อู๋หยวนกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูที่น่าเกรงขาม "ยิงหน้าไม้และหน้าไม้ยักษ์ซะ อย่าปล่อยให้พวกมันบุกเข้ามา!"ทหารพ่ายศึกหลายหมื่นคนรีบวิ่งพุ่งเข้ามา พวกเขามีแค่พันคนเท่านั้น จำนวนขนาดนี้พวกเขาถูกข่มกลับได้ทันที!ทหารพ่ายศึกนวนมากในค่ายล่าถอยกลับไปใครก็ตามที่รีบออกไปก่อนจะต้องเผชิญหน้ากับการกระหน่ำยิงเครื่องยิงหน้าไม้ยักษ์และหน้าไม้จนต้องตายหมดเป็นแน่!"หยุดซะ!"หวังหยวนตะโกนด้วยเสียงทุ้ม ทหารจำนวนมากก็หยุดลงทันที เขาหันกลับแล้วพูดต่อไปว่า "อู๋หยวนเจ้าพาทหารไปเสริมกำลังการป้องกันที่ประตูเมือง ที่นี่ไว้ให้เป็นหน้าที่ข้าเอง!"อู๋หยวนขมวดคิ้วไม่พูดอะไร!หากเป็นก่อนหน้านั้นเขาเคยฟังคำสั่งของหวังหยวนมาก่อน แต่ตอนนี้เสวี่ยผานและหลินเจาเอินเป็นคนกุมอำนาจไว้ในขณะนั้นผู้ส่งสารของเจิ้งฝาเป่ยรีบวิ่งเข้ามาและตะโกนว่า "แม่ทัพอู๋ ขันทีหลินหนีไปพร้อมกับแม่ทัพเว่ยแล้ว แม่ทัพเจิ้งไปที่ประจำประตูเมืองแล้ว เขาให้ข้าบอกแม่ทัพหนุ่มและท่านเสนาธิการทหารว่าเขาจะสู้ตาย ให้พวกท่านก็อย่ายอมแพ้ด้วยเช่นกัน!”"ว่าไงนะ!"อู๋หยวนอึ้งจนทำตัวไม่ถูกชาวหวงเข้ามาในเมือง ในช่วงเวลาวิกฤตเช่นนี้ หลินเจาเอินกับเว่ยชิงซา
ทหารพ่ายศึกหลายคนมีสายตาที่แข็งกร้าว แต่ส่วนใหญ่กลับดูยังสนิทสนมและเป็นกังวล!“ข้ารู้ว่าตอนนี้พวกเจ้าโกรธ ข้าเองก็โกรธเป็นอย่างมากเช่นเดียวกัน!”เมื่อมองไปรอบ ๆ หวังหยวนก็ด่าเสียงดัง "เราต่อสู้อย่างสุดชีวิตเพื่อราชสำนัก แต่ขุนนางและขันทีเหล่านั้นกลับทำกับเราเช่นนี้ ข้าล่ะแค้นจนอยากจะไปฆ่าไอเวรตะไลพวกนั้นให้หมดไปซะ!"ทหารพ่ายศึกหลายคนพยักหน้าทั้งน้ำตา เป็นคำพูดที่ยิงตรงเข้ามาในใจของพวกเขาหากไม่ถูกสถานการณ์บังคับ ใครจะยอมจำนนต่อชาวหวงที่น่าชิงชังเหล่านี้ได้?หวังหยวนกัดฟันแล้วพูดว่า "แต่ข้าจะยังคงต่อสู้ในศึกครั้งนี้ต่อไป!"“ราชสำนักไม่ยอมปล่อยเราไป แล้วทำไมเราต้องช่วยสู้ให้พวกมันด้วย!”"ไม่สู้ก็พูดได้สิ แต่ถ้าชนะก็ตายอยู่ดี!"“พวกเราไม่ได้โง่นะ!”ทหารพ่ายศึกหลายคนตะโกน!หวังหยวนกัดฟันตะโกนออกมา "ข้าไม่ได้ต่อสู้ในศึกนี้เพื่อราชสำนัก เพื่อเกียรติยศ หรือเพื่อเลื่อนยศใด ๆ ทั้งนั้น ข้ากำลังต่อสู้เพื่อภรรยา ลูก ๆ พ่อแม่ของข้า เพื่อดินแดนที่บรรพบุรุษของเราทิ้งไว้ให้เรา เพื่อคนรุ่นหลังของเราไม่ต้องเป็นทาสใคร เพื่อให้ใต้หล้านี้อยู่อย่างสงบสุข!"ทหารพ่ายศึกทั้งหมดดูดิ้นรนสับสนท่านเสน
ไม่มีใครคาดคิดว่าหวังหยวนจะสามารถชักชวนทหารพ่ายศึกกือบหมื่นคนได้ด้วยฝีปากอันเฉียบคมของเขาหวังหานซานยิ้มเล็กน้อย เขาเชื่อในตัวหวังหยวนอย่างไม่มีเงื่อนไขใด ๆ ทั้งนั้น!หวังหยวนก้าวไปข้างหน้าด้วยสายตาที่ซับซ้อน!หลังจากพยายามเกลี้ยกล่อมพวกเขาอย่างต่อเนื่องมานานกว่าครึ่งเดือน ในที่สุดทหารพ่ายศึกเหล่านี้ก็เชื่อในตัวเขา!ที่เขากล้าเข้าค่ายตามลำพัง เพราะเขาเข้าใจความต้องการของผู้คนที่อยู่เบื้องล่างการมาในครั้งนี้มันยากที่จะจินตนาการว่าทหารเกือบหนึ่งหมื่นคนจะได้กลับมากี่คน!แต่ตอนนี้เขาไม่มีทางเลือก!หลังจากที่พวกเขาออกไป ทหารพ่ายศึกที่เหลืออีกพันคนก็รีบออกจากค่ายและหนีไปที่ประตูทิศใต้พวกเขาไม่เชื่อราชสำนักและไม่เชื่อว่าหวังหยวนจะชนะศึกนี้ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะหนีทัพกลายเป็นโจร...เมื่อสิบห้านาทีที่แล้ว ในค่ายทหารอู๋หลิงที่นั่งอยู่ในกระโจม เขาขมวดคิ้วแน่น!ตอนนี้เขากำลังเจ็บปวดขมขื่นหัวใจ!ตระกูลอู๋จงรักภักดีต่อราชสำนักมาโดยตลอด กล่าวได้ว่าพวกเขาหลั่งเลือดสละชีวิตถวายให้ได้แต่ราชสำนักปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างไร!พ่อของเขาถูกตัดหัว ส่วนแม่ น้องชายและน้องสาวของเขาถูกจำคุกท
กุบกับ กุบกับ…เหมือนม้าศึกเหยียบย่ำพื้นด้วยเกือกเหล็ก!เมื่อทั้งสามหันกลับมา พวกเขาเห็นอู๋หลิงเป็นผู้นำตามมาด้วยทหารราบสวมชุดเกราะหนา!“ทหารชุดเกราะ แม่ทัพหนุ่มได้นำทหารชุดเกราะมาที่นี่ด้วย เราสามารถหยุดชาวหวงได้แล้ว!”หวางห่าว, อู๋หยวนและ เจิ้งฝาเป่ยมีใจจะสู้ต่ออย่างเต็มเปี่ยม และขวัญกำลังใจของทุกคนก็เพิ่มขึ้นมาทันที!ทหารชุดเกราะหรือทหารราบเกราะหนักของต้าเย่ ล้วนเป็นทหารชั้นยอด พวกเขาสวมชุดเกราะหนักเจ็ดสิบกิโลกรัม สามารถปกป้องได้ทั้งร่างกาย พวกเขาใช้ทั้งดาบ ขวาน และค้อน แข็งแกร่งไร้เทียมทานมากในการต่อสู้ระยะประชิด!ช่างฝีมือของต้าเย่ฝีมือเหนือกว่าชาวหวง อุปกรณ์เกราะผ้าก็แข็งแกร่งกว่าของทหารราบหนักของชาวหวง"ฆ่ามัน!"อู๋หลิงเป็นผู้นำ พุ่งไปข้างหน้าวาดดาบออกไป ทุกที่ที่ดาบวาดไปหัวก็หลุดตามดาบที่ผ่านไปทุกที่!ตึ่ง ตึ่ง ตึ่ง…ทหารหุ้มเกราะสองพันคนเดินตามไปติด ๆ ทหารราบหนักชาวหวงฟันและแทงร่างกายของพวกเขาด้วยดาบและหอก ทำให้เกิดประกายไฟออกมาหลายจุด!เคร้ง เคร้ง เคร้ง...ต่อมา ค้อนและขวานก็พุ่งกระเด็นเข้าใส่ทหารราบชาวหวง!ทหารราบหนักชาวหวงนับไม่ถ้วนล้มลงกับพื้น!ไม่มีใครใช้หอก
อู๋หลิงก้าวไปข้างหน้าทักถามเขา "เจ้ามาที่นี่ทำไม"เอ้อหู่พูดอย่างฮึกเฮิม "พวกชาวหวงบุกมา แน่นอนว่าเราต้องมาอยู่แล้ว!"“วิกฤตใหญ่หลวง ล้วนมิมีใครหนีพ้น!”วังไห่เทียนหายใจหอบ "ให้เราทำหน้าที่ของเราเพื่อปกป้องเมืองด้วย!"อู๋หลิงพยักหน้า "เอาล่ะ ท่านลุง มีหินก้อนใหญ่อยู่ในบ้านทั้งสองฝั่งของถนน สั่งให้คนย้ายพวกมันออกไปปิดถนนไว้ เหลือทางเข้าด้านข้างไว้ให้เราถอย!""ได้!"วังไห่เทียนและวังฉงโหลวให้คนรับใช้และพวกจ้าวหู้ขนย้ายก้อนหินขนาดใหญ่ไปปิดทางเข้าถนน!เมื่อมองดูทหารราบของพวกชาวหวงที่แห่กันเข้ามาอย่างมืดฟ้ามัวดิน ดวงตาของเอ้อหู่ก็เป็นประกายและพูดว่า "แม่ทัพหนุ่ม ข้าไม่อยากขนหิน ให้ข้าไปฆ่าพวกมันเถอะ!"“นี่คือทหารราบเกราะหนัก จุดอ่อนอยู่ที่ช่วงว่างเกราะคอและใบหน้า ส่วนอื่น ๆ โจมตีเพียงครั้งเดียวไม่อาจทำให้ถึงแก่ชีวิตได้!”รู้ว่าเป็นหนุ่มเลือดร้อนบ้าการต่อสู้ อู๋หลิงก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเตือนเขาเอาไว้เอ้อหู้ตะโกนและรีบเข้าไปในสนามรบ!ต้าหู่กำลังจะตามมา แต่ถูกอู๋หลิงหยุดไว้ก่อน "รีบไปที่ฝั่งเหนือ ท่านเสนาธิการทหารอยู่ที่นั่นเพื่อโน้มน้าวกองทหารพ่ายศึกให้ยอมจำนน ข้าเป็นห่วงความ
เมื่อมองดูประตูเมืองที่ถูกตีแตก ได้ยินเสียงการต่อสู้ในเมือง อากู่ฉาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าด้วยสีหน้าเย็นชาและโศกเศร้า แต่ยังแฝงได้ถึงความตื่นเต้น “เสด็จพ่อ ท่านอยู่บนฟ้าท่านเห็นนั่นไหม? ข้ายึดจิ่วซานได้แล้ว เราจะเริ่มแก้แค้นเดี๋ยวนี้!”โจวไป่ตวนกล่าวว่า "อ๋องน้อย ก่อนที่ท่านอ๋องตาย เขาสั่งให้ท่านเก็บหวังหยวนไว้ ให้ทุกสิ่งที่เขาอยากได้ เอาชนะใจเขาให้ได้ ทำไมท่านไม่เก็บเขาไว้ล่ะ"“ความแค้นที่ฆ่าเสด็จพ่อไม่อาจอยู่ร่วมโลกได้ ถ้าข้าเก็บเขาไว้ เหล่าพี่น้องชาวหวงจะคิดอย่างไรกับข้า!”อากู่ฉาจิ้ปากอย่างเย็นชา "หลังจากการต่อสู้ครั้งนี้ ข้ารู้สึกว่าสติปัญญาของเขาก็แค่เท่านั้นงั้น เขาใช้หน้าไม้ยักษ์ยิงใส่เสด็จพ่อเท่านั้น ไม่ได้มีความสามารถพิเศษอะไรมากนัก นอกจากนี้ข้ายังมีท่านช่วยข้าอยู่ จะเอาเขามาทำอะไรอีก!”“ขอบพระทัยอ๋องน้อยที่ชมเชย!”โจวไป่ตวนดูมั่นใจ "ตราบใดที่อ๋องน้อยฟังแผนการของข้า ข้ารับประกันว่าท่านจะตีเฉิงโจวแตกได้ภายในสามเดือนและบุกเมืองหลวงต้าเย่ได้ในครึ่งปี กลายเป็นราชาผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดของเหล่าชาวหวง!""ฮ่า ฮ่า ฮ่า !"อากู่ฉาพูดอย่างภาคภูมิใจ "ท่านเป็นคนมีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยม ข้าม
ฟู่ว ฟู่ว...ทหารชาวหวงจำนวนมากที่ถูกไฟคลอกทนความเจ็บปวดไม่ไหว พวกเขาจึงใช้ดาบฆ่าตัวตาย!บางคนถูกไฟคลอกจนควบคุมตัวไม่ได้ และเริ่มใช้ดาบฟันใส่สหายศึก!ในไฟที่โหมกระหน่ำ ร่างหลายพันร่างดิ้นทุรนทุรายค่อย ๆ ล้มลงและแน่นิ่งไป!ที่สี่แยกถนนด้านซ้ายและขวา หวางห่าว, อู๋หยวน, เจิ้งฝาเป่ย และกองทหารต่างก็โล่งใจในที่สุดทหารราบหนักชาวหวงก็ถูกปราบรามไว้ได้ มณฑลจิ่วซานปกป้องไว้ได้แล้ว พวกเขารอดแล้ว!ถูกต้องแล้วที่ทำตามท่านเสนาธิการทหาร เขามีวิธีที่จะเอาชนะได้จริง ๆหลังทางแยกถนน ทหารพ่ายศึกกลุ่มหนึ่งได้ยินเสียงกรีดร้องของพวกชาวหวง จนหนาวสันหลังวาบไปหมด!หากศึกก่อนหน้านี้เขาให้ชาวหวงเข้าไปในเมือง พวกเขาก็อยู่ในกองไฟแล้ว!ที่สี่แยกหวังหยวนยืนอยู่ด้านหน้าเมื่อมองไปที่ร่างที่กำลังดิ้นรนในเปลวไฟ ฟังเสียงกรีดร้องดังแทบขาดใจ เขาก็เริ่มแสบตาขึ้นมาชาติที่แล้ว เขาอาศัยอยู่ในโลกที่สงบสุข การฆ่าคนตายถือเป็นความผิดร้ายแรง จะใช้มีดแทงกันยังแทบไม่มีเลย!ตอนนี้เขาวางแผนและเผาคนตายสองหมื่นถึงสามหมื่นคน!ตอนที่คิดแผน เขาคิดแค่การสู้กับพวกชาวหวงเท่านั้น จึงไม่ได้รู้สึกผิดอะไรในใจ!ตอนนี้ความรู้สึกเห
"ฆ่า ฆ่าให้ได้สักคนพอแล้ว ฆ่าสักสองคนก็นับว่ากำไร!"ชาวหวงทหารพ่ายศึกหลายคนโกรธและรู้สึกเสียใจมากจนชักดาบออกมาโจมตี!พวกเขาทรยศต่อต้าเย่ พวกชาวหวงก็ไม่เชื่อใจพวกเขา พวกเขาน่าจะฟังสิ่งที่ท่านเสนาธิการทหารพูด!แต่มาเสียใจตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์แล้ว!"ฆ่ามัน!"บนกำแพงเมือง ทหารราบหนักของชาวหวงและกองทัพต้าเย่ทั้งสองฝ่ายก็เริ่มต่อสู้กันอีกครั้ง!แต่การต่อสู้อยู่ฝ่ายเดียว!เนื่องจากความห่างชั้นของอุปกรณ์และเครื่องมือ ทหารราบหนักชาวหวงส่วนใหญ่จึงสังหารได้อย่างง่ายดายแม้แต่ขุนพลทรยศอย่างหนิวเวยก็ถูกทหารราบหนักของชาวหวงรุมจนตายอย่างตอบโต้ไม่ได้ด้วยซ้ำ!ทหารต้าเย่บางคนโหดเหี้ยมมาก ถึงขนาดกอดทหารราบหนักชาวหวงแล้วลากตกลงมาจากกำแพงเมือง!ปึงปัง ปึงปัง...ในตอนนั้น กองทหารต้าเย่ก็โยนทหารราบหนักของชาวหวงทิ้งเหมือนโยนเกี๊ยวลงหม้อต้มการเปลี่ยนแปลงกะทันหันนี้ทำให้ทหารต้าเย่ที่อยู่ข้างนอกสับสน: เกิดอะไรขึ้นกันแน่?หวังหยวนเองก็สับสนเกี่ยวกับสถานการณ์ตอนนี้เช่นกัน และโบกมือขึ้น "ฉวยโอกาสนี้และยึดกำแพงเมืองกลับคืนมา!"อู๋หลิงนำทหารผ่านศึกชุดเกราะทมิฬและทหารราบเกราะหนักทั้งสองกลุ่มบุกขึ้นไปยึด
“ต่อให้คนธรรมดาทำงานหนักทั้งชีวิตก็ไม่มีโอกาสได้ใช้ของเหมือนที่อยู่ในห้องข้าได้!”แม่นางหรูเยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาและแฝงไปด้วยความรำคาญทว่าตั้งแต่เข้ามาในห้อง หวังหยวนก็จ้องมองแม่นางหรูเยียนตลอดเวลา พิจารณาแม้แต่ท่าทางการพูดของนางแม้ว่าแม่นางหรูเยียนจะแสร้งทำเป็นหยิ่งผยองและทำท่าทางเย็นชา แต่หวังหยวนรู้สึกได้ว่านางไม่ใช่คนเช่นนี้แน่นอน นางกำลังจงใจเล่นละครเพื่อปกปิดอะไรบางอย่าง!แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้หวังหยวนยังไม่สามารถค้นพบความลับของนางได้โชคดีที่เขายังมีเวลาอีกมากพอที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป ค่อย ๆ ขุดคุ้ยความลับเบื้องหลังของแม่นางหรูเยียน!เวลาผ่านไปทีละวินาทีแม่นางหรูเยียนก็แอบมองหวังหยวนเป็นระยะ นางคาดเดาความคิดของชายผู้นี้อยู่ในใจพลางครุ่นคิด“เขาคงไม่เฝ้าอยู่ที่นี่ตลอดหรอกใช่หรือไม่?”“เขาต้องการอะไรกันแน่?”“ข้ากับเขาไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกัน เหตุใดข้าถึงจำไม่ได้เลยว่าเคยพบเขามาก่อน?”ส่วนหวังหยวนก็นั่งจิบชาเงียบ ๆ ด้วยท่าทางสบายใจทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นอย่างเร่งรีบ ตามมาด้วยเสียงสนทนาของชายหญิงดังเข้ามาในห้อง“คุณชายเฉิน! ท่านเข้าไปไม่ได้นะเจ้าคะ!”
“ว่ามาสิว่าเจ้าเป็นใครกันแน่?” สตรีผู้นี้มีวิทยายุทธไม่ธรรมดา เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนธรรมดาสามัญ นางจะซ่อนเร้นให้รอดพ้นสายตาของหวังหยวนไปได้อย่างไร?ที่นี่คือเมืองอู่เจียง ซึ่งเป็นเขตอิทธิพลของเขา ไม่อาจปล่อยให้คนเช่นนี้ปรากฏตัวได้! แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นสตรี หวังหยวนก็จำต้องระมัดระวัง เพราะเกรงว่าจะเกิดความผิดพลาด!แม่นางหรูเยียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นยกมือขึ้นดึงปิ่นปักผมของตนเองออกมาอย่างรวดเร็ว แล้วจ่อไปที่ลำคอของตนเอง ทำท่าทางเหมือนพร้อมจะสละชีพ!“ได้!”“ถือว่าข้าโชคร้ายเองที่ได้พบเจ้า!”“หากเจ้ายังคงบีบบังคับข้าต่อไป ข้าจะตายตรงหน้าเจ้าบัดเดี๋ยวนี้!”หลังจากพูดจบ แม่นางหรูเยียนก็พร้อมที่จะใช้ปิ่นปักผมแทงเข้าที่คอของตนเอง!โชคดีที่หวังหยวนตาไว คว้าปิ่นปักผมออกจากมือของนางได้ทัน แล้วเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “อย่ามาเล่นละครตบตากับข้า!”แม้จะพูดเช่นนั้น แต่ในใจก็ยังหวาดกลัวอยู่บ้าง!สตรีผู้นี้ช่างบ้าคลั่งนัก กล้าลงมือกับตนเองเช่นนี้!ช่างโหดเหี้ยมนัก แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่เว้น!“เจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่?” ใบหน้าของแม่นางหรูเยียนบึ้งตึง วิทยายุทธของหวังหยวนนั้นสูงส่งแล
ก่อนที่แม่นางหรูเยียนจะทันได้ตั้งตัว มือของหวังหยวนก็สัมผัสผ้าคลุมหน้าของนางแล้ว!เห็นได้ชัดว่าต้องการจะดึงผ้าคลุมหน้าออก!แต่ที่หวังหยวนไม่คาดคิดก็คือแม่นางหรูเยียนมีปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็วมาก เห็นได้ชัดว่านางมีวรยุทธ!นางรีบยกมือขึ้นมาสกัดกั้นมือของหวังหยวน แล้วถอยหลังอย่างรวดเร็วไปยังเตียงนอนนางคว้ามีดสั้นออกมา ก่อนจะวิ่งเข้าไปหาหวังหยวนด้วยท่าทางน่าเกรงขาม!“มีวรยุทธด้วยหรือ?”หวังหยวนหรี่ตาแล้วยกยิ้ม เรื่องราวยิ่งน่าสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆไม่น่าแปลกใจเลยที่แม่นางหรูเยียนช่างมีเสน่ห์ดึงดูดใจ นางมีความลึกลับซ่อนอยู่มากมาย!เพียงชั่วพริบตาเดียว หวังหยวนก็เข้าต่อสู้กับแม่นางหรูเยียน!แม้ว่าหวังหยวนจะระวัง แต่กระบวนท่าโจมตีอันทรงพลังของแม่นางหรูเยียนนั้นรุนแรงมาก เห็นได้ชัดว่านางต้องการสังหารหวังหยวนให้ได้!โชคดีที่หวังหยวนหลบหลีกได้ทัน สามารถเลี่ยงการโจมตีของนางได้ครั้งแล้วครั้งเล่า!“เจ้าเป็นสตรี เหตุใดถึงได้โหดร้ายเช่นนี้?”หวังหยวนส่ายหน้าขณะพูดแม่นางหรูเยียนขมวดคิ้ว “นั่นก็เพราะท่านชั่วร้ายเกินไปไม่ใช่หรือ?”“ท่านรู้เรื่องที่ควรจะรู้แล้ว แต่ท่านยังคงหยาบคาย เห็นได้ชัด
“ข้าได้กล่าวไปแล้วว่าข้าไม่ได้มีเจตนาร้าย เพียงแต่ต้องการสนทนากับเจ้าเท่านั้น” ริมฝีปากของหวังหยวนเผยรอยยิ้มอ่อนโยน ราวกับว่าได้กลับมาถึงบ้านของตนเองต่อจากนั้น หวังหยวนก็นั่งลงรินน้ำชาให้ตนเอง แล้วโบกมือให้อีกฝ่ายนั่งลง ก่อนพูดด้วยรอยยิ้ม “หากเจ้าคิดจะเรียกคนมาช่วย ข้ารับรองว่าได้ว่าก่อนที่พวกเขาจะมาถึง ข้าสามารถทำให้เจ้าเสียโฉมได้แน่นอน”“หากเจ้าไม่เชื่อก็ลองดูได้”หวังหยวนยังคงพูดด้วยรอยยิ้ม ไม่รู้ว่าฝาถ้วยชามาอยู่ในมือของเขาตั้งแต่เมื่อใด เป็นการเตือนแม่นางหรูเยียนอย่างชัดเจนแม่นางหรูเยียนสีหน้าซีดเผือด นี่เป็นครั้งแรกที่นางถูกข่มขู่ ในหอชิงสุ่ยนี้ ชายแทบทุกคนต่างปรารถนาจะได้ใกล้ชิดนาง แต่ก็ไม่มีใครได้โอกาสและไม่มีใครกล้าล่วงเกินนางแม้แต่ข่มขู่นางก็ไม่เคยมีมาก่อนหวังหยวนเป็นคนแรกที่ทำเช่นนี้หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แม่นางหรูเยียนจึงขมวดคิ้วพูดว่า “ท่านต้องการอะไร?”ขณะที่พูด แม่นางหรูเยียนก็รักษาระยะห่างจากหวังหยวน ไม่ได้เข้าใกล้เขาแม้แต่น้อยแต่สามารถเห็นได้ชัดจากแววตาของนางว่านางก็หวาดกลัวอยู่ไม่น้อยเพราะหวังหยวนเป็นคนแรกที่เข้ามาในห้องนี้!แต่ที่ไม่คาดคิดก
เกาเล่อไม่ได้สนใจ เพียงแค่ดื่มสุราต่อไปในสายตาของเขา สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงกลอุบายหลอกล่อลูกค้าเท่านั้นเพียงแค่เสนอราคาให้เหมาะสม เขาก็ไม่เชื่อหรอกว่าหญิงสาวที่นี่จะรักนวลสงวนตัว!มันเป็นเพียงเรื่องน่าขัน!ทันใดนั้นชายหลายคนจากโต๊ะข้าง ๆ ก็หัวเราะเยาะขึ้นมา“เจ้าคิดว่ามีเงินแล้วจะยิ่งใหญ่นักหรือ?”“ที่อื่นอาจจะได้ แต่ที่นี่ไม่ได้หรอกนะ!”“เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีคนอยากดื่มสุราร่วมกับแม่นางหรูเยียนกี่คน?”“มากมายจนถ้าต่อแถวแล้ว แถวคงยาวออกไปนอกเมือง!”“ในบรรดาคนเหล่านั้นมีคุณชายจากตระกูลชั้นสูง แต่แม่นางหรูเยียนก็ไม่ได้สนใจพวกเขา”“ส่วนเจ้าก็คงไม่ต่างกัน!”ทุกคนต่างหัวเราะกันครื้นเครงหวังหยวนไม่ได้สนใจคำพูดของพวกเขา หลังจากเก็บทองบนโต๊ะกลับคืนมาแล้ว เขาก็โบกมือให้เสี่ยวเอ้อออกไปเสี่ยวเอ้อสบถ เดิมทีคิดว่าหวังหยวนจะให้เงินทอง แต่สุดท้ายกลับไม่ได้อะไรเลย…ช่างน่าโมโหนักหวังหยวนมองไปที่เกาเล่อ แล้วกระซิบว่า “เจ้าส่งคนไปสืบเรื่องราวของแม่นางหรูเยียนที ข้าค่อนข้างสนใจนาง”“ท่านผู้นำ ท่านไม่ได้ล้อเล่นใช่หรือไม่ขอรับ?”“ท่านเชื่อคำพูดไร้สาระของพวกเขาหรือ?”“ข้าสงสัยว่านางคนนั้น
หวังหยวนประหลาดใจ ที่นี่มีกฎเกณฑ์ด้วยงั้นหรือ? ขณะที่เกาเล่อกำลังจะแสดงความไม่พอใจ แต่หวังหยวนรีบส่งสัญญาณให้เขาด้วยสายตา เกาเล่อจึงไม่พูดอะไรเพิ่มเติม ยังคงยืนแข็งทื่อราวกับรูปปั้นอยู่ด้านหลังของหวังหยวน แต่ดวงตาของเกาเล่อแสดงถึงความไม่สบอารมณ์“เหตุใด?”“หรือว่าเจ้าจะคิดทำร้ายคน?”หญิงสาวที่เพิ่งสนทนากับหวังหยวนเบ้ปากใส่เกาเล่อ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ “หากไม่ได้มาเพื่อความสนุกสนานก็จงรีบออกไปจากที่นี่เสีย!”“อย่ามาขวางทาง อย่าทำให้พวกข้าเสียเวลา!”“พวกข้ายังต้องทำมาหากิน!”หญิงคนนั้นก็ชนไหล่ของหวังหยวนแล้วเดินผ่านไปที่หน้าประตู หญิงสาวคนอื่น ๆ ที่ตามมาก็ทำเช่นเดียวกัน“พวกนางช่างไม่รู้ที่ต่ำที่สูง!”“หากพวกนางรู้ถึงตัวตนของท่าน คงต้องคุกเข่าขอความเมตตาจากท่าน”เกาเล่อบ่นพึมพำ“เช่นนั้นอย่าให้พวกนางรู้ถึงตัวตนของข้าดีกว่า”“ข้าไม่อยากมีเรื่องกับพวกนาง”หวังหยวนกล่าวติดตลกแล้วเดินเข้าไปด้านในพร้อมกับเกาเล่อ เลือกที่นั่งแล้วมองไปยังเวทีกลางพลางพิจารณาหอชิงสุ่ยอย่างละเอียดต้องยอมรับว่าที่นี่ตกแต่งได้อย่างหรูหราอลังการอาคารหลังนี้มีทั้งหมดสามชั้น ชั้นล่าง
แต่เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่ว่าจะสำเร็จได้ในวันเดียวหากต้องการให้เมืองอู่เจียงกลายเป็นเมืองสำคัญทางคมนาคมคงต้องใช้เวลาอีกสองสามปีจึงจะสมบูรณ์หวังหยวนเองก็ไม่ปล่อยเวลาให้สูญเปล่า เขาพยายามค้นหาคนที่เหมาะจะเป็นผู้ว่าราชการคนใหม่ในเมืองอู่เจียง แต่ก็ยังหาไม่พบณ หอชิงสุ่ยเมื่อค่ำคืนนี้มาเยือน หวังหยวนกำลังไปเดินเล่นชมเมืองและบังเอิญมาถึงหอชิงสุ่ยที่นั่นเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและผู้คนพลุกพล่าน“ที่นี่คือที่ใด?” หวังหยวนถามเกาเล่อผู้ติดตามอยู่ข้างกาย“ที่นี่คือสถานที่แห่งความสุขทางโลกขอรับ”“ท่านผู้นำสนใจจะเข้าไปดูหรือไม่ขอรับ?”เกาเล่อตอบด้วยรอยยิ้ม“ข้าไม่สนใจเรื่องเหล่านี้...”“อีกอย่างซื่อหานก็รอข้าอยู่ที่บ้าน หากข้ามมัวเมาสุราอยู่ที่นี่ แล้วพวกผู้หญิงในบ้านรู้เข้าคงต้องมีเรื่องวุ่นวายเป็นแน่”หวังหยวนส่ายหน้า หลี่ซื่อหานนั้นยังเข้าใจได้และจะไม่พูดอะไรมาก แต่สำหรับหวงเจียวเจียว...นั่นคือคนที่ยากจะรับมือเกาเล่อหัวเราะ แล้วกล่าวต่อ “ท่านผู้นำอาจเข้าใจผิด ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ธรรมดาอย่างที่ท่านคิดหรอกนะขอรับ”“ข้าเคยสืบเรื่องที่นี่มาแล้ว”“เท่าที่ข้าทราบ เจ้าของที่นี่มีเบื้
ในไม่ช้าหวังหยวนพร้อมคณะก็กลับมายังที่ว่าการเมืองอู่เจียงฉุนอวี๋อันเฝ้ารอมาพักใหญ่แล้ว“ท่านผู้นำ ข้าสั่งให้เหล่าแรงงานเตรียมพร้อมแล้ว พวกเขาพร้อมจะเริ่มงานได้ทุกเมื่อขอรับ!”“ข้าได้แจกจ่ายแบบแปลนให้แก่พวกเขาแล้ว แต่ว่าตอนนี้ยังมีปัญหาอยู่อย่างหนึ่ง...”ฉุนอวี๋อันพูดเพียงเท่านี้ก็เงียบไป สีหน้าบ่งบอกถึงความลำบากใจ“ต้องการเงินเท่าใด?”หวังหยวนทราบความคิดของเขาในทันทีจึงเอ่ยถามออกไป“ท่านผู้นำฉลาดหลักแหลมยิ่งนักขอรับ!”“ใช่แล้วขอรับ เพียงแค่ต้องการเงินจำนวนหนึ่ง!”“ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เมืองอู่เจียงไม่ได้มีเงินทองมากมาย จึงไม่เพียงพอที่จะใช้ในการก่อสร้างครั้งนี้”“ข้าจึงจำต้องมาแจ้งเรื่องนี้กับท่านผู้นำขอรับ...”ฉุนอวี๋อันรีบกล่าว“เจ้าไม่ต้องอ้อมค้อมแล้ว ต้องการเงินเท่าใดก็บอกมาเถิด เรื่องนี้ข้าจะจัดการให้”หวังหยวนไม่ได้ขาดแคลนเงินทองนั่นคือเรื่องเดียวที่เขาได้เปรียบในบรรดาอาณาจักรทั้งสี่ฉุนอวี๋อันรีบนำบัญชีรายรับรายจ่ายที่รวบรวมไว้มาให้หวังหยวน “ข้าได้รวบรวมรายละเอียดทั้งหมดไว้แล้ว ท่านผู้นำโปรดพิจารณา หากไม่มีปัญหาอะไรก็โปรดอนุมัติตามจำนวนนี้ด้วยขอรับ”หวังหยวนรับม
ถ้อยคำของตงฟางฮั่นมีความหมายแฝงอยู่ แต่หวังหยวนก็เข้าใจในทันที“ข้าเข้าใจแล้ว ท่านหมายถึงพรรคทมิฬใช่หรือไม่?”ตงฟางฮั่นยิ้มอย่างพึงพอใจ แล้วพยักหน้า“ดูเหมือนว่าท่านจะไม่ได้ไร้เดียงสาเหมือนที่ข้าคิด สามารถสังเกตเห็นพรรคทมิฬได้เร็วถึงเพียงนี้!”เมื่อเอ่ยถึงชื่อนี้ สีหน้าของเกาเล่อก็เปลี่ยนไปเช่นกันหลังจากจับกุมสาวกของพรรคทมิฬได้หลายคน เกาเล่อและหวังหยวนก็รู้เรื่องของพรรคทมิฬมากขึ้น และในช่วงนี้เกาเล่อก็ได้ส่งคนจำนวนมากไปรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับพรรคทมิฬแต่ก็ยังไม่มีประโยชน์มากนักแสดงให้เห็นว่าคนของพรรคทมิฬนั้นเหมือนพวกหนูที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืด!การขุดคุ้ยเรื่องคนเหล่านี้ต้องใช้เวลา!“แล้วเหตุใดคนของพรรคทมิฬถึงได้ทำร้ายท่านเล่า?” “หรือว่าพวกท่านเคยมีเรื่องขัดแย้งกัน?”หวังหยวนเคาะโต๊ะเบา ๆ สายตาจ้องมองไปที่ตงฟางฮั่นอีกครั้งตงฟางฮั่นส่ายหน้าแล้วยิ้มเยาะ “ข้าจะไปเข้าร่วมกับคนพวกนั้นได้อย่างไร?” “ไม่รู้ว่าพวกเขาได้ยินชื่อของข้ามาจากไหน จึงได้มาติดต่อข้า หวังว่าข้าจะเข้าร่วมพรรคทมิฬ!” “แต่ข้าได้ปฏิเสธพวกเขามาหลายครั้งแล้ว” “แต่พวกเขาก็ยังคงตามติดไม่เลิก ก่อนหน้านี้พวกเขาย