“หากพวกเขาไม่เต็มใจ ก็แค่ส่งเสริมตระกูลใหม่ขึ้นมาแทน”“ท่านไม่ต้องกังวล”หวังหยวนกล่าวอย่างใจเย็นเมื่อได้ยินเช่นนั้น เฉินเจิ้นหนานที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ก็ตั้งสติได้ จึงรีบลุกขึ้นขวางทางหวังหยวนเฉินเจิ้นหนานกลืนน้ำลายและรีบกล่าวว่า “ท่านหวัง เมื่อครู่ข้าแค่ตกใจ จึงไม่ได้ตอบรับขอรับ”“จู่ ๆ ก็มีโชคลาภหล่นทับ ทำให้ข้ารู้สึกมึนงงไปเลยขอรับ!”“ท่านวางใจได้เลยขอรับ ข้าจะดูแลกิจการของตระกูลซูอย่างดี จะไม่พาครอบครัวหนีเหมือนเขาแน่นอนขอรับ!”“เมืองอู่เจียงคือบ้านของข้า ต่อให้ตาย ข้าก็จะตายที่นี่!”“ยิ่งไปกว่านั้น ข้าภักดีต่อท่านหวัง ข้าเชื่อว่าข้าภักดีต่อท่านมากกว่าคนของอีกสองตระกูลอีกขอรับ!”เฉินเจิ้นหนานรีบแสดงความจงรักภักดีจากการพบปะกัน เขาเริ่มเข้าใจแล้วว่าหวังหยวนไม่ใช่คนโหดร้าย!แถมยังปฏิบัติต่อคนรอบข้างอย่างดี ไม่เช่นนั้นคงไม่มีมือสังหารมากมายยอมอยู่รับใช้เขาด้วยความเต็มใจและคงไม่อาจเอาชนะใจประชาชนได้!ทุกสิ่งล้วนแสดงให้เห็นว่าหวังหยวนเป็นนายที่ดี หากได้เป็นผู้ช่วยคนสนิทของหวังหยวน ต่อไปตระกูลเฉินก็จะรุ่งโรจน์มากขึ้นมและพลิกสถานการณ์ปัจจุบันได้!ถึงขั้นอาจจะได้เป็นตระกูลที่
“ลูกเอ๋ย”“ท่านหวังไม่ได้มาหาเรื่องพ่อ แต่...”“ท่านต้องการให้เรารับช่วงต่อกิจการของตระกูลซู รวมกิจการเข้ากับตระกูลเรา เพื่อให้เมืองอู่เจียงดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ได้ตามปกติ!” นี่...เมื่อได้ยินเช่นนั้น เฉินเทียนก็ทำแบบเดียวกับพ่อ เขาตบหน้าตัวเองไม่หยุดพ่อบ้านกับองครักษ์ที่ยืนอยู่ต่างส่ายหน้า หรือว่าคุณชายใหญ่จะเสียสติไปแล้ว“จริงหรือขอรับ?”“ท่านพ่อ! ท่านอย่าหลอกข้านะขอรับ!”เฉินเทียนรีบคว้ามือเฉินเจิ้นหนาน ไม่สนใจใบหน้าที่บวมแดงของตัวเองเฉินเจิ้นหนานกล่าวอย่างตื่นเต้น “เรื่องเช่นนี้พ่อจะหลอกเจ้าได้อย่างไร?”“ยิ่งไปกว่านั้น ท่านหวังยังบอกพ่อด้วยว่าตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไป ให้พวกเราลงมือไปตรวจสอบกิจการของตระกูลซูได้เลย”เฉินเทียนรีบพยักหน้า “แต่... คนของตระกูลซูจะยอมง่าย ๆ หรือขอรับ?”“ข้าเกรงว่าหากไม่มีท่านหวัง พวกเราคงต้องสู้รบกับคนของตระกูลซู”ไม่ต้องพูดถึงจิ้งจอกเฒ่าซูหนานอัน หากเป็นคนอื่นในตระกูลซูก็คงไม่ยอมยกกิจการที่สร้างขึ้นมาด้วยความยากลำบากให้คนอื่นง่ายดายเช่นนี้“ยังมีข่าวดีอีกเรื่องจะบอกเจ้า...”“คนของตระกูลซู นอกจากบ่าวไพร่กับคนงานก็ถูกท่านหวังฆ่าตายหมดแล้ว!”
ครึ่งเดือนต่อมา เหล่าคนงานที่ล้มป่วยต่างหายดีแล้วกลับมาทำงานสร้างเขื่อน เมืองอู่เจียงกลับมาสงบสุขอีกครั้งหากเป็นเช่นนี้ต่อไป คงใช้เวลาไม่ถึงครึ่งปี เมืองอู่เจียงก็จะสามารถเชื่อมต่อทางน้ำ กลายเป็นเมืองที่สำคัญที่สุดในใต้หล้าได้“ท่านหวัง ท่านตงฟางขอเข้าพบขอรับ”บ่าวรับใช้ที่เฝ้าอยู่หน้าห้องเคาะประตูเบา ๆ ก่อนจะรายงานทันที“ท่านตงฟางมาแล้วหรือ?”“ให้เขาไปรอที่ห้องโถงก่อน ข้าจะเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกไป”ขณะนี้หวังหยวนกำลังเพลิดเพลินอยู่กับหลี่ซื่อหาน แต่เมื่อได้ยินบ่าวรายงานก็จำต้องลุกขึ้นเขาบิดขี้เกียจ แล้วบีบแก้มหลี่ซื่อหานเบา ๆ พลางกล่าวว่า “ตอนนี้ข้าเข้าใจความสุขของฮ่องเต้แล้ว”“ไม่แปลกใจเลยที่มีฮ่องเต้หลายองค์ที่หลงใหลอิสตรี ความรู้สึกนี้ช่างหอมหวานเหลือเกิน”“หากไม่ใช่มีธุระ วันนี้ข้าคงไม่อยากลุกจากเตียง...”หลี่ซื่อหานที่กำลังแต่งตัวกลอกตามองหวังหยวนอย่างไม่พอใจ“ท่านหลงใหลในตัณหาตั้งแต่เมื่อไหร่?”หวังหยวนชะงัก “ตรงไหนกัน?”“การพูดคุยเรื่องบนเตียงกับฮูหยินไม่น่าจะเรียกว่าหลงใหลในตัณหาได้กระมัง?”“ข้าไม่ได้ออกไปเที่ยวเล่นที่ไหน”กล่าวจบ หวังหยวนจึงเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้
หวังหยวนเพียงแค่ยกยิ้ม ไม่ได้เอ่ยคำใดคำชมเช่นนี้เขาฟังจนเจนหูแล้วยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้ตงฟางฮั่นไม่พูด เขาเองก็คิดเช่นเดียวกันหวังหยวนไม่ได้เป็นคนของโลกนี้ ความคิดย่อมแตกต่างจากคนอื่น เขาเข้าใจว่านอกจากโลกนี้แล้วยังมีโลกอื่นอีกแม้ใต้หล้าจะแบ่งเป็นดินแดนทั้งเก้า แต่นั่นเป็นเพียงความคิดของคนในดินแดนทั้งเก้า พวกเขาย่อมไม่รู้ว่านอกจากสี่อาณาจักรใหญ่แล้วยังมีอาณาจักรอื่น ๆ อีกมากมายดินแดนที่พวกเขาอาศัยอยู่ไม่ใช่ดินแดนเพียงแห่งเดียวในโลกหากต้องการให้ดินแดนทั้งเก้าพัฒนาจนก้าวขึ้นเป็นผู้นำ สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องเสริมสร้างความแข็งแกร่งของตนเองก่อนเมื่อมีเส้นทางคมนาคมทางน้ำ ย่อมจะอำนวยความสะดวกให้ผู้คนในดินแดนทั้งเก้าเป็นอย่างมาก“อีกสองวันข้าจะออกเดินทาง”“ไปติดต่อคนของอาณาจักรต้าเย่ก่อน แล้วจึงไปพบไทเฮาเซียวและคนของอาณาจักรต้าเป่ย”“ข้าเชื่อว่าพวกเขาคงรับฟังข้อเสนอของข้า เพราะนี่เป็นความคิดที่ดี มีประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน”หวังหยวนพูดด้วยรอยยิ้มเขาเตรียมการไว้พร้อมแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้ตงฟางฮั่นเตือนตงฟางฮั่นกลับส่ายหน้ากล่าวว่า “เหตุใดต้องรออีกสองวัน? วันนี้เป็นวันด
“ท่านอย่ากังวลใจมากเกินไปเลย”“ผู้อื่นอาจไม่รู้จักความสามารถของเกาเล่อ แต่ท่านยังไม่รู้จักเขาอีกหรือ?”“เขาเป็นคนแข็งแกร่ง ไม่ใช่ว่าใครจะมารังแกได้โดยง่าย”หวังหยวนพยักหน้า บางทีอาจเป็นเช่นนั้น...หลังจากส่งตงฟางฮั่นกลับไปแล้ว หวังหยวนยังคงกระวนกระวายจึงตรงไปยังคุกใต้ดินหลิ่วหรูเยียนถูกขังอยู่ในชั้นล่างสุดของใต้ดิน มือและเท้าถูกล่ามด้วยโซ่เหล็กหนา ภายในห้องมืดสนิท ไม่มีแสงส่องเข้ามานั่นเป็นเพราะนางไม่ใช่สตรีธรรมดา ยากที่จะรับมือหากประมาท นางอาจหาโอกาสหนีออกจากคุกที่แข็งแกร่งดุจกำแพงเหล็กแห่งนี้ได้!ประตูคุกเปิดออกช้า ๆ หลิ่วหรูเยียนที่ถูกล่ามโซ่อยู่เงยหน้าขึ้นมองหวังหยวนแม้จะไม่ได้ทรมานนาง แต่ผ่านไปครึ่งเดือน นางก็ไม่ได้พบแสงสว่างแม้แต่น้อย ใบหน้าของนางซีดเซียวไร้สีเลือด ดวงตาคู่สวยแดงก่ำ ไม่มีแววสดใสเหมือนก่อน“ท่านมาที่นี่เพื่ออะไร?”“หรือว่ามาดูข้าเหมือนเป็นตัวตลก?”หลิ่วหรูเยียนเอ่ยถามอย่างเย็นชา น้ำเสียงแหบพร่าหวังหยวนจ้องมองนางอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจ้าปิดบังสิ่งใดจากข้าหรือไม่?”“จะหาตัวคนของพรรคทมิฬในเมืองผีทางตะวันตกเฉียงเหนือพบจริ
“ฟึ่บ!”เดิมทีหวังหยวนเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นสตรีจึงคิดจะเป็นสุภาพบุรุษ กล่าวขอโทษแล้วก็จากไปแต่ไม่นึกเลยว่านางจะพูดจาอวดดี หยิ่งยโสและไร้เหตุผลถึงเพียงนี้เลยหรือ?“เมื่อเจ้าถามข้าเช่นนี้ แสดงว่าเจ้าก็ตาบอดเช่นกัน”“หรือว่าเจ้าไม่เห็นดวงตาบนใบหน้าของข้าเล่า?”หวังหยวนตอบกลับอย่างไม่สบอารมณ์“เจ้า...”สตรีผู้นั้นขบฟันแน่นด้วยความโกรธ ชี้หน้าหวังหยวนและกล่าวว่า “ช่างปากคอเราะรายนัก!”“ข้าจะถามเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย เจ้าจะขอโทษหรือไม่?”หวังหยวนไม่สนใจนางและกำลังจะผลักนางออก แต่นางกลับคว้ามือเขาไว้ก่อนที่เขาจะทันตั้งตัว นางเอามือเขาไปแตะหน้าอกตัวเองหวังหยวนตกใจกับการกระทำของนางนี่มันเรื่องอะไรกัน?จงใจให้เขาลวนลามนางหรือ?ต้องยอมรับว่านางมีรูปโฉมงดงาม ใบหน้ารูปไข่ ผิวพรรณขาวผ่องดุจหยก ดวงตากลมโตสดใส รูปร่างงามสมส่วนแม้จะไม่ถึงขั้นงามล่มเมือง แต่สวยเด่นกว่าหญิงสาวทั่วไป!คงไม่ใช่สตรีธรรมดาเป็นแน่“ลวนลาม!”ขณะที่หวังหยวนกำลังคิดก็มีเสียงดังขึ้นข้างหูผู้คนมากมายต่างมามุงดู ในพริบตาถนนต่างเต็มไปด้วยผู้คนสตรีผู้นั้นยังคงจับมือหวังหยวน แล้วตะโกนบอกทุกคน“ทุกคนเห็นหรือไม่?”
เจียงเสี่ยวอวี๋ ลูกสาวคนเล็กของเจียงเซี่ยวอวิ๋น ผู้เป็นหัวหน้าตระกูลเจียงเจียงเสี่ยวอวี๋เป็นเด็กสาวเอาแต่ใจ ไม่มีใครในเมืองอู่เจียงกล้าขัดใจนางอย่างไรก็ตาม แม้นางจะชอบรังแกคนอื่นในบางครั้งแต่กลับแตกต่างจากคุณชายในตระกูลใหญ่ทั้งสี่เพราะนางไม่เคยกลั่นแกล้งผู้ยากไร้ และยิ่งไม่เคยทำเรื่องข่มเหงผู้ที่อ่อนแอกว่ากล่าวได้ว่านางชอบช่วยเหลือผู้คนเพื่อรักษาความเป็นธรรมเสียมากกว่าเป็นดั่งวีรสตรีคนหนึ่งแน่นอนว่านางมักจะเรียกตนเองว่าวีรสตรี เพียงแต่อารมณ์แปรปรวน จึงไม่ค่อยเป็นที่รักใคร่ประกอบกับฐานะอันสูงส่งย่อมมีคนอิจฉาริษยา ทำให้ชื่อเสียงของนางไม่ค่อยดีนัก“คนตระกูลเจียงหรือ?”หวังหยวนสนใจขึ้นมาทันทีตั้งแต่มาถึงเมืองอู่เจียง เขาได้พบกับสองตระกูลใหญ่แล้ว ทั้งยังกำจัดตระกูลซูไปแล้วอย่างง่ายดายส่วนอีกสองตระกูลที่เหลือคือตระกูลซูกับตระกูลเซียวเจียงเสี่ยวอวี๋ตรงหน้าเป็นคนของตระกูลเจียง ช่างเป็นโชคชะตากำหนดมาดวงตาของหวังหยวนเป็นประกาย ก่อนจะเดินไปหาเจียงเสี่ยวอวี๋ด้วยรอยยิ้ม “ที่แท้ก็เป็นคุณหนูตระกูลเจียง ขออภัยที่เสียมารยาท”“บังเอิญข้าเป็นสหายกับพ่อของเจ้า เจ้าช่วยพาข้าไปพบเ
ทั้งสองเดินมาถึงหน้าคฤหาสน์ตระกูลเจียง“คุณหนูใหญ่ ท่านกลับมาแล้ว!”“ท่านหัวหน้าตระกูลตามหาท่านจนแทบบ้า โชคดีที่ท่านปลอดภัย ไม่เช่นนั้นพวกข้าคงต้องหัวหลุดจากบ่าเป็นแน่...”องครักษ์สองคนที่เฝ้าประตูรีบเข้ามากล่าว พร้อมกับแอบโล่งใจคุณหนูเอาแต่ใจผู้นี้ช่างเป็นคุณหนูที่น่ากลัวยิ่งนักปกตินางมักจะแอบหนีออกจากคฤหาสน์ ทำให้พวกเขาลำบากใจ ทุกครั้งที่นางออกไปมักจะนำความเดือดร้อนมาให้เสมอ สุดท้ายก็ต้องเป็นพวกเขาที่ต้องรับผิดชอบ...พวกองครักษ์ย่อมไม่มีความสุขแต่ทว่าไม่มีใครกล้ากล่าววาจาล่วงเกินเจียงเสี่ยวอวี๋ เพราะกลัวจะเดือดร้อน!มันไม่คุ้มเลย“พ่อข้าอยู่ที่ใด?”“ระหว่างทางข้าพบคนไร้มารยาทอยากมาพบพ่อข้า ข้าจึงพาเขามาด้วย”“ข้าอยากรู้ว่าที่เขาพูดเป็นความจริงหรือไม่ เขารู้จักพ่อข้าจริงหรือเปล่า!”เจียงเสี่ยวอวี๋บ่นพึมพำด้วยความโกรธ สายตาเหลือบมองหวังหยวนเป็นระยะองครักษ์ทั้งสองต่างเป็นห่วงหวังหยวน การล่วงเกินคุณหนูผู้นี้คงไม่ใช่เรื่องน่าสนุก...ทางด้านหวังหยวนกลับมีสีหน้าเรียบเฉย ดูไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย“ท่านหัวหน้าตระกูลกำลังโกรธอยู่ในห้องโถง คุณหนูใหญ่ เชิญท่านเข้าไปเถิดขอรับ...”“
“พวกเจ้าออกไปก่อน”เมื่อเห็นว่าคนเหล่านั้นหน้าดำคร่ำเครียด ซือหม่าอันจึงโบกมือให้พวกเขาออกไปในชั่วพริบตา คนเหล่านั้นก็จากไปด้วยความโล่งอกพวกเขาถึงกับกังวลว่าหานเทาจะสังหารพวกเขาเพราะความโกรธด้วยซ้ำ...“ท่านขุนพลหานไม่ต้องโมโห”“อันที่จริง เรื่องเหล่านี้ล้วนสมเหตุสมผล”“แม้ว่าจะไม่มีตำแหน่งอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้าแล้ว แต่ชื่อเสียงของพวกเราก็ไม่ค่อยดีนัก พวกเขาจะเดินทางมาได้อย่างไร?”“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็สร้างหอไร้เทียมทานขึ้นมาเอง ท่านคิดเห็นเช่นไร?”ซือหม่าอันหรี่ตาลง ตอนนี้เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ สายตาจับจ้องไปที่หานเทาหานเทากลืนน้ำลาย เอ่ยถามขึ้นว่า “ท่านมีความคิดดี ๆ แล้วหรือ?”ซือหม่าอันกล่าวว่า “หลายปีมานี้ ผู้คนต่างก็เกลียดชังอาณาจักรต้าเป่ย ถึงกับคิดว่าต้นตอของสงครามในดินแดนทั้งเก้าก็คืออาณาจักรต้าเป่ยของพวกเรา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อยากเข้าร่วมกับพวกเรา”“เช่นนั้นพวกเราก็นำยอดฝีมือจำนวนมากจากภายนอกเข้ามาเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับตนเองสิ!”“ตามที่ข้ารู้ หวังหยวนมีน้องชายคนหนึ่งชื่อว่าไฉจวิ้น ทั้งสองไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด ว่ากันว่าเป็นพี่น้องร่วมสาบาน”“ไฉ
“เมื่อคืนข้าไม่ได้บอกเจ้าแล้วหรือ ว่าอีกสองวันพวกเราจะกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง?”“ท่านถงและคนอื่น ๆ ล้วนอยู่ที่หมู่บ้านต้าหวัง พวกเราไม่ต้องเป็นกังวลกับเรื่องราวที่นั่น”“เมื่อพวกเรากลับไปแล้ว ก็เพียงแค่ใช้ชีวิตให้มีความสุข”หวังหยวนไม่ใช่คนไร้ซึ่งความทะเยอทะยาน เพียงแต่ว่าเขาไม่ได้มีความรักชาติอันยิ่งใหญ่และคำนึงถึงปวงประชาเป็นหลัก!เขาเพียงต้องการดูแลครอบครัวของตนเอง รวมถึงสหายและพี่น้องที่อยู่เคียงข้าง!หากสามารถช่วยเหลือปวงประชาได้ ย่อมเป็นเรื่องดี แต่หากต้องเสียสละสิ่งใดจริง ๆ เกรงว่าเขาคงจะไม่ทำเช่นนั้น...แม้แต่การประชุมที่หอหลิวหลีในตอนนั้น ก็เป็นเพียงเพราะหวังหยวนต้องการความสงบสุข“ไม่ได้ ไม่ได้!”“ข้าไม่อยากกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง!”“ข้าอยากจะติดตามท่านไปยังสถานที่ที่ผู้คนไม่พลุกพล่าน เมื่อข้าให้กำเนิดลูกแล้ว พวกเราค่อยกลับไปก็ได้ไม่ใช่หรือ?”หลิ่วหรูเยียนฉลาดยิ่งนักเมื่อกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง นางจะสามารถติดตามหวังหยวนได้ทุกวันได้อย่างไร?อย่าว่าแต่ต้องการจะมีลูกเป็นของตนเองเลย เกรงว่าแม้แต่พื้นที่ส่วนตัวของเขากับนางก็ยังแทบจะไม่มี!ในบ้านยังมีพี่สาวอีกหลายคน
หวังหยวนได้ตัดสินใจแล้ว เรื่องราวในเมืองอู่เจียงใกล้จะสิ้นสุด เขาเตรียมที่จะกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวังในอีกสองวันครั้งนี้เขาออกมานานกว่าครึ่งปี แม้ว่าพวกหลี่ซื่อหานจะไม่ได้เร่งรัดให้เขากลับบ้าน แต่ด้วยนิสัยของพวกนาง เกรงว่าคงจะอยากมาตามหาเขาแล้วกระมัง?มีปัญหาน้อยดีกว่ามีปัญหามาก รีบกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวังย่อมดีกว่าอีกอย่างคือเมื่อมีคนรักใหม่แล้วจะลืมคนรักเก่าได้อย่างไร!ฝนตกทั่วฟ้าถึงจะถูกต้อง!“ท่านผู้นำ มีเรื่องสำคัญที่ต้องรายงานท่านขอรับ!”“ข้าเพิ่งได้รับข่าว หานเทาและซือหม่าอันได้ก่อตั้งสถานที่ที่คล้ายกับหอไร้เทียมทาน ตอนนี้กำลังรวบรวมยอดฝีมือทั่วหล้า!”“นี่มันจงใจเป็นศัตรูกับพวกเราชัด ๆ”“ข้าจึงอยากจะถามว่า ต่อไปพวกเราต้องทำการตอบโต้หรือไม่ขอรับ?”หากเป็นเมื่อก่อน เกาเล่อย่อมต้องการความมั่นคง ไม่เคยทำเรื่องหุนหันพลันแล่นในสถานการณ์เช่นนี้ ย่อมไม่เลือกที่จะปะทะกับหานเทาโดยตรงแต่ยามนี้แตกต่างออกไป เมื่อก่อนหวังหยวนมีเพียงแคว้นเดียวเท่านั้น ตอนนี้แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น แต่เผ่าทางเหนือทั้งหมดก็อยู่ภายใต้การบัญชาของหวังหยวนแล้ว และท่านไท่สื่อก็เป็นคนของพวกเขาด้วย!ประกอบก
กองทัพทั่วหล้าตกอยู่ในมือของเขาแล้ว!หากเกิดสงครามกับหวังหยวน เขาก็ต้องเป็นแนวหน้า!ซือหม่าอันหรี่ตา จากนั้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “เรื่องที่ท่านขุนพลหานกังวล มีหรือที่ข้าจะไม่กังวล?”“ข้าได้กราบทูลเรื่องนี้กับฝ่าบาทแล้ว แต่ฝ่าบาทกลับไม่ได้ใส่ใจ ตอนนี้ท่านโปรดปรานการใช้ดินปืน ซ้ำยังให้คนไปคิดค้นอาวุธร้อนเพิ่มด้วย!”“เพียงแต่ว่าการจะพัฒนาอาวุธร้อนให้สมบูรณ์ ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ในชั่วข้ามคืน!”หานเทาถอนหายใจยาว มีหรือที่เขาจะไม่เข้าใจหลักการนี้?น่าเสียดายที่ไม่สามารถพูดคุยกับฝ่าบาทให้เข้าใจได้!“เช่นนั้นตามความคิดเห็นของท่านซือหม่า ต่อไปพวกเราต้องทำอย่างไร?”หานเทาเอ่ยถามเขาเป็นเพียงขุนศึก ในสถานการณ์เช่นนี้ ย่อมต้องการความช่วยเหลือจากซือหม่าอันเมื่อทั้งสองปรึกษาหารือกัน อาจจะสามารถหาผลลัพธ์ที่ดีได้!ซือหม่าอันหรี่ตาลง ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ใช้นิ้วเคาะโต๊ะเบา ๆ จากนั้นกล่าวว่า “หรือว่าพวกเราจะก่อตั้งสถานที่ที่คล้ายกับหอไร้เทียมทาน จากนั้นก็ป่าวประกาศเรื่องนี้ให้ทั่ว ให้ผู้คนทั่วหล้าเดินทางมา เช่นนี้แล้ว ต่อให้พวกเราไม่สามารถรวบรวมยอดฝีมือได้มากมาย อย่างน้อยก็ไม่ปล่อยให้
“เจ้านี่นะ! ถึงกับหึงหวงเพราะผู้ชายเลยหรือ? หากกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง เช่นนั้นข้าจะมีความสุขได้อย่างไร?”หวังหยวนส่ายหน้าอย่างจนใจ ที่บ้านเขายังมีภรรยาสาวสวยอีกหลายคน ท่าทางของหลิ่วหรูเยียนเช่นนี้ ช่างทำให้เขารู้สึกหวาดหวั่นที่สำคัญที่สุดก็คือ ภรรยาในบ้านแต่ละคนล้วนไม่ใช่คนธรรมดา!โดยเฉพาะหวงเจียวเจียว นิสัยของนางร้อนแรงยิ่งกว่าไฟ นอกจากหลี่ซื่อหานและคนอื่น ๆ แล้ว ก็เกรงว่าจะไม่ยอมรับใครอีกหากสตรีทั้งสองนี้มาพบกัน ใครจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแต่ในเมื่อรับพวกนางมาเป็นภรรยาแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต เขาก็ต้องรับผิดชอบทั้งหมดเวลาสามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในช่วงสามวันนี้ หวังหยวนอยู่ในหอไร้เทียมทานต้องยอมรับว่าการก่อตั้งหอไร้เทียมทานได้ดึงดูดผู้มีความสามารถมากมายมาให้หวังหยวนที่สำคัญที่สุดก็คือหวังหยวนเป็นเพียงผู้ดูแล เรื่องราวทั้งหมดมอบให้เกาเล่อจัดการ โดยเพียงแค่ใช้ชื่อเสียงของหวังหยวนเท่านั้น!ต้องรู้ว่าหวังหยวนมีชื่อเสียงไปทั่วทั้งดินแดนทั้งเก้า เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด แม้แต่ปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้าก็เคารพหวังหยวน แล้วใครเล่าจะไม่อยากมาอยู่ใต้บัญชาของหวังหยวน?ยิ่งไป
การประลองย่อมต้องดำเนินต่อไปเพียงแต่ว่าตำแหน่งอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้านั้นมีมากมาย หวังหยวนจึงไม่ได้อยู่ดูการแข่งขันต่อคาดว่าในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า หอไร้เทียมทานคงจะคึกคักเป็นอย่างมากในไม่ช้า หวังหยวน ไฉจวิ้น และหลิ่วหรูเยียนทั้งสามก็กลับมาถึงห้อง ส่วนเรื่องภายนอกมอบให้เกาเล่อจัดการทันทีที่เดินเข้าห้อง หวังหยวนจึงรีบจับมือไฉจวิ้นมาตรวจดูอย่างละเอียด“พี่ใหญ่ ท่านไม่ต้องเป็นห่วงหรอกขอรับ ข้าสบายดี!”“ต่อให้ต้องประลองต่อ ข้าก็ยังไหว!”“เพียงแต่ข้าคิดไม่ถึงว่าเจ้านั่นจะยอมแพ้...”“เช่นนี้ก็ดี ทำให้ข้าไม่ต้องเปลืองแรง!”“อีกอย่าง หากต้องประลองกันต่อ เกรงว่าแม้แต่ข้าก็ไม่รู้ว่าจะสำเร็จหรือไม่...”นี่เป็นความจริงทุกคนรู้ว่าไฉจวิ้นมีพละกำลังมหาศาล ตัวเขาเองก็รู้ดีแก่ใจ แต่ขีดจำกัดของตนอยู่ที่ใด เกรงว่าแม้แต่เขาเองก็คงจะไม่รู้“เห็นว่าเจ้าไม่เป็นอะไร ข้าก็โล่งใจ”“แต่ต่อไปเมื่อทำสิ่งใด ต้องใช้ความคิดให้มาก”“แม้ว่าเจ้าจะมีพละกำลังมหาศาล แต่เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน เจ้าไม่มีทางรู้ได้ว่าคู่ต่อสู้ของเจ้าแข็งแกร่งเพียงใด”“ดังนั้นเมื่อทำสิ่งใด อย่าได้อวดดี เข้าใจหรือไม่?”
“ช่างมีพละกำลังมหาศาลจริง ๆ!”ขณะที่หวังหยวนกับพวกกำลังสนทนากัน สายตาของพวกเขาก็จับจ้องไปที่ดาร์เนล ซึ่งในตอนนี้ได้ยกติ่งหนักถึงเจ็ดร้อยชั่งขึ้นเหนือศีรษะบนเวทีเหลือเพียงไฉจวิ้นและดาร์เนลเมื่อดาร์เนลยกติ่งขึ้นได้ สายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปที่ไฉจวิ้น ตอนนี้เขาคือความหวังของปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้า ตำแหน่งจอมพลังอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้าจะไปตกอยู่ในมือของชาวต่างชาติได้อย่างไร?เช่นนี้แล้ว ภายภาคหน้าปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้าจะเชิดหน้าชูตาได้อย่างไร?ทางด้านสายตาของหวังหยวนนั้นจับจ้องไปที่ดาร์เนล ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่“ดูท่าแล้วไฉจวิ้นยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ดาร์เนลมีความสามารถจริง ๆ ข้าเห็นว่าตอนที่เขายกติ่งขึ้นเมื่อครู่ไม่ได้มีความลังเลแม้แต่น้อย ช่างมีพละกำลังมหาศาลนัก หากบอกว่าคนผู้นี้คือจอมพลังอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้า นั่นไม่ถือว่าเป็นการดูหมิ่นชื่อเสียงอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้า”หลิ่วหรูเยียนที่อยู่ด้านข้างเอ่ยอย่างช้า ๆการกระทำทั้งหมดของดาร์เนลล้วนอยู่ในสายตาของพวกเขา นี่คือผู้ที่มีความสามารถอย่างแท้จริงหากเปลี่ยนเป็นคนอื่น เกรงว่าจะไม่มีใครทำได้อย่างเข้าไม่ใช่หรือ?
แต่ทั้งหมดนี้นั้น นับว่าเป็นความดีความชอบของปู่ของไฉจวิ้นด้วย หากไม่ใช่เพราะมีปู่ช่วยเหลืออยู่ข้าง ๆ และใช้ชีวิตอยู่ในป่ามาหลายปี แล้วเขาจะมีพละกำลังแข็งแกร่งเพียงนี้ได้อย่างไร?เมื่อไฉจวิ้นยกติ่งใหญ่ขึ้น ผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ ก็ทยอยแสดงความสามารถของตนน่าเสียดาย ในท้ายที่สุดผู้ที่สามารถยกติ่งใหญ่ขึ้นได้ นอกจากไฉจวิ้นแล้วมีเพียงชาวต่างชาติที่มาจากต่างแดนเท่านั้นเสียงปรบมือดังกึกก้องจากข้างล่างเวที “คนผู้นี้มีความสามารถยิ่งนัก”หวังหยวนกอดอกมองชาวต่างชาติผู้นั้น พลางกวักมือเรียกเกาเล่อในชั่วพริบตา เกาเล่อก็มาอยู่ข้างกายหวังหยวน แต่สีหน้ากลับดูตึงเครียด“คนผู้นั้นคือชาวต่างชาติที่เจ้าเพิ่งพูดถึงหรือ?”หวังหยวนชี้ไปที่อีกคนบนเวที แล้วเอ่ยถามเกาเล่อพยักหน้า จากนั้นก็ขมวดคิ้วเอ่ยว่า “คนผู้นี้มีที่มาไม่ธรรมดา ก่อนหน้านี้ข้าได้บอกข้อมูลของเขาให้ท่านทราบแล้ว คนผู้นี้มีชื่อว่าดาร์เนล ว่ากันว่ามีพละกำลังมหาศาลตั้งแต่เด็ก และเคยต่อยเสือร้ายตายด้วยหมัดเดียว!”“เดิมทีคิดว่าทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องเล่า ตอนนี้ดูเหมือนว่าอาจจะไม่ใช่เรื่องโกหก...”สามารถยกติ่งใหญ่หนักห้าร้อยชั่งได้ นั่นก็
เขามีความมั่นใจในตัวน้องชายคนนี้ก่อนหน้านี้ หวังหยวนเคยเห็นความสามารถของไฉจวิ้นมาก่อน อย่าว่าแต่จะหาผู้ที่เทียบเทียมเขาในบรรดาคนรุ่นเดียวกันได้ยากเลย แม้แต่คนที่อายุมากกว่าเขาก็ยังไม่มีใครมีพละกำลังเท่าเขา!ยิ่งไปกว่านั้น หวังหยวนเองก็ยังไม่รู้ขีดจำกัดของไฉจวิ้น!ดูท่าแล้ววันนี้คงมีเรื่องสนุกให้ชมกันเกาเล่อกลับเอ่ยว่า “ข้าเห็นว่าไม่เป็นเช่นนั้น คนที่อยู่ข้างกายไฉจวิ้นล้วนไม่ใช่คนธรรมดา! หนึ่งในนั้นมาจากต่างแดน คนผู้นี้มีชื่อเสียงมานาน ว่ากันว่าสามารถยกหินใหญ่หนักสองร้อยจินได้ด้วยมือเดียว!”“หากใช้สองมือ คาดว่าของหนักห้าร้อยจินก็คงไม่คณนามือขอรับ!”นี่...หวังหยวนกลืนน้ำลาย คนเหล่านี้กินหินเป็นอาหารกันหรืออย่างไร?ฝึกฝนร่างกายจนแข็งแกร่งถึงเพียงนี้เลยหรือ?อย่าว่าแต่ยกของหนักห้าร้อยจินเลย แม้แต่สองร้อยห้าสิบจิน เขาก็ยังยกไม่ขึ้น!“รอดูไปก่อน ข้าก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าศักยภาพของไฉจวิ้นมีขีดจำกัดอยู่ที่ใด”“เจ้าจำไว้ว่าต้องไปเตือนเขาด้วยว่าอย่าได้มุทะลุดุดัน!”“เขายังเด็กนัก ภายภาคหน้ายังมีโอกาสอีกมากที่จะพิสูจน์ตนเอง หากได้รับบาดเจ็บเพราะเรื่องนี้แล้วนั้น ย่อมไม่คุ้มค่า”ห