หน้าไม้ซานกงฉวงและหน้าไม้จูเก่อพร้อมแล้ว ภายใต้แสงไฟ ใบหน้าของขันทีหลินเจาเอินดูน่ากลัวราวกับหมาป่า เขาแสดงสีหน้าเยือกเย็นและไร้ความปรานี “ข้าจะให้เวลาเจ้าสิบลมหายใจ ถอดชุดเกราะของเจ้าออกทั้งหมด ไม่เช่นนั้นข้าจะฆ่าให้หมด!” “ขันทีบ้านั้นต้องการจะฆ่าเรา ซ้ำยังสั่งให้เราปลดชุดเกราะลง ท่านคิดว่าเราโง่หรือไง” “หากเจ้าต้องการฆ่าพวกเราก็เข้ามา สังหารหนึ่งคนได้ทุนคืน สังหารสองคนได้กำไร!” “ขันทีสารเลว คนไม่เอาไหน ท่านเสนาธิการทหารบอกว่าจะปล่อยเราไป แต่ท่านกลับต้องการจะฆ่าพวกเรา!” “ท่านใต้เท้า ข้าไม่ได้เป็นกบฏชาวหวง ข้าหนีกลับมาจากด่านหัวมังกร!” “เหตุใดท่านถึงอยากฆ่าพวกเรา ด่านหัวมังกรพังไม่ใช่ความผิดของเราด้วยซ้ำ!” ทหารจำนวนมากในค่ายต่างตะโกนด่าและร้องไห้! คิ้วสีขาวของหลินเจาเอินสั่นไหว ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยเจตนาฆ่า เขาชูป้ายทองอาญาสิทธิ์ขึ้น “โจมตี!” “ขอรับ!” อู๋หยวน, เว่ยชิงซาน, และเจิ้งฝาเป่ย ขุนพลทั้งสามต่างกำหมัดและก้มศีรษะแล้วสั่งการ “โจมตี!” พวกเขาไม่อยากสั่งการเช่นกัน มีทหารเกือบหนึ่งหมื่นนายในค่ายนี้ แม้ว่าบุกโจมตีเข้าเกล่ากำลังทหารก็จะพ่ายแพ้อยู่ดี! ในเมืองมีท
หลินเจาเอินหันกลับไปดู! หอคอยทางทิศเหนือลุกเป็นไฟ และเสียงคำรามแห่งการสังหารดังขึ้น! สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปอย่างมาก! ม้าเร็ววิ่งเข้ามา “ท่านขันที เกิดเรื่องแล้ว หนิวเวยและเชลยทหารก่อกบฏ กองทัพชาวหวงได้เข้ามาในเมืองแล้ว ขุนพลหวางห่าวได้นำกองกำลังของเขาไปต่อต้านและส่งข้ามาขอความช่วยเหลือ!” “ชาวหวงบุกเข้ามาในเมืองแล้ว!” สีหน้าของหลินเจาเอินเปลี่ยนไปอย่างมาก เขารีบสั่งการ “ขุนพลเว่ย ขุนพลเจิ้ง พวกเจ้าตามข้าไปต่อต้านกองทัพของชาวหวง ขุนพลอู๋ เจ้าอยู่ที่นี่เพื่อฆ่าเชลยทหารชาวหวงเหล่านี้ อย่าปล่อยให้พวกเขาโจมตีประสานกันทั้งศึกในและศึกนอก!” หลังจากพูดจบ เขาก็เพิกเฉยต่อหวังหยวน และจากไปอย่างรวดเร็ว เว่ยชิงซานและเจิ้งฝาเป่ยก็ติดตามพร้อมกับกองกำลังของพวกเขา คนกลุ่มหนึ่งเดินไปสองช่วงตึกอย่างเร่งรีบ! สีหน้าของเจิ้งฝาเป่ยเปลี่ยนไปและเขาหยุด “ท่านขันที เราไปสนับสนุนที่ประตูทิศเหนือเถอะ เราไม่ควรใช้ถนนสายนี้ ท่านไปผิดทางหรือไม่?” หลินเจาเอินยังคงเดินทางต่อไป “กองทัพชาวหวงได้เข้ามาในเมืองแล้ว พวกเขามีทหารม้ามากกว่าเจ็ดหมื่นนาย รวมกับกองเชลยทหารหนึ่งหมื่นกว่านายในเมืองแล้ว เรามีคนเพียง
อู๋หยวนกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูที่น่าเกรงขาม "ยิงหน้าไม้และหน้าไม้ยักษ์ซะ อย่าปล่อยให้พวกมันบุกเข้ามา!"ทหารพ่ายศึกหลายหมื่นคนรีบวิ่งพุ่งเข้ามา พวกเขามีแค่พันคนเท่านั้น จำนวนขนาดนี้พวกเขาถูกข่มกลับได้ทันที!ทหารพ่ายศึกนวนมากในค่ายล่าถอยกลับไปใครก็ตามที่รีบออกไปก่อนจะต้องเผชิญหน้ากับการกระหน่ำยิงเครื่องยิงหน้าไม้ยักษ์และหน้าไม้จนต้องตายหมดเป็นแน่!"หยุดซะ!"หวังหยวนตะโกนด้วยเสียงทุ้ม ทหารจำนวนมากก็หยุดลงทันที เขาหันกลับแล้วพูดต่อไปว่า "อู๋หยวนเจ้าพาทหารไปเสริมกำลังการป้องกันที่ประตูเมือง ที่นี่ไว้ให้เป็นหน้าที่ข้าเอง!"อู๋หยวนขมวดคิ้วไม่พูดอะไร!หากเป็นก่อนหน้านั้นเขาเคยฟังคำสั่งของหวังหยวนมาก่อน แต่ตอนนี้เสวี่ยผานและหลินเจาเอินเป็นคนกุมอำนาจไว้ในขณะนั้นผู้ส่งสารของเจิ้งฝาเป่ยรีบวิ่งเข้ามาและตะโกนว่า "แม่ทัพอู๋ ขันทีหลินหนีไปพร้อมกับแม่ทัพเว่ยแล้ว แม่ทัพเจิ้งไปที่ประจำประตูเมืองแล้ว เขาให้ข้าบอกแม่ทัพหนุ่มและท่านเสนาธิการทหารว่าเขาจะสู้ตาย ให้พวกท่านก็อย่ายอมแพ้ด้วยเช่นกัน!”"ว่าไงนะ!"อู๋หยวนอึ้งจนทำตัวไม่ถูกชาวหวงเข้ามาในเมือง ในช่วงเวลาวิกฤตเช่นนี้ หลินเจาเอินกับเว่ยชิงซา
ทหารพ่ายศึกหลายคนมีสายตาที่แข็งกร้าว แต่ส่วนใหญ่กลับดูยังสนิทสนมและเป็นกังวล!“ข้ารู้ว่าตอนนี้พวกเจ้าโกรธ ข้าเองก็โกรธเป็นอย่างมากเช่นเดียวกัน!”เมื่อมองไปรอบ ๆ หวังหยวนก็ด่าเสียงดัง "เราต่อสู้อย่างสุดชีวิตเพื่อราชสำนัก แต่ขุนนางและขันทีเหล่านั้นกลับทำกับเราเช่นนี้ ข้าล่ะแค้นจนอยากจะไปฆ่าไอเวรตะไลพวกนั้นให้หมดไปซะ!"ทหารพ่ายศึกหลายคนพยักหน้าทั้งน้ำตา เป็นคำพูดที่ยิงตรงเข้ามาในใจของพวกเขาหากไม่ถูกสถานการณ์บังคับ ใครจะยอมจำนนต่อชาวหวงที่น่าชิงชังเหล่านี้ได้?หวังหยวนกัดฟันแล้วพูดว่า "แต่ข้าจะยังคงต่อสู้ในศึกครั้งนี้ต่อไป!"“ราชสำนักไม่ยอมปล่อยเราไป แล้วทำไมเราต้องช่วยสู้ให้พวกมันด้วย!”"ไม่สู้ก็พูดได้สิ แต่ถ้าชนะก็ตายอยู่ดี!"“พวกเราไม่ได้โง่นะ!”ทหารพ่ายศึกหลายคนตะโกน!หวังหยวนกัดฟันตะโกนออกมา "ข้าไม่ได้ต่อสู้ในศึกนี้เพื่อราชสำนัก เพื่อเกียรติยศ หรือเพื่อเลื่อนยศใด ๆ ทั้งนั้น ข้ากำลังต่อสู้เพื่อภรรยา ลูก ๆ พ่อแม่ของข้า เพื่อดินแดนที่บรรพบุรุษของเราทิ้งไว้ให้เรา เพื่อคนรุ่นหลังของเราไม่ต้องเป็นทาสใคร เพื่อให้ใต้หล้านี้อยู่อย่างสงบสุข!"ทหารพ่ายศึกทั้งหมดดูดิ้นรนสับสนท่านเสน
ไม่มีใครคาดคิดว่าหวังหยวนจะสามารถชักชวนทหารพ่ายศึกกือบหมื่นคนได้ด้วยฝีปากอันเฉียบคมของเขาหวังหานซานยิ้มเล็กน้อย เขาเชื่อในตัวหวังหยวนอย่างไม่มีเงื่อนไขใด ๆ ทั้งนั้น!หวังหยวนก้าวไปข้างหน้าด้วยสายตาที่ซับซ้อน!หลังจากพยายามเกลี้ยกล่อมพวกเขาอย่างต่อเนื่องมานานกว่าครึ่งเดือน ในที่สุดทหารพ่ายศึกเหล่านี้ก็เชื่อในตัวเขา!ที่เขากล้าเข้าค่ายตามลำพัง เพราะเขาเข้าใจความต้องการของผู้คนที่อยู่เบื้องล่างการมาในครั้งนี้มันยากที่จะจินตนาการว่าทหารเกือบหนึ่งหมื่นคนจะได้กลับมากี่คน!แต่ตอนนี้เขาไม่มีทางเลือก!หลังจากที่พวกเขาออกไป ทหารพ่ายศึกที่เหลืออีกพันคนก็รีบออกจากค่ายและหนีไปที่ประตูทิศใต้พวกเขาไม่เชื่อราชสำนักและไม่เชื่อว่าหวังหยวนจะชนะศึกนี้ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะหนีทัพกลายเป็นโจร...เมื่อสิบห้านาทีที่แล้ว ในค่ายทหารอู๋หลิงที่นั่งอยู่ในกระโจม เขาขมวดคิ้วแน่น!ตอนนี้เขากำลังเจ็บปวดขมขื่นหัวใจ!ตระกูลอู๋จงรักภักดีต่อราชสำนักมาโดยตลอด กล่าวได้ว่าพวกเขาหลั่งเลือดสละชีวิตถวายให้ได้แต่ราชสำนักปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างไร!พ่อของเขาถูกตัดหัว ส่วนแม่ น้องชายและน้องสาวของเขาถูกจำคุกท
กุบกับ กุบกับ…เหมือนม้าศึกเหยียบย่ำพื้นด้วยเกือกเหล็ก!เมื่อทั้งสามหันกลับมา พวกเขาเห็นอู๋หลิงเป็นผู้นำตามมาด้วยทหารราบสวมชุดเกราะหนา!“ทหารชุดเกราะ แม่ทัพหนุ่มได้นำทหารชุดเกราะมาที่นี่ด้วย เราสามารถหยุดชาวหวงได้แล้ว!”หวางห่าว, อู๋หยวนและ เจิ้งฝาเป่ยมีใจจะสู้ต่ออย่างเต็มเปี่ยม และขวัญกำลังใจของทุกคนก็เพิ่มขึ้นมาทันที!ทหารชุดเกราะหรือทหารราบเกราะหนักของต้าเย่ ล้วนเป็นทหารชั้นยอด พวกเขาสวมชุดเกราะหนักเจ็ดสิบกิโลกรัม สามารถปกป้องได้ทั้งร่างกาย พวกเขาใช้ทั้งดาบ ขวาน และค้อน แข็งแกร่งไร้เทียมทานมากในการต่อสู้ระยะประชิด!ช่างฝีมือของต้าเย่ฝีมือเหนือกว่าชาวหวง อุปกรณ์เกราะผ้าก็แข็งแกร่งกว่าของทหารราบหนักของชาวหวง"ฆ่ามัน!"อู๋หลิงเป็นผู้นำ พุ่งไปข้างหน้าวาดดาบออกไป ทุกที่ที่ดาบวาดไปหัวก็หลุดตามดาบที่ผ่านไปทุกที่!ตึ่ง ตึ่ง ตึ่ง…ทหารหุ้มเกราะสองพันคนเดินตามไปติด ๆ ทหารราบหนักชาวหวงฟันและแทงร่างกายของพวกเขาด้วยดาบและหอก ทำให้เกิดประกายไฟออกมาหลายจุด!เคร้ง เคร้ง เคร้ง...ต่อมา ค้อนและขวานก็พุ่งกระเด็นเข้าใส่ทหารราบชาวหวง!ทหารราบหนักชาวหวงนับไม่ถ้วนล้มลงกับพื้น!ไม่มีใครใช้หอก
อู๋หลิงก้าวไปข้างหน้าทักถามเขา "เจ้ามาที่นี่ทำไม"เอ้อหู่พูดอย่างฮึกเฮิม "พวกชาวหวงบุกมา แน่นอนว่าเราต้องมาอยู่แล้ว!"“วิกฤตใหญ่หลวง ล้วนมิมีใครหนีพ้น!”วังไห่เทียนหายใจหอบ "ให้เราทำหน้าที่ของเราเพื่อปกป้องเมืองด้วย!"อู๋หลิงพยักหน้า "เอาล่ะ ท่านลุง มีหินก้อนใหญ่อยู่ในบ้านทั้งสองฝั่งของถนน สั่งให้คนย้ายพวกมันออกไปปิดถนนไว้ เหลือทางเข้าด้านข้างไว้ให้เราถอย!""ได้!"วังไห่เทียนและวังฉงโหลวให้คนรับใช้และพวกจ้าวหู้ขนย้ายก้อนหินขนาดใหญ่ไปปิดทางเข้าถนน!เมื่อมองดูทหารราบของพวกชาวหวงที่แห่กันเข้ามาอย่างมืดฟ้ามัวดิน ดวงตาของเอ้อหู่ก็เป็นประกายและพูดว่า "แม่ทัพหนุ่ม ข้าไม่อยากขนหิน ให้ข้าไปฆ่าพวกมันเถอะ!"“นี่คือทหารราบเกราะหนัก จุดอ่อนอยู่ที่ช่วงว่างเกราะคอและใบหน้า ส่วนอื่น ๆ โจมตีเพียงครั้งเดียวไม่อาจทำให้ถึงแก่ชีวิตได้!”รู้ว่าเป็นหนุ่มเลือดร้อนบ้าการต่อสู้ อู๋หลิงก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเตือนเขาเอาไว้เอ้อหู้ตะโกนและรีบเข้าไปในสนามรบ!ต้าหู่กำลังจะตามมา แต่ถูกอู๋หลิงหยุดไว้ก่อน "รีบไปที่ฝั่งเหนือ ท่านเสนาธิการทหารอยู่ที่นั่นเพื่อโน้มน้าวกองทหารพ่ายศึกให้ยอมจำนน ข้าเป็นห่วงความ
เมื่อมองดูประตูเมืองที่ถูกตีแตก ได้ยินเสียงการต่อสู้ในเมือง อากู่ฉาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าด้วยสีหน้าเย็นชาและโศกเศร้า แต่ยังแฝงได้ถึงความตื่นเต้น “เสด็จพ่อ ท่านอยู่บนฟ้าท่านเห็นนั่นไหม? ข้ายึดจิ่วซานได้แล้ว เราจะเริ่มแก้แค้นเดี๋ยวนี้!”โจวไป่ตวนกล่าวว่า "อ๋องน้อย ก่อนที่ท่านอ๋องตาย เขาสั่งให้ท่านเก็บหวังหยวนไว้ ให้ทุกสิ่งที่เขาอยากได้ เอาชนะใจเขาให้ได้ ทำไมท่านไม่เก็บเขาไว้ล่ะ"“ความแค้นที่ฆ่าเสด็จพ่อไม่อาจอยู่ร่วมโลกได้ ถ้าข้าเก็บเขาไว้ เหล่าพี่น้องชาวหวงจะคิดอย่างไรกับข้า!”อากู่ฉาจิ้ปากอย่างเย็นชา "หลังจากการต่อสู้ครั้งนี้ ข้ารู้สึกว่าสติปัญญาของเขาก็แค่เท่านั้นงั้น เขาใช้หน้าไม้ยักษ์ยิงใส่เสด็จพ่อเท่านั้น ไม่ได้มีความสามารถพิเศษอะไรมากนัก นอกจากนี้ข้ายังมีท่านช่วยข้าอยู่ จะเอาเขามาทำอะไรอีก!”“ขอบพระทัยอ๋องน้อยที่ชมเชย!”โจวไป่ตวนดูมั่นใจ "ตราบใดที่อ๋องน้อยฟังแผนการของข้า ข้ารับประกันว่าท่านจะตีเฉิงโจวแตกได้ภายในสามเดือนและบุกเมืองหลวงต้าเย่ได้ในครึ่งปี กลายเป็นราชาผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดของเหล่าชาวหวง!""ฮ่า ฮ่า ฮ่า !"อากู่ฉาพูดอย่างภาคภูมิใจ "ท่านเป็นคนมีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยม ข้าม
“พวกเจ้าออกไปก่อน”เมื่อเห็นว่าคนเหล่านั้นหน้าดำคร่ำเครียด ซือหม่าอันจึงโบกมือให้พวกเขาออกไปในชั่วพริบตา คนเหล่านั้นก็จากไปด้วยความโล่งอกพวกเขาถึงกับกังวลว่าหานเทาจะสังหารพวกเขาเพราะความโกรธด้วยซ้ำ...“ท่านขุนพลหานไม่ต้องโมโห”“อันที่จริง เรื่องเหล่านี้ล้วนสมเหตุสมผล”“แม้ว่าจะไม่มีตำแหน่งอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้าแล้ว แต่ชื่อเสียงของพวกเราก็ไม่ค่อยดีนัก พวกเขาจะเดินทางมาได้อย่างไร?”“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็สร้างหอไร้เทียมทานขึ้นมาเอง ท่านคิดเห็นเช่นไร?”ซือหม่าอันหรี่ตาลง ตอนนี้เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ สายตาจับจ้องไปที่หานเทาหานเทากลืนน้ำลาย เอ่ยถามขึ้นว่า “ท่านมีความคิดดี ๆ แล้วหรือ?”ซือหม่าอันกล่าวว่า “หลายปีมานี้ ผู้คนต่างก็เกลียดชังอาณาจักรต้าเป่ย ถึงกับคิดว่าต้นตอของสงครามในดินแดนทั้งเก้าก็คืออาณาจักรต้าเป่ยของพวกเรา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อยากเข้าร่วมกับพวกเรา”“เช่นนั้นพวกเราก็นำยอดฝีมือจำนวนมากจากภายนอกเข้ามาเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับตนเองสิ!”“ตามที่ข้ารู้ หวังหยวนมีน้องชายคนหนึ่งชื่อว่าไฉจวิ้น ทั้งสองไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด ว่ากันว่าเป็นพี่น้องร่วมสาบาน”“ไฉ
“เมื่อคืนข้าไม่ได้บอกเจ้าแล้วหรือ ว่าอีกสองวันพวกเราจะกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง?”“ท่านถงและคนอื่น ๆ ล้วนอยู่ที่หมู่บ้านต้าหวัง พวกเราไม่ต้องเป็นกังวลกับเรื่องราวที่นั่น”“เมื่อพวกเรากลับไปแล้ว ก็เพียงแค่ใช้ชีวิตให้มีความสุข”หวังหยวนไม่ใช่คนไร้ซึ่งความทะเยอทะยาน เพียงแต่ว่าเขาไม่ได้มีความรักชาติอันยิ่งใหญ่และคำนึงถึงปวงประชาเป็นหลัก!เขาเพียงต้องการดูแลครอบครัวของตนเอง รวมถึงสหายและพี่น้องที่อยู่เคียงข้าง!หากสามารถช่วยเหลือปวงประชาได้ ย่อมเป็นเรื่องดี แต่หากต้องเสียสละสิ่งใดจริง ๆ เกรงว่าเขาคงจะไม่ทำเช่นนั้น...แม้แต่การประชุมที่หอหลิวหลีในตอนนั้น ก็เป็นเพียงเพราะหวังหยวนต้องการความสงบสุข“ไม่ได้ ไม่ได้!”“ข้าไม่อยากกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง!”“ข้าอยากจะติดตามท่านไปยังสถานที่ที่ผู้คนไม่พลุกพล่าน เมื่อข้าให้กำเนิดลูกแล้ว พวกเราค่อยกลับไปก็ได้ไม่ใช่หรือ?”หลิ่วหรูเยียนฉลาดยิ่งนักเมื่อกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง นางจะสามารถติดตามหวังหยวนได้ทุกวันได้อย่างไร?อย่าว่าแต่ต้องการจะมีลูกเป็นของตนเองเลย เกรงว่าแม้แต่พื้นที่ส่วนตัวของเขากับนางก็ยังแทบจะไม่มี!ในบ้านยังมีพี่สาวอีกหลายคน
หวังหยวนได้ตัดสินใจแล้ว เรื่องราวในเมืองอู่เจียงใกล้จะสิ้นสุด เขาเตรียมที่จะกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวังในอีกสองวันครั้งนี้เขาออกมานานกว่าครึ่งปี แม้ว่าพวกหลี่ซื่อหานจะไม่ได้เร่งรัดให้เขากลับบ้าน แต่ด้วยนิสัยของพวกนาง เกรงว่าคงจะอยากมาตามหาเขาแล้วกระมัง?มีปัญหาน้อยดีกว่ามีปัญหามาก รีบกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวังย่อมดีกว่าอีกอย่างคือเมื่อมีคนรักใหม่แล้วจะลืมคนรักเก่าได้อย่างไร!ฝนตกทั่วฟ้าถึงจะถูกต้อง!“ท่านผู้นำ มีเรื่องสำคัญที่ต้องรายงานท่านขอรับ!”“ข้าเพิ่งได้รับข่าว หานเทาและซือหม่าอันได้ก่อตั้งสถานที่ที่คล้ายกับหอไร้เทียมทาน ตอนนี้กำลังรวบรวมยอดฝีมือทั่วหล้า!”“นี่มันจงใจเป็นศัตรูกับพวกเราชัด ๆ”“ข้าจึงอยากจะถามว่า ต่อไปพวกเราต้องทำการตอบโต้หรือไม่ขอรับ?”หากเป็นเมื่อก่อน เกาเล่อย่อมต้องการความมั่นคง ไม่เคยทำเรื่องหุนหันพลันแล่นในสถานการณ์เช่นนี้ ย่อมไม่เลือกที่จะปะทะกับหานเทาโดยตรงแต่ยามนี้แตกต่างออกไป เมื่อก่อนหวังหยวนมีเพียงแคว้นเดียวเท่านั้น ตอนนี้แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น แต่เผ่าทางเหนือทั้งหมดก็อยู่ภายใต้การบัญชาของหวังหยวนแล้ว และท่านไท่สื่อก็เป็นคนของพวกเขาด้วย!ประกอบก
กองทัพทั่วหล้าตกอยู่ในมือของเขาแล้ว!หากเกิดสงครามกับหวังหยวน เขาก็ต้องเป็นแนวหน้า!ซือหม่าอันหรี่ตา จากนั้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “เรื่องที่ท่านขุนพลหานกังวล มีหรือที่ข้าจะไม่กังวล?”“ข้าได้กราบทูลเรื่องนี้กับฝ่าบาทแล้ว แต่ฝ่าบาทกลับไม่ได้ใส่ใจ ตอนนี้ท่านโปรดปรานการใช้ดินปืน ซ้ำยังให้คนไปคิดค้นอาวุธร้อนเพิ่มด้วย!”“เพียงแต่ว่าการจะพัฒนาอาวุธร้อนให้สมบูรณ์ ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ในชั่วข้ามคืน!”หานเทาถอนหายใจยาว มีหรือที่เขาจะไม่เข้าใจหลักการนี้?น่าเสียดายที่ไม่สามารถพูดคุยกับฝ่าบาทให้เข้าใจได้!“เช่นนั้นตามความคิดเห็นของท่านซือหม่า ต่อไปพวกเราต้องทำอย่างไร?”หานเทาเอ่ยถามเขาเป็นเพียงขุนศึก ในสถานการณ์เช่นนี้ ย่อมต้องการความช่วยเหลือจากซือหม่าอันเมื่อทั้งสองปรึกษาหารือกัน อาจจะสามารถหาผลลัพธ์ที่ดีได้!ซือหม่าอันหรี่ตาลง ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ใช้นิ้วเคาะโต๊ะเบา ๆ จากนั้นกล่าวว่า “หรือว่าพวกเราจะก่อตั้งสถานที่ที่คล้ายกับหอไร้เทียมทาน จากนั้นก็ป่าวประกาศเรื่องนี้ให้ทั่ว ให้ผู้คนทั่วหล้าเดินทางมา เช่นนี้แล้ว ต่อให้พวกเราไม่สามารถรวบรวมยอดฝีมือได้มากมาย อย่างน้อยก็ไม่ปล่อยให้
“เจ้านี่นะ! ถึงกับหึงหวงเพราะผู้ชายเลยหรือ? หากกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง เช่นนั้นข้าจะมีความสุขได้อย่างไร?”หวังหยวนส่ายหน้าอย่างจนใจ ที่บ้านเขายังมีภรรยาสาวสวยอีกหลายคน ท่าทางของหลิ่วหรูเยียนเช่นนี้ ช่างทำให้เขารู้สึกหวาดหวั่นที่สำคัญที่สุดก็คือ ภรรยาในบ้านแต่ละคนล้วนไม่ใช่คนธรรมดา!โดยเฉพาะหวงเจียวเจียว นิสัยของนางร้อนแรงยิ่งกว่าไฟ นอกจากหลี่ซื่อหานและคนอื่น ๆ แล้ว ก็เกรงว่าจะไม่ยอมรับใครอีกหากสตรีทั้งสองนี้มาพบกัน ใครจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแต่ในเมื่อรับพวกนางมาเป็นภรรยาแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต เขาก็ต้องรับผิดชอบทั้งหมดเวลาสามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในช่วงสามวันนี้ หวังหยวนอยู่ในหอไร้เทียมทานต้องยอมรับว่าการก่อตั้งหอไร้เทียมทานได้ดึงดูดผู้มีความสามารถมากมายมาให้หวังหยวนที่สำคัญที่สุดก็คือหวังหยวนเป็นเพียงผู้ดูแล เรื่องราวทั้งหมดมอบให้เกาเล่อจัดการ โดยเพียงแค่ใช้ชื่อเสียงของหวังหยวนเท่านั้น!ต้องรู้ว่าหวังหยวนมีชื่อเสียงไปทั่วทั้งดินแดนทั้งเก้า เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด แม้แต่ปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้าก็เคารพหวังหยวน แล้วใครเล่าจะไม่อยากมาอยู่ใต้บัญชาของหวังหยวน?ยิ่งไป
การประลองย่อมต้องดำเนินต่อไปเพียงแต่ว่าตำแหน่งอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้านั้นมีมากมาย หวังหยวนจึงไม่ได้อยู่ดูการแข่งขันต่อคาดว่าในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า หอไร้เทียมทานคงจะคึกคักเป็นอย่างมากในไม่ช้า หวังหยวน ไฉจวิ้น และหลิ่วหรูเยียนทั้งสามก็กลับมาถึงห้อง ส่วนเรื่องภายนอกมอบให้เกาเล่อจัดการทันทีที่เดินเข้าห้อง หวังหยวนจึงรีบจับมือไฉจวิ้นมาตรวจดูอย่างละเอียด“พี่ใหญ่ ท่านไม่ต้องเป็นห่วงหรอกขอรับ ข้าสบายดี!”“ต่อให้ต้องประลองต่อ ข้าก็ยังไหว!”“เพียงแต่ข้าคิดไม่ถึงว่าเจ้านั่นจะยอมแพ้...”“เช่นนี้ก็ดี ทำให้ข้าไม่ต้องเปลืองแรง!”“อีกอย่าง หากต้องประลองกันต่อ เกรงว่าแม้แต่ข้าก็ไม่รู้ว่าจะสำเร็จหรือไม่...”นี่เป็นความจริงทุกคนรู้ว่าไฉจวิ้นมีพละกำลังมหาศาล ตัวเขาเองก็รู้ดีแก่ใจ แต่ขีดจำกัดของตนอยู่ที่ใด เกรงว่าแม้แต่เขาเองก็คงจะไม่รู้“เห็นว่าเจ้าไม่เป็นอะไร ข้าก็โล่งใจ”“แต่ต่อไปเมื่อทำสิ่งใด ต้องใช้ความคิดให้มาก”“แม้ว่าเจ้าจะมีพละกำลังมหาศาล แต่เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน เจ้าไม่มีทางรู้ได้ว่าคู่ต่อสู้ของเจ้าแข็งแกร่งเพียงใด”“ดังนั้นเมื่อทำสิ่งใด อย่าได้อวดดี เข้าใจหรือไม่?”
“ช่างมีพละกำลังมหาศาลจริง ๆ!”ขณะที่หวังหยวนกับพวกกำลังสนทนากัน สายตาของพวกเขาก็จับจ้องไปที่ดาร์เนล ซึ่งในตอนนี้ได้ยกติ่งหนักถึงเจ็ดร้อยชั่งขึ้นเหนือศีรษะบนเวทีเหลือเพียงไฉจวิ้นและดาร์เนลเมื่อดาร์เนลยกติ่งขึ้นได้ สายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปที่ไฉจวิ้น ตอนนี้เขาคือความหวังของปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้า ตำแหน่งจอมพลังอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้าจะไปตกอยู่ในมือของชาวต่างชาติได้อย่างไร?เช่นนี้แล้ว ภายภาคหน้าปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้าจะเชิดหน้าชูตาได้อย่างไร?ทางด้านสายตาของหวังหยวนนั้นจับจ้องไปที่ดาร์เนล ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่“ดูท่าแล้วไฉจวิ้นยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ดาร์เนลมีความสามารถจริง ๆ ข้าเห็นว่าตอนที่เขายกติ่งขึ้นเมื่อครู่ไม่ได้มีความลังเลแม้แต่น้อย ช่างมีพละกำลังมหาศาลนัก หากบอกว่าคนผู้นี้คือจอมพลังอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้า นั่นไม่ถือว่าเป็นการดูหมิ่นชื่อเสียงอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้า”หลิ่วหรูเยียนที่อยู่ด้านข้างเอ่ยอย่างช้า ๆการกระทำทั้งหมดของดาร์เนลล้วนอยู่ในสายตาของพวกเขา นี่คือผู้ที่มีความสามารถอย่างแท้จริงหากเปลี่ยนเป็นคนอื่น เกรงว่าจะไม่มีใครทำได้อย่างเข้าไม่ใช่หรือ?
แต่ทั้งหมดนี้นั้น นับว่าเป็นความดีความชอบของปู่ของไฉจวิ้นด้วย หากไม่ใช่เพราะมีปู่ช่วยเหลืออยู่ข้าง ๆ และใช้ชีวิตอยู่ในป่ามาหลายปี แล้วเขาจะมีพละกำลังแข็งแกร่งเพียงนี้ได้อย่างไร?เมื่อไฉจวิ้นยกติ่งใหญ่ขึ้น ผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ ก็ทยอยแสดงความสามารถของตนน่าเสียดาย ในท้ายที่สุดผู้ที่สามารถยกติ่งใหญ่ขึ้นได้ นอกจากไฉจวิ้นแล้วมีเพียงชาวต่างชาติที่มาจากต่างแดนเท่านั้นเสียงปรบมือดังกึกก้องจากข้างล่างเวที “คนผู้นี้มีความสามารถยิ่งนัก”หวังหยวนกอดอกมองชาวต่างชาติผู้นั้น พลางกวักมือเรียกเกาเล่อในชั่วพริบตา เกาเล่อก็มาอยู่ข้างกายหวังหยวน แต่สีหน้ากลับดูตึงเครียด“คนผู้นั้นคือชาวต่างชาติที่เจ้าเพิ่งพูดถึงหรือ?”หวังหยวนชี้ไปที่อีกคนบนเวที แล้วเอ่ยถามเกาเล่อพยักหน้า จากนั้นก็ขมวดคิ้วเอ่ยว่า “คนผู้นี้มีที่มาไม่ธรรมดา ก่อนหน้านี้ข้าได้บอกข้อมูลของเขาให้ท่านทราบแล้ว คนผู้นี้มีชื่อว่าดาร์เนล ว่ากันว่ามีพละกำลังมหาศาลตั้งแต่เด็ก และเคยต่อยเสือร้ายตายด้วยหมัดเดียว!”“เดิมทีคิดว่าทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องเล่า ตอนนี้ดูเหมือนว่าอาจจะไม่ใช่เรื่องโกหก...”สามารถยกติ่งใหญ่หนักห้าร้อยชั่งได้ นั่นก็
เขามีความมั่นใจในตัวน้องชายคนนี้ก่อนหน้านี้ หวังหยวนเคยเห็นความสามารถของไฉจวิ้นมาก่อน อย่าว่าแต่จะหาผู้ที่เทียบเทียมเขาในบรรดาคนรุ่นเดียวกันได้ยากเลย แม้แต่คนที่อายุมากกว่าเขาก็ยังไม่มีใครมีพละกำลังเท่าเขา!ยิ่งไปกว่านั้น หวังหยวนเองก็ยังไม่รู้ขีดจำกัดของไฉจวิ้น!ดูท่าแล้ววันนี้คงมีเรื่องสนุกให้ชมกันเกาเล่อกลับเอ่ยว่า “ข้าเห็นว่าไม่เป็นเช่นนั้น คนที่อยู่ข้างกายไฉจวิ้นล้วนไม่ใช่คนธรรมดา! หนึ่งในนั้นมาจากต่างแดน คนผู้นี้มีชื่อเสียงมานาน ว่ากันว่าสามารถยกหินใหญ่หนักสองร้อยจินได้ด้วยมือเดียว!”“หากใช้สองมือ คาดว่าของหนักห้าร้อยจินก็คงไม่คณนามือขอรับ!”นี่...หวังหยวนกลืนน้ำลาย คนเหล่านี้กินหินเป็นอาหารกันหรืออย่างไร?ฝึกฝนร่างกายจนแข็งแกร่งถึงเพียงนี้เลยหรือ?อย่าว่าแต่ยกของหนักห้าร้อยจินเลย แม้แต่สองร้อยห้าสิบจิน เขาก็ยังยกไม่ขึ้น!“รอดูไปก่อน ข้าก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าศักยภาพของไฉจวิ้นมีขีดจำกัดอยู่ที่ใด”“เจ้าจำไว้ว่าต้องไปเตือนเขาด้วยว่าอย่าได้มุทะลุดุดัน!”“เขายังเด็กนัก ภายภาคหน้ายังมีโอกาสอีกมากที่จะพิสูจน์ตนเอง หากได้รับบาดเจ็บเพราะเรื่องนี้แล้วนั้น ย่อมไม่คุ้มค่า”ห