มีตราประทับของเจ้าเมืองเมืองจิ่วซาน ซึ่งเป็นข้าราชการระดับสี่หลายคนต่างไปแสดงความเคารพ จางหานยกยิ้มและพยักหน้า ไม่ได้มีท่าทางเย่อหยิ่งหยางว่านหลี่ขมวดคิ้ว จางหานให้เงินห้าพันตำลึงแก่ชมรมกวีนิพนธ์ เพื่อช่วยสนับสนุนกุบ กุบ กุบ...ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงกีบม้าดังขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้วทหารม้ากลุ่มหนึ่งก็ควบม้าเข้ามา!ที่นำหน้ามามีชายหนุ่มคนหนึ่งในชุดหรูหรา ด้านหลังล้วนมีแต่ทหารม้าหุ้มเกราะ!“ผู้บัญชาการเสวี่ยมาถึงแล้ว!”ก่อนที่ทหารม้าจะก้าวออกมา ผู้ประกาศก็ตะโกนบอกทุกคนในกลุ่มผู้ชมครู่ต่อมา จางหานและเหยียนฟู่กู่ก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้วทั้งสองก็ลงจากเวทีไปทักทายเขา!ตามมาด้วยการเคลื่อนไหวอีกมากมาย!แม้แต่หยางว่านหลี่ที่เย่อหยิ่งเมื่อครู่นี้ก็ยังลงไปชั้นล่างด้วยสีหน้าหวาดเกรง!บนเวที นอกเหนือจากทหารที่ยืนเฝ้า เหลือเพียงไป๋เฟยเฟยและหวังหยวนเท่านั้น!ในขณะนี้ พวกเขาทั้งห้าต่างมองมา ขณะที่อีกฝ่ายก็มองกลับไปเช่นกัน และต่างก็ประหลาดใจที่อีกฝ่ายไม่สะทกสะท้านไป๋เฟยเฟยเดินไปหาขณะโบกพัด แล้วหรี่ตาลง “เจ้าก็เป็นบัณฑิตเหมือนกัน เจ้าควรรู้ว่าผู้บัญชาการนั้นยิ่งใหญ่เพียงใด เหตุใดเจ้าไม่
เฮือก!หลายคนตกใจ ชายคนนี้กล้าพูดถึงเพียงนี้!เหยียนฟู่กู่ ไป๋เฟยเฟย และหญิงสาวชุดสีม่วงตาสว่างทันที!เจ้าเมืองและผู้บังคับบัญชาเสวี่ยผานขมวดคิ้วพร้อมกัน แล้วมองไปข้างหลังเขาด้วยสายตาเย็นชา!เฮือก!หยางว่านหลี่ที่อยู่ข้างหลังหน้าซีด มีเหงื่อเย็นไหลลงมาบนหน้าผากในงานประชุมกวี ใครก็ตามที่สามารถครองใจผู้ชมด้วยงานเขียนได้ คือผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด!ใครก็ตามที่กล้าพูดถึงเรื่องสถานะเพื่อกดขี่คนอื่น จะถูกบัณฑิตทั่วโลกตำหนิอย่างรุนแรง หากข่าวนั้นแพร่กระจายออกไปสิ่งที่เขาพูดเมื่อครู่นี้รีบร้อนเกินไป จึงเกี่ยวข้องกับสถานะของเสวี่ยผาน จางหาน และเหยียนฟู่กู่ เพราะเขาต้องการยืมมือคนเหล่านี้โจมตีคนอื่น ซึ่งเป็นเรื่องต้องห้ามในสมาคมกวีนิพนธ์!บรรยากาศเคร่งเครียด ทันใดนั้นก็มีเสียงตะโกนดังขึ้น“ท่านไห่เทียนมาถึงแล้ว!”“ท่านจิ่วเปียนมาถึงแล้ว!”“ท่านหลวนชิงมาถึงแล้ว!”“ท่านถงกู่มาถึงแล้ว!”ชายชราสามคนที่มีเคราและผมสีขาว สวมชุดแขนยาวแบบดั้งเดิม และวังไห่เทียนก็มาถึงที่ติ้งหลงไถ“ไม่ต้องลงมารับพวกเราหรอก มือเท้าของคนชราอย่างพวกเรายังปกติดี!”วังไห่เทียนดุพลางหัวเราะ ก้าวขึ้นไปบนเวทีพร้อมกับช
วังไห่เทียนเป็นเจ้าภาพในนาม แต่ความจริงแล้วเป็นเจ้าเมืองจางหานที่รับหน้าที่นี้จางหานยืนขึ้นแล้วพูดว่า “ท่านไห่เทียน โปรดเสนอหัวข้อบทกวีเพื่อจรรโลงโลกนี้ด้วย!”อึก!หลังจากจิบสุราแล้ว วังไห่เทียนก็โบกมือ “ไม่มีชื่อในโลกนี้ สามารถแต่งได้อย่างอิสระ ตราบใดที่สร้างผลงานใหม่ ก็สามารถส่งผลงานมา เพื่อรับรางวัลที่ดีที่สุดได้”ทุกคนต่างตื่นเต้น!หากมีการตีกรอบ ก็ต้องทำให้ตรงจุด ซึ่งยากมาก!แต่มันจะง่ายกว่า หากไม่มีข้อจำกัดทุกคนต่างก็เป็นบัณฑิต มีใครบ้างที่ไม่เขียนบทกวี เพียงแค่หยิบยกที่เคยแต่งไว้ออกมาก็ได้“เป็นความคิดที่ดี!”ชายชราทั้งสามคนหัวเราะและพยักหน้าหัวข้อบทกวีสามารถทดสอบสติปัญญาคนได้แน่นอน แต่ก็เป็นเรื่องยากที่จะสร้างผลงานที่ดีมีผู้สมัครเข้าร่วมไม่มากนักในปีนี้ ดังนั้น จึงทำได้เพียงผ่อนคลายข้อกำหนดต่าง ๆ ลงเท่านั้น“อืม!”หวังหยวนพยักหน้าอย่างเหม่อลอย!ไม่ว่าจะมีหัวข้อหรือไม่ก็ไม่สำคัญ เขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อแต่งบทกวีอยู่แล้ว!จุดประสงค์หลักของการมาร่วมงานประชุมกวีครั้งนี้ คือการหาคนรวยมาซื้อดาบราชวงศ์ถังแต่หากเขาขายของในงานประชุมกวี เขาจะต้องถูกไล่ลงจากเวที และถูกม
สีหน้าเคร่งขรึมและดูหมดความอดทนเช่นนี้ ทำให้ผู้ชมทุกคนเบิกตากว้างทันทีหูเมิ่งอิ๋งก้มหน้าลง หากเป็นเรื่องอื่น นางมั่นใจในตัวคุณชายมาก!แต่เมื่อต้องแต่งบทกวี ไม่มีความมั่นใจเลยจริง ๆ!การแต่งบทกวีเป็นความสามารถทางวรรณกรรม หากมีพรสวรรค์ด้านนี้ ก็คงมีชื่อเสียงไปนานแล้ว!แต่คุณชายไม่ได้โด่งดังเลยในเมืองฝู!ทุกอย่างเป็นไปตามแผน หยางว่านหลี่ก็ได้ใจ “เพื่อให้ยุติธรรม เรามาขอให้เจ้าเมืองถามคำถามดีกว่า แล้วทุกคนก็ร่วมกันแต่ง!”หวังหยวนโบกมือ “ตกลง!”เจ้าเมืองจางหานกล่าวว่า “ทุกคนคือบัณฑิตแห่งต้าเย่ หากก้าวไปข้างหน้าอีกหนึ่งก้าว จะกลายเป็นขุนนางในราชสำนัก แต่แม้กระทั่งตอนนี้ ก็สามารถรับใช้ราชสำนักได้ บัดนี้ศัตรูต่างแดนเพ่งเล็งราชสำนักก็อยู่ ทำให้ราชสำนักตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก เราถูกหักเงินเดือน ความภักดีต่อฮ่องเต้เริ่มสั่นคลอน หัวข้อการประชุมกวีนิพนธ์ในวันนี้ จะเป็นการคลายความกังวลของราชสำนัก!”ทุกคนขมวดคิ้ว!ตามที่เจ้าเมืองคาดไว้ ไม่ลืมที่จะประจบสอพลอราชสำนักในงานประชุมกวีบทกวีเช่นนี้แต่งยากที่สุด!หากเขียนยกย่องโจ่งแจ้งเกินไป จะถูกตำหนิว่าประจบประแจงได้ง่าย และสูญเสียจุดยืนทา
เมื่อเขามาถึงงานประชุมกวีนิพนธ์ติ้งหลงไถ น้องเขยที่เขาไม่ชอบก็อยู่ที่โต๊ะตัดสินแล้ว ส่วนเขารออยู่ด้านล่างเพื่อรับการตัดสิน ซึ่งทำให้เขาไม่อาจเงยหน้าขึ้นได้!ฟึ่บ!ใบหน้าของหยางว่านหลี่ซีดลง เขาอุตส่าห์ท่องมาหลายครั้ง และอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “แม้ว่าถ้อยคำของเขาจะดี แต่ก็เต็มไปด้วยความขุ่นเคืองและไม่พอใจ เขาจะคลายความกังวลของราชสำนักได้อย่างไร… อ๊ะ!”“แค้นชิงกู่ฝังใจ ยังไม่ชดใช้! เมื่อใด ล้างหนี้ใคร่รู้? ควบรถบดค่ายศัตรู ย่ำเขาปาตี่พินาศไป! กระหายหาญ ฉีกกินเนื้อคนเถื่อน ดื่มเลือดสรวลสันต์ รอก่อนถึงวันกอบกู้แผ่นดินผัน เข้าเฝ้าโห่ร้องฉลองชัย!”หวังหยวนพูดเสียงดัง ประวัติศาสตร์และภูมิศาสตร์ต่างเปลี่ยนไปไม่ใช่ว่าเขาต้องการเปลี่ยนคำพูดของงักฮุย แต่เนื่องจากเวลาและสถานที่แตกต่างกัน เขาจึงต้องเปลี่ยนคำสองสามคำให้เหมาะสมกับโอกาสจบเรียบร้อย!ทั่วบริเวณเงียบกริบ!ครู่ต่อมา ผู้แข่งขันแห่กันไปหาหวังหยวน ต่างสูญเสียความยับยั้งชั่งใจ ไม่มีใครรู้สึกว่าเป็นเรื่องน่าละอาย หากจะขอคำแนะนำจากถงเซิง ที่สำคัญกว่านั้น น้ำเสียงของพวกเขาเต็มไปด้วยความเกรงขามและยกย่อง!“ท่านหมิงถัน, แค้นชิงกู่ ท่านหมายถ
ฟึ่บ!หวังหยวนไม่รอช้า ดึงดาบราชวงศ์ถังออกมา แล้วมอบให้ต้าหู่เพื่อให้เขาแสดงอานุภาพทันทีต้าหู่ฟาดดาบลงสองครั้ง!เคร้ง!ดาบทหารหักออกเป็นสองท่อน และเกราะหนังหกสิบชั้นบนโต๊ะก็ขาดออกจากกัน!เฮือก!ทั่วบริเวณเงียบลงหวังหยวนคว้าดาบราชวงศ์ถังมา แล้วหมุนข้อมือเพื่อแสดงให้เห็นใบมีดที่ปราศจากความเสียหาย!ต้าหู่ถือมีดที่หักในมือข้างหนึ่ง และเกราะที่หักในมืออีกข้าง ยกขึ้นแสดงให้เห็นอยู่ด้านข้าง“มันสามารถทำลายเกราะได้หกสิบชั้น และตัดเหล็กได้เหมือนตัดดินเหนียว นี่มันทรงพลังยิ่งกว่าดาบอื่น ไม่ถือว่าเกินจริงที่จะเรียกมันว่าอาวุธศักดิ์สิทธิ์!”บัณฑิตส่วนใหญ่ในวงการนี้ไม่สนใจดาบ แต่ดวงตาของพวกเขาเบิกกว้างขึ้นในขณะนี้ผู้หญิงที่สวมชุดสีม่วงและเสวี่ยผานมองหน้ากันครู่หนึ่ง ราวกับว่าถูกดาบราชวงศ์ถังพรากวิญญาณไปแล้วหลี่ซานซือยิ่งสับสนมากขึ้น สงสัยว่าน้องเขยของเขาไปได้อาวุธวิเศษมาจากไหน!สายตาของไป๋เฟยเฟยกวาดมองดาบราชวงศ์ถัง ในที่สุดก็มองไปที่หวังหยวน และกลายเป็นสนใจมากถ้อยคำที่เขาเพิ่งพูดทำให้ตกตะลึง และตอนนี้เขาก็มีอาวุธวิเศษแล้ว!ชายคนนี้ไม่เคยหยุดทำให้ผู้คนประหลาดใจ!เดิมทีเขาวางแผนท
คนจากตระกูลที่ร่ำรวยก็แสดงความคิดเห็นเช่นกัน!อาวุธวิเศษเช่นนี้คุ้มค่ากับเงินที่เสียไป ไม่ว่าจะซื้อไปเป็นมรดกตกทอดของตระกูลหรือเป็นของกำนัลแม้แต่หยางว่านหลี่ที่เกลียดหวังหยวนจนกัดฟัน ก็ยังขยิบตาให้จู่เหริน แล้วจู่เหรินก็ยืนขึ้นแสดงความตั้งใจว่าจะซื้อมันด้วย!ทันใดนั้น มีคนมากกว่าสิบคนที่แสดงความตั้งใจจะซื้อดาบราชวงศ์ถัง!“ขอบคุณสำหรับความสนใจของทุกคน มีคนอยากได้หลายคน แต่มีอาวุธวิเศษน้อย ดังนั้นเฉพาะผู้ที่เสนอราคาสูงสุดเท่านั้นที่จะได้มันไป!”ปฏิกิริยานี้ทำให้หวังหยวนพอใจมาก แน่นอนว่าเขาเลือกสถานที่ขายดาบได้เหมาะสม!คนหนึ่งเป็นคนแรกที่พูด “หนึ่งพันตำลึงทอง!”ในตลาด ดาบธรรมดาไม่มีค่า แต่ดาบล้ำค่าสามารถขายได้ในราคาหลายร้อยหรือหลายพันตำลึง และอาวุธวิเศษย่อมมีมูลค่ามากกว่าอย่างน้อยสิบเท่า“หนึ่งพันห้าร้อยตำลึงทอง!”“สองพันตำลึงทอง!”“สองพันห้าร้อยตำลึงทอง!”...“ห้าพันตำลึงทอง!”ท่านหลวนชิงยื่นข้อเสนอ แล้วทั่วบริเวณก็เงียบลงห้าพันตำลึงทอง ห้าหมื่นตำลึงเงิน มีตระกูลที่ร่ำรวยมากมายที่สามารถจ่ายได้แต่มีไม่กี่คนที่กล้าแข่งขันกับท่านหลวนชิง จึงต้องยอมแพ้เพื่อรักษาหน้าเขาหลาย
หวังหยวนไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี!พี่ไห่เทียนช่วยปั่นราคาให้เขา!ต้องบอกว่าเขาช่วยปั่นราคาได้ดีมาก เพราะเขาได้เพิ่มอีกถึงสี่พันตำลึงทันทีที่มีการขายดาบทั้งสองเล่มเสร็จแล้ว ทุกคนก็จ้องมองดาบราชวงศ์ถังเล่มสุดท้ายบนหลังของต้าหู่ แม้แต่เสวี่ยผานและไป๋เฟยเฟยที่ซื้อไปแล้วก็ไม่มีข้อยกเว้น!สำหรับจวิ้นวั่ง ชนชั้นสูง และขุนนาง พวกเขามีทองคำและเงินมากมาย แต่มีของที่เป็นมรดกสืบทอดไม่มากหลังจากยอมแพ้สองครั้งติดต่อกัน หลายคนก็หยุดสุภาพและต่อสู้เพื่อมันอย่างสุดกำลัง!ราคาของดาบราชวงศ์ถังเล่มที่สามยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดไป๋เฟยเฟยก็ซื้อด้วยหนึ่งหมื่นห้าพันตำลึงทองดาบราชวงศ์ถังสามเล่มขายได้ทั้งสิ้นสามหมื่นเจ็ดพันตำลึงทอง!ไป๋เฟยเฟยที่ครอบครองดาบราชวงศ์ถังสองเล่มพึงพอใจมาก ในขณะที่เสวี่ยผานที่ได้ไปหนึ่งเล่มก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อยส่วนคนอื่น ๆ ที่ไม่ได้ ต่างมีสีหน้าไม่พอใจ!แม้ว่าจะเคยเห็นเงินมามากมาย แต่หูเมิ่งอิ๋งก็ตกตะลึงกับการประมูลนี้การทำธุรกิจนี้เพียงครั้งเดียว ก็ได้เงินใกล้เคียงกับความมั่งคั่งของตระกูลหูที่สะสมมาตลอดศตวรรษที่ผ่านมาไม่น่าแปลกใจที่คุณชายกล้าพูดว่า