนก็รักษาระยะห่างจากหวังหยวน ไม่ได้เข้าใกล้เขาแม้แต่น้อยแต่สามารถเห็นได้ชัดจากแววตาของนางว่านางก็หวาดกลัวอยู่ไม่น้อยเพราะหวังหยวนเป็นคนแรกที่เข้ามาในห้องนี้!แต่ที่ไม่คาดคิดก
เกาเล่อไม่ได้สนใจ เพียงแค่ดื่มสุราต่อไปในสายตาของเขา สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงกลอุบายหลอกล่อลูกค้าเท่านั้นเพียงแค่เสนอราคาให้เหมาะสม เขาก็ไม่เชื่อหรอกว่าหญิงสาวที่นี่จะรักนวลสงวนตัว!มันเป็นเพียงเรื่องน่าขัน!ทันใดนั้นชายหลายคนจากโต๊ะข้าง ๆ ก็หัวเราะเยาะขึ้นมา“เจ้าคิดว่ามีเงินแล้วจะยิ่งใหญ่นักหรือ?”“ที่อื่นอาจจะได้ แต่ที่นี่ไม่ได้หรอกนะ!”“เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีคนอยากดื่มสุราร่วมกับแม่นางหรูเยียนกี่คน?”“มากมายจนถ้าต่อแถวแล้ว แถวคงยาวออกไปนอกเมือง!”“ในบรรดาคนเหล่านั้นมีคุณชายจากตระกูลชั้นสูง แต่แม่นางหรูเยียนก็ไม่ได้สนใจพวกเขา”“ส่วนเจ้าก็คงไม่ต่างกัน!”ทุกคนต่างหัวเราะกันครื้นเครงหวังหยวนไม่ได้สนใจคำพูดของพวกเขา หลังจากเก็บทองบนโต๊ะกลับคืนมาแล้ว เขาก็โบกมือให้เสี่ยวเอ้อออกไปเสี่ยวเอ้อสบถ เดิมทีคิดว่าหวังหยวนจะให้เงินทอง แต่สุดท้ายกลับไม่ได้อะไรเลย…ช่างน่าโมโหนักหวังหยวนมองไปที่เกาเล่อ แล้วกระซิบว่า “เจ้าส่งคนไปสืบเรื่องราวของแม่นางหรูเยียนที ข้าค่อนข้างสนใจนาง”“ท่านผู้นำ ท่านไม่ได้ล้อเล่นใช่หรือไม่ขอรับ?”“ท่านเชื่อคำพูดไร้สาระของพวกเขาหรือ?”“ข้าสงสัยว่านางคนนั้น