“ในที่สุดก็ล้างเสร็จแล้ว!”หลังจากล้างมือของเด็ก ๆ แล้ว หวังหยวนก็ลูบเอวและยักไหล่แก้เมื่อย!บรรดาจ้าวหู้รีบเข้ามาอุ้มเด็ก ๆ ที่ไม่ยอมกลับ พากลับบ้านไป!หวังหยวนโบกมือลาเด็ก ๆ!ทันใดนั้น มือเล็ก ๆ สองมือวางบนไหล่ และเริ่มนวดเบา ๆ “คุณชาย เหนื่อยไหม?”กลิ่นหอมจาง ๆ ที่ลอยเข้ามา มือเล็กนุ่ม ๆ ทำให้ร่างกายที่ปวดตึงของเขารู้สึกอบอุ่น หวังหยวนเกร็งไปทั้งตัว "ตอนนี้ข้าเหนื่อยนิดหน่อย แต่หลังจากที่เจ้านวดข้าแบบนี้ ข้าก็รู้สึกมีแรงขึ้นมาทันที!"“ถ้าอย่างนั้นข้าจะนวดมากกว่านี้!”หูเมิ่งอิ๋งเปลี่ยนเรื่องและพูดว่า "ชุดเครื่องมือขุดเจาะนั้นหายาก ดังนั้นควรให้พี่น้องตระกูลเฟยเก็บเป็นความลับ! ทางที่ดีควรลงนามในสัญญากับพวกเขา ถ้าน้ำเกลือถูกต้มออกมาแล้วให้ขายกับเราทั้งหมด ยกเว้นส่วนที่ส่งมอบให้ทางการเท่านั้น คำมั่นคนไม่น่าเชื่อถือเท่าหนังสือสัญญาหรอก เราต้องเตรียมตัว!"หวังหยวนหลับตา "เจ้าพูดถูก แต่ตอนนี้ไม่ต้องพูดถึงเรื่องสัญญาเลย ข้าไม่รู้ว่าต้องขุดบ่อนี้ลึกแค่ไหนถึงจะมีน้ำเกลือจะออกมา ถ้าขุดอีกวันแล้วยังไม่มีน้ำเกลือออกมา เราคงต้องกลับไปที่เมือง!”หูเมิ่งอิ๋งพยักหน้าเบา ๆ และนวดขมับของหวัง
หากไม่ขาดแคลนเงินทองจริง ๆ ข้าสามารถมอบให้คุณชายได้ฟรี ๆ!จ้าวหู้ที่ขายเกลือยังต้องขายในราคาสี่หรือห้าอีแปะต่อจิน และพวกเขายังจำเป็นต้องซื้อไม้และถ่านหินจำนวนมากเพื่อมาติดเตาด้วยแบ่งเกลือให้ทางการสามส่วน และจ่ายภาษีส่วนหนึ่งส่วนที่เหลือก็เป็นใช้เป็นเพียงค่าใช้จ่ายสำหรับอาหารและเสื้อผ้าสำหรับครอบครัวเท่านั้น และการลดราคาก็ถึงขีดจำกัดแล้ว!หากลดเงินลงสองอีแปะ ครอบครัวจะต้องรัดเข็มขัดและคงจะขาดแคลนอาหารแต่ถ้าไม่มีคุณชาย ลูกชายก็คงไม่รอดและบ่อเกลือก็คงไม่มีน้ำเกลือ บุญคุณต้องตอบแทน!หวังหยวนส่ายหัว "เฟยหนิว เจ้าคิดผิดแล้ว ข้าไม่คิดว่ามันแพง แต่ข้าคิดว่ามันถูกไป! ตามราคาตลาด เกลือหนึ่งจินมีราคาสี่อีแปะ เจ้าจะซื้อได้แค่อาหารและเสื้อผ้าเท่านั้น ดังนั้นข้าจึงตัดสินใจให้เจ้าแปดอีแปะต่อหนึ่งจิน จะซื้อเกลือหกแสนจินจากที่นี่ทุกปี!”ทุกคนในหมู่บ้านเหล่าเฟยต่างกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ พวกเขาทั้งหมดคุกเข่าลงกับพื้น และโขกศีรษะไม่หยุด!พ่อค้าเกลือที่มาซื้อเกลือพยายามอย่างเต็มที่ที่จะกดราคาพวกเขาให้ต่ำที่สุด ให้พวกเขาแค่พอซื้ออาหารและเสื้อผ้าได้!ไม่เคยมีพ่อค้าเกลือคนใดริเริ่มขึ้นราคาให้พว
หากทำให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบขุ่นเคือง เตาจะปิดเมื่อไหร่ก็ได้ และไม่สามารถแอบต้มเกลือได้อีกด้วยด้วยการควบคุมเจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อยในกรมขนส่งเกลือ และควบคุมการผลิตและจำหน่ายเกลือทางอ้อมเช่นนี้ ตระกูลหยางจึงได้ผูกขาดธุรกิจเกลือในเฟยชางมองไปที่หวังหยวน แววตาของหยางโม่ก็เย็นชาและทิ่มแทง เขาเดินไปข้างหน้าและปรบมือคนรับใช้สองคนวิ่งเข้ามา ถือกล่องเล็ก ๆ วางไว้บนพื้นและเปิดออก พบแท่งเงินวางอยู่ข้างในเจ็ดพี่น้องตระกูลเฟยและกลุ่มจ้าวหู้มองดูเงินอย่างงุนงงราวกับพวกเขาถูกกระชากวิญญาณไป!“เฟยหนิว นี่คือเงินหนึ่งพันตำลึง”หยางโม่เชิดหน้าขึ้น และพูดอย่างเย่อหยิ่ง "บ่อเกลือของเจ้าผลิตน้ำเกลือได้แล้ว ตระกูลหยางจึงตัดสินใจที่จะต้มเกลือต่อ หากเจ้าลงนามในสัญญากับตระกูลหยาง เกลือทั้งหมดที่ต้มแล้วในหมู่บ้านของเจ้าจะถูกขายให้กับตระกูลหยาง แล้วเงินนั้นก็จะเป็นของเจ้า!” เงินพันตำลึงนี้ แค่ซื้อบ่อเกลือขุดใหม่ของตระกูลเฟย แต่แน่นอนว่าพวกเขาไม่พูดออกมาตรง ๆ!เฮือก!จ้าวหู้หลายรายหายใจไม่ออก และใจเต้นทันที!เงินหนึ่งพันตำลึง หากตกลงและรับมันไว้ ต่อจากนี้ไปก็จะชีวิตที่สุขสบาย!จ้าวหู้หลายคนมองเฟยหนิวแล
น้ำเสียงและท่าทางนี้ทำให้หัวของเจ้าหน้าที่ตรวจสอบหลิวชาไปหมด "เจ้า เจ้ากล้าตบข้า!"เพี๊ยะ!ตบลงไปอีกที วังฉงโหลวก็จิ้ปากอย่างเย็นชา "ตบเจ้า กลับไปที่กรมข้าจะหาคนมาถลกเจ้า ข้าจะให้ปากคำว่าเจ้าไปขู่เข็ญพวกจ้าวหู่มาเท่าไหร่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และข้าจะเอาเจ้าเข้าคุก!” เจ้าหน้าที่ตรวจสอบหลิวได้ฟังเช่นนั้น เหงื่อเย็นไหลลงมาตามแนวกระดูกสันหลัง "จะ-เจ้าเป็นใคร?"“วังฉงโหลว ลูกชายคนโตของตระกูลวัง!”หยางโม่ถึงกับหน้าถอดสีจ้าวหู้ในหมู่บ้านเหล่าเฟยต่างพากันตกตะลึง นั่นผู้ว่าการมณฑล แถมยังเป็นตระกูลจอหงวนอีกด้วย!กึกตุ้บ!เจ้าหน้าที่ตรวจสอบหลิวคุกเข่าลงร้องขอความเมตตา "คุณชายน้อยวัง ข้ามีตาหามีแววไม่ ข้าไม่เคยเจอท่านมาก่อน อย่าถือสาข้าน้อยเลย!"“มาขอร้องข้ามีประโยชน์อะไร? เจ้าล่วงเกินลุงหยวนของข้า!”วังฉงโหลวกล่าวว่า "เขาเป็นสหายสนิทของท่านลุงของข้า เรื่องของเขาก็เหมือนเรื่องของตระกูลวัง ผู้ว่าราชการเรียกเขาว่าท่าน และทูตขนส่งเกลือโจวเฉิงไม่ฟังข้อเสนอของตระกูลหยางที่จะขายเกลือให้เขา"“เจ้าผู้ตรวจการสายตรวจชั้นผู้น้อยเช่นนี้ กล้าดียังไงมาทำตัวเหมือนสุนัขของตระกูลหยาง ทำให้ลุงหยวนของข้
ในรถม้า หวังหยวนลืมตาขึ้น "ถ้ามองข้าอีก ข้าจะเก็บเงินนะ!""อ๊าย!"ใบหน้างดงามของหูเมิ่งอิ๋งที่ถูกจับได้ว่าแอบมองตกใจจนทำอะไรไม่ถูก "คุณชายข้า ข้า ... "หวังหยวนเม้มปาก "ล้อเล่น!"ผู้หญิงยุคนี้ขี้อาย ถ้าแกล้งเล่นแบบนี้ต้องตกใจอยู่แล้ว!หากในยุคของเขา ผู้หญิงอาจตบไปสักฉาด หรือขับรถทับไปแล้วหูเมิ่งอิ๋งหน้าแดงและพูดว่า "คุณชายคะ ข้าแพ้เดิมพันเมื่อสามวันก่อน ท่านอยากให้ข้าทำเรื่องลำบากใจอะไรรึเจ้าคะ!"หวังหยวนรู้สึกเกรงใจเล็กน้อยและพูดว่า "เรื่องนั้น ข้าพูดไปคงไม่เหมาะสม! คำขอนี้มันออกจะไร้เหตุผลและไร้ศีลธรรมไปสักหน่อย ดังนั้น ข้าจึงไม่อยากบังคับให้เจ้าตกลง เพียงเพราะว่าเราได้เดิมพันกันแล้ว!""อื้อ..."หูเมิ่งอิ๋งหน้าแดงด้วยความเขินอาย "ค่ะ คุณชาย ช่วยกลับเมืองก่อนได้ไหม ที่นี่ไม่สะดวกนัก!พูดไม่ออก!คำขอไร้เหตุผล!คำขอไร้ศีลธรรม!นอกเหนือจากเรื่องแบบนั้นแล้ว ยังจะมีเรื่องอะไรอีก ไม่คิดเลยว่าคุณชายจะเป็นคนแบบนั้นด้วย!แต่ก็เข้าใจได้ คุณชายแต่งงานแล้ว และเขายังหนุ่มแน่นเลือดร้อนมันก็ไม่แปลกที่จะมีความคิดเช่นนี้ หลังจากอยู่คนเดียวมาหลายวัน และมีผู้หญิงคนเดียวอยู่ข้าง ๆ!คุณช
"ระวัง!"หวังหยวนดึงหูเมิ่งอิ๋งเข้าไปในรถม้าหยิบ หน้าไม้ขงเบ้งออกมาและยืนขวางหน้านางด้วยสีหน้าเคร่งขรึม!แววตาของหูเมิ่งอิ๋งตื่นตระหนก!อึ้งงงเป็นไก่ตาแตกข้างนอกรถม้า!ชายสวมหน้ากากสิบเอ็ดคนพุ่งออกไป ทุกคนล้วนแข็งแกร่งและทรงพลัง!“รถคันข้างหน้าไม่ต้องสน ฆ่าผู้ชายที่อยู่รถคันหลังซะ!”ผู้นำชายสวมหน้ากากตะโกน ชี้ไปที่ต้าหู่และเอ้อหู่ มองไปทางชายสวมหน้ากากที่มีสายตาไร้อารมณ์ "เจ้าไปหยุดสองคนนี้ซะ ที่เหลือไม่ต้องสน!"ในฐานะผู้ฝึกยุทธ์ เขาสามารถบอกได้ทันทีว่าต้าหู่และเอ้อหู่นั้นอันตรายสำหรับกัวเหลียงและกัวเฉียง ฝีมือพอ ๆ กับพวกเขา ไม่คุ้มค่าที่จะจริงจังด้วยชายสวมหน้ากากที่มีสายตาเย็นชาพูดเสียงดัง "เด็กสองคนนั้นไม่ธรรมดาเลย ถ้าข้าไม่ใช้กำลังทั้งหมดเกรงว่าคงหยุดพวกเขาไว้ไม่ได้ ถ้าข้าใช้กำลังเต็มที่จนบาดเจ็บ หรือฆ่าพวกมันแบบไม่ได้ตั้งใจ เจ้าต้องจ่ายเพิ่มให้ข้า!""ได้!"ผู้นำชายสวมหน้ากากกัดฟันข้าไม่กลัวเขาลงมือทำร้ายหรือฆ่าใคร ที่ผ่านมามีการต่อสู้ประมือกันมากมาย แต่ข้าไม่เคยเห็นไอ้สารเลวนี้ทำร้าย หรือฆ่าใครมาก่อนเลย!ฟิ้ว!ชายวัยกลางคนที่มีสายตาเย็นชาพุ่งออกมาราวกับลูกธนูที่ถ
“อย่าเพิ่งใช้หน้าไม้!”ในรถม้า แววตาของหวังหยวนเย็นชาและจริงจัง "นี่ไม่ใช่การก่อกวน พวกเขามาที่นี่เพื่อฆ่าพวกเรา ต้าหู่คิดว่าจะเจ้าจับหัวหน้ามันมาแบบเป็น ๆ ได้ไหม"หากใช้หน้าไม้ ฆ่าพวกมันให้หมด สุดท้ายคงต้องปลอมตัวเพื่อตามสืบเบาะแสพวกมันในภายหลัง!หากเจ้าจับหัวหน้าได้ ก็สามารถติดตามเบาะแสค้นหาได้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง!ต้าหู่ยกดาบแล้วลงจากหลังม้า"พวกเขาล้วนเป็นผู้มีวรยุทธ์เก่งไม่น้อยไปกว่ากัวเหลียงและกัวเฉียงเลย แต่ข้าจะลองดูก่อน ปกป้องพี่หยวนและคุณชายวัง!"คนกลุ่มหนึ่งล้อมขวางรถม้าของหวังหยวนและวังฉงโหลวไว้!“เด็กคนนี้มันบ้าไปแล้ว อันที่จริง เขาอยากจะมาสู้กับพวกเราสิบคนจริง ๆ เขาแค่มารนหาที่ตาย!”หัวหน้าชายสวมหน้ากากหัวเราะเยาะ โบกมือ ทั้งสี่คนถือดาบรีบเข้ามาล้อมขนาบเขาทั้งสองด้าน!ตึง!กึก เคร้ง!ต้าหู่ฟันดาบลงไป ชายสวมหน้ากากที่อยู่ด้านหน้าก็ยกดาบสกัดดาบไว้ ดาบนั้นถูกดาบยาวตัดฝ่ากลางเข้าให้ทะลุหัวเขาแยกออกเป็นสองซีก!"อ๊าก!"เมื่อเห็นว่าดาบยาวแข็งแกร่งแค่ไหน ชายสวมหน้ากากทั้งสามก็ตกใจหันหลังวิ่งหนีไป!ตู้ม! ตู้ม!ต้าหู่ไล่ตามไปแทงตายไปอีกสองคน ที่เหลือก็วิ่งหนีไป!ชายสว
“พี่หานซานบอกข้าก่อนหน้านี้ว่าเขามีลูกชายสองคน ลูกชายคนโตหนักแน่นมั่นคง ลูกชายคนเล็กบุ่มบ่ามมุทะลุ ถ้าอย่างนั้นเจ้าคือต้าหู่ และเจ้าก็คือเอ้อหู่!”ชายวัยกลางคนที่มีแววตาเย็นชานั้นก็ลุกขึ้นชี้ไปที่ต้าหู่และเอ้อหู่ จากนั้นชี้ไปที่หวังหยวนแล้วพูดว่า "เขาเป็นใคร!"หวังหยวนมองชายวัยกลางคนขึ้น ๆ ลง ๆ "ข้าเป็นลูกพี่ลูกน้องของพวกเขา ท่านคือนักรบกองทัพเกราะทมิฬ?"กองทัพชุดเกราะทมิฬ เจ้าของร่างเดิมเคยได้เรียนมาก่อน และได้รับการกล่าวขายหลายครั้งว่าเป็นกองทัพที่แข็งแกร่งที่สุดในต้าเย่จากนั้นถึงได้รู้ว่าหวังหานซานและเฮยซินหู่ทั้งคู่มาจากกองทัพเกราะทมิฬ!ไม่นานมานี้ ในจวนตระกูลวัง วังไห่เทียนเมาเหล้าพูดออกมาเขาบอกว่ากองทัพเกราะทมิฬที่แข็งแกร่งที่สุดนั้นได้ถูกทำลายลงไปแล้ว และเขาบอกว่าไม่อยากให้เขาเป็นอู๋มู่คนที่สอง!ชายวัยกลางคนเงยหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิใจ "ข้าคือองค์รักษ์ส่วนตัวคนที่เก้าของท่านแม่ทัพมู่!"เอ้อหู่อดไม่ได้ที่จะถามว่า “ท่านแม่ทัพมู่คือใคร?”เขาถามถึงกองทัพเกราะทมิฬ และท่านแม่ทัพมู่หลายครั้ง แต่พ่อของเขาปฏิเสธที่จะบอก และตีเขาเพื่อไม่ให้เขาถามอีก!“ดูเหมือนว่าพี่ใหญ่จะไม่ได้บอ
“พวกเจ้าออกไปก่อน”เมื่อเห็นว่าคนเหล่านั้นหน้าดำคร่ำเครียด ซือหม่าอันจึงโบกมือให้พวกเขาออกไปในชั่วพริบตา คนเหล่านั้นก็จากไปด้วยความโล่งอกพวกเขาถึงกับกังวลว่าหานเทาจะสังหารพวกเขาเพราะความโกรธด้วยซ้ำ...“ท่านขุนพลหานไม่ต้องโมโห”“อันที่จริง เรื่องเหล่านี้ล้วนสมเหตุสมผล”“แม้ว่าจะไม่มีตำแหน่งอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้าแล้ว แต่ชื่อเสียงของพวกเราก็ไม่ค่อยดีนัก พวกเขาจะเดินทางมาได้อย่างไร?”“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็สร้างหอไร้เทียมทานขึ้นมาเอง ท่านคิดเห็นเช่นไร?”ซือหม่าอันหรี่ตาลง ตอนนี้เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ สายตาจับจ้องไปที่หานเทาหานเทากลืนน้ำลาย เอ่ยถามขึ้นว่า “ท่านมีความคิดดี ๆ แล้วหรือ?”ซือหม่าอันกล่าวว่า “หลายปีมานี้ ผู้คนต่างก็เกลียดชังอาณาจักรต้าเป่ย ถึงกับคิดว่าต้นตอของสงครามในดินแดนทั้งเก้าก็คืออาณาจักรต้าเป่ยของพวกเรา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อยากเข้าร่วมกับพวกเรา”“เช่นนั้นพวกเราก็นำยอดฝีมือจำนวนมากจากภายนอกเข้ามาเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับตนเองสิ!”“ตามที่ข้ารู้ หวังหยวนมีน้องชายคนหนึ่งชื่อว่าไฉจวิ้น ทั้งสองไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด ว่ากันว่าเป็นพี่น้องร่วมสาบาน”“ไฉ
“เมื่อคืนข้าไม่ได้บอกเจ้าแล้วหรือ ว่าอีกสองวันพวกเราจะกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง?”“ท่านถงและคนอื่น ๆ ล้วนอยู่ที่หมู่บ้านต้าหวัง พวกเราไม่ต้องเป็นกังวลกับเรื่องราวที่นั่น”“เมื่อพวกเรากลับไปแล้ว ก็เพียงแค่ใช้ชีวิตให้มีความสุข”หวังหยวนไม่ใช่คนไร้ซึ่งความทะเยอทะยาน เพียงแต่ว่าเขาไม่ได้มีความรักชาติอันยิ่งใหญ่และคำนึงถึงปวงประชาเป็นหลัก!เขาเพียงต้องการดูแลครอบครัวของตนเอง รวมถึงสหายและพี่น้องที่อยู่เคียงข้าง!หากสามารถช่วยเหลือปวงประชาได้ ย่อมเป็นเรื่องดี แต่หากต้องเสียสละสิ่งใดจริง ๆ เกรงว่าเขาคงจะไม่ทำเช่นนั้น...แม้แต่การประชุมที่หอหลิวหลีในตอนนั้น ก็เป็นเพียงเพราะหวังหยวนต้องการความสงบสุข“ไม่ได้ ไม่ได้!”“ข้าไม่อยากกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง!”“ข้าอยากจะติดตามท่านไปยังสถานที่ที่ผู้คนไม่พลุกพล่าน เมื่อข้าให้กำเนิดลูกแล้ว พวกเราค่อยกลับไปก็ได้ไม่ใช่หรือ?”หลิ่วหรูเยียนฉลาดยิ่งนักเมื่อกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง นางจะสามารถติดตามหวังหยวนได้ทุกวันได้อย่างไร?อย่าว่าแต่ต้องการจะมีลูกเป็นของตนเองเลย เกรงว่าแม้แต่พื้นที่ส่วนตัวของเขากับนางก็ยังแทบจะไม่มี!ในบ้านยังมีพี่สาวอีกหลายคน
หวังหยวนได้ตัดสินใจแล้ว เรื่องราวในเมืองอู่เจียงใกล้จะสิ้นสุด เขาเตรียมที่จะกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวังในอีกสองวันครั้งนี้เขาออกมานานกว่าครึ่งปี แม้ว่าพวกหลี่ซื่อหานจะไม่ได้เร่งรัดให้เขากลับบ้าน แต่ด้วยนิสัยของพวกนาง เกรงว่าคงจะอยากมาตามหาเขาแล้วกระมัง?มีปัญหาน้อยดีกว่ามีปัญหามาก รีบกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวังย่อมดีกว่าอีกอย่างคือเมื่อมีคนรักใหม่แล้วจะลืมคนรักเก่าได้อย่างไร!ฝนตกทั่วฟ้าถึงจะถูกต้อง!“ท่านผู้นำ มีเรื่องสำคัญที่ต้องรายงานท่านขอรับ!”“ข้าเพิ่งได้รับข่าว หานเทาและซือหม่าอันได้ก่อตั้งสถานที่ที่คล้ายกับหอไร้เทียมทาน ตอนนี้กำลังรวบรวมยอดฝีมือทั่วหล้า!”“นี่มันจงใจเป็นศัตรูกับพวกเราชัด ๆ”“ข้าจึงอยากจะถามว่า ต่อไปพวกเราต้องทำการตอบโต้หรือไม่ขอรับ?”หากเป็นเมื่อก่อน เกาเล่อย่อมต้องการความมั่นคง ไม่เคยทำเรื่องหุนหันพลันแล่นในสถานการณ์เช่นนี้ ย่อมไม่เลือกที่จะปะทะกับหานเทาโดยตรงแต่ยามนี้แตกต่างออกไป เมื่อก่อนหวังหยวนมีเพียงแคว้นเดียวเท่านั้น ตอนนี้แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น แต่เผ่าทางเหนือทั้งหมดก็อยู่ภายใต้การบัญชาของหวังหยวนแล้ว และท่านไท่สื่อก็เป็นคนของพวกเขาด้วย!ประกอบก
กองทัพทั่วหล้าตกอยู่ในมือของเขาแล้ว!หากเกิดสงครามกับหวังหยวน เขาก็ต้องเป็นแนวหน้า!ซือหม่าอันหรี่ตา จากนั้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “เรื่องที่ท่านขุนพลหานกังวล มีหรือที่ข้าจะไม่กังวล?”“ข้าได้กราบทูลเรื่องนี้กับฝ่าบาทแล้ว แต่ฝ่าบาทกลับไม่ได้ใส่ใจ ตอนนี้ท่านโปรดปรานการใช้ดินปืน ซ้ำยังให้คนไปคิดค้นอาวุธร้อนเพิ่มด้วย!”“เพียงแต่ว่าการจะพัฒนาอาวุธร้อนให้สมบูรณ์ ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ในชั่วข้ามคืน!”หานเทาถอนหายใจยาว มีหรือที่เขาจะไม่เข้าใจหลักการนี้?น่าเสียดายที่ไม่สามารถพูดคุยกับฝ่าบาทให้เข้าใจได้!“เช่นนั้นตามความคิดเห็นของท่านซือหม่า ต่อไปพวกเราต้องทำอย่างไร?”หานเทาเอ่ยถามเขาเป็นเพียงขุนศึก ในสถานการณ์เช่นนี้ ย่อมต้องการความช่วยเหลือจากซือหม่าอันเมื่อทั้งสองปรึกษาหารือกัน อาจจะสามารถหาผลลัพธ์ที่ดีได้!ซือหม่าอันหรี่ตาลง ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ใช้นิ้วเคาะโต๊ะเบา ๆ จากนั้นกล่าวว่า “หรือว่าพวกเราจะก่อตั้งสถานที่ที่คล้ายกับหอไร้เทียมทาน จากนั้นก็ป่าวประกาศเรื่องนี้ให้ทั่ว ให้ผู้คนทั่วหล้าเดินทางมา เช่นนี้แล้ว ต่อให้พวกเราไม่สามารถรวบรวมยอดฝีมือได้มากมาย อย่างน้อยก็ไม่ปล่อยให้
“เจ้านี่นะ! ถึงกับหึงหวงเพราะผู้ชายเลยหรือ? หากกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง เช่นนั้นข้าจะมีความสุขได้อย่างไร?”หวังหยวนส่ายหน้าอย่างจนใจ ที่บ้านเขายังมีภรรยาสาวสวยอีกหลายคน ท่าทางของหลิ่วหรูเยียนเช่นนี้ ช่างทำให้เขารู้สึกหวาดหวั่นที่สำคัญที่สุดก็คือ ภรรยาในบ้านแต่ละคนล้วนไม่ใช่คนธรรมดา!โดยเฉพาะหวงเจียวเจียว นิสัยของนางร้อนแรงยิ่งกว่าไฟ นอกจากหลี่ซื่อหานและคนอื่น ๆ แล้ว ก็เกรงว่าจะไม่ยอมรับใครอีกหากสตรีทั้งสองนี้มาพบกัน ใครจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแต่ในเมื่อรับพวกนางมาเป็นภรรยาแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต เขาก็ต้องรับผิดชอบทั้งหมดเวลาสามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในช่วงสามวันนี้ หวังหยวนอยู่ในหอไร้เทียมทานต้องยอมรับว่าการก่อตั้งหอไร้เทียมทานได้ดึงดูดผู้มีความสามารถมากมายมาให้หวังหยวนที่สำคัญที่สุดก็คือหวังหยวนเป็นเพียงผู้ดูแล เรื่องราวทั้งหมดมอบให้เกาเล่อจัดการ โดยเพียงแค่ใช้ชื่อเสียงของหวังหยวนเท่านั้น!ต้องรู้ว่าหวังหยวนมีชื่อเสียงไปทั่วทั้งดินแดนทั้งเก้า เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด แม้แต่ปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้าก็เคารพหวังหยวน แล้วใครเล่าจะไม่อยากมาอยู่ใต้บัญชาของหวังหยวน?ยิ่งไป
การประลองย่อมต้องดำเนินต่อไปเพียงแต่ว่าตำแหน่งอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้านั้นมีมากมาย หวังหยวนจึงไม่ได้อยู่ดูการแข่งขันต่อคาดว่าในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า หอไร้เทียมทานคงจะคึกคักเป็นอย่างมากในไม่ช้า หวังหยวน ไฉจวิ้น และหลิ่วหรูเยียนทั้งสามก็กลับมาถึงห้อง ส่วนเรื่องภายนอกมอบให้เกาเล่อจัดการทันทีที่เดินเข้าห้อง หวังหยวนจึงรีบจับมือไฉจวิ้นมาตรวจดูอย่างละเอียด“พี่ใหญ่ ท่านไม่ต้องเป็นห่วงหรอกขอรับ ข้าสบายดี!”“ต่อให้ต้องประลองต่อ ข้าก็ยังไหว!”“เพียงแต่ข้าคิดไม่ถึงว่าเจ้านั่นจะยอมแพ้...”“เช่นนี้ก็ดี ทำให้ข้าไม่ต้องเปลืองแรง!”“อีกอย่าง หากต้องประลองกันต่อ เกรงว่าแม้แต่ข้าก็ไม่รู้ว่าจะสำเร็จหรือไม่...”นี่เป็นความจริงทุกคนรู้ว่าไฉจวิ้นมีพละกำลังมหาศาล ตัวเขาเองก็รู้ดีแก่ใจ แต่ขีดจำกัดของตนอยู่ที่ใด เกรงว่าแม้แต่เขาเองก็คงจะไม่รู้“เห็นว่าเจ้าไม่เป็นอะไร ข้าก็โล่งใจ”“แต่ต่อไปเมื่อทำสิ่งใด ต้องใช้ความคิดให้มาก”“แม้ว่าเจ้าจะมีพละกำลังมหาศาล แต่เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน เจ้าไม่มีทางรู้ได้ว่าคู่ต่อสู้ของเจ้าแข็งแกร่งเพียงใด”“ดังนั้นเมื่อทำสิ่งใด อย่าได้อวดดี เข้าใจหรือไม่?”
“ช่างมีพละกำลังมหาศาลจริง ๆ!”ขณะที่หวังหยวนกับพวกกำลังสนทนากัน สายตาของพวกเขาก็จับจ้องไปที่ดาร์เนล ซึ่งในตอนนี้ได้ยกติ่งหนักถึงเจ็ดร้อยชั่งขึ้นเหนือศีรษะบนเวทีเหลือเพียงไฉจวิ้นและดาร์เนลเมื่อดาร์เนลยกติ่งขึ้นได้ สายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปที่ไฉจวิ้น ตอนนี้เขาคือความหวังของปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้า ตำแหน่งจอมพลังอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้าจะไปตกอยู่ในมือของชาวต่างชาติได้อย่างไร?เช่นนี้แล้ว ภายภาคหน้าปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้าจะเชิดหน้าชูตาได้อย่างไร?ทางด้านสายตาของหวังหยวนนั้นจับจ้องไปที่ดาร์เนล ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่“ดูท่าแล้วไฉจวิ้นยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ดาร์เนลมีความสามารถจริง ๆ ข้าเห็นว่าตอนที่เขายกติ่งขึ้นเมื่อครู่ไม่ได้มีความลังเลแม้แต่น้อย ช่างมีพละกำลังมหาศาลนัก หากบอกว่าคนผู้นี้คือจอมพลังอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้า นั่นไม่ถือว่าเป็นการดูหมิ่นชื่อเสียงอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้า”หลิ่วหรูเยียนที่อยู่ด้านข้างเอ่ยอย่างช้า ๆการกระทำทั้งหมดของดาร์เนลล้วนอยู่ในสายตาของพวกเขา นี่คือผู้ที่มีความสามารถอย่างแท้จริงหากเปลี่ยนเป็นคนอื่น เกรงว่าจะไม่มีใครทำได้อย่างเข้าไม่ใช่หรือ?
แต่ทั้งหมดนี้นั้น นับว่าเป็นความดีความชอบของปู่ของไฉจวิ้นด้วย หากไม่ใช่เพราะมีปู่ช่วยเหลืออยู่ข้าง ๆ และใช้ชีวิตอยู่ในป่ามาหลายปี แล้วเขาจะมีพละกำลังแข็งแกร่งเพียงนี้ได้อย่างไร?เมื่อไฉจวิ้นยกติ่งใหญ่ขึ้น ผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ ก็ทยอยแสดงความสามารถของตนน่าเสียดาย ในท้ายที่สุดผู้ที่สามารถยกติ่งใหญ่ขึ้นได้ นอกจากไฉจวิ้นแล้วมีเพียงชาวต่างชาติที่มาจากต่างแดนเท่านั้นเสียงปรบมือดังกึกก้องจากข้างล่างเวที “คนผู้นี้มีความสามารถยิ่งนัก”หวังหยวนกอดอกมองชาวต่างชาติผู้นั้น พลางกวักมือเรียกเกาเล่อในชั่วพริบตา เกาเล่อก็มาอยู่ข้างกายหวังหยวน แต่สีหน้ากลับดูตึงเครียด“คนผู้นั้นคือชาวต่างชาติที่เจ้าเพิ่งพูดถึงหรือ?”หวังหยวนชี้ไปที่อีกคนบนเวที แล้วเอ่ยถามเกาเล่อพยักหน้า จากนั้นก็ขมวดคิ้วเอ่ยว่า “คนผู้นี้มีที่มาไม่ธรรมดา ก่อนหน้านี้ข้าได้บอกข้อมูลของเขาให้ท่านทราบแล้ว คนผู้นี้มีชื่อว่าดาร์เนล ว่ากันว่ามีพละกำลังมหาศาลตั้งแต่เด็ก และเคยต่อยเสือร้ายตายด้วยหมัดเดียว!”“เดิมทีคิดว่าทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องเล่า ตอนนี้ดูเหมือนว่าอาจจะไม่ใช่เรื่องโกหก...”สามารถยกติ่งใหญ่หนักห้าร้อยชั่งได้ นั่นก็
เขามีความมั่นใจในตัวน้องชายคนนี้ก่อนหน้านี้ หวังหยวนเคยเห็นความสามารถของไฉจวิ้นมาก่อน อย่าว่าแต่จะหาผู้ที่เทียบเทียมเขาในบรรดาคนรุ่นเดียวกันได้ยากเลย แม้แต่คนที่อายุมากกว่าเขาก็ยังไม่มีใครมีพละกำลังเท่าเขา!ยิ่งไปกว่านั้น หวังหยวนเองก็ยังไม่รู้ขีดจำกัดของไฉจวิ้น!ดูท่าแล้ววันนี้คงมีเรื่องสนุกให้ชมกันเกาเล่อกลับเอ่ยว่า “ข้าเห็นว่าไม่เป็นเช่นนั้น คนที่อยู่ข้างกายไฉจวิ้นล้วนไม่ใช่คนธรรมดา! หนึ่งในนั้นมาจากต่างแดน คนผู้นี้มีชื่อเสียงมานาน ว่ากันว่าสามารถยกหินใหญ่หนักสองร้อยจินได้ด้วยมือเดียว!”“หากใช้สองมือ คาดว่าของหนักห้าร้อยจินก็คงไม่คณนามือขอรับ!”นี่...หวังหยวนกลืนน้ำลาย คนเหล่านี้กินหินเป็นอาหารกันหรืออย่างไร?ฝึกฝนร่างกายจนแข็งแกร่งถึงเพียงนี้เลยหรือ?อย่าว่าแต่ยกของหนักห้าร้อยจินเลย แม้แต่สองร้อยห้าสิบจิน เขาก็ยังยกไม่ขึ้น!“รอดูไปก่อน ข้าก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าศักยภาพของไฉจวิ้นมีขีดจำกัดอยู่ที่ใด”“เจ้าจำไว้ว่าต้องไปเตือนเขาด้วยว่าอย่าได้มุทะลุดุดัน!”“เขายังเด็กนัก ภายภาคหน้ายังมีโอกาสอีกมากที่จะพิสูจน์ตนเอง หากได้รับบาดเจ็บเพราะเรื่องนี้แล้วนั้น ย่อมไม่คุ้มค่า”ห