หากไม่ขาดแคลนเงินทองจริง ๆ ข้าสามารถมอบให้คุณชายได้ฟรี ๆ!จ้าวหู้ที่ขายเกลือยังต้องขายในราคาสี่หรือห้าอีแปะต่อจิน และพวกเขายังจำเป็นต้องซื้อไม้และถ่านหินจำนวนมากเพื่อมาติดเตาด้วยแบ่งเกลือให้ทางการสามส่วน และจ่ายภาษีส่วนหนึ่งส่วนที่เหลือก็เป็นใช้เป็นเพียงค่าใช้จ่ายสำหรับอาหารและเสื้อผ้าสำหรับครอบครัวเท่านั้น และการลดราคาก็ถึงขีดจำกัดแล้ว!หากลดเงินลงสองอีแปะ ครอบครัวจะต้องรัดเข็มขัดและคงจะขาดแคลนอาหารแต่ถ้าไม่มีคุณชาย ลูกชายก็คงไม่รอดและบ่อเกลือก็คงไม่มีน้ำเกลือ บุญคุณต้องตอบแทน!หวังหยวนส่ายหัว "เฟยหนิว เจ้าคิดผิดแล้ว ข้าไม่คิดว่ามันแพง แต่ข้าคิดว่ามันถูกไป! ตามราคาตลาด เกลือหนึ่งจินมีราคาสี่อีแปะ เจ้าจะซื้อได้แค่อาหารและเสื้อผ้าเท่านั้น ดังนั้นข้าจึงตัดสินใจให้เจ้าแปดอีแปะต่อหนึ่งจิน จะซื้อเกลือหกแสนจินจากที่นี่ทุกปี!”ทุกคนในหมู่บ้านเหล่าเฟยต่างกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ พวกเขาทั้งหมดคุกเข่าลงกับพื้น และโขกศีรษะไม่หยุด!พ่อค้าเกลือที่มาซื้อเกลือพยายามอย่างเต็มที่ที่จะกดราคาพวกเขาให้ต่ำที่สุด ให้พวกเขาแค่พอซื้ออาหารและเสื้อผ้าได้!ไม่เคยมีพ่อค้าเกลือคนใดริเริ่มขึ้นราคาให้พว
หากทำให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบขุ่นเคือง เตาจะปิดเมื่อไหร่ก็ได้ และไม่สามารถแอบต้มเกลือได้อีกด้วยด้วยการควบคุมเจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อยในกรมขนส่งเกลือ และควบคุมการผลิตและจำหน่ายเกลือทางอ้อมเช่นนี้ ตระกูลหยางจึงได้ผูกขาดธุรกิจเกลือในเฟยชางมองไปที่หวังหยวน แววตาของหยางโม่ก็เย็นชาและทิ่มแทง เขาเดินไปข้างหน้าและปรบมือคนรับใช้สองคนวิ่งเข้ามา ถือกล่องเล็ก ๆ วางไว้บนพื้นและเปิดออก พบแท่งเงินวางอยู่ข้างในเจ็ดพี่น้องตระกูลเฟยและกลุ่มจ้าวหู้มองดูเงินอย่างงุนงงราวกับพวกเขาถูกกระชากวิญญาณไป!“เฟยหนิว นี่คือเงินหนึ่งพันตำลึง”หยางโม่เชิดหน้าขึ้น และพูดอย่างเย่อหยิ่ง "บ่อเกลือของเจ้าผลิตน้ำเกลือได้แล้ว ตระกูลหยางจึงตัดสินใจที่จะต้มเกลือต่อ หากเจ้าลงนามในสัญญากับตระกูลหยาง เกลือทั้งหมดที่ต้มแล้วในหมู่บ้านของเจ้าจะถูกขายให้กับตระกูลหยาง แล้วเงินนั้นก็จะเป็นของเจ้า!” เงินพันตำลึงนี้ แค่ซื้อบ่อเกลือขุดใหม่ของตระกูลเฟย แต่แน่นอนว่าพวกเขาไม่พูดออกมาตรง ๆ!เฮือก!จ้าวหู้หลายรายหายใจไม่ออก และใจเต้นทันที!เงินหนึ่งพันตำลึง หากตกลงและรับมันไว้ ต่อจากนี้ไปก็จะชีวิตที่สุขสบาย!จ้าวหู้หลายคนมองเฟยหนิวแล
น้ำเสียงและท่าทางนี้ทำให้หัวของเจ้าหน้าที่ตรวจสอบหลิวชาไปหมด "เจ้า เจ้ากล้าตบข้า!"เพี๊ยะ!ตบลงไปอีกที วังฉงโหลวก็จิ้ปากอย่างเย็นชา "ตบเจ้า กลับไปที่กรมข้าจะหาคนมาถลกเจ้า ข้าจะให้ปากคำว่าเจ้าไปขู่เข็ญพวกจ้าวหู่มาเท่าไหร่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และข้าจะเอาเจ้าเข้าคุก!” เจ้าหน้าที่ตรวจสอบหลิวได้ฟังเช่นนั้น เหงื่อเย็นไหลลงมาตามแนวกระดูกสันหลัง "จะ-เจ้าเป็นใคร?"“วังฉงโหลว ลูกชายคนโตของตระกูลวัง!”หยางโม่ถึงกับหน้าถอดสีจ้าวหู้ในหมู่บ้านเหล่าเฟยต่างพากันตกตะลึง นั่นผู้ว่าการมณฑล แถมยังเป็นตระกูลจอหงวนอีกด้วย!กึกตุ้บ!เจ้าหน้าที่ตรวจสอบหลิวคุกเข่าลงร้องขอความเมตตา "คุณชายน้อยวัง ข้ามีตาหามีแววไม่ ข้าไม่เคยเจอท่านมาก่อน อย่าถือสาข้าน้อยเลย!"“มาขอร้องข้ามีประโยชน์อะไร? เจ้าล่วงเกินลุงหยวนของข้า!”วังฉงโหลวกล่าวว่า "เขาเป็นสหายสนิทของท่านลุงของข้า เรื่องของเขาก็เหมือนเรื่องของตระกูลวัง ผู้ว่าราชการเรียกเขาว่าท่าน และทูตขนส่งเกลือโจวเฉิงไม่ฟังข้อเสนอของตระกูลหยางที่จะขายเกลือให้เขา"“เจ้าผู้ตรวจการสายตรวจชั้นผู้น้อยเช่นนี้ กล้าดียังไงมาทำตัวเหมือนสุนัขของตระกูลหยาง ทำให้ลุงหยวนของข้
ในรถม้า หวังหยวนลืมตาขึ้น "ถ้ามองข้าอีก ข้าจะเก็บเงินนะ!""อ๊าย!"ใบหน้างดงามของหูเมิ่งอิ๋งที่ถูกจับได้ว่าแอบมองตกใจจนทำอะไรไม่ถูก "คุณชายข้า ข้า ... "หวังหยวนเม้มปาก "ล้อเล่น!"ผู้หญิงยุคนี้ขี้อาย ถ้าแกล้งเล่นแบบนี้ต้องตกใจอยู่แล้ว!หากในยุคของเขา ผู้หญิงอาจตบไปสักฉาด หรือขับรถทับไปแล้วหูเมิ่งอิ๋งหน้าแดงและพูดว่า "คุณชายคะ ข้าแพ้เดิมพันเมื่อสามวันก่อน ท่านอยากให้ข้าทำเรื่องลำบากใจอะไรรึเจ้าคะ!"หวังหยวนรู้สึกเกรงใจเล็กน้อยและพูดว่า "เรื่องนั้น ข้าพูดไปคงไม่เหมาะสม! คำขอนี้มันออกจะไร้เหตุผลและไร้ศีลธรรมไปสักหน่อย ดังนั้น ข้าจึงไม่อยากบังคับให้เจ้าตกลง เพียงเพราะว่าเราได้เดิมพันกันแล้ว!""อื้อ..."หูเมิ่งอิ๋งหน้าแดงด้วยความเขินอาย "ค่ะ คุณชาย ช่วยกลับเมืองก่อนได้ไหม ที่นี่ไม่สะดวกนัก!พูดไม่ออก!คำขอไร้เหตุผล!คำขอไร้ศีลธรรม!นอกเหนือจากเรื่องแบบนั้นแล้ว ยังจะมีเรื่องอะไรอีก ไม่คิดเลยว่าคุณชายจะเป็นคนแบบนั้นด้วย!แต่ก็เข้าใจได้ คุณชายแต่งงานแล้ว และเขายังหนุ่มแน่นเลือดร้อนมันก็ไม่แปลกที่จะมีความคิดเช่นนี้ หลังจากอยู่คนเดียวมาหลายวัน และมีผู้หญิงคนเดียวอยู่ข้าง ๆ!คุณช
"ระวัง!"หวังหยวนดึงหูเมิ่งอิ๋งเข้าไปในรถม้าหยิบ หน้าไม้ขงเบ้งออกมาและยืนขวางหน้านางด้วยสีหน้าเคร่งขรึม!แววตาของหูเมิ่งอิ๋งตื่นตระหนก!อึ้งงงเป็นไก่ตาแตกข้างนอกรถม้า!ชายสวมหน้ากากสิบเอ็ดคนพุ่งออกไป ทุกคนล้วนแข็งแกร่งและทรงพลัง!“รถคันข้างหน้าไม่ต้องสน ฆ่าผู้ชายที่อยู่รถคันหลังซะ!”ผู้นำชายสวมหน้ากากตะโกน ชี้ไปที่ต้าหู่และเอ้อหู่ มองไปทางชายสวมหน้ากากที่มีสายตาไร้อารมณ์ "เจ้าไปหยุดสองคนนี้ซะ ที่เหลือไม่ต้องสน!"ในฐานะผู้ฝึกยุทธ์ เขาสามารถบอกได้ทันทีว่าต้าหู่และเอ้อหู่นั้นอันตรายสำหรับกัวเหลียงและกัวเฉียง ฝีมือพอ ๆ กับพวกเขา ไม่คุ้มค่าที่จะจริงจังด้วยชายสวมหน้ากากที่มีสายตาเย็นชาพูดเสียงดัง "เด็กสองคนนั้นไม่ธรรมดาเลย ถ้าข้าไม่ใช้กำลังทั้งหมดเกรงว่าคงหยุดพวกเขาไว้ไม่ได้ ถ้าข้าใช้กำลังเต็มที่จนบาดเจ็บ หรือฆ่าพวกมันแบบไม่ได้ตั้งใจ เจ้าต้องจ่ายเพิ่มให้ข้า!""ได้!"ผู้นำชายสวมหน้ากากกัดฟันข้าไม่กลัวเขาลงมือทำร้ายหรือฆ่าใคร ที่ผ่านมามีการต่อสู้ประมือกันมากมาย แต่ข้าไม่เคยเห็นไอ้สารเลวนี้ทำร้าย หรือฆ่าใครมาก่อนเลย!ฟิ้ว!ชายวัยกลางคนที่มีสายตาเย็นชาพุ่งออกมาราวกับลูกธนูที่ถ
“อย่าเพิ่งใช้หน้าไม้!”ในรถม้า แววตาของหวังหยวนเย็นชาและจริงจัง "นี่ไม่ใช่การก่อกวน พวกเขามาที่นี่เพื่อฆ่าพวกเรา ต้าหู่คิดว่าจะเจ้าจับหัวหน้ามันมาแบบเป็น ๆ ได้ไหม"หากใช้หน้าไม้ ฆ่าพวกมันให้หมด สุดท้ายคงต้องปลอมตัวเพื่อตามสืบเบาะแสพวกมันในภายหลัง!หากเจ้าจับหัวหน้าได้ ก็สามารถติดตามเบาะแสค้นหาได้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง!ต้าหู่ยกดาบแล้วลงจากหลังม้า"พวกเขาล้วนเป็นผู้มีวรยุทธ์เก่งไม่น้อยไปกว่ากัวเหลียงและกัวเฉียงเลย แต่ข้าจะลองดูก่อน ปกป้องพี่หยวนและคุณชายวัง!"คนกลุ่มหนึ่งล้อมขวางรถม้าของหวังหยวนและวังฉงโหลวไว้!“เด็กคนนี้มันบ้าไปแล้ว อันที่จริง เขาอยากจะมาสู้กับพวกเราสิบคนจริง ๆ เขาแค่มารนหาที่ตาย!”หัวหน้าชายสวมหน้ากากหัวเราะเยาะ โบกมือ ทั้งสี่คนถือดาบรีบเข้ามาล้อมขนาบเขาทั้งสองด้าน!ตึง!กึก เคร้ง!ต้าหู่ฟันดาบลงไป ชายสวมหน้ากากที่อยู่ด้านหน้าก็ยกดาบสกัดดาบไว้ ดาบนั้นถูกดาบยาวตัดฝ่ากลางเข้าให้ทะลุหัวเขาแยกออกเป็นสองซีก!"อ๊าก!"เมื่อเห็นว่าดาบยาวแข็งแกร่งแค่ไหน ชายสวมหน้ากากทั้งสามก็ตกใจหันหลังวิ่งหนีไป!ตู้ม! ตู้ม!ต้าหู่ไล่ตามไปแทงตายไปอีกสองคน ที่เหลือก็วิ่งหนีไป!ชายสว
“พี่หานซานบอกข้าก่อนหน้านี้ว่าเขามีลูกชายสองคน ลูกชายคนโตหนักแน่นมั่นคง ลูกชายคนเล็กบุ่มบ่ามมุทะลุ ถ้าอย่างนั้นเจ้าคือต้าหู่ และเจ้าก็คือเอ้อหู่!”ชายวัยกลางคนที่มีแววตาเย็นชานั้นก็ลุกขึ้นชี้ไปที่ต้าหู่และเอ้อหู่ จากนั้นชี้ไปที่หวังหยวนแล้วพูดว่า "เขาเป็นใคร!"หวังหยวนมองชายวัยกลางคนขึ้น ๆ ลง ๆ "ข้าเป็นลูกพี่ลูกน้องของพวกเขา ท่านคือนักรบกองทัพเกราะทมิฬ?"กองทัพชุดเกราะทมิฬ เจ้าของร่างเดิมเคยได้เรียนมาก่อน และได้รับการกล่าวขายหลายครั้งว่าเป็นกองทัพที่แข็งแกร่งที่สุดในต้าเย่จากนั้นถึงได้รู้ว่าหวังหานซานและเฮยซินหู่ทั้งคู่มาจากกองทัพเกราะทมิฬ!ไม่นานมานี้ ในจวนตระกูลวัง วังไห่เทียนเมาเหล้าพูดออกมาเขาบอกว่ากองทัพเกราะทมิฬที่แข็งแกร่งที่สุดนั้นได้ถูกทำลายลงไปแล้ว และเขาบอกว่าไม่อยากให้เขาเป็นอู๋มู่คนที่สอง!ชายวัยกลางคนเงยหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิใจ "ข้าคือองค์รักษ์ส่วนตัวคนที่เก้าของท่านแม่ทัพมู่!"เอ้อหู่อดไม่ได้ที่จะถามว่า “ท่านแม่ทัพมู่คือใคร?”เขาถามถึงกองทัพเกราะทมิฬ และท่านแม่ทัพมู่หลายครั้ง แต่พ่อของเขาปฏิเสธที่จะบอก และตีเขาเพื่อไม่ให้เขาถามอีก!“ดูเหมือนว่าพี่ใหญ่จะไม่ได้บอ
เอ้อหูลูบหัวตัวเองอย่างเขินอาย "อาสิบสาม ก็เมื่อครู่ข้าไม่รู้จักท่านหนิขอรับ?""เอาเถอะ!"ชายวัยกลางคนโบกมือแล้วหันกลับมา "กลับไปบอกพ่อของเจ้าว่าแม่ทัพหนุ่มยังมีชีวิตอยู่ และได้รับการช่วยเหลือแล้ว เขาอยู่ในจิ่วซานด้วย หากเขาอยากเจอแม่ทัพหนุ่ม ให้ไปทางซีเฉิง ถนนทางตอนใต้ของอู๋เป่ยที่บ้านหลังที่สาม”เอ้อหูสับสน "อาสิบสาม แม่ทัพหนุ่มคือใคร!"ชายวัยกลางคนวิ่งเข้าไปในป่า และมีเสียงดังกลับมา "พ่อเจ้ารู้จัก!"เอ้อหูพูดอีกครั้ง "อาสิบสาม ข้ายังไม่รู้ชื่อท่านเลย!"“ติงซือซาน!”ร่างนั้นหายลับไปแล้ว และทั้งสามก็กลับมาที่ขบวนรถวังฉงโหลวมีสีหน้าเป็นกังวล "ลุงหยวน เราจะทำอย่างไรต่อไปดี? หากให้ทางการไปที่ไปจวนผู้ว่า หาอาจารย์น้อง อย่างมากก็ฆ่าคนแซ่หลิวให้ตาย คงสาวไปถึงตระกูลหยางที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้ยาก! ส่วนตัวตระกูลหยางนั้นทำให้ชดใช้เงินให้มากที่สุด ใช้เงินโสโครกนั้นซะ!"ท่าทางของหวังหยวนเย็นชาและเข้มงวด "ในเมื่อรู้สึกไม่สบายใจ ทำไมไม่ระบายมันออกไปก็จบแล้ว!"“จะระบายออกไปอย่างไร?”ดวงตาของวังฉงโหลวเป็นประกาย "ลุงหยวน ท่านมีความคิดอะไรบ้างไหม?"หวังหยวนโบกมือ "ครึ่งหนึ่งกลับไปที่เฟยชางพ
“ต่อให้คนธรรมดาทำงานหนักทั้งชีวิตก็ไม่มีโอกาสได้ใช้ของเหมือนที่อยู่ในห้องข้าได้!”แม่นางหรูเยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาและแฝงไปด้วยความรำคาญทว่าตั้งแต่เข้ามาในห้อง หวังหยวนก็จ้องมองแม่นางหรูเยียนตลอดเวลา พิจารณาแม้แต่ท่าทางการพูดของนางแม้ว่าแม่นางหรูเยียนจะแสร้งทำเป็นหยิ่งผยองและทำท่าทางเย็นชา แต่หวังหยวนรู้สึกได้ว่านางไม่ใช่คนเช่นนี้แน่นอน นางกำลังจงใจเล่นละครเพื่อปกปิดอะไรบางอย่าง!แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้หวังหยวนยังไม่สามารถค้นพบความลับของนางได้โชคดีที่เขายังมีเวลาอีกมากพอที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป ค่อย ๆ ขุดคุ้ยความลับเบื้องหลังของแม่นางหรูเยียน!เวลาผ่านไปทีละวินาทีแม่นางหรูเยียนก็แอบมองหวังหยวนเป็นระยะ นางคาดเดาความคิดของชายผู้นี้อยู่ในใจพลางครุ่นคิด“เขาคงไม่เฝ้าอยู่ที่นี่ตลอดหรอกใช่หรือไม่?”“เขาต้องการอะไรกันแน่?”“ข้ากับเขาไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกัน เหตุใดข้าถึงจำไม่ได้เลยว่าเคยพบเขามาก่อน?”ส่วนหวังหยวนก็นั่งจิบชาเงียบ ๆ ด้วยท่าทางสบายใจทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นอย่างเร่งรีบ ตามมาด้วยเสียงสนทนาของชายหญิงดังเข้ามาในห้อง“คุณชายเฉิน! ท่านเข้าไปไม่ได้นะเจ้าคะ!”
“ว่ามาสิว่าเจ้าเป็นใครกันแน่?” สตรีผู้นี้มีวิทยายุทธไม่ธรรมดา เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนธรรมดาสามัญ นางจะซ่อนเร้นให้รอดพ้นสายตาของหวังหยวนไปได้อย่างไร?ที่นี่คือเมืองอู่เจียง ซึ่งเป็นเขตอิทธิพลของเขา ไม่อาจปล่อยให้คนเช่นนี้ปรากฏตัวได้! แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นสตรี หวังหยวนก็จำต้องระมัดระวัง เพราะเกรงว่าจะเกิดความผิดพลาด!แม่นางหรูเยียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นยกมือขึ้นดึงปิ่นปักผมของตนเองออกมาอย่างรวดเร็ว แล้วจ่อไปที่ลำคอของตนเอง ทำท่าทางเหมือนพร้อมจะสละชีพ!“ได้!”“ถือว่าข้าโชคร้ายเองที่ได้พบเจ้า!”“หากเจ้ายังคงบีบบังคับข้าต่อไป ข้าจะตายตรงหน้าเจ้าบัดเดี๋ยวนี้!”หลังจากพูดจบ แม่นางหรูเยียนก็พร้อมที่จะใช้ปิ่นปักผมแทงเข้าที่คอของตนเอง!โชคดีที่หวังหยวนตาไว คว้าปิ่นปักผมออกจากมือของนางได้ทัน แล้วเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “อย่ามาเล่นละครตบตากับข้า!”แม้จะพูดเช่นนั้น แต่ในใจก็ยังหวาดกลัวอยู่บ้าง!สตรีผู้นี้ช่างบ้าคลั่งนัก กล้าลงมือกับตนเองเช่นนี้!ช่างโหดเหี้ยมนัก แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่เว้น!“เจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่?” ใบหน้าของแม่นางหรูเยียนบึ้งตึง วิทยายุทธของหวังหยวนนั้นสูงส่งแล
ก่อนที่แม่นางหรูเยียนจะทันได้ตั้งตัว มือของหวังหยวนก็สัมผัสผ้าคลุมหน้าของนางแล้ว!เห็นได้ชัดว่าต้องการจะดึงผ้าคลุมหน้าออก!แต่ที่หวังหยวนไม่คาดคิดก็คือแม่นางหรูเยียนมีปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็วมาก เห็นได้ชัดว่านางมีวรยุทธ!นางรีบยกมือขึ้นมาสกัดกั้นมือของหวังหยวน แล้วถอยหลังอย่างรวดเร็วไปยังเตียงนอนนางคว้ามีดสั้นออกมา ก่อนจะวิ่งเข้าไปหาหวังหยวนด้วยท่าทางน่าเกรงขาม!“มีวรยุทธด้วยหรือ?”หวังหยวนหรี่ตาแล้วยกยิ้ม เรื่องราวยิ่งน่าสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆไม่น่าแปลกใจเลยที่แม่นางหรูเยียนช่างมีเสน่ห์ดึงดูดใจ นางมีความลึกลับซ่อนอยู่มากมาย!เพียงชั่วพริบตาเดียว หวังหยวนก็เข้าต่อสู้กับแม่นางหรูเยียน!แม้ว่าหวังหยวนจะระวัง แต่กระบวนท่าโจมตีอันทรงพลังของแม่นางหรูเยียนนั้นรุนแรงมาก เห็นได้ชัดว่านางต้องการสังหารหวังหยวนให้ได้!โชคดีที่หวังหยวนหลบหลีกได้ทัน สามารถเลี่ยงการโจมตีของนางได้ครั้งแล้วครั้งเล่า!“เจ้าเป็นสตรี เหตุใดถึงได้โหดร้ายเช่นนี้?”หวังหยวนส่ายหน้าขณะพูดแม่นางหรูเยียนขมวดคิ้ว “นั่นก็เพราะท่านชั่วร้ายเกินไปไม่ใช่หรือ?”“ท่านรู้เรื่องที่ควรจะรู้แล้ว แต่ท่านยังคงหยาบคาย เห็นได้ชัด
“ข้าได้กล่าวไปแล้วว่าข้าไม่ได้มีเจตนาร้าย เพียงแต่ต้องการสนทนากับเจ้าเท่านั้น” ริมฝีปากของหวังหยวนเผยรอยยิ้มอ่อนโยน ราวกับว่าได้กลับมาถึงบ้านของตนเองต่อจากนั้น หวังหยวนก็นั่งลงรินน้ำชาให้ตนเอง แล้วโบกมือให้อีกฝ่ายนั่งลง ก่อนพูดด้วยรอยยิ้ม “หากเจ้าคิดจะเรียกคนมาช่วย ข้ารับรองว่าได้ว่าก่อนที่พวกเขาจะมาถึง ข้าสามารถทำให้เจ้าเสียโฉมได้แน่นอน”“หากเจ้าไม่เชื่อก็ลองดูได้”หวังหยวนยังคงพูดด้วยรอยยิ้ม ไม่รู้ว่าฝาถ้วยชามาอยู่ในมือของเขาตั้งแต่เมื่อใด เป็นการเตือนแม่นางหรูเยียนอย่างชัดเจนแม่นางหรูเยียนสีหน้าซีดเผือด นี่เป็นครั้งแรกที่นางถูกข่มขู่ ในหอชิงสุ่ยนี้ ชายแทบทุกคนต่างปรารถนาจะได้ใกล้ชิดนาง แต่ก็ไม่มีใครได้โอกาสและไม่มีใครกล้าล่วงเกินนางแม้แต่ข่มขู่นางก็ไม่เคยมีมาก่อนหวังหยวนเป็นคนแรกที่ทำเช่นนี้หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แม่นางหรูเยียนจึงขมวดคิ้วพูดว่า “ท่านต้องการอะไร?”ขณะที่พูด แม่นางหรูเยียนก็รักษาระยะห่างจากหวังหยวน ไม่ได้เข้าใกล้เขาแม้แต่น้อยแต่สามารถเห็นได้ชัดจากแววตาของนางว่านางก็หวาดกลัวอยู่ไม่น้อยเพราะหวังหยวนเป็นคนแรกที่เข้ามาในห้องนี้!แต่ที่ไม่คาดคิดก
เกาเล่อไม่ได้สนใจ เพียงแค่ดื่มสุราต่อไปในสายตาของเขา สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงกลอุบายหลอกล่อลูกค้าเท่านั้นเพียงแค่เสนอราคาให้เหมาะสม เขาก็ไม่เชื่อหรอกว่าหญิงสาวที่นี่จะรักนวลสงวนตัว!มันเป็นเพียงเรื่องน่าขัน!ทันใดนั้นชายหลายคนจากโต๊ะข้าง ๆ ก็หัวเราะเยาะขึ้นมา“เจ้าคิดว่ามีเงินแล้วจะยิ่งใหญ่นักหรือ?”“ที่อื่นอาจจะได้ แต่ที่นี่ไม่ได้หรอกนะ!”“เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีคนอยากดื่มสุราร่วมกับแม่นางหรูเยียนกี่คน?”“มากมายจนถ้าต่อแถวแล้ว แถวคงยาวออกไปนอกเมือง!”“ในบรรดาคนเหล่านั้นมีคุณชายจากตระกูลชั้นสูง แต่แม่นางหรูเยียนก็ไม่ได้สนใจพวกเขา”“ส่วนเจ้าก็คงไม่ต่างกัน!”ทุกคนต่างหัวเราะกันครื้นเครงหวังหยวนไม่ได้สนใจคำพูดของพวกเขา หลังจากเก็บทองบนโต๊ะกลับคืนมาแล้ว เขาก็โบกมือให้เสี่ยวเอ้อออกไปเสี่ยวเอ้อสบถ เดิมทีคิดว่าหวังหยวนจะให้เงินทอง แต่สุดท้ายกลับไม่ได้อะไรเลย…ช่างน่าโมโหนักหวังหยวนมองไปที่เกาเล่อ แล้วกระซิบว่า “เจ้าส่งคนไปสืบเรื่องราวของแม่นางหรูเยียนที ข้าค่อนข้างสนใจนาง”“ท่านผู้นำ ท่านไม่ได้ล้อเล่นใช่หรือไม่ขอรับ?”“ท่านเชื่อคำพูดไร้สาระของพวกเขาหรือ?”“ข้าสงสัยว่านางคนนั้น
หวังหยวนประหลาดใจ ที่นี่มีกฎเกณฑ์ด้วยงั้นหรือ? ขณะที่เกาเล่อกำลังจะแสดงความไม่พอใจ แต่หวังหยวนรีบส่งสัญญาณให้เขาด้วยสายตา เกาเล่อจึงไม่พูดอะไรเพิ่มเติม ยังคงยืนแข็งทื่อราวกับรูปปั้นอยู่ด้านหลังของหวังหยวน แต่ดวงตาของเกาเล่อแสดงถึงความไม่สบอารมณ์“เหตุใด?”“หรือว่าเจ้าจะคิดทำร้ายคน?”หญิงสาวที่เพิ่งสนทนากับหวังหยวนเบ้ปากใส่เกาเล่อ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ “หากไม่ได้มาเพื่อความสนุกสนานก็จงรีบออกไปจากที่นี่เสีย!”“อย่ามาขวางทาง อย่าทำให้พวกข้าเสียเวลา!”“พวกข้ายังต้องทำมาหากิน!”หญิงคนนั้นก็ชนไหล่ของหวังหยวนแล้วเดินผ่านไปที่หน้าประตู หญิงสาวคนอื่น ๆ ที่ตามมาก็ทำเช่นเดียวกัน“พวกนางช่างไม่รู้ที่ต่ำที่สูง!”“หากพวกนางรู้ถึงตัวตนของท่าน คงต้องคุกเข่าขอความเมตตาจากท่าน”เกาเล่อบ่นพึมพำ“เช่นนั้นอย่าให้พวกนางรู้ถึงตัวตนของข้าดีกว่า”“ข้าไม่อยากมีเรื่องกับพวกนาง”หวังหยวนกล่าวติดตลกแล้วเดินเข้าไปด้านในพร้อมกับเกาเล่อ เลือกที่นั่งแล้วมองไปยังเวทีกลางพลางพิจารณาหอชิงสุ่ยอย่างละเอียดต้องยอมรับว่าที่นี่ตกแต่งได้อย่างหรูหราอลังการอาคารหลังนี้มีทั้งหมดสามชั้น ชั้นล่าง
แต่เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่ว่าจะสำเร็จได้ในวันเดียวหากต้องการให้เมืองอู่เจียงกลายเป็นเมืองสำคัญทางคมนาคมคงต้องใช้เวลาอีกสองสามปีจึงจะสมบูรณ์หวังหยวนเองก็ไม่ปล่อยเวลาให้สูญเปล่า เขาพยายามค้นหาคนที่เหมาะจะเป็นผู้ว่าราชการคนใหม่ในเมืองอู่เจียง แต่ก็ยังหาไม่พบณ หอชิงสุ่ยเมื่อค่ำคืนนี้มาเยือน หวังหยวนกำลังไปเดินเล่นชมเมืองและบังเอิญมาถึงหอชิงสุ่ยที่นั่นเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและผู้คนพลุกพล่าน“ที่นี่คือที่ใด?” หวังหยวนถามเกาเล่อผู้ติดตามอยู่ข้างกาย“ที่นี่คือสถานที่แห่งความสุขทางโลกขอรับ”“ท่านผู้นำสนใจจะเข้าไปดูหรือไม่ขอรับ?”เกาเล่อตอบด้วยรอยยิ้ม“ข้าไม่สนใจเรื่องเหล่านี้...”“อีกอย่างซื่อหานก็รอข้าอยู่ที่บ้าน หากข้ามมัวเมาสุราอยู่ที่นี่ แล้วพวกผู้หญิงในบ้านรู้เข้าคงต้องมีเรื่องวุ่นวายเป็นแน่”หวังหยวนส่ายหน้า หลี่ซื่อหานนั้นยังเข้าใจได้และจะไม่พูดอะไรมาก แต่สำหรับหวงเจียวเจียว...นั่นคือคนที่ยากจะรับมือเกาเล่อหัวเราะ แล้วกล่าวต่อ “ท่านผู้นำอาจเข้าใจผิด ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ธรรมดาอย่างที่ท่านคิดหรอกนะขอรับ”“ข้าเคยสืบเรื่องที่นี่มาแล้ว”“เท่าที่ข้าทราบ เจ้าของที่นี่มีเบื้
ในไม่ช้าหวังหยวนพร้อมคณะก็กลับมายังที่ว่าการเมืองอู่เจียงฉุนอวี๋อันเฝ้ารอมาพักใหญ่แล้ว“ท่านผู้นำ ข้าสั่งให้เหล่าแรงงานเตรียมพร้อมแล้ว พวกเขาพร้อมจะเริ่มงานได้ทุกเมื่อขอรับ!”“ข้าได้แจกจ่ายแบบแปลนให้แก่พวกเขาแล้ว แต่ว่าตอนนี้ยังมีปัญหาอยู่อย่างหนึ่ง...”ฉุนอวี๋อันพูดเพียงเท่านี้ก็เงียบไป สีหน้าบ่งบอกถึงความลำบากใจ“ต้องการเงินเท่าใด?”หวังหยวนทราบความคิดของเขาในทันทีจึงเอ่ยถามออกไป“ท่านผู้นำฉลาดหลักแหลมยิ่งนักขอรับ!”“ใช่แล้วขอรับ เพียงแค่ต้องการเงินจำนวนหนึ่ง!”“ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เมืองอู่เจียงไม่ได้มีเงินทองมากมาย จึงไม่เพียงพอที่จะใช้ในการก่อสร้างครั้งนี้”“ข้าจึงจำต้องมาแจ้งเรื่องนี้กับท่านผู้นำขอรับ...”ฉุนอวี๋อันรีบกล่าว“เจ้าไม่ต้องอ้อมค้อมแล้ว ต้องการเงินเท่าใดก็บอกมาเถิด เรื่องนี้ข้าจะจัดการให้”หวังหยวนไม่ได้ขาดแคลนเงินทองนั่นคือเรื่องเดียวที่เขาได้เปรียบในบรรดาอาณาจักรทั้งสี่ฉุนอวี๋อันรีบนำบัญชีรายรับรายจ่ายที่รวบรวมไว้มาให้หวังหยวน “ข้าได้รวบรวมรายละเอียดทั้งหมดไว้แล้ว ท่านผู้นำโปรดพิจารณา หากไม่มีปัญหาอะไรก็โปรดอนุมัติตามจำนวนนี้ด้วยขอรับ”หวังหยวนรับม
ถ้อยคำของตงฟางฮั่นมีความหมายแฝงอยู่ แต่หวังหยวนก็เข้าใจในทันที“ข้าเข้าใจแล้ว ท่านหมายถึงพรรคทมิฬใช่หรือไม่?”ตงฟางฮั่นยิ้มอย่างพึงพอใจ แล้วพยักหน้า“ดูเหมือนว่าท่านจะไม่ได้ไร้เดียงสาเหมือนที่ข้าคิด สามารถสังเกตเห็นพรรคทมิฬได้เร็วถึงเพียงนี้!”เมื่อเอ่ยถึงชื่อนี้ สีหน้าของเกาเล่อก็เปลี่ยนไปเช่นกันหลังจากจับกุมสาวกของพรรคทมิฬได้หลายคน เกาเล่อและหวังหยวนก็รู้เรื่องของพรรคทมิฬมากขึ้น และในช่วงนี้เกาเล่อก็ได้ส่งคนจำนวนมากไปรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับพรรคทมิฬแต่ก็ยังไม่มีประโยชน์มากนักแสดงให้เห็นว่าคนของพรรคทมิฬนั้นเหมือนพวกหนูที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืด!การขุดคุ้ยเรื่องคนเหล่านี้ต้องใช้เวลา!“แล้วเหตุใดคนของพรรคทมิฬถึงได้ทำร้ายท่านเล่า?” “หรือว่าพวกท่านเคยมีเรื่องขัดแย้งกัน?”หวังหยวนเคาะโต๊ะเบา ๆ สายตาจ้องมองไปที่ตงฟางฮั่นอีกครั้งตงฟางฮั่นส่ายหน้าแล้วยิ้มเยาะ “ข้าจะไปเข้าร่วมกับคนพวกนั้นได้อย่างไร?” “ไม่รู้ว่าพวกเขาได้ยินชื่อของข้ามาจากไหน จึงได้มาติดต่อข้า หวังว่าข้าจะเข้าร่วมพรรคทมิฬ!” “แต่ข้าได้ปฏิเสธพวกเขามาหลายครั้งแล้ว” “แต่พวกเขาก็ยังคงตามติดไม่เลิก ก่อนหน้านี้พวกเขาย