“แค่แขวนเจ้าเด็กนั้นไว้ มันไม่ง่ายเกินไปสำหรับเขาหน่อยเหรอ!” ในห้องโถงจวี้อี้ มีชายร่างสูงไม่มากนัก ปากแหลม รูปโฉมคล้ามแก้มลิงนั่งอยู่บนที่นั่งของเจ้าบ้าน “กล้ารังแกน้องสาวของข้า ข้าจะ ‘ปลูกดอกบัว’ ให้เขาก่อน จากนั้นตัดแบ่งออกเป็นแปดชิ้นแล้วฉีกออก เด็ดหัวของเขาออกมาแล้วใช้เป็นกระโถนถ่ายหนัก แล้วฉี่ใส่คืนละครั้ง” นี่คืออู่จั้งโหวผู้นำของอีเซี่ยนเทียน เมื่อได้ยินว่ากองทัพชาวหวงกำลังเข้าใกล้เมืองจิ่วซาน เขาที่มักจะชอบออกไปเที่ยวที่หอนางโลมในเมืองชิงเหอเป็นเวลานาน จึงรีบกลับทันที! แต่กลับได้ยินว่าน้องสาวถูกลักพาตัว และผู้ลักพาตัวเรียกร้องค่าไถ่ถึงทองคำสามพันตำลึงทอง ทำให้ทรัพย์สินของสหายหมดเกลี้ยง ซ้ำยังมอบทองคำสองพันตำลึงให้เพื่อแลกกับตั๋วเงิน! ซึ่งทำให้เขาโทสะยิ่งนัก! ช่างไร้มนุษยธรรมยิ่งนัก ถึงกับขู่เข็ญโจรภูเขาอย่างพวกเขา ซ้ำยังลักพาตัวน้องสาวของเขาไปอีก! หากครั้งนี้ไม่ล้างแค้นและข่าวนี้แพร่ออกไป เขาจะเป็นอู่จั้งโหวอย่างไร? ไม่ได้การ แค้นครั้งนี้เขาจำเป็นต้องล้างแค้น! หงเยี่ยหยิบมีดขนาดใหญ่ขึ้นมา “พี่ใหญ่ หยุดพูดจาน่ารังเกียจแบบนี้ได้แล้ว แค่ฆ่าเขาก็พอแล้ว ทำไมถึงพูดจาน
พวกนางเป็นคนจากเมืองชิง ซึ่งหนีจากการรุกรานของชาวหวงมาเป็นโจรในเมืองจิ่วซาน นางและพี่ชายต่างชื่นชมแม่ทัพมู่ แม่ทัพหนุ่ม และกองทัพทมิฬที่สามารถสังหารชาวหวงจากก้นบึ้งของหัวใจ อย่างไรก็ตาม พ่อค้าที่ผ่านทางเหล่านั้นไม่สามารถเล่าเรื่องราวได้อย่างชัดเจนว่าแม่ทัพหนุ่มเอาชนะชาวหวงได้อย่างไร “แม่ทัพหนุ่มเป็นคนนำทัพขอรับ!” เชลยทหารนายหนึ่งฉายแววชาญฉลาดกล่าวว่า “ทว่าผู้ที่สังหารฮ่องเต้ถูหนานไม่ใช่เขา แต่เป็นท่านเสนาธิการทหารที่ใช้หน้าไม้ยิงฮ่องเต้ถูหนานจนสิ้นพระชนม์ ซ้ำยังเผาทหารราบติดอาวุธหนักสามหมื่นนายของชาวหวงจนตาย เขาใช้ยุทธวิถีกระทิงไฟโจมตีค่ายทหารของชาวหวง และปลอมตัวเป็นชาวหวงเพื่อยึดด่านหลงโถวกลับคืนมา ทั้งหมดนี้น่าจะเป็นฝีมือของเขาขอรับ!” ระหว่างทางได้ยินรายงานแต่ละครั้งว่าชาวหวงพ่ายแพ้อย่างไร มีหลายคนกล่าวว่านี่เป็นฝีมือของแม่ทัพหนุ่ม! แต่เขาได้มีการติดต่อกับท่านเสนาธิการทหารหลายครั้งหลายครา และเขารู้สึกว่ากลยุทธ์นี้เหมือนกับฝีมือของท่านเสนาธิการทหารยิ่งนัก “ท่านเสนาธิการทหาร?” ตาทั้งคู่ของอู่จั้งโหวจ้องเขม็ง “ท่านเสนาธิการทหารผู้นั้นเป็นใครมาจากไหน ถึงกับเก่งกาจกว่าแม่ท
สตรีในชุดสีม่วงกระแอมเบา ๆ “อืม หน้าอกเล็กมักฉลาด!” ไป๋เฟยเฟยก้มหัวลงพร้อมขมวดคิ้ว จากนั้นมองไปที่หน้าอกของสตรีที่สวมใส่ชุด และอดไม่ได้ที่จะกัดฟัน สตรีในชุดสีม่วงหน้าแดงระเรื่อ “เขาเป็นคนฉลาดขนาดนั้น จะไปมีจุดอ่อนได้อย่างไร” ดวงตาของไป๋เฟยเฟยเป็นประกาย “สามปีที่แล้วตระกูลหลี่เกือบจะถูกสังหารเก้าชั่วโครต แต่เขากล้าที่จะแต่งงานกับหลี่ซื่อหาน ซึ่งเป็นสตรีที่งดงามที่สุดในเทศบาล เขาโลภยิ่งนัก” สตรีในชุดม่วงขมวดคิ้ว “เป็นรักแท้ไม่ได้หรือไงเล่า?” “เจ้าคิดว่ามันเหมือนกับเจ้าและแม่ทัพหนุ่มที่มีความรักที่แท้จริงระหว่างชายหญิงหรือไง!” ไป๋เฟยเฟยตะคอกอย่างเหยียดหยาม “หากเป็นความรักที่แท้จริง ในหมู่บ้านคงไม่แพร่กระจายข่าวว่าเขาและหวังพั่วหลู่ไปที่หอนางโลมในเทศบาลเมื่อไม่นานมานี้ ซ้ำยังอยู่ที่นั่นเป็นเวลาสามวัน” สตรีในชุดสีม่วงขมวดคิ้วเล็กน้อย บุรุษไปหอนางโลม คลุกคลีกับสตรีย่อมเป็นเรื่องธรรมชาติ นางค่อนข้างเปิดใจกว้างกับเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม หอนางโลมในเมืองเล็ก ๆ เช่นนี้จะไปมีสตรีที่งามหยดย้อย จนทำให้อยู่ได้ตั้งสามวันได้อย่างไร! คุณชายผู้นี้มีรสนิยมแย่ยิ่งนัก “ยังมีหูเมิ่งอิ๋งน
ด้วยความเชื่อนี้ นางจึงยืนหยัดและไม่ยอมแพ้ต่อแรงกดดันจากตระกูลโจว และเผยวิธีทำน้ำตาลทรายขาว ด้วยความดูแลภายใต้ท่านผู้พิพากษา นางจึงใช้เงินจำนวนหนึ่งติดสินบน ท่านพ่อไม่ได้รับโทษในคุก! อย่างไรก็ตาม พยานหลักฐานเป็นที่สิ้นสุด และไม่สามารถกลับคำตัดสินได้ ดังนั้นผู้พิพากษาจึงทำได้เพียงเลื่อนและถ่วงเวลาไว้เท่านั้น! ทว่าในทุก ๆ คืนจะมีอันธพาลมาเคาะประตู พูดจาไม่ดี และข่มขู่ใส่ โชคดีที่ผู้พิพากษาได้ส่งเจ้าหน้าที่ตรวจการไป ทว่าเจ้าหน้าที่ตรวจการไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้ตลอดเวลา หลังจากเจ้าหน้าที่ตรวจการจากไป พอผ่านไม่นานพวกอันธพาลก็กลับมาก่อกวนอีกครั้ง “ลูกพี่ลูกน้องของเจ้าเป็นแค่ถงเซิงไม่เอาไหน นายท่านโจวของพวกข้าสามารถบดขยี้เขาให้ตายได้ด้วยมือเดียว!” พวกอันธพาลที่อยู่นอกประตูตะคอกอย่างเย็นชา “หากเจ้าฉลาดแล้วล่ะก็ รีบส่งของที่นายท่านของพวกข้าอยากได้ออกมาเร็ว ๆ ไม่เช่นนั้น พี่ชายจะไม่สุภาพกับเจ้าแล้ว พวกพี่เข้าไปพร้อมกันสี่คนเลยนะ ฮ่า ฮ่า!” “เจ้า หากเจ้ากล้าเข้ามา ข้าจะฆ่าพวกเจ้า หากพวกเจ้าไม่เชื่อก็ลองดู!” จ้าวชิงเหอกัดฟันสีเงินพร้อมกอดหน้าไม้จู่เกอไว้ในอ้อมแขน หันไปทางประตู! ด
ผิงเจี้ยน ฉางเซิ่ง และเหล่าทหารชุดเกราะทมิฬสิบกว่าคนต่างไม่ลังเลที่จะแสดงจุดยืนของพวกเขา! “คุณชาย พวกเราจะกลับไปพาภรรยาและลูก ๆ ที่บ้านก่อน จากนั้นค่อยย้ายไปที่หมู่บ้านต้าหวังขอรับ!” อวี๋เถี่ยซานและอีกยี่สิบกว่าคนพาครอบครัวมาด้วย และเลือกที่จะย้ายไปพร้อมทั้งครอบครัว! ว่าด้วยนิสัยของคุณชายแล้ว พวกเขาได้ทำความเข้าใจผ่านทางหวังหานซานแล้ว! สำหรับความสามารถของคุณชาย พวกเขารู้ดีกว่าใครหลังจากการทำศึกมาหลายครั้ง บวกกับคำกำชับจากแม่ทัพหนุ่ม ซึ่งบอกให้พวกเขาว่าหากติดตามคุณชาย พวกเขาก็จะมีชีวิตอยู่อย่างไร้กังวล หลายคนจึงเห็นด้วยอย่างไม่ลังเล “คุณชาย พวกเราอยากกลับไปใช้ชีวิตอย่างสงบสุข!” มีทหารผ่านศึกชุดเกราะทมิฬเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เลือกที่จะกลับไปยังบ้านเกิดของตน ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่ไว้ใจหวังหยวน แต่เป็นเพราะไม่อยากจากบ้านเกิดเมืองนอน และเขาไม่อยากระเหเร่ร่อน! หวังหยวนก็ไม่ได้บังคับอะไร เขายังมอบเงินสามพันตำลึงให้กับทุกคนที่กลับไป เงินส่วนนี้ไม่มากหรือน้อยเกินไป และยังพอใช้ทั้งชีวิตเมื่อกลับไปตั้งถิ่นฐานสร้างบ้านที่บ้านเกิด ทหารผ่านศึกชุดเกราะทมิฬไปจัดเตรียมรถม้า! ไม่
วังไห่เทียนหัวเราะแห้ง “เจ้ายกย่องข้ามากขนาดนั้น หากข้าทำไม่ได้ขึ้นมาจะทำอย่างไรเล่า!” หวังหยวนตรงประเด็น “พวกเรากำลังจัดการศึกษาด้านการอ่านเขียนในหมู่บ้านของเรา แต่เราขาดแคลนอาจารย์คอยสั่งสอน ข้าจึงอยากขอความช่วยเหลือจากพี่ชาย ข้ากำลังมองหาคุณชายที่เชื่อถือได้ และมีความยืดหยุ่นในการสอนหนังสือ!” วังไห่เทียนประหลาดใจ “จัดการศึกษาหรือ?” หวังหยวนอธิบายว่า “ข้าหมายความว่าทุกคนจะต้องสามารถอ่านออกเขียนได้ โดยไม่คำนึงถึงเพศชายหญิง คนแก่หรือเด็ก ทุกคนต่างสามารถเขียนชื่อของตนเองได้ และแม้กระทั่งรู้เลขคณิตง่าย ๆ” แผงลอยเริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ และจำเป็นต้องมีคนที่สามารถเขียนและคำนวณได้มากขึ้นเรื่อย ๆ! เขาไม่ไว้ใจที่จะเปิดรับสมัครจากภายนอก ไม่สู้ฝึกฝนด้วยตัวเองและรู้พื้นฐานจะดีกว่า! ตอนนี้มีเงินแล้ว หลังจากกลับไปที่หมู่บ้านต้าหวังก็ทำได้หลายอย่าง! “ให้ทุกคนในหมู่บ้านรู้วิธีอ่านหนังสือ!” วังไห่เทียนสั่นไปทั้งตัว นี่เป็นวีรกรรมอันเกริกก้องที่ไม่เคยมีมาก่อน ดวงตาทั้งคู่ของเขาเป็นประกาย “น้องชาย เจ้าจะสรรค์สร้างดินแดนแห่งสันติภาพและความสุข พร้อมทั้งให้ทุกคนเดินในทางแห่งปราชญ์หรือ!” “แค
สวบ! คนทั้งกลุ่มลงจากหลังม้าตอนกลางวัน ทุกคนต่างมองไปยังหวังหยวนด้วยสายตาอาวรณ์! พวกเขาติดต่อกับท่านเสนาธิการทหารมาไม่ถึงหนึ่งเดือน แต่พวกเขาได้ตระหนักรู้ว่าปรมาจารย์เป็นเช่นไร! เขาจะช่วยให้เจ้าชนะการต่อสู้ ช่วยให้เจ้าได้เลื่อนตำแหน่ง ซ้ำยังช่วยให้เจ้าได้รับเงินจำนวนมากอีกด้วย! หลังจากใช้เวลาติดต่อกับท่านเสนาธิการทหารเพียงเดือนเดียว ตอนนี้พวกเขามีทุกสิ่งที่โหยหาในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา! หวังหยวนขมวดคิ้ว “ข้าบอกแล้วว่าไม่ต้องมาส่งข้าตอนจากไป ซ้ำยังมากันพร้อมเพรียงขนาดนี้ทำไมเล่า!” คนกลุ่มหนึ่งยิ้มและไม่โกรธเลยสักนิดเมื่อเผชิญกับข้อกล่าวหานี้! “ท่านเสนาธิการทหาร ข้าได้ยินจากลุงหานชานว่าท่านได้ฝึกฝนเป็นผู้รักษาการในบ้านเกิดของท่าน!” อู๋หลิงหยิบหนังสือออกมาแล้วพูดว่า “นี่คือทักษะดาบ ทักษะหอก ทักษะจวงกง และทักษะการต่อสู้ของตระกูลอู๋ข้า ท่านให้ต้าหู่ส่งต่อให้พวกเขาเถอะขอรับ!” หวังหยวนไม่ได้เข้าไปรับ “ข้าได้ยินมาว่าของในตระกูลอู๋ไม่ส่งต่อไปให้ภายนอก หากเจ้าทำเช่นนี้แล้ว เจ้าจะอธิบายให้คนในตระกูลอย่างไรเล่า!” ในยุคสมัยนี้ผู้คนต่างปกป้องความรู้ทุกประเภทอย่างเป็นความลับ! แม้
ฟู่ฉีนำแพทย์ในกองทัพทหารมาแสดงความเคารพ! เมื่อคืนนี้มีการแจกจ่ายเงินในกองทัพ และแพทย์เช่นพวกเขาก็ได้รับเงินมากกว่าขุนพลระดับล่าง ทันทีที่รู้ว่าท่านเสนาธิการทหารเป็นคนมอบให้ ต่างก็ซาบซึ้งน้ำตาไหลแสดงความขอบคุณทันที เมื่อเช้านี้ยังยืนกรานจะมาแสดงความขอบคุณ “เอาล่ะ ใช้ประโยชน์จากอากาศหนาวเย็น ซึ่งสามารถรักษาศพไว้ได้ดี ศึกษาการชันสูตรศพให้เยอะ ๆ และจดบันทึกให้มาก เมื่อได้ตระหนักรู้แล้วก็อย่าลืมไปสอนให้คนอื่น ๆ เรียนรู้ด้วย!” หวังหยวนฝากฝังหนึ่งประโยค จากนั้นโบกมือให้ทหารจำนวนมากแล้วขึ้นรถม้าพร้อมพูดว่า “ไปกันเถอะ!” เพี๊ยะ! ต้าหู่สะบัดแส้และขบวนรถก็เคลื่อนตัวไปข้างหน้า ฮวบ! อู๋หลิงเริ่มนำทำความเคารพโดยคุกเข่าลงครึ่งหนึ่ง “น้อมส่งท่านเสนาธิการทหารกลับบ้าน!” ฮวบ ฮวบ ฮวบ! ทหารทั้งหมดต่างคุกเข่าลงครึ่งหนึ่ง และตะโกนเสียงดังกึกก้อง “น้อมส่งท่านเสนาธิการทหารกลับบ้าน!” หวังหยวนยกม่านขึ้นแล้วโบกมือพร้อมรู้สึกเศร้าเล็กน้อย ขบวนรถค่อย ๆ เคลื่อนตัว ทหารคุกเข่าลงครึ่งหนึ่งบนพื้นน้ำแข็งหนาวเหน็บ และไม่ลุกขึ้นจนกว่ารถม้าจะลับสายตา ... รถม้าเดินทางหกสิบกิโลต่อวัน และวันที่สองก็
“พวกเจ้าออกไปก่อน”เมื่อเห็นว่าคนเหล่านั้นหน้าดำคร่ำเครียด ซือหม่าอันจึงโบกมือให้พวกเขาออกไปในชั่วพริบตา คนเหล่านั้นก็จากไปด้วยความโล่งอกพวกเขาถึงกับกังวลว่าหานเทาจะสังหารพวกเขาเพราะความโกรธด้วยซ้ำ...“ท่านขุนพลหานไม่ต้องโมโห”“อันที่จริง เรื่องเหล่านี้ล้วนสมเหตุสมผล”“แม้ว่าจะไม่มีตำแหน่งอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้าแล้ว แต่ชื่อเสียงของพวกเราก็ไม่ค่อยดีนัก พวกเขาจะเดินทางมาได้อย่างไร?”“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็สร้างหอไร้เทียมทานขึ้นมาเอง ท่านคิดเห็นเช่นไร?”ซือหม่าอันหรี่ตาลง ตอนนี้เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ สายตาจับจ้องไปที่หานเทาหานเทากลืนน้ำลาย เอ่ยถามขึ้นว่า “ท่านมีความคิดดี ๆ แล้วหรือ?”ซือหม่าอันกล่าวว่า “หลายปีมานี้ ผู้คนต่างก็เกลียดชังอาณาจักรต้าเป่ย ถึงกับคิดว่าต้นตอของสงครามในดินแดนทั้งเก้าก็คืออาณาจักรต้าเป่ยของพวกเรา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อยากเข้าร่วมกับพวกเรา”“เช่นนั้นพวกเราก็นำยอดฝีมือจำนวนมากจากภายนอกเข้ามาเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับตนเองสิ!”“ตามที่ข้ารู้ หวังหยวนมีน้องชายคนหนึ่งชื่อว่าไฉจวิ้น ทั้งสองไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด ว่ากันว่าเป็นพี่น้องร่วมสาบาน”“ไฉ
“เมื่อคืนข้าไม่ได้บอกเจ้าแล้วหรือ ว่าอีกสองวันพวกเราจะกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง?”“ท่านถงและคนอื่น ๆ ล้วนอยู่ที่หมู่บ้านต้าหวัง พวกเราไม่ต้องเป็นกังวลกับเรื่องราวที่นั่น”“เมื่อพวกเรากลับไปแล้ว ก็เพียงแค่ใช้ชีวิตให้มีความสุข”หวังหยวนไม่ใช่คนไร้ซึ่งความทะเยอทะยาน เพียงแต่ว่าเขาไม่ได้มีความรักชาติอันยิ่งใหญ่และคำนึงถึงปวงประชาเป็นหลัก!เขาเพียงต้องการดูแลครอบครัวของตนเอง รวมถึงสหายและพี่น้องที่อยู่เคียงข้าง!หากสามารถช่วยเหลือปวงประชาได้ ย่อมเป็นเรื่องดี แต่หากต้องเสียสละสิ่งใดจริง ๆ เกรงว่าเขาคงจะไม่ทำเช่นนั้น...แม้แต่การประชุมที่หอหลิวหลีในตอนนั้น ก็เป็นเพียงเพราะหวังหยวนต้องการความสงบสุข“ไม่ได้ ไม่ได้!”“ข้าไม่อยากกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง!”“ข้าอยากจะติดตามท่านไปยังสถานที่ที่ผู้คนไม่พลุกพล่าน เมื่อข้าให้กำเนิดลูกแล้ว พวกเราค่อยกลับไปก็ได้ไม่ใช่หรือ?”หลิ่วหรูเยียนฉลาดยิ่งนักเมื่อกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง นางจะสามารถติดตามหวังหยวนได้ทุกวันได้อย่างไร?อย่าว่าแต่ต้องการจะมีลูกเป็นของตนเองเลย เกรงว่าแม้แต่พื้นที่ส่วนตัวของเขากับนางก็ยังแทบจะไม่มี!ในบ้านยังมีพี่สาวอีกหลายคน
หวังหยวนได้ตัดสินใจแล้ว เรื่องราวในเมืองอู่เจียงใกล้จะสิ้นสุด เขาเตรียมที่จะกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวังในอีกสองวันครั้งนี้เขาออกมานานกว่าครึ่งปี แม้ว่าพวกหลี่ซื่อหานจะไม่ได้เร่งรัดให้เขากลับบ้าน แต่ด้วยนิสัยของพวกนาง เกรงว่าคงจะอยากมาตามหาเขาแล้วกระมัง?มีปัญหาน้อยดีกว่ามีปัญหามาก รีบกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวังย่อมดีกว่าอีกอย่างคือเมื่อมีคนรักใหม่แล้วจะลืมคนรักเก่าได้อย่างไร!ฝนตกทั่วฟ้าถึงจะถูกต้อง!“ท่านผู้นำ มีเรื่องสำคัญที่ต้องรายงานท่านขอรับ!”“ข้าเพิ่งได้รับข่าว หานเทาและซือหม่าอันได้ก่อตั้งสถานที่ที่คล้ายกับหอไร้เทียมทาน ตอนนี้กำลังรวบรวมยอดฝีมือทั่วหล้า!”“นี่มันจงใจเป็นศัตรูกับพวกเราชัด ๆ”“ข้าจึงอยากจะถามว่า ต่อไปพวกเราต้องทำการตอบโต้หรือไม่ขอรับ?”หากเป็นเมื่อก่อน เกาเล่อย่อมต้องการความมั่นคง ไม่เคยทำเรื่องหุนหันพลันแล่นในสถานการณ์เช่นนี้ ย่อมไม่เลือกที่จะปะทะกับหานเทาโดยตรงแต่ยามนี้แตกต่างออกไป เมื่อก่อนหวังหยวนมีเพียงแคว้นเดียวเท่านั้น ตอนนี้แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น แต่เผ่าทางเหนือทั้งหมดก็อยู่ภายใต้การบัญชาของหวังหยวนแล้ว และท่านไท่สื่อก็เป็นคนของพวกเขาด้วย!ประกอบก
กองทัพทั่วหล้าตกอยู่ในมือของเขาแล้ว!หากเกิดสงครามกับหวังหยวน เขาก็ต้องเป็นแนวหน้า!ซือหม่าอันหรี่ตา จากนั้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “เรื่องที่ท่านขุนพลหานกังวล มีหรือที่ข้าจะไม่กังวล?”“ข้าได้กราบทูลเรื่องนี้กับฝ่าบาทแล้ว แต่ฝ่าบาทกลับไม่ได้ใส่ใจ ตอนนี้ท่านโปรดปรานการใช้ดินปืน ซ้ำยังให้คนไปคิดค้นอาวุธร้อนเพิ่มด้วย!”“เพียงแต่ว่าการจะพัฒนาอาวุธร้อนให้สมบูรณ์ ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ในชั่วข้ามคืน!”หานเทาถอนหายใจยาว มีหรือที่เขาจะไม่เข้าใจหลักการนี้?น่าเสียดายที่ไม่สามารถพูดคุยกับฝ่าบาทให้เข้าใจได้!“เช่นนั้นตามความคิดเห็นของท่านซือหม่า ต่อไปพวกเราต้องทำอย่างไร?”หานเทาเอ่ยถามเขาเป็นเพียงขุนศึก ในสถานการณ์เช่นนี้ ย่อมต้องการความช่วยเหลือจากซือหม่าอันเมื่อทั้งสองปรึกษาหารือกัน อาจจะสามารถหาผลลัพธ์ที่ดีได้!ซือหม่าอันหรี่ตาลง ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ใช้นิ้วเคาะโต๊ะเบา ๆ จากนั้นกล่าวว่า “หรือว่าพวกเราจะก่อตั้งสถานที่ที่คล้ายกับหอไร้เทียมทาน จากนั้นก็ป่าวประกาศเรื่องนี้ให้ทั่ว ให้ผู้คนทั่วหล้าเดินทางมา เช่นนี้แล้ว ต่อให้พวกเราไม่สามารถรวบรวมยอดฝีมือได้มากมาย อย่างน้อยก็ไม่ปล่อยให้
“เจ้านี่นะ! ถึงกับหึงหวงเพราะผู้ชายเลยหรือ? หากกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง เช่นนั้นข้าจะมีความสุขได้อย่างไร?”หวังหยวนส่ายหน้าอย่างจนใจ ที่บ้านเขายังมีภรรยาสาวสวยอีกหลายคน ท่าทางของหลิ่วหรูเยียนเช่นนี้ ช่างทำให้เขารู้สึกหวาดหวั่นที่สำคัญที่สุดก็คือ ภรรยาในบ้านแต่ละคนล้วนไม่ใช่คนธรรมดา!โดยเฉพาะหวงเจียวเจียว นิสัยของนางร้อนแรงยิ่งกว่าไฟ นอกจากหลี่ซื่อหานและคนอื่น ๆ แล้ว ก็เกรงว่าจะไม่ยอมรับใครอีกหากสตรีทั้งสองนี้มาพบกัน ใครจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแต่ในเมื่อรับพวกนางมาเป็นภรรยาแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต เขาก็ต้องรับผิดชอบทั้งหมดเวลาสามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในช่วงสามวันนี้ หวังหยวนอยู่ในหอไร้เทียมทานต้องยอมรับว่าการก่อตั้งหอไร้เทียมทานได้ดึงดูดผู้มีความสามารถมากมายมาให้หวังหยวนที่สำคัญที่สุดก็คือหวังหยวนเป็นเพียงผู้ดูแล เรื่องราวทั้งหมดมอบให้เกาเล่อจัดการ โดยเพียงแค่ใช้ชื่อเสียงของหวังหยวนเท่านั้น!ต้องรู้ว่าหวังหยวนมีชื่อเสียงไปทั่วทั้งดินแดนทั้งเก้า เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด แม้แต่ปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้าก็เคารพหวังหยวน แล้วใครเล่าจะไม่อยากมาอยู่ใต้บัญชาของหวังหยวน?ยิ่งไป
การประลองย่อมต้องดำเนินต่อไปเพียงแต่ว่าตำแหน่งอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้านั้นมีมากมาย หวังหยวนจึงไม่ได้อยู่ดูการแข่งขันต่อคาดว่าในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า หอไร้เทียมทานคงจะคึกคักเป็นอย่างมากในไม่ช้า หวังหยวน ไฉจวิ้น และหลิ่วหรูเยียนทั้งสามก็กลับมาถึงห้อง ส่วนเรื่องภายนอกมอบให้เกาเล่อจัดการทันทีที่เดินเข้าห้อง หวังหยวนจึงรีบจับมือไฉจวิ้นมาตรวจดูอย่างละเอียด“พี่ใหญ่ ท่านไม่ต้องเป็นห่วงหรอกขอรับ ข้าสบายดี!”“ต่อให้ต้องประลองต่อ ข้าก็ยังไหว!”“เพียงแต่ข้าคิดไม่ถึงว่าเจ้านั่นจะยอมแพ้...”“เช่นนี้ก็ดี ทำให้ข้าไม่ต้องเปลืองแรง!”“อีกอย่าง หากต้องประลองกันต่อ เกรงว่าแม้แต่ข้าก็ไม่รู้ว่าจะสำเร็จหรือไม่...”นี่เป็นความจริงทุกคนรู้ว่าไฉจวิ้นมีพละกำลังมหาศาล ตัวเขาเองก็รู้ดีแก่ใจ แต่ขีดจำกัดของตนอยู่ที่ใด เกรงว่าแม้แต่เขาเองก็คงจะไม่รู้“เห็นว่าเจ้าไม่เป็นอะไร ข้าก็โล่งใจ”“แต่ต่อไปเมื่อทำสิ่งใด ต้องใช้ความคิดให้มาก”“แม้ว่าเจ้าจะมีพละกำลังมหาศาล แต่เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน เจ้าไม่มีทางรู้ได้ว่าคู่ต่อสู้ของเจ้าแข็งแกร่งเพียงใด”“ดังนั้นเมื่อทำสิ่งใด อย่าได้อวดดี เข้าใจหรือไม่?”
“ช่างมีพละกำลังมหาศาลจริง ๆ!”ขณะที่หวังหยวนกับพวกกำลังสนทนากัน สายตาของพวกเขาก็จับจ้องไปที่ดาร์เนล ซึ่งในตอนนี้ได้ยกติ่งหนักถึงเจ็ดร้อยชั่งขึ้นเหนือศีรษะบนเวทีเหลือเพียงไฉจวิ้นและดาร์เนลเมื่อดาร์เนลยกติ่งขึ้นได้ สายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปที่ไฉจวิ้น ตอนนี้เขาคือความหวังของปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้า ตำแหน่งจอมพลังอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้าจะไปตกอยู่ในมือของชาวต่างชาติได้อย่างไร?เช่นนี้แล้ว ภายภาคหน้าปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้าจะเชิดหน้าชูตาได้อย่างไร?ทางด้านสายตาของหวังหยวนนั้นจับจ้องไปที่ดาร์เนล ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่“ดูท่าแล้วไฉจวิ้นยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ดาร์เนลมีความสามารถจริง ๆ ข้าเห็นว่าตอนที่เขายกติ่งขึ้นเมื่อครู่ไม่ได้มีความลังเลแม้แต่น้อย ช่างมีพละกำลังมหาศาลนัก หากบอกว่าคนผู้นี้คือจอมพลังอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้า นั่นไม่ถือว่าเป็นการดูหมิ่นชื่อเสียงอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้า”หลิ่วหรูเยียนที่อยู่ด้านข้างเอ่ยอย่างช้า ๆการกระทำทั้งหมดของดาร์เนลล้วนอยู่ในสายตาของพวกเขา นี่คือผู้ที่มีความสามารถอย่างแท้จริงหากเปลี่ยนเป็นคนอื่น เกรงว่าจะไม่มีใครทำได้อย่างเข้าไม่ใช่หรือ?
แต่ทั้งหมดนี้นั้น นับว่าเป็นความดีความชอบของปู่ของไฉจวิ้นด้วย หากไม่ใช่เพราะมีปู่ช่วยเหลืออยู่ข้าง ๆ และใช้ชีวิตอยู่ในป่ามาหลายปี แล้วเขาจะมีพละกำลังแข็งแกร่งเพียงนี้ได้อย่างไร?เมื่อไฉจวิ้นยกติ่งใหญ่ขึ้น ผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ ก็ทยอยแสดงความสามารถของตนน่าเสียดาย ในท้ายที่สุดผู้ที่สามารถยกติ่งใหญ่ขึ้นได้ นอกจากไฉจวิ้นแล้วมีเพียงชาวต่างชาติที่มาจากต่างแดนเท่านั้นเสียงปรบมือดังกึกก้องจากข้างล่างเวที “คนผู้นี้มีความสามารถยิ่งนัก”หวังหยวนกอดอกมองชาวต่างชาติผู้นั้น พลางกวักมือเรียกเกาเล่อในชั่วพริบตา เกาเล่อก็มาอยู่ข้างกายหวังหยวน แต่สีหน้ากลับดูตึงเครียด“คนผู้นั้นคือชาวต่างชาติที่เจ้าเพิ่งพูดถึงหรือ?”หวังหยวนชี้ไปที่อีกคนบนเวที แล้วเอ่ยถามเกาเล่อพยักหน้า จากนั้นก็ขมวดคิ้วเอ่ยว่า “คนผู้นี้มีที่มาไม่ธรรมดา ก่อนหน้านี้ข้าได้บอกข้อมูลของเขาให้ท่านทราบแล้ว คนผู้นี้มีชื่อว่าดาร์เนล ว่ากันว่ามีพละกำลังมหาศาลตั้งแต่เด็ก และเคยต่อยเสือร้ายตายด้วยหมัดเดียว!”“เดิมทีคิดว่าทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องเล่า ตอนนี้ดูเหมือนว่าอาจจะไม่ใช่เรื่องโกหก...”สามารถยกติ่งใหญ่หนักห้าร้อยชั่งได้ นั่นก็
เขามีความมั่นใจในตัวน้องชายคนนี้ก่อนหน้านี้ หวังหยวนเคยเห็นความสามารถของไฉจวิ้นมาก่อน อย่าว่าแต่จะหาผู้ที่เทียบเทียมเขาในบรรดาคนรุ่นเดียวกันได้ยากเลย แม้แต่คนที่อายุมากกว่าเขาก็ยังไม่มีใครมีพละกำลังเท่าเขา!ยิ่งไปกว่านั้น หวังหยวนเองก็ยังไม่รู้ขีดจำกัดของไฉจวิ้น!ดูท่าแล้ววันนี้คงมีเรื่องสนุกให้ชมกันเกาเล่อกลับเอ่ยว่า “ข้าเห็นว่าไม่เป็นเช่นนั้น คนที่อยู่ข้างกายไฉจวิ้นล้วนไม่ใช่คนธรรมดา! หนึ่งในนั้นมาจากต่างแดน คนผู้นี้มีชื่อเสียงมานาน ว่ากันว่าสามารถยกหินใหญ่หนักสองร้อยจินได้ด้วยมือเดียว!”“หากใช้สองมือ คาดว่าของหนักห้าร้อยจินก็คงไม่คณนามือขอรับ!”นี่...หวังหยวนกลืนน้ำลาย คนเหล่านี้กินหินเป็นอาหารกันหรืออย่างไร?ฝึกฝนร่างกายจนแข็งแกร่งถึงเพียงนี้เลยหรือ?อย่าว่าแต่ยกของหนักห้าร้อยจินเลย แม้แต่สองร้อยห้าสิบจิน เขาก็ยังยกไม่ขึ้น!“รอดูไปก่อน ข้าก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าศักยภาพของไฉจวิ้นมีขีดจำกัดอยู่ที่ใด”“เจ้าจำไว้ว่าต้องไปเตือนเขาด้วยว่าอย่าได้มุทะลุดุดัน!”“เขายังเด็กนัก ภายภาคหน้ายังมีโอกาสอีกมากที่จะพิสูจน์ตนเอง หากได้รับบาดเจ็บเพราะเรื่องนี้แล้วนั้น ย่อมไม่คุ้มค่า”ห