หลิวโหย่วไฉแอบกระหยิ่มใจ จ้าวอู่อยากได้เงิน จึงน่าจะกล้าทำทุกอย่าง หากให้ผลประโยชน์ที่เพียงพอแก่เขายอมมอบเงินหกสิบตำลึงให้ เพื่อเอาใจเจ้าลูกล้างผลาญพ่อแม่คนนี้ก่อน แล้วค่อยไปคิดบัญชีเขาทีหลัง!หวังหยวนเหลือบมองจ้าวอู่ “ใจเต้นแล้วหรือ?”“เจ้ากำลังพูดถึงเรื่องอะไร ข้า จ้าวอู่ จะเป็นคนที่ละทิ้งคุณธรรมของตนเอง เพื่อผลประโยชน์ไปได้อย่างไร!”จ้าวอู่มีสีหน้าเรียบเฉยขณะโบกมือ “หลิวโหย่วไฉสมรู้ร่วมคิดกับโจร ต้องถูกส่งตัวไปยังที่ว่าการอำเภอ!”“เอ๊ะ จ้าวอู่ เจ้า เจ้า...”หลิวโหย่วไฉสะอึกเพราะคำพูดของเขาไปครู่หนึ่ง และสงสัยว่าเหตุใดจ้าวอู่ถึงเปลี่ยนอารมณ์กะทันหันจ้าวอู่นึกเย้ยหยัน แต่ไม่ได้เอ่ยคำใดเขาอยากได้เงิน แต่เขารู้ว่าเงินแบบไหนที่รับได้ และแบบไหนที่ไม่อาจรับได้หลิวโหย่วไฉเป็นคนใจแคบ หากวันนี้เขายอมรับหกสิบตำลึงไป ไม่ช้าก็เร็วเขาจะถูกเอาคืนเป็นแน่ส่วนหวังหยวนเป็นคนใจกว้างมาก แม้แต่พวกหัวขโมย เขายังให้เงินด้วยซ้ำ ดังนั้นหากรับเงินของเขา ก็จะไม่มีปัญหายิ่งกว่านั้น หากวันนี้หาเงินได้สามสิบตำลึง ก็จะยังมีเวลาหาอีกมากในอนาคต!น้ำน้อยค่อยไหล แต่ไหลยาวนานใช่หรือไม่!หลิวโหย่วไฉมอง
สีหน้าของจ้าวอู่เปลี่ยนไปมากในเมืองนี้มีผู้มีอิทธิพลสามตระกูล ได้แก่ตระกูลโจว ตระกูลหลิว และตระกูลหู ซึ่งทำธุรกิจค้าผ้า เกลือ และธัญพืชที่ทำกำไรได้มากที่สุด ตระกูลหลิวเป็นตระกูลพ่อค้าเกลือรายใหญ่ที่สุดในอำเภอตอนที่หลิวโหย่วไฉบอกว่าตนมาจากเชื้อสายเดียวกันกับตระกูลหลิวในอำเภอ เดิมทีคิดว่าเขาแค่พยายามจะรักษาหน้าตัวเองเท่านั้น แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าอาจมีความจริงอยู่บ้างม่านรถม้าเปิดออก ชายหนุ่มสวมผ้าพันคอและเสื้อคลุมลงมาจากรถ แล้วชูหมัดใส่หวังหยวนแต่ไกล “พี่หมิงถัน ไม่ได้พบกันเสียนาน!”หมิงถัน คำที่ญาติผู้ใหญ่เรียกสีหน้าของหวังหยวนไร้อารมณ์ “มีอะไรจะพูดก็พูดมาสิ!”หลิวเจี้ยนเย่ ทายาทตระกูลหลิวผู้ยิ่งใหญ่ในอำเภอ เขาได้เข้าสอบถงเซิง ในปีนี้เขาได้เลื่อนตำแหน่งเป็นซิ่วไฉ และกลายเป็นบัณฑิตที่มีชื่อเสียงในเมืองฝูตอนที่เขาเรียนอยู่ในเมือง หลิวเจี้ยนเย่เป็นคนหยิ่งผยอง และดูถูกบรรพบุรุษของตนเองที่เป็นคนชนบทญาติผู้ใหญ่จะให้แต่งงานกับหลี่ซื่อหาน แต่ในช่วงสามปีที่ผ่านมาต้องไปเตรียมสอบ ทั้งสองจึงไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลยตระกูลหลี่และตระกูลหลิวมีมิตรภาพกันมานมนาน ส่วนหลี่ซื่อหานและหลิวเจี้ยนเย
จ้าวอู่ตกตะลึง เขาไม่คาดคิดว่าจะมีการสมรู้ร่วมคิดอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้หลิวโหย่วไฉหัวเราะเยาะ เขาจะกล้าวางแผนต่อต้านบัณฑิตได้อย่างไร หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากนายน้อยเย่ต้าหู่, เอ้อหู่ และหวังซื่อไห่กัดฟันกำหมัดแน่น จ้องมองไปที่หลิวเจี้ยนเย่ด้วยความโกรธ“หายนะที่หนักหนากว่านี้!”หวังหยวนเลิกคิ้วขึ้น แล้วหรี่ตาลง จากนั้นจึงชกหน้าหลิวเจี้ยนเย่ “หนักหนาถึงเพียงนี้เลยหรือเปล่า?”ผัวะ ผัวะ ผัวะ!หลิวเจี้ยนเย่โซเซไปข้างหลัง ใบหน้าครึ่งซ้ายของเขาบวมแดง และมุมปากก็มีเลือดออกจ้าวอู่และหลิวโหย่วไฉต่างตกใจกลัวไม่มีใครคิดว่าหวังหยวน จะกล้าทำร้ายลูกชายคนโตของตระกูลหลิวในที่สาธารณะ“เจ้ากล้าดีอย่างไรมาต่อยข้า!”ดวงตาของหลิวเจี้ยนเย่แดงก่ำ!เจ้าหน้าที่ศาลสองคนรีบวิ่งเข้ามาก่อนที่จะเข้ามาใกล้ เสือทั้งสองก็ลงมาจากภูเขา แล้วจับพวกเขาโยนออกไปหวังหยวนพูดด้วยใบหน้าเย็นชา “เจ้าคิดถึงภรรยาของข้า ทั้งยังต้องการทำลายชีวิตข้า การต่อยเจ้านั้นยังน้อยไป”“ดี ดีมาก!”หลิวเจี้ยนเย่เช็ดเลือดจากมุมปากตัวเอง “ข้าจะให้เจ้าชดใช้การต่อยนี้ให้หนักหนาเป็นร้อยเท่า ในเมืองฝูไม่มีใครกล้าแตะต้องคนตระกูลหลิ
หวังหยวนหันกลับมาพูดว่า “จ้าวฉี๋จ่าง ข้าต้องขอฝากงานนี้ไว้กับเจ้าแล้ว!”“ขอบคุณนายน้อยหวัง!”จ้าวอู่มองออกไป กำหมัดแล้วก้มศีรษะหลิวโหย่วไฉทนดูไม่ได้ นี่คือเงินจากครอบครัวของเขา ทว่าจ้าวอู่ไม่แม้แต่จะมองเขา เจ้าคนเสเพลคนนี้ไม่ธรรมดาเลย และเป็นคนเจ้าแผนการ ต้องกลับไปบอกครอบครัวเขา ว่าอย่าได้ยั่วยุคนผู้นี้อีกทุกคนไปยังที่ว่าการอำเภอ ในขณะที่หวังหยวน, กัวเหลียง, หลิวลิ่ว และหลิวชีรออยู่นอกที่ว่าการอำเภอฟี่บ!กัวเหลียงคุกเข่าลงกับพื้นทั้งน้ำตา “นายน้อยหวัง พวกเราสามพี่น้องขโมยของท่าน แต่ท่านยังคงปฏิบัติต่อเราเช่นนี้ เราอับอายเกินกว่าจะเจอท่าน ข้าเป็นหนี้ท่านทั้งชีวิต หากท่านต้องการความช่วยเหลือ เพียงแค่ส่งข่าวถึงข้า”หลิวลิ่วและหลิวชีต่างตกใจเมื่อได้ยินดังนั้น ชายคนนี้จะยอมทำงานหนักเพื่อหวังหยวนหรือ?“ใต้เข่าลูกผู้ชายมีทองคำ นอกจากฟ้าดินและพ่อแม่ ผู้อื่นหาได้ควรคุกเข่าให้ไม่!”หวังหยวนช่วยพยุงกัวเหลียงขึ้น “ข้าไม่ได้ต้องการชีวิตของเจ้า ต่อไปก็จงใช้ชีวิตที่ดี หยุดทำเรื่องเหล่านั้นเสีย หากครอบครัวของเจ้าอับจนหนทาง ก็ให้ไปหาข้าที่หมู่บ้านต้าหวัง แล้วข้าจะหางานให้เจ้าทำเอง”“อืม!”
หลิวจื้อเกาหรี่ตา “หลี่ปู้อีกำลังจะลุกขึ้นมีอำนาจในราชสำนักอีกครั้ง”หลี่ปู้อี หัวหน้าตระกูลหลี่ และพ่อของหลี่ซื่อหานตระกูลหลิวและตระกูลหลี่เป็นสหายกันมานานหลายปี จนกระทั่งตระกูลหลี่ประสบปัญหา“ท่านพ่อมีสายตาเฉียบแหลม!”หลิวเจี้ยนเย่พยักหน้า แล้วหัวเราะเบา ๆ “ท่านหัวหน้าได้ส่งจดหมายมาให้ข้าเมื่อไม่นานมานี้ บอกว่าลุงปู้อีเป็นสหายคนสนิท ของเสนาบดีฝ่ายซ้ายของราชวงศ์ ฮ่องเต้ทรงสนับสนุนให้เสนาบดีฝ่ายซ้าย กับเสนาบดีฝ่ายขวา หากมีคนที่มีศักยภาพก็จะเข้าไปแทนที่เขาได้ หากเสนาบดีฝ่ายซ้ายเรืองอำนาจ ลุงปู้อีจะต้องเจริญรุ่งเรืองแน่นอน แล้วหากข้าได้เป็นลูกเขยของตระกูลหลี่ ตระกูลหลิวก็จะทะยานขึ้นอยู่เหนือผู้ใด และกลายเป็นตระกูลที่โด่งดังที่สุดในอำเภอ หรือแม้แต่ในบรรดาตระกูลชนชั้นสูง”“ข่าวนี้เชื่อถือได้หรือไม่!”หลิวจื้อเกาเดิน ขณะเอามือไพล่หลัง “หลี่ปู้อีอยู่ในตำแหน่งมาหลายปีแล้ว มีขึ้นมีลง เขาไม่เคยดำรงตำแหน่งได้เกินสามปีเลย คราวนี้เขาจะอยู่ได้นานเพียงใด? หากมีกวาดล้างตระกูลกันอีกครั้ง ตระกูลหลิวจะถูกกำจัดไปด้วย”หลิวเจี้ยนเย่มีสีหน้าทะเยอทะยาน “ท่านพ่อ ความมั่งคั่งย่อมเกิดขึ้นได้จากความเสี่
ที่ประตูเมือง หวังหยวนและเอ้อหู่ได้พบกับคนขายปลาในหมู่บ้านต้าหวัง“พี่หยวน วันนี้เราขายไปได้สามสิบก้วน นับว่ายังได้มากโข!” หวังซื่อไห่มีจิตใจฮึกเหิมหลังจากได้เงินคืนแล้ว ก็ไปพบผู้พิพากษาอีกครั้ง แล้วพักอยู่ในโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งในอำเภอเมื่อกลับมาที่หมู่บ้านต้าหวัง แม้แต่สายตาของผู้อาวุโสหวังปี่จง ก็เปลี่ยนไปเมื่อมองเขา และพี่สะใภ้ของเขาก็ให้น้ำล้างเท้าเขาในตอนกลางคืนทุกคนไม่เรียกเขาว่าซื่อไห่ เสี่ยวไห่ หรือไห่จื่ออีกต่อไป เมื่อเจอเขา แต่เรียกเขาว่าพี่ไห่ ท่านไห่ หรือลุงไห่ตอนนี้เขามีจิตใจดี และมีหน้าที่เป็นผู้นำกลุ่มขายปลาทีมประมงที่มีสมาชิกสามสิบคน บางครั้งสามารถจับปลาได้มากถึงหนึ่งพันตัวต่อวัน และบางครั้งก็ห้าหรือหกร้อยตัวต่อวันส่วนหนึ่งนำไปขายที่ตลาด และส่วนใหญ่ส่งไปขายในเมือง“พี่หยวน ช่วงนี้ท่านเหนื่อยมากหรือไม่?”ชาวบ้านสิบคนจากกลุ่มขายปลา หรี่ตาก้าวเข้าไปทักทายหวังหยวน“ก็เหนื่อยนิดหน่อย!”หวังหยวนพยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจเป็นเวลาสามวันแล้ว ที่ต้าหู่กับเอ้อหู่ และลุงของเขาทำงานหนักมาก เขาแค่ไปช่วยบ้างเท่านั้นแต่เมื่อก่อนเขามีสุขภาพย่ำแย่ ทำงานเพียงเล็ก
กลุ่มชาวประมงกลับคืนสู่หมู่บ้าน!เมื่อเห็นหวังหยวน เด็ก ๆ ต่างพากันวิ่งหนีไป บางคนก็ร้องด้วยความตกใจเมื่อเหล่าหญิงสาวเห็นหวังหยวน ก็ก้มหน้าลงหน้าแดงก่ำ และเม้มริมฝีปากเพื่อกลั้นหัวเราะเมื่อชาวบ้านเห็นหวังหยวน สายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความตกตะลึงผู้เฒ่าหวังปี่จงหันหลังเดินจากไป เมื่อเห็นหวังหยวน ไม่วิ่งเข้ามาหาเหมือนเมื่อก่อนหลังอาหารเย็นกลุ่มประมงมาประชุมกันไม่มีเก้าอี้ โต๊ะหรือห้องประชุม คนกลุ่มหนึ่งมารวมตัวกันที่ลานบ้านของหวังหยวนส่วนใหญ่กำลังนั่งยอง ๆ และบางคนก็นั่งลงกับพื้นเลยหวังหยวนนั่งอยู่ที่ประตูทั้งสองฝ่าย มีสมาชิกหลักสี่คน ได้แก่หวังหานซาน หวังซื่อไห่ ต้าหู่และเอ้อหู่ถักจากต้าไห่คือเอ้อไห่ ซานไห่ ชิงซาน เสี่ยวซานและลุงอีกห้าคนยิ่งสนิทสนมกันก็ยิ่งนั่งใกล้กัน หวังหยวนกับชาวบ้านเองก็รู้ตำแหน่งของตนอยู่ในใจชาวบ้านมากกว่าสามสิบคนนั่งล้อมวงกันเป็นวงขนาดใหญ่ และยังมีชาวบ้านนอกลานบ้านที่ไม่ได้เข้ามาด้วยบางคนเป็นครอบครัวของกลุ่มชาวประมง บางคนเป็นคนในหมู่บ้านที่ต้องการชมความสนุกสนานห้าวันที่ผ่านมาจับปลาได้กว่าสามพันจิน ขายได้สองพันสี่ร้อยจิน หาเงินได้ทั้งหมด
......ชาวบ้านหลายคนถือเหรียญไว้ ทรุดตัวลงนั่งกับพื้นพลางหลั่งน้ำตาชาวไร่ชาวนาเช่นพวกเขาไม่อาจทำเงินได้มากมาย แม้จะทำงานหนักมาทั้งปีก็ตามอยากทำงานในเมือง แต่หางานไม่ได้เมื่อไปทำงานในบ้านของเถ้าแก่ ก็มักจะได้มาอาหารมาจุนเจือครอบครัวได้ แต่ไม่ได้รับค่าจ้างเป็นเงินเลยงานในอำเภอก็เหมือนแรงงานเกณฑ์ ไม่เพียงแต่ไม่ได้รับค่าจ้างเป็นเงินเท่านั้น แต่ยังต้องพกอาหารแห้งไปกินเองด้วยตอนนี้ทำงานให้กับหวังหยวนได้เพียงสองสามวัน ก็ได้รับเหรียญทองแดงมากมายแล้ว“ข้าละเลยเรื่องนี้ไป โชคดีที่ลุงหานซานพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา!”หวังหยวนยกยิ้ม แล้วพูดว่า “หากไม่ใช่เพราะลุงหานซาน ก็คงไม่ได้รับค่าจ้างคืนนี้แน่นอน ดังนั้นหากมีปัญหาใดอีก ทุกคนต้องยกมันขึ้นมาพูด เพื่อที่เราจะได้ช่วยกันแก้ไข”ชาวบ้านพยักหน้าราวกับไก่จิกข้าวเปลือก ความกระตือรือร้นของพวกเขาถูกกระตุ้นอย่างเต็มที่หวังหยวนยกยิ้ม “ใครจะเป็นคนต่อไป!”“ข้า ข้า...”ชาวบ้านทุกคนต่างแย่งกันพูดหวังหยวนชี้ไปที่ชายหนุ่มคนหนึ่ง แล้วพูดว่า “เอาล่ะ เอ้อโกว เจ้าถามมา!”“ข้า ข้า!”เด็กหนุ่มหวังเอ้อโกวยืนขึ้น เกาหูและแก้มด้วยความประหม่า เงียบอยู่พัก
เกาเล่อไม่ได้สนใจ เพียงแค่ดื่มสุราต่อไปในสายตาของเขา สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงกลอุบายหลอกล่อลูกค้าเท่านั้นเพียงแค่เสนอราคาให้เหมาะสม เขาก็ไม่เชื่อหรอกว่าหญิงสาวที่นี่จะรักนวลสงวนตัว!มันเป็นเพียงเรื่องน่าขัน!ทันใดนั้นชายหลายคนจากโต๊ะข้าง ๆ ก็หัวเราะเยาะขึ้นมา“เจ้าคิดว่ามีเงินแล้วจะยิ่งใหญ่นักหรือ?”“ที่อื่นอาจจะได้ แต่ที่นี่ไม่ได้หรอกนะ!”“เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีคนอยากดื่มสุราร่วมกับแม่นางหรูเยียนกี่คน?”“มากมายจนถ้าต่อแถวแล้ว แถวคงยาวออกไปนอกเมือง!”“ในบรรดาคนเหล่านั้นมีคุณชายจากตระกูลชั้นสูง แต่แม่นางหรูเยียนก็ไม่ได้สนใจพวกเขา”“ส่วนเจ้าก็คงไม่ต่างกัน!”ทุกคนต่างหัวเราะกันครื้นเครงหวังหยวนไม่ได้สนใจคำพูดของพวกเขา หลังจากเก็บทองบนโต๊ะกลับคืนมาแล้ว เขาก็โบกมือให้เสี่ยวเอ้อออกไปเสี่ยวเอ้อสบถ เดิมทีคิดว่าหวังหยวนจะให้เงินทอง แต่สุดท้ายกลับไม่ได้อะไรเลย…ช่างน่าโมโหนักหวังหยวนมองไปที่เกาเล่อ แล้วกระซิบว่า “เจ้าส่งคนไปสืบเรื่องราวของแม่นางหรูเยียนที ข้าค่อนข้างสนใจนาง”“ท่านผู้นำ ท่านไม่ได้ล้อเล่นใช่หรือไม่ขอรับ?”“ท่านเชื่อคำพูดไร้สาระของพวกเขาหรือ?”“ข้าสงสัยว่านางคนนั้น
หวังหยวนประหลาดใจ ที่นี่มีกฎเกณฑ์ด้วยงั้นหรือ? ขณะที่เกาเล่อกำลังจะแสดงความไม่พอใจ แต่หวังหยวนรีบส่งสัญญาณให้เขาด้วยสายตา เกาเล่อจึงไม่พูดอะไรเพิ่มเติม ยังคงยืนแข็งทื่อราวกับรูปปั้นอยู่ด้านหลังของหวังหยวน แต่ดวงตาของเกาเล่อแสดงถึงความไม่สบอารมณ์“เหตุใด?”“หรือว่าเจ้าจะคิดทำร้ายคน?”หญิงสาวที่เพิ่งสนทนากับหวังหยวนเบ้ปากใส่เกาเล่อ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ “หากไม่ได้มาเพื่อความสนุกสนานก็จงรีบออกไปจากที่นี่เสีย!”“อย่ามาขวางทาง อย่าทำให้พวกข้าเสียเวลา!”“พวกข้ายังต้องทำมาหากิน!”หญิงคนนั้นก็ชนไหล่ของหวังหยวนแล้วเดินผ่านไปที่หน้าประตู หญิงสาวคนอื่น ๆ ที่ตามมาก็ทำเช่นเดียวกัน“พวกนางช่างไม่รู้ที่ต่ำที่สูง!”“หากพวกนางรู้ถึงตัวตนของท่าน คงต้องคุกเข่าขอความเมตตาจากท่าน”เกาเล่อบ่นพึมพำ“เช่นนั้นอย่าให้พวกนางรู้ถึงตัวตนของข้าดีกว่า”“ข้าไม่อยากมีเรื่องกับพวกนาง”หวังหยวนกล่าวติดตลกแล้วเดินเข้าไปด้านในพร้อมกับเกาเล่อ เลือกที่นั่งแล้วมองไปยังเวทีกลางพลางพิจารณาหอชิงสุ่ยอย่างละเอียดต้องยอมรับว่าที่นี่ตกแต่งได้อย่างหรูหราอลังการอาคารหลังนี้มีทั้งหมดสามชั้น ชั้นล่าง
แต่เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่ว่าจะสำเร็จได้ในวันเดียวหากต้องการให้เมืองอู่เจียงกลายเป็นเมืองสำคัญทางคมนาคมคงต้องใช้เวลาอีกสองสามปีจึงจะสมบูรณ์หวังหยวนเองก็ไม่ปล่อยเวลาให้สูญเปล่า เขาพยายามค้นหาคนที่เหมาะจะเป็นผู้ว่าราชการคนใหม่ในเมืองอู่เจียง แต่ก็ยังหาไม่พบณ หอชิงสุ่ยเมื่อค่ำคืนนี้มาเยือน หวังหยวนกำลังไปเดินเล่นชมเมืองและบังเอิญมาถึงหอชิงสุ่ยที่นั่นเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและผู้คนพลุกพล่าน“ที่นี่คือที่ใด?” หวังหยวนถามเกาเล่อผู้ติดตามอยู่ข้างกาย“ที่นี่คือสถานที่แห่งความสุขทางโลกขอรับ”“ท่านผู้นำสนใจจะเข้าไปดูหรือไม่ขอรับ?”เกาเล่อตอบด้วยรอยยิ้ม“ข้าไม่สนใจเรื่องเหล่านี้...”“อีกอย่างซื่อหานก็รอข้าอยู่ที่บ้าน หากข้ามมัวเมาสุราอยู่ที่นี่ แล้วพวกผู้หญิงในบ้านรู้เข้าคงต้องมีเรื่องวุ่นวายเป็นแน่”หวังหยวนส่ายหน้า หลี่ซื่อหานนั้นยังเข้าใจได้และจะไม่พูดอะไรมาก แต่สำหรับหวงเจียวเจียว...นั่นคือคนที่ยากจะรับมือเกาเล่อหัวเราะ แล้วกล่าวต่อ “ท่านผู้นำอาจเข้าใจผิด ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ธรรมดาอย่างที่ท่านคิดหรอกนะขอรับ”“ข้าเคยสืบเรื่องที่นี่มาแล้ว”“เท่าที่ข้าทราบ เจ้าของที่นี่มีเบื้
ในไม่ช้าหวังหยวนพร้อมคณะก็กลับมายังที่ว่าการเมืองอู่เจียงฉุนอวี๋อันเฝ้ารอมาพักใหญ่แล้ว“ท่านผู้นำ ข้าสั่งให้เหล่าแรงงานเตรียมพร้อมแล้ว พวกเขาพร้อมจะเริ่มงานได้ทุกเมื่อขอรับ!”“ข้าได้แจกจ่ายแบบแปลนให้แก่พวกเขาแล้ว แต่ว่าตอนนี้ยังมีปัญหาอยู่อย่างหนึ่ง...”ฉุนอวี๋อันพูดเพียงเท่านี้ก็เงียบไป สีหน้าบ่งบอกถึงความลำบากใจ“ต้องการเงินเท่าใด?”หวังหยวนทราบความคิดของเขาในทันทีจึงเอ่ยถามออกไป“ท่านผู้นำฉลาดหลักแหลมยิ่งนักขอรับ!”“ใช่แล้วขอรับ เพียงแค่ต้องการเงินจำนวนหนึ่ง!”“ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เมืองอู่เจียงไม่ได้มีเงินทองมากมาย จึงไม่เพียงพอที่จะใช้ในการก่อสร้างครั้งนี้”“ข้าจึงจำต้องมาแจ้งเรื่องนี้กับท่านผู้นำขอรับ...”ฉุนอวี๋อันรีบกล่าว“เจ้าไม่ต้องอ้อมค้อมแล้ว ต้องการเงินเท่าใดก็บอกมาเถิด เรื่องนี้ข้าจะจัดการให้”หวังหยวนไม่ได้ขาดแคลนเงินทองนั่นคือเรื่องเดียวที่เขาได้เปรียบในบรรดาอาณาจักรทั้งสี่ฉุนอวี๋อันรีบนำบัญชีรายรับรายจ่ายที่รวบรวมไว้มาให้หวังหยวน “ข้าได้รวบรวมรายละเอียดทั้งหมดไว้แล้ว ท่านผู้นำโปรดพิจารณา หากไม่มีปัญหาอะไรก็โปรดอนุมัติตามจำนวนนี้ด้วยขอรับ”หวังหยวนรับม
ถ้อยคำของตงฟางฮั่นมีความหมายแฝงอยู่ แต่หวังหยวนก็เข้าใจในทันที“ข้าเข้าใจแล้ว ท่านหมายถึงพรรคทมิฬใช่หรือไม่?”ตงฟางฮั่นยิ้มอย่างพึงพอใจ แล้วพยักหน้า“ดูเหมือนว่าท่านจะไม่ได้ไร้เดียงสาเหมือนที่ข้าคิด สามารถสังเกตเห็นพรรคทมิฬได้เร็วถึงเพียงนี้!”เมื่อเอ่ยถึงชื่อนี้ สีหน้าของเกาเล่อก็เปลี่ยนไปเช่นกันหลังจากจับกุมสาวกของพรรคทมิฬได้หลายคน เกาเล่อและหวังหยวนก็รู้เรื่องของพรรคทมิฬมากขึ้น และในช่วงนี้เกาเล่อก็ได้ส่งคนจำนวนมากไปรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับพรรคทมิฬแต่ก็ยังไม่มีประโยชน์มากนักแสดงให้เห็นว่าคนของพรรคทมิฬนั้นเหมือนพวกหนูที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืด!การขุดคุ้ยเรื่องคนเหล่านี้ต้องใช้เวลา!“แล้วเหตุใดคนของพรรคทมิฬถึงได้ทำร้ายท่านเล่า?” “หรือว่าพวกท่านเคยมีเรื่องขัดแย้งกัน?”หวังหยวนเคาะโต๊ะเบา ๆ สายตาจ้องมองไปที่ตงฟางฮั่นอีกครั้งตงฟางฮั่นส่ายหน้าแล้วยิ้มเยาะ “ข้าจะไปเข้าร่วมกับคนพวกนั้นได้อย่างไร?” “ไม่รู้ว่าพวกเขาได้ยินชื่อของข้ามาจากไหน จึงได้มาติดต่อข้า หวังว่าข้าจะเข้าร่วมพรรคทมิฬ!” “แต่ข้าได้ปฏิเสธพวกเขามาหลายครั้งแล้ว” “แต่พวกเขาก็ยังคงตามติดไม่เลิก ก่อนหน้านี้พวกเขาย
“มาเยือนโดยไม่ได้รับเชิญ ถือว่าเป็นแขกผู้มาเยือนได้หรือ?” ตงฟางฮั่นเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ “ในเมื่อเจ้าชอบสถานที่นี้ ก็จงดื่มสุราอยู่ที่นี่คนเดียวเถิด” “ลาก่อน”เพียงชั่วพริบตา ตงฟางฮั่นก็ลุกขึ้นยืน ขณะที่เขากำลังจะเดินสวนกับชายคนนั้น ก็ได้ยินเสียงชายคนนั้นเอ่ยขึ้นว่า “ท่านตงฟาง ท่านพร้อมจะวางเดิมพันไว้ที่หวังหยวน แต่กลับไม่คิดจะพบกับท่านประมุขของข้าหรือ?”“ฮึ” “พวกเจ้าก็เป็นเพียงพวกหนูที่อาศัยอยู่ในความมืดมิด” “ใครเล่าจะอยากร่วมมือกับพวกเจ้า?” ตงฟางฮั่นเย้ยหยัน ไม่ได้สนใจชายผู้อยู่เบื้องหลังอีกต่อไปสีหน้าของชายวัยกลางคนเปลี่ยนไป มือหนึ่งคว้ามีดสั้นจากอกเสื้อ แล้วแทงเข้าที่หลังของตงฟางฮั่นอย่างรวดเร็ว! ว่องไวราวกับสายฟ้าแลบ!“ถ้าไม่เป็นมิตร ก็ต้องเป็นศัตรู!” “ไปลงนรกซะ!”สีหน้าของตงฟางฮั่นเปลี่ยนไป แต่ตอนนี้การหลบหลีกนั้นสายเกินไปแล้ว เพราะเขาไม่ได้ฝึกวิทยายุทธใด ๆ เลย!ในขณะที่เขาเตรียมใจยอมรับชะตากรรม ก็ได้ยินเสียงโลหะกระทบกัน ปรากฏว่าเกาเล่อผู้ซ่อนตัวอยู่ในที่มืดปรากฏตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว และข้างกายเขายังมีสมาชิกขององค์กรเครือข่ายผีเสื้ออีกหลายคนมีกำลังคนม
“ท่านทั้งหลายไปที่นั่นแล้วจะได้ลงทะเบียนทันที!”เมื่อทราบว่าหวังหยวนไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ทุกคนจึงรีบขอลา แล้วมุ่งหน้าสู่ตลาดตะวันออกด้วยความเร่งรีบ การลงทะเบียนโดยเร็วจะช่วยคลายกังวลในใจได้!เมื่อเห็นเหล่าชาวบ้านมาเร็วไปเร็วเช่นนั้น ฉุนอวี๋อันจึงบ่นหลังถอนหายใจว่า “ประชาชนพวกนี้ช่างร้อนรนนัก!”“หากมีสิ่งใดขัดขวางความประสงค์ของพวกเขา พวกเขาก็จะก่อความวุ่นวายไม่หยุด!”“โชคดีที่ข้าไม่ใช่ผู้ว่าราชการเมืองเมืองนี้แล้ว จึงบรรเทาความกดดันลงได้บ้าง…”แต่หารู้ไม่ว่าหวังหยวนยังคงยืนอยู่ข้างกายฉุนอวี๋อันหันกลับไปเห็นหวังหยวนกำลังมองตนอยู่ ทันใดนั้นเขาก็ตัวสั่นเทา ตกใจกลัวจนถอยหลังไปสองก้าว และถึงกับหายใจติดขัด“ท่านผู้นำ…”“ข้าไม่ใช่หมายความเช่นนั้น”หวังหยวนเห็นท่าทีขลาดกลัวของเขาจึงส่ายหน้าแล้วยกยิ้มดูเหมือนการตัดสินใจของเขาจะถูกต้อง คนเช่นนี้จะสามารถเป็นใหญ่ในเมืองได้อย่างไร?หากปล่อยให้ฉุนอวี๋อันดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการเมืองต่อไป แม้การก่อสร้างระบบชลประทานจะแล้วเสร็จก็คงหาผลกำไรไม่ได้มากนักผลลัพธ์สุดท้ายก็คงเดาได้ไม่ยากไม่ช้าหวังหยวนและคณะก็เดินทางกลับระหว่างทางกลับ เ
“หืม?” หวังหยวนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็เข้าใจทันที คงเป็นเพราะเรื่องเกณฑ์แรงงานจึงทำให้ประชาชนไม่พอใจ“ทุกคน!”“เรื่องนี้คงเกิดจากความเข้าใจผิดใช่หรือไม่?”“ข้าต้องการแรงงานมาช่วยทำงาน แต่ก็เพื่อการพัฒนาเมืองอู่เจียง!”“เมื่อการก่อสร้างระบบชลประทานเสร็จสมบูรณ์ ในฤดูฝน พวกเราก็ไม่ต้องกังวลว่าแม่น้ำจะเอ่อล้นอีกต่อไป และที่สำคัญที่สุด เวลาในการเดินทางระหว่างเมืองอู่เจียงกับเมืองต่าง ๆ ก็จะใกล้เคียงลงมาก!”“นับเป็นเรื่องที่ดีต่อแผ่นดินและประชาชน!”“ยิ่งไปกว่านั้น ข้าก็ไม่ได้ใช้แรงงานโดยไม่จ่ายค่าจ้าง ข้าจะจ่ายค่าจ้างให้เดือนละหนึ่งตำลึง!” หวังหยวนอธิบายสถานการณ์โดยย่อความจริงเป็นเช่นนั้น เมื่อการก่อสร้างระบบชลประทานเสร็จสมบูรณ์ เมืองอู่เจียงจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง! ในอนาคต แม้แต่เมืองหลวงก็อาจจะพัฒนาไม่ดีเท่าเมืองอู่เจียง! แต่ทั้งหมดนี้นั้นเป็นเพราะเมืองอู่เจียงมีแม่น้ำห้าสายไหลผ่าน หากไม่เป็นเช่นนี้จะมีโอกาสสร้างระบบชลประทานได้อย่างไร?“จ่ายค่าจ้างด้วยหรือ?”“ก่อนหน้านี้ไม่เคยได้ยินเช่นนั้นเลยไม่ใช่รึ?”“พวกเราคงจำผิดไปกระมัง?”“ใช่แล้ว! ข้าได้ยินมาว่าท่านผู้นำเ
“การเตรียมการต่าง ๆ เป็นอย่างไรบ้าง?”หวังหยวนยกถ้วยชาขึ้น สายตาจับจ้องไปยังเกาเล่อขณะเอ่ยถามเกาเล่อส่ายหน้าแล้วตอบว่า “ข้าได้ค้นหาคนผู้มีความสามารถอยู่เสมอ แต่ก็ไม่ราบรื่นดังที่คาดหวังไว้ขอรับ” “บางคนก็มีความรู้ความสามารถ บางคนก็ไม่อาจคาดเดาเจตนาได้ โดยสรุปแล้วก็ยังไม่พบผู้ใดที่เหมาะสมนัก”หวังหยวนพยักหน้า แท้จริงแล้ว การค้นหาคนที่ไว้ใจได้และมีความรู้ความสามารถนั้นจะเป็นเรื่องง่ายได้อย่างไร? เวลาเพียงสองวันนั้นย่อมไม่เพียงพอ“เช่นนั้นเจ้าจงค้นหาต่อไป” “อย่างไรเสียข้าก็ต้องอยู่ที่เมืองอู่เจียงต่อไปอีกนาน” “เรื่องต่าง ๆ ในที่นี้ ข้าจะรับผิดชอบเอง” “แต่ก่อนหน้านั้นเจ้ายังมีภารกิจสำคัญอีกอย่างหนึ่ง นั่นคือการจัดหาแรงงานเพื่อช่วยข้าขุดคลอง” หวังหยวนสั่งการเพิ่มเติมเกาเล่อรับคำแล้วก็จากไปหลังจากอยู่ในห้องมาสองวัน แผนที่ก็เสร็จสมบูรณ์แล้ว หวังหยวนจึงสั่งให้คนจัดเตรียมอาหารและเครื่องดื่ม เพื่อเป็นการฉลองความสำเร็จแม้ว่าฉุนอวี๋อันจะพ้นจากตำแหน่งแล้ว แต่ก็ยังคงอยู่เคียงข้างหวังหยวน เกาเล่อควบคุมข่าวสารต่าง ๆ แต่เรื่องราวภายในเมืองอู่เจียงนั้น ฉุนอวี๋อันย่อมรู้ดีกว่า