ฟึ่บฟึ่บฟึ่บ!เสวี่ยผานที่กำลังตื่นเต้นกับดาบราชวงศ์ถังมาก ใบหน้าซีดลงทันที เขาตกใจมากจนถอยหลังไปสามก้าว!ปัง!เจ้าเมืองจางหานเซจนทำโต๊ะข้าง ๆ ล้ม ก่อนที่เขาจะทรงตัวได้!บัณฑิตอาวุโสสี่คน วังไห่เทียน หลวนชิง จิ่วเปียน และถงกู่ต่างก็ดูหนักใจเปรี้ยง!ทุกคนได้ยินเสียงสายฟ้าฟาดดังสนั่นจากท้องฟ้าสีคราม มีสีหน้าไร้ความรู้สึก“ในที่สุดก็มาแล้ว!”คิ้วคมของไป๋เฟยเฟยยกขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าหล่อเหลาของเขาปราศจากความเย่อหยิ่งเหมือนตอนแรกหญิงสาวในชุดสีม่วงขมวดคิ้ว“ชาวหวงมาแล้ว!”ครู่ต่อมา กลุ่มคนที่เร่ขายอยู่ล่างเวทีติ้งหลงไถก็รีบเก็บแผงลอยจากไปผู้ชมตกอยู่ในความสับสนอลหม่าน!“... บ้าเอ๊ย!”หวังหยวนสบถออกมา!ธุรกิจค้าเกลือสงบลง และได้รับทองคำมากกว่าสามหมื่นตำลึง ถึงเวลากลับไปใช้ชีวิตที่ดีอีกครั้งชาวหวงดันกลับมาอีกครั้ง เขาจึงไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขอีกต่อไปเมื่อมองผู้คนในกลุ่มผู้ชม มีตั้งแต่ข้าราชการไปจนถึงประชาชนธรรมดาในต้าเย่ และพวกเขาก็กลัวชาวหวงมากจนลึกลงไปในกระดูกดวงตาคู่งามของหูเมิ่งอิ๋งเป็นกังวล ในขณะที่ต้าหู่ดูกระตือรือร้นที่จะลอง!“อ๋องถูหนานหนึ่งในห้าอ๋องของชาวหวง เ
ในชั่วพริบตา มีเพียงหวังหยวน วังไห่เทียน ไป๋เฟยเฟย และหลี่ซานซือเท่านั้นที่ถูกทิ้งไว้บนเวทีติ้งหลงไถหวังหยวนขมวดคิ้วและพูดว่า “พี่ชาย พิจารณาจากข่าวที่มาถึง ต้าเย่จะหยุดวิกฤตินี้ได้หรือไม่!”เสวี่ยผานเป็นผู้บัญชาการสูงสุดที่ควบคุมชายแดน เขาตื่นตระหนกมากเมื่อได้ยินเรื่องการโจมตีต้าเย่เรื่องนี้ทำให้เขากังวลมากสีหน้าของวังไห่เทียนเคร่งขรึม “ตอนนี้เป็นฤดูหนาวแล้ว ต้าเย่ยังถือว่าได้เปรียบ อีกทั้งประตูหัวมังกรยังแข็งแกร่ง และต้าเย่ก็อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ตอนนี้ตราบใดที่มีผู้บัญชาการที่มีคุณสมบัติเหมาะสม เวลาและสถานที่เหมาะสม ต้าเย่ก็จะแข็งแกร่ง แล้วการไล่ล่าข้าศึกก็เป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น!”หวังหยวนถอนหายใจ “เมื่ออาณาจักรเดือดร้อน ก็คิดถึงแม่ทัพที่ดี!”ไป๋เฟยเฟยถือพัดลงมาจากเวที “มีแม่ทัพที่ดีอยู่ แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าราชสำนักยินดีใช้หรือไม่!”“ใครกัน?”หวังหยวนรู้สึกประหลาดใจ ในช่วงเวลาวิกฤติเช่นนี้ หากมีนายพลที่ดีจริง ราชสำนักจะไม่ใช้ได้อย่างไร!“ถามท่านไห่เทียนสิ!”ไป๋เฟยเฟยยิ้มอ่อน แล้วออกจากติ้งหลงไถพร้อมกับหญิงสาวในชุดสีม่วงหวังหยวนหันหน้าไปมองวังไห่เทียนส่ายหน้
ในระยะไกล กลุ่มชาวหวงกำลังควบคุมแผนการสู้รบ ถือดาบตะโกนอย่างเย็นชา “พวกเจ้าทุกคนมีความผิดในต้าเย่ ใครก็ตามที่โจมตีเมืองได้ ท่านอ๋องจะประทานสถานะชาวหวง ที่ดิน และผู้หญิงให้”เมื่อทหารที่ปิดล้อมอยู่ได้ยินดังนั้น ก็มีกำลังใจและโจมตีอย่างดุเดือดต่อไป!บนกำแพงเมือง รองผู้บัญชาการหร่วนเฉิงกังขมวดคิ้ว มองลงไปด้วยสายตาหดหู่ทหารที่มาปิดล้อมเหมือนมดงานเหล่านี้ ไม่ใช่ชาวหวงที่แท้จริง แต่เป็นชาวเมืองโจวซึ่งอยู่ในต้าเย่น่าเสียดายที่เมืองโจวกบฏ พวกเขากลายเป็นตัวล่อเป้าสำหรับชาวหวง จึงหันมาโจมตีต้าเย่สำหรับทหารม้าชาวหวงตัวจริง กำลังตั้งค่ายอยู่ในระยะไกล และยังไม่ได้ถูกส่งออกไปเลย!และอ๋องถูหนานผู้ดุร้ายก็ไม่ปรากฏตัวด้วยซ้ำ!แค่การโจมตีของมดปลวกเหล่านี้ ก็ทำให้ทหารชายแดนตื่นตระหนกแล้วชื่อเสียงของชาวหวงนั้นดุร้ายเกินไป นอกจากแม่ทัพมู่ผู้ล่วงลับแล้ว ก็ไม่มีใครสามารถเอาชนะพวกเขาได้!ทันใดนั้นทหารก็รีบก้าวเข้ามารายงาน “ท่านใต้เท้า มีข่าวจากทางเมืองหลวง ผู้บัญชาการเสวี่ยได้ออกคำสั่ง กำลังจะเข้าสู่ฤดูหนาว และอากาศจะหนาวขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ให้เรายึดเมืองไว้ไม่ออกไปข้างนอก สู้ได้ตามใจ เมื่อ
สือเหยาเฉียน เจ้ากระทรวงกรมโยธาธิการกล่าวว่า “เสนาบดีฝ่ายซ้าย ท่านกำลังพูดถึงอะไร? เสนาบดีฝ่ายขวาเสนอให้เจรจาสันติภาพเพื่อประโยชน์ของแผ่นดินต้าเย่ หากจะสู้ก็ต้องค้นหาแม่ทัพที่สามารถเอาชนะอ๋องถูหนานได้ หากหาได้ ข้าจะเห็นด้วยทันที!”ฮ่องเต้ซิงหลงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า “สิ่งที่เจ้ากระทรวงสือพูดนั้นสมเหตุสมผล หากต้องการต่อสู้จริง ๆ ก็ต้องหาแม่ทัพที่สามารถเอาชนะอ๋องถูหนานได้ ไม่เช่นนั้น หากจะพึ่งเพียงเสวี่ยผานและหร่วนเฉิงกังอย่างเดียว ก็คงต้องอดทนรอต่อไป”“การเอาชนะอ๋องถูหนานจะยากเย็นอะไรปานนั้น?”หยางเฟิ่งกั๋วเงยหน้าขึ้น “ฝ่าบาททรงลืมไปแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ ว่าในการต่อกรกับชาวหวงนั้น เราทิ้งใครไว้ข้างหลังในเมืองจิ่วซาน”ฉินจ้าน เจ้ากระทรวงกรมกลาโหม และโจวจิงเหย่เจ้ากระทรวงพิธีกรรมกล่าวว่า “ฝ่าบาท โปรดใช้อู๋หลิงเพื่อเอาชนะทหารม้าของอ๋องถูหนาน เพื่อกอบกู้ศักดิ์ศรีของแผ่นดินต้าเย่เถอะพ่ะย่ะค่ะ”อู๋หลิง ลูกชายของแม่ทัพมู่ ซึ่งเป็นแม่ทัพหนุ่มแห่งกองทัพเกราะดำ เข้าร่วมกองทัพกับแม่ทัพมู่เมื่ออายุสิบสามปี เขาได้ฝึกวรยุทธ์และทักษะทางทหารกับแม่ทัพมู่ครั้งหนึ่งเขาเคยนำทหารม้าร้อยนาย ไปฆ่
หยางเฟิ่งกั๋ว โจวจิงเหย่ และฉินจ้านรู้สึกดีใจมากเมื่อได้ยินดังนั้น เพราะคิดว่าคำแนะนำของพวกเขาจะถูกนำไปใช้คาดไม่ถึงว่าฮ่องเต้ซิงหลงจะเปลี่ยนประเด็น “สั่งให้ผู้บัญชาการเสวี่ยผาน และรองผู้บัญชาการหร่วนเฉิงกัง ใช้ด่านหัวมังกรเป็นพื้นฐานในการต่อต้านด้วยกำลังทั้งหมด แล้วชะลอจนกว่าข้าศึกจะล่าถอยไปเองในฤดูหนาว!”หยางเฟิ่งกั๋วขมวดคิ้วพูดว่า “ฝ่าบาท ผู้บัญชาการสูงศักดิ์เสวี่ยผาน ข้าได้ยินมาว่าเขาไม่เคยเป็นแนวหน้าเลย นับตั้งแต่เขาดูแลด่านหัวมังกร แม้ว่าหร่วนเฉิงกังจะมีประสบการณ์การต่อสู้หลายร้อยครั้ง แต่เขาขาดความสามารถในการปรับตัว แล้วเขาจะจัดการกับจิ้งจอกเฒ่าอ๋องถูหนานอย่างไร? โปรดให้อู๋หลิงรับผิดชอบด้วยเถอะพ่ะย่ะค่ะ!”ฮ่องเต้ซิงหลงโบกมือด้วยความไม่พอใจ “มีด่านหัวมังกรคุมอยู่ ข้าไม่เชื่อว่าเราไม่อาจหยุดชาวหวงได้! สำหรับเรื่องสั่งอู๋หลิง เราจะหารือกันในภายหลัง พวกเจ้าออกไปกันได้แล้ว ข้าเหนื่อยแล้ว!”...“คุณชาย เจ้ากำลังทำอะไรอยู่ เหตุใดถึงต้องการช่างฝีมือมากมายถึงเพียงนี้!”ในลานบ้านตระกูลเว่ย หูเมิ่งอิ๋งอยากรู้อยากเห็น ขณะที่นางมองช่างฝีมือทั้งยี่สิบคน“เจ้าจะรู้เมื่อทำเสร็จแล้ว ไม่เพ
... ตระกูลหยาง! หยางว่านหลี่ถามหน้านิ่ง “เรื่องการย้ายไปทางใต้เตรียมตัวไปถึงไหนแล้ว?” “ทุกอย่างพร้อมพร้อมแล้วขอรับ!” ผู้ดูแลตระกูลหยางตอบว่า “เราได้เตรียมรถม้าหนึ่งร้อยคัน และคนคุ้มกันสองร้อยคน และจะใช้เวลาอีกสองวันในการขนส่งทองคำและเงินจากบ้านบรรพชน เราสามารถออกเดินทางได้ในวันมะรืนนี้ขอรับ” หยางว่านหลี่กำชับว่า “ต้องเชิญหมอไปด้วย พร้อมทั้งเตรียมยาทุกชนิดให้พร้อม!” ผู้ดูแลยกกำปั้นของเขาแล้วถอยออกไป “แค่ก ๆ!” หยางซั่วที่สวมเสื้อผ้าหนาพร้อมสีหน้าซีดเซียวเดินเข้ามา แล้วมองไปรอบ ๆ อย่างอาวอน “รากฐานเก่าแก่นับศตวรรษของตระกูลหยางของข้ากลับถูกทิ้งร้างเช่นนี้!” หยางว่านหลี่กล่าวว่า “มีคนสนิทและคนรับใช้คอยดูแลบ้านอยู่ หากพวกโจรไม่ตีด่านหัวมังกรแตกได้ เราก็ยังสามารถกลับมาได้หลังจากที่พวกเขาล่าถอย หากพวกโจรโจมตีด่านแตกแล้วบุกเข้ามา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงบ้านเหล่านี้แล้ว แม้แต่กิจการเกลือก็จะจบสิ้น” “กิจการเกลือ!” หยางซั่วหรี่ตาลง “ข้าได้ยินมาว่าในการประชุมกวีนิพนธ์เมื่อวานนี้ แผนการจัดการกับคนต่ำต้อยนั้นล้มเหลวอีกครั้ง นอกจากนี้เขายังขายอาวุธวิเศษสามชิ้น และได้รับเงินเหรียญทองจำน
ผู้หญิงชุดม่วงแอบโมโหเบา ๆ! เศรษฐีผู้นี้กล้าให้แม่ทัพหนุ่มระบำดาบ นี่กำลังปฏิบัติต่อเขาเหมือนนักเต้นหรือนักแสดงและดูอย่างขบขำ! “ท่านแม่ทัพ ข้าพาคนมาแล้วขอรับ!” พวกเขาทั้งหมดอยู่ที่ถนนหวู่เป้ยทางตอนใต้ของเมือง ไม่นานหลังจากนั้น ชายหนุ่มในชุดขาวก็ก้าวเข้ามาในห้องโถง เขายืนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบ ๆ ราวกับหอกแทงทะลุนภาอันกว้างใหญ่ เผยให้เห็นความสามารถที่ได้แสดงออกมาอันน่าทึ่ง ผู้หญิงในชุดสีม่วงตัวสั่นไปทั้งตัว เมื่อมองไปที่ร่างในชุดขาว น้ำตาก็ไหลออกมาในดวงตาของนาง เมื่อมองไปที่ดวงตาของผู้หญิงชุดสีม่วง ดวงตาของอู๋หลิงก็สั่นไหว และเขาก็หันไปหาเสวี่ยผานด้วยสีหน้าว่างเปล่า “มีอันใดหรือ?” “เมื่อวานนี้ ข้าได้อาวุธวิเศษที่สามารถทำลายเกราะได้หกสิบครั้ง และตัดเหล็กได้เหมือนโคลน!” เสวี่ยผานคว้าดาบราชวงศ์ถังแล้วโยนมันออกไปด้วยหลังมือของเขา “ข้าได้ยินมาว่าทักษะดาบของตระกูลหวู่นั้นไม่มีใครเทียมเท่าในใต้หล้านี้ วันนี้ข้าจัดงานเลี้ยงเชิญแขกผู้มีเกียรติ เจ้าสามารถระบำดาบเพื่อสร้างความบันเทิงให้ข้าและแขกผู้มีเกียรติ!” ปัง! อู๋หลิงไม่ได้เข้าไปรับ แต่ปล่อยให้ดาบราชวงศ์ถังล้มลงกับพื้น และพูด
เสวี่ยผานเพิ่งถอนหายใจด้วยความโล่งอก! เพี๊ยะ เพี๊ยะ เพี๊ยะ... อู๋หลิงคว้าคอเสื้อของเขาแล้วตบเขารัว ๆ ด้วยหลังมือ “เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน เจ้ากล้าเอาแม่และพี่น้องมาข่มขู่ข้า เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าฆ่าเจ้าตอนนี้ได้ และจะไม่มีใครกล้าแตะต้องพวกเขาแม้แต่น้อย!” “เจ้า เจ้า...” ดวงตาของเสวี่ยผานเบิกกว้างแดงก่ำ ราวจะระเบิดออกมาด้วยความโกรธ พรวด! อู๋หลิงผลักกลับและโยนเสวี่ยผานลงบนที่นั่ง เขาเสียบดาบราชวงศ์ถังไว้ข้างคอ แล้วหันหลังกลับและเดินจากไป “อย่ามาท้าทายกับความอดทนของข้าอีก ข้าเกรงว่าวันหนึ่งข้าจะสูญเสียการควบคุมและลงมือทำสิ่งที่ไม่ดี” “ไอ้สารเลว เจ้ากล้าดียังไงมาทำอย่างนี้กับข้า! เด็ก ๆ เข้ามาจับตัวเขาไป!” เสวี่ยผานลุกขึ้น คว้าดาบราชวงศ์ถังแล้วชี้ไปที่เขา ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเดือดดาล! นักโทษผู้นี้ทำให้เขาอับอายต่อหน้าคนนอกจริง ๆ พรวด พรวด พรวด... ทหารกลุ่มหนึ่งพุ่งเข้ามาจากทั้งสองฝ่าย! อู๋หลิงมองไปทางซ้าย! ผัวะ ผัวะ ผัวะ! ทหารทางซ้ายเซกลับ! อู๋หลิงมองไปด้านข้างที่ทหารทางขวาอีกครั้ง! ทหารทางขวาตัวสั่นและล่าถอย! อู๋หลิงเอามือไพล่หลังและเดินออกจากบ้า
“ท่านขุนพล ท่านเจี๋ยง!”“พวกท่านหมายความว่าอย่างไร?”ไป๋อวิ๋นเฟยรีบเดินเข้ามาในฝูงชน ไป๋ลั่วหลีที่เดินตามหลังมาแบกกล่องใบใหญ่ ไม่มีใครรู้ว่าข้างในมีอะไร แต่ดูจากขนาดแล้ว หวังหยวนรู้ว่าข้างในต้องเป็นปืนไรเฟิลซุ่มยิง!มีผู้ช่วยมาแล้ว เขาไม่ต้องกังวล!“ท่านหวังเป็นแขกของข้า!”“เป็นแขกคนสำคัญของเสด็จแม่ด้วย!”“ข้าเชิญท่านหวังมาปรึกษาหารือ แต่พวกท่านกลับจะทำร้ายท่านหวัง นี่หรือคือมารยาทการต้อนรับแขกของราชวงศ์ต้าเย่?”ไป๋อวิ๋นเฟยมองซือฟางและเจี๋ยงโฉ่วอีอย่างเย็นชา พลางตะโกนตำหนิ โดยไม่สนใจฐานะของคนทั้งสอง!“องค์ชายใหญ่! คงเป็นการเข้าใจผิดกันพ่ะย่ะค่ะ!”เจี๋ยงโฉ่วอีไม่ใช่แค่ที่ปรึกษาคนสำคัญของราชวงศ์ต้าเย่ แต่ยังเป็นคนเจ้าเล่ห์หน้าตายอีกด้วย ในชั่วพริบตา เขาก็ตีหน้ายิ้มแย้ม เดินไปหาไป๋อวิ๋นเฟย“พวกกระหม่อมคิดว่าท่านหวังออกจากเมืองหลวงไปแล้ว บังเอิญมาพบกันที่นี่ จึงอยากเชิญท่านหวังไปที่จวน ส่วนที่พาทหารมาด้วยก็เพื่อคุ้มครองท่านหวัง!”“ไม่ว่าใครก็รู้ว่าท่านหวังเป็นบุคคลสำคัญ หากท่านประสบปัญหาในเมืองหลวง แล้วข่าวแพร่กระจายออกไป คงไม่เป็นผลดีต่อพวกกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ!”“กระหม่อมทำเช่นนี
“ข้าพูดดี ๆ กับท่านหวัง หวังว่าท่านจะให้เกียรติพวกข้า เพื่อรักษาหน้าตาของกันและกัน”“แต่หากท่านหวังยังดื้อรั้น ก็อย่าหาว่าข้าไม่เตือน...”“แม้ว่าข้าจะไม่อยากมีเรื่องกับท่าน แต่ผู้ใต้บัญชาของข้าล้วนเป็นคนใจร้อน!”นี่เป็นการข่มขู่ หวังหยวนจะไม่เข้าใจได้อย่างไร?หึหวังหยวนไม่โกรธ กลับหัวเราะ แล้วหยิบปืนคาบศิลาออกมา มองซือฟางก่อนกล่าวว่า “ดูเหมือนว่าเจ้ายินดีพร้อมจะสู้กับข้าแล้วจริง ๆ กระมัง?”“เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องเสแสร้งอีกต่อไป”“ข้าอยากรู้ว่าผู้ใต้บัญชาของเจ้า หรือปืนคาบศิลาของข้า ใครจะแน่กว่ากัน!”ซือฟางกัดฟันแน่น เขาไม่คิดว่าหวังหยวนจะกล้าหาญถึงเพียงนี้!มีคนมากมายอยู่ตรงหน้า แต่หวังหยวนกลับไม่เกรงกลัว ซ้ำยังจะลงมือต่อสู้อีกด้วย?ช่างน่าเจ็บใจ!คิดว่าทุกคนในต้าเย่จะถูกรังแกได้ง่าย ๆ หรืออย่างไร?“หวังหยวน!”“ท่านอวดดีเกินไปแล้วหรือไม่?”“ในเมื่อท่านอยากเล่น ข้าก็จะเล่นกับท่าน!”ซือฟางโกรธมากจนตะโกนลั่น ก่อนจะโบกมือสั่งผู้ใต้บัญชา เห็นได้ชัดว่าจะให้ผู้ใต้บัญชารุมหวังหยวน!เจี๋ยงโฉ่วอีไม่ได้เอ่ยคำใดสถานการณ์เลวร้ายเกินควบคุมแล้วทำได้เพียงรอดูสถานการณ์!“พี่ใหญ่!
เขายังรู้จักชื่อของข้าด้วยงั้นหรือ?“พี่ใหญ่ไม่ต้องแปลกใจหรอกขอรับ”“ท่านอาจจะไม่รู้ตัว แต่ท่านมีชื่อเสียงโด่งดังไปไกล!”“แม้ว่าที่นี่จะเป็นดินแดนของราชวงศ์ต้าเย่ แต่พวกเราก็เคยได้ยินเรื่องราวของท่าน”“ไม่ใช่แค่ข้า แต่ชาวบ้านแถวนี้ก็รู้จักท่านกันทั้งนั้นขอรับ!”“ท่านคือวีรบุรุษในดวงใจของพวกเขา!”“หากไม่มีท่าน คงเกิดสงครามไม่หยุดหย่อน!”“พี่ใหญ่คือผู้มีพระคุณของชาวโลก ใครจะลืมท่านได้เล่าขอรับ?”ไฉจวิ้นกล่าวอย่างภาคภูมิใจที่แท้เป็นเช่นนี้หวังหยวนเข้าใจแล้ว ดูเหมือนว่าการกระทำของเขาทำให้ผู้คนประทับใจ!ก็คงเป็นเช่นนั้น หากไม่มีเขา ดินแดนทั้งเก้าคงไม่สงบสุข และสี่ผู้นำคงไม่ได้เจรจากันที่หอหลิวหลีจนสำเร็จ!ช่างเป็นเรื่องราวที่ดี!“การได้ติดตามพี่ใหญ่นับเป็นบุญของข้า!”ไฉจวิ้นกล่าวต่อ “เมื่อคืนท่านปู่ได้สั่งเสียข้าไว้ว่าให้ติดตามท่าน แล้วท่านจะพาข้าไปสู่ความสำเร็จ”“ข้าเชื่อมั่นในท่านปู่ และเชื่อมั่นในตัวท่านมากด้วยขอรับ!”“พี่ใหญ่โปรดวางใจ ต่อไปข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง หากท่านต้องการสิ่งใด ข้ายินดีตอบแทนด้วยชีวิต!”“แม้ว่าข้าจะไม่มีความสามารถอะไร แต่ข้าก็มีพละกำลัง ข้าคงช่
“ข้ารู้อยู่แล้วว่าต้องเกี่ยวข้องกับพวกมัน!”หวังหยวนกำหมัดแน่น แล้วถามต่อ “เจ้ารู้หรือไม่ว่าพวกมันมาที่นี่เพื่ออะไร?”ทหารมากมายขนาดนี้สามารถบุกเข้าเมืองได้ในทันที!ไป๋อวิ๋นเฟยถูกลดอำนาจไปแล้ว เหลือเพียงตำแหน่งองค์ชาย แต่ไม่มีอำนาจใด หากสู้รบกันจริง พวกเขาคงจะเสียเปรียบ!สุดท้ายหวังหยวนคงต้องหนีไปจากที่นี่!แต่หากเป็นเช่นนั้น ราชวงศ์ต้าเย่ก็จะวุ่นวายไร้การควบคุม!ยิ่งกว่านั้น การกระทำของเขาคงทำให้ซือฟางกับเจี๋ยงโฉ่วอีเกลียดชัง สุดท้ายก็จะยิ่งยุ่งยากกว่าเดิม!นี่ไม่ใช่สิ่งที่หวังหยวนต้องการ!“ข้ารู้ว่าท่านผู้นำกังวลเรื่องนี้”“ก่อนมาที่นี่ ข้าได้จับทหารสองสามคนมาสอบถามแล้ว!”“พวกเขาบอกว่ายกทัพมาเพื่อปราบกบฏ ไม่ได้คิดก่อกบฏ!”“ดังนั้น ข้าคิดว่าพวกเขาแค่เตรียมแผนสำรอง ไม่ได้ร้ายแรงอย่างที่ท่านคิดขอรับ”เกาเล่อรีบตอบที่แท้เป็นเช่นนี้หวังหยวนเข้าใจ ซือฟางกับเจี๋ยงโฉ่วอีเป็นคนรอบคอบจริง ๆ“เช่นนั้นเจ้าก็กลับไปเถิด”“จำไว้! ต้องจับตาดูความเคลื่อนไหวของพวกเขาให้ดี!”“หากเกิดเหตุฉุกเฉิน ข้าจะติดต่อเจ้าให้เจ้าพาข้าออกจากเมืองโดยเร็วที่สุด!”หวังหยวนกำชับซือฟางกับเจี๋ยงโฉ่วอ
“เรื่องอะไร?”หวังหยวนพูดด้วยรอยยิ้ม “ตอนนี้เราเป็นพี่น้องกันแล้ว เรื่องของเจ้าก็คือเรื่องของข้า ไม่ต้องเกรงใจ พูดมาตามตรงได้เลย”“ท่านก็รู้ว่าบ้านข้ายากจน ข้าไม่มีเงิน...”“แม้แต่เมื่อวานตอนซื้อยาให้ท่านปู่ ท่านก็เป็นคนออกเงินให้...”“ตอนนี้ท่านปู่จากไป ข้ากลับไม่มีเงินซื้อโลงศพดี ๆ ให้ท่าน ช่างอกตัญญูนัก!”“ข้าหวังว่าท่านจะให้ข้าหยิบยืมเงินเพื่อฝังท่านปู่ นับเป็นการทำหน้าที่ครั้งสุดท้ายของข้า...”ไฉจวิ้นกล่าวนี่เป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาทำได้ไฉปิ่งอี้เลี้ยงดูเขามาอย่างดี เขาเห็นมาโดยตลอดแต่ตอนนี้เขาไม่มีอะไรตอบแทน ทำได้เพียงซื้อโลงศพอย่างดีให้ไฉปิ่งอี้จากไปอย่างสงบ นับเป็นการตอบแทนครั้งสุดท้าย...หวังหยวนพยักหน้า “ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นคนกตัญญู เรื่องนี้ข้าจะจัดการเอง”“ข้าจะกลับเข้าเมืองไปจัดการงานศพให้ท่านไฉ จะให้เขาได้จากไปอย่างสมเกียรติ!”ไฉจวิ้นพยักหน้าด้วยความซาบซึ้ง ในที่สุดก็ไม่สามารถกลั้นน้ำตาไว้ได้อีกต่อไป...เขายังโชคดี แม้ว่าไฉปิ่งอี้ ญาติคนเดียวของเขาจะจากไป แต่เขาก็ได้พบกับหวังหยวนสวรรค์ยังเมตตาเขา!ทันใดนั้นมีเสียงฝีเท้าดังมาจากข้างหลังหวังหยวนหันกลับไปมอง ป
“ดูเหมือนว่าพวกมันจะเล่นงานพวกเรา!”“พวกเราคงออกจากเมืองไม่ได้แล้ว ต้องกลับไปที่ตำหนักองค์ชายก่อน แล้วปรึกษาหารือแผนการรับมือ!”หลิ่วหรูเยียนรีบกล่าวสถานการณ์ไม่สู้ดี ตัวตนของหวังหยวนถูกเปิดเผยแล้ว อีกทั้งพวกเขายังมีกำลังพลน้อยนิดด้วย หากติดอยู่ในเมืองหลวง ผลลัพธ์คงเลวร้าย!หวังหยวนเป็นถึงเจ้าแห่งเมืองหลิง ไม่อาจเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นได้!หากเขาเป็นอะไรไปในต้าเย่ ต้าหู่และคนอื่น ๆ คงจะยกทัพมา ความสงบสุขของดินแดนทั้งเก้าก็จะพังทลายลงนี่ไม่ใช่สิ่งที่หวังหยวนต้องการ!“ข้าจะติดต่อเกาเล่อเพื่อสอบถามสถานการณ์”“แต่ข้ารู้สึกว่าซือฟางกับเจี๋ยงโฉ่วอีไม่น่าจะเป็นคนใจร้อน”“คนทั้งสองเป็นขุนนางคนสำคัญ ซือฟางคงไม่กล้าใช้กำลังในตอนนี้ เพราะจะขัดต่อกฎหมาย”“ถึงตอนนั้นเขาจะกลายเป็นกบฏ!”หวังหยวนไม่เข้าใจ เขาให้ไป๋อวิ๋นเฟยสงบนิ่งไว้ก่อน เหตุใดซือฟางถึงได้ตื่นตระหนก?ตอนนี้สถานการณ์ในเมืองหลวงยิ่งควบคุมยาก หากพลาดพลั้งไป ทุกอย่างจะพังทลาย!“ไม่ต้องไปหาองค์ชายใหญ่แล้ว”“พวกเราไปหาไฉจวิ้นก่อน ดูว่าเขาเป็นอย่างไรบ้าง”“มีไป๋ลั่วหลีอยู่กับไป๋อวิ๋นเฟย หากเกิดเรื่องอะไรขึ้น นางคงช่วยไกล่เกลี่ยได
ซือฟางจ้องมองชายที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้า กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ในเมื่อภารกิจล้มเหลว แล้วเจ้ายังกลับมาเพื่ออะไร? เจ้ามันขยะไร้ประโยชน์ เก็บเจ้าไว้ไม่ได้!”ชายคนนั้นยังไม่ทันได้ตอบ พลันมีทหารสองคนกระโจนเข้ามาฟันคอเขาจนขาดกระเด็น!ซือฟางเตะเก้าอี้ล้ม ชี้ไปยังศพที่นอนจมกองเลือด แล้วกล่าวว่า “มากำจัดให้เรียบร้อยด้วย”เมื่อทุกคนออกไป เจี๋ยงโฉ่วอีที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดจึงเดินออกมาคืนนี้พวกหวังหยวนถูกเล่นงาน แต่ซือฟางกับเจี๋ยงโฉ่วอีกลับไม่ได้พักผ่อน คอยฟังข่าวอยู่ตลอด!“แผนถูกเปิดโปงแล้วหรือ?”เจี๋ยงโฉ่วอีถาม“ชายคนนั้นบอกว่าไม่ได้บอกว่าเป็นพวกเราที่สั่งการ แต่ไป๋อวิ๋นเฟยไม่ใช่คนโง่ ยิ่งหวังหยวนยังอยู่ในเมืองหลวง คงเดาได้ว่าพวกเรามีส่วนเกี่ยวข้องเป็นแน่!”“นั่นหมายความว่า พวกเขาคงสงสัยพวกเราแล้ว”“ดูเหมือนว่าพวกเราต้องเปลี่ยนแผน...”“พอฟ้าสาง ไป๋อวิ๋นเฟยคงจะมาเอาเรื่องพวกเราใช่หรือไม่?”ซือฟางมีสีหน้ากังวล ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะเปิดเผยตัว แต่สถานการณ์กลับเลวร้ายเกินคาด เขาจะทำอย่างไรดี?เจี๋ยงโฉ่วอีมีสีหน้าเคร่งขรึม ไม่ได้เอ่ยคำใด“ท่านไม่ใช่ที่ปรึกษาอัจฉริยะอันดับหนึ่งหรอกหรื
หวังหยวนรู้สึกเสียดาย เกือบจะจับคนร้ายได้แล้วเชียว แต่ก็ยังปล่อยให้หนีไปได้...ช่างยุ่งยากนัก!ไป๋อวิ๋นเฟยและไป๋ลั่วหลีที่ซ่อนตัวอยู่ก็เดินออกมา“ข้าจะรีบส่งคนออกไปตามล่า! คงจะพบร่องรอยอยู่!”“พวกมันคงหนีไปได้ไม่ไกลใช่หรือไม่?”“ที่นี่คือเมืองหลวง ข้าจะออกประกาศจับ แม้ว่าข้าจะไม่ได้เป็นไท่จื่อ แต่ข้าก็เป็นถึงองค์ชาย พวกเขาต้องให้เกียรติข้าบ้าง!”ไป๋อวิ๋นเฟยกล่าวอย่างเย็นชาหวังหยวนขมวดคิ้วกล่าว “ไม่จำเป็นต้องตามแล้ว พวกมันคงหนีไปไกลแล้ว”“และอย่าเพิ่งออกประกาศจับเลย ประเดี๋ยวจะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น!”ไป๋อวิ๋นเฟยลังเลครู่หนึ่ง ในที่สุดก็พยักหน้าในเมื่อเขาจะร่วมมือกับหวังหยวนก็ต้องเชื่อมั่นในแผนการของหวังหยวน จึงจะมั่นใจได้ว่าจะไม่มีอะไรผิดพลาด“ข้าคิดว่าพวกเขาคงเป็นคนของซือฟางกับเจี๋ยงโฉ่วอี ทุกคนล้วนเป็นยอดฝีมือ ดูเหมือนว่าครั้งนี้พวกเขาจะฆ่าข้าจริง ๆ”สีหน้าของไป๋อวิ๋นเฟยยิ่งดูแย่ลงเขาเป็นถึงองค์ชาย แต่ไม่คิดว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ ช่างน่าเจ็บใจนัก!ยิ่งกว่านั้นคือขุนนางสองคนนั้นกลับไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา เสด็จแม่ของเขายังมีพระชนม์ชีพอยู่ พวกเขาก็ยังกล้าทำเช่นน
ไป๋อวิ๋นเฟยกำลังจะพูด แต่หวังหยวนกล่าวขัดขึ้นโดยไม่หันมามอง “องค์ชาย รีบออกไปจากที่นี่! ข้าจะช่วยถ่วงเวลาพวกมันไว้!”“แม้จะไม่มีปืนคาบศิลา! พวกมันก็ฆ่าข้าไม่ได้ในเวลาอันสั้นหรอก!”ว่าแล้วหวังหยวนก็กระโจนเข้าใส่คนร้ายสามคนไป๋อวิ๋นเฟยคือตัวแปรสำคัญ หากต้องการเดินหมากให้สำเร็จ ไม่อาจปล่อยให้เขาเป็นอันตรายได้!เพื่อไม่ให้กระทบแผนการใหญ่!ไป๋อวิ๋นเฟยลังเลครู่หนึ่ง เขารู้ว่าหากอยู่ต่อก็จะเป็นภาระให้หวังหยวน สุดท้ายจึงกัดฟันกล่าว “ในเมื่อท่านหวังกล่าวเช่นนั้น ข้าขอตัวก่อน!”“ท่านแค่ถ่วงเวลาไว้ ข้าจะไปตามคนมาช่วย เมื่อคนของเรามาถึง พวกมันก็หนีไม่รอด!”หวังหยวนพยักหน้า แล้วเข้าต่อสู้กับคนร้ายหัวหน้าคนร้ายเบิกตากว้าง เขานึกอะไรขึ้นได้จึงมองหวังหยวนแล้วถาม “ท่านคือหวังหยวนหรือ?”แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าอาวุธลับในมือหวังหยวนคืออะไร แต่เขาก็เคยได้ยินชื่อปืนคาบศิลามาก่อน!นับเป็นอาวุธร้ายแรง เป็นหนึ่งในอาวุธลับของหวังหยวน!บนโลกนี้มีเพียงหวังหยวนเท่านั้นที่มี!ในเมื่อหวังหยวนมีอาวุธนี้ แถมไป๋อวิ๋นเฟยยังเรียกเขาว่าท่านหวังด้วยก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ว่า...ชายตรงหน้าคือหวังหยวน ผู้ที่ทำให้ดิน