“ข้าไปเองขอรับ!”เอ้อหู่กล่าวพลางตบหน้าอก“ตลอดช่วงเวลานี้ ข้าอยู่แต่ในบ้าน ข้าเบื่อจนกระดูกจะขึ้นสนิมแล้ว!”“โอกาสดีเช่นนี้ พวกเจ้าอย่ามาแย่งข้าเลย!”ต้าหู่และคนอื่น ๆ ที่ยืนอยู่ด้านข้างต่างหัวเราะ“วางใจเถิด ไม่มีใครแย่งเจ้าหรอก!”ต่งอวี่กล่าวด้วยรอยยิ้มหวังหยวนพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ข้ารู้จักนิสัยของเจ้า เจ้ามักจะหุนหันพลันแล่นเสมอ แต่ครั้งนี้ห้ามเป็นเช่นนั้นเด็ดขาด!”“เจ้าอย่าลืมว่าถึงแม้ว่าครั้งนี้จะไปยังดินแดนของอาณาจักรต้าเป่ย แต่บัดนี้เราทั้งสองฝ่ายอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข หากก่อเรื่องในเวลานี้ คงยากที่จะแก้ไข…”“ข้าคิดว่าเจ้าคงเข้าใจเรื่องนี้ดีใช่หรือไม่?”“อย่าก่อเรื่องให้ข้าเดือดร้อน”หวังหยวนไม่ได้กลัวอาณาจักรต้าเป่ย แต่ต้องการให้ประชาชนในดินแดนทั้งเก้าได้พักผ่อนสงครามที่ยืดเยื้อในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาทำให้ประชาชนยากจนข้นแค้นมากพออยู่แล้วเพราะเหตุนี้เอง จึงทำให้ผู้คนจำนวนมากอดอยากจนถึงแก่ความตาย…หวังหยวนไม่อยากเห็นเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีกบัดนี้การพักฟื้นเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ไม่มีใครสามารถทำลายความสมดุลนี้ได้!เอ้อหู่กล่าวอย่างเร่งรีบ “พี่หยวนวางใจได้
ถึงขั้นนี้แล้วแต่เขายังคงไม่ยอมจำนนต่อหวังหยวน“ฮึ”หวังหยวนไม่ได้โกรธเกรี้ยว แต่กลับยกยิ้มเย้ยหยัน แล้วพูดอย่างสงบว่า “เอาล่ะ เจ้าอย่ามาทำท่าอวดดีต่อหน้าข้า และไม่จำเป็นต้องเอ่ยถ้อยคำที่ฟังดูสูงส่งเหล่านี้”“ในเมื่อเจ้ารู้อยู่แล้วว่าที่นี่ข้าเป็นใหญ่ ก็จงตามข้าไปเถิดเพื่อไม่ให้เจ็บตัว!”“ข้าเพียงต้องการข้อมูลจากปากของเจ้าเท่านั้น หากเจ้าสารภาพความจริง ข้าก็จะไม่ทำร้ายเจ้า”หวังหยวนพูดจบก็โบกมือไปยังเหล่าผู้คนเบื้องหลัง ต้าหู่จึงก้าวออกมา ส่วนบุคคลลึกลับผู้นั้นไม่ได้ขัดขืน จำต้องตามหวังหยวนเข้าเมืองไปก่อน!เพราะหากขัดขืนในเวลานี้ ผลลัพธ์สุดท้ายก็คงไม่เปลี่ยนแปลง…เพียงแต่จะได้รับความเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้นซึ่งไม่คุ้มค่าเลยครึ่งชั่วยามต่อมา หวังหยวนและคณะได้กลับมาถึงหมู่บ้านต้าหวังแล้วณ ห้องในเรือนหลังหนึ่ง หวังหยวนนั่งอยู่กลางห้อง ส่วนบุคคลลึกลับที่เพิ่งถูกนำตัวมานั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามต้าหู่ เกาเล่อ และคนอื่น ๆ ต่างนั่งยืนอยู่ข้างกายเขาบรรยากาศภายในห้องราวกับมีดินปืนอยู่เต็มไปหมดแม้บุคคลลึกลับผู้นั้นจะคิดหาวิธีหลบหนี แต่ก็ไม่กล้ากระทำการอันใด จึงได้แต่รอคอยหวังหยวนแต่ห
“เช่นนั้นเลยหรือ!”บุคคลลึกลับผู้นั้นระเบิดเสียงหัวเราะ แล้วกล่าวว่า “ท่านยังคิดจะกำจัดผู้ที่อยู่เบื้องหลังข้าอีกหรือ?”“แต่ข้าขอเตือนท่านไว้ก่อน ว่าท่านคงไม่มีความสามารถเช่นนั้นหรอก!”“พูดให้ถูกต้องคือไม่เพียงแต่ท่านทำไม่ได้เท่านั้น ทั่วทั้งแผ่นดิน แม้แต่สามกองกำลังที่เหลือก็ทำไม่ได้เช่นกัน!”“เจ้านายของข้าเก่งกาจเพียงใด!”“ว่านเชียนซานคงได้บอกท่านแล้วว่าราชวงศ์ที่เจ้านายของข้าปกครองมีอายุนานหลายร้อยปี!”“เปลี่ยนผู้นำมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน!”“แต่ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดก็ล้วนเป็นผู้มีความสามารถในการปกครองบ้านเมือง!”บุคคลลึกลับผู้นั้นหัวเราะลั่น แล้วหยิบมีดออกมาจากแขนเสื้ออย่างรวดเร็ว!ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าเขาจะลงมืออย่างฉับพลันเช่นนี้!แต่เขาไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายผู้ใด กลับใช้มีดแทงตัวเองที่หน้าอก!นี่คือการฆ่าตัวตาย!“หากข้าไม่อนุญาตให้เจ้าตาย เจ้าก็ไม่มีสิทธิ์ตาย!”สีหน้าของหวังหยวนเปลี่ยนไป รีบหยิบปืนคาบศิลาออกมาอย่างว่องไว ครั้นเสียงปืนดังขึ้น กระสุนก็พุ่งตรงไปยังใบมีดอย่างแม่นยำ!บุคคลลึกลับผู้นั้นรู้สึกเจ็บปวดที่มือ มีดจึงตกลงสู่พื้นต้าหู่และเกาเล่อรีบเข้าไปจัดการ คนหนึ่งจ
เหล่าสาวกแห่งพรรคทมิฬล้วนเป็นผู้ยากไร้ แม้แต่การอิ่มหนำสำราญยังยากเย็น แต่ฝ่ายตรงข้ามกลับใช้จุดอ่อนนี้แจกจ่ายเงินทองและเสบียงอย่างเหลือล้น เพื่อดึงดูดใจให้ผู้คนเข้าร่วม!นั่นหมายความว่าฝ่ายตรงข้ามไม่ได้ขาดแคลนเงินทองเลยแม้แต่น้อย!และผู้ที่อยู่เบื้องหลังหลินจิ่วฉวนมีประวัติศาสตร์อันยาวนานนับหลายร้อยปี ในระหว่างนั้นย่อมได้สร้างคนอย่างว่านเชียนซานขึ้นมาอีกมากมายดังนั้นเงินทองของพวกเขาน่าจะมากมายเหลือคณานับด้วยเหตุนี้หวังหยวนจึงต้องการทดสอบดูและเขาก็เดาถูกเสียด้วย“เจ้ากำลังหลอกลวงข้าอยู่…”หลินจิ่วฉวนฉุกคิดได้ เขามองหวังหยวนด้วยสายตาอาฆาต แล้วตะโกนด้วยความโกรธแค้นเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าหวังหยวนจะต่ำช้าถึงเพียงนี้!แม้จะไม่รู้เรื่องใด แต่กลับทำเป็นลึกลับและใช้คารมมาหลอกลวงเขา!“ข้าได้รู้สิ่งที่ข้าต้องการรู้แล้ว”“ต่อไปนี้เป็นหน้าที่ของเจ้า”สายตาของหวังหยวนตกลงบนต้าหู่ แล้วตบไหล่เขาพลางกล่าวว่า “ข้าต้องการเพียงข้อมูลเกี่ยวกับที่อยู่ของพวกเขาจากปากของเขาเท่านั้น”“เขาคงแตกต่างจากสาวกธรรมดา ถึงแม้จะไม่ใช่ระดับสูง แต่ก็คงเป็นระดับกลาง”“ย่อมรู้ที่อยู่ของพรรคทมิฬ!”หลิน
“หมู่บ้านต้าหวังช่างเป็นสถานที่ที่ยอดนิยมจริง ๆ…”“ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดต่างก็ปรารถนาจะมาอาศัยอยู่ที่นี่”เมื่อส่งว่านเชียนซานไปแล้ว เกาเล่อก็กลับมาแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม“แน่นอนอยู่แล้ว”“ที่นี่ปลอดภัยเป็นพิเศษ และมีคนของเราอยู่ทุกหนทุกแห่ง นับว่าเป็นศูนย์กลางสำคัญ การได้พำนักอยู่ที่นี่ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องใดอีก”“ถึงแม้ว่าภายนอกจะเกิดสงคราม แต่ที่นี่ก็ยังคงสงบสุขร่มเย็น”หวังหยวนกล่าวพร้อมรอยยิ้ม“แต่คาดว่าอีกไม่นานทั้งเมืองหลิงก็จะกลายเป็นเช่นนี้”หวังหยวนมีความมั่นใจอย่างยิ่ง“หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น”ขณะนั้นเองมีเสียงฝีเท้าดังมาจากนอกห้อง ปรากฏว่าว่านซิ่วเอ๋อร์เดินเข้ามาสายตาของหวังหยวนมองไปที่นางแล้วถามว่า “เกิดอะไรขึ้นหรือ?”ว่านซิ่วเอ๋อร์เป็นสตรีที่ฉลาดหลักแหลม มีเหตุผลและได้รับการอบรมสั่งสอนมาจากครอบครัวอย่างดีตั้งแต่เด็กบัดนี้หวังหยวนกำลังจัดการเรื่องสำคัญอยู่ ดังนั้นหากไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน ว่านซิ่วเอ๋อร์ก็คงไม่มาที่นี่เกาเล่อจึงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เช่นนั้นพวกท่านสนทนากันก่อนเถิดขอรับ” “ข้าขอตัวไปจัดการธุระก่อน”หวังหยวนพยักหน้า เกาเล่อจึงจากไปว่านซิ่วเอ๋อร์เดินม
“ข้าก็ไม่คาดคิดเลยว่าชายคนนี้จะดื้อด้านถึงเพียงนี้!”“เดิมทีข้าเกือบจะล้วงเอาความลับจากปากมันแล้ว แต่มันกลับใช้จังหวะที่ข้าอาหารมาให้ ทุบจานแตกแล้วใช้เศษจานฆ่าตัวตายสำเร็จ!”“ทำให้เราไม่ได้อะไรเลย…”แต่เรื่องนี้ก็ไม่ใช่ความผิดของต้าหู่เพียงผู้เดียว“เอาล่ะ ในเมื่อคนตายไปแล้วก็ปล่อยไปเถิด”“เจ้าไปบอกเกาเล่อ ให้เขาสืบหาเรื่องราวของพรรคทมิฬต่อไป”“บัดนี้เราทำได้เพียงหวังพึ่งพาเขาเพียงผู้เดียว”ดูเหมือนว่ายังต้องพึ่งพาองค์กรเครือข่ายผีเสื้อของเกาเล่อต้าหู่พยักหน้า แล้วจากไปด้วยสีหน้าเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกผิด เมื่อสูญเสียข่าวสารเกี่ยวกับพรรคทมิฬไป หวังหยวนไม่ได้รู้สึกดีนัก ขณะนี้เขากำลังนั่งดื่มสุราอยู่ที่ลานบ้านเงียบ ๆการปรากฏตัวของพรรคทมิฬ ทำให้หวังหยวนตระหนักถึงวิกฤตการณ์เป็นครั้งแรก“สามี ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”“หรือว่าจะมีเรื่องทุกข์ใจหนัก?”ไม่รู้ว่าหวงเจียวเจียวเดินมาอยู่ข้างหลังหวังหยวนตั้งแต่เมื่อใด แล้วนางก็เอ่ยถามหวังหยวนถอนหายใจยาว ดื่มสุราในถ้วยหมดแล้วขมวดคิ้ว “แน่นอนว่ามีเรื่องไม่คาดฝันนิดหน่อย”“เดิมทีได้สืบหาเรื่องราวของพรรคทมิฬแล้ว แต่ผ่านไปเพียงเวลาอันสั้
ค่ำคืนนั้นเมื่อเลยเที่ยงคืนไปแล้ว หวังหยวนเพิ่งหลับลงก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากนอกห้อง ตามมาด้วยเสียงเคาะประตูอย่างรวดเร็ว“พี่หยวน ท่านหลับหรือยังขอรับ?”หวังหยวนสวมเสื้อ แล้วเดินออกมาจากห้อง สายตามองไปยังเกาเล่อที่ยืนอยู่หน้าประตูขณะนี้เกาเล่อมีสีหน้าเคร่งเครียด“เกิดอะไรขึ้น?”บัดนี้เป็นเวลากลางดึก เกาเล่อมาหาเขาในเวลานี้ นั่นหมายความว่าอาจเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น!“เกิดเรื่องอะไรกับตระกูลว่านหรือ?”หวังหยวนถามอย่างไม่รู้ตัว“ไม่ได้เกิดเรื่องใดกับตระกูลว่านขอรับ”“ที่นั่นมีต้าหู่คอยดูแล ไม่ต้องกังวลเลยขอรับ”“แต่เกิดเรื่องกับเอ้อหู่…”เกาเล่อกัดฟัน แล้วรีบอธิบายสถานการณ์อย่างรวบรัดปรากฏว่าเมื่อบ่ายวานนี้ เอ้อหู่ได้หายตัวไปก่อนออกเดินทาง เนื่องจากหวังหยวนกังวลว่านิสัยใจร้อนของเอ้อหู่จะก่อให้เกิดปัญหา จึงให้เกาเล่อคอยดูแลเพราะองค์กรเครือข่ายผีเสื้อของเกาเล่อได้แทรกซึมเข้าไปในดินแดนทั้งเก้าแล้ว ทุกหนทุกแห่งล้วนมีคนของพวกเขา!แม้แต่เมืองปิงก็เช่นกัน!ดังนั้นเมื่อเอ้อหู่เข้าไปในเมืองปิง คนของเกาเล่อก็ได้ไปรับเอ้อหู่ แล้วพวกเขาก็รีบไปหาช่างทำอาวุธเหล่านั้น!แต่เมื่อถึงตอนก
เกาเล่อรีบชี้แจงถึงความสำคัญของเรื่องราวใบหน้าของหวังหยวนเคร่งเครียดยิ่งนัก เขายกมือขึ้นแตะขมับตัวเอง เห็นได้ชัดว่ากำลังครุ่นคิดหาวิธีที่จะรับมือกับสถานการณ์!ต้องยอมรับว่าคำพูดของเกาเล่อมีความสมเหตุสมผลบัดนี้เขามีอิทธิพลอย่างมาก และชีวิตของประชาชนในเมืองหลิงและหมู่บ้านต้าหวังล้วนขึ้นอยู่กับเขา หากเขาประสบปัญหา ย่อมก่อให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ครั้งใหญ่!ผลที่ตามมาไม่อาจคาดเดาได้แต่เขามีความกังวลว่าเกาเล่อจะจัดการเรื่องนี้ไม่ได้!หากไป๋ชิงชางเข้ามาเกี่ยวข้อง เรื่องราวคงจะไม่ง่ายอย่างแน่นอน!“เช่นนี้”“ข้าจะไปเมืองปิงด้วยตัวเอง!”“แต่ก่อนจะไป ข้าจะปลอมตัวเพื่อไม่ให้ถูกอีกฝ่ายจับได้!”“และจะนำยอดฝีมือไปด้วย พร้อมกับให้คนของเจ้าคอยอำนวยความสะดวกตลอดเส้นทาง!”“เช่นนั้นจึงจะสามารถรับประกันความปลอดภัยได้!”หลังจากไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้ว หวังหยวนจำเป็นต้องไปเมืองปิง!เมื่อเกาเล่อเห็นว่าหวังหยวนแน่วแน่จึงพยักหน้ารับหลังจากที่ทั้งสองแยกจากกันแล้ว เกาเล่อจึงไปคัดเลือกผู้คน ส่วนหวังหยวนก็กลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้อง“ท่านกำลังจะไปไหนหรือเจ้าคะ?”ตลอดสองวันที่ผ่านมา ว่านซิ่วเอ๋อร์อ
เกาเล่อไม่ได้สนใจ เพียงแค่ดื่มสุราต่อไปในสายตาของเขา สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงกลอุบายหลอกล่อลูกค้าเท่านั้นเพียงแค่เสนอราคาให้เหมาะสม เขาก็ไม่เชื่อหรอกว่าหญิงสาวที่นี่จะรักนวลสงวนตัว!มันเป็นเพียงเรื่องน่าขัน!ทันใดนั้นชายหลายคนจากโต๊ะข้าง ๆ ก็หัวเราะเยาะขึ้นมา“เจ้าคิดว่ามีเงินแล้วจะยิ่งใหญ่นักหรือ?”“ที่อื่นอาจจะได้ แต่ที่นี่ไม่ได้หรอกนะ!”“เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีคนอยากดื่มสุราร่วมกับแม่นางหรูเยียนกี่คน?”“มากมายจนถ้าต่อแถวแล้ว แถวคงยาวออกไปนอกเมือง!”“ในบรรดาคนเหล่านั้นมีคุณชายจากตระกูลชั้นสูง แต่แม่นางหรูเยียนก็ไม่ได้สนใจพวกเขา”“ส่วนเจ้าก็คงไม่ต่างกัน!”ทุกคนต่างหัวเราะกันครื้นเครงหวังหยวนไม่ได้สนใจคำพูดของพวกเขา หลังจากเก็บทองบนโต๊ะกลับคืนมาแล้ว เขาก็โบกมือให้เสี่ยวเอ้อออกไปเสี่ยวเอ้อสบถ เดิมทีคิดว่าหวังหยวนจะให้เงินทอง แต่สุดท้ายกลับไม่ได้อะไรเลย…ช่างน่าโมโหนักหวังหยวนมองไปที่เกาเล่อ แล้วกระซิบว่า “เจ้าส่งคนไปสืบเรื่องราวของแม่นางหรูเยียนที ข้าค่อนข้างสนใจนาง”“ท่านผู้นำ ท่านไม่ได้ล้อเล่นใช่หรือไม่ขอรับ?”“ท่านเชื่อคำพูดไร้สาระของพวกเขาหรือ?”“ข้าสงสัยว่านางคนนั้น
หวังหยวนประหลาดใจ ที่นี่มีกฎเกณฑ์ด้วยงั้นหรือ? ขณะที่เกาเล่อกำลังจะแสดงความไม่พอใจ แต่หวังหยวนรีบส่งสัญญาณให้เขาด้วยสายตา เกาเล่อจึงไม่พูดอะไรเพิ่มเติม ยังคงยืนแข็งทื่อราวกับรูปปั้นอยู่ด้านหลังของหวังหยวน แต่ดวงตาของเกาเล่อแสดงถึงความไม่สบอารมณ์“เหตุใด?”“หรือว่าเจ้าจะคิดทำร้ายคน?”หญิงสาวที่เพิ่งสนทนากับหวังหยวนเบ้ปากใส่เกาเล่อ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ “หากไม่ได้มาเพื่อความสนุกสนานก็จงรีบออกไปจากที่นี่เสีย!”“อย่ามาขวางทาง อย่าทำให้พวกข้าเสียเวลา!”“พวกข้ายังต้องทำมาหากิน!”หญิงคนนั้นก็ชนไหล่ของหวังหยวนแล้วเดินผ่านไปที่หน้าประตู หญิงสาวคนอื่น ๆ ที่ตามมาก็ทำเช่นเดียวกัน“พวกนางช่างไม่รู้ที่ต่ำที่สูง!”“หากพวกนางรู้ถึงตัวตนของท่าน คงต้องคุกเข่าขอความเมตตาจากท่าน”เกาเล่อบ่นพึมพำ“เช่นนั้นอย่าให้พวกนางรู้ถึงตัวตนของข้าดีกว่า”“ข้าไม่อยากมีเรื่องกับพวกนาง”หวังหยวนกล่าวติดตลกแล้วเดินเข้าไปด้านในพร้อมกับเกาเล่อ เลือกที่นั่งแล้วมองไปยังเวทีกลางพลางพิจารณาหอชิงสุ่ยอย่างละเอียดต้องยอมรับว่าที่นี่ตกแต่งได้อย่างหรูหราอลังการอาคารหลังนี้มีทั้งหมดสามชั้น ชั้นล่าง
แต่เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่ว่าจะสำเร็จได้ในวันเดียวหากต้องการให้เมืองอู่เจียงกลายเป็นเมืองสำคัญทางคมนาคมคงต้องใช้เวลาอีกสองสามปีจึงจะสมบูรณ์หวังหยวนเองก็ไม่ปล่อยเวลาให้สูญเปล่า เขาพยายามค้นหาคนที่เหมาะจะเป็นผู้ว่าราชการคนใหม่ในเมืองอู่เจียง แต่ก็ยังหาไม่พบณ หอชิงสุ่ยเมื่อค่ำคืนนี้มาเยือน หวังหยวนกำลังไปเดินเล่นชมเมืองและบังเอิญมาถึงหอชิงสุ่ยที่นั่นเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและผู้คนพลุกพล่าน“ที่นี่คือที่ใด?” หวังหยวนถามเกาเล่อผู้ติดตามอยู่ข้างกาย“ที่นี่คือสถานที่แห่งความสุขทางโลกขอรับ”“ท่านผู้นำสนใจจะเข้าไปดูหรือไม่ขอรับ?”เกาเล่อตอบด้วยรอยยิ้ม“ข้าไม่สนใจเรื่องเหล่านี้...”“อีกอย่างซื่อหานก็รอข้าอยู่ที่บ้าน หากข้ามมัวเมาสุราอยู่ที่นี่ แล้วพวกผู้หญิงในบ้านรู้เข้าคงต้องมีเรื่องวุ่นวายเป็นแน่”หวังหยวนส่ายหน้า หลี่ซื่อหานนั้นยังเข้าใจได้และจะไม่พูดอะไรมาก แต่สำหรับหวงเจียวเจียว...นั่นคือคนที่ยากจะรับมือเกาเล่อหัวเราะ แล้วกล่าวต่อ “ท่านผู้นำอาจเข้าใจผิด ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ธรรมดาอย่างที่ท่านคิดหรอกนะขอรับ”“ข้าเคยสืบเรื่องที่นี่มาแล้ว”“เท่าที่ข้าทราบ เจ้าของที่นี่มีเบื้
ในไม่ช้าหวังหยวนพร้อมคณะก็กลับมายังที่ว่าการเมืองอู่เจียงฉุนอวี๋อันเฝ้ารอมาพักใหญ่แล้ว“ท่านผู้นำ ข้าสั่งให้เหล่าแรงงานเตรียมพร้อมแล้ว พวกเขาพร้อมจะเริ่มงานได้ทุกเมื่อขอรับ!”“ข้าได้แจกจ่ายแบบแปลนให้แก่พวกเขาแล้ว แต่ว่าตอนนี้ยังมีปัญหาอยู่อย่างหนึ่ง...”ฉุนอวี๋อันพูดเพียงเท่านี้ก็เงียบไป สีหน้าบ่งบอกถึงความลำบากใจ“ต้องการเงินเท่าใด?”หวังหยวนทราบความคิดของเขาในทันทีจึงเอ่ยถามออกไป“ท่านผู้นำฉลาดหลักแหลมยิ่งนักขอรับ!”“ใช่แล้วขอรับ เพียงแค่ต้องการเงินจำนวนหนึ่ง!”“ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เมืองอู่เจียงไม่ได้มีเงินทองมากมาย จึงไม่เพียงพอที่จะใช้ในการก่อสร้างครั้งนี้”“ข้าจึงจำต้องมาแจ้งเรื่องนี้กับท่านผู้นำขอรับ...”ฉุนอวี๋อันรีบกล่าว“เจ้าไม่ต้องอ้อมค้อมแล้ว ต้องการเงินเท่าใดก็บอกมาเถิด เรื่องนี้ข้าจะจัดการให้”หวังหยวนไม่ได้ขาดแคลนเงินทองนั่นคือเรื่องเดียวที่เขาได้เปรียบในบรรดาอาณาจักรทั้งสี่ฉุนอวี๋อันรีบนำบัญชีรายรับรายจ่ายที่รวบรวมไว้มาให้หวังหยวน “ข้าได้รวบรวมรายละเอียดทั้งหมดไว้แล้ว ท่านผู้นำโปรดพิจารณา หากไม่มีปัญหาอะไรก็โปรดอนุมัติตามจำนวนนี้ด้วยขอรับ”หวังหยวนรับม
ถ้อยคำของตงฟางฮั่นมีความหมายแฝงอยู่ แต่หวังหยวนก็เข้าใจในทันที“ข้าเข้าใจแล้ว ท่านหมายถึงพรรคทมิฬใช่หรือไม่?”ตงฟางฮั่นยิ้มอย่างพึงพอใจ แล้วพยักหน้า“ดูเหมือนว่าท่านจะไม่ได้ไร้เดียงสาเหมือนที่ข้าคิด สามารถสังเกตเห็นพรรคทมิฬได้เร็วถึงเพียงนี้!”เมื่อเอ่ยถึงชื่อนี้ สีหน้าของเกาเล่อก็เปลี่ยนไปเช่นกันหลังจากจับกุมสาวกของพรรคทมิฬได้หลายคน เกาเล่อและหวังหยวนก็รู้เรื่องของพรรคทมิฬมากขึ้น และในช่วงนี้เกาเล่อก็ได้ส่งคนจำนวนมากไปรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับพรรคทมิฬแต่ก็ยังไม่มีประโยชน์มากนักแสดงให้เห็นว่าคนของพรรคทมิฬนั้นเหมือนพวกหนูที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืด!การขุดคุ้ยเรื่องคนเหล่านี้ต้องใช้เวลา!“แล้วเหตุใดคนของพรรคทมิฬถึงได้ทำร้ายท่านเล่า?” “หรือว่าพวกท่านเคยมีเรื่องขัดแย้งกัน?”หวังหยวนเคาะโต๊ะเบา ๆ สายตาจ้องมองไปที่ตงฟางฮั่นอีกครั้งตงฟางฮั่นส่ายหน้าแล้วยิ้มเยาะ “ข้าจะไปเข้าร่วมกับคนพวกนั้นได้อย่างไร?” “ไม่รู้ว่าพวกเขาได้ยินชื่อของข้ามาจากไหน จึงได้มาติดต่อข้า หวังว่าข้าจะเข้าร่วมพรรคทมิฬ!” “แต่ข้าได้ปฏิเสธพวกเขามาหลายครั้งแล้ว” “แต่พวกเขาก็ยังคงตามติดไม่เลิก ก่อนหน้านี้พวกเขาย
“มาเยือนโดยไม่ได้รับเชิญ ถือว่าเป็นแขกผู้มาเยือนได้หรือ?” ตงฟางฮั่นเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ “ในเมื่อเจ้าชอบสถานที่นี้ ก็จงดื่มสุราอยู่ที่นี่คนเดียวเถิด” “ลาก่อน”เพียงชั่วพริบตา ตงฟางฮั่นก็ลุกขึ้นยืน ขณะที่เขากำลังจะเดินสวนกับชายคนนั้น ก็ได้ยินเสียงชายคนนั้นเอ่ยขึ้นว่า “ท่านตงฟาง ท่านพร้อมจะวางเดิมพันไว้ที่หวังหยวน แต่กลับไม่คิดจะพบกับท่านประมุขของข้าหรือ?”“ฮึ” “พวกเจ้าก็เป็นเพียงพวกหนูที่อาศัยอยู่ในความมืดมิด” “ใครเล่าจะอยากร่วมมือกับพวกเจ้า?” ตงฟางฮั่นเย้ยหยัน ไม่ได้สนใจชายผู้อยู่เบื้องหลังอีกต่อไปสีหน้าของชายวัยกลางคนเปลี่ยนไป มือหนึ่งคว้ามีดสั้นจากอกเสื้อ แล้วแทงเข้าที่หลังของตงฟางฮั่นอย่างรวดเร็ว! ว่องไวราวกับสายฟ้าแลบ!“ถ้าไม่เป็นมิตร ก็ต้องเป็นศัตรู!” “ไปลงนรกซะ!”สีหน้าของตงฟางฮั่นเปลี่ยนไป แต่ตอนนี้การหลบหลีกนั้นสายเกินไปแล้ว เพราะเขาไม่ได้ฝึกวิทยายุทธใด ๆ เลย!ในขณะที่เขาเตรียมใจยอมรับชะตากรรม ก็ได้ยินเสียงโลหะกระทบกัน ปรากฏว่าเกาเล่อผู้ซ่อนตัวอยู่ในที่มืดปรากฏตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว และข้างกายเขายังมีสมาชิกขององค์กรเครือข่ายผีเสื้ออีกหลายคนมีกำลังคนม
“ท่านทั้งหลายไปที่นั่นแล้วจะได้ลงทะเบียนทันที!”เมื่อทราบว่าหวังหยวนไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ทุกคนจึงรีบขอลา แล้วมุ่งหน้าสู่ตลาดตะวันออกด้วยความเร่งรีบ การลงทะเบียนโดยเร็วจะช่วยคลายกังวลในใจได้!เมื่อเห็นเหล่าชาวบ้านมาเร็วไปเร็วเช่นนั้น ฉุนอวี๋อันจึงบ่นหลังถอนหายใจว่า “ประชาชนพวกนี้ช่างร้อนรนนัก!”“หากมีสิ่งใดขัดขวางความประสงค์ของพวกเขา พวกเขาก็จะก่อความวุ่นวายไม่หยุด!”“โชคดีที่ข้าไม่ใช่ผู้ว่าราชการเมืองเมืองนี้แล้ว จึงบรรเทาความกดดันลงได้บ้าง…”แต่หารู้ไม่ว่าหวังหยวนยังคงยืนอยู่ข้างกายฉุนอวี๋อันหันกลับไปเห็นหวังหยวนกำลังมองตนอยู่ ทันใดนั้นเขาก็ตัวสั่นเทา ตกใจกลัวจนถอยหลังไปสองก้าว และถึงกับหายใจติดขัด“ท่านผู้นำ…”“ข้าไม่ใช่หมายความเช่นนั้น”หวังหยวนเห็นท่าทีขลาดกลัวของเขาจึงส่ายหน้าแล้วยกยิ้มดูเหมือนการตัดสินใจของเขาจะถูกต้อง คนเช่นนี้จะสามารถเป็นใหญ่ในเมืองได้อย่างไร?หากปล่อยให้ฉุนอวี๋อันดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการเมืองต่อไป แม้การก่อสร้างระบบชลประทานจะแล้วเสร็จก็คงหาผลกำไรไม่ได้มากนักผลลัพธ์สุดท้ายก็คงเดาได้ไม่ยากไม่ช้าหวังหยวนและคณะก็เดินทางกลับระหว่างทางกลับ เ
“หืม?” หวังหยวนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็เข้าใจทันที คงเป็นเพราะเรื่องเกณฑ์แรงงานจึงทำให้ประชาชนไม่พอใจ“ทุกคน!”“เรื่องนี้คงเกิดจากความเข้าใจผิดใช่หรือไม่?”“ข้าต้องการแรงงานมาช่วยทำงาน แต่ก็เพื่อการพัฒนาเมืองอู่เจียง!”“เมื่อการก่อสร้างระบบชลประทานเสร็จสมบูรณ์ ในฤดูฝน พวกเราก็ไม่ต้องกังวลว่าแม่น้ำจะเอ่อล้นอีกต่อไป และที่สำคัญที่สุด เวลาในการเดินทางระหว่างเมืองอู่เจียงกับเมืองต่าง ๆ ก็จะใกล้เคียงลงมาก!”“นับเป็นเรื่องที่ดีต่อแผ่นดินและประชาชน!”“ยิ่งไปกว่านั้น ข้าก็ไม่ได้ใช้แรงงานโดยไม่จ่ายค่าจ้าง ข้าจะจ่ายค่าจ้างให้เดือนละหนึ่งตำลึง!” หวังหยวนอธิบายสถานการณ์โดยย่อความจริงเป็นเช่นนั้น เมื่อการก่อสร้างระบบชลประทานเสร็จสมบูรณ์ เมืองอู่เจียงจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง! ในอนาคต แม้แต่เมืองหลวงก็อาจจะพัฒนาไม่ดีเท่าเมืองอู่เจียง! แต่ทั้งหมดนี้นั้นเป็นเพราะเมืองอู่เจียงมีแม่น้ำห้าสายไหลผ่าน หากไม่เป็นเช่นนี้จะมีโอกาสสร้างระบบชลประทานได้อย่างไร?“จ่ายค่าจ้างด้วยหรือ?”“ก่อนหน้านี้ไม่เคยได้ยินเช่นนั้นเลยไม่ใช่รึ?”“พวกเราคงจำผิดไปกระมัง?”“ใช่แล้ว! ข้าได้ยินมาว่าท่านผู้นำเ
“การเตรียมการต่าง ๆ เป็นอย่างไรบ้าง?”หวังหยวนยกถ้วยชาขึ้น สายตาจับจ้องไปยังเกาเล่อขณะเอ่ยถามเกาเล่อส่ายหน้าแล้วตอบว่า “ข้าได้ค้นหาคนผู้มีความสามารถอยู่เสมอ แต่ก็ไม่ราบรื่นดังที่คาดหวังไว้ขอรับ” “บางคนก็มีความรู้ความสามารถ บางคนก็ไม่อาจคาดเดาเจตนาได้ โดยสรุปแล้วก็ยังไม่พบผู้ใดที่เหมาะสมนัก”หวังหยวนพยักหน้า แท้จริงแล้ว การค้นหาคนที่ไว้ใจได้และมีความรู้ความสามารถนั้นจะเป็นเรื่องง่ายได้อย่างไร? เวลาเพียงสองวันนั้นย่อมไม่เพียงพอ“เช่นนั้นเจ้าจงค้นหาต่อไป” “อย่างไรเสียข้าก็ต้องอยู่ที่เมืองอู่เจียงต่อไปอีกนาน” “เรื่องต่าง ๆ ในที่นี้ ข้าจะรับผิดชอบเอง” “แต่ก่อนหน้านั้นเจ้ายังมีภารกิจสำคัญอีกอย่างหนึ่ง นั่นคือการจัดหาแรงงานเพื่อช่วยข้าขุดคลอง” หวังหยวนสั่งการเพิ่มเติมเกาเล่อรับคำแล้วก็จากไปหลังจากอยู่ในห้องมาสองวัน แผนที่ก็เสร็จสมบูรณ์แล้ว หวังหยวนจึงสั่งให้คนจัดเตรียมอาหารและเครื่องดื่ม เพื่อเป็นการฉลองความสำเร็จแม้ว่าฉุนอวี๋อันจะพ้นจากตำแหน่งแล้ว แต่ก็ยังคงอยู่เคียงข้างหวังหยวน เกาเล่อควบคุมข่าวสารต่าง ๆ แต่เรื่องราวภายในเมืองอู่เจียงนั้น ฉุนอวี๋อันย่อมรู้ดีกว่า