เมื่อทั้งสองขึ้นไปที่ติ้งหลงไถ ก็เห็นศาลาแปดเหลี่ยมขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง โดยมีภาชนะสำริดมีขาตั้งอยู่ตรงกลาง ที่สลักลวดลายแสดงถึงความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของบรรพบุรุษมีบันไดกว้างอยู่ใต้ภาชนะสำริดนั้นชุดน้ำชา โต๊ะน้ำชา และฟูกมีสีเหลืองสดใส เป็นของราชวงศ์โดยเฉพาะเครื่องใช้ระดับกลางก็มีรูปแบบคล้ายกัน แต่เนื้อสัมผัสด้อยกว่าเล็กน้อย มีไว้สำหรับผู้ตัดสินบทกวี!ชุดน้ำชาชั้นล่างเป็นสีขาวล้วน มีให้เฉพาะจิ้นซื่อเท่านั้นส่วนจู่เหริน มีเพียงฟูกอันเดียวเท่านั้น!นี่คือลำดับชั้นของระบบศักดินา ที่ขยายไปสู่ทุกช่องว่างในชีวิต!หวังหยวนพบที่นั่งของตัวเองทันที แม้ว่าจะอยู่ในแถวที่สองแต่ก็อยู่ตรงหัวมุมไม่มีใครอยู่บนเวที หวังหยวนจึงรีบขึ้นเวทีอย่างรวดเร็ว แล้วพาหูเมิ่งอิ๋งไปยังที่นั่งที่จัดไว้ แล้วมองไปในระยะไกล!คนอื่น ๆ สนใจบทกวี แต่เขาไม่มีความสนใจเลยจริง ๆ ไม่รู้แม้แต่วิธีแต่งบทกวีด้วยซ้ำครั้งนี้ไม่ต่างอะไรกับการไล่เป็ดขึ้นคอนเลย!“นั่นคือหวังหยวน ผู้ตัดสินคนใหม่ในครั้งนี้ ข้าได้ยินมาว่าเขายังเป็นถงเซินอยู่เลย!”“ถงเซินคนนี้จะมีเก่งกาจมากเพียงใด ถึงสามารถมาตัดสินคนอย่างพวกเราได้!”“นี่คือกา
มีตราประทับของเจ้าเมืองเมืองจิ่วซาน ซึ่งเป็นข้าราชการระดับสี่หลายคนต่างไปแสดงความเคารพ จางหานยกยิ้มและพยักหน้า ไม่ได้มีท่าทางเย่อหยิ่งหยางว่านหลี่ขมวดคิ้ว จางหานให้เงินห้าพันตำลึงแก่ชมรมกวีนิพนธ์ เพื่อช่วยสนับสนุนกุบ กุบ กุบ...ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงกีบม้าดังขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้วทหารม้ากลุ่มหนึ่งก็ควบม้าเข้ามา!ที่นำหน้ามามีชายหนุ่มคนหนึ่งในชุดหรูหรา ด้านหลังล้วนมีแต่ทหารม้าหุ้มเกราะ!“ผู้บัญชาการเสวี่ยมาถึงแล้ว!”ก่อนที่ทหารม้าจะก้าวออกมา ผู้ประกาศก็ตะโกนบอกทุกคนในกลุ่มผู้ชมครู่ต่อมา จางหานและเหยียนฟู่กู่ก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้วทั้งสองก็ลงจากเวทีไปทักทายเขา!ตามมาด้วยการเคลื่อนไหวอีกมากมาย!แม้แต่หยางว่านหลี่ที่เย่อหยิ่งเมื่อครู่นี้ก็ยังลงไปชั้นล่างด้วยสีหน้าหวาดเกรง!บนเวที นอกเหนือจากทหารที่ยืนเฝ้า เหลือเพียงไป๋เฟยเฟยและหวังหยวนเท่านั้น!ในขณะนี้ พวกเขาทั้งห้าต่างมองมา ขณะที่อีกฝ่ายก็มองกลับไปเช่นกัน และต่างก็ประหลาดใจที่อีกฝ่ายไม่สะทกสะท้านไป๋เฟยเฟยเดินไปหาขณะโบกพัด แล้วหรี่ตาลง “เจ้าก็เป็นบัณฑิตเหมือนกัน เจ้าควรรู้ว่าผู้บัญชาการนั้นยิ่งใหญ่เพียงใด เหตุใดเจ้าไม่
เฮือก!หลายคนตกใจ ชายคนนี้กล้าพูดถึงเพียงนี้!เหยียนฟู่กู่ ไป๋เฟยเฟย และหญิงสาวชุดสีม่วงตาสว่างทันที!เจ้าเมืองและผู้บังคับบัญชาเสวี่ยผานขมวดคิ้วพร้อมกัน แล้วมองไปข้างหลังเขาด้วยสายตาเย็นชา!เฮือก!หยางว่านหลี่ที่อยู่ข้างหลังหน้าซีด มีเหงื่อเย็นไหลลงมาบนหน้าผากในงานประชุมกวี ใครก็ตามที่สามารถครองใจผู้ชมด้วยงานเขียนได้ คือผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด!ใครก็ตามที่กล้าพูดถึงเรื่องสถานะเพื่อกดขี่คนอื่น จะถูกบัณฑิตทั่วโลกตำหนิอย่างรุนแรง หากข่าวนั้นแพร่กระจายออกไปสิ่งที่เขาพูดเมื่อครู่นี้รีบร้อนเกินไป จึงเกี่ยวข้องกับสถานะของเสวี่ยผาน จางหาน และเหยียนฟู่กู่ เพราะเขาต้องการยืมมือคนเหล่านี้โจมตีคนอื่น ซึ่งเป็นเรื่องต้องห้ามในสมาคมกวีนิพนธ์!บรรยากาศเคร่งเครียด ทันใดนั้นก็มีเสียงตะโกนดังขึ้น“ท่านไห่เทียนมาถึงแล้ว!”“ท่านจิ่วเปียนมาถึงแล้ว!”“ท่านหลวนชิงมาถึงแล้ว!”“ท่านถงกู่มาถึงแล้ว!”ชายชราสามคนที่มีเคราและผมสีขาว สวมชุดแขนยาวแบบดั้งเดิม และวังไห่เทียนก็มาถึงที่ติ้งหลงไถ“ไม่ต้องลงมารับพวกเราหรอก มือเท้าของคนชราอย่างพวกเรายังปกติดี!”วังไห่เทียนดุพลางหัวเราะ ก้าวขึ้นไปบนเวทีพร้อมกับช
วังไห่เทียนเป็นเจ้าภาพในนาม แต่ความจริงแล้วเป็นเจ้าเมืองจางหานที่รับหน้าที่นี้จางหานยืนขึ้นแล้วพูดว่า “ท่านไห่เทียน โปรดเสนอหัวข้อบทกวีเพื่อจรรโลงโลกนี้ด้วย!”อึก!หลังจากจิบสุราแล้ว วังไห่เทียนก็โบกมือ “ไม่มีชื่อในโลกนี้ สามารถแต่งได้อย่างอิสระ ตราบใดที่สร้างผลงานใหม่ ก็สามารถส่งผลงานมา เพื่อรับรางวัลที่ดีที่สุดได้”ทุกคนต่างตื่นเต้น!หากมีการตีกรอบ ก็ต้องทำให้ตรงจุด ซึ่งยากมาก!แต่มันจะง่ายกว่า หากไม่มีข้อจำกัดทุกคนต่างก็เป็นบัณฑิต มีใครบ้างที่ไม่เขียนบทกวี เพียงแค่หยิบยกที่เคยแต่งไว้ออกมาก็ได้“เป็นความคิดที่ดี!”ชายชราทั้งสามคนหัวเราะและพยักหน้าหัวข้อบทกวีสามารถทดสอบสติปัญญาคนได้แน่นอน แต่ก็เป็นเรื่องยากที่จะสร้างผลงานที่ดีมีผู้สมัครเข้าร่วมไม่มากนักในปีนี้ ดังนั้น จึงทำได้เพียงผ่อนคลายข้อกำหนดต่าง ๆ ลงเท่านั้น“อืม!”หวังหยวนพยักหน้าอย่างเหม่อลอย!ไม่ว่าจะมีหัวข้อหรือไม่ก็ไม่สำคัญ เขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อแต่งบทกวีอยู่แล้ว!จุดประสงค์หลักของการมาร่วมงานประชุมกวีครั้งนี้ คือการหาคนรวยมาซื้อดาบราชวงศ์ถังแต่หากเขาขายของในงานประชุมกวี เขาจะต้องถูกไล่ลงจากเวที และถูกม
สีหน้าเคร่งขรึมและดูหมดความอดทนเช่นนี้ ทำให้ผู้ชมทุกคนเบิกตากว้างทันทีหูเมิ่งอิ๋งก้มหน้าลง หากเป็นเรื่องอื่น นางมั่นใจในตัวคุณชายมาก!แต่เมื่อต้องแต่งบทกวี ไม่มีความมั่นใจเลยจริง ๆ!การแต่งบทกวีเป็นความสามารถทางวรรณกรรม หากมีพรสวรรค์ด้านนี้ ก็คงมีชื่อเสียงไปนานแล้ว!แต่คุณชายไม่ได้โด่งดังเลยในเมืองฝู!ทุกอย่างเป็นไปตามแผน หยางว่านหลี่ก็ได้ใจ “เพื่อให้ยุติธรรม เรามาขอให้เจ้าเมืองถามคำถามดีกว่า แล้วทุกคนก็ร่วมกันแต่ง!”หวังหยวนโบกมือ “ตกลง!”เจ้าเมืองจางหานกล่าวว่า “ทุกคนคือบัณฑิตแห่งต้าเย่ หากก้าวไปข้างหน้าอีกหนึ่งก้าว จะกลายเป็นขุนนางในราชสำนัก แต่แม้กระทั่งตอนนี้ ก็สามารถรับใช้ราชสำนักได้ บัดนี้ศัตรูต่างแดนเพ่งเล็งราชสำนักก็อยู่ ทำให้ราชสำนักตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก เราถูกหักเงินเดือน ความภักดีต่อฮ่องเต้เริ่มสั่นคลอน หัวข้อการประชุมกวีนิพนธ์ในวันนี้ จะเป็นการคลายความกังวลของราชสำนัก!”ทุกคนขมวดคิ้ว!ตามที่เจ้าเมืองคาดไว้ ไม่ลืมที่จะประจบสอพลอราชสำนักในงานประชุมกวีบทกวีเช่นนี้แต่งยากที่สุด!หากเขียนยกย่องโจ่งแจ้งเกินไป จะถูกตำหนิว่าประจบประแจงได้ง่าย และสูญเสียจุดยืนทา
เมื่อเขามาถึงงานประชุมกวีนิพนธ์ติ้งหลงไถ น้องเขยที่เขาไม่ชอบก็อยู่ที่โต๊ะตัดสินแล้ว ส่วนเขารออยู่ด้านล่างเพื่อรับการตัดสิน ซึ่งทำให้เขาไม่อาจเงยหน้าขึ้นได้!ฟึ่บ!ใบหน้าของหยางว่านหลี่ซีดลง เขาอุตส่าห์ท่องมาหลายครั้ง และอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “แม้ว่าถ้อยคำของเขาจะดี แต่ก็เต็มไปด้วยความขุ่นเคืองและไม่พอใจ เขาจะคลายความกังวลของราชสำนักได้อย่างไร… อ๊ะ!”“แค้นชิงกู่ฝังใจ ยังไม่ชดใช้! เมื่อใด ล้างหนี้ใคร่รู้? ควบรถบดค่ายศัตรู ย่ำเขาปาตี่พินาศไป! กระหายหาญ ฉีกกินเนื้อคนเถื่อน ดื่มเลือดสรวลสันต์ รอก่อนถึงวันกอบกู้แผ่นดินผัน เข้าเฝ้าโห่ร้องฉลองชัย!”หวังหยวนพูดเสียงดัง ประวัติศาสตร์และภูมิศาสตร์ต่างเปลี่ยนไปไม่ใช่ว่าเขาต้องการเปลี่ยนคำพูดของงักฮุย แต่เนื่องจากเวลาและสถานที่แตกต่างกัน เขาจึงต้องเปลี่ยนคำสองสามคำให้เหมาะสมกับโอกาสจบเรียบร้อย!ทั่วบริเวณเงียบกริบ!ครู่ต่อมา ผู้แข่งขันแห่กันไปหาหวังหยวน ต่างสูญเสียความยับยั้งชั่งใจ ไม่มีใครรู้สึกว่าเป็นเรื่องน่าละอาย หากจะขอคำแนะนำจากถงเซิง ที่สำคัญกว่านั้น น้ำเสียงของพวกเขาเต็มไปด้วยความเกรงขามและยกย่อง!“ท่านหมิงถัน, แค้นชิงกู่ ท่านหมายถ
ฟึ่บ!หวังหยวนไม่รอช้า ดึงดาบราชวงศ์ถังออกมา แล้วมอบให้ต้าหู่เพื่อให้เขาแสดงอานุภาพทันทีต้าหู่ฟาดดาบลงสองครั้ง!เคร้ง!ดาบทหารหักออกเป็นสองท่อน และเกราะหนังหกสิบชั้นบนโต๊ะก็ขาดออกจากกัน!เฮือก!ทั่วบริเวณเงียบลงหวังหยวนคว้าดาบราชวงศ์ถังมา แล้วหมุนข้อมือเพื่อแสดงให้เห็นใบมีดที่ปราศจากความเสียหาย!ต้าหู่ถือมีดที่หักในมือข้างหนึ่ง และเกราะที่หักในมืออีกข้าง ยกขึ้นแสดงให้เห็นอยู่ด้านข้าง“มันสามารถทำลายเกราะได้หกสิบชั้น และตัดเหล็กได้เหมือนตัดดินเหนียว นี่มันทรงพลังยิ่งกว่าดาบอื่น ไม่ถือว่าเกินจริงที่จะเรียกมันว่าอาวุธศักดิ์สิทธิ์!”บัณฑิตส่วนใหญ่ในวงการนี้ไม่สนใจดาบ แต่ดวงตาของพวกเขาเบิกกว้างขึ้นในขณะนี้ผู้หญิงที่สวมชุดสีม่วงและเสวี่ยผานมองหน้ากันครู่หนึ่ง ราวกับว่าถูกดาบราชวงศ์ถังพรากวิญญาณไปแล้วหลี่ซานซือยิ่งสับสนมากขึ้น สงสัยว่าน้องเขยของเขาไปได้อาวุธวิเศษมาจากไหน!สายตาของไป๋เฟยเฟยกวาดมองดาบราชวงศ์ถัง ในที่สุดก็มองไปที่หวังหยวน และกลายเป็นสนใจมากถ้อยคำที่เขาเพิ่งพูดทำให้ตกตะลึง และตอนนี้เขาก็มีอาวุธวิเศษแล้ว!ชายคนนี้ไม่เคยหยุดทำให้ผู้คนประหลาดใจ!เดิมทีเขาวางแผนท
คนจากตระกูลที่ร่ำรวยก็แสดงความคิดเห็นเช่นกัน!อาวุธวิเศษเช่นนี้คุ้มค่ากับเงินที่เสียไป ไม่ว่าจะซื้อไปเป็นมรดกตกทอดของตระกูลหรือเป็นของกำนัลแม้แต่หยางว่านหลี่ที่เกลียดหวังหยวนจนกัดฟัน ก็ยังขยิบตาให้จู่เหริน แล้วจู่เหรินก็ยืนขึ้นแสดงความตั้งใจว่าจะซื้อมันด้วย!ทันใดนั้น มีคนมากกว่าสิบคนที่แสดงความตั้งใจจะซื้อดาบราชวงศ์ถัง!“ขอบคุณสำหรับความสนใจของทุกคน มีคนอยากได้หลายคน แต่มีอาวุธวิเศษน้อย ดังนั้นเฉพาะผู้ที่เสนอราคาสูงสุดเท่านั้นที่จะได้มันไป!”ปฏิกิริยานี้ทำให้หวังหยวนพอใจมาก แน่นอนว่าเขาเลือกสถานที่ขายดาบได้เหมาะสม!คนหนึ่งเป็นคนแรกที่พูด “หนึ่งพันตำลึงทอง!”ในตลาด ดาบธรรมดาไม่มีค่า แต่ดาบล้ำค่าสามารถขายได้ในราคาหลายร้อยหรือหลายพันตำลึง และอาวุธวิเศษย่อมมีมูลค่ามากกว่าอย่างน้อยสิบเท่า“หนึ่งพันห้าร้อยตำลึงทอง!”“สองพันตำลึงทอง!”“สองพันห้าร้อยตำลึงทอง!”...“ห้าพันตำลึงทอง!”ท่านหลวนชิงยื่นข้อเสนอ แล้วทั่วบริเวณก็เงียบลงห้าพันตำลึงทอง ห้าหมื่นตำลึงเงิน มีตระกูลที่ร่ำรวยมากมายที่สามารถจ่ายได้แต่มีไม่กี่คนที่กล้าแข่งขันกับท่านหลวนชิง จึงต้องยอมแพ้เพื่อรักษาหน้าเขาหลาย
“พวกเจ้าออกไปก่อน”เมื่อเห็นว่าคนเหล่านั้นหน้าดำคร่ำเครียด ซือหม่าอันจึงโบกมือให้พวกเขาออกไปในชั่วพริบตา คนเหล่านั้นก็จากไปด้วยความโล่งอกพวกเขาถึงกับกังวลว่าหานเทาจะสังหารพวกเขาเพราะความโกรธด้วยซ้ำ...“ท่านขุนพลหานไม่ต้องโมโห”“อันที่จริง เรื่องเหล่านี้ล้วนสมเหตุสมผล”“แม้ว่าจะไม่มีตำแหน่งอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้าแล้ว แต่ชื่อเสียงของพวกเราก็ไม่ค่อยดีนัก พวกเขาจะเดินทางมาได้อย่างไร?”“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็สร้างหอไร้เทียมทานขึ้นมาเอง ท่านคิดเห็นเช่นไร?”ซือหม่าอันหรี่ตาลง ตอนนี้เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ สายตาจับจ้องไปที่หานเทาหานเทากลืนน้ำลาย เอ่ยถามขึ้นว่า “ท่านมีความคิดดี ๆ แล้วหรือ?”ซือหม่าอันกล่าวว่า “หลายปีมานี้ ผู้คนต่างก็เกลียดชังอาณาจักรต้าเป่ย ถึงกับคิดว่าต้นตอของสงครามในดินแดนทั้งเก้าก็คืออาณาจักรต้าเป่ยของพวกเรา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อยากเข้าร่วมกับพวกเรา”“เช่นนั้นพวกเราก็นำยอดฝีมือจำนวนมากจากภายนอกเข้ามาเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับตนเองสิ!”“ตามที่ข้ารู้ หวังหยวนมีน้องชายคนหนึ่งชื่อว่าไฉจวิ้น ทั้งสองไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด ว่ากันว่าเป็นพี่น้องร่วมสาบาน”“ไฉ
“เมื่อคืนข้าไม่ได้บอกเจ้าแล้วหรือ ว่าอีกสองวันพวกเราจะกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง?”“ท่านถงและคนอื่น ๆ ล้วนอยู่ที่หมู่บ้านต้าหวัง พวกเราไม่ต้องเป็นกังวลกับเรื่องราวที่นั่น”“เมื่อพวกเรากลับไปแล้ว ก็เพียงแค่ใช้ชีวิตให้มีความสุข”หวังหยวนไม่ใช่คนไร้ซึ่งความทะเยอทะยาน เพียงแต่ว่าเขาไม่ได้มีความรักชาติอันยิ่งใหญ่และคำนึงถึงปวงประชาเป็นหลัก!เขาเพียงต้องการดูแลครอบครัวของตนเอง รวมถึงสหายและพี่น้องที่อยู่เคียงข้าง!หากสามารถช่วยเหลือปวงประชาได้ ย่อมเป็นเรื่องดี แต่หากต้องเสียสละสิ่งใดจริง ๆ เกรงว่าเขาคงจะไม่ทำเช่นนั้น...แม้แต่การประชุมที่หอหลิวหลีในตอนนั้น ก็เป็นเพียงเพราะหวังหยวนต้องการความสงบสุข“ไม่ได้ ไม่ได้!”“ข้าไม่อยากกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง!”“ข้าอยากจะติดตามท่านไปยังสถานที่ที่ผู้คนไม่พลุกพล่าน เมื่อข้าให้กำเนิดลูกแล้ว พวกเราค่อยกลับไปก็ได้ไม่ใช่หรือ?”หลิ่วหรูเยียนฉลาดยิ่งนักเมื่อกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง นางจะสามารถติดตามหวังหยวนได้ทุกวันได้อย่างไร?อย่าว่าแต่ต้องการจะมีลูกเป็นของตนเองเลย เกรงว่าแม้แต่พื้นที่ส่วนตัวของเขากับนางก็ยังแทบจะไม่มี!ในบ้านยังมีพี่สาวอีกหลายคน
หวังหยวนได้ตัดสินใจแล้ว เรื่องราวในเมืองอู่เจียงใกล้จะสิ้นสุด เขาเตรียมที่จะกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวังในอีกสองวันครั้งนี้เขาออกมานานกว่าครึ่งปี แม้ว่าพวกหลี่ซื่อหานจะไม่ได้เร่งรัดให้เขากลับบ้าน แต่ด้วยนิสัยของพวกนาง เกรงว่าคงจะอยากมาตามหาเขาแล้วกระมัง?มีปัญหาน้อยดีกว่ามีปัญหามาก รีบกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวังย่อมดีกว่าอีกอย่างคือเมื่อมีคนรักใหม่แล้วจะลืมคนรักเก่าได้อย่างไร!ฝนตกทั่วฟ้าถึงจะถูกต้อง!“ท่านผู้นำ มีเรื่องสำคัญที่ต้องรายงานท่านขอรับ!”“ข้าเพิ่งได้รับข่าว หานเทาและซือหม่าอันได้ก่อตั้งสถานที่ที่คล้ายกับหอไร้เทียมทาน ตอนนี้กำลังรวบรวมยอดฝีมือทั่วหล้า!”“นี่มันจงใจเป็นศัตรูกับพวกเราชัด ๆ”“ข้าจึงอยากจะถามว่า ต่อไปพวกเราต้องทำการตอบโต้หรือไม่ขอรับ?”หากเป็นเมื่อก่อน เกาเล่อย่อมต้องการความมั่นคง ไม่เคยทำเรื่องหุนหันพลันแล่นในสถานการณ์เช่นนี้ ย่อมไม่เลือกที่จะปะทะกับหานเทาโดยตรงแต่ยามนี้แตกต่างออกไป เมื่อก่อนหวังหยวนมีเพียงแคว้นเดียวเท่านั้น ตอนนี้แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น แต่เผ่าทางเหนือทั้งหมดก็อยู่ภายใต้การบัญชาของหวังหยวนแล้ว และท่านไท่สื่อก็เป็นคนของพวกเขาด้วย!ประกอบก
กองทัพทั่วหล้าตกอยู่ในมือของเขาแล้ว!หากเกิดสงครามกับหวังหยวน เขาก็ต้องเป็นแนวหน้า!ซือหม่าอันหรี่ตา จากนั้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “เรื่องที่ท่านขุนพลหานกังวล มีหรือที่ข้าจะไม่กังวล?”“ข้าได้กราบทูลเรื่องนี้กับฝ่าบาทแล้ว แต่ฝ่าบาทกลับไม่ได้ใส่ใจ ตอนนี้ท่านโปรดปรานการใช้ดินปืน ซ้ำยังให้คนไปคิดค้นอาวุธร้อนเพิ่มด้วย!”“เพียงแต่ว่าการจะพัฒนาอาวุธร้อนให้สมบูรณ์ ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ในชั่วข้ามคืน!”หานเทาถอนหายใจยาว มีหรือที่เขาจะไม่เข้าใจหลักการนี้?น่าเสียดายที่ไม่สามารถพูดคุยกับฝ่าบาทให้เข้าใจได้!“เช่นนั้นตามความคิดเห็นของท่านซือหม่า ต่อไปพวกเราต้องทำอย่างไร?”หานเทาเอ่ยถามเขาเป็นเพียงขุนศึก ในสถานการณ์เช่นนี้ ย่อมต้องการความช่วยเหลือจากซือหม่าอันเมื่อทั้งสองปรึกษาหารือกัน อาจจะสามารถหาผลลัพธ์ที่ดีได้!ซือหม่าอันหรี่ตาลง ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ใช้นิ้วเคาะโต๊ะเบา ๆ จากนั้นกล่าวว่า “หรือว่าพวกเราจะก่อตั้งสถานที่ที่คล้ายกับหอไร้เทียมทาน จากนั้นก็ป่าวประกาศเรื่องนี้ให้ทั่ว ให้ผู้คนทั่วหล้าเดินทางมา เช่นนี้แล้ว ต่อให้พวกเราไม่สามารถรวบรวมยอดฝีมือได้มากมาย อย่างน้อยก็ไม่ปล่อยให้
“เจ้านี่นะ! ถึงกับหึงหวงเพราะผู้ชายเลยหรือ? หากกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง เช่นนั้นข้าจะมีความสุขได้อย่างไร?”หวังหยวนส่ายหน้าอย่างจนใจ ที่บ้านเขายังมีภรรยาสาวสวยอีกหลายคน ท่าทางของหลิ่วหรูเยียนเช่นนี้ ช่างทำให้เขารู้สึกหวาดหวั่นที่สำคัญที่สุดก็คือ ภรรยาในบ้านแต่ละคนล้วนไม่ใช่คนธรรมดา!โดยเฉพาะหวงเจียวเจียว นิสัยของนางร้อนแรงยิ่งกว่าไฟ นอกจากหลี่ซื่อหานและคนอื่น ๆ แล้ว ก็เกรงว่าจะไม่ยอมรับใครอีกหากสตรีทั้งสองนี้มาพบกัน ใครจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแต่ในเมื่อรับพวกนางมาเป็นภรรยาแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต เขาก็ต้องรับผิดชอบทั้งหมดเวลาสามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในช่วงสามวันนี้ หวังหยวนอยู่ในหอไร้เทียมทานต้องยอมรับว่าการก่อตั้งหอไร้เทียมทานได้ดึงดูดผู้มีความสามารถมากมายมาให้หวังหยวนที่สำคัญที่สุดก็คือหวังหยวนเป็นเพียงผู้ดูแล เรื่องราวทั้งหมดมอบให้เกาเล่อจัดการ โดยเพียงแค่ใช้ชื่อเสียงของหวังหยวนเท่านั้น!ต้องรู้ว่าหวังหยวนมีชื่อเสียงไปทั่วทั้งดินแดนทั้งเก้า เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด แม้แต่ปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้าก็เคารพหวังหยวน แล้วใครเล่าจะไม่อยากมาอยู่ใต้บัญชาของหวังหยวน?ยิ่งไป
การประลองย่อมต้องดำเนินต่อไปเพียงแต่ว่าตำแหน่งอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้านั้นมีมากมาย หวังหยวนจึงไม่ได้อยู่ดูการแข่งขันต่อคาดว่าในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า หอไร้เทียมทานคงจะคึกคักเป็นอย่างมากในไม่ช้า หวังหยวน ไฉจวิ้น และหลิ่วหรูเยียนทั้งสามก็กลับมาถึงห้อง ส่วนเรื่องภายนอกมอบให้เกาเล่อจัดการทันทีที่เดินเข้าห้อง หวังหยวนจึงรีบจับมือไฉจวิ้นมาตรวจดูอย่างละเอียด“พี่ใหญ่ ท่านไม่ต้องเป็นห่วงหรอกขอรับ ข้าสบายดี!”“ต่อให้ต้องประลองต่อ ข้าก็ยังไหว!”“เพียงแต่ข้าคิดไม่ถึงว่าเจ้านั่นจะยอมแพ้...”“เช่นนี้ก็ดี ทำให้ข้าไม่ต้องเปลืองแรง!”“อีกอย่าง หากต้องประลองกันต่อ เกรงว่าแม้แต่ข้าก็ไม่รู้ว่าจะสำเร็จหรือไม่...”นี่เป็นความจริงทุกคนรู้ว่าไฉจวิ้นมีพละกำลังมหาศาล ตัวเขาเองก็รู้ดีแก่ใจ แต่ขีดจำกัดของตนอยู่ที่ใด เกรงว่าแม้แต่เขาเองก็คงจะไม่รู้“เห็นว่าเจ้าไม่เป็นอะไร ข้าก็โล่งใจ”“แต่ต่อไปเมื่อทำสิ่งใด ต้องใช้ความคิดให้มาก”“แม้ว่าเจ้าจะมีพละกำลังมหาศาล แต่เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน เจ้าไม่มีทางรู้ได้ว่าคู่ต่อสู้ของเจ้าแข็งแกร่งเพียงใด”“ดังนั้นเมื่อทำสิ่งใด อย่าได้อวดดี เข้าใจหรือไม่?”
“ช่างมีพละกำลังมหาศาลจริง ๆ!”ขณะที่หวังหยวนกับพวกกำลังสนทนากัน สายตาของพวกเขาก็จับจ้องไปที่ดาร์เนล ซึ่งในตอนนี้ได้ยกติ่งหนักถึงเจ็ดร้อยชั่งขึ้นเหนือศีรษะบนเวทีเหลือเพียงไฉจวิ้นและดาร์เนลเมื่อดาร์เนลยกติ่งขึ้นได้ สายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปที่ไฉจวิ้น ตอนนี้เขาคือความหวังของปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้า ตำแหน่งจอมพลังอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้าจะไปตกอยู่ในมือของชาวต่างชาติได้อย่างไร?เช่นนี้แล้ว ภายภาคหน้าปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้าจะเชิดหน้าชูตาได้อย่างไร?ทางด้านสายตาของหวังหยวนนั้นจับจ้องไปที่ดาร์เนล ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่“ดูท่าแล้วไฉจวิ้นยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ดาร์เนลมีความสามารถจริง ๆ ข้าเห็นว่าตอนที่เขายกติ่งขึ้นเมื่อครู่ไม่ได้มีความลังเลแม้แต่น้อย ช่างมีพละกำลังมหาศาลนัก หากบอกว่าคนผู้นี้คือจอมพลังอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้า นั่นไม่ถือว่าเป็นการดูหมิ่นชื่อเสียงอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้า”หลิ่วหรูเยียนที่อยู่ด้านข้างเอ่ยอย่างช้า ๆการกระทำทั้งหมดของดาร์เนลล้วนอยู่ในสายตาของพวกเขา นี่คือผู้ที่มีความสามารถอย่างแท้จริงหากเปลี่ยนเป็นคนอื่น เกรงว่าจะไม่มีใครทำได้อย่างเข้าไม่ใช่หรือ?
แต่ทั้งหมดนี้นั้น นับว่าเป็นความดีความชอบของปู่ของไฉจวิ้นด้วย หากไม่ใช่เพราะมีปู่ช่วยเหลืออยู่ข้าง ๆ และใช้ชีวิตอยู่ในป่ามาหลายปี แล้วเขาจะมีพละกำลังแข็งแกร่งเพียงนี้ได้อย่างไร?เมื่อไฉจวิ้นยกติ่งใหญ่ขึ้น ผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ ก็ทยอยแสดงความสามารถของตนน่าเสียดาย ในท้ายที่สุดผู้ที่สามารถยกติ่งใหญ่ขึ้นได้ นอกจากไฉจวิ้นแล้วมีเพียงชาวต่างชาติที่มาจากต่างแดนเท่านั้นเสียงปรบมือดังกึกก้องจากข้างล่างเวที “คนผู้นี้มีความสามารถยิ่งนัก”หวังหยวนกอดอกมองชาวต่างชาติผู้นั้น พลางกวักมือเรียกเกาเล่อในชั่วพริบตา เกาเล่อก็มาอยู่ข้างกายหวังหยวน แต่สีหน้ากลับดูตึงเครียด“คนผู้นั้นคือชาวต่างชาติที่เจ้าเพิ่งพูดถึงหรือ?”หวังหยวนชี้ไปที่อีกคนบนเวที แล้วเอ่ยถามเกาเล่อพยักหน้า จากนั้นก็ขมวดคิ้วเอ่ยว่า “คนผู้นี้มีที่มาไม่ธรรมดา ก่อนหน้านี้ข้าได้บอกข้อมูลของเขาให้ท่านทราบแล้ว คนผู้นี้มีชื่อว่าดาร์เนล ว่ากันว่ามีพละกำลังมหาศาลตั้งแต่เด็ก และเคยต่อยเสือร้ายตายด้วยหมัดเดียว!”“เดิมทีคิดว่าทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องเล่า ตอนนี้ดูเหมือนว่าอาจจะไม่ใช่เรื่องโกหก...”สามารถยกติ่งใหญ่หนักห้าร้อยชั่งได้ นั่นก็
เขามีความมั่นใจในตัวน้องชายคนนี้ก่อนหน้านี้ หวังหยวนเคยเห็นความสามารถของไฉจวิ้นมาก่อน อย่าว่าแต่จะหาผู้ที่เทียบเทียมเขาในบรรดาคนรุ่นเดียวกันได้ยากเลย แม้แต่คนที่อายุมากกว่าเขาก็ยังไม่มีใครมีพละกำลังเท่าเขา!ยิ่งไปกว่านั้น หวังหยวนเองก็ยังไม่รู้ขีดจำกัดของไฉจวิ้น!ดูท่าแล้ววันนี้คงมีเรื่องสนุกให้ชมกันเกาเล่อกลับเอ่ยว่า “ข้าเห็นว่าไม่เป็นเช่นนั้น คนที่อยู่ข้างกายไฉจวิ้นล้วนไม่ใช่คนธรรมดา! หนึ่งในนั้นมาจากต่างแดน คนผู้นี้มีชื่อเสียงมานาน ว่ากันว่าสามารถยกหินใหญ่หนักสองร้อยจินได้ด้วยมือเดียว!”“หากใช้สองมือ คาดว่าของหนักห้าร้อยจินก็คงไม่คณนามือขอรับ!”นี่...หวังหยวนกลืนน้ำลาย คนเหล่านี้กินหินเป็นอาหารกันหรืออย่างไร?ฝึกฝนร่างกายจนแข็งแกร่งถึงเพียงนี้เลยหรือ?อย่าว่าแต่ยกของหนักห้าร้อยจินเลย แม้แต่สองร้อยห้าสิบจิน เขาก็ยังยกไม่ขึ้น!“รอดูไปก่อน ข้าก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าศักยภาพของไฉจวิ้นมีขีดจำกัดอยู่ที่ใด”“เจ้าจำไว้ว่าต้องไปเตือนเขาด้วยว่าอย่าได้มุทะลุดุดัน!”“เขายังเด็กนัก ภายภาคหน้ายังมีโอกาสอีกมากที่จะพิสูจน์ตนเอง หากได้รับบาดเจ็บเพราะเรื่องนี้แล้วนั้น ย่อมไม่คุ้มค่า”ห