...กลับไปที่คฤหาสน์สกุลหยาง ใบหน้าของหยางว่านหลี่ซีดเผือด เขาพูดอย่างเคร่งเครียด “จงชักดาบออกมาเปิดทาง เจ็บได้แต่อย่าถึงตาย!”ที่หน้าประตูคฤหาสน์สกุลหยางมีทั้งขอทาน คนจรจัด และอันธพาลจำนวนมาก ยืนตะโกนร้องขอให้ตระกูลหยางคืนเงิน บางคนขอมากถึงหนึ่งร้อยตำลึง ส่วนใหญ่ขอสิบตำลึงฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ...คนแปดคนหยิบดาบออกจากฝัก เดินตรงไปยังฝูงชน แล้วใช้ดาบฟันพวกเขา!“อ๊าก ตระกูลหยางจะฆ่าคน!”“วิ่งเร็วเข้า!”“คนตระกูลหยางบ้าไปแล้ว ไม่ให้เงินแล้วยังฆ่าคนอีก!”มีเสียงคนกรีดร้อง แล้วฝูงชนก็แยกย้ายกันไปทันที!พวกเขาเป็นผู้ลี้ภัย ขอทาน และคนยากจน มีไม่กี่คนที่กล้าหาญ!ทันทีที่เห็นคนวิ่งหนีไป ความกล้าหาญที่เกิดจากการรวมกลุ่มก็หายไป!ชั่วพริบตา ผู้คนหลายร้อยคนที่มาขวางประตูคฤหาสน์สกุลหยางก็สลายตัวไปหมด!“พวกหัวมังกุท้ายมังกร!”หยางว่านหลี่ตะคอกอย่างเหยียดหยาม แล้วรถม้าก็ขับเข้าไปในคฤหาสน์สกุลหยาง!“นายน้อยเล็กกลับมาแล้ว!”คนเฝ้าประตูตะโกน คนรับใช้และสาวใช้จำนวนมากก็ออกมาต้อนรับเขา!หยางว่านหลี่พูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย “มันเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร ปล่อยให้คนมากมายมาขวางประตูอยู่ ท่านอาสามอยู่ที่ไห
มีรถม้าคันหนึ่งที่ไม่ค่อยงดงามนักแล่นมา ต้าหู่ขับรถม้า ส่วนเอ้อร์หู่กับกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งขี่ม้าอยู่ข้าง ๆหวังหยวนหลับตางีบหลับอยู่ในรถม้า ขณะที่หูเมิ่งอิ๋งที่แต่งตัวเป็นหนุ่มน้อยสุดหล่อกำลังแอบมองเขาเหตุใดคุณชายถึงฉลาดปราดเปรื่องถึงเพียงนี้!ขุดรากถอนโคนของตระกูลหยางขึ้นมาได้ด้วยตัวเขาเองจริง ๆไปเยี่ยมหมู่บ้านทั้งสิบแปดแห่งทั้งวันทั้งคืน และชักชวนชาวบ้านหลายครัวเรือน และหัวหน้าบ่อเกลือหลายคนให้รวมตัวกันประท้วง หากตระกูลหยางจะไม่ย่อมจ่ายเงินแปดอีแปะ ก็จะไม่ยอมขายเกลือให้สักเม็ดและผลตอบรับจากใบประกาศทั่วเมือง ก็ทำให้นางยิ่งตกตะลึงมากยิ่งขึ้น สามารถโจมตีศัตรูเช่นนี้ได้ด้วย!ในขณะนี้ นางกลายเป็นเหมือนต้าหู่ เอ้อร์หู่ และชาวบ้านหมู่บ้านต้าหวังคนอื่น ๆ แล้ว เพราะเชื่อว่าไม่มีสิ่งใดที่คุณชายทำไม่ได้!เพราะเขาได้ทำสิ่งที่น่าทึ่งมากมาย!รถม้าหยุดลง หูเมิ่งอิ๋งสะกิดหวังหยวน “คุณชาย มาถึงแล้ว!”“ไปกันเถอะ!”หวังหยวนยืดตัวหลังออกจากรถม้า กวาดสายตาสังเกตรอบตัวทันที!มีแม่น้ำใสสายใหญ่ และเวทีขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นข้างแม่น้ำ มีทหารคอยเฝ้าอารักขาอยู่ทั่ว!รอบเวที มีรถม้าหลายร้อยคันจอดอยู่
เมื่อทั้งสองขึ้นไปที่ติ้งหลงไถ ก็เห็นศาลาแปดเหลี่ยมขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง โดยมีภาชนะสำริดมีขาตั้งอยู่ตรงกลาง ที่สลักลวดลายแสดงถึงความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของบรรพบุรุษมีบันไดกว้างอยู่ใต้ภาชนะสำริดนั้นชุดน้ำชา โต๊ะน้ำชา และฟูกมีสีเหลืองสดใส เป็นของราชวงศ์โดยเฉพาะเครื่องใช้ระดับกลางก็มีรูปแบบคล้ายกัน แต่เนื้อสัมผัสด้อยกว่าเล็กน้อย มีไว้สำหรับผู้ตัดสินบทกวี!ชุดน้ำชาชั้นล่างเป็นสีขาวล้วน มีให้เฉพาะจิ้นซื่อเท่านั้นส่วนจู่เหริน มีเพียงฟูกอันเดียวเท่านั้น!นี่คือลำดับชั้นของระบบศักดินา ที่ขยายไปสู่ทุกช่องว่างในชีวิต!หวังหยวนพบที่นั่งของตัวเองทันที แม้ว่าจะอยู่ในแถวที่สองแต่ก็อยู่ตรงหัวมุมไม่มีใครอยู่บนเวที หวังหยวนจึงรีบขึ้นเวทีอย่างรวดเร็ว แล้วพาหูเมิ่งอิ๋งไปยังที่นั่งที่จัดไว้ แล้วมองไปในระยะไกล!คนอื่น ๆ สนใจบทกวี แต่เขาไม่มีความสนใจเลยจริง ๆ ไม่รู้แม้แต่วิธีแต่งบทกวีด้วยซ้ำครั้งนี้ไม่ต่างอะไรกับการไล่เป็ดขึ้นคอนเลย!“นั่นคือหวังหยวน ผู้ตัดสินคนใหม่ในครั้งนี้ ข้าได้ยินมาว่าเขายังเป็นถงเซินอยู่เลย!”“ถงเซินคนนี้จะมีเก่งกาจมากเพียงใด ถึงสามารถมาตัดสินคนอย่างพวกเราได้!”“นี่คือกา
มีตราประทับของเจ้าเมืองเมืองจิ่วซาน ซึ่งเป็นข้าราชการระดับสี่หลายคนต่างไปแสดงความเคารพ จางหานยกยิ้มและพยักหน้า ไม่ได้มีท่าทางเย่อหยิ่งหยางว่านหลี่ขมวดคิ้ว จางหานให้เงินห้าพันตำลึงแก่ชมรมกวีนิพนธ์ เพื่อช่วยสนับสนุนกุบ กุบ กุบ...ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงกีบม้าดังขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้วทหารม้ากลุ่มหนึ่งก็ควบม้าเข้ามา!ที่นำหน้ามามีชายหนุ่มคนหนึ่งในชุดหรูหรา ด้านหลังล้วนมีแต่ทหารม้าหุ้มเกราะ!“ผู้บัญชาการเสวี่ยมาถึงแล้ว!”ก่อนที่ทหารม้าจะก้าวออกมา ผู้ประกาศก็ตะโกนบอกทุกคนในกลุ่มผู้ชมครู่ต่อมา จางหานและเหยียนฟู่กู่ก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้วทั้งสองก็ลงจากเวทีไปทักทายเขา!ตามมาด้วยการเคลื่อนไหวอีกมากมาย!แม้แต่หยางว่านหลี่ที่เย่อหยิ่งเมื่อครู่นี้ก็ยังลงไปชั้นล่างด้วยสีหน้าหวาดเกรง!บนเวที นอกเหนือจากทหารที่ยืนเฝ้า เหลือเพียงไป๋เฟยเฟยและหวังหยวนเท่านั้น!ในขณะนี้ พวกเขาทั้งห้าต่างมองมา ขณะที่อีกฝ่ายก็มองกลับไปเช่นกัน และต่างก็ประหลาดใจที่อีกฝ่ายไม่สะทกสะท้านไป๋เฟยเฟยเดินไปหาขณะโบกพัด แล้วหรี่ตาลง “เจ้าก็เป็นบัณฑิตเหมือนกัน เจ้าควรรู้ว่าผู้บัญชาการนั้นยิ่งใหญ่เพียงใด เหตุใดเจ้าไม่
เฮือก!หลายคนตกใจ ชายคนนี้กล้าพูดถึงเพียงนี้!เหยียนฟู่กู่ ไป๋เฟยเฟย และหญิงสาวชุดสีม่วงตาสว่างทันที!เจ้าเมืองและผู้บังคับบัญชาเสวี่ยผานขมวดคิ้วพร้อมกัน แล้วมองไปข้างหลังเขาด้วยสายตาเย็นชา!เฮือก!หยางว่านหลี่ที่อยู่ข้างหลังหน้าซีด มีเหงื่อเย็นไหลลงมาบนหน้าผากในงานประชุมกวี ใครก็ตามที่สามารถครองใจผู้ชมด้วยงานเขียนได้ คือผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด!ใครก็ตามที่กล้าพูดถึงเรื่องสถานะเพื่อกดขี่คนอื่น จะถูกบัณฑิตทั่วโลกตำหนิอย่างรุนแรง หากข่าวนั้นแพร่กระจายออกไปสิ่งที่เขาพูดเมื่อครู่นี้รีบร้อนเกินไป จึงเกี่ยวข้องกับสถานะของเสวี่ยผาน จางหาน และเหยียนฟู่กู่ เพราะเขาต้องการยืมมือคนเหล่านี้โจมตีคนอื่น ซึ่งเป็นเรื่องต้องห้ามในสมาคมกวีนิพนธ์!บรรยากาศเคร่งเครียด ทันใดนั้นก็มีเสียงตะโกนดังขึ้น“ท่านไห่เทียนมาถึงแล้ว!”“ท่านจิ่วเปียนมาถึงแล้ว!”“ท่านหลวนชิงมาถึงแล้ว!”“ท่านถงกู่มาถึงแล้ว!”ชายชราสามคนที่มีเคราและผมสีขาว สวมชุดแขนยาวแบบดั้งเดิม และวังไห่เทียนก็มาถึงที่ติ้งหลงไถ“ไม่ต้องลงมารับพวกเราหรอก มือเท้าของคนชราอย่างพวกเรายังปกติดี!”วังไห่เทียนดุพลางหัวเราะ ก้าวขึ้นไปบนเวทีพร้อมกับช
วังไห่เทียนเป็นเจ้าภาพในนาม แต่ความจริงแล้วเป็นเจ้าเมืองจางหานที่รับหน้าที่นี้จางหานยืนขึ้นแล้วพูดว่า “ท่านไห่เทียน โปรดเสนอหัวข้อบทกวีเพื่อจรรโลงโลกนี้ด้วย!”อึก!หลังจากจิบสุราแล้ว วังไห่เทียนก็โบกมือ “ไม่มีชื่อในโลกนี้ สามารถแต่งได้อย่างอิสระ ตราบใดที่สร้างผลงานใหม่ ก็สามารถส่งผลงานมา เพื่อรับรางวัลที่ดีที่สุดได้”ทุกคนต่างตื่นเต้น!หากมีการตีกรอบ ก็ต้องทำให้ตรงจุด ซึ่งยากมาก!แต่มันจะง่ายกว่า หากไม่มีข้อจำกัดทุกคนต่างก็เป็นบัณฑิต มีใครบ้างที่ไม่เขียนบทกวี เพียงแค่หยิบยกที่เคยแต่งไว้ออกมาก็ได้“เป็นความคิดที่ดี!”ชายชราทั้งสามคนหัวเราะและพยักหน้าหัวข้อบทกวีสามารถทดสอบสติปัญญาคนได้แน่นอน แต่ก็เป็นเรื่องยากที่จะสร้างผลงานที่ดีมีผู้สมัครเข้าร่วมไม่มากนักในปีนี้ ดังนั้น จึงทำได้เพียงผ่อนคลายข้อกำหนดต่าง ๆ ลงเท่านั้น“อืม!”หวังหยวนพยักหน้าอย่างเหม่อลอย!ไม่ว่าจะมีหัวข้อหรือไม่ก็ไม่สำคัญ เขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อแต่งบทกวีอยู่แล้ว!จุดประสงค์หลักของการมาร่วมงานประชุมกวีครั้งนี้ คือการหาคนรวยมาซื้อดาบราชวงศ์ถังแต่หากเขาขายของในงานประชุมกวี เขาจะต้องถูกไล่ลงจากเวที และถูกม
สีหน้าเคร่งขรึมและดูหมดความอดทนเช่นนี้ ทำให้ผู้ชมทุกคนเบิกตากว้างทันทีหูเมิ่งอิ๋งก้มหน้าลง หากเป็นเรื่องอื่น นางมั่นใจในตัวคุณชายมาก!แต่เมื่อต้องแต่งบทกวี ไม่มีความมั่นใจเลยจริง ๆ!การแต่งบทกวีเป็นความสามารถทางวรรณกรรม หากมีพรสวรรค์ด้านนี้ ก็คงมีชื่อเสียงไปนานแล้ว!แต่คุณชายไม่ได้โด่งดังเลยในเมืองฝู!ทุกอย่างเป็นไปตามแผน หยางว่านหลี่ก็ได้ใจ “เพื่อให้ยุติธรรม เรามาขอให้เจ้าเมืองถามคำถามดีกว่า แล้วทุกคนก็ร่วมกันแต่ง!”หวังหยวนโบกมือ “ตกลง!”เจ้าเมืองจางหานกล่าวว่า “ทุกคนคือบัณฑิตแห่งต้าเย่ หากก้าวไปข้างหน้าอีกหนึ่งก้าว จะกลายเป็นขุนนางในราชสำนัก แต่แม้กระทั่งตอนนี้ ก็สามารถรับใช้ราชสำนักได้ บัดนี้ศัตรูต่างแดนเพ่งเล็งราชสำนักก็อยู่ ทำให้ราชสำนักตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก เราถูกหักเงินเดือน ความภักดีต่อฮ่องเต้เริ่มสั่นคลอน หัวข้อการประชุมกวีนิพนธ์ในวันนี้ จะเป็นการคลายความกังวลของราชสำนัก!”ทุกคนขมวดคิ้ว!ตามที่เจ้าเมืองคาดไว้ ไม่ลืมที่จะประจบสอพลอราชสำนักในงานประชุมกวีบทกวีเช่นนี้แต่งยากที่สุด!หากเขียนยกย่องโจ่งแจ้งเกินไป จะถูกตำหนิว่าประจบประแจงได้ง่าย และสูญเสียจุดยืนทา
เมื่อเขามาถึงงานประชุมกวีนิพนธ์ติ้งหลงไถ น้องเขยที่เขาไม่ชอบก็อยู่ที่โต๊ะตัดสินแล้ว ส่วนเขารออยู่ด้านล่างเพื่อรับการตัดสิน ซึ่งทำให้เขาไม่อาจเงยหน้าขึ้นได้!ฟึ่บ!ใบหน้าของหยางว่านหลี่ซีดลง เขาอุตส่าห์ท่องมาหลายครั้ง และอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “แม้ว่าถ้อยคำของเขาจะดี แต่ก็เต็มไปด้วยความขุ่นเคืองและไม่พอใจ เขาจะคลายความกังวลของราชสำนักได้อย่างไร… อ๊ะ!”“แค้นชิงกู่ฝังใจ ยังไม่ชดใช้! เมื่อใด ล้างหนี้ใคร่รู้? ควบรถบดค่ายศัตรู ย่ำเขาปาตี่พินาศไป! กระหายหาญ ฉีกกินเนื้อคนเถื่อน ดื่มเลือดสรวลสันต์ รอก่อนถึงวันกอบกู้แผ่นดินผัน เข้าเฝ้าโห่ร้องฉลองชัย!”หวังหยวนพูดเสียงดัง ประวัติศาสตร์และภูมิศาสตร์ต่างเปลี่ยนไปไม่ใช่ว่าเขาต้องการเปลี่ยนคำพูดของงักฮุย แต่เนื่องจากเวลาและสถานที่แตกต่างกัน เขาจึงต้องเปลี่ยนคำสองสามคำให้เหมาะสมกับโอกาสจบเรียบร้อย!ทั่วบริเวณเงียบกริบ!ครู่ต่อมา ผู้แข่งขันแห่กันไปหาหวังหยวน ต่างสูญเสียความยับยั้งชั่งใจ ไม่มีใครรู้สึกว่าเป็นเรื่องน่าละอาย หากจะขอคำแนะนำจากถงเซิง ที่สำคัญกว่านั้น น้ำเสียงของพวกเขาเต็มไปด้วยความเกรงขามและยกย่อง!“ท่านหมิงถัน, แค้นชิงกู่ ท่านหมายถ