“ข้าแค่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น”ซ่งติ้งกั๋วโบกมือ แล้วชี้ไปที่ทหารองครักษ์ข้างกาย “ตอนนั้นสถานการณ์คับขัน ข้าเองก็ไม่มีวรยุทธ์ หากไม่ได้คนของข้ามาช่วยไว้ทันเวลา คงบาดเจ็บสาหัสเช่นเดียวกับคุณหนูไป๋...”“ตอนนี้คงได้แต่นอนพักรักษาตัวอยู่ในโรงหมอเช่นกัน”“พูดแล้วช่างน่ากลัวยิ่งนัก เกิดเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร?”ทุกคนมองซ่งติ้งกั๋วด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่มีผู้ใดเอ่ยปากแต่คำพูดของเขานั้นเป็นการตำหนิหวังหยวนอย่างชัดเจน!แต่ไม่ว่าใครจะเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง หวังหยวนจะปรารถนาให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นได้อย่างไร?“อะแฮ่ม”เสียงกระแอมเบา ๆ ดึงความสนใจ เซียวตั๋วมองไปที่ซ่งติ้งกั๋ว แล้วเดินเข้าไปหา“ท่านอัครเสนาบดีซ่ง”“ข้าพอมีความรู้ทางการแพทย์อยู่บ้าง ในเมื่อหมอทั้งเมืองกำลังรักษาคุณหนูไป๋ ขอให้ข้าตรวจดูบาดแผลของท่านได้หรือไม่?”ระหว่างที่พูด เซียวตั๋วก็ยื่นมือออกไปหมายจะจับมือซ่งติ้งกั๋ว ทันใดนั้น ทหารองครักษ์สองคนก็พุ่งตัวเข้ามาขวางหน้าเซียวตั๋วด้วยสีหน้าเคร่งขรึม!“เจ้าเป็นใคร?”“กล้าดีอย่างไรมาตรวจอาการท่านอัครเสนาบดีของพวกข้า?”“ถอยไป! ไม่มีธุระอะไรกับเจ้า!”ทหารองครักษ์ทั้งส
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ต่งอวี่ก็ยิ่งเดือดดาลขณะที่เขากำลังจะระเบิดอารมณ์ หวังหยวนก็พุ่งเข้ามาตบหน้าทหารองครักษ์ผู้นั้นอย่างแรง!ทหารองครักษ์ผู้นั้นกำลังจะตอบโต้ แต่เมื่อเห็นว่าผู้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือหวังหยวนก็พลันหน้าซีดเผือด กลืนน้ำลายลงคอ ไม่กล้าพูดต่อเพราะที่นี่คือเมืองอู่เจียง เป็นเขตแดนของหวังหยวน ถึงแม้เจ้านายของพวกเขาจะมาพบหวังหยวนก็ยังต้องให้เกียรติอยู่บ้างหากพวกเขาทำเรื่องเกินเลย ผลที่ตามมาคงไม่อาจคาดเดา...อาจทำให้พวกเขาและเจ้านายต้องติดอยู่ในเมืองอู่เจียง!“ต่งอวี่เป็นขุนพลของข้าและเป็นพี่น้องของข้าด้วย!”“ปกติแล้วพวกเราสองคนเท่าเทียมเสมอกัน!”“พวกเจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร? กล้าดีอย่างไรมาเทียบเคียงกับต่งอวี่?”“ซ้ำยังกล้าพูดจาโอหังอีกหรือ?”หวังหยวนโมโหขนถึงขีดสุด เนื่องจากต้องให้เกียรติซ่งติ้งกั๋วอยู่บ้างแต่ในเมื่อคนพวกนี้ไม่รู้จะที่ต่ำที่สูง เขาก็ไม่จำเป็นต้องพูดมาก ลงมือเลยแล้วกัน ถือว่าช่วยสั่งสอนคนพวกนี้แทนซ่งติ้งกั๋ว!ไม่ให้เสียมารยาทจนเกินไป“อะแฮ่ม”“ท่านหวัง!”“ขออภัยที่ข้าสั่งสอนคนไม่ดี!”ทันใดนั้นซ่งติ้งกั๋วก็รีบเข้ามาไกล่เกลี่ย “ท่านหวัง คงเป็นเรื
“เช่นนั้นพวกเราเปิดศึกกับพวกมันเลยสิขอรับ!”“จำเป็นต้องกลัวพวกมันด้วยหรือ?”ต่งอวี่กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา เห็นได้ชัดว่าไม่ได้ใส่ใจคนของอาณาจักรต้าเป่ยแม้แต่น้อยตอนนี้เขาอยากกลับไปรบในสนามรบและสร้างความดีความชอบ นี่เป็นสิ่งที่บุรุษสมควรทำ!จะทนอยู่ที่นี่ให้เสียเกียรติยศไปเพื่ออะไร?“ยังไม่ถึงเวลา”หวังหยวนพูดด้วยรอยยิ้ม แล้วปลอบใจต่งอวี่ ก่อนจะหันไปมองเซียวตั๋ว“เหตุใดจู่ ๆ เจ้าจึงอยากตรวจบาดแผลของซ่งติ้งกั๋ว?”เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะเซียวตั๋วหากไม่ใช่ว่าเขายืนกรานจะตรวจบาดแผลก็คงไม่เกิดเรื่องวุ่นวายเช่นนี้เซียวตั๋วลังเลครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเอ่ยความคิดของตนเอง“ข้ารู้สึกว่าซ่งติ้งกั๋วมีพิรุธ”“เขาได้รับบาดเจ็บที่ท้องน้อย แต่กลับเดินได้อย่างปกติ ไม่ได้แสดงอาการเจ็บปวดแม้แต่น้อย”“ข้าจึงสงสัยว่าบาดแผลของเขาอาจไม่สาหัสอย่างที่คิดขอรับ!”“นี่ก็แสดงให้เห็นถึงปัญหา...”“ซ่งติ้งกั๋วไม่มีวรยุทธ์ ส่วนมือสังหารที่พวกข้าพบล้วนเป็นยอดฝีมือ หากมีคนไปลอบสังหารซ่งติ้งกั๋วจริง เขาคงไม่อาจหนีรอดมาได้!”“ส่วนที่เขาอ้างว่ามีองครักษ์คุ้มกันอยู่หน้าห้อง และมีองครักษ์เข้ามาช่วยเหลือท
“อย่าปล่อยให้พลาดไปแม้แต่เบาะแสเดียว!”“พวกเราต้องให้คำอธิบายกับคุณหนูไป๋ให้ได้!”ต่งอวี่รับคำสั่งด้วยความกระตือรือร้น!จนกระทั่งรุ่งสาง หมอในโรงหมอจึงเดินออกมา โชคดีที่ข่าวคราวเป็นไปในทางที่ดีถึงแม้ว่าไป๋ลั่วหลีจะยังคงไม่ได้สติ แต่ก็พ้นขีดอันตรายแล้วเพียงพักรักษาตัวอีกสองสามวันก็จะหายเป็นปกติต่อไปจะไม่มีผลข้างเคียงใด ๆเมื่อทุกคนทราบข่าวต่างก็แยกย้ายกันกลับไปยังที่พัก ส่วนโรงหมอยังคงมีทหารคุ้มกันอย่างแน่นหนาโดยมีต่งอวี่เป็นผู้ดูแลด้วยตัวเอง!เมื่อคืนเกิดเรื่องวุ่นวายมากมาย ต่อไปจะต้องไม่ปล่อยให้สถานการณ์เลวร้ายลง ไม่เช่นนั้นเรื่องราวจะยิ่งซับซ้อนมากขึ้น!คืนนี้เป็นอีกคืนที่นอนไม่หลับ!รุ่งเช้าวันต่อมาเนื่องจากเมื่อคืนเข้านอนดึก จนกระทั่งเที่ยงวัน หวังหยวนก็ยังไม่ตื่นเสียงเคาะประตูดังขึ้นอย่างเร่งรีบ ทำให้หวังหยวนค่อย ๆ ลืมตาขึ้นอย่างงัวเงีย เขายกมือขึ้นลูบขมับตัวเอง แล้วพูดไปทางหน้าประตู “เข้ามา”ไม่นานต่งอวี่ก็รีบรุดเข้ามา เขาสวมชุดเกราะเต็มยศ บนชุดเกราะมีรอยเลือดเปรอะเปื้อนอยู่ทันใดนั้นหวังหยวนก็รู้สึกตัวตื่นเต็มตา รีบลุกขึ้นนั่งบนเตียงด้วยสีหน้าเคร่งขรึม“มีค
“วางกองกำลังเช่นนี้ไม่ยิ่งใหญ่เกินไปหน่อยหรือ?”หวังหยวนเห็นกองกำลังถึงกับประหลาดใจ จึงพูดกับต่งอวี่พลางแย้มยิ้ม“เจ้าไม่กลัวว่าเขาจะจนตรอกหรือ?”ต่งอวี่หัวเราะในลำคอ แล้วกล่าวว่า “นั่นยิ่งถูกใจข้าเลยไม่ใช่หรือขอรับ?”“เดิมทีข้าอยากจะประลองกับซ่งติ้งกั๋วตัวต่อตัวอยู่แล้ว เพียงแต่ยังไม่มีโอกาส หากซ่งติ้งกั๋วกระทำการใดเกินเลย ข้ายินดีรับมือเองขอรับ”“น่าเสียดายที่ลูกน้องของเขามีน้อยเหลือเกิน หากคิดสู้กับพวกเราตอนนี้ก็มีแต่ตายเท่านั้น”“ข้าคิดไว้แล้ว หลังจากฆ่าเขาแล้ว ข้าจะปลิดชีพตัวเองเพื่อไถ่โทษ!”“ถึงตอนนั้น ท่านจะได้มีคำอธิบายกับคนของอาณาจักรต้าเป่ยขอรับ”หวังหยวนยกยิ้ม ไม่ได้เอ่ยคำใด ภายในใจซาบซึ้งเป็นอย่างมากต่งอวี่ห่วงใยเขาเสมอ ถึงกับคิดจะสละชีพตัวเองเพื่อสังหารซ่งติ้งกั๋ว!ถึงแม้ว่าซ่งติ้งกั๋วจะเป็นถึงอัครเสนาบดีแห่งอาณาจักรต้าเป่ย แต่หากเทียบกับต่งอวี่แล้ว เขายังมีค่าน้อยกว่านัก!ยิ่งไปกว่านั้น หวังหยวนให้ความสำคัญกับมิตรภาพ เขาถือว่าต่งอวี่เป็นสหายร่วมรบ ถึงแม้ว่าต่งอวี่จะฆ่าซ่งติ้งกั๋วจริง เขาก็จะไม่ปล่อยให้ต่งอวี่ต้องตกอยู่ในอันตราย!แม้จะต้องแลกด้วยสิ่งใด เขาจะปก
“ยิ่งไปกว่านั้น ยังต้องมีคำอธิบายที่ชัดเจนให้กับคุณหนูไป๋ด้วย”“แม้ว่าคุณหนูไป๋จะฟื้นคืนสติแล้ว แต่ดูเหมือนจะต้องใช้เวลาอีกนานพอสมควรกว่าจะเคลื่อนไหวได้สะดวก”“ถ้าหากไม่สืบสวนเรื่องนี้ให้กระจ่าง ข้าจะมีหน้าไปพบคุณหนูไป๋ได้อย่างไร?”“หากไม่สืบสวนเรื่องนี้ให้กระจ่าง ข้าจะกล้าไปพบนางได้อย่างไร”“เฮือก!”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ซ่งติ้งกั๋วก็เบิกตากว้าง สีหน้าแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อยแต่เขาเป็นขุนนางผู้มากประสบการณ์ในราชสำนักมานาน ย่อมปกปิดอารมณ์ได้อย่างแนบเนียน ไม่นานก็ควบคุมสีหน้าของตัวเองได้เขาเลียริมฝีปากแห้งผาก แล้วเอ่ยถามโดยไม่รู้ตัว “ไป๋ลั่วหลีฟื้นแล้วหรือ? พ้นขีดอันตรายแล้วหรือยัง?”“พ้นแล้ว”หวังหยวนตอบพลางแย้มยิ้มบัดซบ!ซ่งติ้งกั๋วที่นั่งอยู่ที่โต๊ะกำมือแน่นใต้โต๊ะ เดิมทีคิดว่าจะสามารถฆ่าไป๋ลั่วหลีได้ ถึงแม้ว่าเซียวตั๋วจะรอดชีวิต แต่ก็ถือว่าคุ้มค่าหวังหยวนมีความสัมพันธ์อันดีกับอาณาจักรต้าเย่ สามารถใช้โอกาสที่ไป๋ลั่วหลีตายทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองอาณาจักรแตกหัก!จากนั้นอาณาจักรต้าเป่ยจะได้ฉวยโอกาส!ทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่เขาวางไว้ แต่ไม่นึกเลยว่าไป๋ลั่วหลีจะรอดชีวิต ช่าง
“ไม่ยอมดื่มสุราคารวะ ชอบสุราลงทัณฑ์!”“ใครบ้างจะมองไม่ออกว่าชายคนนี้ต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่ยังกล้าทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น!”“ถ้าคุณหนูไป๋เป็นอะไรไป ข้าจะถลกหนังเขาทั้งเป็น!”ต่งอวี่กัดฟันกล่าวด้วยความเกรี้ยวกราดหวังหยวนและพรรคพวกไม่ได้อยู่ต่อ รีบออกจากโรงเตี๊ยมตราบใดที่ยังควบคุมตัวซ่งติ้งกั๋วไว้ได้ก็เพียงพอแล้ว อย่างน้อยก็ถ่วงเวลาได้บ้างต่อไปเพียงแค่หาหลักฐานที่ซ่งติ้งกั๋วคิดร้ายต่อเซียวตั๋วและไป๋ลั่วหลีให้เจอก็พอจึงจะโยนความผิดให้อาณาจักรต้าเป่ยได้!“เซียวตั๋ว ขออภัยด้วย เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น คงต้องรบกวนเจ้าอยู่ในเมืองนี้สักพักก่อน”“ต้องลำบากเจ้าแล้ว”เมื่อเดินลงมาถึงชั้นล่าง หวังหยวนก็พูดกับเซียวตั๋วด้วยรอยยิ้มเซียวตั๋วก็ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “เป็นสิ่งที่ข้าต้องทำอยู่แล้วขอรับ”“ตอนนี้คุณหนูไป๋ยังไม่ได้สติ เรื่องราวยังไม่กระจ่าง แน่นอนว่าข้าต้องอยู่ที่นี่เพื่อให้ความร่วมมือในการสืบสวน”“เพื่อทวงความยุติธรรมให้กับตัวเอง”“ท่านหวังไม่ต้องเกรงใจ หากมีเรื่องใด โปรดส่งคนมาแจ้งข้าได้ตลอดเวลา ข้ายินดีบอกทุกอย่างที่ทราบขอรับ!”ทัศนคติของเซียวตั๋วนับว่าดียิ่งนัก
บ่าวผู้นี้เป็นผู้ติดตามที่ซ่งติ้งกั๋วพามาด้วย ไม่ได้มีความรู้ในเชิงวรยุทธ์ใด ๆ มีหน้าที่เพียงดูแลรับใช้ซ่งติ้งกั๋วเท่านั้นการที่เขาอยู่ที่นี่ได้ นั่นก็เพราะได้รับอนุญาตจากหวังหยวนเพราะตอนนี้โรงเตี๊ยมได้ถูกปิดล้อมอย่างแน่นหนา หากไม่ได้รับอนุญาตจากหวังหยวน ไม่มีผู้ใดสามารถเข้าออกได้โดยง่าย!ส่วนเซียวตั๋วและไป๋ลั่วหลีได้ย้ายไปอยู่ที่วังกับหวังหยวนเรียบร้อยแล้ว ไม่ได้อยู่ที่นี่อีกต่อไป!บัดนี้ภายในที่พักอันกว้างใหญ่จึงมีเพียงซ่งติ้งกั๋วผู้เดียวพูดตามตรงก็คือจงใจกักขังเขานั่นเอง...แต่ทุกคนล้วนเป็นคนฉลาด ต่างรู้แก่ใจ แต่ไม่มีใครพูดออกมา“ท่านอัครเสนาบดี”“คนของเราได้แอบส่งข่าวไปยังท่านขุนพลใหญ่หานแล้ว”“ตามเวลาที่คำนวณไว้ ท่านขุนพลใหญ่คงเดินทางมาถึงในไม่ช้า”“เมื่อท่านขุนพลใหญ่หานมาถึง ถึงแม้ว่าหวังหยวนจะพบหลักฐานใด ๆ ก็คงไม่กล้าทำอะไรพวกเราแล้วขอรับ!”“พวกเราก็จะได้กลับไปอาณาจักรต้าเป่ยพร้อมกับท่านขุนพลใหญ่หาน!”“ส่วนเรื่องในราชสำนัก ท่านไม่ต้องกังวล ท่านเป็นถึงอัครเสนาบดีฝ่ายขวา ใครจะกล้าช่วงชิงอำนาจจากท่าน?”“ขุนนางเหล่านั้นต่างก็รู้ว่าท่านเป็นคนโปรดของฝ่าบาทขอรับ!”ซ่งต
ลั่วเฉินพยักหน้า ไม่เอ่ยคำใดอีก เพียงแค่รีบพาผู้ใต้บัญชาออกไป!เสียงโห่ร้องแห่งการฆ่าฟันดังขึ้น สาวกพรรคทมิฬล้มตายเป็นใบไม้ร่วง!ตานสยงเฟยเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดเขารู้สึกเจ็บปวดหัวใจ!สมาชิกพรรคทมิฬล้วนเป็นคนที่เขาฝึกฝนเอง เขาทุ่มเทมากมายเพื่อสร้างกองกำลังที่แข็งแกร่ง!เดิมทีเขาต้องการครองแผ่นดิน แต่ไม่นึกเลยว่าเรื่องราวจะกลายเป็นเช่นนี้!สูญเสียกำลังพลไปเยอะมาก!ปัญหาเกิดขึ้นมากมาย!“ตานสยงเฟย! อย่าหนีนะ!”“เจ้าคนสารเลว! หลอกลวงข้ามาหลายปี!”“ไม่เพียงแต่ฆ่าพ่อแม่ข้าเท่านั้น ยังฝึกฝนข้าให้เป็นเครื่องมือทำเรื่องเลวร้ายมากมาย!”“วันนี้พวกเราต้องตายกันไปข้างหนึ่ง!”ขณะที่ตานสยงเฟยกำลังจะลงจากเขา หลิ่วหรูเยียนก็วิ่งเข้ามา ในมือถือกริชเปื้อนเลือด สายตาเย็นชาราวกับคมดาบจ้องมองตานสยงเฟย!“มาคนเดียวหรือ?”เมื่อเห็นว่าหลิ่วหรูเยียนมาคนเดียว ตานสยงเฟยก็หัวเราะในลำคอ เขาหันมาคว้าทวนยาวจากมือผู้ใต้บัญชาที่อยู่ด้านข้าง!เหตุผลที่ตานสยงเฟยสร้างฐานะขึ้นมาได้ ไม่ใช่เพียงเพราะเขามีความคิดที่แตกต่าง แต่ยังเป็นเพราะฝีมือของเขาด้วย!ในยุคสงคราม ผู้แข็งแกร่งย่อมเป็นผู้ชนะ!ยิ่งกว่านั้น ฝีมือ
“ทุกคนขึ้นเขาเดี๋ยวนี้!”“ห้ามปล่อยให้ใครหนีรอดไปได้!”หวังหยวนออกคำสั่ง ขุนพลนายกองเริ่มเคลื่อนไหวคนที่อาศัยอยู่บนหน้าผาแห่งนี้ล้วนเป็นระดับสูงของพรรคทมิฬและมีตำแหน่งสำคัญ การกำจัดพวกเขาให้หมดสิ้น จึงจะทำให้พรรคทมิฬหายไปอย่างสมบูรณ์!ตัดวัชพืชไม่ถอนราก เมื่อลมฤดูใบไม้ผลิพัดมาก็งอกขึ้นมาใหม่!เมื่อทุกคนเข้าไปบนหน้าผาแล้ว หวังหยวนก็ออกคำสั่ง ต่งอวี่และเอ้อหู่ต่างเป็นผู้นำพาผู้ใต้บัญชาบุกขึ้นไปบนยอดเขา!ส่วนหวังหยวนและคนอื่น ๆ ก็ตามไปติด ๆ!“เจ้าจะทำอะไร?”หวังหยวนหันไปคว้าแขนหลิ่วหรูเยียน แล้วถามขึ้นหลิ่วหรูเยียนมีสีหน้าเย็นชา กำหมัดแน่น สีหน้าโกรธเกรี้ยวนางขมวดคิ้วกล่าวว่า “ข้าจะขึ้นไปล้างแค้นด้วยตัวเอง!”“ไม่เพียงแต่ข้าเกือบตายเท่านั้น แม้แต่บิดามารดาข้าก็ถูกคนของพรรคทมิฬฆ่าตาย จะปล่อยพวกมันไปได้อย่างไร?”“วันนี้ไม่มีใครหยุดข้าได้ ข้าจะฆ่าตานสยงเฟย ล้างแค้นให้พ่อแม่!”พูดจบ หลิ่วหรูเยียนก็สะบัดแขนหวังหยวนออก ก่อนจะชักกริชออกมาแล้ววิ่งขึ้นไปบนยอดเขา!แม้ว่านางจะเป็นคนบอกที่ตั้งฐานทัพนี้ให้หวังหยวน แต่ไม่มีใครรู้จักที่นี่ดีไปกว่านาง!ไม่นานพวกหวังหยวนก็ขึ้นไปถึงยอดเขา
หวังหยวนกลอกตามองเอ้อหู่ แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า “ชีวิตของทหารที่อยู่ข้างหลังเจ้าล้วนอยู่ในมือเจ้า!”“การที่เจ้าพาพวกเขามาเสี่ยงอันตราย หากไม่มีอะไรผิดพลาดก็ดีไป แต่หากเกิดความผิดพลาด เจ้าจะเผชิญหน้ากับครอบครัวของพวกเขาได้อย่างไร?”“อย่าลืมว่าการเป็นขุนพลไม่ใช่แค่เพื่อรบชนะ!”“แต่ต้องชนะอย่างสวยงาม ลดการสูญเสียให้มากที่สุด!”ทุกคนต่างตกตะลึงเดิมทีพวกเขาคิดว่าการติดตามหวังหยวนก็เพื่อหาเลี้ยงชีพ ในยุคสงคราม การมีข้าวกินก็ดีมากแล้วชีวิตพวกเขาจะสำคัญอะไร?ในสายตาของชนชั้นสูง ชีวิตพวกเขาไม่ต่างจากเศษหญ้า!เป็นเพียงเครื่องมือในการแย่งชิงอำนาจ!แต่หวังหยวนกลับมีเมตตา เห็นใจพวกเขา ทำให้พวกเขาซาบซึ้งจริง ๆ!ในตอนนี้ทุกคนต่างก็ตัดสินใจแล้ว แม้ว่าจะต้องสูญเสียมากมาย พวกเขาก็ยินดีสละชีพเพื่อช่วยหวังหยวนพิชิตหน้าผาแห่งนี้ และฆ่าคนของพรรคทมิฬให้หมดสิ้น!“รีบก่อไฟทำอาหาร!”“เมื่อทุกคนอิ่มท้องแล้วก็คงถึงเวลาพอดี!”“จำไว้! ห้ามส่งเสียงดัง ประเดี๋ยวพวกมันจะรู้ตัว!”“หากพวกมันรู้ตัวจะเป็นอันตรายต่อพวกเรา!”หวังหยวนกำชับทุกคนพยักหน้ารับ จากนั้นก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเองเ
ในช่วงเวลาไม่กี่วันต่อมา ด้วยการนำทางของหลิ่วหรูเยียน หวังหยวนและคนอื่น ๆ จึงไม่หลงทาง เดินทางมาถึงเชิงผาได้อย่างรวดเร็ว!บัดนี้สมาชิกองค์กรเครือข่ายผีเสื้อก็ได้แทรกซึมเข้าไปในพื้นที่โดยรอบแล้วหวังหยวนและคนอื่น ๆ ตั้งค่ายอยู่ในป่าแห่งหนึ่งเมื่อมองไปรอบ ๆ จะเห็นเงาคนมากมาย พวกเขาล้วนเป็นสมาชิกองค์กรเครือข่ายผีเสื้อ“สืบทุกอย่างเรียบร้อยแล้วหรือ?”หวังหยวนสวมชุดเกราะเตรียมพร้อมรับมือกรณีฉุกเฉินและป้องกันการโจมตีแบบไม่ทันตั้งตัว!เกาเล่อรีบเข้ามารายงานด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “สืบเรียบร้อยแล้วขอรับ คนร้ายอยู่บนเขาลูกนี้!”“แต่ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังขนย้ายสิ่งของ ตั้งแต่ที่พวกเรามาถึงก็เห็นรถม้าลงมาจากเขาไม่ต่ำกว่าร้อยคันแล้ว!”“แต่พวกเราไม่ได้ลงมือเพื่อไม่ให้พวกมันตื่นตัว!”“ข้าได้ส่งคนไปตามเส้นทางที่พวกมันใช้ หลังจากที่พวกเราจัดการเรื่องบนหน้าผาแล้ว จากนั้นจึงไปกวาดล้างพวกมัน!”“แล้วทรัพย์สมบัติของพวกมันก็จะตกเป็นของพวกเรา!”หวังหยวนพยักหน้าอย่างพึงพอใจเรื่องนี้จัดการได้ดีมาก!เหตุผลที่พรรคทมิฬเติบโตอย่างรวดเร็วก็เพราะความร่ำรวย!หากตัดเส้นทางการเงินของพวกมัน แม้ว่าตานเฟยจ
ตานเฟยยิ้มอย่างพึงพอใจช่วงนี้หลังจากถูกหวังหยวนจับตามอง เขารู้สึกเหมือนมีคนคอยจ้องมองทุกการกระทำของเขาอยู่ตลอดเวลา!แม้แต่การหาสาวกใหม่ก็ยังยากลำบาก!หวังหยวนคอยขัดขวางเขา เขาจึงต้องสั่งสอนหวังหยวนบ้าง!แต่น่าเสียดาย...ยังหาโอกาสไม่ได้!ยิ่งไปกว่านั้น ตานเฟยไม่ใช่คนโง่ เขารู้ดีว่าตนเองต่างกับหวังหยวน แล้วจะสู้หวังหยวนได้อย่างไร?อย่างน้อยตอนนี้ก็ยังไม่ได้!ดังนั้นแม้ว่าในใจจะเคียดแค้นอาฆาต แต่ย่อมต้องหลีกเลี่ยง“ที่เจ้าทำงานสำเร็จก็แค่ช่วยถ่วงเวลาเท่านั้น”“ตราบใดที่หลิ่วหรูเยียนยังมีชีวิตอยู่ นางก็เหมือนระเบิดเวลาที่พร้อมจะระเบิดทุกเมื่อ!”“ดังนั้นก่อนที่พวกเราจะฆ่านางได้ พวกเราต้องระวังตัวและดำเนินแผนการต่อไป!”“พยายามขนย้ายสิ่งของออกไป หากถึงเวลาจำเป็น พวกเราก็ต้องทิ้งฐานที่มั่นแห่งนี้”ทุกคนต่างรู้สึกเสียดายหน้าผาแห่งนี้เป็นสถานที่ที่ดี ไม่เพียงแต่มีชัยภูมิที่ได้เปรียบเท่านั้น แต่ยังปลอดภัยมากอีกด้วย!จึงทำให้พวกเขาเติบโตได้อย่างรวดเร็ว!แม้ว่าสมาชิกองค์กรเครือข่ายผีเสื้อจะกระจายอยู่ทั่วดินแดนทั้งเก้า แต่ก็ไม่ได้ตรวจสอบพื้นที่ใกล้เคียงหน้าผาแห่งนี้!แต่น่าเสียดา
สตรีผู้นี้...หวังหยวนส่ายหน้าอย่างจนใจช่างไม่รู้จักบุญคุณเอาเสียเลย!เหตุผลที่เขาไม่อยากให้หลิ่วหรูเยียนไปด้วยก็เพื่อปกป้องนาง เพราะหลังจากที่รู้ชาติกำเนิดของนางแล้ว หวังหยวนก็รู้สึกเห็นใจ!หลายปีมานี้ นางต้องเผชิญกับความทุกข์ยากมากมาย บัดนี้ในที่สุดก็ได้พบกับญาติ จึงควรได้ใช้เวลากับครอบครัว!แต่นางกลับดื้อรั้น ยืนกรานจะตามไปเสี่ยงอันตรายกับเขา ช่างเหลวไหลยิ่งนัก!“เจ้าตัดสินใจแล้วจริงหรือ?”หวังหยวนถามย้ำ“ใช่แล้ว!”หลิ่วหรูเยียนกล่าวอย่างหนักแน่น“ได้!”“เช่นนั้นก็ตามใจเจ้า ประเดี๋ยวเจ้าไปเตรียมตัวได้เลย เช้านี้พวกเราจะออกเดินทาง!”ตานเฟยเจ้าเล่ห์เหมือนหมาจิ้งจอก ต้องรีบจัดการเขา ไม่เช่นนั้นเขาอาจจะมีโอกาสหนีไปได้!เมื่อถึงเวลานั้นจะเสียทั้งฮูหยินและรี้พล!หวังหยวนไม่อยากพลาดโอกาสนี้!“ข้าจะไปเตรียมตัวเดี๋ยวนี้!”หลิ่วหรูเยียนกล่าว แล้วเดินออกไป ในดวงตาของนางปราศจากแววตื่นเต้น กลับมีแต่ความเย็นชา!การล้างแค้นคือเป้าหมายเดียวในใจนาง!ครึ่งชั่วยามต่อมา หวังหยวนและคนอื่น ๆ ต่างก็เตรียมพร้อม เนื่องจากเรื่องนี้สำคัญ หวังหยวนจึงเตรียมการอย่างรัดกุมไม่เพียงแต่เรียกทหาร
“เขาชื่อตานเฟย อายุสี่สิบกว่าปี แต่ข้ารู้แค่ชื่อ ส่วนหน้าตาที่แท้จริงเป็นอย่างไร ข้าไม่รู้”“ไม่ใช่แค่ข้าเท่านั้น แม้แต่คนอื่น ๆ ในพรรคทมิฬต่างไม่รู้เช่นกัน”“หลายปีมานี้ เขาสวมหน้ากากตลอดเวลา ไม่ให้ใครเห็นหน้าตาที่แท้จริง!”หลิ่วหรูเยียนอธิบายหวังหยวนพยักหน้า คนของพรรคทมิฬชอบปิดบังตัวตน จึงไม่ยอมเปิดเผยหน้าตาไม่เช่นนั้นคงไม่สะดวกในการทำงาน!หวังหยวนเข้าใจเรื่องนี้ดีหวังหยวนใช้นิ้วเคาะโต๊ะเบา ๆ แล้วถามขึ้นว่า “แล้วฐานทัพพรรคทมิฬอยู่ที่ไหน?”“เจ้าน่าจะรู้ใช่หรือไม่?”“ได้ยินว่าตานเฟยรับเจ้าเป็นลูกบุญธรรม แม้ว่าเขาจะไม่เชื่อใจคนอื่น แต่ย่อมต้องเชื่อใจเจ้า และพาเจ้าไปด้วยใช่หรือไม่?”เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของหลิ่วหรูเยียนก็เปลี่ยนไป นางกำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัวปรากฏว่าหลายปีที่ผ่านมา นางเห็นโจรเป็นพ่อมาโดยตลอด!ซ้ำยังช่วยเหลือโจรผู้นี้ทำเรื่องเลวร้ายมากมาย!หากไม่ใช่เพราะหวังหยวนช่วยเหลือ นางคงกลายเป็นหุ่นเชิดในมือของตานเฟย!ยิ่งคิด ยิ่งโมโห!“ข้ารู้!”“สถานที่แห่งนั้นอยู่ห่างไกลและอยู่ในหุบเขาลึก แม้ว่าข้าจะบอกท่าน ท่านก็คงหาไม่พบ!”“ข้ามีวิธีหนึ่ง ให้ข้านำทางพาท่า
ในคืนนั้น หลิ่วหรูเยียนอยู่กับลุงของนางในห้อง ทั้งสองพูดคุยเรื่องราวต่าง ๆ อย่างเพลิดเพลินหลิ่วหรูเยียนไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อนตลอดเวลาที่ผ่านมา นางเป็นเพียงคนเดียวดาย แม้ว่าประมุขพรรคทมิฬจะดูแลนาง แต่นางกลับรู้สึกว่ามีความห่างเหินกับเขา ความรู้สึกนี้ แม้แต่นางเองก็อธิบายได้ไม่ชัดเจนอาจเป็นความรู้สึกแปลกแยกกระมัง?เพราะทั้งสองไม่ได้มีสายเลือดเดียวกันแม้ว่าจะเห็นเขาเป็นญาติ แต่ก็ไม่ใช่ญาติที่แท้จริง ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ...เขากลับเป็นคนที่ฆ่าบิดาของนาง!หลิ่วหรูเยียนเข้าใจทุกอย่างแล้ว หวังหยวนไม่ได้หลอกลวงนาง ทุกอย่างที่เขาพูดล้วนเป็นความจริง หลักฐานอยู่ตรงหน้า แม้จะไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อ!รุ่งเช้า หวังหยวนตื่นขึ้นมาแล้วเห็นเงาของใครคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตูเมื่อเขาเดินออกไปก็เห็นสตรีคนหนึ่งยืนอยู่หากไม่ใช่หลิ่วหรูเยียน แล้วจะเป็นใครได้?“เจ้าตื่นเช้าจัง!”“ลุงของเจ้าเล่า?”“เท่าที่ข้ารู้ ตั้งแต่เมื่อวานพวกเจ้าก็อยู่ด้วยกันตลอด เหตุใดตอนนี้จึงแยกกันแล้วเล่า?”หวังหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้ม ด้วยท่าทีไม่ใส่ใจหลิ่วหรูเยียนมีสีหน้าเคร่งเครียด นางขมวดคิ้วกล่
เมื่อหลิ่วหรูเยียนและชายผู้นั้นหยดเลือดลงในชาม ก็เห็นเลือดทั้งสองหยดรวมตัวกันอย่างรวดเร็ว เป็นเช่นนี้จริง ๆ!นั่นแสดงว่าทั้งสองมีสายเลือดเดียวกัน!“ท่านลุง!”ทันใดนั้น หลิ่วหรูเยียนก็ร้องไห้ออกมา แล้วจับมือชายผู้นั้นพลางเรียกเขานางไม่นึกเลยว่านางยังมีญาติอยู่ในโลกนี้!ทุกคนที่อยู่ข้าง ๆ ต่างพากันยินดีกับหลิ่วหรูเยียนช่างเป็นเรื่องที่น่ายินดี!เจียงเสี่ยวอวี๋ตื่นเต้นจนน้ำตาไหลส่วนหวังหยวนส่ายหน้าพลางยิ้มฝืดเฝื่อน เขาเป็นคนต่างยุคย่อมเข้าใจความจริงอย่างหนึ่งการพิสูจน์สายเลือดด้วยการหยดเลือดลงน้ำไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ใดมารองรับ!ตราบใดที่เลือดสองชนิดเป็นหมู่เดียวกันย่อมสามารถรวมตัวกันได้ แต่หมู่เลือดเป็นแค่การแบ่งประเภทเท่านั้นบางทีนี่อาจเป็นฟ้าลิขิตก็ได้ใช่หรือไม่?ยิ่งกว่านั้น คนในยุคนี้ยังไม่เข้าใจเรื่องหมู่เลือดด้วย ในเมื่อเลือดของทั้งสองสามารถรวมตัวกันได้ ประกอบกับเกาเล่อได้สืบหาข้อมูลมานานแล้ว ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าทั้งสองเป็นญาติกันจริง!ยิ่งไปกว่านั้น นี่ก็เป็นการช่วยให้หลิ่วหรูเยียนมีที่ยึดเหนี่ยวจิตใจอีกด้วยเขาจึงไม่ขัดจังหวะ“ดี! ดี! ดี!”“น้องชายข้าม