“ท่านอาจารย์ กรุณาบอกเถอะขอรับ!”เหยียนฟู่กู่กัดฟัน “เมื่อเทียบกับท่านแล้ว ข้าไม่มีความกล้าหาญมากนัก แต่เมื่อเทียบกับคนทั่วไป ข้าก็ยังค่อนข้างถือว่ากล้าหาญ!”“เช่นนั้นก็ดี!”หวังหยวนหัวเราะเบา ๆ “ข้าจะให้หกคำแก่เจ้า ปล้นคนรวย ช่วยคนจน!”เฮือก!ใบหน้าของเหยียนฟู่กู่ซีดลง “ท่าน ท่านอาจารย์อย่าล้อเล่นเลยขอรับ!”ใช่แล้ว ปัญหาสามารถแก้ไขได้ทันที โดยโค่นเจ้าของที่ดินและผู้มีอำนาจ เพื่อแจกจ่ายที่ดินของพวกเขาให้กับประชาชน!แต่หากเขาต้องการทำเช่นนี้จริง ๆ ไม่ต้องพูดถึงว่าลูกน้องของเขาจะฟังหรือไม่ เกรงว่าราชโองการจะลงมาปลดเขาออกจากตำแหน่งทางการ ก่อนที่เขาจะทำได้น่ะสิ!หวังหยวนพูดอย่างเคร่งขรึม “ข้าไม่ได้ล้อเล่น ด้วยแผนที่ยิ่งใหญ่ในปัจจุบัน การผนวกที่ดิน การรวมกลุ่มความมั่งคั่ง และการรวมชนชั้น ผลประโยชน์ไม่อาจแจกจ่ายให้กับประชาชนได้ หากเจ้าต้องการให้ผู้คนมีชีวิตที่ดี เจ้าต้องแจกจ่ายผลประโยชน์ ไม่เช่นนั้นต่อให้พยายามแค่ไหน ก็ยังแก้ปัญหาได้แค่ผิวเผินอยู่ ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่เจ้าต้องการ!”เหยียนฟู่กู่พยักหน้าอย่างครุ่นคิด“ด้วยตำแหน่งทางการของเจ้า เจ้าจะไม่สามารถโน้มน้าวจวิ้นวั่งได้ แต่หากเจ้
หวังหยวนกล่าวเสริม “ทองคำสองหมื่นตำลึง หากเจ้ายังมีเหลือหลังจากซื้อข้าว ที่เหลือก็อาจนำไปสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญได้!”“โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญหรือขอรับ?”เหยียนฟู่กู่สับสน “ท่านโปรดขจัดความสงสัยด้วยขอรับ!”หวังหยวนอธิบายอย่างไม่มีทางเลือก “สิ่งที่เรียกว่าการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ หมายความว่าฝ่ายราชการใช้เงินเพื่อสร้างโครงการ เช่นการอนุรักษ์น้ำ การก่อสร้างถนนหนทาง และการก่อสร้างสะพาน ยิ่งมีโครงการดังกล่าวมากเท่าไหร่ คนก็จะยิ่งมีงานทำมากขึ้น ทั้งนักธุรกิจและคนธรรมดาก็สามารถหาเงินได้ ด้วยเงินนี้ เมืองจะเจริญรุ่งเรือง และฝ่ายราชการก็จะเก็บภาษีได้เพิ่มขึ้น เป็นโครงการที่ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย!”ในประเทศจีน ข้อได้เปรียบด้านโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ เป็นวิธีเดียวที่จะกระตุ้นการพัฒนาเศรษฐกิจได้ปังปังปัง!เหยียนฟู่กู่ตกตะลึงอยู่นาน ดวงตาของเขาเป็นประกายขึ้น จากนั้นคุกเข่าลงคำนับอีกครั้ง “ท่านอาจารย์เป็นบัณฑิตผู้ประเสริฐจริง ๆ ศิษย์ประทับใจมากจนแทบสิ้นสติแล้วขอรับ!”ขั้นแรกให้โจมตีพวกทรราชในท้องถิ่น แบ่งที่ดินเพื่อกระจายรายได้ จากนั้นสร้างโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อปรับปรุงควา
“แค่แขวนเจ้าเด็กนั้นไว้ มันไม่ง่ายเกินไปสำหรับเขาหน่อยเหรอ!” ในห้องโถงจวี้อี้ มีชายร่างสูงไม่มากนัก ปากแหลม รูปโฉมคล้ามแก้มลิงนั่งอยู่บนที่นั่งของเจ้าบ้าน “กล้ารังแกน้องสาวของข้า ข้าจะ ‘ปลูกดอกบัว’ ให้เขาก่อน จากนั้นตัดแบ่งออกเป็นแปดชิ้นแล้วฉีกออก เด็ดหัวของเขาออกมาแล้วใช้เป็นกระโถนถ่ายหนัก แล้วฉี่ใส่คืนละครั้ง” นี่คืออู่จั้งโหวผู้นำของอีเซี่ยนเทียน เมื่อได้ยินว่ากองทัพชาวหวงกำลังเข้าใกล้เมืองจิ่วซาน เขาที่มักจะชอบออกไปเที่ยวที่หอนางโลมในเมืองชิงเหอเป็นเวลานาน จึงรีบกลับทันที! แต่กลับได้ยินว่าน้องสาวถูกลักพาตัว และผู้ลักพาตัวเรียกร้องค่าไถ่ถึงทองคำสามพันตำลึงทอง ทำให้ทรัพย์สินของสหายหมดเกลี้ยง ซ้ำยังมอบทองคำสองพันตำลึงให้เพื่อแลกกับตั๋วเงิน! ซึ่งทำให้เขาโทสะยิ่งนัก! ช่างไร้มนุษยธรรมยิ่งนัก ถึงกับขู่เข็ญโจรภูเขาอย่างพวกเขา ซ้ำยังลักพาตัวน้องสาวของเขาไปอีก! หากครั้งนี้ไม่ล้างแค้นและข่าวนี้แพร่ออกไป เขาจะเป็นอู่จั้งโหวอย่างไร? ไม่ได้การ แค้นครั้งนี้เขาจำเป็นต้องล้างแค้น! หงเยี่ยหยิบมีดขนาดใหญ่ขึ้นมา “พี่ใหญ่ หยุดพูดจาน่ารังเกียจแบบนี้ได้แล้ว แค่ฆ่าเขาก็พอแล้ว ทำไมถึงพูดจาน
พวกนางเป็นคนจากเมืองชิง ซึ่งหนีจากการรุกรานของชาวหวงมาเป็นโจรในเมืองจิ่วซาน นางและพี่ชายต่างชื่นชมแม่ทัพมู่ แม่ทัพหนุ่ม และกองทัพทมิฬที่สามารถสังหารชาวหวงจากก้นบึ้งของหัวใจ อย่างไรก็ตาม พ่อค้าที่ผ่านทางเหล่านั้นไม่สามารถเล่าเรื่องราวได้อย่างชัดเจนว่าแม่ทัพหนุ่มเอาชนะชาวหวงได้อย่างไร “แม่ทัพหนุ่มเป็นคนนำทัพขอรับ!” เชลยทหารนายหนึ่งฉายแววชาญฉลาดกล่าวว่า “ทว่าผู้ที่สังหารฮ่องเต้ถูหนานไม่ใช่เขา แต่เป็นท่านเสนาธิการทหารที่ใช้หน้าไม้ยิงฮ่องเต้ถูหนานจนสิ้นพระชนม์ ซ้ำยังเผาทหารราบติดอาวุธหนักสามหมื่นนายของชาวหวงจนตาย เขาใช้ยุทธวิถีกระทิงไฟโจมตีค่ายทหารของชาวหวง และปลอมตัวเป็นชาวหวงเพื่อยึดด่านหลงโถวกลับคืนมา ทั้งหมดนี้น่าจะเป็นฝีมือของเขาขอรับ!” ระหว่างทางได้ยินรายงานแต่ละครั้งว่าชาวหวงพ่ายแพ้อย่างไร มีหลายคนกล่าวว่านี่เป็นฝีมือของแม่ทัพหนุ่ม! แต่เขาได้มีการติดต่อกับท่านเสนาธิการทหารหลายครั้งหลายครา และเขารู้สึกว่ากลยุทธ์นี้เหมือนกับฝีมือของท่านเสนาธิการทหารยิ่งนัก “ท่านเสนาธิการทหาร?” ตาทั้งคู่ของอู่จั้งโหวจ้องเขม็ง “ท่านเสนาธิการทหารผู้นั้นเป็นใครมาจากไหน ถึงกับเก่งกาจกว่าแม่ท
สตรีในชุดสีม่วงกระแอมเบา ๆ “อืม หน้าอกเล็กมักฉลาด!” ไป๋เฟยเฟยก้มหัวลงพร้อมขมวดคิ้ว จากนั้นมองไปที่หน้าอกของสตรีที่สวมใส่ชุด และอดไม่ได้ที่จะกัดฟัน สตรีในชุดสีม่วงหน้าแดงระเรื่อ “เขาเป็นคนฉลาดขนาดนั้น จะไปมีจุดอ่อนได้อย่างไร” ดวงตาของไป๋เฟยเฟยเป็นประกาย “สามปีที่แล้วตระกูลหลี่เกือบจะถูกสังหารเก้าชั่วโครต แต่เขากล้าที่จะแต่งงานกับหลี่ซื่อหาน ซึ่งเป็นสตรีที่งดงามที่สุดในเทศบาล เขาโลภยิ่งนัก” สตรีในชุดม่วงขมวดคิ้ว “เป็นรักแท้ไม่ได้หรือไงเล่า?” “เจ้าคิดว่ามันเหมือนกับเจ้าและแม่ทัพหนุ่มที่มีความรักที่แท้จริงระหว่างชายหญิงหรือไง!” ไป๋เฟยเฟยตะคอกอย่างเหยียดหยาม “หากเป็นความรักที่แท้จริง ในหมู่บ้านคงไม่แพร่กระจายข่าวว่าเขาและหวังพั่วหลู่ไปที่หอนางโลมในเทศบาลเมื่อไม่นานมานี้ ซ้ำยังอยู่ที่นั่นเป็นเวลาสามวัน” สตรีในชุดสีม่วงขมวดคิ้วเล็กน้อย บุรุษไปหอนางโลม คลุกคลีกับสตรีย่อมเป็นเรื่องธรรมชาติ นางค่อนข้างเปิดใจกว้างกับเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม หอนางโลมในเมืองเล็ก ๆ เช่นนี้จะไปมีสตรีที่งามหยดย้อย จนทำให้อยู่ได้ตั้งสามวันได้อย่างไร! คุณชายผู้นี้มีรสนิยมแย่ยิ่งนัก “ยังมีหูเมิ่งอิ๋งน
ด้วยความเชื่อนี้ นางจึงยืนหยัดและไม่ยอมแพ้ต่อแรงกดดันจากตระกูลโจว และเผยวิธีทำน้ำตาลทรายขาว ด้วยความดูแลภายใต้ท่านผู้พิพากษา นางจึงใช้เงินจำนวนหนึ่งติดสินบน ท่านพ่อไม่ได้รับโทษในคุก! อย่างไรก็ตาม พยานหลักฐานเป็นที่สิ้นสุด และไม่สามารถกลับคำตัดสินได้ ดังนั้นผู้พิพากษาจึงทำได้เพียงเลื่อนและถ่วงเวลาไว้เท่านั้น! ทว่าในทุก ๆ คืนจะมีอันธพาลมาเคาะประตู พูดจาไม่ดี และข่มขู่ใส่ โชคดีที่ผู้พิพากษาได้ส่งเจ้าหน้าที่ตรวจการไป ทว่าเจ้าหน้าที่ตรวจการไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้ตลอดเวลา หลังจากเจ้าหน้าที่ตรวจการจากไป พอผ่านไม่นานพวกอันธพาลก็กลับมาก่อกวนอีกครั้ง “ลูกพี่ลูกน้องของเจ้าเป็นแค่ถงเซิงไม่เอาไหน นายท่านโจวของพวกข้าสามารถบดขยี้เขาให้ตายได้ด้วยมือเดียว!” พวกอันธพาลที่อยู่นอกประตูตะคอกอย่างเย็นชา “หากเจ้าฉลาดแล้วล่ะก็ รีบส่งของที่นายท่านของพวกข้าอยากได้ออกมาเร็ว ๆ ไม่เช่นนั้น พี่ชายจะไม่สุภาพกับเจ้าแล้ว พวกพี่เข้าไปพร้อมกันสี่คนเลยนะ ฮ่า ฮ่า!” “เจ้า หากเจ้ากล้าเข้ามา ข้าจะฆ่าพวกเจ้า หากพวกเจ้าไม่เชื่อก็ลองดู!” จ้าวชิงเหอกัดฟันสีเงินพร้อมกอดหน้าไม้จู่เกอไว้ในอ้อมแขน หันไปทางประตู! ด
ผิงเจี้ยน ฉางเซิ่ง และเหล่าทหารชุดเกราะทมิฬสิบกว่าคนต่างไม่ลังเลที่จะแสดงจุดยืนของพวกเขา! “คุณชาย พวกเราจะกลับไปพาภรรยาและลูก ๆ ที่บ้านก่อน จากนั้นค่อยย้ายไปที่หมู่บ้านต้าหวังขอรับ!” อวี๋เถี่ยซานและอีกยี่สิบกว่าคนพาครอบครัวมาด้วย และเลือกที่จะย้ายไปพร้อมทั้งครอบครัว! ว่าด้วยนิสัยของคุณชายแล้ว พวกเขาได้ทำความเข้าใจผ่านทางหวังหานซานแล้ว! สำหรับความสามารถของคุณชาย พวกเขารู้ดีกว่าใครหลังจากการทำศึกมาหลายครั้ง บวกกับคำกำชับจากแม่ทัพหนุ่ม ซึ่งบอกให้พวกเขาว่าหากติดตามคุณชาย พวกเขาก็จะมีชีวิตอยู่อย่างไร้กังวล หลายคนจึงเห็นด้วยอย่างไม่ลังเล “คุณชาย พวกเราอยากกลับไปใช้ชีวิตอย่างสงบสุข!” มีทหารผ่านศึกชุดเกราะทมิฬเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เลือกที่จะกลับไปยังบ้านเกิดของตน ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่ไว้ใจหวังหยวน แต่เป็นเพราะไม่อยากจากบ้านเกิดเมืองนอน และเขาไม่อยากระเหเร่ร่อน! หวังหยวนก็ไม่ได้บังคับอะไร เขายังมอบเงินสามพันตำลึงให้กับทุกคนที่กลับไป เงินส่วนนี้ไม่มากหรือน้อยเกินไป และยังพอใช้ทั้งชีวิตเมื่อกลับไปตั้งถิ่นฐานสร้างบ้านที่บ้านเกิด ทหารผ่านศึกชุดเกราะทมิฬไปจัดเตรียมรถม้า! ไม่
วังไห่เทียนหัวเราะแห้ง “เจ้ายกย่องข้ามากขนาดนั้น หากข้าทำไม่ได้ขึ้นมาจะทำอย่างไรเล่า!” หวังหยวนตรงประเด็น “พวกเรากำลังจัดการศึกษาด้านการอ่านเขียนในหมู่บ้านของเรา แต่เราขาดแคลนอาจารย์คอยสั่งสอน ข้าจึงอยากขอความช่วยเหลือจากพี่ชาย ข้ากำลังมองหาคุณชายที่เชื่อถือได้ และมีความยืดหยุ่นในการสอนหนังสือ!” วังไห่เทียนประหลาดใจ “จัดการศึกษาหรือ?” หวังหยวนอธิบายว่า “ข้าหมายความว่าทุกคนจะต้องสามารถอ่านออกเขียนได้ โดยไม่คำนึงถึงเพศชายหญิง คนแก่หรือเด็ก ทุกคนต่างสามารถเขียนชื่อของตนเองได้ และแม้กระทั่งรู้เลขคณิตง่าย ๆ” แผงลอยเริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ และจำเป็นต้องมีคนที่สามารถเขียนและคำนวณได้มากขึ้นเรื่อย ๆ! เขาไม่ไว้ใจที่จะเปิดรับสมัครจากภายนอก ไม่สู้ฝึกฝนด้วยตัวเองและรู้พื้นฐานจะดีกว่า! ตอนนี้มีเงินแล้ว หลังจากกลับไปที่หมู่บ้านต้าหวังก็ทำได้หลายอย่าง! “ให้ทุกคนในหมู่บ้านรู้วิธีอ่านหนังสือ!” วังไห่เทียนสั่นไปทั้งตัว นี่เป็นวีรกรรมอันเกริกก้องที่ไม่เคยมีมาก่อน ดวงตาทั้งคู่ของเขาเป็นประกาย “น้องชาย เจ้าจะสรรค์สร้างดินแดนแห่งสันติภาพและความสุข พร้อมทั้งให้ทุกคนเดินในทางแห่งปราชญ์หรือ!” “แค
“เท่าที่ข้ารู้ พรรคทมิฬมีทรัพย์สมบัติมากมาย!”“วันนี้ข้าเรียกพวกเจ้ามาก็เพื่อถามว่าทรัพย์สมบัติเหล่านั้นอยู่ที่ใด?”“ก่อนที่ข้าจะบุกหน้าผา ได้ยินว่าของพวกนั้นถูกขนย้ายไปแล้วจริงหรือไม่?”หวังหยวนมองไปที่โอวหยางอวี่ แล้วถามตรงประเด็นโอวหยางอวี่พูดไม่ออก ได้แต่อ้ำอึ้งอยู่พักหนึ่ง แต่ก็ไม่เอ่ยคำใด“ฮ่าฮ่าฮ่า!”ลั่วเฉินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ หัวเราะลั่น“โอวหยางอวี่!”“เจ้าคิดว่าท่านประมุขไม่รู้ความทะเยอทะยานของเจ้าหรือ?”“เรื่องสำคัญเช่นนี้ จะบอกคนชั่วเช่นเจ้าได้อย่างไร?”“ตอนนี้แม้ว่าเจ้าจะประจบสอพลอก็คงไม่มีโอกาสแล้วกระมัง?”นี่...โอวหยางอวี่รู้สึกจนใจ หน้าแดงก่ำ เขาไม่รู้ที่ซ่อนทรัพย์สมบัติจริง ๆ!ไม่เช่นนั้นเขาคงบอกหวังหยวนไปแล้วเพื่อเอาชีวิตรอด!หวังหยวนจะมองความคิดของโอวหยางอวี่ไม่ออกได้อย่างไร?เขาหรี่ตาลง ก่อนจะเตะโอวหยางอวี่ แล้วหันไปพยักหน้าให้หลิ่วหรูเยียน เขาชี้ไปที่โอวหยางอวี่ แล้วกล่าวว่า “คนผู้นี้ไร้ประโยชน์ เจ้าจัดการเขาเถิด!”“จะปล่อยเขาไปหรือจะฆ่าเขาก็สุดแล้วแต่เจ้า ไม่ต้องถามข้า!”หลิ่วหรูเยียนดีใจ รู้สึกซาบซึ้งใจมากส่วนโอวหยางอวี่กลับมีสีหน้าหวาดกลัว รีบ
“ได้เลย!”หวังหยวนยิ้มอย่างพึงพอใจ จากนั้นจึงพาหลิ่วหรูเยียนไปยังสวนหลังบ้านเนื่องจากงานเลี้ยงยังไม่เลิก ทุกคนยังคงดื่มกินอย่างสนุกสนาน หวังหยวนจึงใช้สวนหลังบ้านเป็นสถานที่สอบสวนไม่นานต่งอวี่ก็พาโอวหยางอวี่และลั่วเฉินมา ข้างหลังพวกเขามีทหารหลายคน“ท่านหวัง!”“ท่านโปรดอย่าทำร้ายข้าเลย!”“ก่อนหน้านี้ข้าตาบอด จึงได้ไปอยู่กับตานสยงเฟย แต่ตอนนี้ข้าสำนึกผิดแล้ว หากท่านให้โอกาสข้า ต่อไปข้ายินดีรับใช้ท่านให้ดีที่สุดขอรับ!”“หากท่านไม่ต้องการใช้ข้าก็ปล่อยข้าไปเถิด ข้าจะไม่ปรากฏตัวต่อหน้าท่าน และจะไม่สร้างความเดือดร้อนใด ๆ ให้ท่านแน่นอนขอรับ!”โอวหยางอวี่รีบคุกเข่าลงอ้อนวอนขอความเมตตา!ครั้งก่อน แม้แต่ตอนอยู่บนหน้าผา เขาก็หมดอำนาจแล้ว ได้แต่ถูกขังอยู่ในห้องทุกวันแม้ว่าเรื่องทั้งหมดจะเป็นเพราะหวังหยวน แต่เขาก็รู้ดีว่าตอนนี้เขาเป็นนักโทษ หากไม่สามารถพูดโน้มน้าวหวังหยวนได้ ต่อไปเขาก็คงมีแต่ต้องตายเท่านั้น!วันชื่นคืนสุขผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว!หลิ่วหรูเยียนพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา แล้วเบือนหน้าหนีด้วยความรังเกียจ ช่างเป็นคนขี้ขลาดนัก!เพิ่งจะพบหน้ากันก็คุกเข่าขอความเมตตาแล้วหรือ?ครั้งก
หวังหยวนเดินไปหาหลิ่วหรูเยียน แล้วถามด้วยรอยยิ้ม“ข้าจำได้”“เพียงแต่...”หลิ่วหรูเยียนมีท่าทีลังเล ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “เพียงแต่สถานการณ์ตอนนี้ต่างจากตอนนั้น ข้าไม่ใช่คนไร้เหตุผลและรู้จักกาลเทศะ!”“ในเมื่อตานสยงเฟยมีประโยชน์ต่อท่าน ข้าจะฆ่าเขาเพื่อความสาแก่ใจเพียงครู่เดียวได้อย่างไร?”สุดท้ายหลิ่วหรูเยียนก็รีบวิ่งออกไป ไม่อยากเห็นหน้าตานสยงเฟยอีก!ไม่เช่นนั้นนางเกรงว่าตนเองจะอดใจไม่ไหว ลงมือฆ่าเขาจนทำลายแผนการของหวังหยวน!“เจ้าช่างโชคดี”“ดูเหมือนว่าเจ้าจะยังรักษาหัวไว้บนบ่าได้”หวังหยวนมองตานสยงเฟยด้วยสายตาเย็นชา ไม่ได้เอ่ยคำใด แล้วเดินออกไปข้างหลังมีเพียงเสียงหัวเราะอันน่ารังเกียจของตานสยงเฟยในเมื่อเขามีไพ่ตายอยู่ในมือก็ไม่ต้องกลัวตาย!สักวันหนึ่ง เขาจะต้องเป็นอิสระ!...“ช้าก่อน!”หลังจากออกจากคุกแล้ว หวังหยวนก็รีบวิ่งตามหลิ่วหรูเยียนไปหลิ่วหรูเยียนหันกลับมามองหวังหยวน แล้วถามด้วยความสงสัยว่า “มีเรื่องอะไรอีกหรือ?”“ข้าแค่อยากถามเจ้าว่า ในบรรดาคนของพรรคทมิฬที่พวกเราจับมาได้มีคนระดับสูงคนอื่น ๆ อีกหรือไม่?”พรรคทมิฬมีรากฐานที่แข็งแกร่ง มีสาวกมากมาย แสดงว่าคงคนม
ทันใดนั้น ตานสยงเฟยก็หัวเราะลั่น ปรากฏว่าเป็นเช่นนี้เอง!“ดูเหมือนว่าข้ายังมีประโยชน์อยู่บ้าง สิ่งที่เจ้าต้องการคือทรัพย์สมบัติของข้างั้นหรือ?”“แต่ก็ดี พวกเรามาทำข้อตกลงกัน!”“หากเจ้าปล่อยข้าไป ทรัพย์สมบัติและทรัพยากรทั้งหมดของข้าจะเป็นของเจ้า แต่หากเจ้าไม่ยอมรับข้อเสนอ เจ้าก็อย่าหวังว่าจะได้สิ่งเหล่านั้น!”ตานสยงเฟยกล่าว พร้อมกับจ้องหน้าหวังหยวน“จริงสิ”“หลิ่วหรูเยียนกลายเป็นคนของเจ้าแล้ว หากเจ้าไม่เชื่อคำพูดข้าก็ลองถามนางดู ว่าทรัพย์สมบัติของข้ามากมายมหาศาลจริงหรือไม่!”“ถามดูก็รู้ผล!”ตานสยงเฟยกล่าวอย่างมั่นใจเหตุผลที่เขาสามารถสร้างพรรคทมิฬและรวบรวมสาวกมากมายจนมีอิทธิพลในดินแดนทั้งเก้าได้ ก็เพราะเขามีทรัพย์สมบัติมหาศาล!แม้ว่าจะเทียบกับหวังหยวนไม่ได้ แต่เขาก็ไม่ใช่ธรรมดาอย่างแน่นอน!อย่างน้อยในดินแดนทั้งเก้าก็ยังมีที่ให้เขายืนหยัดในฐานะผู้นำ!หลิ่วหรูเยียนที่ยืนอยู่ข้างหลังหวังหยวนกำหมัดแน่น ไม่เอ่ยคำใด แต่ทุกคนต่างก็สัมผัสได้ถึงความโกรธของนาง!ความแค้นเพราะบิดาถูกสังหารนั้นไม่อาจลืมเลือน!ศัตรูอยู่ตรงหน้า แต่นางกลับทำอะไรไม่ได้ ช่างไร้ความสามารถ!“เขาพูดจริงหรือ?”
หลายปีมานี้นางเชื่อคำพูดของตานสยงเฟยมาโดยตลอด คิดว่าตัวเองเป็นเด็กกำพร้า แม้กระทั่งเกลียดชังบิดามารดาของตนเองด้วยซ้ำ!เหตุใดพวกเขาจึงทอดทิ้งนาง?ทำให้นางต้องระหกระเหินมานานหลายปี!แต่ทั้งหมดนี้กลับเป็นคำโกหกของตานสยงเฟย บิดามารดาของนางไม่ได้ทอดทิ้งนาง แต่ถูกตานสยงเฟยฆ่าตายต่างหาก!บัดนี้เมื่อความจริงปรากฏ นางจึงอยากไปเคารพหลุมศพของพวกเขา!เป็นการแสดงความกตัญญูและทำให้หมดห่วง“เป็นเช่นนี้เอง”หวังหยวนพยักหน้า“ได้!”“ในเมื่อเจ้าต้องการเช่นนั้น ข้าจะพาเจ้าไปที่คุกเอง”“เพื่อป้องกันไม่ให้ตานสยงเฟยใช้อุบายอันใด”หลิ่วหรูเยียนมีท่าทีแปลกไป อาจจะถูกตานสยงเฟยชักจูงได้หลิ่วหรูเยียนไม่ได้ปฏิเสธ นางพยักหน้า หวังหยวนจึงพานางไปที่คุกที่จวน ทุกคนยังคงดื่มกินกันอย่างสนุกสนาน!ภายในคุกเนื่องจากตานสยงเฟยและพรรคพวกล้วนเป็นคนชั่ว หวังหยวนจึงสั่งให้ขังพวกเขาไว้ที่ชั้นใต้ดินของคุกที่นี่มักจะใช้ขังนักโทษอุกฉกรรจ์ยิ่งไปกว่านั้น การจะหนีออกไปจากที่นี่ก็ช่างยากเย็นพอ ๆ กับการปีนสู่สวรรค์!“หวังหยวน!”“ข้าสำนึกผิดแล้ว ขอท่านปล่อยข้าไปเถิด!”“ต่อไปนี้ข้ายินดีอยู่เคียงข้างรับใช้ท่าน!”“
“เจ้าไม่มีอารมณ์จะทะเลาะกับข้า แสดงว่าเจ้าคงอารมณ์ไม่ดีจริง ๆ”“ถ้าอย่างนั้นทำไมไม่เล่าให้ข้าฟังสักหน่อยล่ะ อย่างน้อยก็ให้ข้าสนุกขึ้นมาบ้าง”หวังหยวนนั่งลงข้างหลิ่วหรูเยียน เขานั่งไขว่ห้างมือวางบนราวบันไดขณะมองหลิ่วหรูเยียนด้วยรอยยิ้ม“เหตุใดท่านถึงน่ารำคาญนัก?”“ดูไม่ออกหรือว่าข้าไม่อยากคุยกับท่าน?”“รีบกลับไปดื่มกับพวกเขาซะเถอะ จะมานั่งขวางหูขวางตาข้าทำไม?”หลิ่วหรูเยียนกลอกตามองหวังหยวนแท้จริงแล้ว นางเพียงแค่รู้สึกว่างเปล่าหลังจากได้ล้างแค้นสำเร็จ ราวกับชีวิตไม่มีจุดหมายอีกต่อไป นางไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อไป จึงทำให้ดูเหม่อลอยและเศร้าสร้อยแต่ไม่รู้ว่าทำไม ตั้งแต่วังหยวนมาที่นี่ นางกลับรู้สึกเหมือนมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง“ว่ามาสิ เป็นอะไรไป?”หวังหยวนเปลี่ยนเรื่อง“ข้าอยากไปพบตานสยงเฟย”“ครั้งก่อนท่านสัญญากับข้าว่า เมื่อจับตานสยงเฟยได้จะให้ข้าจัดการเขา ยังจำได้หรือไม่?”หลิ่วหรูเยียนถาม“อืม...”หวังหยวนครุ่นคิด ใช้นิ้วเคาะขมับพิจารณาถึงข้อดีข้อเสียเรื่องของพรรคทมิฬเป็นเรื่องใหญ่ ไม่อาจตัดสินใจเพียงเพราะคำพูดของคนคนเดียวได้ ยิ่งกว่านั้น เพื่อจับตานสยงเฟย ยังต้องสูญ
“หวังหยวน! เจ้าช่างน่ารังเกียจ! กล้าเล่นงานแบบไม่ทันตั้งตัวหรือ?”ตานสยงเฟยกล่าวอย่างเดือดดาลส่วนโอวหยางอวี่และลั่วเฉินเห็นท่าไม่ดี จึงไม่รีรอ รีบพาผู้ใต้บัญชาหนีลงจากเขา!แต่น่าเสียดาย ที่เชิงเขามีการวางกองกำลังดักไว้แล้ว!ตานสยงเฟยและคนอื่น ๆ ต่างถูกจับเป็น!การต่อสู้ครั้งนี้ หวังหยวนได้รับชัยชนะอย่างสมบูรณ์แบบ!แต่เนื่องจากหน้าผาแห่งนี้ตั้งอยู่ในที่ห่างไกล โดยรอบไม่มีบ้านเรือนหรือเมืองจึงไม่มีใครรู้เรื่องนี้ซึ่งเป็นสิ่งที่หวังหยวนต้องการเพราะที่นี่คืออาณาจักรต้าเป่ย หากหานเทารู้ว่าเขายกทัพมาในดินแดนของอาณาจักรต้าเป่ย ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไร พวกเขาก็อาจจะหาเรื่องจู่โจมได้!เมื่อถึงเวลานั้น เรื่องราวคงจะวุ่นวายและเกิดความขัดแย้ง!หลังจากที่จับตานสยงเฟยและพรรคพวกได้แล้ว หวังหยวนจึงรีบกลับเมืองอู่เจียงทันที!ใช้เวลาเพียงวันครึ่งก็กลับมาถึง!ระหว่างทาง แม้ว่าจะมีคนเห็น แต่มีเกาเล่อคอยนำทาง จึงไม่ทำให้คนของอาณาจักรต้าเป่ยรู้ตัว!...ณ ที่ว่าการเมืองอู่เจียงตอนนี้ทุกคนกำลังดื่มฉลองกันอย่างสนุกสนาน!คนที่นั่งอยู่บนบัลลังก์คือหวังหยวน!ส่วนเอ้อหู่และคนอื่น ๆ ต่างก็อยู่ที่
หลิ่วหรูเยียนไม่เอ่ยคำใด นางจ้องมองตานสยงเฟยด้วยความโกรธแค้นนางต้องการล้างแค้น!“ชีวิตของเขาเป็นของเจ้า ข้าจะช่วยจับเป็นให้!”“ส่วนต่อไป เจ้าจะจัดการเขาอย่างไรก็สุดแล้วแต่เจ้า!”หวังหยวนกล่าวจบก็หยิบปืนคาบศิลาออกมาจากอก แล้วเล็งไปที่ตานสยงเฟย“ในเมื่อเจ้ารู้จักข้าดี”“เจ้าควรรู้ว่าอาวุธลับของข้าไม่มีผู้ใดเทียบได้ ใช่หรือไม่?”“ข้าแนะนำให้เจ้ายอมจำนนเสีย จะได้ไม่เจ็บตัว!”หวังหยวนเตือนมุมปากของตานสยงเฟยกระตุก เขาสืบเรื่องของหวังหยวนมานาน จึงรู้จักหวังหยวนดี และจำได้ว่าอาวุธในมือของหวังหยวนคืออะไร!ไม่ต้องพูดถึงเขา แม้แต่ขุนพลที่เก่งกาจก็ยังไม่อาจหลบอาวุธนี้ได้!ทันใดนั้น ตานสยงเฟยก็คว้าตัวสาวกพรรคทมิฬคนหนึ่งมาใช้เป็นโล่มนุษย์!“ปัง!”เสียงปืนดังขึ้น สาวกพรรคทมิฬคนนั้นล้มลงกับพื้นต้องยอมรับว่าตานสยงเฟยช่างโหดเหี้ยม!เพื่อเอาชีวิตรอด กลับยอมเสียสละชีวิตคนอื่น ช่างน่ารังเกียจ!หวังหยวนยกปืนขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะเล็งไปที่ตานสยงเฟย ไม่ให้เขามีโอกาสหนี!“หวังหยวน!”“วันนี้ไว้ชีวิตข้าเถิด ต่อไปข้าจะตอบแทนเจ้าแน่นอน!”“เจ้าคิดเห็นเช่นไร?”“การบีบให้ข้าจนตรอกไม่ได้เป็นผลดีต่อ
ลั่วเฉินพยักหน้า ไม่เอ่ยคำใดอีก เพียงแค่รีบพาผู้ใต้บัญชาออกไป!เสียงโห่ร้องแห่งการฆ่าฟันดังขึ้น สาวกพรรคทมิฬล้มตายเป็นใบไม้ร่วง!ตานสยงเฟยเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดเขารู้สึกเจ็บปวดหัวใจ!สมาชิกพรรคทมิฬล้วนเป็นคนที่เขาฝึกฝนเอง เขาทุ่มเทมากมายเพื่อสร้างกองกำลังที่แข็งแกร่ง!เดิมทีเขาต้องการครองแผ่นดิน แต่ไม่นึกเลยว่าเรื่องราวจะกลายเป็นเช่นนี้!สูญเสียกำลังพลไปเยอะมาก!ปัญหาเกิดขึ้นมากมาย!“ตานสยงเฟย! อย่าหนีนะ!”“เจ้าคนสารเลว! หลอกลวงข้ามาหลายปี!”“ไม่เพียงแต่ฆ่าพ่อแม่ข้าเท่านั้น ยังฝึกฝนข้าให้เป็นเครื่องมือทำเรื่องเลวร้ายมากมาย!”“วันนี้พวกเราต้องตายกันไปข้างหนึ่ง!”ขณะที่ตานสยงเฟยกำลังจะลงจากเขา หลิ่วหรูเยียนก็วิ่งเข้ามา ในมือถือกริชเปื้อนเลือด สายตาเย็นชาราวกับคมดาบจ้องมองตานสยงเฟย!“มาคนเดียวหรือ?”เมื่อเห็นว่าหลิ่วหรูเยียนมาคนเดียว ตานสยงเฟยก็หัวเราะในลำคอ เขาหันมาคว้าทวนยาวจากมือผู้ใต้บัญชาที่อยู่ด้านข้าง!เหตุผลที่ตานสยงเฟยสร้างฐานะขึ้นมาได้ ไม่ใช่เพียงเพราะเขามีความคิดที่แตกต่าง แต่ยังเป็นเพราะฝีมือของเขาด้วย!ในยุคสงคราม ผู้แข็งแกร่งย่อมเป็นผู้ชนะ!ยิ่งกว่านั้น ฝีมือ