“ฝ่าบาท!”“กระหม่อมคิดว่าเรื่องนี้ไม่เหมาะสมอย่างยิ่งพ่ะย่ะค่ะ!”“การกระทำของท่านขุนพลใหญ่หานค่อนข้างรุนแรงเกินไป ไม่เป็นประโยชน์ต่อเรา!”ซือหม่าอัน อัครเสนาบดีฝ่ายซ้ายรีบคัดค้าน“ท่านอัครเสนาบดีฝ่ายซ้าย ท่านคงคิดมากไปแล้วกระมัง?”“ท่านอย่าลืมว่าเป็นเพราะหวังหยวน เราจึงต้องย้ายเมืองหลวงมาที่นี่!”“บัดนี้หวังหยวนมาอยู่ตรงหน้าเราแล้ว และมีผู้ติดตามเพียงไม่กี่คนเท่านั้น โอกาสดีอยู่ตรงหน้า เราจะปล่อยให้มันหลุดลอยไปหรือ?”หานเทากล่าวอย่างเย็นชา ดวงตาเต็มไปด้วยความรังเกียจในฐานะแม่ทัพใหญ่แห่งอาณาจักรต้าเป่ย เขาย่อมดูถูกเหล่าขุนนางที่เก่งแต่การประพันธ์บทกวี!ในสายตาของเขา หากปราศจากเขาและเหล่าทหารที่ต่อสู้เพื่อปกป้องอาณาจักรต้าเป่ย จะมีแผ่นดินเช่นทุกวันนี้ได้อย่างไร?“ท่านขุนพลใหญ่หาน!”“สำหรับเราแล้วนี่ไม่ใช่โอกาส แต่เป็นการผลักดันเราให้ตกอยู่ในอันตราย!”“ท่านอย่าลืมว่าถึงแม้ท่านจะฆ่าหวังหยวนได้ แต่จะได้อะไรมา?”“ทหารหลายแสนนายของหวังหยวนยังคงอยู่ในเมืองหลิง เหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาทุกคนจงรักภักดีต่อเขา หากเขาประสบเหตุไม่คาดฝัน พวกเขาย่อมจะร่วมมือกันโจมตีแน่นอน!”“ต้องส่งก
“หากยังคงสู้รบต่อไป อาจเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันได้!”“ถึงเวลานั้นท่านแม่ทัพหานเทาจะรับผิดชอบได้หรือไม่?”ถ้อยคำของซ่งติ้งกั๋วประหนึ่งคมดาบแทงทะลุใจ หานเทาถึงกับเหงื่อตก ทำได้เพียงส่ายหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยความที่ไป๋ชิงชางคอยหนุนหลังขุนนางทั้งสองฝ่าย เขาจึงไม่กล้าเอ่ยคำใดอีก ไม่เช่นนั้นยิ่งพูดก็ยิ่งผิด ยิ่งเพิ่มความยุ่งยากให้แก่ตนเอง!“แม่ทัพหานเทา”“ข้าเข้าใจว่าเจ้าห่วงใย”“แต่ข้าก็ต้องขอเตือนเจ้า ว่าบางครั้งการใช้กำลังก็ไม่อาจแก้ปัญหาได้ทุกอย่าง!”“ควรใช้สติปัญญาให้มากขึ้นด้วย”“ไม่เช่นนั้นจะทำให้ความพยายามทั้งหมดล้มเหลว ทำให้ทุกอย่างสูญเปล่า!”“แม้ขุนนางทั้งสองฝ่ายจะไม่ได้ออกรบ แต่ความสามารถของพวกเขาก็เป็นที่ประจักษ์ หากไม่ใช่เพราะมีทั้งสองคอยช่วยเหลือ ข้าคงไม่มีแผ่นดินกว้างใหญ่เช่นนี้ให้ครอง และไม่อาจนั่งบนบัลลังก์อย่างสงบสุขได้!”ไป๋ชิงชางตักเตือนหานเทา ฝ่ายหลังพยักหน้ารับ ไม่กล้าเอ่ยคำใดอีก“ข้าเองก็มีแผนอยู่แล้ว”“แม่ทัพหาน จงรีบกลับไปประจำการที่ค่ายทหาร เพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดฝัน!”“หากต้องการตัวเจ้า ข้าจะเรียกตัวเจ้าเข้าวังเอง!”หานเทาพยักหน้ารับ จากนั้นจึงค่อย
ณ หมู่บ้านรกร้างบนภูเขาแห่งหนึ่งหวังหยวนและพรรคพวกตามแผนที่ไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งใกล้ค่ำจึงมาถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง!มองไปโดยรอบหมู่บ้านมีเพียงไม่กี่หลังคาเรือน บริเวณโดยรอบก็ว่างเปล่าแต่บ้านเรือนในหมู่บ้านยังมีควันไฟลอยขึ้น แสดงว่ายังมีผู้คนอาศัยอยู่!“ทุกคนลงจากม้า เราจะเดินเท้าเข้าไป”“เพื่อถามหาข่าวของเอ้อหู่”หวังหยวนสั่งการ แล้วอุ้มว่านซิ่วเอ๋อร์ลงจากม้า ต่งอวี่และพรรคพวกก็รีบตามลงมาในพริบตาเดียวพวกเขาก็เข้าไปในหมู่บ้านแล้ว“พวกเจ้าเป็นใคร?”“มาทำอะไรที่นี่?”ทันทีที่เข้าไปในหมู่บ้าน ก็เห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งวิ่งออกมาขวางทางหวังหยวนและพรรคพวกหวังหยวนยิ้มแล้วกล่าวว่า “น้องชาย สหายของข้าหายตัวไป ข้ามาตามหาเขา”จากนั้นหวังหยวนก็บรรยายรูปร่างหน้าตาของเอ้อหู่ พลางหยิบเงินก้อนหนึ่งออกมาให้เด็กหนุ่มตรงหน้าเงินทองสามารถซื้อได้ทุกอย่าง!เมื่อเห็นเงิน เด็กหนุ่มก็ดีใจรีบเก็บเงินไว้ แล้วชี้ไปทางท้ายหมู่บ้านพลางกล่าวว่า “มีคนแปลกหน้ามาที่หมู่บ้านเราจริง ๆ”“แต่คนผู้นั้นได้รับบาดเจ็บ ตอนนี้อยู่ที่บ้านหมอประจำหมู่บ้าน หากท่านจะตามหาเขา ก็เดินไปตามทางนี้จนสุดทาง”หวังหยวนดีใจ รีบพา
เบื้องหลังนั้น ชายผู้นั้นเก็บตั๋วเงินเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้กำลังพิงประตูมองดูหวังหยวนและพรรคพวก พลางกล่าวเบา ๆ ว่า “ถึงแม้ข้าจะรักษาบาดแผลให้เขาเบื้องต้นแล้ว”“แต่เนื่องจากบาดแผลของเขาสาหัสเกินไป และข้าก็มีสมุนไพรจำกัด ข้าขอแนะนำให้ท่านรีบพาเขาไปรักษาที่อื่น ไม่เช่นนั้น ถึงแม้เขาจะไม่ตาย แต่ก็อาจจะฟื้นขึ้นมาไม่ได้อีกเลย และต้องนอนอยู่บนเตียงเช่นนี้ตลอดไป”“กรอบ”หวังหยวนกำปั้นแน่นจนเกิดเสียงกระดูกลั่นไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด!เขาไม่อาจปล่อยให้เอ้อหู่นอนอยู่เช่นนี้ได้!“ต่งอวี่!”“รีบเตรียมม้าให้พร้อม เราจะกลับไปยังเมืองปิงเดี๋ยวนี้! เพื่อพาเอ้อหู่ไปรักษาให้เร็วที่สุด!”“ไม่ว่าจะต้องใช้เงินเท่าใด ข้าจะต้องทำให้เอ้อหู่หายเป็นปกติ!”หวังหยวนสั่งการ ต่งอวี่รีบดำเนินการทันทีในพริบตาด้วยความช่วยเหลือของทุกคน หวังหยวนและพรรคพวกก็พาเอ้อหู่ขึ้นม้ามุ่งหน้าสู่เมืองปิง!“คราวนี้ไม่เสียเปรียบเลย”“ช่วยคนแล้วได้เงินมากมาย”“ดูเหมือนว่าทำดีแล้วจะได้ดีจริง ๆ!”ชายผู้นั้นมองหวังหยวนและพรรคพวกที่กำลังจากไปพลางพึมพำกับตัวเองเนื่องจากถึงเวลามืดค่ำแล้ว หวังหยวนและพรรคพวกต้องเดินทางกลางคืนย่อมส่
“ชิ้ง!”เมื่อเห็นว่าคมดาบจะฟันลงบนศีรษะของว่านเชียนซาน ก็ได้ยินเสียงโลหะกระทบกันดังก้อง ดาบเล่มนั้นหักกลาง ขณะที่มีเงาหนึ่งพุ่งเข้ามาปกป้องว่านเชียนซานไว้ข้างหลัง!ผู้มาเยือนคือต้าหู่ต้าหู่มองชายที่ปิดบังใบหน้า มุมปากเผยรอยยิ้มเยาะเย้ยพลางกล่าวเสียงเข้มว่า “พี่หยวนรู้แผนการของพวกเจ้าแล้ว พวกข้ากำลังรอพวกเจ้าอยู่!”“โชคดีที่ฟ้าไม่ทอดทิ้ง ในที่สุดพวกเจ้าก็มาเสียที!”ขณะเดียวกัน ต้าหู่ก็กระโจนเข้าใส่ชายผู้นั้น!การต่อสู้สั้น ๆ ทำให้ชายผู้นั้นเริ่มเสียเปรียบ เห็นได้ชัดว่าฝีมือระดับนี้ไม่คู่ควรกับการเป็นคู่ต่อสู้ของต้าหู่!ถูกโจมตีเพียงไม่กี่ครั้งก็ได้รับบาดเจ็บ!ต้าหู่ลงมืออย่างรุนแรง ถึงแม้จะมีโอกาสฆ่าอีกฝ่ายหลายครั้ง แต่ก็ไม่ได้ทำ!ต้องจับเป็นไว้ก่อนเพื่อสอบถามข้อมูล!ครึ่งชั่วยามต่อมา การต่อสู้ก็จบลงต้าหู่เหยียบยอดอกชายคนนั้น ซึ่งเป็นหัวหน้าที่พยายามจะฆ่าว่านเชียนซาน!“จับพวกนี้ไปขังไว้ ควบคุมพวกมันอย่างเข้มงวด!”“เราจะสอบสวนพวกมันในคืนนี้!”ต้าหู่สั่งการแล้วทุกคนก็รีบดำเนินการ พาคนเหล่านั้นไปขังไว้ในคุก!ว่านเชียนซานมองต้าหู่ด้วยความขอบคุณ “ขอบคุณท่านที่ช่วยข้าไว้!”“
หมอในโรงหมอยังคงตรวจรักษาเอ้อหู่อยู่ แต่ยังไม่ได้ออกมาแจ้งข่าวอันใดใครเล่าจะหลับได้ในยามนี้?หวังหยวนกระวนกระวาย ราวกับมดที่อยู่ในกระทะร้อน…“ท่านหมอ สหายของข้าเป็นอย่างไรบ้าง?”เมื่อหมอเดินออกมา หวังหยวนก็รีบเข้าไปถามทันที“อาการของสหายท่านไม่ค่อยดีนัก ข้าได้ใช้ยาที่ดีที่สุดแล้ว อาการของเขายังคงที่ชั่วคราว”“แต่ว่าเขาจะฟื้นขึ้นมาได้หรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับโชคชะตา…”หมอถอนหายใจด้วยความจนใจ“ท่านหมอ!”“หากท่านรักษาสหายข้าให้หาย ข้าจะให้รางวัลท่านอย่างงาม!”หวังหยวนรีบหยิบตั๋วเงินสองสามใบออกมายื่นให้หมอหมอพยักหน้า “ท่านอย่าได้เป็นห่วงเลย ถึงแม้จะไม่ใช่เพราะเงิน การช่วยคนก็เป็นหน้าที่ของข้าอยู่แล้ว!”ถึงแม้จะพูดเช่นนั้น แต่เขาก็รับตั๋วเงินไว้เนื่องจากเดินทางมาทั้งวันทั้งคืน หวังหยวนและพรรคพวกก็เหนื่อยล้าเต็มที ตอนนี้กำลังพยายามประคองตัวเองอยู่แต่ยังไม่รู้ว่าเอ้อหู่จะฟื้นเมื่อใด ในที่สุดหวังหยวนจึงฝากคนให้คอยดูแลเอ้อหู่ แล้วพาว่านซิ่วเอ๋อร์และต่งอวี่กลับไปที่โรงเตี๊ยมขณะนี้ยังอยู่ในเมืองปิง จึงต้องรักษาความระมัดระวังให้มากเพื่อป้องกันภัยจากไป๋ชิงชางถึงแม้จะเต็มไปด้ว
“เรื่องนี้เราจะไม่มีทางปล่อยไปง่าย ๆ แน่นอน!”“นี่เป็นเพียงการหยุดชั่วคราวเท่านั้น”“ในอนาคตเราจะต้องคิดบัญชีว่านเชียนซานแน่นอน!”ประมุขพรรคทมิฬกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา เขาจะปล่อยว่านเชียนซานไปได้อย่างไร?แน่นอนว่าสำหรับว่านเชียนซานนั้น แค้นนี้ต้องชำระ!“เอาล่ะ ช่างมันเถิด”“จงไปชักชวนคนมาเข้าร่วมกับพรรคทมิฬให้เยอะกว่านี้!”“เวลาที่พวกเราจะยิ่งใหญ่ใกล้เข้ามาแล้ว…”ทุกคนรับคำ จากนั้นต่างก็จากไปทีละคน…เมืองปิงหวังหยวนและพรรคพวกตื่นขึ้นมาตอนบ่าย เมื่อลงมาก็เห็นไป๋ชิงชางและพรรคพวกกำลังรออยู่ขณะนี้ไป๋ชิงชางกำลังดื่มชาอย่างสบายอารมณ์ที่ชั้นล่างของโรงเตี๊ยม นอกจากไป๋ชิงชางและเจ้าของร้านแล้ว ก็มีเพียงองครักษ์ของไป๋ชิงชางเท่านั้น“ตื่นแล้วหรือ?”ไป๋ชิงชางเลิกคิ้วมองหวังหยวนพลางถามหวังหยวนยืดตัวอย่างเกียจคร้าน จากนั้นไปนั่งที่โต๊ะของไป๋ชิงชาง แล้วรินน้ำชาให้ตัวเอง“ดูเหมือนว่าท่านจะมาถึงนานแล้ว?”ไป๋ชิงชางยกยิ้ม “แน่นอน”“ได้ยินว่าท่านพบเอ้อหู่แล้ว ข้าจึงมาดูและเพื่อยืนยันเรื่องหนึ่ง นั่นคือคำพูดที่ท่านเคยให้ไว้ ยังคงใช้ได้อยู่หรือไม่?”หวังหยวนนึกถึงคำพูดที่ตนเองเคยให้ไ
ต่งอวี่เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนักหวังหยวนไปเพียงลำพัง เปรียบเสมือนแกะเดินเข้าไปในปากเสือ หากประมาทก็อาจถึงแก่ชีวิต!หากไป๋ชิงชางไม่เกรงใจ ใช้โอกาสนี้ลงมือกับหวังหยวนแล้วจะทำอย่างไร?“อย่ากังวลไปเลย ข้าเชื่อว่าเขาไม่ใช่คนเช่นนั้น”“คงไม่ทำอะไรข้าหรอก”หวังหยวนกล่าวด้วยความมั่นใจถึงแม้ต่งอวี่จะยังไม่เห็นด้วย แต่ในที่สุดก็พยักหน้า เพราะอย่างไรเสีย เขาก็ไม่สามารถทัดทานได้…หนึ่งชั่วยามต่อมา หวังหยวนและพรรคพวกก็เดินผ่านเข้ามาในวังหลวงเบื้องหลังวังหลวงมีโรงงานขนาดใหญ่ เมื่อเข้าไปก็ได้ยินเสียงตีเหล็กดังลั่นเมื่อมองไปรอบ ๆ ก็เห็นทุกคนกำลังตีเหล็กกล้า เห็นได้ชัดว่าทั้งหมดนี้ใช้สำหรับทำปืนใหญ่“ดูเหมือนว่าท่านจะลงทุนไม่น้อยเลยนะ”หวังหยวนกอดอกพูดด้วยรอยยิ้ม ขณะมองไปที่ไป๋ชิงชาง“ย่อมเป็นเช่นนั้น”“ในสงครามครั้งก่อน ข้าได้เห็นพลังของปืนใหญ่แล้ว”“เพียงแค่มีปืนเล็กคงไม่เพียงพอ ต้องมีปืนใหญ่ด้วยจึงจะเสริมสร้างอำนาจของพวกข้าได้”ดูเหมือนว่าจะรู้ตัวว่าพูดผิดไป ไป๋ชิงชางจึงกระแอม จากนั้นจึงเปลี่ยนเรื่อง“ท่านอย่าได้เข้าใจผิด”“ข้าไม่เคยคิดจะใช้สิ่งเหล่านี้ไปรุกรานผู้อื่น ส่วน
เกาเล่อไม่ได้สนใจ เพียงแค่ดื่มสุราต่อไปในสายตาของเขา สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงกลอุบายหลอกล่อลูกค้าเท่านั้นเพียงแค่เสนอราคาให้เหมาะสม เขาก็ไม่เชื่อหรอกว่าหญิงสาวที่นี่จะรักนวลสงวนตัว!มันเป็นเพียงเรื่องน่าขัน!ทันใดนั้นชายหลายคนจากโต๊ะข้าง ๆ ก็หัวเราะเยาะขึ้นมา“เจ้าคิดว่ามีเงินแล้วจะยิ่งใหญ่นักหรือ?”“ที่อื่นอาจจะได้ แต่ที่นี่ไม่ได้หรอกนะ!”“เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีคนอยากดื่มสุราร่วมกับแม่นางหรูเยียนกี่คน?”“มากมายจนถ้าต่อแถวแล้ว แถวคงยาวออกไปนอกเมือง!”“ในบรรดาคนเหล่านั้นมีคุณชายจากตระกูลชั้นสูง แต่แม่นางหรูเยียนก็ไม่ได้สนใจพวกเขา”“ส่วนเจ้าก็คงไม่ต่างกัน!”ทุกคนต่างหัวเราะกันครื้นเครงหวังหยวนไม่ได้สนใจคำพูดของพวกเขา หลังจากเก็บทองบนโต๊ะกลับคืนมาแล้ว เขาก็โบกมือให้เสี่ยวเอ้อออกไปเสี่ยวเอ้อสบถ เดิมทีคิดว่าหวังหยวนจะให้เงินทอง แต่สุดท้ายกลับไม่ได้อะไรเลย…ช่างน่าโมโหนักหวังหยวนมองไปที่เกาเล่อ แล้วกระซิบว่า “เจ้าส่งคนไปสืบเรื่องราวของแม่นางหรูเยียนที ข้าค่อนข้างสนใจนาง”“ท่านผู้นำ ท่านไม่ได้ล้อเล่นใช่หรือไม่ขอรับ?”“ท่านเชื่อคำพูดไร้สาระของพวกเขาหรือ?”“ข้าสงสัยว่านางคนนั้น
หวังหยวนประหลาดใจ ที่นี่มีกฎเกณฑ์ด้วยงั้นหรือ? ขณะที่เกาเล่อกำลังจะแสดงความไม่พอใจ แต่หวังหยวนรีบส่งสัญญาณให้เขาด้วยสายตา เกาเล่อจึงไม่พูดอะไรเพิ่มเติม ยังคงยืนแข็งทื่อราวกับรูปปั้นอยู่ด้านหลังของหวังหยวน แต่ดวงตาของเกาเล่อแสดงถึงความไม่สบอารมณ์“เหตุใด?”“หรือว่าเจ้าจะคิดทำร้ายคน?”หญิงสาวที่เพิ่งสนทนากับหวังหยวนเบ้ปากใส่เกาเล่อ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ “หากไม่ได้มาเพื่อความสนุกสนานก็จงรีบออกไปจากที่นี่เสีย!”“อย่ามาขวางทาง อย่าทำให้พวกข้าเสียเวลา!”“พวกข้ายังต้องทำมาหากิน!”หญิงคนนั้นก็ชนไหล่ของหวังหยวนแล้วเดินผ่านไปที่หน้าประตู หญิงสาวคนอื่น ๆ ที่ตามมาก็ทำเช่นเดียวกัน“พวกนางช่างไม่รู้ที่ต่ำที่สูง!”“หากพวกนางรู้ถึงตัวตนของท่าน คงต้องคุกเข่าขอความเมตตาจากท่าน”เกาเล่อบ่นพึมพำ“เช่นนั้นอย่าให้พวกนางรู้ถึงตัวตนของข้าดีกว่า”“ข้าไม่อยากมีเรื่องกับพวกนาง”หวังหยวนกล่าวติดตลกแล้วเดินเข้าไปด้านในพร้อมกับเกาเล่อ เลือกที่นั่งแล้วมองไปยังเวทีกลางพลางพิจารณาหอชิงสุ่ยอย่างละเอียดต้องยอมรับว่าที่นี่ตกแต่งได้อย่างหรูหราอลังการอาคารหลังนี้มีทั้งหมดสามชั้น ชั้นล่าง
แต่เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่ว่าจะสำเร็จได้ในวันเดียวหากต้องการให้เมืองอู่เจียงกลายเป็นเมืองสำคัญทางคมนาคมคงต้องใช้เวลาอีกสองสามปีจึงจะสมบูรณ์หวังหยวนเองก็ไม่ปล่อยเวลาให้สูญเปล่า เขาพยายามค้นหาคนที่เหมาะจะเป็นผู้ว่าราชการคนใหม่ในเมืองอู่เจียง แต่ก็ยังหาไม่พบณ หอชิงสุ่ยเมื่อค่ำคืนนี้มาเยือน หวังหยวนกำลังไปเดินเล่นชมเมืองและบังเอิญมาถึงหอชิงสุ่ยที่นั่นเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและผู้คนพลุกพล่าน“ที่นี่คือที่ใด?” หวังหยวนถามเกาเล่อผู้ติดตามอยู่ข้างกาย“ที่นี่คือสถานที่แห่งความสุขทางโลกขอรับ”“ท่านผู้นำสนใจจะเข้าไปดูหรือไม่ขอรับ?”เกาเล่อตอบด้วยรอยยิ้ม“ข้าไม่สนใจเรื่องเหล่านี้...”“อีกอย่างซื่อหานก็รอข้าอยู่ที่บ้าน หากข้ามมัวเมาสุราอยู่ที่นี่ แล้วพวกผู้หญิงในบ้านรู้เข้าคงต้องมีเรื่องวุ่นวายเป็นแน่”หวังหยวนส่ายหน้า หลี่ซื่อหานนั้นยังเข้าใจได้และจะไม่พูดอะไรมาก แต่สำหรับหวงเจียวเจียว...นั่นคือคนที่ยากจะรับมือเกาเล่อหัวเราะ แล้วกล่าวต่อ “ท่านผู้นำอาจเข้าใจผิด ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ธรรมดาอย่างที่ท่านคิดหรอกนะขอรับ”“ข้าเคยสืบเรื่องที่นี่มาแล้ว”“เท่าที่ข้าทราบ เจ้าของที่นี่มีเบื้
ในไม่ช้าหวังหยวนพร้อมคณะก็กลับมายังที่ว่าการเมืองอู่เจียงฉุนอวี๋อันเฝ้ารอมาพักใหญ่แล้ว“ท่านผู้นำ ข้าสั่งให้เหล่าแรงงานเตรียมพร้อมแล้ว พวกเขาพร้อมจะเริ่มงานได้ทุกเมื่อขอรับ!”“ข้าได้แจกจ่ายแบบแปลนให้แก่พวกเขาแล้ว แต่ว่าตอนนี้ยังมีปัญหาอยู่อย่างหนึ่ง...”ฉุนอวี๋อันพูดเพียงเท่านี้ก็เงียบไป สีหน้าบ่งบอกถึงความลำบากใจ“ต้องการเงินเท่าใด?”หวังหยวนทราบความคิดของเขาในทันทีจึงเอ่ยถามออกไป“ท่านผู้นำฉลาดหลักแหลมยิ่งนักขอรับ!”“ใช่แล้วขอรับ เพียงแค่ต้องการเงินจำนวนหนึ่ง!”“ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เมืองอู่เจียงไม่ได้มีเงินทองมากมาย จึงไม่เพียงพอที่จะใช้ในการก่อสร้างครั้งนี้”“ข้าจึงจำต้องมาแจ้งเรื่องนี้กับท่านผู้นำขอรับ...”ฉุนอวี๋อันรีบกล่าว“เจ้าไม่ต้องอ้อมค้อมแล้ว ต้องการเงินเท่าใดก็บอกมาเถิด เรื่องนี้ข้าจะจัดการให้”หวังหยวนไม่ได้ขาดแคลนเงินทองนั่นคือเรื่องเดียวที่เขาได้เปรียบในบรรดาอาณาจักรทั้งสี่ฉุนอวี๋อันรีบนำบัญชีรายรับรายจ่ายที่รวบรวมไว้มาให้หวังหยวน “ข้าได้รวบรวมรายละเอียดทั้งหมดไว้แล้ว ท่านผู้นำโปรดพิจารณา หากไม่มีปัญหาอะไรก็โปรดอนุมัติตามจำนวนนี้ด้วยขอรับ”หวังหยวนรับม
ถ้อยคำของตงฟางฮั่นมีความหมายแฝงอยู่ แต่หวังหยวนก็เข้าใจในทันที“ข้าเข้าใจแล้ว ท่านหมายถึงพรรคทมิฬใช่หรือไม่?”ตงฟางฮั่นยิ้มอย่างพึงพอใจ แล้วพยักหน้า“ดูเหมือนว่าท่านจะไม่ได้ไร้เดียงสาเหมือนที่ข้าคิด สามารถสังเกตเห็นพรรคทมิฬได้เร็วถึงเพียงนี้!”เมื่อเอ่ยถึงชื่อนี้ สีหน้าของเกาเล่อก็เปลี่ยนไปเช่นกันหลังจากจับกุมสาวกของพรรคทมิฬได้หลายคน เกาเล่อและหวังหยวนก็รู้เรื่องของพรรคทมิฬมากขึ้น และในช่วงนี้เกาเล่อก็ได้ส่งคนจำนวนมากไปรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับพรรคทมิฬแต่ก็ยังไม่มีประโยชน์มากนักแสดงให้เห็นว่าคนของพรรคทมิฬนั้นเหมือนพวกหนูที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืด!การขุดคุ้ยเรื่องคนเหล่านี้ต้องใช้เวลา!“แล้วเหตุใดคนของพรรคทมิฬถึงได้ทำร้ายท่านเล่า?” “หรือว่าพวกท่านเคยมีเรื่องขัดแย้งกัน?”หวังหยวนเคาะโต๊ะเบา ๆ สายตาจ้องมองไปที่ตงฟางฮั่นอีกครั้งตงฟางฮั่นส่ายหน้าแล้วยิ้มเยาะ “ข้าจะไปเข้าร่วมกับคนพวกนั้นได้อย่างไร?” “ไม่รู้ว่าพวกเขาได้ยินชื่อของข้ามาจากไหน จึงได้มาติดต่อข้า หวังว่าข้าจะเข้าร่วมพรรคทมิฬ!” “แต่ข้าได้ปฏิเสธพวกเขามาหลายครั้งแล้ว” “แต่พวกเขาก็ยังคงตามติดไม่เลิก ก่อนหน้านี้พวกเขาย
“มาเยือนโดยไม่ได้รับเชิญ ถือว่าเป็นแขกผู้มาเยือนได้หรือ?” ตงฟางฮั่นเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ “ในเมื่อเจ้าชอบสถานที่นี้ ก็จงดื่มสุราอยู่ที่นี่คนเดียวเถิด” “ลาก่อน”เพียงชั่วพริบตา ตงฟางฮั่นก็ลุกขึ้นยืน ขณะที่เขากำลังจะเดินสวนกับชายคนนั้น ก็ได้ยินเสียงชายคนนั้นเอ่ยขึ้นว่า “ท่านตงฟาง ท่านพร้อมจะวางเดิมพันไว้ที่หวังหยวน แต่กลับไม่คิดจะพบกับท่านประมุขของข้าหรือ?”“ฮึ” “พวกเจ้าก็เป็นเพียงพวกหนูที่อาศัยอยู่ในความมืดมิด” “ใครเล่าจะอยากร่วมมือกับพวกเจ้า?” ตงฟางฮั่นเย้ยหยัน ไม่ได้สนใจชายผู้อยู่เบื้องหลังอีกต่อไปสีหน้าของชายวัยกลางคนเปลี่ยนไป มือหนึ่งคว้ามีดสั้นจากอกเสื้อ แล้วแทงเข้าที่หลังของตงฟางฮั่นอย่างรวดเร็ว! ว่องไวราวกับสายฟ้าแลบ!“ถ้าไม่เป็นมิตร ก็ต้องเป็นศัตรู!” “ไปลงนรกซะ!”สีหน้าของตงฟางฮั่นเปลี่ยนไป แต่ตอนนี้การหลบหลีกนั้นสายเกินไปแล้ว เพราะเขาไม่ได้ฝึกวิทยายุทธใด ๆ เลย!ในขณะที่เขาเตรียมใจยอมรับชะตากรรม ก็ได้ยินเสียงโลหะกระทบกัน ปรากฏว่าเกาเล่อผู้ซ่อนตัวอยู่ในที่มืดปรากฏตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว และข้างกายเขายังมีสมาชิกขององค์กรเครือข่ายผีเสื้ออีกหลายคนมีกำลังคนม
“ท่านทั้งหลายไปที่นั่นแล้วจะได้ลงทะเบียนทันที!”เมื่อทราบว่าหวังหยวนไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ทุกคนจึงรีบขอลา แล้วมุ่งหน้าสู่ตลาดตะวันออกด้วยความเร่งรีบ การลงทะเบียนโดยเร็วจะช่วยคลายกังวลในใจได้!เมื่อเห็นเหล่าชาวบ้านมาเร็วไปเร็วเช่นนั้น ฉุนอวี๋อันจึงบ่นหลังถอนหายใจว่า “ประชาชนพวกนี้ช่างร้อนรนนัก!”“หากมีสิ่งใดขัดขวางความประสงค์ของพวกเขา พวกเขาก็จะก่อความวุ่นวายไม่หยุด!”“โชคดีที่ข้าไม่ใช่ผู้ว่าราชการเมืองเมืองนี้แล้ว จึงบรรเทาความกดดันลงได้บ้าง…”แต่หารู้ไม่ว่าหวังหยวนยังคงยืนอยู่ข้างกายฉุนอวี๋อันหันกลับไปเห็นหวังหยวนกำลังมองตนอยู่ ทันใดนั้นเขาก็ตัวสั่นเทา ตกใจกลัวจนถอยหลังไปสองก้าว และถึงกับหายใจติดขัด“ท่านผู้นำ…”“ข้าไม่ใช่หมายความเช่นนั้น”หวังหยวนเห็นท่าทีขลาดกลัวของเขาจึงส่ายหน้าแล้วยกยิ้มดูเหมือนการตัดสินใจของเขาจะถูกต้อง คนเช่นนี้จะสามารถเป็นใหญ่ในเมืองได้อย่างไร?หากปล่อยให้ฉุนอวี๋อันดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการเมืองต่อไป แม้การก่อสร้างระบบชลประทานจะแล้วเสร็จก็คงหาผลกำไรไม่ได้มากนักผลลัพธ์สุดท้ายก็คงเดาได้ไม่ยากไม่ช้าหวังหยวนและคณะก็เดินทางกลับระหว่างทางกลับ เ
“หืม?” หวังหยวนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็เข้าใจทันที คงเป็นเพราะเรื่องเกณฑ์แรงงานจึงทำให้ประชาชนไม่พอใจ“ทุกคน!”“เรื่องนี้คงเกิดจากความเข้าใจผิดใช่หรือไม่?”“ข้าต้องการแรงงานมาช่วยทำงาน แต่ก็เพื่อการพัฒนาเมืองอู่เจียง!”“เมื่อการก่อสร้างระบบชลประทานเสร็จสมบูรณ์ ในฤดูฝน พวกเราก็ไม่ต้องกังวลว่าแม่น้ำจะเอ่อล้นอีกต่อไป และที่สำคัญที่สุด เวลาในการเดินทางระหว่างเมืองอู่เจียงกับเมืองต่าง ๆ ก็จะใกล้เคียงลงมาก!”“นับเป็นเรื่องที่ดีต่อแผ่นดินและประชาชน!”“ยิ่งไปกว่านั้น ข้าก็ไม่ได้ใช้แรงงานโดยไม่จ่ายค่าจ้าง ข้าจะจ่ายค่าจ้างให้เดือนละหนึ่งตำลึง!” หวังหยวนอธิบายสถานการณ์โดยย่อความจริงเป็นเช่นนั้น เมื่อการก่อสร้างระบบชลประทานเสร็จสมบูรณ์ เมืองอู่เจียงจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง! ในอนาคต แม้แต่เมืองหลวงก็อาจจะพัฒนาไม่ดีเท่าเมืองอู่เจียง! แต่ทั้งหมดนี้นั้นเป็นเพราะเมืองอู่เจียงมีแม่น้ำห้าสายไหลผ่าน หากไม่เป็นเช่นนี้จะมีโอกาสสร้างระบบชลประทานได้อย่างไร?“จ่ายค่าจ้างด้วยหรือ?”“ก่อนหน้านี้ไม่เคยได้ยินเช่นนั้นเลยไม่ใช่รึ?”“พวกเราคงจำผิดไปกระมัง?”“ใช่แล้ว! ข้าได้ยินมาว่าท่านผู้นำเ
“การเตรียมการต่าง ๆ เป็นอย่างไรบ้าง?”หวังหยวนยกถ้วยชาขึ้น สายตาจับจ้องไปยังเกาเล่อขณะเอ่ยถามเกาเล่อส่ายหน้าแล้วตอบว่า “ข้าได้ค้นหาคนผู้มีความสามารถอยู่เสมอ แต่ก็ไม่ราบรื่นดังที่คาดหวังไว้ขอรับ” “บางคนก็มีความรู้ความสามารถ บางคนก็ไม่อาจคาดเดาเจตนาได้ โดยสรุปแล้วก็ยังไม่พบผู้ใดที่เหมาะสมนัก”หวังหยวนพยักหน้า แท้จริงแล้ว การค้นหาคนที่ไว้ใจได้และมีความรู้ความสามารถนั้นจะเป็นเรื่องง่ายได้อย่างไร? เวลาเพียงสองวันนั้นย่อมไม่เพียงพอ“เช่นนั้นเจ้าจงค้นหาต่อไป” “อย่างไรเสียข้าก็ต้องอยู่ที่เมืองอู่เจียงต่อไปอีกนาน” “เรื่องต่าง ๆ ในที่นี้ ข้าจะรับผิดชอบเอง” “แต่ก่อนหน้านั้นเจ้ายังมีภารกิจสำคัญอีกอย่างหนึ่ง นั่นคือการจัดหาแรงงานเพื่อช่วยข้าขุดคลอง” หวังหยวนสั่งการเพิ่มเติมเกาเล่อรับคำแล้วก็จากไปหลังจากอยู่ในห้องมาสองวัน แผนที่ก็เสร็จสมบูรณ์แล้ว หวังหยวนจึงสั่งให้คนจัดเตรียมอาหารและเครื่องดื่ม เพื่อเป็นการฉลองความสำเร็จแม้ว่าฉุนอวี๋อันจะพ้นจากตำแหน่งแล้ว แต่ก็ยังคงอยู่เคียงข้างหวังหยวน เกาเล่อควบคุมข่าวสารต่าง ๆ แต่เรื่องราวภายในเมืองอู่เจียงนั้น ฉุนอวี๋อันย่อมรู้ดีกว่า