หยางซั่วตะโกน “จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก?”การลอบสังหารล้มเหลว จ้าวหู้กบฏ จะมีเรื่องอะไรใหญ่กว่านี้อีก!คนรับใช้กระซิบว่า “มีประกาศใหญ่ทั่วเมือง ว่าเราซื้อใบอนุญาตค้าเกลือห้าอีแปะ ดอกเกลือห้าอีแปะ เกลือราคาสี่อีแปะ รวมเป็นสิบสี่อีแปะ แล้วนำมาขายให้กับประชาชนในราคาสามสิบห้าอีแปะ ทำให้เราได้กำไรยี่สิบเอ็ดอีแปะต่อจิน!”“คนที่เขียนประกาศนี้ ต้องเป็นเด็กสกุลหวังที่สร้างปัญหาอยู่เบื้องหลังแน่ขอรับ!”หยางซั่วกัดฟัน “แม้ว่าตระกูลหยางจะได้ยี่สิบเอ็ดอีแปะต่อจิน แล้วเขาจะทำอะไรได้ เขาคิดว่าการจุดเชื้อไฟเช่นนี้ จะสามารถสั่นคลอนตำแหน่งของตระกูลหยางได้หรือ!”นอกจากการซื้อดอกเกลือ เกลือ และใบอนุญาตค้าเกลือแล้ว ตระกูลหยางยังต้องจัดการเรื่องผู้จัดจำหน่าย ที่จะแบ่งกำไรอีกส่วนหนึ่งด้วย พวกเขาไม่อาจหากำไรยี่สิบเอ็ดอีแปะต่อจินได้ ได้เพียงสิบอีแปะเท่านั้นแต่แม้ว่าตระกูลหยางจะได้รับยี่สิบเอ็ดอีแปะต่อจิน แล้วเจ้าเด็กสกุลหวังจะทำอะไรได้!คนรับใช้กล่าวด้วยความกังวล “ในประกาศยังบอกด้วยว่าเมืองจิ่วซานขายเกลือได้สามสิบล้านจินต่อปี หากมีรายได้ยี่สิบเอ็ดอีแปะต่อจิน แสดงว่าตระกูลหยางทำรายได้ประมาณหกแสนสามหมื่นต
มีขอทานมากมายในเมือง!เมื่อได้ยินว่าคนตระกูลหยางสามารถชำระหนี้ของบรรพบุรุษได้ด้วยเงินเพียงสิบตำลึง ใครจะไม่อยากมาลอง!ตอนนี้เขาเสียใจแล้ว เขาไม่ควรทำให้เด็กที่สกุลหวังลำบาก เพื่อเห็นแก่ตระกูลหลิว“นายน้อยสาม!”คนรับใช้ตะโกนด้วยความกังวล “มาเร็วเข้า นายน้อยสามโกรธมากจนกระอักเลือด รีบตามหมอมาเร็วเข้า!”ก่อนที่คนในคฤหาสน์สกุลหยางจะทันได้ออกไป ก็มีขอทานกลุ่มหนึ่งมาขวางประตูไว้“คนในตระกูลของข้ามียี่สิบคน เป็นเวลาหนึ่งร้อยปีก็สองร้อยตำลึง ข้าไม่ต้องการหนึ่งร้อยตำลึงจากตระกูลหยาง จะลดให้แปดสิบตำลึงจากหนึ่งร้อย แค่จ่ายมายี่สิบตำลึงก็พอ!”“คนในตระกูลของข้ามีสามสิบคน... ขอแค่สามสิบตำลึง!”“ตระกูลหยางให้ข้าสิบตำลึง แล้วข้าจะออกไป ไม่เช่นนั้นเราจะเฝ้าอยู่ตรงนี้ ไม่จากไปไหน!”...“เจ้าสารเลว!”ณ จวนวัง วังไห่เทียนถือใบประกาศขนาดใหญ่ แล้วชี้ไปที่หน้าผากของหลานชายก่อนพูดว่า “ข้าบอกให้เจ้าไปช่วยพี่ชายหมิงถันที่นั่น แต่ข้าไม่ได้บอกให้เจ้าช่วยเขาหาปรมาจารย์แกะสลัก ใบประกาศขนาดใหญ่ติดไปทั่วเมืองแล้ว นี่คือสิ่งที่จะทำให้ตระกูลหยางล่มจม หากตระกูลหยางรู้เข้า พวกเขาจะปล่อยเจ้าไปหรือไม่!”“ข้าไม่
ประกาศแบ่งออกเป็นสามส่วน!“พ่อค้าเอาเปรียบ นักปราชญ์จัดประเภท 'บัณฑิตชนชั้นนำ กสิกร กรรมกร และพ่อค้าวาณิชย์' และพ่อค้าก็จัดอยู่ในกลุ่มที่ต่ำที่สุด ทั้งหมดเป็นเพราะพ่อค้าไม่ยุติธรรม และละโมบโลภมาก เห็นแก่ผลกำไร เฟ่ยชางเป็นดินแดนที่ผลิตเกลือ อยู่ห่างจากเมืองจิ่วซานไปสามสิบลี้ แต่ผู้คนในเมืองซื้อเกลือสามสิบห้าอีแปะต่อหนึ่งจิน จ้าวหู้ขายสี่อีแปะ ใบอนุญาตค้าเกลือของราชสำนักมีราคาห้าอีแปะ ใบเสนอราคาค้าเกลือของฝ่ายราชการมีราคาห้าอีแปะ และที่เหลืออีกยี่สิบเอ็ดอีแปะตกเป็นของตระกูลหยาง…”“เฟ่ยชางผลิตเกลือได้สามสิบล้านจินต่อปี ด้วยราคายี่สิบเอ็ดอีแปะต่อจิน ตระกูลหยางสามารถหารายได้ได้หกแสนสามหมื่นตำลึงต่อปี ตระกูลหยางควบคุมธุรกิจค้าเกลือมาเป็นเวลาร้อยปี คิดเป็นเงินหกสิบสามล้านตำลึง... หากราชสำนักหรือฝ่ายราชการประสบปัญหาทางการเงิน ก็ควรยึดทรัพย์สมบัติที่คนไร้ความปรานี ปล้นมาจากประชาชนไปใช้เพื่อประชาชน!”“ตระกูลหยางทำธุรกิจนี้มาหลายชั่วอายุคน แต่ละตระกูลต้องได้รับเงินอย่างน้อยหนึ่งร้อยตำลึง คนที่รวยและใจกว้างจึงไม่จำเป็นต้องสนใจ ส่วนคนยากจนก็สามารถไปขอได้... หนึ่งคนไม่เท่าสิบคน สิบคนไม่เท่าร้อยคน
ถนนอู่เป้ยทางใต้ในเมืองซี มีบ้านหลังใหญ่ที่มีทางเข้าสามทาง ครอบคลุมพื้นที่ประมาณสามไร่!ในบ้านหลังที่สาม มีทหารสองคนยืนถืออาวุธอยู่หน้าประตู ยืนตัวตรงราวกับหอก ดวงตาคมกริบดุจนกอินทรีติงสือซานถือสัมภาระมาถึงประตูบ้านหลังที่สาม เขามองทหารทั้งสอง แล้วพูดว่า “เหล่าสือซื่อ เหล่าสือชี ช่วยไปแจ้งทีว่าข้ามีเรื่องจะขอเข้าพบแม่ทัพหนุ่ม!”เหล่าสือซื่อพูดอย่างเย็นชา “เหล่าสือซาน เจ้าไปเถอะ แม่ทัพหนุ่มจะไม่ยอมเจอเจ้าหรอก! ผู้อารักขาผู้มีเกียรติของมู่ซ่วย กลายเป็นคนชั้นต่ำเยี่ยงอันธพาลไปแล้ว เจ้าทำให้เสียมู่ซ่วยและผู้คนของกองทัพเกราะดำไป”ดวงตาของติงสือซานมืดมนขึ้น “ข้ารู้ ข้าทำให้มู่ซ่วยและกองทัพเกราะดำต้องอับอาย จึงไม่สมควรที่จะไปพบแม่ทัพหนุ่ม แต่ช่วยบอกแม่ทัพหนุ่มด้วยว่าข้าได้พบกับลูกชายของพี่ใหญ่หานซานแล้ว และพวกเขาทุกคนก็ฝึกวรยุทธ์อยู่ในเมืองจิ่วซานด้วย!”“พี่ใหญ่หานซาน!”ดวงตาของพวกเขาเป็นประกาย แต่เหล่าสือซื่อส่ายหัว “ข้าจะบอกแม่ทัพหนุ่มเอง เจ้าไปเถอะ!”เหล่าสือซื่อหยิบสัมภาระหนักอึ้งขึ้นมา แล้วโยนกลับไป “เงินของเจ้าไม่สะอาด นายพลหนุ่มไม่มีทางรับไว้”ฟึ่บ!สัมภาระหล่นลงพื้นและกระจาย
...กลับไปที่คฤหาสน์สกุลหยาง ใบหน้าของหยางว่านหลี่ซีดเผือด เขาพูดอย่างเคร่งเครียด “จงชักดาบออกมาเปิดทาง เจ็บได้แต่อย่าถึงตาย!”ที่หน้าประตูคฤหาสน์สกุลหยางมีทั้งขอทาน คนจรจัด และอันธพาลจำนวนมาก ยืนตะโกนร้องขอให้ตระกูลหยางคืนเงิน บางคนขอมากถึงหนึ่งร้อยตำลึง ส่วนใหญ่ขอสิบตำลึงฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ...คนแปดคนหยิบดาบออกจากฝัก เดินตรงไปยังฝูงชน แล้วใช้ดาบฟันพวกเขา!“อ๊าก ตระกูลหยางจะฆ่าคน!”“วิ่งเร็วเข้า!”“คนตระกูลหยางบ้าไปแล้ว ไม่ให้เงินแล้วยังฆ่าคนอีก!”มีเสียงคนกรีดร้อง แล้วฝูงชนก็แยกย้ายกันไปทันที!พวกเขาเป็นผู้ลี้ภัย ขอทาน และคนยากจน มีไม่กี่คนที่กล้าหาญ!ทันทีที่เห็นคนวิ่งหนีไป ความกล้าหาญที่เกิดจากการรวมกลุ่มก็หายไป!ชั่วพริบตา ผู้คนหลายร้อยคนที่มาขวางประตูคฤหาสน์สกุลหยางก็สลายตัวไปหมด!“พวกหัวมังกุท้ายมังกร!”หยางว่านหลี่ตะคอกอย่างเหยียดหยาม แล้วรถม้าก็ขับเข้าไปในคฤหาสน์สกุลหยาง!“นายน้อยเล็กกลับมาแล้ว!”คนเฝ้าประตูตะโกน คนรับใช้และสาวใช้จำนวนมากก็ออกมาต้อนรับเขา!หยางว่านหลี่พูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย “มันเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร ปล่อยให้คนมากมายมาขวางประตูอยู่ ท่านอาสามอยู่ที่ไห
มีรถม้าคันหนึ่งที่ไม่ค่อยงดงามนักแล่นมา ต้าหู่ขับรถม้า ส่วนเอ้อร์หู่กับกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งขี่ม้าอยู่ข้าง ๆหวังหยวนหลับตางีบหลับอยู่ในรถม้า ขณะที่หูเมิ่งอิ๋งที่แต่งตัวเป็นหนุ่มน้อยสุดหล่อกำลังแอบมองเขาเหตุใดคุณชายถึงฉลาดปราดเปรื่องถึงเพียงนี้!ขุดรากถอนโคนของตระกูลหยางขึ้นมาได้ด้วยตัวเขาเองจริง ๆไปเยี่ยมหมู่บ้านทั้งสิบแปดแห่งทั้งวันทั้งคืน และชักชวนชาวบ้านหลายครัวเรือน และหัวหน้าบ่อเกลือหลายคนให้รวมตัวกันประท้วง หากตระกูลหยางจะไม่ย่อมจ่ายเงินแปดอีแปะ ก็จะไม่ยอมขายเกลือให้สักเม็ดและผลตอบรับจากใบประกาศทั่วเมือง ก็ทำให้นางยิ่งตกตะลึงมากยิ่งขึ้น สามารถโจมตีศัตรูเช่นนี้ได้ด้วย!ในขณะนี้ นางกลายเป็นเหมือนต้าหู่ เอ้อร์หู่ และชาวบ้านหมู่บ้านต้าหวังคนอื่น ๆ แล้ว เพราะเชื่อว่าไม่มีสิ่งใดที่คุณชายทำไม่ได้!เพราะเขาได้ทำสิ่งที่น่าทึ่งมากมาย!รถม้าหยุดลง หูเมิ่งอิ๋งสะกิดหวังหยวน “คุณชาย มาถึงแล้ว!”“ไปกันเถอะ!”หวังหยวนยืดตัวหลังออกจากรถม้า กวาดสายตาสังเกตรอบตัวทันที!มีแม่น้ำใสสายใหญ่ และเวทีขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นข้างแม่น้ำ มีทหารคอยเฝ้าอารักขาอยู่ทั่ว!รอบเวที มีรถม้าหลายร้อยคันจอดอยู่
เมื่อทั้งสองขึ้นไปที่ติ้งหลงไถ ก็เห็นศาลาแปดเหลี่ยมขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง โดยมีภาชนะสำริดมีขาตั้งอยู่ตรงกลาง ที่สลักลวดลายแสดงถึงความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของบรรพบุรุษมีบันไดกว้างอยู่ใต้ภาชนะสำริดนั้นชุดน้ำชา โต๊ะน้ำชา และฟูกมีสีเหลืองสดใส เป็นของราชวงศ์โดยเฉพาะเครื่องใช้ระดับกลางก็มีรูปแบบคล้ายกัน แต่เนื้อสัมผัสด้อยกว่าเล็กน้อย มีไว้สำหรับผู้ตัดสินบทกวี!ชุดน้ำชาชั้นล่างเป็นสีขาวล้วน มีให้เฉพาะจิ้นซื่อเท่านั้นส่วนจู่เหริน มีเพียงฟูกอันเดียวเท่านั้น!นี่คือลำดับชั้นของระบบศักดินา ที่ขยายไปสู่ทุกช่องว่างในชีวิต!หวังหยวนพบที่นั่งของตัวเองทันที แม้ว่าจะอยู่ในแถวที่สองแต่ก็อยู่ตรงหัวมุมไม่มีใครอยู่บนเวที หวังหยวนจึงรีบขึ้นเวทีอย่างรวดเร็ว แล้วพาหูเมิ่งอิ๋งไปยังที่นั่งที่จัดไว้ แล้วมองไปในระยะไกล!คนอื่น ๆ สนใจบทกวี แต่เขาไม่มีความสนใจเลยจริง ๆ ไม่รู้แม้แต่วิธีแต่งบทกวีด้วยซ้ำครั้งนี้ไม่ต่างอะไรกับการไล่เป็ดขึ้นคอนเลย!“นั่นคือหวังหยวน ผู้ตัดสินคนใหม่ในครั้งนี้ ข้าได้ยินมาว่าเขายังเป็นถงเซินอยู่เลย!”“ถงเซินคนนี้จะมีเก่งกาจมากเพียงใด ถึงสามารถมาตัดสินคนอย่างพวกเราได้!”“นี่คือกา
มีตราประทับของเจ้าเมืองเมืองจิ่วซาน ซึ่งเป็นข้าราชการระดับสี่หลายคนต่างไปแสดงความเคารพ จางหานยกยิ้มและพยักหน้า ไม่ได้มีท่าทางเย่อหยิ่งหยางว่านหลี่ขมวดคิ้ว จางหานให้เงินห้าพันตำลึงแก่ชมรมกวีนิพนธ์ เพื่อช่วยสนับสนุนกุบ กุบ กุบ...ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงกีบม้าดังขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้วทหารม้ากลุ่มหนึ่งก็ควบม้าเข้ามา!ที่นำหน้ามามีชายหนุ่มคนหนึ่งในชุดหรูหรา ด้านหลังล้วนมีแต่ทหารม้าหุ้มเกราะ!“ผู้บัญชาการเสวี่ยมาถึงแล้ว!”ก่อนที่ทหารม้าจะก้าวออกมา ผู้ประกาศก็ตะโกนบอกทุกคนในกลุ่มผู้ชมครู่ต่อมา จางหานและเหยียนฟู่กู่ก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้วทั้งสองก็ลงจากเวทีไปทักทายเขา!ตามมาด้วยการเคลื่อนไหวอีกมากมาย!แม้แต่หยางว่านหลี่ที่เย่อหยิ่งเมื่อครู่นี้ก็ยังลงไปชั้นล่างด้วยสีหน้าหวาดเกรง!บนเวที นอกเหนือจากทหารที่ยืนเฝ้า เหลือเพียงไป๋เฟยเฟยและหวังหยวนเท่านั้น!ในขณะนี้ พวกเขาทั้งห้าต่างมองมา ขณะที่อีกฝ่ายก็มองกลับไปเช่นกัน และต่างก็ประหลาดใจที่อีกฝ่ายไม่สะทกสะท้านไป๋เฟยเฟยเดินไปหาขณะโบกพัด แล้วหรี่ตาลง “เจ้าก็เป็นบัณฑิตเหมือนกัน เจ้าควรรู้ว่าผู้บัญชาการนั้นยิ่งใหญ่เพียงใด เหตุใดเจ้าไม่
“พวกเจ้าออกไปก่อน”เมื่อเห็นว่าคนเหล่านั้นหน้าดำคร่ำเครียด ซือหม่าอันจึงโบกมือให้พวกเขาออกไปในชั่วพริบตา คนเหล่านั้นก็จากไปด้วยความโล่งอกพวกเขาถึงกับกังวลว่าหานเทาจะสังหารพวกเขาเพราะความโกรธด้วยซ้ำ...“ท่านขุนพลหานไม่ต้องโมโห”“อันที่จริง เรื่องเหล่านี้ล้วนสมเหตุสมผล”“แม้ว่าจะไม่มีตำแหน่งอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้าแล้ว แต่ชื่อเสียงของพวกเราก็ไม่ค่อยดีนัก พวกเขาจะเดินทางมาได้อย่างไร?”“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็สร้างหอไร้เทียมทานขึ้นมาเอง ท่านคิดเห็นเช่นไร?”ซือหม่าอันหรี่ตาลง ตอนนี้เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ สายตาจับจ้องไปที่หานเทาหานเทากลืนน้ำลาย เอ่ยถามขึ้นว่า “ท่านมีความคิดดี ๆ แล้วหรือ?”ซือหม่าอันกล่าวว่า “หลายปีมานี้ ผู้คนต่างก็เกลียดชังอาณาจักรต้าเป่ย ถึงกับคิดว่าต้นตอของสงครามในดินแดนทั้งเก้าก็คืออาณาจักรต้าเป่ยของพวกเรา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อยากเข้าร่วมกับพวกเรา”“เช่นนั้นพวกเราก็นำยอดฝีมือจำนวนมากจากภายนอกเข้ามาเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับตนเองสิ!”“ตามที่ข้ารู้ หวังหยวนมีน้องชายคนหนึ่งชื่อว่าไฉจวิ้น ทั้งสองไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด ว่ากันว่าเป็นพี่น้องร่วมสาบาน”“ไฉ
“เมื่อคืนข้าไม่ได้บอกเจ้าแล้วหรือ ว่าอีกสองวันพวกเราจะกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง?”“ท่านถงและคนอื่น ๆ ล้วนอยู่ที่หมู่บ้านต้าหวัง พวกเราไม่ต้องเป็นกังวลกับเรื่องราวที่นั่น”“เมื่อพวกเรากลับไปแล้ว ก็เพียงแค่ใช้ชีวิตให้มีความสุข”หวังหยวนไม่ใช่คนไร้ซึ่งความทะเยอทะยาน เพียงแต่ว่าเขาไม่ได้มีความรักชาติอันยิ่งใหญ่และคำนึงถึงปวงประชาเป็นหลัก!เขาเพียงต้องการดูแลครอบครัวของตนเอง รวมถึงสหายและพี่น้องที่อยู่เคียงข้าง!หากสามารถช่วยเหลือปวงประชาได้ ย่อมเป็นเรื่องดี แต่หากต้องเสียสละสิ่งใดจริง ๆ เกรงว่าเขาคงจะไม่ทำเช่นนั้น...แม้แต่การประชุมที่หอหลิวหลีในตอนนั้น ก็เป็นเพียงเพราะหวังหยวนต้องการความสงบสุข“ไม่ได้ ไม่ได้!”“ข้าไม่อยากกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง!”“ข้าอยากจะติดตามท่านไปยังสถานที่ที่ผู้คนไม่พลุกพล่าน เมื่อข้าให้กำเนิดลูกแล้ว พวกเราค่อยกลับไปก็ได้ไม่ใช่หรือ?”หลิ่วหรูเยียนฉลาดยิ่งนักเมื่อกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง นางจะสามารถติดตามหวังหยวนได้ทุกวันได้อย่างไร?อย่าว่าแต่ต้องการจะมีลูกเป็นของตนเองเลย เกรงว่าแม้แต่พื้นที่ส่วนตัวของเขากับนางก็ยังแทบจะไม่มี!ในบ้านยังมีพี่สาวอีกหลายคน
หวังหยวนได้ตัดสินใจแล้ว เรื่องราวในเมืองอู่เจียงใกล้จะสิ้นสุด เขาเตรียมที่จะกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวังในอีกสองวันครั้งนี้เขาออกมานานกว่าครึ่งปี แม้ว่าพวกหลี่ซื่อหานจะไม่ได้เร่งรัดให้เขากลับบ้าน แต่ด้วยนิสัยของพวกนาง เกรงว่าคงจะอยากมาตามหาเขาแล้วกระมัง?มีปัญหาน้อยดีกว่ามีปัญหามาก รีบกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวังย่อมดีกว่าอีกอย่างคือเมื่อมีคนรักใหม่แล้วจะลืมคนรักเก่าได้อย่างไร!ฝนตกทั่วฟ้าถึงจะถูกต้อง!“ท่านผู้นำ มีเรื่องสำคัญที่ต้องรายงานท่านขอรับ!”“ข้าเพิ่งได้รับข่าว หานเทาและซือหม่าอันได้ก่อตั้งสถานที่ที่คล้ายกับหอไร้เทียมทาน ตอนนี้กำลังรวบรวมยอดฝีมือทั่วหล้า!”“นี่มันจงใจเป็นศัตรูกับพวกเราชัด ๆ”“ข้าจึงอยากจะถามว่า ต่อไปพวกเราต้องทำการตอบโต้หรือไม่ขอรับ?”หากเป็นเมื่อก่อน เกาเล่อย่อมต้องการความมั่นคง ไม่เคยทำเรื่องหุนหันพลันแล่นในสถานการณ์เช่นนี้ ย่อมไม่เลือกที่จะปะทะกับหานเทาโดยตรงแต่ยามนี้แตกต่างออกไป เมื่อก่อนหวังหยวนมีเพียงแคว้นเดียวเท่านั้น ตอนนี้แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น แต่เผ่าทางเหนือทั้งหมดก็อยู่ภายใต้การบัญชาของหวังหยวนแล้ว และท่านไท่สื่อก็เป็นคนของพวกเขาด้วย!ประกอบก
กองทัพทั่วหล้าตกอยู่ในมือของเขาแล้ว!หากเกิดสงครามกับหวังหยวน เขาก็ต้องเป็นแนวหน้า!ซือหม่าอันหรี่ตา จากนั้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “เรื่องที่ท่านขุนพลหานกังวล มีหรือที่ข้าจะไม่กังวล?”“ข้าได้กราบทูลเรื่องนี้กับฝ่าบาทแล้ว แต่ฝ่าบาทกลับไม่ได้ใส่ใจ ตอนนี้ท่านโปรดปรานการใช้ดินปืน ซ้ำยังให้คนไปคิดค้นอาวุธร้อนเพิ่มด้วย!”“เพียงแต่ว่าการจะพัฒนาอาวุธร้อนให้สมบูรณ์ ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ในชั่วข้ามคืน!”หานเทาถอนหายใจยาว มีหรือที่เขาจะไม่เข้าใจหลักการนี้?น่าเสียดายที่ไม่สามารถพูดคุยกับฝ่าบาทให้เข้าใจได้!“เช่นนั้นตามความคิดเห็นของท่านซือหม่า ต่อไปพวกเราต้องทำอย่างไร?”หานเทาเอ่ยถามเขาเป็นเพียงขุนศึก ในสถานการณ์เช่นนี้ ย่อมต้องการความช่วยเหลือจากซือหม่าอันเมื่อทั้งสองปรึกษาหารือกัน อาจจะสามารถหาผลลัพธ์ที่ดีได้!ซือหม่าอันหรี่ตาลง ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ใช้นิ้วเคาะโต๊ะเบา ๆ จากนั้นกล่าวว่า “หรือว่าพวกเราจะก่อตั้งสถานที่ที่คล้ายกับหอไร้เทียมทาน จากนั้นก็ป่าวประกาศเรื่องนี้ให้ทั่ว ให้ผู้คนทั่วหล้าเดินทางมา เช่นนี้แล้ว ต่อให้พวกเราไม่สามารถรวบรวมยอดฝีมือได้มากมาย อย่างน้อยก็ไม่ปล่อยให้
“เจ้านี่นะ! ถึงกับหึงหวงเพราะผู้ชายเลยหรือ? หากกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง เช่นนั้นข้าจะมีความสุขได้อย่างไร?”หวังหยวนส่ายหน้าอย่างจนใจ ที่บ้านเขายังมีภรรยาสาวสวยอีกหลายคน ท่าทางของหลิ่วหรูเยียนเช่นนี้ ช่างทำให้เขารู้สึกหวาดหวั่นที่สำคัญที่สุดก็คือ ภรรยาในบ้านแต่ละคนล้วนไม่ใช่คนธรรมดา!โดยเฉพาะหวงเจียวเจียว นิสัยของนางร้อนแรงยิ่งกว่าไฟ นอกจากหลี่ซื่อหานและคนอื่น ๆ แล้ว ก็เกรงว่าจะไม่ยอมรับใครอีกหากสตรีทั้งสองนี้มาพบกัน ใครจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแต่ในเมื่อรับพวกนางมาเป็นภรรยาแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต เขาก็ต้องรับผิดชอบทั้งหมดเวลาสามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในช่วงสามวันนี้ หวังหยวนอยู่ในหอไร้เทียมทานต้องยอมรับว่าการก่อตั้งหอไร้เทียมทานได้ดึงดูดผู้มีความสามารถมากมายมาให้หวังหยวนที่สำคัญที่สุดก็คือหวังหยวนเป็นเพียงผู้ดูแล เรื่องราวทั้งหมดมอบให้เกาเล่อจัดการ โดยเพียงแค่ใช้ชื่อเสียงของหวังหยวนเท่านั้น!ต้องรู้ว่าหวังหยวนมีชื่อเสียงไปทั่วทั้งดินแดนทั้งเก้า เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด แม้แต่ปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้าก็เคารพหวังหยวน แล้วใครเล่าจะไม่อยากมาอยู่ใต้บัญชาของหวังหยวน?ยิ่งไป
การประลองย่อมต้องดำเนินต่อไปเพียงแต่ว่าตำแหน่งอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้านั้นมีมากมาย หวังหยวนจึงไม่ได้อยู่ดูการแข่งขันต่อคาดว่าในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า หอไร้เทียมทานคงจะคึกคักเป็นอย่างมากในไม่ช้า หวังหยวน ไฉจวิ้น และหลิ่วหรูเยียนทั้งสามก็กลับมาถึงห้อง ส่วนเรื่องภายนอกมอบให้เกาเล่อจัดการทันทีที่เดินเข้าห้อง หวังหยวนจึงรีบจับมือไฉจวิ้นมาตรวจดูอย่างละเอียด“พี่ใหญ่ ท่านไม่ต้องเป็นห่วงหรอกขอรับ ข้าสบายดี!”“ต่อให้ต้องประลองต่อ ข้าก็ยังไหว!”“เพียงแต่ข้าคิดไม่ถึงว่าเจ้านั่นจะยอมแพ้...”“เช่นนี้ก็ดี ทำให้ข้าไม่ต้องเปลืองแรง!”“อีกอย่าง หากต้องประลองกันต่อ เกรงว่าแม้แต่ข้าก็ไม่รู้ว่าจะสำเร็จหรือไม่...”นี่เป็นความจริงทุกคนรู้ว่าไฉจวิ้นมีพละกำลังมหาศาล ตัวเขาเองก็รู้ดีแก่ใจ แต่ขีดจำกัดของตนอยู่ที่ใด เกรงว่าแม้แต่เขาเองก็คงจะไม่รู้“เห็นว่าเจ้าไม่เป็นอะไร ข้าก็โล่งใจ”“แต่ต่อไปเมื่อทำสิ่งใด ต้องใช้ความคิดให้มาก”“แม้ว่าเจ้าจะมีพละกำลังมหาศาล แต่เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน เจ้าไม่มีทางรู้ได้ว่าคู่ต่อสู้ของเจ้าแข็งแกร่งเพียงใด”“ดังนั้นเมื่อทำสิ่งใด อย่าได้อวดดี เข้าใจหรือไม่?”
“ช่างมีพละกำลังมหาศาลจริง ๆ!”ขณะที่หวังหยวนกับพวกกำลังสนทนากัน สายตาของพวกเขาก็จับจ้องไปที่ดาร์เนล ซึ่งในตอนนี้ได้ยกติ่งหนักถึงเจ็ดร้อยชั่งขึ้นเหนือศีรษะบนเวทีเหลือเพียงไฉจวิ้นและดาร์เนลเมื่อดาร์เนลยกติ่งขึ้นได้ สายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปที่ไฉจวิ้น ตอนนี้เขาคือความหวังของปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้า ตำแหน่งจอมพลังอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้าจะไปตกอยู่ในมือของชาวต่างชาติได้อย่างไร?เช่นนี้แล้ว ภายภาคหน้าปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้าจะเชิดหน้าชูตาได้อย่างไร?ทางด้านสายตาของหวังหยวนนั้นจับจ้องไปที่ดาร์เนล ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่“ดูท่าแล้วไฉจวิ้นยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ดาร์เนลมีความสามารถจริง ๆ ข้าเห็นว่าตอนที่เขายกติ่งขึ้นเมื่อครู่ไม่ได้มีความลังเลแม้แต่น้อย ช่างมีพละกำลังมหาศาลนัก หากบอกว่าคนผู้นี้คือจอมพลังอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้า นั่นไม่ถือว่าเป็นการดูหมิ่นชื่อเสียงอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้า”หลิ่วหรูเยียนที่อยู่ด้านข้างเอ่ยอย่างช้า ๆการกระทำทั้งหมดของดาร์เนลล้วนอยู่ในสายตาของพวกเขา นี่คือผู้ที่มีความสามารถอย่างแท้จริงหากเปลี่ยนเป็นคนอื่น เกรงว่าจะไม่มีใครทำได้อย่างเข้าไม่ใช่หรือ?
แต่ทั้งหมดนี้นั้น นับว่าเป็นความดีความชอบของปู่ของไฉจวิ้นด้วย หากไม่ใช่เพราะมีปู่ช่วยเหลืออยู่ข้าง ๆ และใช้ชีวิตอยู่ในป่ามาหลายปี แล้วเขาจะมีพละกำลังแข็งแกร่งเพียงนี้ได้อย่างไร?เมื่อไฉจวิ้นยกติ่งใหญ่ขึ้น ผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ ก็ทยอยแสดงความสามารถของตนน่าเสียดาย ในท้ายที่สุดผู้ที่สามารถยกติ่งใหญ่ขึ้นได้ นอกจากไฉจวิ้นแล้วมีเพียงชาวต่างชาติที่มาจากต่างแดนเท่านั้นเสียงปรบมือดังกึกก้องจากข้างล่างเวที “คนผู้นี้มีความสามารถยิ่งนัก”หวังหยวนกอดอกมองชาวต่างชาติผู้นั้น พลางกวักมือเรียกเกาเล่อในชั่วพริบตา เกาเล่อก็มาอยู่ข้างกายหวังหยวน แต่สีหน้ากลับดูตึงเครียด“คนผู้นั้นคือชาวต่างชาติที่เจ้าเพิ่งพูดถึงหรือ?”หวังหยวนชี้ไปที่อีกคนบนเวที แล้วเอ่ยถามเกาเล่อพยักหน้า จากนั้นก็ขมวดคิ้วเอ่ยว่า “คนผู้นี้มีที่มาไม่ธรรมดา ก่อนหน้านี้ข้าได้บอกข้อมูลของเขาให้ท่านทราบแล้ว คนผู้นี้มีชื่อว่าดาร์เนล ว่ากันว่ามีพละกำลังมหาศาลตั้งแต่เด็ก และเคยต่อยเสือร้ายตายด้วยหมัดเดียว!”“เดิมทีคิดว่าทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องเล่า ตอนนี้ดูเหมือนว่าอาจจะไม่ใช่เรื่องโกหก...”สามารถยกติ่งใหญ่หนักห้าร้อยชั่งได้ นั่นก็
เขามีความมั่นใจในตัวน้องชายคนนี้ก่อนหน้านี้ หวังหยวนเคยเห็นความสามารถของไฉจวิ้นมาก่อน อย่าว่าแต่จะหาผู้ที่เทียบเทียมเขาในบรรดาคนรุ่นเดียวกันได้ยากเลย แม้แต่คนที่อายุมากกว่าเขาก็ยังไม่มีใครมีพละกำลังเท่าเขา!ยิ่งไปกว่านั้น หวังหยวนเองก็ยังไม่รู้ขีดจำกัดของไฉจวิ้น!ดูท่าแล้ววันนี้คงมีเรื่องสนุกให้ชมกันเกาเล่อกลับเอ่ยว่า “ข้าเห็นว่าไม่เป็นเช่นนั้น คนที่อยู่ข้างกายไฉจวิ้นล้วนไม่ใช่คนธรรมดา! หนึ่งในนั้นมาจากต่างแดน คนผู้นี้มีชื่อเสียงมานาน ว่ากันว่าสามารถยกหินใหญ่หนักสองร้อยจินได้ด้วยมือเดียว!”“หากใช้สองมือ คาดว่าของหนักห้าร้อยจินก็คงไม่คณนามือขอรับ!”นี่...หวังหยวนกลืนน้ำลาย คนเหล่านี้กินหินเป็นอาหารกันหรืออย่างไร?ฝึกฝนร่างกายจนแข็งแกร่งถึงเพียงนี้เลยหรือ?อย่าว่าแต่ยกของหนักห้าร้อยจินเลย แม้แต่สองร้อยห้าสิบจิน เขาก็ยังยกไม่ขึ้น!“รอดูไปก่อน ข้าก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าศักยภาพของไฉจวิ้นมีขีดจำกัดอยู่ที่ใด”“เจ้าจำไว้ว่าต้องไปเตือนเขาด้วยว่าอย่าได้มุทะลุดุดัน!”“เขายังเด็กนัก ภายภาคหน้ายังมีโอกาสอีกมากที่จะพิสูจน์ตนเอง หากได้รับบาดเจ็บเพราะเรื่องนี้แล้วนั้น ย่อมไม่คุ้มค่า”ห