หลังจากกินอาหารมื้อใหญ่สองมื้อ และนอนหลับสบาย ความเหนื่อยล้าจากการเดินทางก็หมดไปแต่หวังหยวนไม่ได้ออกไปข้างนอก เขายืนฝึกเฉียงจวงเงียบ ๆ อยู่ในห้องตั้งแต่ฝึกเฉียงจวง เขาก็รู้สึกว่าสุขภาพของตนดีขึ้นเรื่อย ๆ ไม่รู้สึกปวดหลังหรือเข่าอีกต่อไปนั่งโคลงเคลงบนรถม้าหลายวัน ฝึกตอนกลางคืนแล้วรู้สึกกระปรี้กระเปร่าในวันรุ่งขึ้นเมื่อตื่นนอนทุกเช้า จะรู้สึกได้ชัดเจนว่าร่างกายแข็งแรงขึ้นกว่าเดิมแต่น่าเสียดายที่หลี่ซื่อหานไม่อยู่ที่นี่ด้วย!ปัง ปัง ปัง!ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตู แล้วเสียงของหูเมิ่งอิ๋งก็ดังขึ้น “คุณชาย!”แอ๊ด!เมื่อเปิดประตู หวังหยวนก็ตาเป็นประกายหูเมิ่งอิ๋งอาบน้ำเมื่อคืนนี้ มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ บนตัวนาง นางแต้มสีแดงลงบนใบหน้าอวบอิ่มอ่อนเยาว์ ทาริมฝีปากเป็นสีแดงเชอร์รี่ นางสวมชุดกระโปรงยาวสีขาวพลิ้วไหว ราวกับดอกบัวหิมะบนภูเขาน้ำแข็ง ดูเยือกเย็น บอบบาง และรักอิสระ!“คุณชาย!”เมื่อเห็นเขามองตรง ๆ เช่นนี้ หูเมิ่งอิ๋งก็มองไปทางอื่นขณะใบหน้าร้อนผ่าว แล้วกระซิบ “ตอนนี้เราพักเพียงพอแล้ว ถึงเวลาเตรียมของกำนัลไปเยี่ยมตระกูลหยาง”หวังหยวนรู้สึกตัวและส่ายหน้า “ข้ายังไม่มีแผนไปเยี่ย
หูเมิ่งอิ๋งงุนงงเมื่อได้ยินดังนั้น และพูดหลังจากนั้นไม่นาน “ข้ารู้ว่านายน้อยเป็นบัณฑิต ไม่อาจโค้งคำนับผู้อื่นได้ง่าย ๆ เหตุใดไม่ให้ข้าไปที่ตระกูลหยางเพื่อนายน้อยกันเล่า!”หวังหยวนพูดด้วยความประหลาดใจ “ท่านจะขอร้องแทนข้าหรือ?”ใบหน้างามของหูเมิ่งอิ๋งเปลี่ยนเป็นสีแดง นางก้มศีรษะลง และกระซิบ “นายน้อยช่วยชีวิตข้าไว้ ดังนั้นไม่สำคัญว่าข้าจะต้องขอร้องคนอื่นแทนท่าน ข้าเป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็ก ๆ เรื่องรักษาหน้าตาไม่ได้สำคัญถึงเพียงนั้น!”หวังหยวนส่ายหน้า “ข้าก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับหน้าตาถึงเพียงนั้น แต่การทำธุรกิจจะยากขึ้นเมื่อต้องขอร้อง!”หูเมิ่งอิ๋งขมวดคิ้วและพูดว่า “เช่นนั้นควรทำอย่างไรดี”นางมีวิสัยทัศน์และทักษะที่ดี แต่นางไม่รู้ว่าจะผ่านเรื่องนี้ไปได้อย่างไร หากไม่ขอความช่วยเหลือหวังหยวนกะพริบตา “มันยากสำหรับเราที่จะขอร้องพวกเขา แต่ต้องให้พวกเขาขอร้องเรา!”“ขะ ขอร้องพวกเรา!”หูเมิ่งอิ๋งตกตะลึงหากคนอื่นบอกนาง นางคงจะคิดว่าคนผู้นั้นกำลังคุยโม้อยู่ ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ!แต่ชายหนุ่มตรงหน้านาง มักจะใช้วิธีที่เหลือเชื่อเพื่อพลิกสถานการณ์แต่นางใช้สมองจนสับสน ก็ยังไม่เข้าใจว่าเห
หวังหยวนกลายเป็นเอาแต่สั่งคนอื่นเมื่อหูเมิ่งอิ๋งอยู่ที่นี่ เขาก็ไม่จำเป็นต้องจัดการเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างเรื่องเช่าบ้านเช่าบ้านหลังใหญ่ ทำสบู่และน้ำตาลเป็นหลัก แล้วลองดูว่าจะเปิดตลาดคนที่นี่ได้หรือไม่หวังซื่อไห่มุ่งความสนใจไปที่การเรียนรู้ และพยายามเก็บประสบการณ์จากหูเมิ่งอิ๋งที่กำลังจัดการกับผู้คนหากต้องการบ้านหลังใหญ่ ก็ต้องมีค่านายหน้า อวี๋ว่านสิงพูดอย่างมีความสุข “คุณหนู มีบ้านสามหลังในอยู่ทางตอนใต้ของเมือง หลังแรกเป็นของตระกูลเว่ย ครอบคลุมพื้นที่สิบไร่ ค่าเช่าเดือนละห้าสิบก้วน สัญญาเช่าขั้นต่ำคือหนึ่งปี หลังที่สองเป็นของนักธุรกิจต่างชาติ ครอบคลุมพื้นที่สิบห้าไร่ ค่าเช่าเดือนละเจ็ดสิบก้วน สัญญาเช่าขั้นต่ำคือหนึ่งปี บ้านที่ใหญ่ที่สุด ครอบคลุมพื้นที่ยี่สิบไร่ มีนักธุรกิจต่างชาติเป็นเจ้าของด้วยเช่นกัน ค่าเช่าหนึ่งร้อยก้วน ทุกห้องตกแต่งอย่างหรูหราแล้ว ย้ายเข้าอยู่ได้เลยทันที! ส่วนค่านายหน้าคิดเป็นค่าเช่าเดือนเดียวเท่านั้นขอรับ”หูเมิ่งอิ๋งพูดว่า “ค่าเช่าขั้นต่ำต่อเดือนของบ้านตระกูลเว่ยนั้นเท่าไหร่นะ?”“ห้าสิบก้วนขอรับ!”อวี๋ว่านสิงพูดเสียงสูง “ผู้สูงศักดิ์ตระกูลเว่ยนี้มีไ
หวังหยวนเฝ้าดูตั้งแต่ต้นจนจบโดยไม่พูดอะไรสักคำ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของหูเมิ่งอิ๋ง!การต่อรองของหูเมิ่งอิ๋งทำให้เขารู้สึกแปลกใจ!เมื่อพบกันครั้งแรก นางเสนอเงินหนึ่งพันก้วนเพื่อซื้อสบู่ และตอนที่อยู่อีเซี่ยนเทียน นางเสนอเงินหนึ่งพันก้วน เพื่อให้โจรส่งผู้บาดเจ็บกลับบ้าน นางดูสงบนิ่งและใจกว้าง ไม่ยุ่งยาก!ตอนนี้ดูเหมือนนางจะกลายเป็นคนละคนแล้ว!ทุกคนมาที่บ้านตระกูลเว่ย!บ้านขนาดสิบไร่ มีทางเข้าสามทาง และทางออกสามทาง มีเพียงคนรับใช้ชราเท่านั้นที่คอยดูแลเมื่อสิ้นสุดฤดูใบไม้ร่วง ทุกอย่างไร้ชีวิตชีวา ใบไม้สีเหลืองร่วงหล่นอยู่ทุกหนทุกแห่งในลานบ้านหวังหยวนเห็นว่าบ้านหลังนี้ ดูเหมือนบ้านโบราณที่ตกทอดกันมาหลายรุ่นต้าหู่ กัวเหลียง และหวังซื่อไห่ตกตะลึงพวกเขาไม่เคยเห็นบ้านที่สร้างได้สวยงามถึงเพียงนี้!สายตาของหูเมิ่งอิ๋งเต็มไปด้วยความรังเกียจ “เสาแปดต้นในบ้านแตกร้าว จำเป็นต้องซ่อมแซม จะมีค่าใช้จ่ายอีกอย่างน้อยสิบสองก้วน ค่าเช่าจะลดลงหนึ่งก้วนเป็นเวลาหนึ่งเดือน!”ดวงตาของอวี๋ว่านสิงเต็มไปด้วยน้ำตา “คุณหนู ท่านได้บอกว่าจะไม่ต่อราคาอีกไม่ใช่หรือขอรับ!”“เจ้าบอกเองว่าสามารถเข้าอย
ทันใดนั้นรถม้าก็เงียบลง ทั้งสองไม่รู้จะพูดคุยอะไรกันความจริงแล้ว ช่วงนี้ทั้งสองคนแทบไม่ได้คุยกันเลย หากไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเพราะคนหนึ่งแต่งงานแล้ว และอีกคนหนึ่งแต่งงานเป็นครั้งที่สาม หากไม่มีเหตุจำเป็น พวกเขาจะไม่อยู่ด้วยกันสองต่อสอง!“อ๊ะ!”“ฮี้ ฮี้!”ทันใดนั้นก็มีเสียงร้องของคนและม้าดังขึ้น แล้วรถม้าก็หยุดกะทันหัน ราวกับว่ามีคนมาขวางไว้ต้าหู่กล่าวว่า “พี่หยวน จู่ ๆ คนเมาก็รีบวิ่งมาล้มหน้ารถม้า!”“แกล้งถูกชนเพื่อจะเรียกเงิน!”หวังหยวนแหวกม่านลงจากรถม้า หูเมิ่งอิ๋งก็เดินตามไปด้วยชายวัยกลางคนที่มีใบหน้าซูบผอมบาง มีกลิ่นสุราคลุ้งเต็มตัวนอนอยู่หน้ารถม้า ถือขวดสุราอยู่ในมือ และยังคงกระดกเข้าปากแม้จะเมามายหวังหยวนช่วยพยุงชายวัยกลางคนให้ลุกขึ้น “ท่านลุง เป็นอย่างไรบ้าง!”“มีเรื่องใหญ่ ข้ามีปัญหาใหญ่ แต่น่าเสียดายที่เจ้าช่วยข้าไม่ได้!”หวังหยวนลุกขึ้นยืน ชายวัยกลางคนยืนโซเซ ก้มหน้าลงมองพื้น“ท่านลุง ระวัง!”หูเมิ่งอิ๋งที่เข้ามาจากด้านหลัง คว้าตัวชายวัยกลางคนไว้ทัน ป้องกันไม่ให้เขาล้ม“คุณหนู เจ้างดงามนัก หากข้าอายุน้อยกว่านี้สักยี่สิบปี ข้าจะส่งแม่สื่อไปที่บ้านเจ้าแน่นอ
ชายวัยกลางคนที่มีคนรับใช้แปดคน ยืนอยู่หน้าโรงเตี๊ยมด้วยสีหน้าดุร้าย มองหวังหยวนเหมือนหมาจิ้งจอกจ้องกินคน!หวังหยวนขมวดคิ้วด้วยความสงสัย “เจ้าเป็นใคร?”หูเมิ่งอิ๋งกล่าวว่า “เขาเป็นนายท่านรองของตระกูลหลิว หลิวจื้อผิง อาของหลิวเจี้ยนเย่!”เมื่อได้ยินดังนั้น ต้าหู่และกัวเหลียงก็รีบไปยืนปกป้องหวังหยวนทางซ้ายและขวา หวังซื่อไห่ถอยกลับไปที่รถม้าเงียบ ๆ แล้วหยิบดาบราชวงศ์ถังสองเล่มออกมาให้พวกเขาหวังหยวนโต้ตอบอย่างไม่สุภาพ “หากมีอะไรจะพูดก็พูดมาเร็ว ๆ หากจะพูดเหลวไหลก็ไปให้พ้น!”“เจ้าเด็กสกุลหวัง เจ้าทำลายธุรกิจที่เป็นมรดกของตระกูลหลิว ที่ตกทอดมาถึงสามชั่วอายุคน ส่งพี่ชายคนโตของข้าเข้าคุก และฆ่าเจี้ยนเย่หลานชายของข้า ไม่ช้าก็เร็ว ข้าจะบดขยี้เจ้าให้เป็นเถ้าถ่าน!”หลิวจื้อผิงกัดฟัน ดวงตาลุกโชนด้วยความโกรธ และเส้นเลือดก็ปูดออกมาจากกำปั้นของเขาเขาไม่คาดคิดมาก่อนจริง ๆ ว่าพี่ชายคนโตและหลานชายคนโตของเขาจะล้มลงเพราะเงื้อมมือของชายหนุ่มคนนี้หวังหยวนรู้สึกประหลาดใจ “หลิวเจี้ยนเย่ตายแล้วหรือ?”ดวงตาของกัวเหลียงสั่นไหว ตัวเกร็งโดยไม่รู้ตัว พยายามอย่างเต็มที่ที่จะแกล้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น!
ผู้สูงศักดิ์ประจำถิ่นนั้นเหมือนผู้มีอำนาจที่ยั่วยุไม่ได้ พวกเขามักมีคนในครอบครัวเป็นข้าราชการ ในฝ่ายราชการเมื่อฝ่ายราชการเจอผู้สูงศักดิ์ประจำถิ่น ก็ยังต้องให้เกียรติ ไม่กล้ารุกรานง่าย ๆ!อาจกล่าวได้ว่าถึงขั้นมือเดียวใช้ปิดท้องฟ้าได้ คนธรรมดาไม่อาจต่อกรได้!ผู้มีพระคุณยังเด็กและมีพลัง คงไม่เคยติดต่อกับผู้สูงศักดิ์ประจำถิ่นมาก่อน จึงไม่รู้ว่าพวกเขาแข็งแกร่งเพียงใด!“เจ้าหนูผู้หยิ่งผยอง หากไม่เชื่อก็ลองดู อีกไม่นานเจ้าจะได้รู้ว่ามันหนักหนาเพียงใด!”หลิวจื้อผิงโกรธมาก จนอดไม่ได้ที่จะเดินจากไป!เขามาเพื่อเปิดเผยความคิดของตระกูลหยาง และอยากเห็นหวังหยวนหวาดกลัว ร้องขอความเมตตาด้วยความกลัวและความสิ้นหวังสุดท้ายหวังหยวนก็ไม่สนใจ ซ้ำยังด่าตระกูลหยางด้วยซ้ำ บังอาจยิ่งนัก!น่าโมโหมาก!แต่เมื่อถึงคราวที่เด็กคนนี้ต้องทนทุกข์ทรมาน เขาจะได้รู้ว่าตระกูลหยางแข็งแกร่งเพียงใด!เมื่อถึงเวลานั้น จะต้องมาคุกเข่าหน้าคฤหาสน์ตระกูลหยาง หรือแม้แต่คุกเข่าแทบเท้าเขา เพื่อขอความเมตตาแน่นอน!คงต้องหุบปากสนิทเป็นแน่!หน้าโรงเตี๊ยม!ต้าหู่ กัวเฉียงหวังซื่อไห่ และหูเมิ่งอิ๋งต่างเป็นกังวล“ตระกูลหยางทำให
หวังหยวนช่วยพยุงชายทั้งสองคนให้ลุกขึ้น แล้วพูดว่า “แต่พวกเจ้าเคยคิดบ้างหรือไม่ว่าแม่ ภรรยา และลูก ๆ ของเจ้าจะมีชีวิตอยู่อย่างไร หากเกิดอะไรขึ้นกับพวกเจ้า แน่นอนว่าแม้ข้าจะให้เงิน เพื่อเลี้ยงดูครอบครัวของพวกเจ้า แต่เงินก็ช่วยได้เพียงเรื่องอาหารและเสื้อผ้า ไม่อาจแทนที่ความเป็นลูกชาย สามี และพ่อ รวมถึงความรับผิดชอบของพวกเจ้าได้”“ผู้มีพระคุณ พวกเราผิดไปแล้วขอรับ!”กัวเฉียงและกัวเหลียงน้ำตาไหลในเวลานี้ผู้มีพระคุณยังคงคิดถึงพวกเขาอยู่อีก ช่างเป็นคนที่มีเมตตาดั่งพระโพธิสัตว์จริง ๆการฆ่าชายสกุลหลิวนั้นคุ้มค่า ต่อให้จะต้องถูกฝ่ายราชการจับกุมหรือตัดศีรษะก็ตาม!หวังหยวนขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “พวกเจ้าทำอะไรผิด? วันนั้นพวกเจ้าไม่ได้พาแม่ไปหาหมอหรอกหรือ! แต่กลับหลงทาง และหาหมอไม่เจอ”“เอ๊ะ อืม!”สองพี่น้องพยักหน้าด้วยความตกใจ!หวังหยวนพูดอย่างจริงจัง “จำไว้ว่าต่อจากนี้ แม้ว่าพระโพธิสัตว์จะมาถาม พวกเจ้าก็ต้องพูดแบบเดียวกันเช่นนี้!”“เข้าใจแล้วขอรับ!”สองพี่น้องกัดฟันตอบ และพยักหน้าอย่างหนักข้าแต่พระโพธิสัตว์ ข้าขอโทษ ในเมื่อผู้มีพระคุณของข้าพูดเช่นนั้น ข้าก็ไม่อาจยอมรับได้แม้ชีวิตจะหาไม่!
“ต่อให้คนธรรมดาทำงานหนักทั้งชีวิตก็ไม่มีโอกาสได้ใช้ของเหมือนที่อยู่ในห้องข้าได้!”แม่นางหรูเยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาและแฝงไปด้วยความรำคาญทว่าตั้งแต่เข้ามาในห้อง หวังหยวนก็จ้องมองแม่นางหรูเยียนตลอดเวลา พิจารณาแม้แต่ท่าทางการพูดของนางแม้ว่าแม่นางหรูเยียนจะแสร้งทำเป็นหยิ่งผยองและทำท่าทางเย็นชา แต่หวังหยวนรู้สึกได้ว่านางไม่ใช่คนเช่นนี้แน่นอน นางกำลังจงใจเล่นละครเพื่อปกปิดอะไรบางอย่าง!แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้หวังหยวนยังไม่สามารถค้นพบความลับของนางได้โชคดีที่เขายังมีเวลาอีกมากพอที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป ค่อย ๆ ขุดคุ้ยความลับเบื้องหลังของแม่นางหรูเยียน!เวลาผ่านไปทีละวินาทีแม่นางหรูเยียนก็แอบมองหวังหยวนเป็นระยะ นางคาดเดาความคิดของชายผู้นี้อยู่ในใจพลางครุ่นคิด“เขาคงไม่เฝ้าอยู่ที่นี่ตลอดหรอกใช่หรือไม่?”“เขาต้องการอะไรกันแน่?”“ข้ากับเขาไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกัน เหตุใดข้าถึงจำไม่ได้เลยว่าเคยพบเขามาก่อน?”ส่วนหวังหยวนก็นั่งจิบชาเงียบ ๆ ด้วยท่าทางสบายใจทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นอย่างเร่งรีบ ตามมาด้วยเสียงสนทนาของชายหญิงดังเข้ามาในห้อง“คุณชายเฉิน! ท่านเข้าไปไม่ได้นะเจ้าคะ!”
“ว่ามาสิว่าเจ้าเป็นใครกันแน่?” สตรีผู้นี้มีวิทยายุทธไม่ธรรมดา เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนธรรมดาสามัญ นางจะซ่อนเร้นให้รอดพ้นสายตาของหวังหยวนไปได้อย่างไร?ที่นี่คือเมืองอู่เจียง ซึ่งเป็นเขตอิทธิพลของเขา ไม่อาจปล่อยให้คนเช่นนี้ปรากฏตัวได้! แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นสตรี หวังหยวนก็จำต้องระมัดระวัง เพราะเกรงว่าจะเกิดความผิดพลาด!แม่นางหรูเยียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นยกมือขึ้นดึงปิ่นปักผมของตนเองออกมาอย่างรวดเร็ว แล้วจ่อไปที่ลำคอของตนเอง ทำท่าทางเหมือนพร้อมจะสละชีพ!“ได้!”“ถือว่าข้าโชคร้ายเองที่ได้พบเจ้า!”“หากเจ้ายังคงบีบบังคับข้าต่อไป ข้าจะตายตรงหน้าเจ้าบัดเดี๋ยวนี้!”หลังจากพูดจบ แม่นางหรูเยียนก็พร้อมที่จะใช้ปิ่นปักผมแทงเข้าที่คอของตนเอง!โชคดีที่หวังหยวนตาไว คว้าปิ่นปักผมออกจากมือของนางได้ทัน แล้วเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “อย่ามาเล่นละครตบตากับข้า!”แม้จะพูดเช่นนั้น แต่ในใจก็ยังหวาดกลัวอยู่บ้าง!สตรีผู้นี้ช่างบ้าคลั่งนัก กล้าลงมือกับตนเองเช่นนี้!ช่างโหดเหี้ยมนัก แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่เว้น!“เจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่?” ใบหน้าของแม่นางหรูเยียนบึ้งตึง วิทยายุทธของหวังหยวนนั้นสูงส่งแล
ก่อนที่แม่นางหรูเยียนจะทันได้ตั้งตัว มือของหวังหยวนก็สัมผัสผ้าคลุมหน้าของนางแล้ว!เห็นได้ชัดว่าต้องการจะดึงผ้าคลุมหน้าออก!แต่ที่หวังหยวนไม่คาดคิดก็คือแม่นางหรูเยียนมีปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็วมาก เห็นได้ชัดว่านางมีวรยุทธ!นางรีบยกมือขึ้นมาสกัดกั้นมือของหวังหยวน แล้วถอยหลังอย่างรวดเร็วไปยังเตียงนอนนางคว้ามีดสั้นออกมา ก่อนจะวิ่งเข้าไปหาหวังหยวนด้วยท่าทางน่าเกรงขาม!“มีวรยุทธด้วยหรือ?”หวังหยวนหรี่ตาแล้วยกยิ้ม เรื่องราวยิ่งน่าสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆไม่น่าแปลกใจเลยที่แม่นางหรูเยียนช่างมีเสน่ห์ดึงดูดใจ นางมีความลึกลับซ่อนอยู่มากมาย!เพียงชั่วพริบตาเดียว หวังหยวนก็เข้าต่อสู้กับแม่นางหรูเยียน!แม้ว่าหวังหยวนจะระวัง แต่กระบวนท่าโจมตีอันทรงพลังของแม่นางหรูเยียนนั้นรุนแรงมาก เห็นได้ชัดว่านางต้องการสังหารหวังหยวนให้ได้!โชคดีที่หวังหยวนหลบหลีกได้ทัน สามารถเลี่ยงการโจมตีของนางได้ครั้งแล้วครั้งเล่า!“เจ้าเป็นสตรี เหตุใดถึงได้โหดร้ายเช่นนี้?”หวังหยวนส่ายหน้าขณะพูดแม่นางหรูเยียนขมวดคิ้ว “นั่นก็เพราะท่านชั่วร้ายเกินไปไม่ใช่หรือ?”“ท่านรู้เรื่องที่ควรจะรู้แล้ว แต่ท่านยังคงหยาบคาย เห็นได้ชัด
“ข้าได้กล่าวไปแล้วว่าข้าไม่ได้มีเจตนาร้าย เพียงแต่ต้องการสนทนากับเจ้าเท่านั้น” ริมฝีปากของหวังหยวนเผยรอยยิ้มอ่อนโยน ราวกับว่าได้กลับมาถึงบ้านของตนเองต่อจากนั้น หวังหยวนก็นั่งลงรินน้ำชาให้ตนเอง แล้วโบกมือให้อีกฝ่ายนั่งลง ก่อนพูดด้วยรอยยิ้ม “หากเจ้าคิดจะเรียกคนมาช่วย ข้ารับรองว่าได้ว่าก่อนที่พวกเขาจะมาถึง ข้าสามารถทำให้เจ้าเสียโฉมได้แน่นอน”“หากเจ้าไม่เชื่อก็ลองดูได้”หวังหยวนยังคงพูดด้วยรอยยิ้ม ไม่รู้ว่าฝาถ้วยชามาอยู่ในมือของเขาตั้งแต่เมื่อใด เป็นการเตือนแม่นางหรูเยียนอย่างชัดเจนแม่นางหรูเยียนสีหน้าซีดเผือด นี่เป็นครั้งแรกที่นางถูกข่มขู่ ในหอชิงสุ่ยนี้ ชายแทบทุกคนต่างปรารถนาจะได้ใกล้ชิดนาง แต่ก็ไม่มีใครได้โอกาสและไม่มีใครกล้าล่วงเกินนางแม้แต่ข่มขู่นางก็ไม่เคยมีมาก่อนหวังหยวนเป็นคนแรกที่ทำเช่นนี้หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แม่นางหรูเยียนจึงขมวดคิ้วพูดว่า “ท่านต้องการอะไร?”ขณะที่พูด แม่นางหรูเยียนก็รักษาระยะห่างจากหวังหยวน ไม่ได้เข้าใกล้เขาแม้แต่น้อยแต่สามารถเห็นได้ชัดจากแววตาของนางว่านางก็หวาดกลัวอยู่ไม่น้อยเพราะหวังหยวนเป็นคนแรกที่เข้ามาในห้องนี้!แต่ที่ไม่คาดคิดก
เกาเล่อไม่ได้สนใจ เพียงแค่ดื่มสุราต่อไปในสายตาของเขา สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงกลอุบายหลอกล่อลูกค้าเท่านั้นเพียงแค่เสนอราคาให้เหมาะสม เขาก็ไม่เชื่อหรอกว่าหญิงสาวที่นี่จะรักนวลสงวนตัว!มันเป็นเพียงเรื่องน่าขัน!ทันใดนั้นชายหลายคนจากโต๊ะข้าง ๆ ก็หัวเราะเยาะขึ้นมา“เจ้าคิดว่ามีเงินแล้วจะยิ่งใหญ่นักหรือ?”“ที่อื่นอาจจะได้ แต่ที่นี่ไม่ได้หรอกนะ!”“เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีคนอยากดื่มสุราร่วมกับแม่นางหรูเยียนกี่คน?”“มากมายจนถ้าต่อแถวแล้ว แถวคงยาวออกไปนอกเมือง!”“ในบรรดาคนเหล่านั้นมีคุณชายจากตระกูลชั้นสูง แต่แม่นางหรูเยียนก็ไม่ได้สนใจพวกเขา”“ส่วนเจ้าก็คงไม่ต่างกัน!”ทุกคนต่างหัวเราะกันครื้นเครงหวังหยวนไม่ได้สนใจคำพูดของพวกเขา หลังจากเก็บทองบนโต๊ะกลับคืนมาแล้ว เขาก็โบกมือให้เสี่ยวเอ้อออกไปเสี่ยวเอ้อสบถ เดิมทีคิดว่าหวังหยวนจะให้เงินทอง แต่สุดท้ายกลับไม่ได้อะไรเลย…ช่างน่าโมโหนักหวังหยวนมองไปที่เกาเล่อ แล้วกระซิบว่า “เจ้าส่งคนไปสืบเรื่องราวของแม่นางหรูเยียนที ข้าค่อนข้างสนใจนาง”“ท่านผู้นำ ท่านไม่ได้ล้อเล่นใช่หรือไม่ขอรับ?”“ท่านเชื่อคำพูดไร้สาระของพวกเขาหรือ?”“ข้าสงสัยว่านางคนนั้น
หวังหยวนประหลาดใจ ที่นี่มีกฎเกณฑ์ด้วยงั้นหรือ? ขณะที่เกาเล่อกำลังจะแสดงความไม่พอใจ แต่หวังหยวนรีบส่งสัญญาณให้เขาด้วยสายตา เกาเล่อจึงไม่พูดอะไรเพิ่มเติม ยังคงยืนแข็งทื่อราวกับรูปปั้นอยู่ด้านหลังของหวังหยวน แต่ดวงตาของเกาเล่อแสดงถึงความไม่สบอารมณ์“เหตุใด?”“หรือว่าเจ้าจะคิดทำร้ายคน?”หญิงสาวที่เพิ่งสนทนากับหวังหยวนเบ้ปากใส่เกาเล่อ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ “หากไม่ได้มาเพื่อความสนุกสนานก็จงรีบออกไปจากที่นี่เสีย!”“อย่ามาขวางทาง อย่าทำให้พวกข้าเสียเวลา!”“พวกข้ายังต้องทำมาหากิน!”หญิงคนนั้นก็ชนไหล่ของหวังหยวนแล้วเดินผ่านไปที่หน้าประตู หญิงสาวคนอื่น ๆ ที่ตามมาก็ทำเช่นเดียวกัน“พวกนางช่างไม่รู้ที่ต่ำที่สูง!”“หากพวกนางรู้ถึงตัวตนของท่าน คงต้องคุกเข่าขอความเมตตาจากท่าน”เกาเล่อบ่นพึมพำ“เช่นนั้นอย่าให้พวกนางรู้ถึงตัวตนของข้าดีกว่า”“ข้าไม่อยากมีเรื่องกับพวกนาง”หวังหยวนกล่าวติดตลกแล้วเดินเข้าไปด้านในพร้อมกับเกาเล่อ เลือกที่นั่งแล้วมองไปยังเวทีกลางพลางพิจารณาหอชิงสุ่ยอย่างละเอียดต้องยอมรับว่าที่นี่ตกแต่งได้อย่างหรูหราอลังการอาคารหลังนี้มีทั้งหมดสามชั้น ชั้นล่าง
แต่เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่ว่าจะสำเร็จได้ในวันเดียวหากต้องการให้เมืองอู่เจียงกลายเป็นเมืองสำคัญทางคมนาคมคงต้องใช้เวลาอีกสองสามปีจึงจะสมบูรณ์หวังหยวนเองก็ไม่ปล่อยเวลาให้สูญเปล่า เขาพยายามค้นหาคนที่เหมาะจะเป็นผู้ว่าราชการคนใหม่ในเมืองอู่เจียง แต่ก็ยังหาไม่พบณ หอชิงสุ่ยเมื่อค่ำคืนนี้มาเยือน หวังหยวนกำลังไปเดินเล่นชมเมืองและบังเอิญมาถึงหอชิงสุ่ยที่นั่นเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและผู้คนพลุกพล่าน“ที่นี่คือที่ใด?” หวังหยวนถามเกาเล่อผู้ติดตามอยู่ข้างกาย“ที่นี่คือสถานที่แห่งความสุขทางโลกขอรับ”“ท่านผู้นำสนใจจะเข้าไปดูหรือไม่ขอรับ?”เกาเล่อตอบด้วยรอยยิ้ม“ข้าไม่สนใจเรื่องเหล่านี้...”“อีกอย่างซื่อหานก็รอข้าอยู่ที่บ้าน หากข้ามมัวเมาสุราอยู่ที่นี่ แล้วพวกผู้หญิงในบ้านรู้เข้าคงต้องมีเรื่องวุ่นวายเป็นแน่”หวังหยวนส่ายหน้า หลี่ซื่อหานนั้นยังเข้าใจได้และจะไม่พูดอะไรมาก แต่สำหรับหวงเจียวเจียว...นั่นคือคนที่ยากจะรับมือเกาเล่อหัวเราะ แล้วกล่าวต่อ “ท่านผู้นำอาจเข้าใจผิด ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ธรรมดาอย่างที่ท่านคิดหรอกนะขอรับ”“ข้าเคยสืบเรื่องที่นี่มาแล้ว”“เท่าที่ข้าทราบ เจ้าของที่นี่มีเบื้
ในไม่ช้าหวังหยวนพร้อมคณะก็กลับมายังที่ว่าการเมืองอู่เจียงฉุนอวี๋อันเฝ้ารอมาพักใหญ่แล้ว“ท่านผู้นำ ข้าสั่งให้เหล่าแรงงานเตรียมพร้อมแล้ว พวกเขาพร้อมจะเริ่มงานได้ทุกเมื่อขอรับ!”“ข้าได้แจกจ่ายแบบแปลนให้แก่พวกเขาแล้ว แต่ว่าตอนนี้ยังมีปัญหาอยู่อย่างหนึ่ง...”ฉุนอวี๋อันพูดเพียงเท่านี้ก็เงียบไป สีหน้าบ่งบอกถึงความลำบากใจ“ต้องการเงินเท่าใด?”หวังหยวนทราบความคิดของเขาในทันทีจึงเอ่ยถามออกไป“ท่านผู้นำฉลาดหลักแหลมยิ่งนักขอรับ!”“ใช่แล้วขอรับ เพียงแค่ต้องการเงินจำนวนหนึ่ง!”“ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เมืองอู่เจียงไม่ได้มีเงินทองมากมาย จึงไม่เพียงพอที่จะใช้ในการก่อสร้างครั้งนี้”“ข้าจึงจำต้องมาแจ้งเรื่องนี้กับท่านผู้นำขอรับ...”ฉุนอวี๋อันรีบกล่าว“เจ้าไม่ต้องอ้อมค้อมแล้ว ต้องการเงินเท่าใดก็บอกมาเถิด เรื่องนี้ข้าจะจัดการให้”หวังหยวนไม่ได้ขาดแคลนเงินทองนั่นคือเรื่องเดียวที่เขาได้เปรียบในบรรดาอาณาจักรทั้งสี่ฉุนอวี๋อันรีบนำบัญชีรายรับรายจ่ายที่รวบรวมไว้มาให้หวังหยวน “ข้าได้รวบรวมรายละเอียดทั้งหมดไว้แล้ว ท่านผู้นำโปรดพิจารณา หากไม่มีปัญหาอะไรก็โปรดอนุมัติตามจำนวนนี้ด้วยขอรับ”หวังหยวนรับม
ถ้อยคำของตงฟางฮั่นมีความหมายแฝงอยู่ แต่หวังหยวนก็เข้าใจในทันที“ข้าเข้าใจแล้ว ท่านหมายถึงพรรคทมิฬใช่หรือไม่?”ตงฟางฮั่นยิ้มอย่างพึงพอใจ แล้วพยักหน้า“ดูเหมือนว่าท่านจะไม่ได้ไร้เดียงสาเหมือนที่ข้าคิด สามารถสังเกตเห็นพรรคทมิฬได้เร็วถึงเพียงนี้!”เมื่อเอ่ยถึงชื่อนี้ สีหน้าของเกาเล่อก็เปลี่ยนไปเช่นกันหลังจากจับกุมสาวกของพรรคทมิฬได้หลายคน เกาเล่อและหวังหยวนก็รู้เรื่องของพรรคทมิฬมากขึ้น และในช่วงนี้เกาเล่อก็ได้ส่งคนจำนวนมากไปรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับพรรคทมิฬแต่ก็ยังไม่มีประโยชน์มากนักแสดงให้เห็นว่าคนของพรรคทมิฬนั้นเหมือนพวกหนูที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืด!การขุดคุ้ยเรื่องคนเหล่านี้ต้องใช้เวลา!“แล้วเหตุใดคนของพรรคทมิฬถึงได้ทำร้ายท่านเล่า?” “หรือว่าพวกท่านเคยมีเรื่องขัดแย้งกัน?”หวังหยวนเคาะโต๊ะเบา ๆ สายตาจ้องมองไปที่ตงฟางฮั่นอีกครั้งตงฟางฮั่นส่ายหน้าแล้วยิ้มเยาะ “ข้าจะไปเข้าร่วมกับคนพวกนั้นได้อย่างไร?” “ไม่รู้ว่าพวกเขาได้ยินชื่อของข้ามาจากไหน จึงได้มาติดต่อข้า หวังว่าข้าจะเข้าร่วมพรรคทมิฬ!” “แต่ข้าได้ปฏิเสธพวกเขามาหลายครั้งแล้ว” “แต่พวกเขาก็ยังคงตามติดไม่เลิก ก่อนหน้านี้พวกเขาย