ช่างเป็นกลอุบายร้ายกาจที่แยบยลยิ่งนัก“จริงหรือที่ไม่ใช่ฝีมือพวกท่าน?”หวังหยวนจ้องมองซูหนานอันแล้วถามย้ำอีกครั้ง“ข้าขอสาบานขอรับ!”“เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตระกูลซูของข้าแม้แต่น้อย!”“แม้พวกข้าจะไม่ทราบว่าท่านมาถึงเมืองอู่เจียง แต่ไม่ว่าใครก็รู้ว่านี่เป็นโครงการที่ท่านริเริ่ม พวกข้าจะกล้าขัดขวางท่านได้อย่างไรขอรับ?”ซูหนานอันรีบกล่าวแก้ตัวพี่น้องตระกูลซูต่างก็ไม่กล้าเอ่ยวาจาเมื่อครู่ที่ด้านนอก ซูอวิ่นเหวินได้เล่าเรื่องราวของหวังหยวนให้ซูอวิ่นอู่ฟังแล้ว ซูอวิ่นอู่ถึงกับตกตะลึง ความหยิ่งผยองที่เขาเคยมีจึงหายไปจนหมดสิ้นแค่หวังหยวนกระทืบเท้า ทั่วทั้งเมืองหลิงก็ต้องสั่นสะเทือน แม้พวกเขาจะมีอำนาจในเมืองอู่เจียง แต่หากเป็นศัตรูกับหวังหยวน จุดจบของพวกเขาก็มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น...คือความตาย!“ยังกล้าพูดอีกหรือว่าไม่ใช่ฝีมือพวกเจ้า?”“ช่างกล้าพูดจาโกหก!”“ยังกล้าใช้คำสาบานเพื่อแต่งเรื่องโกหกงั้นหรือ?”“มิน่าล่ะกิจการของตระกูลซูจึงใหญ่โตเช่นนี้ ดูท่าคงเกี่ยวข้องกับหัวหน้าตระกูลอย่างเจ้าโดยตรงสินะ!”ขณะที่หวังหยวนกำลังจะเปลี่ยนเป้าหมายจากตระกูลซู ก็มีเสียงคุ้นเคยดังมาจ
เกาเล่อทำท่าเชือดคอหากหวังหยวนสั่ง เขาจะลงมือสังหารซูหนานอันทันทีโดยไม่ลังเล!เพราะบัดนี้เขารู้สึกเกลียดซูหนานอันมาก ไม่ว่าจะเพื่อจุดประสงค์ใดก็ไม่อาจเอาชีวิตผู้อื่นมาแลกได้!นี่เป็นการล้ำเส้นเกินไปแล้ว“เอาเถิด ครั้งนี้ข้าจะยกโทษให้เขา”ซูหนานอันดีใจจนพยักหน้าหลายครั้ง“แม้รอดจากโทษตาย แต่ก็ไม่อาจหนีโทษหนักได้”“ตระกูลซูต้องจ่ายเงินจำนวนหนึ่งเพื่อปลอบขวัญชาวบ้าน!”“ส่วนคนงานที่ล้มป่วย ต้องให้คนละสิบตำลึงทอง จำนวนนี้คงไม่มากเกินไปกระมัง?”หวังหยวนกล่าวถามสิบตำลึงทอง...ซูหนานอันเลียริมฝีปากแห้งผาก นี่ไม่ใช่เงินจำนวนน้อยเลย!แต่เมื่อเทียบกับชีวิตของคนทั้งตระกูล เงินทองจะสำคัญกว่าได้อย่างไร?หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็กัดฟันตอบตกลง “ตกลงขอรับ!”“เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้ เดี๋ยวท่านให้คนไปเตรียมตัว แล้วไปที่สถานที่ก่อสร้างกับข้า”“ทุกคนกำลังรอผลการสืบสวนของข้าอยู่”“ข้าไม่ได้จงใจทำให้ท่านลำบากใจ แต่ข้าต้องให้คำอธิบายกับทุกคน...”หวังหยวนตบบ่าซูหนานอันด้วยรอยยิ้มช่างเป็นการตบหัวแล้วลูบหลัง!ซูหนานอันด่าทอหวังหยวนในใจไม่รู้กี่ครั้ง...แต่ก็ได้แต่เก็บความโกรธไว้ ไม่กล้า
เช่นนี้แล้วไม่เพียงแต่ได้พักผ่อนเท่านั้น แต่ยังได้ทองคำสิบตำลึงอีก...ช่างได้ประโยชน์ทั้งขึ้นทั้งล่อง!“ทุกคน!”ทันใดนั้นหวังหยวนก็โบกมือให้ทุกคน เมื่อทุกคนเงียบลงจึงหันไปมองซูหนานอัน“ในเมื่อทุกคนมาพร้อมแล้วก็นำเงินที่เตรียมมาออกมาแจกจ่ายเถิด...”“อย่าให้ทุกคนรอนานเลย”แม้ซูหนานอันจะรู้สึกเสียดาย แต่ก็ยังสั่งการ พี่น้องตระกูลซูจึงนำทองคำออกมาแจกจ่ายทุกคนต่างแย้มยิ้มด้วยความพึงพอใจหวังหยวนก็พึงพอใจเช่นกันวิธีการจัดการเช่นนี้นับว่าเป็นทางออกที่ดี ไม่เช่นนั้นเขาคงต้องเป็นคนจ่ายเงินชดใช้เอง!ยิ่งไปกว่านั้น หากหาตัวคนวางยาไม่พบก็ไม่อาจหายาแก้พิษได้ ทุกคนยังคงหวาดกลัวและอาจถึงกับมีคนเสียชีวิตที่สถานที่ก่อสร้าง...เช่นนั้นจะเกิดผลกระทบตามมามากมายต่อไปคงไม่มีใครกล้ามาทำงานอีก ชื่อเสียงของเขาก็คงเสียหายไปด้วย!แต่ตอนนี้กลับตรงกันข้าม เขายังอยากจะขอบคุณซูหนานอันเสียด้วยซ้ำ!ช่างเป็นดั่งหยาดฝนในยามแล้ง!ผ่านไปครึ่งชั่วยาม ทองคำก็ถูกแจกจ่ายครบ ยาแก้พิษก็ต้มเสร็จแล้ว ทุกคนรับของแล้วก็กลับบ้านไปพักผ่อนสถานที่ก่อสร้างดูโล่งตาขึ้นมาก“ท่านหวัง เรื่องราวก็คลี่คลายแล้ว ข้าพาคนของข
“ได้ขอรับ ข้าจะทำตามที่ท่านต้องการ”“หนึ่งพันคนคงหาไม่ได้ ท่านบอกจำนวนเงินมาเถิด ข้าจะรีบนำเงินไปให้ท่านถึงคฤหาสน์”ซูหนานอันขมวดคิ้วกล่าวครั้งนี้เขาถูกหวังหยวนเล่นงานอย่างจัง“ข้าจะไม่เอาเปรียบท่าน ขอแค่หนึ่งแสนตำลึงเงินก็พอแล้ว”“ตระกูลซูเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของเมืองอู่เจียง เงินจำนวนนี้คงไม่มากเกินไปสำหรับพวกท่าน”หวังหยวนเรียกเงินจำนวนมากแม้การก่อสร้างจะล่าช้า แต่ก็สามารถแก้ไขได้ หนึ่งแสนตำลึงถือเป็นเงินก้อนโตที่ได้มาโดยไม่ต้องลงทุน...ช่างเป็นแผนการที่ดี!แม้แต่ตงฟางฮั่นก็เกือบหลุดหัวเราะออกมา“เงินหนึ่งแสนตำลึง...”“ตกลง! เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้!”“ข้าจะรีบกลับไปเตรียมตัว แล้วนำเงินไปให้ท่านขอรับ!”กล่าวจบซูหนานอันก็พาคนของตระกูลซูจากไปโดยไม่ร่ำลาหวังหยวนด้วยซ้ำไม่ว่าใครต่างก็ดูออกว่าตอนนี้เขาโกรธมาก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้!หลายปีมานี้ เขาเพิ่งเคยถูกจัดการอย่างรุนแรงเช่นนี้เป็นครั้งแรกแถมยังถูกเรียกเงินจำนวนมากเช่นนี้!ที่สำคัญคือมีคนมากมายจับตามองอยู่ หากเรื่องนี้แพร่ออกไป เขาจะอยู่ในเมืองนี้อย่างสง่าผ่าเผยได้อย่างไร?คงเสียหน้าแน่นอนไม่ใช่หรือ?ระหว่างทางกลับ
“หากรีบนำเงินมาให้ข้า เรื่องราวก็จะจบโดยเร็ว หรือว่าพวกเขาคิดจะผัดวันประกันพรุ่ง?”หวังหยวนกอดอกกล่าวตงฟางฮั่นที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ส่ายหน้ากล่าวว่า “ข้าเองก็เดาความคิดของซูหนานอันไม่ออก”“แต่ข้าคิดว่าเขาไม่ใช่คนโง่ เรื่องคงไม่ง่ายอย่างที่พวกเราคิด”“การที่เขายังไม่มามีเพียงสองเหตุผล หนึ่งคือกำลังรวบรวมเงิน และสองคือเตรียมตัวแอบหนี”ระหว่างที่พูด ดวงตาของตงฟางฮั่นก็เป็นประกาย“ข้ารู้ว่าท่านได้ส่งคนไปซุ่มดูที่คฤหาสน์ของเขาแล้ว”“ไม่ว่าพวกเขาจะทำอะไร คงหนีสายตาของท่านไม่พ้นกระมัง?”หวังหยวนพยักหน้าด้วยรอยยิ้มตงฟางฮั่นช่างรู้ใจเขายิ่งนัก แต่นั่นก็น่ากลัวมากเช่นกันตลอดสองวันที่ผ่านมา ตงฟางฮั่นสามารถล่วงรู้ความคิดของเขาได้ไม่ว่าเขาจะตัดสินใจเช่นไรก็หนีสายตาของตงฟางฮั่นไม่พ้น!ไม่น่าแปลกใจเลยที่แม้แต่คนของพรรคทมิฬก็ยังอยากดึงตัวเขาไป เขามีความสามารถจริง ๆ!เสียงฝีเท้าหนักดังขึ้น เกาเล่อรีบวิ่งเข้ามาจากด้านนอก“ท่านผู้นำ! ข้าพบว่าคนของตระกูลซูมีพิรุธ!”“ช่วงนี้พวกเขากำลังรีบขายทรัพย์สินเพื่อเปลี่ยนเป็นเงินทั้งหมดแล้ว!”“ยิ่งไปกว่านั้น ตระกูลซูยังปิดประตูเงียบเชียบ ตามหลักแล้วเ
“ช่างเป็นแผนการที่แยบยล...”ขณะที่คนของตระกูลซูกำลังพูดคุยกันอยู่นั้นก็มีเสียงคุ้นเคยดังขึ้น เงาร่างหลายร่างพลันกระโจนออกมาจากมุมมืดดูจากท่าทางพวกเขาคงซุ่มรออยู่ที่นี่นานแล้ว กำลังคอยให้พวกเขาปรากฏตัว“หวัง... หวังหยวน!”ซูหนานอันที่อยู่ข้างหน้าเบิกตากว้างจ้องมองหวังหยวน“เหตุใดท่านจึงมาอยู่ที่นี่?”ซูหนานอันเอ่ยถามอย่างลุกลี้ลุกลน ในใจมีลางสังหรณ์ หรือว่า...หวังหยวนรู้แผนการของตระกูลซูแล้ว?“ข้าควรเป็นคนถามเจ้ามากกว่ากระมัง?”หวังหยวนกล่าวถามพร้อมกอดอก มุมปากมีรอยยิ้มหยัน“ข้า...”“ข้าแค่จะพาครอบครัวไปเยี่ยมญาติ พรุ่งนี้เช้าก็กลับมาแล้ว ท่านหวังโปรดอย่าเข้าใจผิด...”“ข้าไม่ได้คิดจะหนีนะขอรับ!”ซูหนานอันหลุดปากพูดความจริงด้วยความตื่นตระหนก เขาจึงเผลอพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมาหวังหยวนหัวเราะเยาะ แล้วค่อย ๆ เดินเข้าไปหาซูหนานอัน บ่าวไพร่ที่อยู่ข้างกายซูหนานอันต่างพากันเข้ามาขวาง ดวงตาเต็มไปด้วยความระแวดระวัง แต่เมื่อไม่ได้รับคำสั่งจากซูหนานอัน ก็ไม่มีใครกล้าลงมือ!ในความมืดไม่รู้ว่ามีมือสังหารซ่อนตัวอยู่กี่คน!หากลงมือโดยพลการอาจเกิดเหตุร้ายได้!“ท่านหวัง...”ซูหนานอั
หากไม่ใช่เพราะหวังหยวนมาปรากฏตัวที่เมืองอู่เจียง แล้วคนของตระกูลซูเกิดขัดแย้งกับหวังหยวน เรื่องราวก็คงไม่บานปลายถึงเพียงนี้ไม่ใช่หรือ?ช่างน่าชังยิ่งนัก...น่าเสียดายที่โลกนี้ไม่มีสิ่งที่สามารถแก้ไขความผิดพลาดในอดีตได้ บัดนี้จึงได้แต่คิดหาวิธีเอาใจหวังหยวนเพื่อเอาชีวิตรอด!“เงินทองแค่ไม่กี่แสนตำลึง เจ้าคิดว่าข้าจะใส่ใจหรือ?”หวังหยวนยกยิ้มมุมปาก กล่าวด้วยน้ำเสียงดูแคลน“ข้าทราบว่าท่านปกครองเมืองหลิง แม้จะเป็นเมืองเล็ก ๆ แต่ทรัพยากรในมือท่านล้วนเป็นสิ่งที่อีกสามอาณาจักรใหญ่ไม่อาจเทียบได้!”“ท่านหวังย่อมไม่ใส่ใจเงินทองเพียงไม่กี่แสนตำลึง”“แต่ใครบ้างจะรังเกียจเงินทองเล่าขอรับ?”“ยิ่งไปกว่านั้น หากเกิดสงครามก็ต้องใช้เงินทองมากมาย เงินไม่กี่แสนตำลึงของข้าก็ยังพอมีประโยชน์อยู่บ้าง”“ดังนั้นท่านหวังโปรดพิจารณา รับเงินจำนวนนี้ไปเถิดขอรับ”ซูหนานอันพยายามพูดโน้มน้าวเขาคิดว่าหากหวังหยวนรับเงินทั้งหมดนี้ไป ก็เท่ากับแลกกับชีวิตของทุกคนในตระกูลซูแม้ตระกูลซูจะหมดตัวจนต้องเริ่มต้นใหม่ แต่ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ ย่อมมีความหวัง...“บัดนี้ฟ้ามืดลมแรง หากพวกข้าฆ่าพวกเจ้าทั้งหมด เงินพวกนี้
“ไม่อร่อยเลยสักนิด”เมื่อได้เคี้ยวข้าวสาลีผสมถั่ว หวังหยวนวางชามดินเผาลง รู้สึกเหมือนกินแกลบไม่มีผิด ตอนนี้ใครมาบอกว่าการข้ามกาลเวลามันดี เขาก็พร้อมที่จะบอกความในใจให้พวกเขา ข้ามกาลเวลามาถึงช่วงราชวงศ์ต้าเย่ คล้ายช่วงยุคสมัยโบราณของจีน เจ้าของร่างเดิมเป็นเป็นเจ้าของที่ดินเล็ก ๆ ตอนที่พ่อแม่ยังอยู่ ตอนเช้าได้กินข้าวต้มข้าวฟ่าง เที่ยงได้กินข้าวผสมข้าวฟ่าง ตอนเย็นได้กินเซาปิ่งพร้อมธัญพืชผสม ทุก ๆ สิบวันหลังจากกลับมาจากโรงเรียนในเมือง ถึงจะได้กลับมากินให้หายอยากได้สำหรับคนทั่วไป แต่ละวันกินข้าวต้มข้าวฟ่าง หรือข้าวสาลีผสมถั่ว ส่วนเนื้อนั้นในช่วงปกติอย่าไปคิดถึงมันเลย คงมีแค่ช่วงฉลองตรุษจีนเท่านั้นถึงจะได้กินเนื้อบ้าง ส่วนแป้งและข้าวสารนั้นเป็นที่นิยมของเจ้าของที่ดิน คหบดีและขุนนาง นึกถึงพวกไข่ เนื้อหมู ไก่ ปลา บนโลกที่ถูกทิ้ง หวังหยวนอดที่จะตีตัวเองไม่ได้ น้ำเสียงที่ฟังดูขลาดกลัวของคน ๆ หนึ่งดังขึ้น “ท่านพี่ ขอโทษนะ ในบ้านไม่มีข้าวฟ่างแล้ว ให้ท่านที่เป็นบัณฑิตเพิ่งหายป่วยกินข้าวสาลีผสมถั่วเช่นนี้?” แววตาของหวังหยวนมีประกายขึ้นมา สาวน้อยคนสวยที่ท่าทางขี้ขลาดยืนอยู่หน้าห้องโ
หากไม่ใช่เพราะหวังหยวนมาปรากฏตัวที่เมืองอู่เจียง แล้วคนของตระกูลซูเกิดขัดแย้งกับหวังหยวน เรื่องราวก็คงไม่บานปลายถึงเพียงนี้ไม่ใช่หรือ?ช่างน่าชังยิ่งนัก...น่าเสียดายที่โลกนี้ไม่มีสิ่งที่สามารถแก้ไขความผิดพลาดในอดีตได้ บัดนี้จึงได้แต่คิดหาวิธีเอาใจหวังหยวนเพื่อเอาชีวิตรอด!“เงินทองแค่ไม่กี่แสนตำลึง เจ้าคิดว่าข้าจะใส่ใจหรือ?”หวังหยวนยกยิ้มมุมปาก กล่าวด้วยน้ำเสียงดูแคลน“ข้าทราบว่าท่านปกครองเมืองหลิง แม้จะเป็นเมืองเล็ก ๆ แต่ทรัพยากรในมือท่านล้วนเป็นสิ่งที่อีกสามอาณาจักรใหญ่ไม่อาจเทียบได้!”“ท่านหวังย่อมไม่ใส่ใจเงินทองเพียงไม่กี่แสนตำลึง”“แต่ใครบ้างจะรังเกียจเงินทองเล่าขอรับ?”“ยิ่งไปกว่านั้น หากเกิดสงครามก็ต้องใช้เงินทองมากมาย เงินไม่กี่แสนตำลึงของข้าก็ยังพอมีประโยชน์อยู่บ้าง”“ดังนั้นท่านหวังโปรดพิจารณา รับเงินจำนวนนี้ไปเถิดขอรับ”ซูหนานอันพยายามพูดโน้มน้าวเขาคิดว่าหากหวังหยวนรับเงินทั้งหมดนี้ไป ก็เท่ากับแลกกับชีวิตของทุกคนในตระกูลซูแม้ตระกูลซูจะหมดตัวจนต้องเริ่มต้นใหม่ แต่ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ ย่อมมีความหวัง...“บัดนี้ฟ้ามืดลมแรง หากพวกข้าฆ่าพวกเจ้าทั้งหมด เงินพวกนี้
“ช่างเป็นแผนการที่แยบยล...”ขณะที่คนของตระกูลซูกำลังพูดคุยกันอยู่นั้นก็มีเสียงคุ้นเคยดังขึ้น เงาร่างหลายร่างพลันกระโจนออกมาจากมุมมืดดูจากท่าทางพวกเขาคงซุ่มรออยู่ที่นี่นานแล้ว กำลังคอยให้พวกเขาปรากฏตัว“หวัง... หวังหยวน!”ซูหนานอันที่อยู่ข้างหน้าเบิกตากว้างจ้องมองหวังหยวน“เหตุใดท่านจึงมาอยู่ที่นี่?”ซูหนานอันเอ่ยถามอย่างลุกลี้ลุกลน ในใจมีลางสังหรณ์ หรือว่า...หวังหยวนรู้แผนการของตระกูลซูแล้ว?“ข้าควรเป็นคนถามเจ้ามากกว่ากระมัง?”หวังหยวนกล่าวถามพร้อมกอดอก มุมปากมีรอยยิ้มหยัน“ข้า...”“ข้าแค่จะพาครอบครัวไปเยี่ยมญาติ พรุ่งนี้เช้าก็กลับมาแล้ว ท่านหวังโปรดอย่าเข้าใจผิด...”“ข้าไม่ได้คิดจะหนีนะขอรับ!”ซูหนานอันหลุดปากพูดความจริงด้วยความตื่นตระหนก เขาจึงเผลอพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมาหวังหยวนหัวเราะเยาะ แล้วค่อย ๆ เดินเข้าไปหาซูหนานอัน บ่าวไพร่ที่อยู่ข้างกายซูหนานอันต่างพากันเข้ามาขวาง ดวงตาเต็มไปด้วยความระแวดระวัง แต่เมื่อไม่ได้รับคำสั่งจากซูหนานอัน ก็ไม่มีใครกล้าลงมือ!ในความมืดไม่รู้ว่ามีมือสังหารซ่อนตัวอยู่กี่คน!หากลงมือโดยพลการอาจเกิดเหตุร้ายได้!“ท่านหวัง...”ซูหนานอั
“หากรีบนำเงินมาให้ข้า เรื่องราวก็จะจบโดยเร็ว หรือว่าพวกเขาคิดจะผัดวันประกันพรุ่ง?”หวังหยวนกอดอกกล่าวตงฟางฮั่นที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ส่ายหน้ากล่าวว่า “ข้าเองก็เดาความคิดของซูหนานอันไม่ออก”“แต่ข้าคิดว่าเขาไม่ใช่คนโง่ เรื่องคงไม่ง่ายอย่างที่พวกเราคิด”“การที่เขายังไม่มามีเพียงสองเหตุผล หนึ่งคือกำลังรวบรวมเงิน และสองคือเตรียมตัวแอบหนี”ระหว่างที่พูด ดวงตาของตงฟางฮั่นก็เป็นประกาย“ข้ารู้ว่าท่านได้ส่งคนไปซุ่มดูที่คฤหาสน์ของเขาแล้ว”“ไม่ว่าพวกเขาจะทำอะไร คงหนีสายตาของท่านไม่พ้นกระมัง?”หวังหยวนพยักหน้าด้วยรอยยิ้มตงฟางฮั่นช่างรู้ใจเขายิ่งนัก แต่นั่นก็น่ากลัวมากเช่นกันตลอดสองวันที่ผ่านมา ตงฟางฮั่นสามารถล่วงรู้ความคิดของเขาได้ไม่ว่าเขาจะตัดสินใจเช่นไรก็หนีสายตาของตงฟางฮั่นไม่พ้น!ไม่น่าแปลกใจเลยที่แม้แต่คนของพรรคทมิฬก็ยังอยากดึงตัวเขาไป เขามีความสามารถจริง ๆ!เสียงฝีเท้าหนักดังขึ้น เกาเล่อรีบวิ่งเข้ามาจากด้านนอก“ท่านผู้นำ! ข้าพบว่าคนของตระกูลซูมีพิรุธ!”“ช่วงนี้พวกเขากำลังรีบขายทรัพย์สินเพื่อเปลี่ยนเป็นเงินทั้งหมดแล้ว!”“ยิ่งไปกว่านั้น ตระกูลซูยังปิดประตูเงียบเชียบ ตามหลักแล้วเ
“ได้ขอรับ ข้าจะทำตามที่ท่านต้องการ”“หนึ่งพันคนคงหาไม่ได้ ท่านบอกจำนวนเงินมาเถิด ข้าจะรีบนำเงินไปให้ท่านถึงคฤหาสน์”ซูหนานอันขมวดคิ้วกล่าวครั้งนี้เขาถูกหวังหยวนเล่นงานอย่างจัง“ข้าจะไม่เอาเปรียบท่าน ขอแค่หนึ่งแสนตำลึงเงินก็พอแล้ว”“ตระกูลซูเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของเมืองอู่เจียง เงินจำนวนนี้คงไม่มากเกินไปสำหรับพวกท่าน”หวังหยวนเรียกเงินจำนวนมากแม้การก่อสร้างจะล่าช้า แต่ก็สามารถแก้ไขได้ หนึ่งแสนตำลึงถือเป็นเงินก้อนโตที่ได้มาโดยไม่ต้องลงทุน...ช่างเป็นแผนการที่ดี!แม้แต่ตงฟางฮั่นก็เกือบหลุดหัวเราะออกมา“เงินหนึ่งแสนตำลึง...”“ตกลง! เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้!”“ข้าจะรีบกลับไปเตรียมตัว แล้วนำเงินไปให้ท่านขอรับ!”กล่าวจบซูหนานอันก็พาคนของตระกูลซูจากไปโดยไม่ร่ำลาหวังหยวนด้วยซ้ำไม่ว่าใครต่างก็ดูออกว่าตอนนี้เขาโกรธมาก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้!หลายปีมานี้ เขาเพิ่งเคยถูกจัดการอย่างรุนแรงเช่นนี้เป็นครั้งแรกแถมยังถูกเรียกเงินจำนวนมากเช่นนี้!ที่สำคัญคือมีคนมากมายจับตามองอยู่ หากเรื่องนี้แพร่ออกไป เขาจะอยู่ในเมืองนี้อย่างสง่าผ่าเผยได้อย่างไร?คงเสียหน้าแน่นอนไม่ใช่หรือ?ระหว่างทางกลับ
เช่นนี้แล้วไม่เพียงแต่ได้พักผ่อนเท่านั้น แต่ยังได้ทองคำสิบตำลึงอีก...ช่างได้ประโยชน์ทั้งขึ้นทั้งล่อง!“ทุกคน!”ทันใดนั้นหวังหยวนก็โบกมือให้ทุกคน เมื่อทุกคนเงียบลงจึงหันไปมองซูหนานอัน“ในเมื่อทุกคนมาพร้อมแล้วก็นำเงินที่เตรียมมาออกมาแจกจ่ายเถิด...”“อย่าให้ทุกคนรอนานเลย”แม้ซูหนานอันจะรู้สึกเสียดาย แต่ก็ยังสั่งการ พี่น้องตระกูลซูจึงนำทองคำออกมาแจกจ่ายทุกคนต่างแย้มยิ้มด้วยความพึงพอใจหวังหยวนก็พึงพอใจเช่นกันวิธีการจัดการเช่นนี้นับว่าเป็นทางออกที่ดี ไม่เช่นนั้นเขาคงต้องเป็นคนจ่ายเงินชดใช้เอง!ยิ่งไปกว่านั้น หากหาตัวคนวางยาไม่พบก็ไม่อาจหายาแก้พิษได้ ทุกคนยังคงหวาดกลัวและอาจถึงกับมีคนเสียชีวิตที่สถานที่ก่อสร้าง...เช่นนั้นจะเกิดผลกระทบตามมามากมายต่อไปคงไม่มีใครกล้ามาทำงานอีก ชื่อเสียงของเขาก็คงเสียหายไปด้วย!แต่ตอนนี้กลับตรงกันข้าม เขายังอยากจะขอบคุณซูหนานอันเสียด้วยซ้ำ!ช่างเป็นดั่งหยาดฝนในยามแล้ง!ผ่านไปครึ่งชั่วยาม ทองคำก็ถูกแจกจ่ายครบ ยาแก้พิษก็ต้มเสร็จแล้ว ทุกคนรับของแล้วก็กลับบ้านไปพักผ่อนสถานที่ก่อสร้างดูโล่งตาขึ้นมาก“ท่านหวัง เรื่องราวก็คลี่คลายแล้ว ข้าพาคนของข
เกาเล่อทำท่าเชือดคอหากหวังหยวนสั่ง เขาจะลงมือสังหารซูหนานอันทันทีโดยไม่ลังเล!เพราะบัดนี้เขารู้สึกเกลียดซูหนานอันมาก ไม่ว่าจะเพื่อจุดประสงค์ใดก็ไม่อาจเอาชีวิตผู้อื่นมาแลกได้!นี่เป็นการล้ำเส้นเกินไปแล้ว“เอาเถิด ครั้งนี้ข้าจะยกโทษให้เขา”ซูหนานอันดีใจจนพยักหน้าหลายครั้ง“แม้รอดจากโทษตาย แต่ก็ไม่อาจหนีโทษหนักได้”“ตระกูลซูต้องจ่ายเงินจำนวนหนึ่งเพื่อปลอบขวัญชาวบ้าน!”“ส่วนคนงานที่ล้มป่วย ต้องให้คนละสิบตำลึงทอง จำนวนนี้คงไม่มากเกินไปกระมัง?”หวังหยวนกล่าวถามสิบตำลึงทอง...ซูหนานอันเลียริมฝีปากแห้งผาก นี่ไม่ใช่เงินจำนวนน้อยเลย!แต่เมื่อเทียบกับชีวิตของคนทั้งตระกูล เงินทองจะสำคัญกว่าได้อย่างไร?หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็กัดฟันตอบตกลง “ตกลงขอรับ!”“เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้ เดี๋ยวท่านให้คนไปเตรียมตัว แล้วไปที่สถานที่ก่อสร้างกับข้า”“ทุกคนกำลังรอผลการสืบสวนของข้าอยู่”“ข้าไม่ได้จงใจทำให้ท่านลำบากใจ แต่ข้าต้องให้คำอธิบายกับทุกคน...”หวังหยวนตบบ่าซูหนานอันด้วยรอยยิ้มช่างเป็นการตบหัวแล้วลูบหลัง!ซูหนานอันด่าทอหวังหยวนในใจไม่รู้กี่ครั้ง...แต่ก็ได้แต่เก็บความโกรธไว้ ไม่กล้า
ช่างเป็นกลอุบายร้ายกาจที่แยบยลยิ่งนัก“จริงหรือที่ไม่ใช่ฝีมือพวกท่าน?”หวังหยวนจ้องมองซูหนานอันแล้วถามย้ำอีกครั้ง“ข้าขอสาบานขอรับ!”“เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตระกูลซูของข้าแม้แต่น้อย!”“แม้พวกข้าจะไม่ทราบว่าท่านมาถึงเมืองอู่เจียง แต่ไม่ว่าใครก็รู้ว่านี่เป็นโครงการที่ท่านริเริ่ม พวกข้าจะกล้าขัดขวางท่านได้อย่างไรขอรับ?”ซูหนานอันรีบกล่าวแก้ตัวพี่น้องตระกูลซูต่างก็ไม่กล้าเอ่ยวาจาเมื่อครู่ที่ด้านนอก ซูอวิ่นเหวินได้เล่าเรื่องราวของหวังหยวนให้ซูอวิ่นอู่ฟังแล้ว ซูอวิ่นอู่ถึงกับตกตะลึง ความหยิ่งผยองที่เขาเคยมีจึงหายไปจนหมดสิ้นแค่หวังหยวนกระทืบเท้า ทั่วทั้งเมืองหลิงก็ต้องสั่นสะเทือน แม้พวกเขาจะมีอำนาจในเมืองอู่เจียง แต่หากเป็นศัตรูกับหวังหยวน จุดจบของพวกเขาก็มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น...คือความตาย!“ยังกล้าพูดอีกหรือว่าไม่ใช่ฝีมือพวกเจ้า?”“ช่างกล้าพูดจาโกหก!”“ยังกล้าใช้คำสาบานเพื่อแต่งเรื่องโกหกงั้นหรือ?”“มิน่าล่ะกิจการของตระกูลซูจึงใหญ่โตเช่นนี้ ดูท่าคงเกี่ยวข้องกับหัวหน้าตระกูลอย่างเจ้าโดยตรงสินะ!”ขณะที่หวังหยวนกำลังจะเปลี่ยนเป้าหมายจากตระกูลซู ก็มีเสียงคุ้นเคยดังมาจ
“สถานที่ก่อสร้างหรือ”“ข้าไม่เข้าใจว่าท่านหมายความว่าอย่างไร...”ซูหนานอันมีท่าทีร้อนรน ขณะเอ่ยอย่างลุกลี้ลุกลนหวังหยวนกล่าวอย่างใจเย็น “เอาล่ะ ท่านไม่จำเป็นต้องแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง”“ตระกูลซูของท่านทำธุรกิจขนส่ง เมื่อเขื่อนกั้นน้ำสร้างเสร็จ ย่อมกระทบต่อผลประโยชน์ของตระกูลท่าน ดังนั้นข้าจึงคิดว่าเรื่องนี้คงเกี่ยวข้องกับตระกูลท่านเป็นแน่”“หากไม่ใช่ท่านที่ทำ ท่านก็ควรไปถามบุตรชายทั้งสองของท่านดู”น้ำเสียงของหวังหยวนเย็นเยียบครั้งนี้ที่สถานที่ก่อสร้างจู่ ๆ ก็มีคนงานล้มป่วยจำนวนมาก ไม่เพียงแต่ทำให้การก่อสร้างล่าช้าเท่านั้น แต่ยังต้องเสียเงินทองจำนวนมากอีกด้วยซึ่งทั้งหมดล้วนตกเป็นภาระของหวังหยวน จะให้เขาทนได้อย่างไร?เขาไม่อาจกลืนความโกรธนี้ลงได้!นี่มันวางแผนให้ได้ทรัพย์สินด้วยการทำร้ายผู้อื่นอย่างชัดเจน!แม้ตงฟางฮั่นจะยึดมั่นในหลักการคานอำนาจ ต้องการให้สี่ตระกูลใหญ่คานอำนาจกัน แต่ก็ไม่อาจปล่อยตระกูลซูไปง่ายดายเช่นนี้...เป็นหนี้ต้องจ่าย เป็นคนร้ายต้องชดใช้กรรม สุดท้ายก็ต้องให้คนของตระกูลซูชดใช้!แต่แน่นอนว่าหากเรื่องทั้งหมดเกี่ยวข้องกับตระกูลซูจริงก็ต้องมีหลักฐาน!“ข้
ทันใดนั้นซูหนานอันก็รู้สึกว่าขาทั้งสองข้างอ่อนแรง ร่างกายเสียหลักทรุดลงคุกเข่ากับพื้น...“ท่าน...”“ท่านคือหวังหยวน!”ชื่อเสียงของหวังหยวนเลื่องลือไปทั่วหล้า!แม้เขาจะไม่เคยพบหน้าหวังหยวน แต่ก็รู้จักอาวุธลับที่หวังหยวนใช้!เพราะทั่วทั้งใต้หล้านี้ไม่มีอาวุธเช่นนี้อีกแล้ว!ซูหนานอันเข้าใจแจ่มแจ้งแล้วว่าเหตุใดคนของตระกูลเฉินจึงรีบรุดมาช่วยเหลือราวกับสุนัขรับใช้!ที่แท้ก็เพื่อเอาใจหวังหยวนนี่เอง...บัดนี้เฉินเจิ้นหนานแทบอยากจะตบหน้าตนเอง เหตุใดเขาจึงโง่งมถึงเพียงนี้!“เจ้าหนุ่ม สิ่งนั้นมันอะไรกัน?”“ประทัดหรือ?”ซูอวิ่นอู่ไม่ได้สังเกตเห็นท่าทีของพ่อ กลับชี้หน้าหวังหยวนแล้วพูดขึ้นคนของตระกูลซูหลายคนต่างหัวเราะเยาะหัวเราะไปเถิด ให้เจ้าหัวเราะให้เต็มที่!“อีกสักพักเจ้าจะร้องไห้กันไม่ทัน!”เฉินเทียนสบถในใจ“บังอาจ!”“หุบปากเน่า ๆ ของเจ้าเดี๋ยวนี้!”“เจ้ามันช่างไร้ประโยชน์ รีบคุกเข่าขอขมาท่านหวังเดี๋ยวนี้!”ซูหนานอันตวาดซูอวิ่นอู่ เหตุใดเขาจึงมีลูกชายโง่เขลาเช่นนี้?ไม่เห็นหรือว่าเขากำลังคุกเข่าอยู่!ยังกล้าพูดจาอวดดีกับหวังหยวน ช่างไม่รู้จักกลัวตายเอาเสียเลย!“ท่านพ่อ ท