ทว่าเฉินเจิ้นหนานไม่ได้สนใจซูหนานอัน กลับรีบวิ่งเข้าไปหาหวังหยวนด้วยท่าทางประจบสอพลอนี่เป็นโอกาสอันดี!หากสามารถสร้างความสัมพันธ์กับหวังหยวนได้ ประกอบกับการกระทำอันอุกอาจของตระกูลซู ต่อไปในเมืองอู่เจียง เขาย่อมเหนือกว่าตระกูลซู!เปรียบได้กับปลากระโดดลงน้ำเลยทีเดียว!เฉินเจิ้นหนานจะไม่รู้จักฉวยโอกาสเช่นนี้ได้อย่างไร?“เฉินเจิ้นหนาน!”“ท่านไม่ได้ยินที่พ่อข้าพูดหรือไร?”“เหตุใดต้องแสร้งทำเป็นหูหนวกตาบอด!”ซูอวิ่นอู่เห็นเฉินเจิ้นหนานเมินเฉยต่อพ่อของตนจึงตะโกนด้วยความโกรธแม้แต่ตงฟางฮั่นที่ยืนอยู่ข้างหวังหยวนก็เกือบหลุดหัวเราะ ทั้งเฉินเจิ้นหนานและซูหนานอันล้วนเป็นวีรบุรุษแห่งยุค!เขารู้จักทั้งสองคนเป็นอย่างดี ครั้งหนึ่งคนทั้งสองต่างสร้างฐานะของตระกูลขึ้นมาด้วยสองมือของตนเอง ทั้งยังไต่เต้าขึ้นมาจนมีบทบาทสำคัญในเมืองอู่เจียง!น่าเสียดาย...แม้สุภาษิตจะกล่าวว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น แต่ทายาทของพวกเขากลับเทียบไม่ได้กับบรรพบุรุษ!ไม่สิ!ต้องบอกว่าต่างกันราวฟ้ากับเหว!“ซูอวิ่นอู่!”“ที่ผ่านมาข้าอดทนกับเจ้าก็มากพอแล้ว วันนี้เจ้ายังกล้าด่าทอพ่อข้าต่อหน้าข้าอีกหรือ?”“เจ้าคนสารเลว!”
ทันใดนั้นซูหนานอันก็รู้สึกว่าขาทั้งสองข้างอ่อนแรง ร่างกายเสียหลักทรุดลงคุกเข่ากับพื้น...“ท่าน...”“ท่านคือหวังหยวน!”ชื่อเสียงของหวังหยวนเลื่องลือไปทั่วหล้า!แม้เขาจะไม่เคยพบหน้าหวังหยวน แต่ก็รู้จักอาวุธลับที่หวังหยวนใช้!เพราะทั่วทั้งใต้หล้านี้ไม่มีอาวุธเช่นนี้อีกแล้ว!ซูหนานอันเข้าใจแจ่มแจ้งแล้วว่าเหตุใดคนของตระกูลเฉินจึงรีบรุดมาช่วยเหลือราวกับสุนัขรับใช้!ที่แท้ก็เพื่อเอาใจหวังหยวนนี่เอง...บัดนี้เฉินเจิ้นหนานแทบอยากจะตบหน้าตนเอง เหตุใดเขาจึงโง่งมถึงเพียงนี้!“เจ้าหนุ่ม สิ่งนั้นมันอะไรกัน?”“ประทัดหรือ?”ซูอวิ่นอู่ไม่ได้สังเกตเห็นท่าทีของพ่อ กลับชี้หน้าหวังหยวนแล้วพูดขึ้นคนของตระกูลซูหลายคนต่างหัวเราะเยาะหัวเราะไปเถิด ให้เจ้าหัวเราะให้เต็มที่!“อีกสักพักเจ้าจะร้องไห้กันไม่ทัน!”เฉินเทียนสบถในใจ“บังอาจ!”“หุบปากเน่า ๆ ของเจ้าเดี๋ยวนี้!”“เจ้ามันช่างไร้ประโยชน์ รีบคุกเข่าขอขมาท่านหวังเดี๋ยวนี้!”ซูหนานอันตวาดซูอวิ่นอู่ เหตุใดเขาจึงมีลูกชายโง่เขลาเช่นนี้?ไม่เห็นหรือว่าเขากำลังคุกเข่าอยู่!ยังกล้าพูดจาอวดดีกับหวังหยวน ช่างไม่รู้จักกลัวตายเอาเสียเลย!“ท่านพ่อ ท
“สถานที่ก่อสร้างหรือ”“ข้าไม่เข้าใจว่าท่านหมายความว่าอย่างไร...”ซูหนานอันมีท่าทีร้อนรน ขณะเอ่ยอย่างลุกลี้ลุกลนหวังหยวนกล่าวอย่างใจเย็น “เอาล่ะ ท่านไม่จำเป็นต้องแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง”“ตระกูลซูของท่านทำธุรกิจขนส่ง เมื่อเขื่อนกั้นน้ำสร้างเสร็จ ย่อมกระทบต่อผลประโยชน์ของตระกูลท่าน ดังนั้นข้าจึงคิดว่าเรื่องนี้คงเกี่ยวข้องกับตระกูลท่านเป็นแน่”“หากไม่ใช่ท่านที่ทำ ท่านก็ควรไปถามบุตรชายทั้งสองของท่านดู”น้ำเสียงของหวังหยวนเย็นเยียบครั้งนี้ที่สถานที่ก่อสร้างจู่ ๆ ก็มีคนงานล้มป่วยจำนวนมาก ไม่เพียงแต่ทำให้การก่อสร้างล่าช้าเท่านั้น แต่ยังต้องเสียเงินทองจำนวนมากอีกด้วยซึ่งทั้งหมดล้วนตกเป็นภาระของหวังหยวน จะให้เขาทนได้อย่างไร?เขาไม่อาจกลืนความโกรธนี้ลงได้!นี่มันวางแผนให้ได้ทรัพย์สินด้วยการทำร้ายผู้อื่นอย่างชัดเจน!แม้ตงฟางฮั่นจะยึดมั่นในหลักการคานอำนาจ ต้องการให้สี่ตระกูลใหญ่คานอำนาจกัน แต่ก็ไม่อาจปล่อยตระกูลซูไปง่ายดายเช่นนี้...เป็นหนี้ต้องจ่าย เป็นคนร้ายต้องชดใช้กรรม สุดท้ายก็ต้องให้คนของตระกูลซูชดใช้!แต่แน่นอนว่าหากเรื่องทั้งหมดเกี่ยวข้องกับตระกูลซูจริงก็ต้องมีหลักฐาน!“ข้
ช่างเป็นกลอุบายร้ายกาจที่แยบยลยิ่งนัก“จริงหรือที่ไม่ใช่ฝีมือพวกท่าน?”หวังหยวนจ้องมองซูหนานอันแล้วถามย้ำอีกครั้ง“ข้าขอสาบานขอรับ!”“เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตระกูลซูของข้าแม้แต่น้อย!”“แม้พวกข้าจะไม่ทราบว่าท่านมาถึงเมืองอู่เจียง แต่ไม่ว่าใครก็รู้ว่านี่เป็นโครงการที่ท่านริเริ่ม พวกข้าจะกล้าขัดขวางท่านได้อย่างไรขอรับ?”ซูหนานอันรีบกล่าวแก้ตัวพี่น้องตระกูลซูต่างก็ไม่กล้าเอ่ยวาจาเมื่อครู่ที่ด้านนอก ซูอวิ่นเหวินได้เล่าเรื่องราวของหวังหยวนให้ซูอวิ่นอู่ฟังแล้ว ซูอวิ่นอู่ถึงกับตกตะลึง ความหยิ่งผยองที่เขาเคยมีจึงหายไปจนหมดสิ้นแค่หวังหยวนกระทืบเท้า ทั่วทั้งเมืองหลิงก็ต้องสั่นสะเทือน แม้พวกเขาจะมีอำนาจในเมืองอู่เจียง แต่หากเป็นศัตรูกับหวังหยวน จุดจบของพวกเขาก็มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น...คือความตาย!“ยังกล้าพูดอีกหรือว่าไม่ใช่ฝีมือพวกเจ้า?”“ช่างกล้าพูดจาโกหก!”“ยังกล้าใช้คำสาบานเพื่อแต่งเรื่องโกหกงั้นหรือ?”“มิน่าล่ะกิจการของตระกูลซูจึงใหญ่โตเช่นนี้ ดูท่าคงเกี่ยวข้องกับหัวหน้าตระกูลอย่างเจ้าโดยตรงสินะ!”ขณะที่หวังหยวนกำลังจะเปลี่ยนเป้าหมายจากตระกูลซู ก็มีเสียงคุ้นเคยดังมาจ
เกาเล่อทำท่าเชือดคอหากหวังหยวนสั่ง เขาจะลงมือสังหารซูหนานอันทันทีโดยไม่ลังเล!เพราะบัดนี้เขารู้สึกเกลียดซูหนานอันมาก ไม่ว่าจะเพื่อจุดประสงค์ใดก็ไม่อาจเอาชีวิตผู้อื่นมาแลกได้!นี่เป็นการล้ำเส้นเกินไปแล้ว“เอาเถิด ครั้งนี้ข้าจะยกโทษให้เขา”ซูหนานอันดีใจจนพยักหน้าหลายครั้ง“แม้รอดจากโทษตาย แต่ก็ไม่อาจหนีโทษหนักได้”“ตระกูลซูต้องจ่ายเงินจำนวนหนึ่งเพื่อปลอบขวัญชาวบ้าน!”“ส่วนคนงานที่ล้มป่วย ต้องให้คนละสิบตำลึงทอง จำนวนนี้คงไม่มากเกินไปกระมัง?”หวังหยวนกล่าวถามสิบตำลึงทอง...ซูหนานอันเลียริมฝีปากแห้งผาก นี่ไม่ใช่เงินจำนวนน้อยเลย!แต่เมื่อเทียบกับชีวิตของคนทั้งตระกูล เงินทองจะสำคัญกว่าได้อย่างไร?หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็กัดฟันตอบตกลง “ตกลงขอรับ!”“เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้ เดี๋ยวท่านให้คนไปเตรียมตัว แล้วไปที่สถานที่ก่อสร้างกับข้า”“ทุกคนกำลังรอผลการสืบสวนของข้าอยู่”“ข้าไม่ได้จงใจทำให้ท่านลำบากใจ แต่ข้าต้องให้คำอธิบายกับทุกคน...”หวังหยวนตบบ่าซูหนานอันด้วยรอยยิ้มช่างเป็นการตบหัวแล้วลูบหลัง!ซูหนานอันด่าทอหวังหยวนในใจไม่รู้กี่ครั้ง...แต่ก็ได้แต่เก็บความโกรธไว้ ไม่กล้า
เช่นนี้แล้วไม่เพียงแต่ได้พักผ่อนเท่านั้น แต่ยังได้ทองคำสิบตำลึงอีก...ช่างได้ประโยชน์ทั้งขึ้นทั้งล่อง!“ทุกคน!”ทันใดนั้นหวังหยวนก็โบกมือให้ทุกคน เมื่อทุกคนเงียบลงจึงหันไปมองซูหนานอัน“ในเมื่อทุกคนมาพร้อมแล้วก็นำเงินที่เตรียมมาออกมาแจกจ่ายเถิด...”“อย่าให้ทุกคนรอนานเลย”แม้ซูหนานอันจะรู้สึกเสียดาย แต่ก็ยังสั่งการ พี่น้องตระกูลซูจึงนำทองคำออกมาแจกจ่ายทุกคนต่างแย้มยิ้มด้วยความพึงพอใจหวังหยวนก็พึงพอใจเช่นกันวิธีการจัดการเช่นนี้นับว่าเป็นทางออกที่ดี ไม่เช่นนั้นเขาคงต้องเป็นคนจ่ายเงินชดใช้เอง!ยิ่งไปกว่านั้น หากหาตัวคนวางยาไม่พบก็ไม่อาจหายาแก้พิษได้ ทุกคนยังคงหวาดกลัวและอาจถึงกับมีคนเสียชีวิตที่สถานที่ก่อสร้าง...เช่นนั้นจะเกิดผลกระทบตามมามากมายต่อไปคงไม่มีใครกล้ามาทำงานอีก ชื่อเสียงของเขาก็คงเสียหายไปด้วย!แต่ตอนนี้กลับตรงกันข้าม เขายังอยากจะขอบคุณซูหนานอันเสียด้วยซ้ำ!ช่างเป็นดั่งหยาดฝนในยามแล้ง!ผ่านไปครึ่งชั่วยาม ทองคำก็ถูกแจกจ่ายครบ ยาแก้พิษก็ต้มเสร็จแล้ว ทุกคนรับของแล้วก็กลับบ้านไปพักผ่อนสถานที่ก่อสร้างดูโล่งตาขึ้นมาก“ท่านหวัง เรื่องราวก็คลี่คลายแล้ว ข้าพาคนของข
“ได้ขอรับ ข้าจะทำตามที่ท่านต้องการ”“หนึ่งพันคนคงหาไม่ได้ ท่านบอกจำนวนเงินมาเถิด ข้าจะรีบนำเงินไปให้ท่านถึงคฤหาสน์”ซูหนานอันขมวดคิ้วกล่าวครั้งนี้เขาถูกหวังหยวนเล่นงานอย่างจัง“ข้าจะไม่เอาเปรียบท่าน ขอแค่หนึ่งแสนตำลึงเงินก็พอแล้ว”“ตระกูลซูเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของเมืองอู่เจียง เงินจำนวนนี้คงไม่มากเกินไปสำหรับพวกท่าน”หวังหยวนเรียกเงินจำนวนมากแม้การก่อสร้างจะล่าช้า แต่ก็สามารถแก้ไขได้ หนึ่งแสนตำลึงถือเป็นเงินก้อนโตที่ได้มาโดยไม่ต้องลงทุน...ช่างเป็นแผนการที่ดี!แม้แต่ตงฟางฮั่นก็เกือบหลุดหัวเราะออกมา“เงินหนึ่งแสนตำลึง...”“ตกลง! เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้!”“ข้าจะรีบกลับไปเตรียมตัว แล้วนำเงินไปให้ท่านขอรับ!”กล่าวจบซูหนานอันก็พาคนของตระกูลซูจากไปโดยไม่ร่ำลาหวังหยวนด้วยซ้ำไม่ว่าใครต่างก็ดูออกว่าตอนนี้เขาโกรธมาก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้!หลายปีมานี้ เขาเพิ่งเคยถูกจัดการอย่างรุนแรงเช่นนี้เป็นครั้งแรกแถมยังถูกเรียกเงินจำนวนมากเช่นนี้!ที่สำคัญคือมีคนมากมายจับตามองอยู่ หากเรื่องนี้แพร่ออกไป เขาจะอยู่ในเมืองนี้อย่างสง่าผ่าเผยได้อย่างไร?คงเสียหน้าแน่นอนไม่ใช่หรือ?ระหว่างทางกลับ
“หากรีบนำเงินมาให้ข้า เรื่องราวก็จะจบโดยเร็ว หรือว่าพวกเขาคิดจะผัดวันประกันพรุ่ง?”หวังหยวนกอดอกกล่าวตงฟางฮั่นที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ส่ายหน้ากล่าวว่า “ข้าเองก็เดาความคิดของซูหนานอันไม่ออก”“แต่ข้าคิดว่าเขาไม่ใช่คนโง่ เรื่องคงไม่ง่ายอย่างที่พวกเราคิด”“การที่เขายังไม่มามีเพียงสองเหตุผล หนึ่งคือกำลังรวบรวมเงิน และสองคือเตรียมตัวแอบหนี”ระหว่างที่พูด ดวงตาของตงฟางฮั่นก็เป็นประกาย“ข้ารู้ว่าท่านได้ส่งคนไปซุ่มดูที่คฤหาสน์ของเขาแล้ว”“ไม่ว่าพวกเขาจะทำอะไร คงหนีสายตาของท่านไม่พ้นกระมัง?”หวังหยวนพยักหน้าด้วยรอยยิ้มตงฟางฮั่นช่างรู้ใจเขายิ่งนัก แต่นั่นก็น่ากลัวมากเช่นกันตลอดสองวันที่ผ่านมา ตงฟางฮั่นสามารถล่วงรู้ความคิดของเขาได้ไม่ว่าเขาจะตัดสินใจเช่นไรก็หนีสายตาของตงฟางฮั่นไม่พ้น!ไม่น่าแปลกใจเลยที่แม้แต่คนของพรรคทมิฬก็ยังอยากดึงตัวเขาไป เขามีความสามารถจริง ๆ!เสียงฝีเท้าหนักดังขึ้น เกาเล่อรีบวิ่งเข้ามาจากด้านนอก“ท่านผู้นำ! ข้าพบว่าคนของตระกูลซูมีพิรุธ!”“ช่วงนี้พวกเขากำลังรีบขายทรัพย์สินเพื่อเปลี่ยนเป็นเงินทั้งหมดแล้ว!”“ยิ่งไปกว่านั้น ตระกูลซูยังปิดประตูเงียบเชียบ ตามหลักแล้วเ
หลายปีมานี้นางเชื่อคำพูดของตานสยงเฟยมาโดยตลอด คิดว่าตัวเองเป็นเด็กกำพร้า แม้กระทั่งเกลียดชังบิดามารดาของตนเองด้วยซ้ำ!เหตุใดพวกเขาจึงทอดทิ้งนาง?ทำให้นางต้องระหกระเหินมานานหลายปี!แต่ทั้งหมดนี้กลับเป็นคำโกหกของตานสยงเฟย บิดามารดาของนางไม่ได้ทอดทิ้งนาง แต่ถูกตานสยงเฟยฆ่าตายต่างหาก!บัดนี้เมื่อความจริงปรากฏ นางจึงอยากไปเคารพหลุมศพของพวกเขา!เป็นการแสดงความกตัญญูและทำให้หมดห่วง“เป็นเช่นนี้เอง”หวังหยวนพยักหน้า“ได้!”“ในเมื่อเจ้าต้องการเช่นนั้น ข้าจะพาเจ้าไปที่คุกเอง”“เพื่อป้องกันไม่ให้ตานสยงเฟยใช้อุบายอันใด”หลิ่วหรูเยียนมีท่าทีแปลกไป อาจจะถูกตานสยงเฟยชักจูงได้หลิ่วหรูเยียนไม่ได้ปฏิเสธ นางพยักหน้า หวังหยวนจึงพานางไปที่คุกที่จวน ทุกคนยังคงดื่มกินกันอย่างสนุกสนาน!ภายในคุกเนื่องจากตานสยงเฟยและพรรคพวกล้วนเป็นคนชั่ว หวังหยวนจึงสั่งให้ขังพวกเขาไว้ที่ชั้นใต้ดินของคุกที่นี่มักจะใช้ขังนักโทษอุกฉกรรจ์ยิ่งไปกว่านั้น การจะหนีออกไปจากที่นี่ก็ช่างยากเย็นพอ ๆ กับการปีนสู่สวรรค์!“หวังหยวน!”“ข้าสำนึกผิดแล้ว ขอท่านปล่อยข้าไปเถิด!”“ต่อไปนี้ข้ายินดีอยู่เคียงข้างรับใช้ท่าน!”“
“เจ้าไม่มีอารมณ์จะทะเลาะกับข้า แสดงว่าเจ้าคงอารมณ์ไม่ดีจริง ๆ”“ถ้าอย่างนั้นทำไมไม่เล่าให้ข้าฟังสักหน่อยล่ะ อย่างน้อยก็ให้ข้าสนุกขึ้นมาบ้าง”หวังหยวนนั่งลงข้างหลิ่วหรูเยียน เขานั่งไขว่ห้างมือวางบนราวบันไดขณะมองหลิ่วหรูเยียนด้วยรอยยิ้ม“เหตุใดท่านถึงน่ารำคาญนัก?”“ดูไม่ออกหรือว่าข้าไม่อยากคุยกับท่าน?”“รีบกลับไปดื่มกับพวกเขาซะเถอะ จะมานั่งขวางหูขวางตาข้าทำไม?”หลิ่วหรูเยียนกลอกตามองหวังหยวนแท้จริงแล้ว นางเพียงแค่รู้สึกว่างเปล่าหลังจากได้ล้างแค้นสำเร็จ ราวกับชีวิตไม่มีจุดหมายอีกต่อไป นางไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อไป จึงทำให้ดูเหม่อลอยและเศร้าสร้อยแต่ไม่รู้ว่าทำไม ตั้งแต่วังหยวนมาที่นี่ นางกลับรู้สึกเหมือนมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง“ว่ามาสิ เป็นอะไรไป?”หวังหยวนเปลี่ยนเรื่อง“ข้าอยากไปพบตานสยงเฟย”“ครั้งก่อนท่านสัญญากับข้าว่า เมื่อจับตานสยงเฟยได้จะให้ข้าจัดการเขา ยังจำได้หรือไม่?”หลิ่วหรูเยียนถาม“อืม...”หวังหยวนครุ่นคิด ใช้นิ้วเคาะขมับพิจารณาถึงข้อดีข้อเสียเรื่องของพรรคทมิฬเป็นเรื่องใหญ่ ไม่อาจตัดสินใจเพียงเพราะคำพูดของคนคนเดียวได้ ยิ่งกว่านั้น เพื่อจับตานสยงเฟย ยังต้องสูญ
“หวังหยวน! เจ้าช่างน่ารังเกียจ! กล้าเล่นงานแบบไม่ทันตั้งตัวหรือ?”ตานสยงเฟยกล่าวอย่างเดือดดาลส่วนโอวหยางอวี่และลั่วเฉินเห็นท่าไม่ดี จึงไม่รีรอ รีบพาผู้ใต้บัญชาหนีลงจากเขา!แต่น่าเสียดาย ที่เชิงเขามีการวางกองกำลังดักไว้แล้ว!ตานสยงเฟยและคนอื่น ๆ ต่างถูกจับเป็น!การต่อสู้ครั้งนี้ หวังหยวนได้รับชัยชนะอย่างสมบูรณ์แบบ!แต่เนื่องจากหน้าผาแห่งนี้ตั้งอยู่ในที่ห่างไกล โดยรอบไม่มีบ้านเรือนหรือเมืองจึงไม่มีใครรู้เรื่องนี้ซึ่งเป็นสิ่งที่หวังหยวนต้องการเพราะที่นี่คืออาณาจักรต้าเป่ย หากหานเทารู้ว่าเขายกทัพมาในดินแดนของอาณาจักรต้าเป่ย ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไร พวกเขาก็อาจจะหาเรื่องจู่โจมได้!เมื่อถึงเวลานั้น เรื่องราวคงจะวุ่นวายและเกิดความขัดแย้ง!หลังจากที่จับตานสยงเฟยและพรรคพวกได้แล้ว หวังหยวนจึงรีบกลับเมืองอู่เจียงทันที!ใช้เวลาเพียงวันครึ่งก็กลับมาถึง!ระหว่างทาง แม้ว่าจะมีคนเห็น แต่มีเกาเล่อคอยนำทาง จึงไม่ทำให้คนของอาณาจักรต้าเป่ยรู้ตัว!...ณ ที่ว่าการเมืองอู่เจียงตอนนี้ทุกคนกำลังดื่มฉลองกันอย่างสนุกสนาน!คนที่นั่งอยู่บนบัลลังก์คือหวังหยวน!ส่วนเอ้อหู่และคนอื่น ๆ ต่างก็อยู่ที่
หลิ่วหรูเยียนไม่เอ่ยคำใด นางจ้องมองตานสยงเฟยด้วยความโกรธแค้นนางต้องการล้างแค้น!“ชีวิตของเขาเป็นของเจ้า ข้าจะช่วยจับเป็นให้!”“ส่วนต่อไป เจ้าจะจัดการเขาอย่างไรก็สุดแล้วแต่เจ้า!”หวังหยวนกล่าวจบก็หยิบปืนคาบศิลาออกมาจากอก แล้วเล็งไปที่ตานสยงเฟย“ในเมื่อเจ้ารู้จักข้าดี”“เจ้าควรรู้ว่าอาวุธลับของข้าไม่มีผู้ใดเทียบได้ ใช่หรือไม่?”“ข้าแนะนำให้เจ้ายอมจำนนเสีย จะได้ไม่เจ็บตัว!”หวังหยวนเตือนมุมปากของตานสยงเฟยกระตุก เขาสืบเรื่องของหวังหยวนมานาน จึงรู้จักหวังหยวนดี และจำได้ว่าอาวุธในมือของหวังหยวนคืออะไร!ไม่ต้องพูดถึงเขา แม้แต่ขุนพลที่เก่งกาจก็ยังไม่อาจหลบอาวุธนี้ได้!ทันใดนั้น ตานสยงเฟยก็คว้าตัวสาวกพรรคทมิฬคนหนึ่งมาใช้เป็นโล่มนุษย์!“ปัง!”เสียงปืนดังขึ้น สาวกพรรคทมิฬคนนั้นล้มลงกับพื้นต้องยอมรับว่าตานสยงเฟยช่างโหดเหี้ยม!เพื่อเอาชีวิตรอด กลับยอมเสียสละชีวิตคนอื่น ช่างน่ารังเกียจ!หวังหยวนยกปืนขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะเล็งไปที่ตานสยงเฟย ไม่ให้เขามีโอกาสหนี!“หวังหยวน!”“วันนี้ไว้ชีวิตข้าเถิด ต่อไปข้าจะตอบแทนเจ้าแน่นอน!”“เจ้าคิดเห็นเช่นไร?”“การบีบให้ข้าจนตรอกไม่ได้เป็นผลดีต่อ
ลั่วเฉินพยักหน้า ไม่เอ่ยคำใดอีก เพียงแค่รีบพาผู้ใต้บัญชาออกไป!เสียงโห่ร้องแห่งการฆ่าฟันดังขึ้น สาวกพรรคทมิฬล้มตายเป็นใบไม้ร่วง!ตานสยงเฟยเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดเขารู้สึกเจ็บปวดหัวใจ!สมาชิกพรรคทมิฬล้วนเป็นคนที่เขาฝึกฝนเอง เขาทุ่มเทมากมายเพื่อสร้างกองกำลังที่แข็งแกร่ง!เดิมทีเขาต้องการครองแผ่นดิน แต่ไม่นึกเลยว่าเรื่องราวจะกลายเป็นเช่นนี้!สูญเสียกำลังพลไปเยอะมาก!ปัญหาเกิดขึ้นมากมาย!“ตานสยงเฟย! อย่าหนีนะ!”“เจ้าคนสารเลว! หลอกลวงข้ามาหลายปี!”“ไม่เพียงแต่ฆ่าพ่อแม่ข้าเท่านั้น ยังฝึกฝนข้าให้เป็นเครื่องมือทำเรื่องเลวร้ายมากมาย!”“วันนี้พวกเราต้องตายกันไปข้างหนึ่ง!”ขณะที่ตานสยงเฟยกำลังจะลงจากเขา หลิ่วหรูเยียนก็วิ่งเข้ามา ในมือถือกริชเปื้อนเลือด สายตาเย็นชาราวกับคมดาบจ้องมองตานสยงเฟย!“มาคนเดียวหรือ?”เมื่อเห็นว่าหลิ่วหรูเยียนมาคนเดียว ตานสยงเฟยก็หัวเราะในลำคอ เขาหันมาคว้าทวนยาวจากมือผู้ใต้บัญชาที่อยู่ด้านข้าง!เหตุผลที่ตานสยงเฟยสร้างฐานะขึ้นมาได้ ไม่ใช่เพียงเพราะเขามีความคิดที่แตกต่าง แต่ยังเป็นเพราะฝีมือของเขาด้วย!ในยุคสงคราม ผู้แข็งแกร่งย่อมเป็นผู้ชนะ!ยิ่งกว่านั้น ฝีมือ
“ทุกคนขึ้นเขาเดี๋ยวนี้!”“ห้ามปล่อยให้ใครหนีรอดไปได้!”หวังหยวนออกคำสั่ง ขุนพลนายกองเริ่มเคลื่อนไหวคนที่อาศัยอยู่บนหน้าผาแห่งนี้ล้วนเป็นระดับสูงของพรรคทมิฬและมีตำแหน่งสำคัญ การกำจัดพวกเขาให้หมดสิ้น จึงจะทำให้พรรคทมิฬหายไปอย่างสมบูรณ์!ตัดวัชพืชไม่ถอนราก เมื่อลมฤดูใบไม้ผลิพัดมาก็งอกขึ้นมาใหม่!เมื่อทุกคนเข้าไปบนหน้าผาแล้ว หวังหยวนก็ออกคำสั่ง ต่งอวี่และเอ้อหู่ต่างเป็นผู้นำพาผู้ใต้บัญชาบุกขึ้นไปบนยอดเขา!ส่วนหวังหยวนและคนอื่น ๆ ก็ตามไปติด ๆ!“เจ้าจะทำอะไร?”หวังหยวนหันไปคว้าแขนหลิ่วหรูเยียน แล้วถามขึ้นหลิ่วหรูเยียนมีสีหน้าเย็นชา กำหมัดแน่น สีหน้าโกรธเกรี้ยวนางขมวดคิ้วกล่าวว่า “ข้าจะขึ้นไปล้างแค้นด้วยตัวเอง!”“ไม่เพียงแต่ข้าเกือบตายเท่านั้น แม้แต่บิดามารดาข้าก็ถูกคนของพรรคทมิฬฆ่าตาย จะปล่อยพวกมันไปได้อย่างไร?”“วันนี้ไม่มีใครหยุดข้าได้ ข้าจะฆ่าตานสยงเฟย ล้างแค้นให้พ่อแม่!”พูดจบ หลิ่วหรูเยียนก็สะบัดแขนหวังหยวนออก ก่อนจะชักกริชออกมาแล้ววิ่งขึ้นไปบนยอดเขา!แม้ว่านางจะเป็นคนบอกที่ตั้งฐานทัพนี้ให้หวังหยวน แต่ไม่มีใครรู้จักที่นี่ดีไปกว่านาง!ไม่นานพวกหวังหยวนก็ขึ้นไปถึงยอดเขา
หวังหยวนกลอกตามองเอ้อหู่ แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า “ชีวิตของทหารที่อยู่ข้างหลังเจ้าล้วนอยู่ในมือเจ้า!”“การที่เจ้าพาพวกเขามาเสี่ยงอันตราย หากไม่มีอะไรผิดพลาดก็ดีไป แต่หากเกิดความผิดพลาด เจ้าจะเผชิญหน้ากับครอบครัวของพวกเขาได้อย่างไร?”“อย่าลืมว่าการเป็นขุนพลไม่ใช่แค่เพื่อรบชนะ!”“แต่ต้องชนะอย่างสวยงาม ลดการสูญเสียให้มากที่สุด!”ทุกคนต่างตกตะลึงเดิมทีพวกเขาคิดว่าการติดตามหวังหยวนก็เพื่อหาเลี้ยงชีพ ในยุคสงคราม การมีข้าวกินก็ดีมากแล้วชีวิตพวกเขาจะสำคัญอะไร?ในสายตาของชนชั้นสูง ชีวิตพวกเขาไม่ต่างจากเศษหญ้า!เป็นเพียงเครื่องมือในการแย่งชิงอำนาจ!แต่หวังหยวนกลับมีเมตตา เห็นใจพวกเขา ทำให้พวกเขาซาบซึ้งจริง ๆ!ในตอนนี้ทุกคนต่างก็ตัดสินใจแล้ว แม้ว่าจะต้องสูญเสียมากมาย พวกเขาก็ยินดีสละชีพเพื่อช่วยหวังหยวนพิชิตหน้าผาแห่งนี้ และฆ่าคนของพรรคทมิฬให้หมดสิ้น!“รีบก่อไฟทำอาหาร!”“เมื่อทุกคนอิ่มท้องแล้วก็คงถึงเวลาพอดี!”“จำไว้! ห้ามส่งเสียงดัง ประเดี๋ยวพวกมันจะรู้ตัว!”“หากพวกมันรู้ตัวจะเป็นอันตรายต่อพวกเรา!”หวังหยวนกำชับทุกคนพยักหน้ารับ จากนั้นก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเองเ
ในช่วงเวลาไม่กี่วันต่อมา ด้วยการนำทางของหลิ่วหรูเยียน หวังหยวนและคนอื่น ๆ จึงไม่หลงทาง เดินทางมาถึงเชิงผาได้อย่างรวดเร็ว!บัดนี้สมาชิกองค์กรเครือข่ายผีเสื้อก็ได้แทรกซึมเข้าไปในพื้นที่โดยรอบแล้วหวังหยวนและคนอื่น ๆ ตั้งค่ายอยู่ในป่าแห่งหนึ่งเมื่อมองไปรอบ ๆ จะเห็นเงาคนมากมาย พวกเขาล้วนเป็นสมาชิกองค์กรเครือข่ายผีเสื้อ“สืบทุกอย่างเรียบร้อยแล้วหรือ?”หวังหยวนสวมชุดเกราะเตรียมพร้อมรับมือกรณีฉุกเฉินและป้องกันการโจมตีแบบไม่ทันตั้งตัว!เกาเล่อรีบเข้ามารายงานด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “สืบเรียบร้อยแล้วขอรับ คนร้ายอยู่บนเขาลูกนี้!”“แต่ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังขนย้ายสิ่งของ ตั้งแต่ที่พวกเรามาถึงก็เห็นรถม้าลงมาจากเขาไม่ต่ำกว่าร้อยคันแล้ว!”“แต่พวกเราไม่ได้ลงมือเพื่อไม่ให้พวกมันตื่นตัว!”“ข้าได้ส่งคนไปตามเส้นทางที่พวกมันใช้ หลังจากที่พวกเราจัดการเรื่องบนหน้าผาแล้ว จากนั้นจึงไปกวาดล้างพวกมัน!”“แล้วทรัพย์สมบัติของพวกมันก็จะตกเป็นของพวกเรา!”หวังหยวนพยักหน้าอย่างพึงพอใจเรื่องนี้จัดการได้ดีมาก!เหตุผลที่พรรคทมิฬเติบโตอย่างรวดเร็วก็เพราะความร่ำรวย!หากตัดเส้นทางการเงินของพวกมัน แม้ว่าตานเฟยจ
ตานเฟยยิ้มอย่างพึงพอใจช่วงนี้หลังจากถูกหวังหยวนจับตามอง เขารู้สึกเหมือนมีคนคอยจ้องมองทุกการกระทำของเขาอยู่ตลอดเวลา!แม้แต่การหาสาวกใหม่ก็ยังยากลำบาก!หวังหยวนคอยขัดขวางเขา เขาจึงต้องสั่งสอนหวังหยวนบ้าง!แต่น่าเสียดาย...ยังหาโอกาสไม่ได้!ยิ่งไปกว่านั้น ตานเฟยไม่ใช่คนโง่ เขารู้ดีว่าตนเองต่างกับหวังหยวน แล้วจะสู้หวังหยวนได้อย่างไร?อย่างน้อยตอนนี้ก็ยังไม่ได้!ดังนั้นแม้ว่าในใจจะเคียดแค้นอาฆาต แต่ย่อมต้องหลีกเลี่ยง“ที่เจ้าทำงานสำเร็จก็แค่ช่วยถ่วงเวลาเท่านั้น”“ตราบใดที่หลิ่วหรูเยียนยังมีชีวิตอยู่ นางก็เหมือนระเบิดเวลาที่พร้อมจะระเบิดทุกเมื่อ!”“ดังนั้นก่อนที่พวกเราจะฆ่านางได้ พวกเราต้องระวังตัวและดำเนินแผนการต่อไป!”“พยายามขนย้ายสิ่งของออกไป หากถึงเวลาจำเป็น พวกเราก็ต้องทิ้งฐานที่มั่นแห่งนี้”ทุกคนต่างรู้สึกเสียดายหน้าผาแห่งนี้เป็นสถานที่ที่ดี ไม่เพียงแต่มีชัยภูมิที่ได้เปรียบเท่านั้น แต่ยังปลอดภัยมากอีกด้วย!จึงทำให้พวกเขาเติบโตได้อย่างรวดเร็ว!แม้ว่าสมาชิกองค์กรเครือข่ายผีเสื้อจะกระจายอยู่ทั่วดินแดนทั้งเก้า แต่ก็ไม่ได้ตรวจสอบพื้นที่ใกล้เคียงหน้าผาแห่งนี้!แต่น่าเสียดา