หมอในโรงหมอยังคงตรวจรักษาเอ้อหู่อยู่ แต่ยังไม่ได้ออกมาแจ้งข่าวอันใดใครเล่าจะหลับได้ในยามนี้?หวังหยวนกระวนกระวาย ราวกับมดที่อยู่ในกระทะร้อน…“ท่านหมอ สหายของข้าเป็นอย่างไรบ้าง?”เมื่อหมอเดินออกมา หวังหยวนก็รีบเข้าไปถามทันที“อาการของสหายท่านไม่ค่อยดีนัก ข้าได้ใช้ยาที่ดีที่สุดแล้ว อาการของเขายังคงที่ชั่วคราว”“แต่ว่าเขาจะฟื้นขึ้นมาได้หรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับโชคชะตา…”หมอถอนหายใจด้วยความจนใจ“ท่านหมอ!”“หากท่านรักษาสหายข้าให้หาย ข้าจะให้รางวัลท่านอย่างงาม!”หวังหยวนรีบหยิบตั๋วเงินสองสามใบออกมายื่นให้หมอหมอพยักหน้า “ท่านอย่าได้เป็นห่วงเลย ถึงแม้จะไม่ใช่เพราะเงิน การช่วยคนก็เป็นหน้าที่ของข้าอยู่แล้ว!”ถึงแม้จะพูดเช่นนั้น แต่เขาก็รับตั๋วเงินไว้เนื่องจากเดินทางมาทั้งวันทั้งคืน หวังหยวนและพรรคพวกก็เหนื่อยล้าเต็มที ตอนนี้กำลังพยายามประคองตัวเองอยู่แต่ยังไม่รู้ว่าเอ้อหู่จะฟื้นเมื่อใด ในที่สุดหวังหยวนจึงฝากคนให้คอยดูแลเอ้อหู่ แล้วพาว่านซิ่วเอ๋อร์และต่งอวี่กลับไปที่โรงเตี๊ยมขณะนี้ยังอยู่ในเมืองปิง จึงต้องรักษาความระมัดระวังให้มากเพื่อป้องกันภัยจากไป๋ชิงชางถึงแม้จะเต็มไปด้ว
“เรื่องนี้เราจะไม่มีทางปล่อยไปง่าย ๆ แน่นอน!”“นี่เป็นเพียงการหยุดชั่วคราวเท่านั้น”“ในอนาคตเราจะต้องคิดบัญชีว่านเชียนซานแน่นอน!”ประมุขพรรคทมิฬกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา เขาจะปล่อยว่านเชียนซานไปได้อย่างไร?แน่นอนว่าสำหรับว่านเชียนซานนั้น แค้นนี้ต้องชำระ!“เอาล่ะ ช่างมันเถิด”“จงไปชักชวนคนมาเข้าร่วมกับพรรคทมิฬให้เยอะกว่านี้!”“เวลาที่พวกเราจะยิ่งใหญ่ใกล้เข้ามาแล้ว…”ทุกคนรับคำ จากนั้นต่างก็จากไปทีละคน…เมืองปิงหวังหยวนและพรรคพวกตื่นขึ้นมาตอนบ่าย เมื่อลงมาก็เห็นไป๋ชิงชางและพรรคพวกกำลังรออยู่ขณะนี้ไป๋ชิงชางกำลังดื่มชาอย่างสบายอารมณ์ที่ชั้นล่างของโรงเตี๊ยม นอกจากไป๋ชิงชางและเจ้าของร้านแล้ว ก็มีเพียงองครักษ์ของไป๋ชิงชางเท่านั้น“ตื่นแล้วหรือ?”ไป๋ชิงชางเลิกคิ้วมองหวังหยวนพลางถามหวังหยวนยืดตัวอย่างเกียจคร้าน จากนั้นไปนั่งที่โต๊ะของไป๋ชิงชาง แล้วรินน้ำชาให้ตัวเอง“ดูเหมือนว่าท่านจะมาถึงนานแล้ว?”ไป๋ชิงชางยกยิ้ม “แน่นอน”“ได้ยินว่าท่านพบเอ้อหู่แล้ว ข้าจึงมาดูและเพื่อยืนยันเรื่องหนึ่ง นั่นคือคำพูดที่ท่านเคยให้ไว้ ยังคงใช้ได้อยู่หรือไม่?”หวังหยวนนึกถึงคำพูดที่ตนเองเคยให้ไ
ต่งอวี่เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนักหวังหยวนไปเพียงลำพัง เปรียบเสมือนแกะเดินเข้าไปในปากเสือ หากประมาทก็อาจถึงแก่ชีวิต!หากไป๋ชิงชางไม่เกรงใจ ใช้โอกาสนี้ลงมือกับหวังหยวนแล้วจะทำอย่างไร?“อย่ากังวลไปเลย ข้าเชื่อว่าเขาไม่ใช่คนเช่นนั้น”“คงไม่ทำอะไรข้าหรอก”หวังหยวนกล่าวด้วยความมั่นใจถึงแม้ต่งอวี่จะยังไม่เห็นด้วย แต่ในที่สุดก็พยักหน้า เพราะอย่างไรเสีย เขาก็ไม่สามารถทัดทานได้…หนึ่งชั่วยามต่อมา หวังหยวนและพรรคพวกก็เดินผ่านเข้ามาในวังหลวงเบื้องหลังวังหลวงมีโรงงานขนาดใหญ่ เมื่อเข้าไปก็ได้ยินเสียงตีเหล็กดังลั่นเมื่อมองไปรอบ ๆ ก็เห็นทุกคนกำลังตีเหล็กกล้า เห็นได้ชัดว่าทั้งหมดนี้ใช้สำหรับทำปืนใหญ่“ดูเหมือนว่าท่านจะลงทุนไม่น้อยเลยนะ”หวังหยวนกอดอกพูดด้วยรอยยิ้ม ขณะมองไปที่ไป๋ชิงชาง“ย่อมเป็นเช่นนั้น”“ในสงครามครั้งก่อน ข้าได้เห็นพลังของปืนใหญ่แล้ว”“เพียงแค่มีปืนเล็กคงไม่เพียงพอ ต้องมีปืนใหญ่ด้วยจึงจะเสริมสร้างอำนาจของพวกข้าได้”ดูเหมือนว่าจะรู้ตัวว่าพูดผิดไป ไป๋ชิงชางจึงกระแอม จากนั้นจึงเปลี่ยนเรื่อง“ท่านอย่าได้เข้าใจผิด”“ข้าไม่เคยคิดจะใช้สิ่งเหล่านี้ไปรุกรานผู้อื่น ส่วน
“ข้าคิดว่าตอนนี้ใช้ธนูก็ดีอยู่แล้ว”“มีอะไรที่ใช้ได้ผลดีกว่าธนูอีกหรือขอรับ?”ต่งอวี่ถามด้วยความสงสัยบิดาของเขาสอนให้เขายิงธนูตั้งแต่ยังเด็ก ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาก็กลายเป็นหนึ่งเดียวกับธนูและลูกธนู จึงได้ชื่อว่ายอดนักธนู!ดังนั้นในความคิดของเขา ถึงแม้หวังหยวนจะสร้างอาวุธที่ทรงพลังกว่าก็คงไม่มีอะไรดีไปกว่าธนูอีกแล้ว!หวังหยวนตบไหล่ต่งอวี่ พลางกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เมื่อข้าทำเสร็จแล้ว เจ้าก็จะรู้ถึงพลังและวิธีใช้ของมันเองใช่หรือไม่?”“ถึงเวลานั้น เจ้าจะต้องขอให้ข้ามอบมันให้กับเจ้าแน่นอน!”หวังหยวนยิ้มอย่างมีเลศนัย คำพูดของเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจต่งอวี่ส่ายหน้า ไม่ได้โต้เถียงกับหวังหยวน แต่ในใจเขายังคงเชื่อว่าธนูคืออาวุธที่ใช้ได้สะดวกที่สุดของเขา!…ในช่วงครึ่งเดือนต่อมา หวังหยวนเก็บตัวอยู่ในห้อง ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ว่านซิ่วเอ๋อร์มักจะเข้าไปส่งอาหารให้หวังหยวน แต่เมื่อเห็นวัสดุและแบบร่างในห้อง นางก็ไม่รู้ว่าสิ่งเหล่านี้มีประโยชน์อย่างไร แต่ก็ไม่ได้ถามไม่ว่าหวังหยวนจะทำอะไรก็คงมีแผนของตัวเองอยู่แล้วและในช่วงครึ่งเดือนนี้ก็มีข่าวดีเช่นกัน เอ้อหู่ฟื้นขึ้นมาแล้ว
ทันใดนั้นเอง เอ้อหู่ที่อยู่ห้องข้าง ๆ ก็เดินออกมา ถึงแม้ใบหน้าจะซีดเซียว แต่ก็ยังเคลื่อนไหวได้คล่องแคล่วหวังหยวนเดินไปหาเขาแล้วชกเข้าที่อกของเอ้อหู่ “ยังแข็งแรงเหมือนเดิม! ดูเหมือนเจ้าจะฟื้นตัวได้ดีทีเดียว!”เอ้อหู่ยกยิ้มมุมปาก “นั่นก็เพราะพี่หยวนช่วยเหลือไม่ใช่หรือขอรับ?”“ข้าได้ยินมาหมดแล้ว หากไม่ใช่เพราะพี่หยวนมาที่เมืองปิง ข้าคงตายไปแล้ว…”เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของทุกคนก็ไม่ค่อยดีนักถึงแม้ตอนนี้เอ้อหู่จะฟื้นแล้วและทำให้หวังหยวนหมดกังวล เหมือนกับก้อนหินที่หนักอึ้งในใจถูกยกออกไปแต่ก็ยังมีเรื่องที่ไม่กระจ่าง นั่นคือไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำร้ายเอ้อหู่!ความแค้นนี้ต้องชำระให้สิ้น!เรื่องนี้ไม่อาจปล่อยผ่านไปได้!“เอ้อหู่ เจ้าอยู่ดูแลซิ่วเอ๋อร์ ข้ากับต่งอวี่จะออกไปข้างนอกสักหน่อย”เนื่องจากเอ้อหู่ยังไม่หายดี ตอนนี้ควรพักผ่อน หวังหยวนจึงไม่พาเขาออกไปข้างนอกด้วยถึงแม้เขาและไป๋ชิงชางจะกลับมาเป็นสหายกันอีกครั้ง และเขาก็ได้สอนวิธีทำปืนใหญ่ให้ไป๋ชิงชางแล้ว แต่ใครจะรู้ว่าไป๋ชิงชางคิดอะไรอยู่?ถึงแม้จะมีคนของไป๋ชิงชางคอยคุ้มกันพวกเขาอยู่เบื้องหลัง แต่ก็ควรระมัดระวังไว้บ้างเพื่อ
หวังหยวนมีสีหน้าตึงเครียด เขายังไม่ไปจากเมืองปิง เพราะยังไม่ได้แก้แค้นให้เอ้อหู่นี่ไม่ใช่แค่เรื่องของเอ้อหู่ แต่เป็นเรื่องของพวกเขาทุกคนอีกฝ่ายมาด้วยความไม่เป็นมิตร ไม่ได้มุ่งเป้าไปที่เอ้อหู่คนเดียวเป็นแน่ แต่มีแนวโน้มมากที่จะมุ่งโจมตี พวกเขาจึงต้องระมัดระวังมากหากไม่จับคนเหล่านั้นที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืด ผลที่ตามมาจะเป็นหายนะ!ต่งอวี่ไม่ได้แสดงความคิดเห็นใด ๆเขาเดินทางมาที่นี่เพื่อปกป้องความปลอดภัยของหวังหยวน ส่วนเรื่องอื่นไม่เกี่ยวข้องกับเขาแน่นอนว่าถึงแม้เขาจะอยากช่วย แต่ก็ไม่มีความสามารถพอ…จ้าวชิงหย่วนหน้าเครียด ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วขมวดคิ้วกล่าวว่า “ท่านขอรับ สองวันนี้ข้าคิดอยู่ตลอด เรื่องทั้งหมดนี้อาจจะเกี่ยวข้องกับไป๋ชิงชางหรือไม่ขอรับ?”“เมืองปิงเป็นเมืองหลวงของไป๋ชิงชาง อยู่ใต้จมูกของเขา เป็นไปไม่ได้ที่จะมีองค์กรลึกลับซ่อนอยู่!”“เพราะเช่นนั้นก็จะคุกคามความปลอดภัยของไป๋ชิงชาง!”“ยิ่งไปกว่านั้น สองวันนี้ข้าได้พบกับเอ้อหู่แล้วถามรายละเอียด เขาบอกว่าอีกฝ่ายมีคนมากมายและฝีมือดี ไม่ใช่พวกโจร แต่เหมือนเป็นกองทัพที่มีระเบียบวินัย!”“ข้าจึงสงสัยว่า…”เมื่อเห็นว่าหวั
ขณะที่กำลังเอ่ยวาจานั้น บรรดาผู้ติดตามก็กรูกันเข้ามา แต่เพียงชั่วพริบตาก็เห็นเอ้อหู่ปรากฏตัวอยู่ที่ประตู ขวางทางพวกเขาไว้เหล่ามือปืนจากเมืองหลิงต่างก็มารวมตัวกันที่นี่แล้ว และกำลังเผชิญหน้ากับพวกคนชุดดำ“บัดซบ!”“การกระทำของเรานั้นเงียบเชียบ ไม่ได้ส่งเสียงดังเลย แต่กลับถูกพวกเขาจับได้!”หัวหน้าคนชุดดำกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา แต่ดวงตากลับไม่ได้แสดงความหวาดกลัวแม้แต่น้อยทันใดนั้นพวกคนชุดดำก็ชักดาบออกมาสองเล่มแล้วเริ่มโจมตี!“ยกเว้นหัวหน้า ฆ่าคนอื่นให้หมด!”“บังอาจมาขโมยของที่นี่เลยหรือ?”“รนหาที่ตาย!”เอ้อหู่เพิ่งได้รับบาดเจ็บสาหัส และเพิ่งฟื้นตัวได้ไม่นานจึงเต็มไปด้วยความโกรธแค้น!เมื่อมีคนมาส่งตัวเองถึงหน้าประตูบ้าน เขาก็ต้องลงโทษให้สาสมเพื่อระบายความแค้นในใจ!ไม่ว่าพวกนี้จะเกี่ยวข้องกับพวกที่ทำร้ายเขาหรือไม่ อย่างน้อยก็รู้แน่ชัดว่าพวกนี้ไม่ใช่คนดี!ภายในห้องมีเสียงการต่อสู้ดังขึ้น!ในชั่วพริบตาก็เห็นเงาร่างหลายคนล้มลงไปกับพื้น!ผู้ที่ติดตามหวังหยวนมาเมืองปิงนั้นล้วนเป็นยอดฝีมือ นอกจากต่งอวี่แล้ว คนอื่น ๆ ก็ล้วนเป็นยอดฝีมือเช่นกัน!เพราะเหล่านี้ล้วนเป็นยอดทหารที่ต้าหู่ค
“พวกโจรส่วนใหญ่ถูกเราฆ่าแล้วขอรับ!”“เหลือหัวหน้าเพียงคนเดียว กำลังวิ่งไปทางนอกเมือง!”คนหนึ่งรีบตอบ“ได้ ข้าเข้าใจแล้ว!”“คนผู้นั้นสวมชุดดำปิดบังใบหน้าใช่หรือไม่?”หวังหยวนถามอีกคนนั้นรีบตอบว่า “ถูกต้องขอรับ!”“พวกเจ้ารีบกลับไปดูแลเอ้อหู่และซิ่วเอ๋อร์ ข้าเอาของมาแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ต้องดูแลความปลอดภัยของทั้งสองคน!”เมื่อหวังหยวนสั่งการเสร็จ ทุกคนก็หันหลังกลับไปที่โรงเตี๊ยมส่วนหวังหยวนและต่งอวี่วิ่งไปนอกเมืองเนื่องจากทั้งสองคนวิ่งเร็วมาก และหัวหน้าคนนั้นก็วิ่งหนีมาพักใหญ่จึงเหนื่อยล้า ระยะห่างระหว่างเขากับหวังหยวนจึงค่อย ๆ ลดลง!เมื่อออกจากเมืองมาแล้ว ชายคนนั้นก็มองไปที่ป่า แล้ววิ่งเข้าไปในป่า!“คิดจะหนีรึ?”“แต่เจ้าไม่มีโอกาสนั้นหรอก!”หวังหยวนเย้ยหยัน เขาไล่ตามไปแต่ไม่ฆ่า ยังคงรักษาระยะห่าง นั่นก็เพื่อจะล่อให้เขาไปยังที่ ๆ ไม่มีคน เพื่อใช้สิ่งที่เขาเพิ่งสร้างเสร็จ!เพื่อให้ต่งอวี่ได้เปิดหูเปิดตา!หวังหยวนใช้กุญแจเปิดหีบ ทันใดนั้นปืนไรเฟิลซุ่มยิงก็ปรากฏขึ้น!ถึงแม้ต่งอวี่จะไม่รู้ว่านี่คืออะไร แต่ก็รู้สึกได้ถึงความแปลกใหม่จากโครงสร้างที่ประณีต!“พี่หยวน!”“น
หลายปีมานี้นางเชื่อคำพูดของตานสยงเฟยมาโดยตลอด คิดว่าตัวเองเป็นเด็กกำพร้า แม้กระทั่งเกลียดชังบิดามารดาของตนเองด้วยซ้ำ!เหตุใดพวกเขาจึงทอดทิ้งนาง?ทำให้นางต้องระหกระเหินมานานหลายปี!แต่ทั้งหมดนี้กลับเป็นคำโกหกของตานสยงเฟย บิดามารดาของนางไม่ได้ทอดทิ้งนาง แต่ถูกตานสยงเฟยฆ่าตายต่างหาก!บัดนี้เมื่อความจริงปรากฏ นางจึงอยากไปเคารพหลุมศพของพวกเขา!เป็นการแสดงความกตัญญูและทำให้หมดห่วง“เป็นเช่นนี้เอง”หวังหยวนพยักหน้า“ได้!”“ในเมื่อเจ้าต้องการเช่นนั้น ข้าจะพาเจ้าไปที่คุกเอง”“เพื่อป้องกันไม่ให้ตานสยงเฟยใช้อุบายอันใด”หลิ่วหรูเยียนมีท่าทีแปลกไป อาจจะถูกตานสยงเฟยชักจูงได้หลิ่วหรูเยียนไม่ได้ปฏิเสธ นางพยักหน้า หวังหยวนจึงพานางไปที่คุกที่จวน ทุกคนยังคงดื่มกินกันอย่างสนุกสนาน!ภายในคุกเนื่องจากตานสยงเฟยและพรรคพวกล้วนเป็นคนชั่ว หวังหยวนจึงสั่งให้ขังพวกเขาไว้ที่ชั้นใต้ดินของคุกที่นี่มักจะใช้ขังนักโทษอุกฉกรรจ์ยิ่งไปกว่านั้น การจะหนีออกไปจากที่นี่ก็ช่างยากเย็นพอ ๆ กับการปีนสู่สวรรค์!“หวังหยวน!”“ข้าสำนึกผิดแล้ว ขอท่านปล่อยข้าไปเถิด!”“ต่อไปนี้ข้ายินดีอยู่เคียงข้างรับใช้ท่าน!”“
“เจ้าไม่มีอารมณ์จะทะเลาะกับข้า แสดงว่าเจ้าคงอารมณ์ไม่ดีจริง ๆ”“ถ้าอย่างนั้นทำไมไม่เล่าให้ข้าฟังสักหน่อยล่ะ อย่างน้อยก็ให้ข้าสนุกขึ้นมาบ้าง”หวังหยวนนั่งลงข้างหลิ่วหรูเยียน เขานั่งไขว่ห้างมือวางบนราวบันไดขณะมองหลิ่วหรูเยียนด้วยรอยยิ้ม“เหตุใดท่านถึงน่ารำคาญนัก?”“ดูไม่ออกหรือว่าข้าไม่อยากคุยกับท่าน?”“รีบกลับไปดื่มกับพวกเขาซะเถอะ จะมานั่งขวางหูขวางตาข้าทำไม?”หลิ่วหรูเยียนกลอกตามองหวังหยวนแท้จริงแล้ว นางเพียงแค่รู้สึกว่างเปล่าหลังจากได้ล้างแค้นสำเร็จ ราวกับชีวิตไม่มีจุดหมายอีกต่อไป นางไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อไป จึงทำให้ดูเหม่อลอยและเศร้าสร้อยแต่ไม่รู้ว่าทำไม ตั้งแต่วังหยวนมาที่นี่ นางกลับรู้สึกเหมือนมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง“ว่ามาสิ เป็นอะไรไป?”หวังหยวนเปลี่ยนเรื่อง“ข้าอยากไปพบตานสยงเฟย”“ครั้งก่อนท่านสัญญากับข้าว่า เมื่อจับตานสยงเฟยได้จะให้ข้าจัดการเขา ยังจำได้หรือไม่?”หลิ่วหรูเยียนถาม“อืม...”หวังหยวนครุ่นคิด ใช้นิ้วเคาะขมับพิจารณาถึงข้อดีข้อเสียเรื่องของพรรคทมิฬเป็นเรื่องใหญ่ ไม่อาจตัดสินใจเพียงเพราะคำพูดของคนคนเดียวได้ ยิ่งกว่านั้น เพื่อจับตานสยงเฟย ยังต้องสูญ
“หวังหยวน! เจ้าช่างน่ารังเกียจ! กล้าเล่นงานแบบไม่ทันตั้งตัวหรือ?”ตานสยงเฟยกล่าวอย่างเดือดดาลส่วนโอวหยางอวี่และลั่วเฉินเห็นท่าไม่ดี จึงไม่รีรอ รีบพาผู้ใต้บัญชาหนีลงจากเขา!แต่น่าเสียดาย ที่เชิงเขามีการวางกองกำลังดักไว้แล้ว!ตานสยงเฟยและคนอื่น ๆ ต่างถูกจับเป็น!การต่อสู้ครั้งนี้ หวังหยวนได้รับชัยชนะอย่างสมบูรณ์แบบ!แต่เนื่องจากหน้าผาแห่งนี้ตั้งอยู่ในที่ห่างไกล โดยรอบไม่มีบ้านเรือนหรือเมืองจึงไม่มีใครรู้เรื่องนี้ซึ่งเป็นสิ่งที่หวังหยวนต้องการเพราะที่นี่คืออาณาจักรต้าเป่ย หากหานเทารู้ว่าเขายกทัพมาในดินแดนของอาณาจักรต้าเป่ย ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไร พวกเขาก็อาจจะหาเรื่องจู่โจมได้!เมื่อถึงเวลานั้น เรื่องราวคงจะวุ่นวายและเกิดความขัดแย้ง!หลังจากที่จับตานสยงเฟยและพรรคพวกได้แล้ว หวังหยวนจึงรีบกลับเมืองอู่เจียงทันที!ใช้เวลาเพียงวันครึ่งก็กลับมาถึง!ระหว่างทาง แม้ว่าจะมีคนเห็น แต่มีเกาเล่อคอยนำทาง จึงไม่ทำให้คนของอาณาจักรต้าเป่ยรู้ตัว!...ณ ที่ว่าการเมืองอู่เจียงตอนนี้ทุกคนกำลังดื่มฉลองกันอย่างสนุกสนาน!คนที่นั่งอยู่บนบัลลังก์คือหวังหยวน!ส่วนเอ้อหู่และคนอื่น ๆ ต่างก็อยู่ที่
หลิ่วหรูเยียนไม่เอ่ยคำใด นางจ้องมองตานสยงเฟยด้วยความโกรธแค้นนางต้องการล้างแค้น!“ชีวิตของเขาเป็นของเจ้า ข้าจะช่วยจับเป็นให้!”“ส่วนต่อไป เจ้าจะจัดการเขาอย่างไรก็สุดแล้วแต่เจ้า!”หวังหยวนกล่าวจบก็หยิบปืนคาบศิลาออกมาจากอก แล้วเล็งไปที่ตานสยงเฟย“ในเมื่อเจ้ารู้จักข้าดี”“เจ้าควรรู้ว่าอาวุธลับของข้าไม่มีผู้ใดเทียบได้ ใช่หรือไม่?”“ข้าแนะนำให้เจ้ายอมจำนนเสีย จะได้ไม่เจ็บตัว!”หวังหยวนเตือนมุมปากของตานสยงเฟยกระตุก เขาสืบเรื่องของหวังหยวนมานาน จึงรู้จักหวังหยวนดี และจำได้ว่าอาวุธในมือของหวังหยวนคืออะไร!ไม่ต้องพูดถึงเขา แม้แต่ขุนพลที่เก่งกาจก็ยังไม่อาจหลบอาวุธนี้ได้!ทันใดนั้น ตานสยงเฟยก็คว้าตัวสาวกพรรคทมิฬคนหนึ่งมาใช้เป็นโล่มนุษย์!“ปัง!”เสียงปืนดังขึ้น สาวกพรรคทมิฬคนนั้นล้มลงกับพื้นต้องยอมรับว่าตานสยงเฟยช่างโหดเหี้ยม!เพื่อเอาชีวิตรอด กลับยอมเสียสละชีวิตคนอื่น ช่างน่ารังเกียจ!หวังหยวนยกปืนขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะเล็งไปที่ตานสยงเฟย ไม่ให้เขามีโอกาสหนี!“หวังหยวน!”“วันนี้ไว้ชีวิตข้าเถิด ต่อไปข้าจะตอบแทนเจ้าแน่นอน!”“เจ้าคิดเห็นเช่นไร?”“การบีบให้ข้าจนตรอกไม่ได้เป็นผลดีต่อ
ลั่วเฉินพยักหน้า ไม่เอ่ยคำใดอีก เพียงแค่รีบพาผู้ใต้บัญชาออกไป!เสียงโห่ร้องแห่งการฆ่าฟันดังขึ้น สาวกพรรคทมิฬล้มตายเป็นใบไม้ร่วง!ตานสยงเฟยเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดเขารู้สึกเจ็บปวดหัวใจ!สมาชิกพรรคทมิฬล้วนเป็นคนที่เขาฝึกฝนเอง เขาทุ่มเทมากมายเพื่อสร้างกองกำลังที่แข็งแกร่ง!เดิมทีเขาต้องการครองแผ่นดิน แต่ไม่นึกเลยว่าเรื่องราวจะกลายเป็นเช่นนี้!สูญเสียกำลังพลไปเยอะมาก!ปัญหาเกิดขึ้นมากมาย!“ตานสยงเฟย! อย่าหนีนะ!”“เจ้าคนสารเลว! หลอกลวงข้ามาหลายปี!”“ไม่เพียงแต่ฆ่าพ่อแม่ข้าเท่านั้น ยังฝึกฝนข้าให้เป็นเครื่องมือทำเรื่องเลวร้ายมากมาย!”“วันนี้พวกเราต้องตายกันไปข้างหนึ่ง!”ขณะที่ตานสยงเฟยกำลังจะลงจากเขา หลิ่วหรูเยียนก็วิ่งเข้ามา ในมือถือกริชเปื้อนเลือด สายตาเย็นชาราวกับคมดาบจ้องมองตานสยงเฟย!“มาคนเดียวหรือ?”เมื่อเห็นว่าหลิ่วหรูเยียนมาคนเดียว ตานสยงเฟยก็หัวเราะในลำคอ เขาหันมาคว้าทวนยาวจากมือผู้ใต้บัญชาที่อยู่ด้านข้าง!เหตุผลที่ตานสยงเฟยสร้างฐานะขึ้นมาได้ ไม่ใช่เพียงเพราะเขามีความคิดที่แตกต่าง แต่ยังเป็นเพราะฝีมือของเขาด้วย!ในยุคสงคราม ผู้แข็งแกร่งย่อมเป็นผู้ชนะ!ยิ่งกว่านั้น ฝีมือ
“ทุกคนขึ้นเขาเดี๋ยวนี้!”“ห้ามปล่อยให้ใครหนีรอดไปได้!”หวังหยวนออกคำสั่ง ขุนพลนายกองเริ่มเคลื่อนไหวคนที่อาศัยอยู่บนหน้าผาแห่งนี้ล้วนเป็นระดับสูงของพรรคทมิฬและมีตำแหน่งสำคัญ การกำจัดพวกเขาให้หมดสิ้น จึงจะทำให้พรรคทมิฬหายไปอย่างสมบูรณ์!ตัดวัชพืชไม่ถอนราก เมื่อลมฤดูใบไม้ผลิพัดมาก็งอกขึ้นมาใหม่!เมื่อทุกคนเข้าไปบนหน้าผาแล้ว หวังหยวนก็ออกคำสั่ง ต่งอวี่และเอ้อหู่ต่างเป็นผู้นำพาผู้ใต้บัญชาบุกขึ้นไปบนยอดเขา!ส่วนหวังหยวนและคนอื่น ๆ ก็ตามไปติด ๆ!“เจ้าจะทำอะไร?”หวังหยวนหันไปคว้าแขนหลิ่วหรูเยียน แล้วถามขึ้นหลิ่วหรูเยียนมีสีหน้าเย็นชา กำหมัดแน่น สีหน้าโกรธเกรี้ยวนางขมวดคิ้วกล่าวว่า “ข้าจะขึ้นไปล้างแค้นด้วยตัวเอง!”“ไม่เพียงแต่ข้าเกือบตายเท่านั้น แม้แต่บิดามารดาข้าก็ถูกคนของพรรคทมิฬฆ่าตาย จะปล่อยพวกมันไปได้อย่างไร?”“วันนี้ไม่มีใครหยุดข้าได้ ข้าจะฆ่าตานสยงเฟย ล้างแค้นให้พ่อแม่!”พูดจบ หลิ่วหรูเยียนก็สะบัดแขนหวังหยวนออก ก่อนจะชักกริชออกมาแล้ววิ่งขึ้นไปบนยอดเขา!แม้ว่านางจะเป็นคนบอกที่ตั้งฐานทัพนี้ให้หวังหยวน แต่ไม่มีใครรู้จักที่นี่ดีไปกว่านาง!ไม่นานพวกหวังหยวนก็ขึ้นไปถึงยอดเขา
หวังหยวนกลอกตามองเอ้อหู่ แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า “ชีวิตของทหารที่อยู่ข้างหลังเจ้าล้วนอยู่ในมือเจ้า!”“การที่เจ้าพาพวกเขามาเสี่ยงอันตราย หากไม่มีอะไรผิดพลาดก็ดีไป แต่หากเกิดความผิดพลาด เจ้าจะเผชิญหน้ากับครอบครัวของพวกเขาได้อย่างไร?”“อย่าลืมว่าการเป็นขุนพลไม่ใช่แค่เพื่อรบชนะ!”“แต่ต้องชนะอย่างสวยงาม ลดการสูญเสียให้มากที่สุด!”ทุกคนต่างตกตะลึงเดิมทีพวกเขาคิดว่าการติดตามหวังหยวนก็เพื่อหาเลี้ยงชีพ ในยุคสงคราม การมีข้าวกินก็ดีมากแล้วชีวิตพวกเขาจะสำคัญอะไร?ในสายตาของชนชั้นสูง ชีวิตพวกเขาไม่ต่างจากเศษหญ้า!เป็นเพียงเครื่องมือในการแย่งชิงอำนาจ!แต่หวังหยวนกลับมีเมตตา เห็นใจพวกเขา ทำให้พวกเขาซาบซึ้งจริง ๆ!ในตอนนี้ทุกคนต่างก็ตัดสินใจแล้ว แม้ว่าจะต้องสูญเสียมากมาย พวกเขาก็ยินดีสละชีพเพื่อช่วยหวังหยวนพิชิตหน้าผาแห่งนี้ และฆ่าคนของพรรคทมิฬให้หมดสิ้น!“รีบก่อไฟทำอาหาร!”“เมื่อทุกคนอิ่มท้องแล้วก็คงถึงเวลาพอดี!”“จำไว้! ห้ามส่งเสียงดัง ประเดี๋ยวพวกมันจะรู้ตัว!”“หากพวกมันรู้ตัวจะเป็นอันตรายต่อพวกเรา!”หวังหยวนกำชับทุกคนพยักหน้ารับ จากนั้นก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเองเ
ในช่วงเวลาไม่กี่วันต่อมา ด้วยการนำทางของหลิ่วหรูเยียน หวังหยวนและคนอื่น ๆ จึงไม่หลงทาง เดินทางมาถึงเชิงผาได้อย่างรวดเร็ว!บัดนี้สมาชิกองค์กรเครือข่ายผีเสื้อก็ได้แทรกซึมเข้าไปในพื้นที่โดยรอบแล้วหวังหยวนและคนอื่น ๆ ตั้งค่ายอยู่ในป่าแห่งหนึ่งเมื่อมองไปรอบ ๆ จะเห็นเงาคนมากมาย พวกเขาล้วนเป็นสมาชิกองค์กรเครือข่ายผีเสื้อ“สืบทุกอย่างเรียบร้อยแล้วหรือ?”หวังหยวนสวมชุดเกราะเตรียมพร้อมรับมือกรณีฉุกเฉินและป้องกันการโจมตีแบบไม่ทันตั้งตัว!เกาเล่อรีบเข้ามารายงานด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “สืบเรียบร้อยแล้วขอรับ คนร้ายอยู่บนเขาลูกนี้!”“แต่ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังขนย้ายสิ่งของ ตั้งแต่ที่พวกเรามาถึงก็เห็นรถม้าลงมาจากเขาไม่ต่ำกว่าร้อยคันแล้ว!”“แต่พวกเราไม่ได้ลงมือเพื่อไม่ให้พวกมันตื่นตัว!”“ข้าได้ส่งคนไปตามเส้นทางที่พวกมันใช้ หลังจากที่พวกเราจัดการเรื่องบนหน้าผาแล้ว จากนั้นจึงไปกวาดล้างพวกมัน!”“แล้วทรัพย์สมบัติของพวกมันก็จะตกเป็นของพวกเรา!”หวังหยวนพยักหน้าอย่างพึงพอใจเรื่องนี้จัดการได้ดีมาก!เหตุผลที่พรรคทมิฬเติบโตอย่างรวดเร็วก็เพราะความร่ำรวย!หากตัดเส้นทางการเงินของพวกมัน แม้ว่าตานเฟยจ
ตานเฟยยิ้มอย่างพึงพอใจช่วงนี้หลังจากถูกหวังหยวนจับตามอง เขารู้สึกเหมือนมีคนคอยจ้องมองทุกการกระทำของเขาอยู่ตลอดเวลา!แม้แต่การหาสาวกใหม่ก็ยังยากลำบาก!หวังหยวนคอยขัดขวางเขา เขาจึงต้องสั่งสอนหวังหยวนบ้าง!แต่น่าเสียดาย...ยังหาโอกาสไม่ได้!ยิ่งไปกว่านั้น ตานเฟยไม่ใช่คนโง่ เขารู้ดีว่าตนเองต่างกับหวังหยวน แล้วจะสู้หวังหยวนได้อย่างไร?อย่างน้อยตอนนี้ก็ยังไม่ได้!ดังนั้นแม้ว่าในใจจะเคียดแค้นอาฆาต แต่ย่อมต้องหลีกเลี่ยง“ที่เจ้าทำงานสำเร็จก็แค่ช่วยถ่วงเวลาเท่านั้น”“ตราบใดที่หลิ่วหรูเยียนยังมีชีวิตอยู่ นางก็เหมือนระเบิดเวลาที่พร้อมจะระเบิดทุกเมื่อ!”“ดังนั้นก่อนที่พวกเราจะฆ่านางได้ พวกเราต้องระวังตัวและดำเนินแผนการต่อไป!”“พยายามขนย้ายสิ่งของออกไป หากถึงเวลาจำเป็น พวกเราก็ต้องทิ้งฐานที่มั่นแห่งนี้”ทุกคนต่างรู้สึกเสียดายหน้าผาแห่งนี้เป็นสถานที่ที่ดี ไม่เพียงแต่มีชัยภูมิที่ได้เปรียบเท่านั้น แต่ยังปลอดภัยมากอีกด้วย!จึงทำให้พวกเขาเติบโตได้อย่างรวดเร็ว!แม้ว่าสมาชิกองค์กรเครือข่ายผีเสื้อจะกระจายอยู่ทั่วดินแดนทั้งเก้า แต่ก็ไม่ได้ตรวจสอบพื้นที่ใกล้เคียงหน้าผาแห่งนี้!แต่น่าเสียดา