นี่เป็นแผนที่เขาสร้างขึ้นตามเงื่อนไขพื้นฐานของหวังหยวน เรียกได้ว่าครอบคลุมและรัดกุมแล้ว!แต่กลับถูกบอกว่าไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับการก่อกบฏเลยสักนิด เขารับไม่ได้หรอก!หวังหยวนกล่าวว่า "เจ้ารู้หรือไม่ว่าสำหรับราชวงศ์ที่ค่อนข้างแข็งแรงมั่นคง เงื่อนไขที่จำเป็นอันดับแรกสำหรับการก่อกบฏที่จะประสบความสำเร็จได้คืออะไร"พวกโจรทั้งหมดตกใจ!พวกเขาเป็นโจร แค่กล้าก่อกบฏก็พอแล้ว เงื่อนไขที่จำเป็นมันคืออะไรจำเป็นด้วยรึ?"..."จ้าวป๋อเซียวสะอึกอีกครั้ง และกำมือคารวะขั้น "เสนาธิการทหารได้โปรดชี้แนะด้วย!"หวังหยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้ม "สำหรับราชวงศ์ที่มีอำนาจค่อนข้างมั่นคง เงื่อนไขแรกสำหรับการก่อกบฏที่จะประสบความสำเร็จได้นั้น ต้องเป็นปีหายนะครั้งใหญ่ของช่วงปลายราชวงศ์!"ในการกระจายข้อมูลของคนรุ่นต่อไป มีคนจำนวนมากมานนับไม่ถ้วนที่พูดถึงเกี่ยวกับการกบฏในสมัยโบราณเขาเคยเห็นมาบ้างเหมือนกันอู่จั้งโหวและเซี่ยซานหู่ต่างครุ่นคิด หลังจากนั้นพวกเขาก็พยักหน้าเห็นด้วย!หงเยี่ย, เถียนชี, เสี่ยวไท่ซุ่ย และเฮยเมี่ยนจินกังต่างสับสนไปหมด!“เสนาธิการทหารยอดเยี่ยมจริงๆ!”จ้าวป๋อเซียวยกนิ้วให้และกล่าวว่า "ในช่ว
ประโยคนี้เปรียบเสมือนอ่างน้ำเย็นที่สาดลงมาดับไฟความทะเยอทะยานของทุกคน!ดูเหมือนเป็นเช่นนั้น สุดท้ายแล้วพวกที่ก่อกบฏก็ถูกราชสำนักกวาดล้างทั้งนั้น!ยกตัวอย่างเช่น เมื่อสิบห้าปีที่แล้ว เมื่อมีภัยพิบัติครั้งใหญ่ทางตอนใต้ อ๋องฝูซานก่อกบฏ และยึดครองทั้งสามเมือง และในท้ายที่สุดก็ถูกราชสำนักกวาดล้างไปในที่สุดจ้าวป๋อเซียวผู้คุ้นเคยการศึกษาประวัติศาสตร์ และรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของราชวงศ์ในช่วงที่ผ่านมา เขาพยักหน้าและถอนหายใจออกมา "แม้ในตอนท้ายของราชวงศ์ คนรวยผู้มีอำนาจลำบากยังไงก็สบายกว่าคนจน หากราชวงศ์ยังพอมีอำนาจอยู่บ้าง ก็ยังสามารถรวบรวมกำลังขึ้นมาได้ กองกำลังเหล่านี้สามารถกวาดล้างผู้ที่ก่อกบฏขึ้นมาก่อน กบฏกลุ่มแรกเหล่านี้ล้วนเป็นมังกรปลอมที่เปิดทางให้มังกรตัวจริง”"ใช่แล้ว!"“คนเราเมื่อมีชื่อเสียงแล้วก็จะนำพาความเดือนร้อนมาสู่ตนเอง!”“คนอยู่ข้างหน้าต้องตายก่อน!”“ต้นไม้ใหญ่โดนลมโค่นหัก!”“มีชื่อเสียงมากไปย่อมดึงดูดความโชคร้าย!”"บังคับให้คนอื่นฝืนใจทำชัด ๆ!"พวกโจรก็มีความคิดเห็นของตัวเองเช่นกัน พวกเขาทั้งหมดล้วนคิดเหมือนกันกว่าใครออกหน้าก่อนตายก่อน!จ้าวป๋อเซียวกำหมัดของเขาคารวะอ
หูเมิ่งอิ๋งตกตะลึงนิ่งอยู่กับที่ เมื่อเห็นเหลิ่งอวิ๋นผู้อาฆาตแค้น หัวใจของนางก็รู้สึกเหมือนถูกบีบ ในขณะเดียวกันนางก็รู้สึกเศร้าที่จะไม่ได้เจอคุณชายอีก!ฉึก!ในช่วงเวลาวิกฤติ ลูกธนูหน้าไม้ก็พุ่งเข้ามาปักทะลุหัวใจของเหลิ่งอวิ๋น!ฟึ่บ!เหลิ่งอวิ๋นล้มลงกับพื้น มองปลายลูกศรที่แทงทะลุใจ เลือดสีแดงฉานไหลออกมา สายตาเขาเต็มไปด้วยความกลัวและความสิ้นหวังหูเมิ่งอิ๋งทนไม่ไหว อยากจะก้าวเข้าไปโดยสัญชาตญาณ แต่ถูกทหารผ่านศึกเกราะทมิฬรีบออกมาห้ามไว้ “คุณหนูหู นายท่านสั่งให้พวกข้าแอบปกป้องท่าน เขาบ้าไปแล้ว ท่านจะตกอยู่ในอันตรายหากเข้าใกล้เขา!”หูเมิ่งอิ๋งสะดุ้ง รีบถอยออกไป!สำหรับเหลิ่งอวิ๋น นางทำดีที่สุดแล้ว ไม่ได้เป็นหนี้ติดค้างแต่อย่างใดแล้วโดยเฉพาะก่อนที่เหลิ่งอวิ๋นจะตาย เขาต้องการรั้งนางไว้ ซึ่งทำให้หัวใจของนางแทบจะแตกสลาย“เมิ่งอิ๋ง อย่าจากไปเลย ช่วย ช่วยข้าด้วย!”เลือดยังคงไหลทะลักออกมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยความกลัวตาย เหลิ่งอวิ๋นยื่นมือออกไปไปหาฟางเส้นเดียวที่จะช่วยชีวิตเขาได้หูเมิ่งอิ๋งไม่ได้ก้าวไปข้างหน้า แต่มองทหารผ่านศึกเกราะทมิฬแล้วพูดว่า “ช่วยเขาได้หรือไม่?”“ปกติแล้วคนจะไม่รอดจ
“อู่จั้งโหว!”เหลิ่งอวิ๋นกัดฟันพูด “เจ้าหลอกลวงข้าอย่างชั่วร้าย!”“สหายชิงเมี่ยนโช่ว ผู้เข้าใจสถานการณ์คือผู้เฉลียวฉลาด!”อู่จั้งโหวถอนหายใจ “หากเจ้าขัดแย้งกับนายท่าน นี่ก็คือชะตากรรมของเจ้า แม้แต่เทพเจ้าก็ไม่อาจช่วยเจ้าได้!”เหลิ่งอวิ๋นพูดด้วยความโกรธว่า “ข้าแค่ไว้ใจเจ้า ไม่เช่นนั้นด้วยกำลังทหารของข้า ข้าจะกลัวคนหลอกลวงที่ทำได้แค่เขียนบทกวีไร้สาระได้อย่างไร!”อู่จั้งโหวมองเหลิ่งอวิ๋นที่ยังคงดื้อรั้น แล้วส่ายหน้า!หงเยี่ยอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “พี่ใหญ่เหลิ่งอวิ๋น เขาไม่ใช่คนหลอกลวง เขาเป็นเสนาธิการทหารที่เอาชนะชาวหวงได้ ร้อยละแปดสิบของชัยชนะในศึกทางตอนเหนือเป็นเพราะเขา แม้แต่แม่ทัพหนุ่มก็ต้องฟังเขา การที่ท่านพ่ายแพ้เขาก็ไม่ใช่เรื่องอยุติธรรม เลิกมั่นใจในตัวเองได้แล้ว!”“อะไรนะ?”เหลิ่งอวิ๋นจ้องมองด้วยความไม่เชื่อปากเล็ก ๆ ของหงเยี่ยเล่าถึงสงครามในเมืองจิ่วซานคร่าว ๆ แล้วถามว่า “ตอนนี้ท่านยังไม่พอใจอะไรอยู่อีก?”“...”เหลิ่งอวิ๋นทรุดตัวลงบนพื้น ความภาคภูมิใจเล็ก ๆ น้อย ๆ หายไปจนสิ้น น้ำตาก็ไหลพรากไม่น่าแปลกใจที่คุณหนูใหญ่เลือกเขา กลับกลายเป็นว่าเขาแข็งแกร่งมาก เหนือกว่าตัวเขา
ดวงตาของหงเยี่ยเป็นประกาย “เช่นนั้นท่านก็หมายความว่า เขาเองก็กำลังเตรียมจะกบฏด้วย!”จ้าวป๋อเซี่ยวหัวเราะเบา ๆ แล้วพยักหน้า!หงเยี่ยขมวดคิ้วพูดว่า “แต่เมื่อกี้นี้ เหตุใดเขาถึงพยายามโน้มน้าวเราไม่ให้กบฏ!”“นั่นไม่ใช่การโน้มน้าวใจ นั่นเป็นการบอกเป็นนัย!”จ้าวป๋อเซี่ยวมีท่าทางมั่นใจ ขณะพูดว่า “บัณฑิตอย่างพวกข้ามักไม่พูดตรงไปตรงมา มีความหมายซ่อนเร้นอยู่ในคำพูด สามารถเดาได้ก็ต่อเมื่อพยายามอย่างหนัก จึงจะคิดออก!”“ใช่!”หงเยี่ยที่รู้สึกแบบเดียวกันก็พยักหน้าอย่างแรง “เขาไม่เคยทำอะไรตรงไปตรงมาเลย!”จ้าวป๋อเซี่ยวกล่าวว่า “เสนาธิการทหารกล่าวว่าเขาไม่ต้องการให้เรากบฏ เนื่องจากยังไม่ถึงเวลา แต่เขาก็ยังบอกความลับของการกบฏมากมายแก่เรา หากเขาไม่เคยคิดเรื่องการกบฏ เขาจะคิดออกได้อย่างไร”ดวงตาของกลุ่มโจรเป็นประกาย!จ้าวป๋อเซี่ยวพ่นลมหายใจ “ข้าทุ่มเทให้กับการกบฏมานานหลายทศวรรษแล้ว แต่ความรู้ของข้าก็ยังไม่ดีเท่ากับเสนาธิการทหาร เขายังอายุน้อย แต่เข้าใจความลับของการกบฏจากหนังสือประวัติศาสตร์ เขาต้องเป็นมังกรสวรรค์ที่จะเปลี่ยนแปลงราชวงศ์แน่นอน การกบฏเป็นเรื่องของเวลา”กลุ่มโจรพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่
ด้วยร่างอันอ่อนนุ่มและมีกลิ่นหอมในอ้อมแขน และคำร้องขอที่ไม่สมเหตุสมผลดังกล่าว หวังหยวนรู้สึกใจอ่อนลงเล็กน้อย เมื่อเห็นใบหน้างามที่น่าสงสาร แต่ยังคงหันหน้ามองไปที่อื่นด้วยความยากลำบาก “เจ้าเจอหลายเรื่องมามากเกินไป พักผ่อนให้เต็มที่ รอจนกว่าเจ้าจะสงบลงก่อน ค่อยคุยกันอีกครั้ง!”“คุณชาย ท่านคิดว่าข้ามีมลทิน เพราะแต่งงานสามครั้งหรือเปล่า?”คำปฏิเสธนั้นส่งผลให้ร่างกายนุ่มนิ่มของหูเมิ่งอิ๋งสั่นสะท้าน น้ำตาไหลอาบแก้ม ใบหน้างามของนางเป็นดั่งดอกสาลี่ต้องหยาดฝน “ข้า ข้า... ฮือฮือ!”เมื่อเป็นเช่นนี้ หวังหยวนก็ทนไม่ไหว เขาก้มศีรษะลงจุมพิตนางเขาไม่ได้เกลียดหูเมิ่งอิ๋งเลย หลังจากเข้าใจการเติบโตและนิสัยของนางแล้ว เขาก็ชอบความมีน้ำใจ และยิ่งสนิทกับนางมากยิ่งขึ้นเขาแค่รู้สึกว่าเรื่องนี้ควรหารือกับหลี่ซื่อหานก่อน จึงตัดสินใจเลื่อนออกไป และไม่กล้าที่จะพัฒนาความสัมพันธ์“อืม อืม...”“ฮือฮือ...”ทั้งสองโอบกอดแนบชิด!จิตใจกำลังว้าวุ่น ในช่วงเวลาวิกฤติ จู่ ๆ ก็มีคนมาเคาะประตู “พี่หยวน คนจากหุบเขาชิงหลงกำลังจะไปแล้ว พวกเขามาที่นี่เพื่อบอกลาท่าน!”“ก๊อก ก๊อก!”หวังหยวนอ้าปากค้าง หยุดเคลื่อนไหว “บอก
จ้าวป๋อเซี่ยว อาจารย์จ้าวหลังค่อมกำประสานมือคำนับด้วยความตื้นตันเซี่ยซานหู่ อู่จั้งโหว เถียนชี เสี่ยวไท่ซุ่ย และเฮยเมี่ยนจินกัง ก็ค่อนข้างตื้นตันเช่นกันเดินทางยามค่ำคืนนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย หมายถึงความยากลำบากในการกบฏ ต้องระวังตัวให้ดี ก็คือบอกให้พวกเขาดำเนินการด้วยความระมัดระวังตราบใดที่เดินทางยามค่ำคืนเมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นในยามเช้า ย่อมจะเป็นวันที่แตกต่างออกไป!คำแนะนำของเสนาธิการทหารคือการให้กำลังใจพวกเขา!หวังหยวนโบกมือ แค่พูดอะไรบางอย่างที่สุดแสนจะธรรมดา เพื่อเตือนให้พวกเขาระวังตัว เหตุใดคนพวกนี้ถึงมีท่าทีแปลกนักทั้งหกคนหันหลังเตรียมเดินจากไป แต่หงเยี่ยยังคงยืนอยู่ข้างหลัง ทำให้เสี่ยวไท่ซุ่ยและเฮยเมี่ยนจินกังหันกลับไปมองบ่อย ๆ จากนั้นจ้าวป๋อเซี่ยว อาจารย์หลังค่อมก็มาลากนางออกไปหวังหยวนมองหงเยี่ยที่เหมือนลังเลที่จะพูด “เจ้ามีอะไรหรือเปล่า?”หงเยี่ยกัดฟันตอบว่า “ข้าได้ยินชิงเหอบอกว่าท่านรักภรรยาของท่านมาก และได้ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่แต่งงานกับภรรยาคนที่สอง แล้วเหตุใดท่านถึงทำอย่างนี้กับคุณหนูหู?”นางเป็นผู้ฝึกยุทธ์ จึงได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวบางอย่างในห้อง!ความสัมพันธ์ระ
หวังหยวนหัวเราะเบา ๆ แล้วเปลี่ยนเรื่อง “วันนี้หากได้สัมผัสกับหิมะด้วยกัน ชาตินี้จะได้อยู่กันไปจนแก่เฒ่า!”ดวงตาคู่งามของหูเมิ่งอิ๋งเป็นประกาย นางซุกตัวแนบชิดเข้าไปในอ้อมแขนของหวังหยวน “เช่นนั้นคุณชายโปรดพาข้าไปยืนท่ามกลางหิมะสักพักเถอะ!”หวังหยวนจับมือเล็กของนาง แล้วพูดว่า “หากผมขาวดั่งหิมะไปด้วยกันได้ โลกนี้จะมีคนทุกข์ได้อย่างไร!”หูเมิ่งอิ๋งหลับตา ขนตางอนยาวของนางสั่นเทา “ด้วยคำพูดนี้จากคุณชาย แม้ว่าเมิ่งอิ๋งจะต้องตายเดี๋ยวนี้ ชีวิตนี้ก็คุ้มค่าแล้ว!”หิมะโปรยปรายทั่วท้องฟ้าอย่างหนัก ปกคลุมทั่วทั้งเมืองฝูและอาณาจักรจนขาวโพลนไปหมด!ชายหญิงคู่หนึ่งยืนอยู่ท่ามกลางหิมะตกหนัก ในไม่ช้าพวกเขาก็กลายเป็นเหมือนตุ๊กตาหิมะสองตัว!ผมดำขลับถูกปกคลุมด้วยหิมะสีขาว หอมหวานปานน้ำผึ้ง...“พี่ชาย เหตุใดต้องลากข้าออกมา ข้ายังพูดไม่จบ!”เมื่อทั้งกลุ่มออกจากเมืองฝู หิมะก็เริ่มตกหนัก หงเยี่ยเริ่มบ่น“ยายตัวแสบ ไม่รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่ เจ้ามีหน้าที่รับผิดชอบเรื่องส่วนตัวของเสนาธิการทหารหรือ! เจ้าไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของเสนาธิการทหารในฐานะอะไร”อู่จั้งโหวที่คอยดูน้องสาวอยู่เสมอพูดอย่างเคร่งขรึม “อย