เหรียญทองแดง เงิน ทองคำ และตั๋วทองถูกนำเข้ามาในบ้านด้วยรถเข็น!ทองคำสามหมื่นตำลึงที่ใช้ซื้อมา และส่วนใหญ่ขายไปได้สี่สิบหรือห้าสิบเท่า เทียบเท่ากับทองคำเกือบหนึ่งล้านตำลึงยังมีเหลืออีกมากเรียกได้ว่าเป็นความมั่งคั่งที่เกิดขึ้นกะทันหันเงินของเขาตอนนี้สูงที่สุดในเมืองจิ่วซาน แม้แต่ในต้าเย่เขาก็ยังสามารถติดอันดับหนึ่งในร้อยอันดับแรกได้เช่นเดียวกับใบอนุญาตค้าเกลือ และขนส่งเกลือของเมืองจิ่วซานในปีหน้า ทั้งหมดก็ตกมาอยู่ในมือของเขาส่วนครัวเรือนเฟ่ยชางที่ยืมเงิน ก็บอกให้พวกเขากลับบ้านไปเริ่มทำเกลืออีกครั้งอีกทั้งเขายังสร้างเครื่องมือที่สามารถขุดบ่อน้ำลึกหนึ่งพันเมตรได้ และแอบมอบให้เฟยหนิวกับน้องชาย!เฟ่ยชางอยู่ในมือแล้ว!นี่มันเกินเป้าหมายในการมาจิ่วซานครั้งนี้แล้ว!เขาคิดจะไปค่ายทหารเพื่อบอกลาอู๋หลิงและพรรคพวก แล้วกลับไปที่เมืองฝู!คืนนั้น อู๋หลิงพาขุนพลหลายคนมาที่บ้านของหวังหยวน!“ท่านเสนาธิการทหาร พวกเราขอแสดงความเสียใจ ความดีความชอบทั้งหมดของเจ้า ตกเป็นของพวกเราเสียแล้ว!”ทันทีที่พบกัน อู๋หลิงและชายกลุ่มหนึ่งก็คุกเข่าลงบนพื้น!“ลุกขึ้นมา พวกเจ้าทำอะไรอยู่ ไม่คิดว่าข้าเป็น
เจ้าเมืองคนใหม่ของเมืองจิ่วซานเหยียนฟู่กู่มาถึงแล้ว เมื่อเจอเขาก็นอบน้อมมาก “ขอบคุณท่านที่เอาชนะชาวหวงได้ ข้ายังพลอยได้รับประโยชน์จากความดีความชอบ และกลายเป็นผู้นำของฝ่ายราชการด้วย”ถงจือแห่งเมืองจิ่วซานอยู่ในระดับห้า ฝู่ไถอยู่ในระดับสี่ ได้รับการเลื่อนระดับขึ้นหนึ่งระดับ!เรื่องระดับนี้ เจ้าหน้าที่หลายคนใช้เวลาสิบถึงยี่สิบปี ในการได้รับการเลื่อนตำแหน่งตามคุณสมบัติ!เหยียนฟู่กู่อายุน้อยกว่าสามสิบ แต่กลายเป็นระดับสี่แล้วหากเขามีชีวิตอยู่ได้อีกสิบถึงยี่สิบปี เขาอาจประสบความสำเร็จทางการเมือง และกลายเป็นขุนนางระดับสามเมื่อเข้าสู่ระดับที่สามบน ก็จะสามารถเข้าถึงศูนย์กลางอำนาจได้โดยตรงหวังหยวนดึงตัวเขาขึ้นมา แล้วพูดว่า “เจ้าไม่เรียนรู้จากพี่ไห่เทียนเลย อย่ามีมารยาทและสุภาพถึงเพียงนี้เลย ข้าทนกับพฤติกรรมนี้ของพวกเจ้าไม่ไหวจริง ๆ!”หวังหยวนไม่เพียงแต่ไม่ต้องการคุกเข่าให้ผู้อื่นเท่านั้น แต่หวังหยวนยังรู้สึกไม่สบายใจ เมื่อคนอื่นคุกเข่าให้เขาด้วยเพราะในชีวิตก่อนหน้านี้ ลำดับชั้นที่ชัดเจนได้ยุติลงนานแล้ว และธรรมเนียมคุกเข่าก็ถูกยกเลิกไป“ข้าไม่เก่งเท่าอาจารย์ขอรับ”เหยียนฟู่กู่เปลี่ยน
“ท่านอาจารย์ กรุณาบอกเถอะขอรับ!”เหยียนฟู่กู่กัดฟัน “เมื่อเทียบกับท่านแล้ว ข้าไม่มีความกล้าหาญมากนัก แต่เมื่อเทียบกับคนทั่วไป ข้าก็ยังค่อนข้างถือว่ากล้าหาญ!”“เช่นนั้นก็ดี!”หวังหยวนหัวเราะเบา ๆ “ข้าจะให้หกคำแก่เจ้า ปล้นคนรวย ช่วยคนจน!”เฮือก!ใบหน้าของเหยียนฟู่กู่ซีดลง “ท่าน ท่านอาจารย์อย่าล้อเล่นเลยขอรับ!”ใช่แล้ว ปัญหาสามารถแก้ไขได้ทันที โดยโค่นเจ้าของที่ดินและผู้มีอำนาจ เพื่อแจกจ่ายที่ดินของพวกเขาให้กับประชาชน!แต่หากเขาต้องการทำเช่นนี้จริง ๆ ไม่ต้องพูดถึงว่าลูกน้องของเขาจะฟังหรือไม่ เกรงว่าราชโองการจะลงมาปลดเขาออกจากตำแหน่งทางการ ก่อนที่เขาจะทำได้น่ะสิ!หวังหยวนพูดอย่างเคร่งขรึม “ข้าไม่ได้ล้อเล่น ด้วยแผนที่ยิ่งใหญ่ในปัจจุบัน การผนวกที่ดิน การรวมกลุ่มความมั่งคั่ง และการรวมชนชั้น ผลประโยชน์ไม่อาจแจกจ่ายให้กับประชาชนได้ หากเจ้าต้องการให้ผู้คนมีชีวิตที่ดี เจ้าต้องแจกจ่ายผลประโยชน์ ไม่เช่นนั้นต่อให้พยายามแค่ไหน ก็ยังแก้ปัญหาได้แค่ผิวเผินอยู่ ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่เจ้าต้องการ!”เหยียนฟู่กู่พยักหน้าอย่างครุ่นคิด“ด้วยตำแหน่งทางการของเจ้า เจ้าจะไม่สามารถโน้มน้าวจวิ้นวั่งได้ แต่หากเจ้
หวังหยวนกล่าวเสริม “ทองคำสองหมื่นตำลึง หากเจ้ายังมีเหลือหลังจากซื้อข้าว ที่เหลือก็อาจนำไปสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญได้!”“โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญหรือขอรับ?”เหยียนฟู่กู่สับสน “ท่านโปรดขจัดความสงสัยด้วยขอรับ!”หวังหยวนอธิบายอย่างไม่มีทางเลือก “สิ่งที่เรียกว่าการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ หมายความว่าฝ่ายราชการใช้เงินเพื่อสร้างโครงการ เช่นการอนุรักษ์น้ำ การก่อสร้างถนนหนทาง และการก่อสร้างสะพาน ยิ่งมีโครงการดังกล่าวมากเท่าไหร่ คนก็จะยิ่งมีงานทำมากขึ้น ทั้งนักธุรกิจและคนธรรมดาก็สามารถหาเงินได้ ด้วยเงินนี้ เมืองจะเจริญรุ่งเรือง และฝ่ายราชการก็จะเก็บภาษีได้เพิ่มขึ้น เป็นโครงการที่ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย!”ในประเทศจีน ข้อได้เปรียบด้านโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ เป็นวิธีเดียวที่จะกระตุ้นการพัฒนาเศรษฐกิจได้ปังปังปัง!เหยียนฟู่กู่ตกตะลึงอยู่นาน ดวงตาของเขาเป็นประกายขึ้น จากนั้นคุกเข่าลงคำนับอีกครั้ง “ท่านอาจารย์เป็นบัณฑิตผู้ประเสริฐจริง ๆ ศิษย์ประทับใจมากจนแทบสิ้นสติแล้วขอรับ!”ขั้นแรกให้โจมตีพวกทรราชในท้องถิ่น แบ่งที่ดินเพื่อกระจายรายได้ จากนั้นสร้างโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อปรับปรุงควา
“แค่แขวนเจ้าเด็กนั้นไว้ มันไม่ง่ายเกินไปสำหรับเขาหน่อยเหรอ!” ในห้องโถงจวี้อี้ มีชายร่างสูงไม่มากนัก ปากแหลม รูปโฉมคล้ามแก้มลิงนั่งอยู่บนที่นั่งของเจ้าบ้าน “กล้ารังแกน้องสาวของข้า ข้าจะ ‘ปลูกดอกบัว’ ให้เขาก่อน จากนั้นตัดแบ่งออกเป็นแปดชิ้นแล้วฉีกออก เด็ดหัวของเขาออกมาแล้วใช้เป็นกระโถนถ่ายหนัก แล้วฉี่ใส่คืนละครั้ง” นี่คืออู่จั้งโหวผู้นำของอีเซี่ยนเทียน เมื่อได้ยินว่ากองทัพชาวหวงกำลังเข้าใกล้เมืองจิ่วซาน เขาที่มักจะชอบออกไปเที่ยวที่หอนางโลมในเมืองชิงเหอเป็นเวลานาน จึงรีบกลับทันที! แต่กลับได้ยินว่าน้องสาวถูกลักพาตัว และผู้ลักพาตัวเรียกร้องค่าไถ่ถึงทองคำสามพันตำลึงทอง ทำให้ทรัพย์สินของสหายหมดเกลี้ยง ซ้ำยังมอบทองคำสองพันตำลึงให้เพื่อแลกกับตั๋วเงิน! ซึ่งทำให้เขาโทสะยิ่งนัก! ช่างไร้มนุษยธรรมยิ่งนัก ถึงกับขู่เข็ญโจรภูเขาอย่างพวกเขา ซ้ำยังลักพาตัวน้องสาวของเขาไปอีก! หากครั้งนี้ไม่ล้างแค้นและข่าวนี้แพร่ออกไป เขาจะเป็นอู่จั้งโหวอย่างไร? ไม่ได้การ แค้นครั้งนี้เขาจำเป็นต้องล้างแค้น! หงเยี่ยหยิบมีดขนาดใหญ่ขึ้นมา “พี่ใหญ่ หยุดพูดจาน่ารังเกียจแบบนี้ได้แล้ว แค่ฆ่าเขาก็พอแล้ว ทำไมถึงพูดจาน
พวกนางเป็นคนจากเมืองชิง ซึ่งหนีจากการรุกรานของชาวหวงมาเป็นโจรในเมืองจิ่วซาน นางและพี่ชายต่างชื่นชมแม่ทัพมู่ แม่ทัพหนุ่ม และกองทัพทมิฬที่สามารถสังหารชาวหวงจากก้นบึ้งของหัวใจ อย่างไรก็ตาม พ่อค้าที่ผ่านทางเหล่านั้นไม่สามารถเล่าเรื่องราวได้อย่างชัดเจนว่าแม่ทัพหนุ่มเอาชนะชาวหวงได้อย่างไร “แม่ทัพหนุ่มเป็นคนนำทัพขอรับ!” เชลยทหารนายหนึ่งฉายแววชาญฉลาดกล่าวว่า “ทว่าผู้ที่สังหารฮ่องเต้ถูหนานไม่ใช่เขา แต่เป็นท่านเสนาธิการทหารที่ใช้หน้าไม้ยิงฮ่องเต้ถูหนานจนสิ้นพระชนม์ ซ้ำยังเผาทหารราบติดอาวุธหนักสามหมื่นนายของชาวหวงจนตาย เขาใช้ยุทธวิถีกระทิงไฟโจมตีค่ายทหารของชาวหวง และปลอมตัวเป็นชาวหวงเพื่อยึดด่านหลงโถวกลับคืนมา ทั้งหมดนี้น่าจะเป็นฝีมือของเขาขอรับ!” ระหว่างทางได้ยินรายงานแต่ละครั้งว่าชาวหวงพ่ายแพ้อย่างไร มีหลายคนกล่าวว่านี่เป็นฝีมือของแม่ทัพหนุ่ม! แต่เขาได้มีการติดต่อกับท่านเสนาธิการทหารหลายครั้งหลายครา และเขารู้สึกว่ากลยุทธ์นี้เหมือนกับฝีมือของท่านเสนาธิการทหารยิ่งนัก “ท่านเสนาธิการทหาร?” ตาทั้งคู่ของอู่จั้งโหวจ้องเขม็ง “ท่านเสนาธิการทหารผู้นั้นเป็นใครมาจากไหน ถึงกับเก่งกาจกว่าแม่ท
สตรีในชุดสีม่วงกระแอมเบา ๆ “อืม หน้าอกเล็กมักฉลาด!” ไป๋เฟยเฟยก้มหัวลงพร้อมขมวดคิ้ว จากนั้นมองไปที่หน้าอกของสตรีที่สวมใส่ชุด และอดไม่ได้ที่จะกัดฟัน สตรีในชุดสีม่วงหน้าแดงระเรื่อ “เขาเป็นคนฉลาดขนาดนั้น จะไปมีจุดอ่อนได้อย่างไร” ดวงตาของไป๋เฟยเฟยเป็นประกาย “สามปีที่แล้วตระกูลหลี่เกือบจะถูกสังหารเก้าชั่วโครต แต่เขากล้าที่จะแต่งงานกับหลี่ซื่อหาน ซึ่งเป็นสตรีที่งดงามที่สุดในเทศบาล เขาโลภยิ่งนัก” สตรีในชุดม่วงขมวดคิ้ว “เป็นรักแท้ไม่ได้หรือไงเล่า?” “เจ้าคิดว่ามันเหมือนกับเจ้าและแม่ทัพหนุ่มที่มีความรักที่แท้จริงระหว่างชายหญิงหรือไง!” ไป๋เฟยเฟยตะคอกอย่างเหยียดหยาม “หากเป็นความรักที่แท้จริง ในหมู่บ้านคงไม่แพร่กระจายข่าวว่าเขาและหวังพั่วหลู่ไปที่หอนางโลมในเทศบาลเมื่อไม่นานมานี้ ซ้ำยังอยู่ที่นั่นเป็นเวลาสามวัน” สตรีในชุดสีม่วงขมวดคิ้วเล็กน้อย บุรุษไปหอนางโลม คลุกคลีกับสตรีย่อมเป็นเรื่องธรรมชาติ นางค่อนข้างเปิดใจกว้างกับเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม หอนางโลมในเมืองเล็ก ๆ เช่นนี้จะไปมีสตรีที่งามหยดย้อย จนทำให้อยู่ได้ตั้งสามวันได้อย่างไร! คุณชายผู้นี้มีรสนิยมแย่ยิ่งนัก “ยังมีหูเมิ่งอิ๋งน
ด้วยความเชื่อนี้ นางจึงยืนหยัดและไม่ยอมแพ้ต่อแรงกดดันจากตระกูลโจว และเผยวิธีทำน้ำตาลทรายขาว ด้วยความดูแลภายใต้ท่านผู้พิพากษา นางจึงใช้เงินจำนวนหนึ่งติดสินบน ท่านพ่อไม่ได้รับโทษในคุก! อย่างไรก็ตาม พยานหลักฐานเป็นที่สิ้นสุด และไม่สามารถกลับคำตัดสินได้ ดังนั้นผู้พิพากษาจึงทำได้เพียงเลื่อนและถ่วงเวลาไว้เท่านั้น! ทว่าในทุก ๆ คืนจะมีอันธพาลมาเคาะประตู พูดจาไม่ดี และข่มขู่ใส่ โชคดีที่ผู้พิพากษาได้ส่งเจ้าหน้าที่ตรวจการไป ทว่าเจ้าหน้าที่ตรวจการไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้ตลอดเวลา หลังจากเจ้าหน้าที่ตรวจการจากไป พอผ่านไม่นานพวกอันธพาลก็กลับมาก่อกวนอีกครั้ง “ลูกพี่ลูกน้องของเจ้าเป็นแค่ถงเซิงไม่เอาไหน นายท่านโจวของพวกข้าสามารถบดขยี้เขาให้ตายได้ด้วยมือเดียว!” พวกอันธพาลที่อยู่นอกประตูตะคอกอย่างเย็นชา “หากเจ้าฉลาดแล้วล่ะก็ รีบส่งของที่นายท่านของพวกข้าอยากได้ออกมาเร็ว ๆ ไม่เช่นนั้น พี่ชายจะไม่สุภาพกับเจ้าแล้ว พวกพี่เข้าไปพร้อมกันสี่คนเลยนะ ฮ่า ฮ่า!” “เจ้า หากเจ้ากล้าเข้ามา ข้าจะฆ่าพวกเจ้า หากพวกเจ้าไม่เชื่อก็ลองดู!” จ้าวชิงเหอกัดฟันสีเงินพร้อมกอดหน้าไม้จู่เกอไว้ในอ้อมแขน หันไปทางประตู! ด