หลังจากถูกโบยด้วยไม้เท้าห้าสิบไม้ เขาจะต้องนอนพักเป็นเวลาหลายเดือน แม้ว่าจะไม่ตายก็ตาม แล้วเขาจะร่วมมือกับชาวหวงทั้งภายในและภายนอกได้อย่างไรแต่ไม่มีทหารพ่ายศึกคนใดที่อยู่รอบตัวเขากล้าช่วยเหลือ ได้แต่เฝ้ามองเขาถูกลากออกไปอย่างช่วยไม่ได้“อ๊าก อ๊าก...”ทหารทั้งหมดเงียบท่ามกลางเสียงกรีดร้อง!เสียงของหวังหยวนดังขึ้น “ใครเป็นผู้รับผิดชอบค่ายนี้ ปรับปรุงอาหารของพวกเขา ให้เป็นมาตรฐานเดียวกับทหารที่เฝ้าเมือง!”พลทหารฟางจิ่งผู้ดูแลค่ายพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทหารทุกคนก็รู้สึกอบอุ่นในใจ!หวังหยวนกล่าวอีกครั้ง “ไปที่กรมยุทธภัณฑ์ แล้วเบิกเงินหนึ่งแสนตำลึงออกมา ข้าจะจ่ายให้พวกเขา!”ฟางจิ่งตกใจ “ท่านเสนาธิการทหาร พวกเขาทำให้เสียกำแพงด่านหลงโถวไป เหตุใดพวกเขาต้องได้รับค่าจ้างทางทหารด้วยขอรับ?”หวังหยวนกล่าวอย่างเย็นชา “ราชสำนักเป็นหนี้ค่าจ้างทหารพวกเขาในอดีต แม้ว่าราชสำนักอยากจะลงโทษพวกเขาในอนาคต แต่ก็ยังต้องจ่ายค่าจ้างทหาร!”“ท่านเสนาธิการทหาร!”ทหารหลายคนหลั่งน้ำตา!ทหารพ่ายศึกมักจะถูกส่งไปยังสนามรบ หากตายก็จบ!ไม่เคยมีแม่ทัพคนใดจ่ายค่าจ้างทหารแก่พวกเขา ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้!“น้อมรับ
“อ๊ะ!”เมื่อได้ยินว่าเสนาธิการทหารจำชื่อของตนได้ ทหารผ่านศึกจางฉีก็ถึงกับหลั่งน้ำตา “ท่านเสนาธิการทหาร ข้าน้อยมีพื้นเพมาจากเมืองชิง ครอบครัวเคยมีบ้านและทุ่งนา เป็นชาวหวงที่ฆ่าพ่อแม่ของข้าน้อย และทำให้ภรรยาของข้าต้องแปดเปื้อนมลทิน มันฆ่าลูกชายของข้า ลูกชายของข้าอายุแค่แปดขวบเท่านั้น ชาวหวงฟันหัวเขาขาดด้วยดาบเพียงครั้งเดียว... อ่า ลูกชายของข้า พวกชาวหวงสมควรตาย!”“ฆ่าเด็กอายุแปดขวบได้ลงคอ ชาวหวงเป็นสัตว์ร้ายจริง ๆ เลวร้ายเสียยิ่งกว่าหมูหมา!”ทหารหลายคนกัดฟัน คนที่คิดถึงเรื่องที่ทำให้ตนอาฆาตแค้นก็ยิ่งตาแดง!หวังหยวนกล่าวอย่างเคร่งขรึม “นี่คือความพยาบาทที่ต้องชำระ อีกไม่นานก็จะได้ล้างแค้น กลั้นน้ำตาระงับความเกลียดชังในใจของเจ้าก่อน รอให้มันปะทุออกมาอีกครั้งในสนามรบ!”จางฉีเดินกลับมาพร้อมกับน้ำตาคลอเบ้าหวังหยวนชี้ไปที่ชายวัยกลางคนอีกครั้ง “หลี่เฉิง เจ้าก็ดูโกรธแค้น เจ้ามีความแค้นกับชาวหวงบ้างหรือไม่ ลุกขึ้นบอกทุกคนสิ!”“ท่านเสนาธิการทหาร ข้ามาจากเมืองชิงเหมือนกันขอรับ ข้ากำลังจะได้แต่งงานกับคนรักแสนสวยของข้า แต่พวกชาวหวงมาฆ่าพ่อแม่ของข้า เผาบ้านของข้า และย่ำยีคนรักของข้าที่ยังไม่ได้
หวังหยวนยกยิ้มมุมปาก “เช่นนั้นก็เตรียมตัวตามแผนเดิม!”เหล่าทหารกำลังหลับใหล!กู้ชิงนอนอยู่บนพื้น พลิกตัวไปมาเพราะนอนไม่หลับ!ชาวหวงสังหารครอบครัวของเขา และเขาแปรพักตร์ไปเป็นคนของชาวหวง เพราะกลัวความตาย เขาจึงแทงเจ้านายของตัวเอง แล้วยอมไปอยู่ฝ่ายเดียวกับชาวหวง จากนั้นกลับมาซุ่มซ่อนตัวเป็นไส้ศึกเดิมทีเขาไม่สบายใจอยู่แล้ว แต่ทันทีที่ 'การประชุมระบายแค้น' เริ่มต้นขึ้น เขาก็รู้สึกละอายใจต่อบรรพบุรุษตัวเองจนนึกอยากตายขณะที่กำลังคิดอยู่ จู่ ๆ คนกลุ่มหนึ่งก็บุกเข้ามาพร้อมใช้ดาบยาวจ่อคอ “เสนาธิการทหารต้องการพบเจ้า มากับเรา อย่าส่งเสียงดัง!”ทั้งหมดอยู่ภายใต้การควบคุม!กู้ชิงมาถึงห้องอันห่างไกล แล้วคุกเข่าลงทันที “เคารพท่านเสนาธิการทหาร!”“ลุกขึ้น!”เมื่อมองชายหนุ่มผู้วิตกกังวลคนนี้ หวังหยวนก็พูดด้วยรอยยิ้มที่ดูไม่เหมือนรอยยิ้ม “รู้หรือไม่ว่าเหตุใดข้าถึงเรียกเจ้ามา!”หัวใจของกู้ชิงสั่นเทา เขาพูดตะกุกตะกักหลังส่ายหน้า “ไม่ ไม่รู้ขอรับ!”“คนทำผิดไม่น่ากลัว ที่น่ากลัวคือการกลับใจไม่ได้!”หวังหยวนถอนหายใจ “ข้ากับแม่ทัพหนุ่มรู้ดี ไม่เช่นนั้นคงไม่เรียกเจ้ามา ขณะนี้มีกองทัพชาวหวงอยู่นอกเม
ทั้งหมดนี้แตกต่างจากตอนที่เขามาที่หมู่บ้านต้าหวัง เมื่อสามปีที่แล้วอย่างสิ้นเชิง!เสียงหัวเราะ เสียงฝึกวรยุทธ์ เสียงเล่าเรียนเขียนอ่าน เสียงทำอาหารดังขึ้นปะปนกันหลี่ซานซือตกตะลึง ที่แห่งนี้คือดินแดนแสนสงบสุข แต่น่าเสียดายที่มันจะถูกทำลายในไม่ช้า!หลายคนในหมู่บ้านสังเกตเห็นเขา จึงไปเรียกหลี่ซื่อหานมาให้!ไม่นานหลังจากนั้น เสียงประหลาดใจก็ดังขึ้น “พี่ชาย ท่านมาได้อย่างไรเจ้าคะ!”“ซื่อหาน!”เมื่อเห็นผิวพรรณของน้องสาวเปล่งปลั่งขึ้นเรื่อย ๆ หลี่ซานซือก็หัวเราะ “พี่เพิ่งกลับมาจากเมืองจิ่วซาน พี่สะใภ้ของเจ้าคิดถึงเจ้า ข้าก็เลยพานางมาเยี่ยม!”“อ๋อ!”หลี่ซื่อหานเปลี่ยนเรื่อง “แล้วท่านได้พบสามีของข้าหรือไม่ ตอนนี้เขาเป็นอย่างไรบ้าง!”“พบแล้ว!”หลี่ซานซือยกยิ้มแล้วเล่าว่า “เขาได้แก้ปัญหาเรื่องใบอนุญาตค้าเกลือ ทั้งดอกเกลือ และเกลือธรรมดาทั้งหมดแล้ว เขายังขายดาบราชวงศ์ถังสามเล่ม ในราคามากกว่าสามหมื่นตำลึงทองด้วย ทั้งยังแต่งบทกวีที่โด่งดังไปทั่วโลกอีกด้วย ได้รับการยกย่องให้เป็นสหายคนสนิทของท่านไห่เทียนด้วย ตอนนี้เขามีชื่อเสียงไปทั่วทั้งเมืองแล้ว!”เขาตัดสินใจที่จะไม่เล่าเรื่องหูเมิ่งอิ๋ง
หยางเฟิ่งกั๋ว เสนาบดีฝ่ายซ้ายยืนขึ้นกล่าวว่า “ฝ่าบาท หวังหยวนค่อนข้างมีระเบียบวินัยในทุกการกระทำ ไม่ว่าเขาจะขอให้ผู้ส่งสารออกมาพูด หรือจัด 'การประชุมระบายแค้น' ล้วนเป็นไปเพื่อเสริมสร้างขวัญกำลังใจให้ประชาชน และทำให้กองทัพและประชาชนมีความเกลียดชังศัตรูเหมือนกัน ส่วนการสู้รบให้แตกหักภายในครึ่งเดือนนั้น เขาและแม่ทัพหนุ่ม จะต้องคิดกลยุทธ์เพื่อเอาชนะศัตรูไว้แล้วเป็นแน่พ่ะย่ะค่ะ!”ฮ่องเต้ซิงหลงขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อว่าทั้งสองคนจะเอาชนะศัตรูได้!หลี่ซื่อฉี เจ้ากรมกรมยุติธรรมกล่าวว่า “ฝ่าบาท อู๋หลิงรู้จักกองทัพเป็นอย่างดี แต่ในมือมีกองทหารชั้นสอง จะต่อสู้กับทหารชั้นยอดของชาวหวงได้อย่างไร! มันจะดีกว่าหากเขาเข้าเมืองไปรอกำลังเสริม แต่ตอนนี้เขาเริ่มออกนอกเมืองไปต่อสู้กับพวกชาวหวง ถือเป็นการกระทำที่จะนำไปสู่ความหายนะพ่ะย่ะค่ะ!”กู้จี๋เต้า เจ้ากรมกรมพลเรือนและการคลังยังกล่าวอีกว่า “ฝ่าบาท ท่านทอดพระเนตรคำสั่งของอู๋หลิงเถอะพ่ะย่ะค่ะ ท่านรับสั่งให้ยุบกองทัพเกราะดำเมื่อห้าปีที่แล้ว แต่เขากล้าที่จะออกคำสั่งเรียกให้ออกมารวมกันอีกจริง ๆ! ซ้ำยังให้ผู้พิพากษาของเมืองจิ่วซานซื้อวัวในไร่ของประชาชน
ผิงเจี้ยนหันมามองด้วยสีหน้าเย็นชา “หนิงสือซาน เจ้ากลายเป็นขี้ข้าของราชสำนักอีกครั้งตั้งแต่เมื่อไหร่ เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าพวกเขาปฏิบัติต่อแม่ทัพมู่อย่างไร แม้ว่าชาวหวงจะโจมตีเมืองจิงตู และสังหารฮ่องเต้จอมร้ายกาจนั่น ก็ถือว่าเป็นการแก้แค้นให้แม่ทัพมู่ไป ข้าคงขอบคุณพวกเขาด้วยซ้ำ”หนิงสือซานกัดฟัน “เจ้าบ้าผิง เจ้าคิดว่าข้ายอมสละชีวิตเพื่อราชสำนักงั้นหรือ! ราชสำนักแต่งตั้งแม่ทัพหนุ่มเป็นผู้บัญชาการ หากเขาแพ้ศึกครั้งนี้ ราชสำนักจะปล่อยเขาไปหรือ แล้วเจ้ากับข้าจะทรยศแม่ทัพมู่หรือไม่!”“แม่ทัพหนุ่มยังมีชีวิตอยู่!”ดวงตาของผิงเจี้ยนสั่นไหว เขารีบวิ่งลงไปจากเนินเขา!หนิงสือซานขี่ม้าตามไป “เจ้าบ้าผิง เจ้ากำลังทำบ้าอะไรอยู่!”ผิงเจี้ยนตอบโดยไม่หันกลับไป “แน่นอนว่าต้องไปที่เมืองจิ่วซาน เพื่อช่วยให้แม่ทัพหนุ่มชนะการต่อสู้ครั้งนี้!”“ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ใช่คนขี้ขลาด!”หนิงสือซานหัวเราะ แล้วโยนถุงใบเล็กไปให้!ผิงเจี้ยนคว้ามันไว้ได้ เมื่อเปิดมันออกก็ตกตะลึง “ทองคำ!”หนิงสือซานพ่นลมหายใจ “เสนาธิการทหารจ่ายทองคำสิบตำลึงเป็นค่าตั้งถิ่นฐานของเจ้า ด้วยเงินจากกระเป๋าของเขาเอง!”ผิงเจี้ยนประหลาดใจ “เสนาธิ
“สามี!”ผู้หญิงหน้าซีดคว้าชายคนนั้นไว้ แล้วพูดว่า “ท่านจะต่อสู้เพื่อราชสำนักอีกแล้วหรือ ท่านต่อสู้เพื่อราชสำนักมาสิบปีแล้ว และเกิดอะไรขึ้นกับท่าน ตอนนี้ครอบครัวเราไม่มีอาหารกินด้วยซ้ำ ข้ากับลูกจะต่างต้องกินรากหญ้าประทังชีวิต หากท่านจากไปตอนนี้อีก ท่านจะไม่ได้เจอเราอีกเมื่อกลับมา!”อวี๋เถี่ยซานอ้าปากด้วยสีหน้าสับสน ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร“พี่สะใภ้ไม่ต้องกลัว!”ทหารผู้ส่งสารหยิบถุงผ้าออกมา แล้วพูดว่า “เสนาธิการทหารคิดล่วงหน้าไว้แล้ว ว่าชีวิตพวกเจ้าอาจจะลำบาก จึงสั่งให้พวกเรานำเงินหนึ่งร้อยตำลึง มาจ่ายให้ทหารผ่านศึกของกองทัพเกราะดำทุกคน เพื่อไว้ใช้เลี้ยงชีพ”“เสนาธิการทหาร?”ชายคนนั้นรับถุงผ้าไปเปิดดูเงินที่อยู่ข้างใน แล้วยื่นให้หญิงสาวทั้งน้ำตา “ดูแลลูก ๆ ให้ดี แม่ทัพหนุ่มคือลูกชายของแม่ทัพมู่ เมื่อเขากำลังเดือดร้อน ข้าต้องช่วยเขา หลังจบศึกครั้งนี้ ข้าจะกลับมา!”“สามี ท่านต้องรอดชีวิตกลับมา ข้ากับลูก ๆ รอท่านอยู่!”ผู้หญิงคนนั้นถือกระเป๋าเงิน กอดลูกทั้งสองร้องไห้...ห่างออกไปสามร้อยลี้ในเมืองผิง ในวัดร้างที่ทรุดโทรม มีขอทานกลุ่มหนึ่งรวมตัวกันอยู่ที่มุมถนน นั่งอาบแดดต้นฤดูหนาว ล้อ
สถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นในหลายแห่งในเมืองจิ่วซาน เมื่อทหารผู้ส่งสารตะโกนว่า “ทหารผ่านศึกกองทัพเกราะดำอยู่ที่ไหน แม่ทัพหนุ่มขอความช่วยเหลือ” ก็จะมีคนรีบเร่งมาทันทีโจรบางคนยอมเสียตำแหน่งหัวหน้าโจร เจ้าของร้านบางคนยอมทิ้งร้านค้าขนาดใหญ่ ตำรวจบางคนยอมทิ้งดาบ แม้แต่คนธรรมดาสามัญก็โยนจอบทิ้ง!ไม่ใช่เพราะราชสำนัก แต่เป็นเพราะคำพูดที่ว่า ทหารผ่านศึกกองทัพเกราะดำอยู่ที่ไหน แม่ทัพหนุ่มขอความช่วยเหลือ!เหล่าทหารที่ถูกปลดประจำการมานานหลายปี ต่างรีบเร่งไปที่เมืองจากทั่วทุกสารทิศในเมืองจิ่วซานการเดินทางครั้งนี้ไม่รู้จะกลับมาได้กี่คน แต่กลับไม่มีใครหวั่นเกรง!...ในกระโจมขนาดใหญ่ของกองทัพชาวหวง มีจดหมายลับกองหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะ อ๋องถูหนานอ่านจดหมายเหล่านั้นทีละฉบับ!จดหมายลับบางส่วนรายงานความวุ่นวายทางทหารในเมืองช่วงนี้ แต่ส่วนใหญ่เป็นข่าวเกี่ยวกับหวังหยวน“เอาชนะหลี่ฉาง ตำรวจ และผู้ตรวจการ ล้างบางค่ายซานหู่ รวมไปถึงพวกใช้อำนาจบาตรใหญ่!”“ทำสบู่และน้ำตาลที่ขายดีไปทั่วโจวเฉิงและเมืองอื่น ๆ!”“ด้วยคนเพียงสิบคน สามารถขู่กรรโชกเงินโจรห้าถึงหกร้อยคนได้ และรอดพ้นไปได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บ!”“แต่ง
“ต่อให้คนธรรมดาทำงานหนักทั้งชีวิตก็ไม่มีโอกาสได้ใช้ของเหมือนที่อยู่ในห้องข้าได้!”แม่นางหรูเยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาและแฝงไปด้วยความรำคาญทว่าตั้งแต่เข้ามาในห้อง หวังหยวนก็จ้องมองแม่นางหรูเยียนตลอดเวลา พิจารณาแม้แต่ท่าทางการพูดของนางแม้ว่าแม่นางหรูเยียนจะแสร้งทำเป็นหยิ่งผยองและทำท่าทางเย็นชา แต่หวังหยวนรู้สึกได้ว่านางไม่ใช่คนเช่นนี้แน่นอน นางกำลังจงใจเล่นละครเพื่อปกปิดอะไรบางอย่าง!แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้หวังหยวนยังไม่สามารถค้นพบความลับของนางได้โชคดีที่เขายังมีเวลาอีกมากพอที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป ค่อย ๆ ขุดคุ้ยความลับเบื้องหลังของแม่นางหรูเยียน!เวลาผ่านไปทีละวินาทีแม่นางหรูเยียนก็แอบมองหวังหยวนเป็นระยะ นางคาดเดาความคิดของชายผู้นี้อยู่ในใจพลางครุ่นคิด“เขาคงไม่เฝ้าอยู่ที่นี่ตลอดหรอกใช่หรือไม่?”“เขาต้องการอะไรกันแน่?”“ข้ากับเขาไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกัน เหตุใดข้าถึงจำไม่ได้เลยว่าเคยพบเขามาก่อน?”ส่วนหวังหยวนก็นั่งจิบชาเงียบ ๆ ด้วยท่าทางสบายใจทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นอย่างเร่งรีบ ตามมาด้วยเสียงสนทนาของชายหญิงดังเข้ามาในห้อง“คุณชายเฉิน! ท่านเข้าไปไม่ได้นะเจ้าคะ!”
“ว่ามาสิว่าเจ้าเป็นใครกันแน่?” สตรีผู้นี้มีวิทยายุทธไม่ธรรมดา เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนธรรมดาสามัญ นางจะซ่อนเร้นให้รอดพ้นสายตาของหวังหยวนไปได้อย่างไร?ที่นี่คือเมืองอู่เจียง ซึ่งเป็นเขตอิทธิพลของเขา ไม่อาจปล่อยให้คนเช่นนี้ปรากฏตัวได้! แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นสตรี หวังหยวนก็จำต้องระมัดระวัง เพราะเกรงว่าจะเกิดความผิดพลาด!แม่นางหรูเยียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นยกมือขึ้นดึงปิ่นปักผมของตนเองออกมาอย่างรวดเร็ว แล้วจ่อไปที่ลำคอของตนเอง ทำท่าทางเหมือนพร้อมจะสละชีพ!“ได้!”“ถือว่าข้าโชคร้ายเองที่ได้พบเจ้า!”“หากเจ้ายังคงบีบบังคับข้าต่อไป ข้าจะตายตรงหน้าเจ้าบัดเดี๋ยวนี้!”หลังจากพูดจบ แม่นางหรูเยียนก็พร้อมที่จะใช้ปิ่นปักผมแทงเข้าที่คอของตนเอง!โชคดีที่หวังหยวนตาไว คว้าปิ่นปักผมออกจากมือของนางได้ทัน แล้วเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “อย่ามาเล่นละครตบตากับข้า!”แม้จะพูดเช่นนั้น แต่ในใจก็ยังหวาดกลัวอยู่บ้าง!สตรีผู้นี้ช่างบ้าคลั่งนัก กล้าลงมือกับตนเองเช่นนี้!ช่างโหดเหี้ยมนัก แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่เว้น!“เจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่?” ใบหน้าของแม่นางหรูเยียนบึ้งตึง วิทยายุทธของหวังหยวนนั้นสูงส่งแล
ก่อนที่แม่นางหรูเยียนจะทันได้ตั้งตัว มือของหวังหยวนก็สัมผัสผ้าคลุมหน้าของนางแล้ว!เห็นได้ชัดว่าต้องการจะดึงผ้าคลุมหน้าออก!แต่ที่หวังหยวนไม่คาดคิดก็คือแม่นางหรูเยียนมีปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็วมาก เห็นได้ชัดว่านางมีวรยุทธ!นางรีบยกมือขึ้นมาสกัดกั้นมือของหวังหยวน แล้วถอยหลังอย่างรวดเร็วไปยังเตียงนอนนางคว้ามีดสั้นออกมา ก่อนจะวิ่งเข้าไปหาหวังหยวนด้วยท่าทางน่าเกรงขาม!“มีวรยุทธด้วยหรือ?”หวังหยวนหรี่ตาแล้วยกยิ้ม เรื่องราวยิ่งน่าสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆไม่น่าแปลกใจเลยที่แม่นางหรูเยียนช่างมีเสน่ห์ดึงดูดใจ นางมีความลึกลับซ่อนอยู่มากมาย!เพียงชั่วพริบตาเดียว หวังหยวนก็เข้าต่อสู้กับแม่นางหรูเยียน!แม้ว่าหวังหยวนจะระวัง แต่กระบวนท่าโจมตีอันทรงพลังของแม่นางหรูเยียนนั้นรุนแรงมาก เห็นได้ชัดว่านางต้องการสังหารหวังหยวนให้ได้!โชคดีที่หวังหยวนหลบหลีกได้ทัน สามารถเลี่ยงการโจมตีของนางได้ครั้งแล้วครั้งเล่า!“เจ้าเป็นสตรี เหตุใดถึงได้โหดร้ายเช่นนี้?”หวังหยวนส่ายหน้าขณะพูดแม่นางหรูเยียนขมวดคิ้ว “นั่นก็เพราะท่านชั่วร้ายเกินไปไม่ใช่หรือ?”“ท่านรู้เรื่องที่ควรจะรู้แล้ว แต่ท่านยังคงหยาบคาย เห็นได้ชัด
“ข้าได้กล่าวไปแล้วว่าข้าไม่ได้มีเจตนาร้าย เพียงแต่ต้องการสนทนากับเจ้าเท่านั้น” ริมฝีปากของหวังหยวนเผยรอยยิ้มอ่อนโยน ราวกับว่าได้กลับมาถึงบ้านของตนเองต่อจากนั้น หวังหยวนก็นั่งลงรินน้ำชาให้ตนเอง แล้วโบกมือให้อีกฝ่ายนั่งลง ก่อนพูดด้วยรอยยิ้ม “หากเจ้าคิดจะเรียกคนมาช่วย ข้ารับรองว่าได้ว่าก่อนที่พวกเขาจะมาถึง ข้าสามารถทำให้เจ้าเสียโฉมได้แน่นอน”“หากเจ้าไม่เชื่อก็ลองดูได้”หวังหยวนยังคงพูดด้วยรอยยิ้ม ไม่รู้ว่าฝาถ้วยชามาอยู่ในมือของเขาตั้งแต่เมื่อใด เป็นการเตือนแม่นางหรูเยียนอย่างชัดเจนแม่นางหรูเยียนสีหน้าซีดเผือด นี่เป็นครั้งแรกที่นางถูกข่มขู่ ในหอชิงสุ่ยนี้ ชายแทบทุกคนต่างปรารถนาจะได้ใกล้ชิดนาง แต่ก็ไม่มีใครได้โอกาสและไม่มีใครกล้าล่วงเกินนางแม้แต่ข่มขู่นางก็ไม่เคยมีมาก่อนหวังหยวนเป็นคนแรกที่ทำเช่นนี้หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แม่นางหรูเยียนจึงขมวดคิ้วพูดว่า “ท่านต้องการอะไร?”ขณะที่พูด แม่นางหรูเยียนก็รักษาระยะห่างจากหวังหยวน ไม่ได้เข้าใกล้เขาแม้แต่น้อยแต่สามารถเห็นได้ชัดจากแววตาของนางว่านางก็หวาดกลัวอยู่ไม่น้อยเพราะหวังหยวนเป็นคนแรกที่เข้ามาในห้องนี้!แต่ที่ไม่คาดคิดก
เกาเล่อไม่ได้สนใจ เพียงแค่ดื่มสุราต่อไปในสายตาของเขา สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงกลอุบายหลอกล่อลูกค้าเท่านั้นเพียงแค่เสนอราคาให้เหมาะสม เขาก็ไม่เชื่อหรอกว่าหญิงสาวที่นี่จะรักนวลสงวนตัว!มันเป็นเพียงเรื่องน่าขัน!ทันใดนั้นชายหลายคนจากโต๊ะข้าง ๆ ก็หัวเราะเยาะขึ้นมา“เจ้าคิดว่ามีเงินแล้วจะยิ่งใหญ่นักหรือ?”“ที่อื่นอาจจะได้ แต่ที่นี่ไม่ได้หรอกนะ!”“เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีคนอยากดื่มสุราร่วมกับแม่นางหรูเยียนกี่คน?”“มากมายจนถ้าต่อแถวแล้ว แถวคงยาวออกไปนอกเมือง!”“ในบรรดาคนเหล่านั้นมีคุณชายจากตระกูลชั้นสูง แต่แม่นางหรูเยียนก็ไม่ได้สนใจพวกเขา”“ส่วนเจ้าก็คงไม่ต่างกัน!”ทุกคนต่างหัวเราะกันครื้นเครงหวังหยวนไม่ได้สนใจคำพูดของพวกเขา หลังจากเก็บทองบนโต๊ะกลับคืนมาแล้ว เขาก็โบกมือให้เสี่ยวเอ้อออกไปเสี่ยวเอ้อสบถ เดิมทีคิดว่าหวังหยวนจะให้เงินทอง แต่สุดท้ายกลับไม่ได้อะไรเลย…ช่างน่าโมโหนักหวังหยวนมองไปที่เกาเล่อ แล้วกระซิบว่า “เจ้าส่งคนไปสืบเรื่องราวของแม่นางหรูเยียนที ข้าค่อนข้างสนใจนาง”“ท่านผู้นำ ท่านไม่ได้ล้อเล่นใช่หรือไม่ขอรับ?”“ท่านเชื่อคำพูดไร้สาระของพวกเขาหรือ?”“ข้าสงสัยว่านางคนนั้น
หวังหยวนประหลาดใจ ที่นี่มีกฎเกณฑ์ด้วยงั้นหรือ? ขณะที่เกาเล่อกำลังจะแสดงความไม่พอใจ แต่หวังหยวนรีบส่งสัญญาณให้เขาด้วยสายตา เกาเล่อจึงไม่พูดอะไรเพิ่มเติม ยังคงยืนแข็งทื่อราวกับรูปปั้นอยู่ด้านหลังของหวังหยวน แต่ดวงตาของเกาเล่อแสดงถึงความไม่สบอารมณ์“เหตุใด?”“หรือว่าเจ้าจะคิดทำร้ายคน?”หญิงสาวที่เพิ่งสนทนากับหวังหยวนเบ้ปากใส่เกาเล่อ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ “หากไม่ได้มาเพื่อความสนุกสนานก็จงรีบออกไปจากที่นี่เสีย!”“อย่ามาขวางทาง อย่าทำให้พวกข้าเสียเวลา!”“พวกข้ายังต้องทำมาหากิน!”หญิงคนนั้นก็ชนไหล่ของหวังหยวนแล้วเดินผ่านไปที่หน้าประตู หญิงสาวคนอื่น ๆ ที่ตามมาก็ทำเช่นเดียวกัน“พวกนางช่างไม่รู้ที่ต่ำที่สูง!”“หากพวกนางรู้ถึงตัวตนของท่าน คงต้องคุกเข่าขอความเมตตาจากท่าน”เกาเล่อบ่นพึมพำ“เช่นนั้นอย่าให้พวกนางรู้ถึงตัวตนของข้าดีกว่า”“ข้าไม่อยากมีเรื่องกับพวกนาง”หวังหยวนกล่าวติดตลกแล้วเดินเข้าไปด้านในพร้อมกับเกาเล่อ เลือกที่นั่งแล้วมองไปยังเวทีกลางพลางพิจารณาหอชิงสุ่ยอย่างละเอียดต้องยอมรับว่าที่นี่ตกแต่งได้อย่างหรูหราอลังการอาคารหลังนี้มีทั้งหมดสามชั้น ชั้นล่าง
แต่เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่ว่าจะสำเร็จได้ในวันเดียวหากต้องการให้เมืองอู่เจียงกลายเป็นเมืองสำคัญทางคมนาคมคงต้องใช้เวลาอีกสองสามปีจึงจะสมบูรณ์หวังหยวนเองก็ไม่ปล่อยเวลาให้สูญเปล่า เขาพยายามค้นหาคนที่เหมาะจะเป็นผู้ว่าราชการคนใหม่ในเมืองอู่เจียง แต่ก็ยังหาไม่พบณ หอชิงสุ่ยเมื่อค่ำคืนนี้มาเยือน หวังหยวนกำลังไปเดินเล่นชมเมืองและบังเอิญมาถึงหอชิงสุ่ยที่นั่นเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและผู้คนพลุกพล่าน“ที่นี่คือที่ใด?” หวังหยวนถามเกาเล่อผู้ติดตามอยู่ข้างกาย“ที่นี่คือสถานที่แห่งความสุขทางโลกขอรับ”“ท่านผู้นำสนใจจะเข้าไปดูหรือไม่ขอรับ?”เกาเล่อตอบด้วยรอยยิ้ม“ข้าไม่สนใจเรื่องเหล่านี้...”“อีกอย่างซื่อหานก็รอข้าอยู่ที่บ้าน หากข้ามมัวเมาสุราอยู่ที่นี่ แล้วพวกผู้หญิงในบ้านรู้เข้าคงต้องมีเรื่องวุ่นวายเป็นแน่”หวังหยวนส่ายหน้า หลี่ซื่อหานนั้นยังเข้าใจได้และจะไม่พูดอะไรมาก แต่สำหรับหวงเจียวเจียว...นั่นคือคนที่ยากจะรับมือเกาเล่อหัวเราะ แล้วกล่าวต่อ “ท่านผู้นำอาจเข้าใจผิด ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ธรรมดาอย่างที่ท่านคิดหรอกนะขอรับ”“ข้าเคยสืบเรื่องที่นี่มาแล้ว”“เท่าที่ข้าทราบ เจ้าของที่นี่มีเบื้
ในไม่ช้าหวังหยวนพร้อมคณะก็กลับมายังที่ว่าการเมืองอู่เจียงฉุนอวี๋อันเฝ้ารอมาพักใหญ่แล้ว“ท่านผู้นำ ข้าสั่งให้เหล่าแรงงานเตรียมพร้อมแล้ว พวกเขาพร้อมจะเริ่มงานได้ทุกเมื่อขอรับ!”“ข้าได้แจกจ่ายแบบแปลนให้แก่พวกเขาแล้ว แต่ว่าตอนนี้ยังมีปัญหาอยู่อย่างหนึ่ง...”ฉุนอวี๋อันพูดเพียงเท่านี้ก็เงียบไป สีหน้าบ่งบอกถึงความลำบากใจ“ต้องการเงินเท่าใด?”หวังหยวนทราบความคิดของเขาในทันทีจึงเอ่ยถามออกไป“ท่านผู้นำฉลาดหลักแหลมยิ่งนักขอรับ!”“ใช่แล้วขอรับ เพียงแค่ต้องการเงินจำนวนหนึ่ง!”“ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เมืองอู่เจียงไม่ได้มีเงินทองมากมาย จึงไม่เพียงพอที่จะใช้ในการก่อสร้างครั้งนี้”“ข้าจึงจำต้องมาแจ้งเรื่องนี้กับท่านผู้นำขอรับ...”ฉุนอวี๋อันรีบกล่าว“เจ้าไม่ต้องอ้อมค้อมแล้ว ต้องการเงินเท่าใดก็บอกมาเถิด เรื่องนี้ข้าจะจัดการให้”หวังหยวนไม่ได้ขาดแคลนเงินทองนั่นคือเรื่องเดียวที่เขาได้เปรียบในบรรดาอาณาจักรทั้งสี่ฉุนอวี๋อันรีบนำบัญชีรายรับรายจ่ายที่รวบรวมไว้มาให้หวังหยวน “ข้าได้รวบรวมรายละเอียดทั้งหมดไว้แล้ว ท่านผู้นำโปรดพิจารณา หากไม่มีปัญหาอะไรก็โปรดอนุมัติตามจำนวนนี้ด้วยขอรับ”หวังหยวนรับม
ถ้อยคำของตงฟางฮั่นมีความหมายแฝงอยู่ แต่หวังหยวนก็เข้าใจในทันที“ข้าเข้าใจแล้ว ท่านหมายถึงพรรคทมิฬใช่หรือไม่?”ตงฟางฮั่นยิ้มอย่างพึงพอใจ แล้วพยักหน้า“ดูเหมือนว่าท่านจะไม่ได้ไร้เดียงสาเหมือนที่ข้าคิด สามารถสังเกตเห็นพรรคทมิฬได้เร็วถึงเพียงนี้!”เมื่อเอ่ยถึงชื่อนี้ สีหน้าของเกาเล่อก็เปลี่ยนไปเช่นกันหลังจากจับกุมสาวกของพรรคทมิฬได้หลายคน เกาเล่อและหวังหยวนก็รู้เรื่องของพรรคทมิฬมากขึ้น และในช่วงนี้เกาเล่อก็ได้ส่งคนจำนวนมากไปรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับพรรคทมิฬแต่ก็ยังไม่มีประโยชน์มากนักแสดงให้เห็นว่าคนของพรรคทมิฬนั้นเหมือนพวกหนูที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืด!การขุดคุ้ยเรื่องคนเหล่านี้ต้องใช้เวลา!“แล้วเหตุใดคนของพรรคทมิฬถึงได้ทำร้ายท่านเล่า?” “หรือว่าพวกท่านเคยมีเรื่องขัดแย้งกัน?”หวังหยวนเคาะโต๊ะเบา ๆ สายตาจ้องมองไปที่ตงฟางฮั่นอีกครั้งตงฟางฮั่นส่ายหน้าแล้วยิ้มเยาะ “ข้าจะไปเข้าร่วมกับคนพวกนั้นได้อย่างไร?” “ไม่รู้ว่าพวกเขาได้ยินชื่อของข้ามาจากไหน จึงได้มาติดต่อข้า หวังว่าข้าจะเข้าร่วมพรรคทมิฬ!” “แต่ข้าได้ปฏิเสธพวกเขามาหลายครั้งแล้ว” “แต่พวกเขาก็ยังคงตามติดไม่เลิก ก่อนหน้านี้พวกเขาย