หยางเฟิ่งกั๋ว เสนาบดีฝ่ายซ้ายยืนขึ้นกล่าวว่า “ฝ่าบาท หวังหยวนค่อนข้างมีระเบียบวินัยในทุกการกระทำ ไม่ว่าเขาจะขอให้ผู้ส่งสารออกมาพูด หรือจัด 'การประชุมระบายแค้น' ล้วนเป็นไปเพื่อเสริมสร้างขวัญกำลังใจให้ประชาชน และทำให้กองทัพและประชาชนมีความเกลียดชังศัตรูเหมือนกัน ส่วนการสู้รบให้แตกหักภายในครึ่งเดือนนั้น เขาและแม่ทัพหนุ่ม จะต้องคิดกลยุทธ์เพื่อเอาชนะศัตรูไว้แล้วเป็นแน่พ่ะย่ะค่ะ!”ฮ่องเต้ซิงหลงขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อว่าทั้งสองคนจะเอาชนะศัตรูได้!หลี่ซื่อฉี เจ้ากรมกรมยุติธรรมกล่าวว่า “ฝ่าบาท อู๋หลิงรู้จักกองทัพเป็นอย่างดี แต่ในมือมีกองทหารชั้นสอง จะต่อสู้กับทหารชั้นยอดของชาวหวงได้อย่างไร! มันจะดีกว่าหากเขาเข้าเมืองไปรอกำลังเสริม แต่ตอนนี้เขาเริ่มออกนอกเมืองไปต่อสู้กับพวกชาวหวง ถือเป็นการกระทำที่จะนำไปสู่ความหายนะพ่ะย่ะค่ะ!”กู้จี๋เต้า เจ้ากรมกรมพลเรือนและการคลังยังกล่าวอีกว่า “ฝ่าบาท ท่านทอดพระเนตรคำสั่งของอู๋หลิงเถอะพ่ะย่ะค่ะ ท่านรับสั่งให้ยุบกองทัพเกราะดำเมื่อห้าปีที่แล้ว แต่เขากล้าที่จะออกคำสั่งเรียกให้ออกมารวมกันอีกจริง ๆ! ซ้ำยังให้ผู้พิพากษาของเมืองจิ่วซานซื้อวัวในไร่ของประชาชน
ผิงเจี้ยนหันมามองด้วยสีหน้าเย็นชา “หนิงสือซาน เจ้ากลายเป็นขี้ข้าของราชสำนักอีกครั้งตั้งแต่เมื่อไหร่ เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าพวกเขาปฏิบัติต่อแม่ทัพมู่อย่างไร แม้ว่าชาวหวงจะโจมตีเมืองจิงตู และสังหารฮ่องเต้จอมร้ายกาจนั่น ก็ถือว่าเป็นการแก้แค้นให้แม่ทัพมู่ไป ข้าคงขอบคุณพวกเขาด้วยซ้ำ”หนิงสือซานกัดฟัน “เจ้าบ้าผิง เจ้าคิดว่าข้ายอมสละชีวิตเพื่อราชสำนักงั้นหรือ! ราชสำนักแต่งตั้งแม่ทัพหนุ่มเป็นผู้บัญชาการ หากเขาแพ้ศึกครั้งนี้ ราชสำนักจะปล่อยเขาไปหรือ แล้วเจ้ากับข้าจะทรยศแม่ทัพมู่หรือไม่!”“แม่ทัพหนุ่มยังมีชีวิตอยู่!”ดวงตาของผิงเจี้ยนสั่นไหว เขารีบวิ่งลงไปจากเนินเขา!หนิงสือซานขี่ม้าตามไป “เจ้าบ้าผิง เจ้ากำลังทำบ้าอะไรอยู่!”ผิงเจี้ยนตอบโดยไม่หันกลับไป “แน่นอนว่าต้องไปที่เมืองจิ่วซาน เพื่อช่วยให้แม่ทัพหนุ่มชนะการต่อสู้ครั้งนี้!”“ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ใช่คนขี้ขลาด!”หนิงสือซานหัวเราะ แล้วโยนถุงใบเล็กไปให้!ผิงเจี้ยนคว้ามันไว้ได้ เมื่อเปิดมันออกก็ตกตะลึง “ทองคำ!”หนิงสือซานพ่นลมหายใจ “เสนาธิการทหารจ่ายทองคำสิบตำลึงเป็นค่าตั้งถิ่นฐานของเจ้า ด้วยเงินจากกระเป๋าของเขาเอง!”ผิงเจี้ยนประหลาดใจ “เสนาธิ
“สามี!”ผู้หญิงหน้าซีดคว้าชายคนนั้นไว้ แล้วพูดว่า “ท่านจะต่อสู้เพื่อราชสำนักอีกแล้วหรือ ท่านต่อสู้เพื่อราชสำนักมาสิบปีแล้ว และเกิดอะไรขึ้นกับท่าน ตอนนี้ครอบครัวเราไม่มีอาหารกินด้วยซ้ำ ข้ากับลูกจะต่างต้องกินรากหญ้าประทังชีวิต หากท่านจากไปตอนนี้อีก ท่านจะไม่ได้เจอเราอีกเมื่อกลับมา!”อวี๋เถี่ยซานอ้าปากด้วยสีหน้าสับสน ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร“พี่สะใภ้ไม่ต้องกลัว!”ทหารผู้ส่งสารหยิบถุงผ้าออกมา แล้วพูดว่า “เสนาธิการทหารคิดล่วงหน้าไว้แล้ว ว่าชีวิตพวกเจ้าอาจจะลำบาก จึงสั่งให้พวกเรานำเงินหนึ่งร้อยตำลึง มาจ่ายให้ทหารผ่านศึกของกองทัพเกราะดำทุกคน เพื่อไว้ใช้เลี้ยงชีพ”“เสนาธิการทหาร?”ชายคนนั้นรับถุงผ้าไปเปิดดูเงินที่อยู่ข้างใน แล้วยื่นให้หญิงสาวทั้งน้ำตา “ดูแลลูก ๆ ให้ดี แม่ทัพหนุ่มคือลูกชายของแม่ทัพมู่ เมื่อเขากำลังเดือดร้อน ข้าต้องช่วยเขา หลังจบศึกครั้งนี้ ข้าจะกลับมา!”“สามี ท่านต้องรอดชีวิตกลับมา ข้ากับลูก ๆ รอท่านอยู่!”ผู้หญิงคนนั้นถือกระเป๋าเงิน กอดลูกทั้งสองร้องไห้...ห่างออกไปสามร้อยลี้ในเมืองผิง ในวัดร้างที่ทรุดโทรม มีขอทานกลุ่มหนึ่งรวมตัวกันอยู่ที่มุมถนน นั่งอาบแดดต้นฤดูหนาว ล้อ
สถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นในหลายแห่งในเมืองจิ่วซาน เมื่อทหารผู้ส่งสารตะโกนว่า “ทหารผ่านศึกกองทัพเกราะดำอยู่ที่ไหน แม่ทัพหนุ่มขอความช่วยเหลือ” ก็จะมีคนรีบเร่งมาทันทีโจรบางคนยอมเสียตำแหน่งหัวหน้าโจร เจ้าของร้านบางคนยอมทิ้งร้านค้าขนาดใหญ่ ตำรวจบางคนยอมทิ้งดาบ แม้แต่คนธรรมดาสามัญก็โยนจอบทิ้ง!ไม่ใช่เพราะราชสำนัก แต่เป็นเพราะคำพูดที่ว่า ทหารผ่านศึกกองทัพเกราะดำอยู่ที่ไหน แม่ทัพหนุ่มขอความช่วยเหลือ!เหล่าทหารที่ถูกปลดประจำการมานานหลายปี ต่างรีบเร่งไปที่เมืองจากทั่วทุกสารทิศในเมืองจิ่วซานการเดินทางครั้งนี้ไม่รู้จะกลับมาได้กี่คน แต่กลับไม่มีใครหวั่นเกรง!...ในกระโจมขนาดใหญ่ของกองทัพชาวหวง มีจดหมายลับกองหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะ อ๋องถูหนานอ่านจดหมายเหล่านั้นทีละฉบับ!จดหมายลับบางส่วนรายงานความวุ่นวายทางทหารในเมืองช่วงนี้ แต่ส่วนใหญ่เป็นข่าวเกี่ยวกับหวังหยวน“เอาชนะหลี่ฉาง ตำรวจ และผู้ตรวจการ ล้างบางค่ายซานหู่ รวมไปถึงพวกใช้อำนาจบาตรใหญ่!”“ทำสบู่และน้ำตาลที่ขายดีไปทั่วโจวเฉิงและเมืองอื่น ๆ!”“ด้วยคนเพียงสิบคน สามารถขู่กรรโชกเงินโจรห้าถึงหกร้อยคนได้ และรอดพ้นไปได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บ!”“แต่ง
ไม้กระดานขนาดใหญ่ที่วางไว้พันก้าวแตกออก!ฉึก!ไม้กระดานหนึ่งพันห้าสิบก้าวถูกแทงทะลุ!ฉึก!ไม้กระดานที่อยู่ห่างไปหนึ่งพันหนึ่งร้อยก้าว ลูกธนูเกือบจะเข้าเป้าแต่ก็ร่วงลงเสียก่อน!ทั้งสามคนขี่ม้าไปดู!หวังหยวนสรุป “หลังจากการทดสอบหลายครั้ง ระยะที่มีประสิทธิภาพของหน้าไม้ซานกงฉวงนั้น มีระยะสูงสุดหนึ่งพันก้าว หากเกินกว่านั้น ความรุนแรงจะยังไม่เพียงพอ!”“มันเยี่ยมยอดแล้ว!”อู๋หลิง ผิงเจี้ยนและหวังหานซานต่างตกตะลึง!ระยะการยิงเช่นนี้ แตกต่างจากหน้าไม้ยักษ์ถึงสามร้อยก้าว!“เช่นนั้นก็ส่งสุดยอดหน้าไม้ซานกงฉวงไปที่กำแพงเมืองเลย!”หวังหยวนเตือนว่า “ต้องส่งคนที่เชื่อถือได้ไปคอยเฝ้าไว้ เพื่อป้องกันความลับรั่วไหล! ฝนตั้งเค้าย่อมต้องป้องกันฝนและหิมะ!”ทุกวันนี้ในค่ายทิศเหนือ พบว่ามีไส้ศึกชาวหวงและองครักษ์เหยี่ยวดำแทรกซึมเข้ามาเขาจึงผลิตหน้าไม้ซานกงฉวงในแผนกหน้าไม้เท่านั้น และต้องใช้มาตรการการรักษาความลับเต็มรูปแบบอีกด้วย!เป็นเวลากว่าสิบวันแล้ว ที่มีการสร้างหน้าไม้นับร้อยโดยไม่แจ้งให้ใครรู้“ข้าจะจัดคนไป!”อู๋หลิงมองหวังหานซานแล้วพูดว่า “ลุงหานซาน คืนนี้ช่วยพาพวกพี่ชายไปสังสรรค์กันดี ๆ
เมื่อพูดถึงการติดตามขุนพลมู่ขึ้นเหนือล่องใต้ในทุกศึก ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเหมือนเป็นวีรบุรุษ!ไม่รู้ว่าใครพูดถึงการตายของขุนพลมู่ขึ้นมา ทุกคนต่างสาปแช่งฮ่องเต้จอมร้ายกาจและหลั่งน้ำตา ร่ำสุราพลางสะอื้นไห้ไม่หยุดหวังหยวน, ต้าหู่, เอ้อหู่ และคนกลุ่มหนึ่งเฝ้าดูอยู่นอกประตู แล้วจากไป!เมื่อกลับไปถึงสวนหลังบ้าน หวังหยวนก็โบกมือ “ทุกคนรีบไปนอนเถอะ พรุ่งนี้ต้องรับศึกใหญ่!”คนกลุ่มหนึ่งจากไป ยกเว้นต้าหู่และเอ้อหู่!เอ้อหู่พูดว่า “พี่หยวน ท่านช่วยโน้มน้าวพ่อให้ปล่อยข้าไปสนามรบหน่อยได้หรือไม่!”ต้าหู่อ้าปาก แล้วเงียบไปอีกครั้ง!เขาเองก็อยากจะไปสนามรบด้วย แต่หลังจากที่พ่อมา พวกเขาก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ไป!“ข้าสามารถโน้มน้าวลุงหานซานได้ หากเป็นเรื่องอื่น แต่ไม่ใช่เรื่องนี้!”หวังหยวนส่ายหน้า “การไปสนามรบไม่ใช่เรื่องเด็กเล่น คนตายจริง พูดตามตรง ข้าเองก็ไม่อยากให้เจ้ากับต้าหู่ไปสนามรบ พวกเจ้าไม่เคยทำศึกมาก่อน!”“พี่หยวน ข้าอยากไปสนามรบ ช่วยข้าโน้มน้าวพ่อหน่อยเถอะ!”เอ้อหู่หน้าแดงขณะพูดว่า “ท่านรู้หรือไม่ ข้าอยากจะไปทำศึกกับพวกชาวหวงมาโดยตลอด คนอื่น ๆ ตัวสั่นด้วยความกลัว เมื่อได้ยินว่าชาวหวง
“อย่ากลัวเลย ต้องชนะ!”หวังหยวนหันไปปาดน้ำตาบนใบหน้างามพริ้งของหูเมิ่งอิ๋ง แล้วปลอบโยนนางอย่างอ่อนโยน“อืม!”ปลายนิ้วของเขาลูบไล้ใบหน้าสวยของนาง ร่างบางของหูเมิ่งอิ๋งสั่นเทา นางรวบรวมความกล้าพูดไปว่า “คุณชาย ข้า...”“ข้ารู้ว่าเจ้ากลัว!”หวังหยวนมองแล้วถอนหายใจ “เจ้าไม่กลัวคงแปลก ความจริงแล้วข้าก็กลัวเหมือนกัน!”หูเมิ่งอิ๋งประหลาดใจ “คุณชาย ท่านก็กลัวเหมือนกัน!”หวังหยวนยกนิ้วขึ้นพูดเบา ๆ “ชู่ว อย่าเสียงดังสิ หากมีคนได้ยินว่าเสนาธิการทหารกลัว แล้วข้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?”พรืด!หูเมิ่งอิ๋งหลุดหัวเราะ “ข้าคิดว่าคุณชายไม่หวั่นเกรงสิ่งใด!”“ข้ากลัวตั้งหลายอย่าง เจ้าแค่ไม่รู้!”หวังหยวนเปลี่ยนเรื่อง “เจ้ามีอะไรจะพูดกับข้าหรือ!”“เอ่อ... ไม่ ไม่มีแล้ว!”หูเมิ่งอิ๋งรีบก้มหน้าลงอย่างรวดเร็ว ความกล้าหาญของนางที่เพิ่งเพิ่มมาหายไปหมดแล้ว!หวังหยวนกล่าวว่า “เช่นนั้นก็รีบกลับไปนอนเถอะ!”“อื้ม!”หูเมิ่งอิ๋งก้มหน้าเม้มปาก จากนั้นรีบเดินออกจากห้อง แล้ววิ่งหนีไปราวกับทะยานออกจากประตู!“เฮ้อ สตรีนั้นขี้กลัว กลัวสงครามเสียจนนอนไม่หลับ!”หวังหยวนหาวแล้วหลับไปจนรุ่งสาง แล้วตื่นขึ้นมาตามสั
“ศึกครั้งนี้ไม่แพ้แน่นอน!”สมาชิกครอบครัวข้าราชการหลายคนที่ไม่ได้ออกจากเมือง มีสีหน้าเศร้าหมอง!พวกเขามีความรู้ดี ไม่เหมือนกับคนทั่วไปและทหารที่เชื่อคำพูดของผู้อื่น เพราะมีความคิดเป็นของตนเอง...ที่ว่าการเมืองจิ่วซาน!เจ้าเมืองจางหานนั่งอยู่ในห้องโถง แต่งกายเรียบร้อยในชุดเครื่องแบบราชการ ใจกำลังระทึกไม่นานก็มีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบเข้ามา!จางหานถามว่า “สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง!”“เรียนนายท่าน ท่านใต้เท้าและนายน้อย เครื่องเรือนที่ท่านเก็บสะสมมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา ถูกส่งไปนอกเมืองเมื่อครึ่งเดือนก่อน ตอนนี้ไปถึงบ้านเกิดของท่านอย่างปลอดภัยแล้ว!”เจ้าหน้าที่พูดเบา ๆ “นายท่าน ท่านไม่อยากจากไปจริงหรือขอรับ!”“ไปหรือ ข้าจะไปได้อย่างไร!”จางหานยิ้มฝืดเฝื่อน “ข้าเป็นเจ้าเมืองของราชสำนัก หากเมืองจิ่วซานถูกทำลาย ข้าจะถูกลงโทษประหารชีวิต หากข้ายอมจำนนต่อชาวหวง ภรรยาและลูก ๆ ของข้าจะถูกราชสำนักประหาร ซ้ำยังถูกประหารเก้าชั่วโคตร ตอนนี้ข้าทำได้เพียงรอให้เมืองแตก จงรักภักดีต่อราชสำนัก แต่ก็ยังต้องถูกประหาร!”เจ้าหน้าที่ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ทั้งหมดเป็นความผิดของหวังหยวน หากเขาไม่ออกคำสั่งสุ่
“พวกเจ้าออกไปก่อน”เมื่อเห็นว่าคนเหล่านั้นหน้าดำคร่ำเครียด ซือหม่าอันจึงโบกมือให้พวกเขาออกไปในชั่วพริบตา คนเหล่านั้นก็จากไปด้วยความโล่งอกพวกเขาถึงกับกังวลว่าหานเทาจะสังหารพวกเขาเพราะความโกรธด้วยซ้ำ...“ท่านขุนพลหานไม่ต้องโมโห”“อันที่จริง เรื่องเหล่านี้ล้วนสมเหตุสมผล”“แม้ว่าจะไม่มีตำแหน่งอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้าแล้ว แต่ชื่อเสียงของพวกเราก็ไม่ค่อยดีนัก พวกเขาจะเดินทางมาได้อย่างไร?”“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็สร้างหอไร้เทียมทานขึ้นมาเอง ท่านคิดเห็นเช่นไร?”ซือหม่าอันหรี่ตาลง ตอนนี้เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ สายตาจับจ้องไปที่หานเทาหานเทากลืนน้ำลาย เอ่ยถามขึ้นว่า “ท่านมีความคิดดี ๆ แล้วหรือ?”ซือหม่าอันกล่าวว่า “หลายปีมานี้ ผู้คนต่างก็เกลียดชังอาณาจักรต้าเป่ย ถึงกับคิดว่าต้นตอของสงครามในดินแดนทั้งเก้าก็คืออาณาจักรต้าเป่ยของพวกเรา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อยากเข้าร่วมกับพวกเรา”“เช่นนั้นพวกเราก็นำยอดฝีมือจำนวนมากจากภายนอกเข้ามาเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับตนเองสิ!”“ตามที่ข้ารู้ หวังหยวนมีน้องชายคนหนึ่งชื่อว่าไฉจวิ้น ทั้งสองไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด ว่ากันว่าเป็นพี่น้องร่วมสาบาน”“ไฉ
“เมื่อคืนข้าไม่ได้บอกเจ้าแล้วหรือ ว่าอีกสองวันพวกเราจะกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง?”“ท่านถงและคนอื่น ๆ ล้วนอยู่ที่หมู่บ้านต้าหวัง พวกเราไม่ต้องเป็นกังวลกับเรื่องราวที่นั่น”“เมื่อพวกเรากลับไปแล้ว ก็เพียงแค่ใช้ชีวิตให้มีความสุข”หวังหยวนไม่ใช่คนไร้ซึ่งความทะเยอทะยาน เพียงแต่ว่าเขาไม่ได้มีความรักชาติอันยิ่งใหญ่และคำนึงถึงปวงประชาเป็นหลัก!เขาเพียงต้องการดูแลครอบครัวของตนเอง รวมถึงสหายและพี่น้องที่อยู่เคียงข้าง!หากสามารถช่วยเหลือปวงประชาได้ ย่อมเป็นเรื่องดี แต่หากต้องเสียสละสิ่งใดจริง ๆ เกรงว่าเขาคงจะไม่ทำเช่นนั้น...แม้แต่การประชุมที่หอหลิวหลีในตอนนั้น ก็เป็นเพียงเพราะหวังหยวนต้องการความสงบสุข“ไม่ได้ ไม่ได้!”“ข้าไม่อยากกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง!”“ข้าอยากจะติดตามท่านไปยังสถานที่ที่ผู้คนไม่พลุกพล่าน เมื่อข้าให้กำเนิดลูกแล้ว พวกเราค่อยกลับไปก็ได้ไม่ใช่หรือ?”หลิ่วหรูเยียนฉลาดยิ่งนักเมื่อกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง นางจะสามารถติดตามหวังหยวนได้ทุกวันได้อย่างไร?อย่าว่าแต่ต้องการจะมีลูกเป็นของตนเองเลย เกรงว่าแม้แต่พื้นที่ส่วนตัวของเขากับนางก็ยังแทบจะไม่มี!ในบ้านยังมีพี่สาวอีกหลายคน
หวังหยวนได้ตัดสินใจแล้ว เรื่องราวในเมืองอู่เจียงใกล้จะสิ้นสุด เขาเตรียมที่จะกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวังในอีกสองวันครั้งนี้เขาออกมานานกว่าครึ่งปี แม้ว่าพวกหลี่ซื่อหานจะไม่ได้เร่งรัดให้เขากลับบ้าน แต่ด้วยนิสัยของพวกนาง เกรงว่าคงจะอยากมาตามหาเขาแล้วกระมัง?มีปัญหาน้อยดีกว่ามีปัญหามาก รีบกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวังย่อมดีกว่าอีกอย่างคือเมื่อมีคนรักใหม่แล้วจะลืมคนรักเก่าได้อย่างไร!ฝนตกทั่วฟ้าถึงจะถูกต้อง!“ท่านผู้นำ มีเรื่องสำคัญที่ต้องรายงานท่านขอรับ!”“ข้าเพิ่งได้รับข่าว หานเทาและซือหม่าอันได้ก่อตั้งสถานที่ที่คล้ายกับหอไร้เทียมทาน ตอนนี้กำลังรวบรวมยอดฝีมือทั่วหล้า!”“นี่มันจงใจเป็นศัตรูกับพวกเราชัด ๆ”“ข้าจึงอยากจะถามว่า ต่อไปพวกเราต้องทำการตอบโต้หรือไม่ขอรับ?”หากเป็นเมื่อก่อน เกาเล่อย่อมต้องการความมั่นคง ไม่เคยทำเรื่องหุนหันพลันแล่นในสถานการณ์เช่นนี้ ย่อมไม่เลือกที่จะปะทะกับหานเทาโดยตรงแต่ยามนี้แตกต่างออกไป เมื่อก่อนหวังหยวนมีเพียงแคว้นเดียวเท่านั้น ตอนนี้แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น แต่เผ่าทางเหนือทั้งหมดก็อยู่ภายใต้การบัญชาของหวังหยวนแล้ว และท่านไท่สื่อก็เป็นคนของพวกเขาด้วย!ประกอบก
กองทัพทั่วหล้าตกอยู่ในมือของเขาแล้ว!หากเกิดสงครามกับหวังหยวน เขาก็ต้องเป็นแนวหน้า!ซือหม่าอันหรี่ตา จากนั้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “เรื่องที่ท่านขุนพลหานกังวล มีหรือที่ข้าจะไม่กังวล?”“ข้าได้กราบทูลเรื่องนี้กับฝ่าบาทแล้ว แต่ฝ่าบาทกลับไม่ได้ใส่ใจ ตอนนี้ท่านโปรดปรานการใช้ดินปืน ซ้ำยังให้คนไปคิดค้นอาวุธร้อนเพิ่มด้วย!”“เพียงแต่ว่าการจะพัฒนาอาวุธร้อนให้สมบูรณ์ ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ในชั่วข้ามคืน!”หานเทาถอนหายใจยาว มีหรือที่เขาจะไม่เข้าใจหลักการนี้?น่าเสียดายที่ไม่สามารถพูดคุยกับฝ่าบาทให้เข้าใจได้!“เช่นนั้นตามความคิดเห็นของท่านซือหม่า ต่อไปพวกเราต้องทำอย่างไร?”หานเทาเอ่ยถามเขาเป็นเพียงขุนศึก ในสถานการณ์เช่นนี้ ย่อมต้องการความช่วยเหลือจากซือหม่าอันเมื่อทั้งสองปรึกษาหารือกัน อาจจะสามารถหาผลลัพธ์ที่ดีได้!ซือหม่าอันหรี่ตาลง ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ใช้นิ้วเคาะโต๊ะเบา ๆ จากนั้นกล่าวว่า “หรือว่าพวกเราจะก่อตั้งสถานที่ที่คล้ายกับหอไร้เทียมทาน จากนั้นก็ป่าวประกาศเรื่องนี้ให้ทั่ว ให้ผู้คนทั่วหล้าเดินทางมา เช่นนี้แล้ว ต่อให้พวกเราไม่สามารถรวบรวมยอดฝีมือได้มากมาย อย่างน้อยก็ไม่ปล่อยให้
“เจ้านี่นะ! ถึงกับหึงหวงเพราะผู้ชายเลยหรือ? หากกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง เช่นนั้นข้าจะมีความสุขได้อย่างไร?”หวังหยวนส่ายหน้าอย่างจนใจ ที่บ้านเขายังมีภรรยาสาวสวยอีกหลายคน ท่าทางของหลิ่วหรูเยียนเช่นนี้ ช่างทำให้เขารู้สึกหวาดหวั่นที่สำคัญที่สุดก็คือ ภรรยาในบ้านแต่ละคนล้วนไม่ใช่คนธรรมดา!โดยเฉพาะหวงเจียวเจียว นิสัยของนางร้อนแรงยิ่งกว่าไฟ นอกจากหลี่ซื่อหานและคนอื่น ๆ แล้ว ก็เกรงว่าจะไม่ยอมรับใครอีกหากสตรีทั้งสองนี้มาพบกัน ใครจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแต่ในเมื่อรับพวกนางมาเป็นภรรยาแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต เขาก็ต้องรับผิดชอบทั้งหมดเวลาสามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในช่วงสามวันนี้ หวังหยวนอยู่ในหอไร้เทียมทานต้องยอมรับว่าการก่อตั้งหอไร้เทียมทานได้ดึงดูดผู้มีความสามารถมากมายมาให้หวังหยวนที่สำคัญที่สุดก็คือหวังหยวนเป็นเพียงผู้ดูแล เรื่องราวทั้งหมดมอบให้เกาเล่อจัดการ โดยเพียงแค่ใช้ชื่อเสียงของหวังหยวนเท่านั้น!ต้องรู้ว่าหวังหยวนมีชื่อเสียงไปทั่วทั้งดินแดนทั้งเก้า เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด แม้แต่ปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้าก็เคารพหวังหยวน แล้วใครเล่าจะไม่อยากมาอยู่ใต้บัญชาของหวังหยวน?ยิ่งไป
การประลองย่อมต้องดำเนินต่อไปเพียงแต่ว่าตำแหน่งอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้านั้นมีมากมาย หวังหยวนจึงไม่ได้อยู่ดูการแข่งขันต่อคาดว่าในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า หอไร้เทียมทานคงจะคึกคักเป็นอย่างมากในไม่ช้า หวังหยวน ไฉจวิ้น และหลิ่วหรูเยียนทั้งสามก็กลับมาถึงห้อง ส่วนเรื่องภายนอกมอบให้เกาเล่อจัดการทันทีที่เดินเข้าห้อง หวังหยวนจึงรีบจับมือไฉจวิ้นมาตรวจดูอย่างละเอียด“พี่ใหญ่ ท่านไม่ต้องเป็นห่วงหรอกขอรับ ข้าสบายดี!”“ต่อให้ต้องประลองต่อ ข้าก็ยังไหว!”“เพียงแต่ข้าคิดไม่ถึงว่าเจ้านั่นจะยอมแพ้...”“เช่นนี้ก็ดี ทำให้ข้าไม่ต้องเปลืองแรง!”“อีกอย่าง หากต้องประลองกันต่อ เกรงว่าแม้แต่ข้าก็ไม่รู้ว่าจะสำเร็จหรือไม่...”นี่เป็นความจริงทุกคนรู้ว่าไฉจวิ้นมีพละกำลังมหาศาล ตัวเขาเองก็รู้ดีแก่ใจ แต่ขีดจำกัดของตนอยู่ที่ใด เกรงว่าแม้แต่เขาเองก็คงจะไม่รู้“เห็นว่าเจ้าไม่เป็นอะไร ข้าก็โล่งใจ”“แต่ต่อไปเมื่อทำสิ่งใด ต้องใช้ความคิดให้มาก”“แม้ว่าเจ้าจะมีพละกำลังมหาศาล แต่เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน เจ้าไม่มีทางรู้ได้ว่าคู่ต่อสู้ของเจ้าแข็งแกร่งเพียงใด”“ดังนั้นเมื่อทำสิ่งใด อย่าได้อวดดี เข้าใจหรือไม่?”
“ช่างมีพละกำลังมหาศาลจริง ๆ!”ขณะที่หวังหยวนกับพวกกำลังสนทนากัน สายตาของพวกเขาก็จับจ้องไปที่ดาร์เนล ซึ่งในตอนนี้ได้ยกติ่งหนักถึงเจ็ดร้อยชั่งขึ้นเหนือศีรษะบนเวทีเหลือเพียงไฉจวิ้นและดาร์เนลเมื่อดาร์เนลยกติ่งขึ้นได้ สายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปที่ไฉจวิ้น ตอนนี้เขาคือความหวังของปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้า ตำแหน่งจอมพลังอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้าจะไปตกอยู่ในมือของชาวต่างชาติได้อย่างไร?เช่นนี้แล้ว ภายภาคหน้าปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้าจะเชิดหน้าชูตาได้อย่างไร?ทางด้านสายตาของหวังหยวนนั้นจับจ้องไปที่ดาร์เนล ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่“ดูท่าแล้วไฉจวิ้นยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ดาร์เนลมีความสามารถจริง ๆ ข้าเห็นว่าตอนที่เขายกติ่งขึ้นเมื่อครู่ไม่ได้มีความลังเลแม้แต่น้อย ช่างมีพละกำลังมหาศาลนัก หากบอกว่าคนผู้นี้คือจอมพลังอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้า นั่นไม่ถือว่าเป็นการดูหมิ่นชื่อเสียงอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้า”หลิ่วหรูเยียนที่อยู่ด้านข้างเอ่ยอย่างช้า ๆการกระทำทั้งหมดของดาร์เนลล้วนอยู่ในสายตาของพวกเขา นี่คือผู้ที่มีความสามารถอย่างแท้จริงหากเปลี่ยนเป็นคนอื่น เกรงว่าจะไม่มีใครทำได้อย่างเข้าไม่ใช่หรือ?
แต่ทั้งหมดนี้นั้น นับว่าเป็นความดีความชอบของปู่ของไฉจวิ้นด้วย หากไม่ใช่เพราะมีปู่ช่วยเหลืออยู่ข้าง ๆ และใช้ชีวิตอยู่ในป่ามาหลายปี แล้วเขาจะมีพละกำลังแข็งแกร่งเพียงนี้ได้อย่างไร?เมื่อไฉจวิ้นยกติ่งใหญ่ขึ้น ผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ ก็ทยอยแสดงความสามารถของตนน่าเสียดาย ในท้ายที่สุดผู้ที่สามารถยกติ่งใหญ่ขึ้นได้ นอกจากไฉจวิ้นแล้วมีเพียงชาวต่างชาติที่มาจากต่างแดนเท่านั้นเสียงปรบมือดังกึกก้องจากข้างล่างเวที “คนผู้นี้มีความสามารถยิ่งนัก”หวังหยวนกอดอกมองชาวต่างชาติผู้นั้น พลางกวักมือเรียกเกาเล่อในชั่วพริบตา เกาเล่อก็มาอยู่ข้างกายหวังหยวน แต่สีหน้ากลับดูตึงเครียด“คนผู้นั้นคือชาวต่างชาติที่เจ้าเพิ่งพูดถึงหรือ?”หวังหยวนชี้ไปที่อีกคนบนเวที แล้วเอ่ยถามเกาเล่อพยักหน้า จากนั้นก็ขมวดคิ้วเอ่ยว่า “คนผู้นี้มีที่มาไม่ธรรมดา ก่อนหน้านี้ข้าได้บอกข้อมูลของเขาให้ท่านทราบแล้ว คนผู้นี้มีชื่อว่าดาร์เนล ว่ากันว่ามีพละกำลังมหาศาลตั้งแต่เด็ก และเคยต่อยเสือร้ายตายด้วยหมัดเดียว!”“เดิมทีคิดว่าทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องเล่า ตอนนี้ดูเหมือนว่าอาจจะไม่ใช่เรื่องโกหก...”สามารถยกติ่งใหญ่หนักห้าร้อยชั่งได้ นั่นก็
เขามีความมั่นใจในตัวน้องชายคนนี้ก่อนหน้านี้ หวังหยวนเคยเห็นความสามารถของไฉจวิ้นมาก่อน อย่าว่าแต่จะหาผู้ที่เทียบเทียมเขาในบรรดาคนรุ่นเดียวกันได้ยากเลย แม้แต่คนที่อายุมากกว่าเขาก็ยังไม่มีใครมีพละกำลังเท่าเขา!ยิ่งไปกว่านั้น หวังหยวนเองก็ยังไม่รู้ขีดจำกัดของไฉจวิ้น!ดูท่าแล้ววันนี้คงมีเรื่องสนุกให้ชมกันเกาเล่อกลับเอ่ยว่า “ข้าเห็นว่าไม่เป็นเช่นนั้น คนที่อยู่ข้างกายไฉจวิ้นล้วนไม่ใช่คนธรรมดา! หนึ่งในนั้นมาจากต่างแดน คนผู้นี้มีชื่อเสียงมานาน ว่ากันว่าสามารถยกหินใหญ่หนักสองร้อยจินได้ด้วยมือเดียว!”“หากใช้สองมือ คาดว่าของหนักห้าร้อยจินก็คงไม่คณนามือขอรับ!”นี่...หวังหยวนกลืนน้ำลาย คนเหล่านี้กินหินเป็นอาหารกันหรืออย่างไร?ฝึกฝนร่างกายจนแข็งแกร่งถึงเพียงนี้เลยหรือ?อย่าว่าแต่ยกของหนักห้าร้อยจินเลย แม้แต่สองร้อยห้าสิบจิน เขาก็ยังยกไม่ขึ้น!“รอดูไปก่อน ข้าก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าศักยภาพของไฉจวิ้นมีขีดจำกัดอยู่ที่ใด”“เจ้าจำไว้ว่าต้องไปเตือนเขาด้วยว่าอย่าได้มุทะลุดุดัน!”“เขายังเด็กนัก ภายภาคหน้ายังมีโอกาสอีกมากที่จะพิสูจน์ตนเอง หากได้รับบาดเจ็บเพราะเรื่องนี้แล้วนั้น ย่อมไม่คุ้มค่า”ห