หลังจากที่หวังหยวนออกจากค่ายทหาร เพื่อลดอำนาจของอู๋หลิง เสวี่ยผานในฐานะผู้บัญชาการทหารสูงสุดจึงออกคำสั่งว่าห้ามผู้ใดที่ไม่มีสถานะทางทหารเข้าค่ายทหารเป็นอันขาด! ทหารผ่านศึกเกราะดำเกือบร้อยคนก็ถูกบีบบังคับให้ออกไปเช่นกัน! ผู้ดูแลกองทัพหลินเฉาเอินเฝ้าดูโดยไม่พูดอะไรสักคำ ปล่อยให้เสวี่ยผานทำสิ่งตรงข้าม! ทหารผ่านศึกเกราะดำต่างเดือดดาล! ทหารม้าเหล็กของชาวหวงหลายแสนคนปิดล้อมเมือง และพวกเขาก็รีบไปช่วยเหลือโดยไม่คำนึงถึงอันตราย! เพิ่งจะสู้รบตัวตายและชนะศึก ต่างก็ถูกไล่ออกจากค่ายทหาร และไม่สามารถพบอู๋หลิงได้อีก ในลานบ้านตระกูลเว่ย ทหารผ่านศึกเกราะดำกลุ่มหนึ่งกำลังหน้าบูดบึ้งและดื่มเหล้า ในหมู่พวกเขามีเอ้อหู่ที่เคยตัดหัวของขุนพลหลู่เฉิงเย่ผู้ก่อกบฏ! ในการรบครั้งนั้น เขาได้สังหารศัตรูไปแปดสิบแปดคน รองจากบิดาและแม่ทัพหนุ่มเท่านั้น เหล่าแม่ทัพและขุนพลในกองทัพยิ้มเมื่อเห็นเขา ส่วนเฉียนจ๋งและทูตทหารต่างก็ต้องก้มลงทักทาย! เดิมทีคิดว่าหลังจากศึกใหญ่ครั้งนี้ เขาจะสามารถเป็นขุนพลได้ แต่สุดท้ายเขาก็เข้าค่ายทหารไม่ได้ด้วยซ้ำ “ห้าปีผ่านไปแล้ว ต้าเย่ก็ยังคงอ่อนแอเช่นนี้ ยิ่งเราชนะมากเท
“ชิ้ง!” หูเมิ่งอิ๋งยิ้ม ใบหน้าที่งดงามเปลี่ยนเป็นสีแดง และหัวใจก็เต้นเร็วขึ้นโดยไม่รู้ตัว! หวังหยวนหาว “เอาล่ะ รีบไปนอนเถอะ พรุ่งนี้เราจะกลับบ้านกัน!” “เจ้าค่ะ!” หูเมิ่งอิ๋งก้มหน้าลงแล้วเดินออกจากห้องนอน ในใจนางรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย! หวังหยวนนอนลงบนเตียงใหญ่! ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูอย่างเร่งรีบ “ท่านเสนาธิการทหาร แย่แล้ว เกิดเรื่องใหญ่แล้วขอรับ!” ... เมืองจิ่วซาน ภายในกระโจนของค่ายทหาร! หลินเจาเอินหัวเราะด้วยความโทสะ “เจ้าเด็กสารเลว เจ้าละโมบโลภมากกว่าข้าเสียอีก ค่าจ้างทหารที่แจกจ่ายไปยังเอากลับมา นี่เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน!” เสวี่ยผานเลิกคิ้ว “ค่าจ้างทหารอะไรกัน นั่นคือเงินของข้า เป็นเพราะหวังหยวนเจ้าสารเลวนั้นที่ใช้ประโยชน์จากอำนาจชั่วคราว และริบข้าวของของข้า เป็นเรื่องถูกต้องอย่างไม่ต้องสงสัย!” “เอาล่ะ ในเมื่อได้เงินคืนมาแล้ว ก็หยุดเป็นปีศาจได้แล้ว!” หลินเจาเอินหรี่ตา “เจ้าคงรู้เจตนาของฝ่าบาที่แต่งตั้งเจ้าและส่งทหารของเรามาดูแลกองทัพ” “ข้ารู้!” เสวี่ยผานกระแอม “ฝ่าบาทไม่อาจไว้วางใจอู๋หลิงได้ ท่านกลัวว่าเขาจะมีกองกำลังมากเกินไป และมีเจตนาชั่ว
“ฆ่าคนผิด ดีกว่าปล่อยให้หนีไปได้!” หลินเจาเอินหรี่ตาลงและพูดว่า “นี่เป็นวิธีเดียวที่ปลอดภัยที่สุดในการจัดการพวกเขา!” “ไม่ ไม่ได้!” อู๋หลิงต่อต้านอย่างหนักแน่น! แม้ว่านี่จะเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุด แต่กองทหารต้าเย่นับหมื่นคนก็ไม่มีความผิด! เขาลงมือทำไม่ได้! สิ่งที่สำคัญที่สุดคือกองเชลยทหารมากกว่าหนึ่งหมื่นนายเหล่านี้เป็นกุญแจสำคัญในแผนยุทธศาสตร์ของท่านเสนาธิการทหารในการเอาชนะชาวหวง หลินเจาเอินเดินออกจากค่าย ป้ายทองอาญาสิทธิ์ก็เปล่งประกาย “ทหาร จับตาดูแม่ทัพหนุ่มเอาไว้” เมื่อมองไปที่ป้ายทองอาญาสิทธิ์ ทหารหลายคนก็ตัวสั่น และเดินไปหาอู๋หลิงโดยไม่รู้ตัว! ป้ายทองอาญาสิทธิ์เทียบเท่ากับฝ่าบาทเสด็จมาด้วยตนเอง ไม่เชื่อฟังคำสั่งก็เท่ากับทรยศ! แม้ว่าพวกเขาจะชื่นชมแม่ทัพหนุ่ม แต่พวกเขาก็ไม่กล้าฝ่าฝืนคำสั่ง! อู๋หลิงสั่นไปทั้งตัวแต่ไม่กล้าขัดขืน เขาแค่ตะโกน “ขันทีหลิน ท่านทำเช่นนี้ไม่ได้ มันอันตรายเกินไปและจะทำให้เกิดปัญหาใหญ่!” หลินเจาเอินไม่สนใจเขา และปล่อยให้อู๋หลิงถูกนำตัวไป จากนั้นกล่าวว่า “รวบรวมนายพลทั้งสี่คน ให้พวกเขาจัดกองกำลังม้าเตรียมคันธนูและหน้าไม้ให้พร้อม แล้วตามข
เพื่อที่จะประกาศอำนาจของเขาในฐานะผู้บัญชาการ เสวี่ยผานจึงสั่งให้เปลี่ยนทหารที่ดูแลเมือง และทหารทั้งหมดที่ดูแลเมืองจะถูกแทนที่ด้วยทหารที่พ่ายแพ้! อู๋หลิงและขุนนางทั้งสี่พยายามขัดขวางเขาอย่างเต็มที่ จึงมีทหารที่พ่ายแพ้เพียงพันคนเท่านั้นที่ขึ้นไป! กองทหารที่พ่ายแพ้นับพันถูกนำโดยหนิวเวย ซึ่งถูกส่งไปยังกำแพงเมืองประตูทิศเหนือ ครั้งก่อนถูกหวังหยวนโบยด้วยไม้ทหารยี่สิบไม้ และหลังจากการรักษาตัวนานกว่าครึ่งเดือน อาการบาดเจ็บของเขาก็หายดีแล้ว!เมื่อมองดูทหารที่สวมชุดเกราะอีกครั้ง และกองทหารที่พ่ายแพ้ สายตาของหนิวเวยก็ไม่แน่ใจ! ทันทีที่เขายอมรับโชคชะตา เขาก็ได้รับคำสั่งลับจากองครักษ์เหยี่ยวดำ และเหล่าชาวหวงก็เข้าโจมตีเมืองในเวลากลางคืน! ขอให้เขาร่วมมือในการยึดเมือง! หากเขานำกองทหารที่พ่ายแพ้นับพันเหล่านี้ในเมื่อก่อน เขาคงจะมั่นใจว่าจะทำสำเร็จ! ทว่าครึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ ท่านเสนาธิการทหารที่สมควรตายนั่น เอาแต่จัด 'การประชุมล้างแค้น' ในค่ายทหารที่พ่ายแพ้ทุกวัน เชลยทหารหลายคนเกลียดชังชาวหวงเข้ากระดูก พวกเขายอมตายดีกว่าทำงานให้กับชาวหวง ทหารหนึ่งร้อยคน ภายใต้การบังคับบัญชาของเขาสามา
หน้าไม้ซานกงฉวงและหน้าไม้จูเก่อพร้อมแล้ว ภายใต้แสงไฟ ใบหน้าของขันทีหลินเจาเอินดูน่ากลัวราวกับหมาป่า เขาแสดงสีหน้าเยือกเย็นและไร้ความปรานี “ข้าจะให้เวลาเจ้าสิบลมหายใจ ถอดชุดเกราะของเจ้าออกทั้งหมด ไม่เช่นนั้นข้าจะฆ่าให้หมด!” “ขันทีบ้านั้นต้องการจะฆ่าเรา ซ้ำยังสั่งให้เราปลดชุดเกราะลง ท่านคิดว่าเราโง่หรือไง” “หากเจ้าต้องการฆ่าพวกเราก็เข้ามา สังหารหนึ่งคนได้ทุนคืน สังหารสองคนได้กำไร!” “ขันทีสารเลว คนไม่เอาไหน ท่านเสนาธิการทหารบอกว่าจะปล่อยเราไป แต่ท่านกลับต้องการจะฆ่าพวกเรา!” “ท่านใต้เท้า ข้าไม่ได้เป็นกบฏชาวหวง ข้าหนีกลับมาจากด่านหัวมังกร!” “เหตุใดท่านถึงอยากฆ่าพวกเรา ด่านหัวมังกรพังไม่ใช่ความผิดของเราด้วยซ้ำ!” ทหารจำนวนมากในค่ายต่างตะโกนด่าและร้องไห้! คิ้วสีขาวของหลินเจาเอินสั่นไหว ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยเจตนาฆ่า เขาชูป้ายทองอาญาสิทธิ์ขึ้น “โจมตี!” “ขอรับ!” อู๋หยวน, เว่ยชิงซาน, และเจิ้งฝาเป่ย ขุนพลทั้งสามต่างกำหมัดและก้มศีรษะแล้วสั่งการ “โจมตี!” พวกเขาไม่อยากสั่งการเช่นกัน มีทหารเกือบหนึ่งหมื่นนายในค่ายนี้ แม้ว่าบุกโจมตีเข้าเกล่ากำลังทหารก็จะพ่ายแพ้อยู่ดี! ในเมืองมีท
หลินเจาเอินหันกลับไปดู! หอคอยทางทิศเหนือลุกเป็นไฟ และเสียงคำรามแห่งการสังหารดังขึ้น! สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปอย่างมาก! ม้าเร็ววิ่งเข้ามา “ท่านขันที เกิดเรื่องแล้ว หนิวเวยและเชลยทหารก่อกบฏ กองทัพชาวหวงได้เข้ามาในเมืองแล้ว ขุนพลหวางห่าวได้นำกองกำลังของเขาไปต่อต้านและส่งข้ามาขอความช่วยเหลือ!” “ชาวหวงบุกเข้ามาในเมืองแล้ว!” สีหน้าของหลินเจาเอินเปลี่ยนไปอย่างมาก เขารีบสั่งการ “ขุนพลเว่ย ขุนพลเจิ้ง พวกเจ้าตามข้าไปต่อต้านกองทัพของชาวหวง ขุนพลอู๋ เจ้าอยู่ที่นี่เพื่อฆ่าเชลยทหารชาวหวงเหล่านี้ อย่าปล่อยให้พวกเขาโจมตีประสานกันทั้งศึกในและศึกนอก!” หลังจากพูดจบ เขาก็เพิกเฉยต่อหวังหยวน และจากไปอย่างรวดเร็ว เว่ยชิงซานและเจิ้งฝาเป่ยก็ติดตามพร้อมกับกองกำลังของพวกเขา คนกลุ่มหนึ่งเดินไปสองช่วงตึกอย่างเร่งรีบ! สีหน้าของเจิ้งฝาเป่ยเปลี่ยนไปและเขาหยุด “ท่านขันที เราไปสนับสนุนที่ประตูทิศเหนือเถอะ เราไม่ควรใช้ถนนสายนี้ ท่านไปผิดทางหรือไม่?” หลินเจาเอินยังคงเดินทางต่อไป “กองทัพชาวหวงได้เข้ามาในเมืองแล้ว พวกเขามีทหารม้ามากกว่าเจ็ดหมื่นนาย รวมกับกองเชลยทหารหนึ่งหมื่นกว่านายในเมืองแล้ว เรามีคนเพียง
อู๋หยวนกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูที่น่าเกรงขาม "ยิงหน้าไม้และหน้าไม้ยักษ์ซะ อย่าปล่อยให้พวกมันบุกเข้ามา!"ทหารพ่ายศึกหลายหมื่นคนรีบวิ่งพุ่งเข้ามา พวกเขามีแค่พันคนเท่านั้น จำนวนขนาดนี้พวกเขาถูกข่มกลับได้ทันที!ทหารพ่ายศึกนวนมากในค่ายล่าถอยกลับไปใครก็ตามที่รีบออกไปก่อนจะต้องเผชิญหน้ากับการกระหน่ำยิงเครื่องยิงหน้าไม้ยักษ์และหน้าไม้จนต้องตายหมดเป็นแน่!"หยุดซะ!"หวังหยวนตะโกนด้วยเสียงทุ้ม ทหารจำนวนมากก็หยุดลงทันที เขาหันกลับแล้วพูดต่อไปว่า "อู๋หยวนเจ้าพาทหารไปเสริมกำลังการป้องกันที่ประตูเมือง ที่นี่ไว้ให้เป็นหน้าที่ข้าเอง!"อู๋หยวนขมวดคิ้วไม่พูดอะไร!หากเป็นก่อนหน้านั้นเขาเคยฟังคำสั่งของหวังหยวนมาก่อน แต่ตอนนี้เสวี่ยผานและหลินเจาเอินเป็นคนกุมอำนาจไว้ในขณะนั้นผู้ส่งสารของเจิ้งฝาเป่ยรีบวิ่งเข้ามาและตะโกนว่า "แม่ทัพอู๋ ขันทีหลินหนีไปพร้อมกับแม่ทัพเว่ยแล้ว แม่ทัพเจิ้งไปที่ประจำประตูเมืองแล้ว เขาให้ข้าบอกแม่ทัพหนุ่มและท่านเสนาธิการทหารว่าเขาจะสู้ตาย ให้พวกท่านก็อย่ายอมแพ้ด้วยเช่นกัน!”"ว่าไงนะ!"อู๋หยวนอึ้งจนทำตัวไม่ถูกชาวหวงเข้ามาในเมือง ในช่วงเวลาวิกฤตเช่นนี้ หลินเจาเอินกับเว่ยชิงซา
ทหารพ่ายศึกหลายคนมีสายตาที่แข็งกร้าว แต่ส่วนใหญ่กลับดูยังสนิทสนมและเป็นกังวล!“ข้ารู้ว่าตอนนี้พวกเจ้าโกรธ ข้าเองก็โกรธเป็นอย่างมากเช่นเดียวกัน!”เมื่อมองไปรอบ ๆ หวังหยวนก็ด่าเสียงดัง "เราต่อสู้อย่างสุดชีวิตเพื่อราชสำนัก แต่ขุนนางและขันทีเหล่านั้นกลับทำกับเราเช่นนี้ ข้าล่ะแค้นจนอยากจะไปฆ่าไอเวรตะไลพวกนั้นให้หมดไปซะ!"ทหารพ่ายศึกหลายคนพยักหน้าทั้งน้ำตา เป็นคำพูดที่ยิงตรงเข้ามาในใจของพวกเขาหากไม่ถูกสถานการณ์บังคับ ใครจะยอมจำนนต่อชาวหวงที่น่าชิงชังเหล่านี้ได้?หวังหยวนกัดฟันแล้วพูดว่า "แต่ข้าจะยังคงต่อสู้ในศึกครั้งนี้ต่อไป!"“ราชสำนักไม่ยอมปล่อยเราไป แล้วทำไมเราต้องช่วยสู้ให้พวกมันด้วย!”"ไม่สู้ก็พูดได้สิ แต่ถ้าชนะก็ตายอยู่ดี!"“พวกเราไม่ได้โง่นะ!”ทหารพ่ายศึกหลายคนตะโกน!หวังหยวนกัดฟันตะโกนออกมา "ข้าไม่ได้ต่อสู้ในศึกนี้เพื่อราชสำนัก เพื่อเกียรติยศ หรือเพื่อเลื่อนยศใด ๆ ทั้งนั้น ข้ากำลังต่อสู้เพื่อภรรยา ลูก ๆ พ่อแม่ของข้า เพื่อดินแดนที่บรรพบุรุษของเราทิ้งไว้ให้เรา เพื่อคนรุ่นหลังของเราไม่ต้องเป็นทาสใคร เพื่อให้ใต้หล้านี้อยู่อย่างสงบสุข!"ทหารพ่ายศึกทั้งหมดดูดิ้นรนสับสนท่านเสน