ใช่แล้ว เช่นนั้นแล้วหัวใจของฮวาตั่วจะไม่เกลียดชังพ่อของตนเองได้อย่างไร?หวังหยวนไม่ได้เอ่ยคำใดอีก ทุกคนจึงเดินไปข้างหน้าเงียบ ๆเมื่อเดินไปประมาณหนึ่งลี้ก็มาถึงใจกลางเมืองโบราณ มองไปรอบ ๆ ไม่ไกลนักจึงพบว่ามีบ้านหลังหนึ่งที่มีลานบ้านอยู่เมื่อชายชราพาหวังหยวนมาถึงหน้าประตูแล้วจึงกล่าวว่า “ท่าน ข้าขอเข้าไปดูเสียก่อน แล้วถามความคิดเห็นของกู่เฟิง หากเขาต้องการพบพวกท่าน ท่านค่อยพาคนเข้าไปได้หรือไม่?”หวังหยวนพยักหน้าเขาเข้าใจมารยาทย่อมไม่อาจประมาทได้แต่ฮวาตั่วกลับเม้มปากแล้วบ่นว่า “ถึงกับวางมาดเช่นนี้เลย”“ท่านพ่อบุญธรรม เราควรกลับไปเลยหรือไม่เจ้าคะ?”“ข้ารู้สึกไม่ดีกับเขาเลย ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้จะอยากพบเขา แต่เมื่อได้ยินคำพูดของคนผู้นั้นแล้ว ข้ากลับยิ่งเกลียดชังเขามากขึ้น...”แท้จริงแล้วก่อนมาถึงที่นี่ ฮวาตั่วปรารถนาจะพบกับกู่เฟิงอย่างยิ่งทั้งสองมีสายเลือดเดียวกันและแม่ของนางก็จากไปแล้ว ถึงแม้จะมีหวังหยวนเป็นพ่อบุญธรรม แต่ก็ไม่อาจเทียบเท่ากับญาติพี่น้องที่แท้จริง...แต่ความตื่นเต้นนั้นหายไปหลังจากมาถึงเมืองโบราณเดิมทีนางคิดว่ากู่เฟิงติดภารกิจบางอย่างจึงไม่สามารถพบกับพวกนา
แน่นอนว่าทุกอย่างเป็นไปตามที่หวังหยวนคาดการณ์ไว้ทุกประการ! ชายชรารีบชี้ประตูห้องพลางกล่าว “มีผู้ประสงค์จะสังหารกู่เฟิง!”“ชายที่เตะข้าออกมานั้น ข้าไม่เคยพบหน้ามาก่อน!”“ท่านรีบเข้าไปช่วยกู่เฟิงเถิด!”สีหน้าของหวังหยวนเปลี่ยนไปทันที เขาจึงรีบมอบปืนคาบศิลาให้แก่ว่านซิ่วเอ๋อร์ พร้อมกับกำชับว่า “หากมีผู้ใดเข้าใกล้เจ้า และมีเจตนาไม่ดี เจ้าจงเหนี่ยวไกปืนทันที!”“อานุภาพของสิ่งนี้ยิ่งใหญ่กว่าอาวุธลับอื่นใด!”“มันจะคุ้มครองเจ้าทั้งสองได้!”ว่านซิ่วเอ๋อร์รับปืนคาบศิลามาแล้วรีบถาม “แล้วท่านจะทำเช่นไรเจ้าคะ?”ก่อนจะมาถึงที่นี่ นางได้ยินกิตติศัพท์ของอาวุธลับในมือของหวังหยวนมาแล้ว แม้แต่ยอดฝีมือทั่วหล้าล้วนไม่กล้าเข้าใกล้เขา!ไม่ใช่เพียงเพราะเกรงกลัววิธีการของหวังหยวน หากแต่เป็นเพราะเกรงกลัวอาวุธลับในมือของเขาด้วย!ดูเหมือนว่าพลังสังหารในตำนานนั้นก็คือปืนคาบศิลาในมือของนางนี่เอง!หวังหยวนยกยิ้มพลางกล่าวว่า “ข้าเคยฝึกวิทยายุทธมาจากสำนักเซียนกระบอง การรับมือกับเด็กมือใหม่ไม่กี่คนนั้น ข้าย่อมสามารถจัดการได้ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก!”กล่าวจบหวังหยวนก็วิ่งเข้าไปในห้องทันที!ดังที่ชายชรากล่าวไว
“มีเรื่องอีกมากมายที่ท่านไม่รู้”“เช่นเดียวกับที่ท่านไม่รู้ว่าแม่ของข้าได้เสียชีวิตไปแล้ว”ฮวาตั่วกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชานางมีแต่ความเกลียดชังให้กับกู่เฟิงเพราะชายผู้นี้จึงทำให้แม่ของนางต้องเสียชีวิต…หากกู่เฟิงอยู่เคียงข้างพวกนางสองแม่ลูกเสมอ พวกนางจะต้องมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร?หากไม่ใช่หวังหยวนช่วยเหลือ แม่ของนางคงไม่มีที่อยู่ด้วยซ้ำ และนางก็คงไม่อาจมีแม้แต่อาหารประทังชีวิต…“แม่ของเจ้าตายแล้วหรือ?”“นาง… นางตายอย่างไร?”กู่เฟิงถอยหลังไปสองก้าว แล้วรีบถามด้วยใบหน้าซีดเผือด“แม่ของข้าตายเพราะเจ็บป่วย!”“แต่พูดให้ถูกต้อง นางตายเพราะความเหนื่อยล้าต่างหาก!”ฮวาตั่วกล่าวด้วยความโกรธแค้น ใบหน้าดุร้ายราวกับปีศาจน้อย“ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เป็นเพราะท่านไม่อยู่เคียงข้างพวกเรา แม่ของข้าต้องทำงานหนักมากเพื่อเลี้ยงดูข้า!”“แต่สุดท้ายไม่เพียงแต่ไม่ได้เงินมากมายเท่านั้น กลับทำให้แม่ของข้าเหนื่อยล้าจนเสียชีวิต…”“สุดท้าย นางก็ป่วยเป็นวัณโรคเพราะทำงานหนักเกินไป”“ท่านว่าทั้งหมดนี้ไม่ใช่ความผิดของท่านหรือ?”ฮวาตั่วถามอย่างต่อเนื่องสุดท้ายอารมณ์ของกู่เฟิงก็พังทลาย เขาร้องไห้ออกมาอย่า
“เจ้าคงรู้ดีว่าแม่ลูกคู่นี้ไม่มีญาติพี่น้อง หากไม่มีผู้ใดดูแลฮวาตั่ว เกรงว่านางคงอยู่ได้อีกไม่นาน…”“และเด็กน้อยผู้นี้ช่างน่ารัก ข้าจึงพานางมาอยู่ด้วย”กู่เฟิงพยักหน้าแสดงความขอบคุณต่อหวังหยวนเสียงของฮวาตั่วดังขึ้นอีกครั้ง“หากไม่ใช่เพราะพ่อบุญธรรมช่วยเหลือ ข้าคงไม่มีแม้แต่เงินจะจัดงานศพให้ท่านแม่…”“และพ่อบุญธรรมพาข้ามาอยู่ด้วย มีอาหารอร่อยให้กินทุกวัน และยังให้ข้าสวมใส่เสื้อผ้าดี ๆ ด้วย…”“พ่อบุญธรรมมีพระคุณต่อข้าอย่างใหญ่หลวง”“ท่านพ่อ ต่อไปนี้ท่านต้องตอบแทนพระคุณพ่อบุญธรรมให้ดีนะเจ้าคะ…”กู่เฟิงพยักหน้ารับคำซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่นึกเลยว่าแม่ลูกคู่นี้จะได้พบกับคนใจบุญ“บัดนี้พวกเจ้าได้พบกันแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องร่ำไห้เสียใจกันอยู่ที่นี่”“ควรไปพูดคุยกันในห้องจะดีกว่า”“เดินทางมาไกล ข้าและภรรยาของข้ารู้สึกเหนื่อยล้าอยู่บ้าง”หวังหยวนอุ้มว่านซิ่วเอ๋อร์ไว้ในอ้อมแขน แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม“ใช่แล้ว ใช่แล้วเจ้าค่ะ”“ป้าว่านเป็นกุลสตรีชั้นสูง นางไม่เคยเดินทางไกลเช่นนี้มาก่อน”“ครั้งนี้หากไม่ใช่เพราะเรื่องของข้า นางก็คงไม่มาที่นี่ด้วยเจ้าค่ะ”ฮวาตั่วกล่าวเสริมกู่เฟิงรีบลุกขึ้น เ
“ท่านขอรับ ที่นี่ข้าไม่มีสิ่งใดที่เหมาะสำหรับการต้อนรับเลย”“คงจะทำให้ท่านผิดหวังเสียแล้ว”กู่เฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้มเมื่อเพิ่งเข้ามาในห้องหวังหยวนโบกมือ “ไม่ต้องสุภาพนักหรอก เพียงแค่พวกเราได้พบกันและเจ้าก็เป็นคนที่ข้าตามหา แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว”กู่เฟิงมองหวังหยวนด้วยความสงสัย เห็นได้ชัดว่าไม่เข้าใจความหมายในคำพูดของเขาดูเหมือนว่าหวังหยวนไม่ได้ตามหาเขาเพียงเพราะฮวาตั่ว แต่ยังมีเหตุผลอื่นอีกหรือว่ามีแผนการอื่น?แต่เรื่องนี้กลับทำให้กู่เฟิงรู้สึกดีใจหากสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับหวังหยวนได้นับว่าเป็นเรื่องที่ดีหวังหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องกังวล ที่จริงข้าต้องการติดต่อช่างทำอาวุธฝีมือดีหลายคนผ่านเจ้า ไม่ทราบว่าเจ้าพอจะหาได้หรือไม่?”“ช่างทำอาวุธหรือ?”กู่เฟิงถามโดยไม่รู้ตัว“นั่นสินะ”“ข้ารู้ว่าเจ้าเดินทางอยู่ในป่าเขามานาน และมีหลักการคือปล้นคนรวยไปช่วยเหลือคนจน เชื่อว่ารอบกายเจ้าคงขาดแคลนคนเช่นนี้ไม่ได้”“ข้ามีเหล็กเย็นจำนวนมาก กำลังจะนำเหล็กเย็นเหล่านี้มาสร้างเป็นอาวุธ จึงต้องการช่างทำอาวุธฝีมือดี”“ไม่เช่นนั้นก็จะทำให้ของดีเสียเปล่า”หวังหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้มพลา
“ข้าจะพาฮวาตั่วมาอาศัยอยู่ที่นี่ต่อไป”“ต่อไปนี้ข้าจะระมัดระวังตัวมากขึ้น เพื่อไม่ให้ฮวาตั่วเดือดร้อน”ฮวาตั่วถึงกับงุนงง เมื่อได้พบกับพ่อที่แท้จริงแล้ว หรือว่าจะต้องสูญเสียพ่อบุญธรรมไป?นี่ไม่ใช่การแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่าเลย…หวังหยวนส่ายหน้าต่อจากนั้นจึงกล่าวอย่างช้า ๆ “อย่าพูดถึงที่นี่เลย ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะสมแก่การดำรงชีวิต อีกอย่างคือเจ้าได้ทำให้ผู้คนขุ่นเคือง และพวกเขาก็ตามมาล้างแค้นถึงที่นี่แล้ว เจ้าจะปกป้องฮวาตั่วได้อย่างไร?”“หากไม่ใช่เพราะข้ามาทันเวลา เจ้าคงตายที่นี่ไปแล้วหรือเปล่า?”หวังหยวนไม่ได้ล้อเล่น สถานการณ์คับขันอย่างยิ่งกู่เฟิงถอนหายใจ ใครจะไปรู้ว่าในวัยหนุ่มของเขา เขาได้สร้างศัตรูไว้มากมาย?จึงทำให้มีศัตรูอยู่ทุกหนทุกแห่ง!ต้องระมัดระวังตัวอยู่เสมอเพื่อไม่ให้ตนเองถูกสังหาร…“เช่นนั้นท่านมีสถานที่ใดที่ดีบ้างเล่าขอรับ?”กู่เฟิงถาม“ตามข้ากลับไปที่หมู่บ้านต้าหวังเถิด”“เจ้าเองก็เป็นคนมีฝีมือ หากอยู่เคียงข้างข้า ก็จะทำให้เจ้าเจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้น”“แล้วข้าก็จะสามารถปกป้องพวกเจ้าสองพ่อลูกได้ด้วย”หวังหยวนจิบชา แล้วกล่าวพร้อมรอยยิ้มบัดนี้สิ่งที่เข
นอกประตู เกาเล่อกำลังยืนอยู่ในลานบ้าน ด้านหลังมีสมาชิกขององค์กรเครือข่ายผีเสื้ออยู่หลายคน“ครั้งที่แล้วเมื่อได้ข่าวของกู่เฟิง เจ้าก็ไม่ได้มาพบข้าด้วยตัวเอง”“ครั้งนี้เหตุใดจึงเดินทางมาไกลถึงเพียงนี้?”หวังหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้มเกาเล่อขมวดคิ้ว “พี่หยวน เกิดเรื่องแล้วขอรับ…”ใบหน้าของหวังหยวนเปลี่ยนสี “เกิดอะไรขึ้น?”บัดนี้เขาไม่อยู่ที่เมืองหลิง ถึงแม้จะมีคนไว้ใจได้อยู่ แต่ก็อาจเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นได้ถึงแม้จะรีบกลับไป ก็คงไม่สามารถทำได้ภายในคืนเดียว!เกาเล่อกล่าวอย่างเร่งรีบ “มีคนติดต่อว่านเชียนซานแล้ว บัดนี้ว่านเชียนซานกำลังรออยู่ที่บ้าน!”“อีกฝ่ายรู้แล้วว่าว่านเชียนซานมีใจทรยศ ข้าได้พบกับว่านเชียนซานแล้ว และได้ส่งคนไปคุ้มครองคฤหาสน์ว่านทันที”“ต่อจากนี้ต้องให้ท่านเป็นผู้ตัดสินใจขอรับ”หวังหยวนพยักหน้าสิ่งที่ควรจะมาได้มาถึงแล้วดูเหมือนว่าอีกฝ่ายคงนั่งไม่ติด“เจ้าสืบหาแล้วหรือยังว่าอีกฝ่ายเป็นใคร?”“เจ้าแน่ใจเรื่องตำแหน่งของพวกเขาหรือไม่?”“และคนที่ติดต่อกับว่านเชียนซาน คือชายสวมหน้ากากปิดบังใบหน้าที่เขาพูดถึงหรือไม่?”หวังหยวนได้เปิดเผยข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับว่าน
ตลอดหลายวันนี้ คนตระกูลว่านอยู่ในหมู่บ้านต้าหวัง เพราะที่นี่เป็นสถานที่ปลอดภัยที่สุดถึงแม้จะมีต้าหู่และเอ้อหู่คอยคุ้มครอง แต่ก็อาจเกิดความผิดพลาดได้จึงไม่ควรอยู่ที่คฤหาสน์ว่านต่อไป!ส่วนคนอื่น ๆ ในบ้านยังคงนิ่งเฉยได้อยู่เพราะเป้าหมายของอีกฝ่ายไม่ใช่พวกเขา แต่เป็นคนตระกูลว่าน!“ท่านหวัง ข้าได้บอกเรื่องราวทั้งหมดให้แก่ท่านเกาแล้ว ท่านเกาก็ได้ตอบกลับมาว่าท่านรู้เรื่องทุกอย่างแล้ว”“เช่นนั้นข้าก็ไม่จำเป็นต้องเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นอีก”“ท่านว่า…”“ต่อไปนี้เราควรทำอย่างไรต่อไป?”ว่านเชียนซานมีสีหน้าเคร่งเครียดตลอดสองวันที่ผ่านมา เขาแทบไม่ได้นอนเลย เฝ้าคิดหาวิธีรับมืออยู่ตลอดเวลาแต่ก็ยังหาทางออกไม่เจออีกฝ่ายไม่ใช่คนดี หากประมาทก็จะถึงแก่ความตาย!ถึงแม้ว่าเขาจะอายุมากแล้ว แต่ก็ไม่อยากตายเช่นนี้…“ข้าได้ให้เกาเล่อไปสืบหาเบาะแสของอีกฝ่ายแล้ว”“บัดนี้พวกเขารู้แล้วว่าท่านทรยศ คงกำลังพยายามคิดหาวิธีสังหารท่าน”“แต่เช่นนั้นก็เป็นประโยชน์ต่อเราเช่นกัน”“อย่างน้อยเราก็สามารถหาจุดอ่อนและจับเบาะแสของพวกเขาได้ เพื่อจะได้ควบคุมพวกเขาได้อย่างง่ายดาย!”“ตราบใดที่สามารถจับตัวผู้ที่ติด
“เท่าที่ข้ารู้ พรรคทมิฬมีทรัพย์สมบัติมากมาย!”“วันนี้ข้าเรียกพวกเจ้ามาก็เพื่อถามว่าทรัพย์สมบัติเหล่านั้นอยู่ที่ใด?”“ก่อนที่ข้าจะบุกหน้าผา ได้ยินว่าของพวกนั้นถูกขนย้ายไปแล้วจริงหรือไม่?”หวังหยวนมองไปที่โอวหยางอวี่ แล้วถามตรงประเด็นโอวหยางอวี่พูดไม่ออก ได้แต่อ้ำอึ้งอยู่พักหนึ่ง แต่ก็ไม่เอ่ยคำใด“ฮ่าฮ่าฮ่า!”ลั่วเฉินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ หัวเราะลั่น“โอวหยางอวี่!”“เจ้าคิดว่าท่านประมุขไม่รู้ความทะเยอทะยานของเจ้าหรือ?”“เรื่องสำคัญเช่นนี้ จะบอกคนชั่วเช่นเจ้าได้อย่างไร?”“ตอนนี้แม้ว่าเจ้าจะประจบสอพลอก็คงไม่มีโอกาสแล้วกระมัง?”นี่...โอวหยางอวี่รู้สึกจนใจ หน้าแดงก่ำ เขาไม่รู้ที่ซ่อนทรัพย์สมบัติจริง ๆ!ไม่เช่นนั้นเขาคงบอกหวังหยวนไปแล้วเพื่อเอาชีวิตรอด!หวังหยวนจะมองความคิดของโอวหยางอวี่ไม่ออกได้อย่างไร?เขาหรี่ตาลง ก่อนจะเตะโอวหยางอวี่ แล้วหันไปพยักหน้าให้หลิ่วหรูเยียน เขาชี้ไปที่โอวหยางอวี่ แล้วกล่าวว่า “คนผู้นี้ไร้ประโยชน์ เจ้าจัดการเขาเถิด!”“จะปล่อยเขาไปหรือจะฆ่าเขาก็สุดแล้วแต่เจ้า ไม่ต้องถามข้า!”หลิ่วหรูเยียนดีใจ รู้สึกซาบซึ้งใจมากส่วนโอวหยางอวี่กลับมีสีหน้าหวาดกลัว รีบ
“ได้เลย!”หวังหยวนยิ้มอย่างพึงพอใจ จากนั้นจึงพาหลิ่วหรูเยียนไปยังสวนหลังบ้านเนื่องจากงานเลี้ยงยังไม่เลิก ทุกคนยังคงดื่มกินอย่างสนุกสนาน หวังหยวนจึงใช้สวนหลังบ้านเป็นสถานที่สอบสวนไม่นานต่งอวี่ก็พาโอวหยางอวี่และลั่วเฉินมา ข้างหลังพวกเขามีทหารหลายคน“ท่านหวัง!”“ท่านโปรดอย่าทำร้ายข้าเลย!”“ก่อนหน้านี้ข้าตาบอด จึงได้ไปอยู่กับตานสยงเฟย แต่ตอนนี้ข้าสำนึกผิดแล้ว หากท่านให้โอกาสข้า ต่อไปข้ายินดีรับใช้ท่านให้ดีที่สุดขอรับ!”“หากท่านไม่ต้องการใช้ข้าก็ปล่อยข้าไปเถิด ข้าจะไม่ปรากฏตัวต่อหน้าท่าน และจะไม่สร้างความเดือดร้อนใด ๆ ให้ท่านแน่นอนขอรับ!”โอวหยางอวี่รีบคุกเข่าลงอ้อนวอนขอความเมตตา!ครั้งก่อน แม้แต่ตอนอยู่บนหน้าผา เขาก็หมดอำนาจแล้ว ได้แต่ถูกขังอยู่ในห้องทุกวันแม้ว่าเรื่องทั้งหมดจะเป็นเพราะหวังหยวน แต่เขาก็รู้ดีว่าตอนนี้เขาเป็นนักโทษ หากไม่สามารถพูดโน้มน้าวหวังหยวนได้ ต่อไปเขาก็คงมีแต่ต้องตายเท่านั้น!วันชื่นคืนสุขผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว!หลิ่วหรูเยียนพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา แล้วเบือนหน้าหนีด้วยความรังเกียจ ช่างเป็นคนขี้ขลาดนัก!เพิ่งจะพบหน้ากันก็คุกเข่าขอความเมตตาแล้วหรือ?ครั้งก
หวังหยวนเดินไปหาหลิ่วหรูเยียน แล้วถามด้วยรอยยิ้ม“ข้าจำได้”“เพียงแต่...”หลิ่วหรูเยียนมีท่าทีลังเล ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “เพียงแต่สถานการณ์ตอนนี้ต่างจากตอนนั้น ข้าไม่ใช่คนไร้เหตุผลและรู้จักกาลเทศะ!”“ในเมื่อตานสยงเฟยมีประโยชน์ต่อท่าน ข้าจะฆ่าเขาเพื่อความสาแก่ใจเพียงครู่เดียวได้อย่างไร?”สุดท้ายหลิ่วหรูเยียนก็รีบวิ่งออกไป ไม่อยากเห็นหน้าตานสยงเฟยอีก!ไม่เช่นนั้นนางเกรงว่าตนเองจะอดใจไม่ไหว ลงมือฆ่าเขาจนทำลายแผนการของหวังหยวน!“เจ้าช่างโชคดี”“ดูเหมือนว่าเจ้าจะยังรักษาหัวไว้บนบ่าได้”หวังหยวนมองตานสยงเฟยด้วยสายตาเย็นชา ไม่ได้เอ่ยคำใด แล้วเดินออกไปข้างหลังมีเพียงเสียงหัวเราะอันน่ารังเกียจของตานสยงเฟยในเมื่อเขามีไพ่ตายอยู่ในมือก็ไม่ต้องกลัวตาย!สักวันหนึ่ง เขาจะต้องเป็นอิสระ!...“ช้าก่อน!”หลังจากออกจากคุกแล้ว หวังหยวนก็รีบวิ่งตามหลิ่วหรูเยียนไปหลิ่วหรูเยียนหันกลับมามองหวังหยวน แล้วถามด้วยความสงสัยว่า “มีเรื่องอะไรอีกหรือ?”“ข้าแค่อยากถามเจ้าว่า ในบรรดาคนของพรรคทมิฬที่พวกเราจับมาได้มีคนระดับสูงคนอื่น ๆ อีกหรือไม่?”พรรคทมิฬมีรากฐานที่แข็งแกร่ง มีสาวกมากมาย แสดงว่าคงคนม
ทันใดนั้น ตานสยงเฟยก็หัวเราะลั่น ปรากฏว่าเป็นเช่นนี้เอง!“ดูเหมือนว่าข้ายังมีประโยชน์อยู่บ้าง สิ่งที่เจ้าต้องการคือทรัพย์สมบัติของข้างั้นหรือ?”“แต่ก็ดี พวกเรามาทำข้อตกลงกัน!”“หากเจ้าปล่อยข้าไป ทรัพย์สมบัติและทรัพยากรทั้งหมดของข้าจะเป็นของเจ้า แต่หากเจ้าไม่ยอมรับข้อเสนอ เจ้าก็อย่าหวังว่าจะได้สิ่งเหล่านั้น!”ตานสยงเฟยกล่าว พร้อมกับจ้องหน้าหวังหยวน“จริงสิ”“หลิ่วหรูเยียนกลายเป็นคนของเจ้าแล้ว หากเจ้าไม่เชื่อคำพูดข้าก็ลองถามนางดู ว่าทรัพย์สมบัติของข้ามากมายมหาศาลจริงหรือไม่!”“ถามดูก็รู้ผล!”ตานสยงเฟยกล่าวอย่างมั่นใจเหตุผลที่เขาสามารถสร้างพรรคทมิฬและรวบรวมสาวกมากมายจนมีอิทธิพลในดินแดนทั้งเก้าได้ ก็เพราะเขามีทรัพย์สมบัติมหาศาล!แม้ว่าจะเทียบกับหวังหยวนไม่ได้ แต่เขาก็ไม่ใช่ธรรมดาอย่างแน่นอน!อย่างน้อยในดินแดนทั้งเก้าก็ยังมีที่ให้เขายืนหยัดในฐานะผู้นำ!หลิ่วหรูเยียนที่ยืนอยู่ข้างหลังหวังหยวนกำหมัดแน่น ไม่เอ่ยคำใด แต่ทุกคนต่างก็สัมผัสได้ถึงความโกรธของนาง!ความแค้นเพราะบิดาถูกสังหารนั้นไม่อาจลืมเลือน!ศัตรูอยู่ตรงหน้า แต่นางกลับทำอะไรไม่ได้ ช่างไร้ความสามารถ!“เขาพูดจริงหรือ?”
หลายปีมานี้นางเชื่อคำพูดของตานสยงเฟยมาโดยตลอด คิดว่าตัวเองเป็นเด็กกำพร้า แม้กระทั่งเกลียดชังบิดามารดาของตนเองด้วยซ้ำ!เหตุใดพวกเขาจึงทอดทิ้งนาง?ทำให้นางต้องระหกระเหินมานานหลายปี!แต่ทั้งหมดนี้กลับเป็นคำโกหกของตานสยงเฟย บิดามารดาของนางไม่ได้ทอดทิ้งนาง แต่ถูกตานสยงเฟยฆ่าตายต่างหาก!บัดนี้เมื่อความจริงปรากฏ นางจึงอยากไปเคารพหลุมศพของพวกเขา!เป็นการแสดงความกตัญญูและทำให้หมดห่วง“เป็นเช่นนี้เอง”หวังหยวนพยักหน้า“ได้!”“ในเมื่อเจ้าต้องการเช่นนั้น ข้าจะพาเจ้าไปที่คุกเอง”“เพื่อป้องกันไม่ให้ตานสยงเฟยใช้อุบายอันใด”หลิ่วหรูเยียนมีท่าทีแปลกไป อาจจะถูกตานสยงเฟยชักจูงได้หลิ่วหรูเยียนไม่ได้ปฏิเสธ นางพยักหน้า หวังหยวนจึงพานางไปที่คุกที่จวน ทุกคนยังคงดื่มกินกันอย่างสนุกสนาน!ภายในคุกเนื่องจากตานสยงเฟยและพรรคพวกล้วนเป็นคนชั่ว หวังหยวนจึงสั่งให้ขังพวกเขาไว้ที่ชั้นใต้ดินของคุกที่นี่มักจะใช้ขังนักโทษอุกฉกรรจ์ยิ่งไปกว่านั้น การจะหนีออกไปจากที่นี่ก็ช่างยากเย็นพอ ๆ กับการปีนสู่สวรรค์!“หวังหยวน!”“ข้าสำนึกผิดแล้ว ขอท่านปล่อยข้าไปเถิด!”“ต่อไปนี้ข้ายินดีอยู่เคียงข้างรับใช้ท่าน!”“
“เจ้าไม่มีอารมณ์จะทะเลาะกับข้า แสดงว่าเจ้าคงอารมณ์ไม่ดีจริง ๆ”“ถ้าอย่างนั้นทำไมไม่เล่าให้ข้าฟังสักหน่อยล่ะ อย่างน้อยก็ให้ข้าสนุกขึ้นมาบ้าง”หวังหยวนนั่งลงข้างหลิ่วหรูเยียน เขานั่งไขว่ห้างมือวางบนราวบันไดขณะมองหลิ่วหรูเยียนด้วยรอยยิ้ม“เหตุใดท่านถึงน่ารำคาญนัก?”“ดูไม่ออกหรือว่าข้าไม่อยากคุยกับท่าน?”“รีบกลับไปดื่มกับพวกเขาซะเถอะ จะมานั่งขวางหูขวางตาข้าทำไม?”หลิ่วหรูเยียนกลอกตามองหวังหยวนแท้จริงแล้ว นางเพียงแค่รู้สึกว่างเปล่าหลังจากได้ล้างแค้นสำเร็จ ราวกับชีวิตไม่มีจุดหมายอีกต่อไป นางไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อไป จึงทำให้ดูเหม่อลอยและเศร้าสร้อยแต่ไม่รู้ว่าทำไม ตั้งแต่วังหยวนมาที่นี่ นางกลับรู้สึกเหมือนมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง“ว่ามาสิ เป็นอะไรไป?”หวังหยวนเปลี่ยนเรื่อง“ข้าอยากไปพบตานสยงเฟย”“ครั้งก่อนท่านสัญญากับข้าว่า เมื่อจับตานสยงเฟยได้จะให้ข้าจัดการเขา ยังจำได้หรือไม่?”หลิ่วหรูเยียนถาม“อืม...”หวังหยวนครุ่นคิด ใช้นิ้วเคาะขมับพิจารณาถึงข้อดีข้อเสียเรื่องของพรรคทมิฬเป็นเรื่องใหญ่ ไม่อาจตัดสินใจเพียงเพราะคำพูดของคนคนเดียวได้ ยิ่งกว่านั้น เพื่อจับตานสยงเฟย ยังต้องสูญ
“หวังหยวน! เจ้าช่างน่ารังเกียจ! กล้าเล่นงานแบบไม่ทันตั้งตัวหรือ?”ตานสยงเฟยกล่าวอย่างเดือดดาลส่วนโอวหยางอวี่และลั่วเฉินเห็นท่าไม่ดี จึงไม่รีรอ รีบพาผู้ใต้บัญชาหนีลงจากเขา!แต่น่าเสียดาย ที่เชิงเขามีการวางกองกำลังดักไว้แล้ว!ตานสยงเฟยและคนอื่น ๆ ต่างถูกจับเป็น!การต่อสู้ครั้งนี้ หวังหยวนได้รับชัยชนะอย่างสมบูรณ์แบบ!แต่เนื่องจากหน้าผาแห่งนี้ตั้งอยู่ในที่ห่างไกล โดยรอบไม่มีบ้านเรือนหรือเมืองจึงไม่มีใครรู้เรื่องนี้ซึ่งเป็นสิ่งที่หวังหยวนต้องการเพราะที่นี่คืออาณาจักรต้าเป่ย หากหานเทารู้ว่าเขายกทัพมาในดินแดนของอาณาจักรต้าเป่ย ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไร พวกเขาก็อาจจะหาเรื่องจู่โจมได้!เมื่อถึงเวลานั้น เรื่องราวคงจะวุ่นวายและเกิดความขัดแย้ง!หลังจากที่จับตานสยงเฟยและพรรคพวกได้แล้ว หวังหยวนจึงรีบกลับเมืองอู่เจียงทันที!ใช้เวลาเพียงวันครึ่งก็กลับมาถึง!ระหว่างทาง แม้ว่าจะมีคนเห็น แต่มีเกาเล่อคอยนำทาง จึงไม่ทำให้คนของอาณาจักรต้าเป่ยรู้ตัว!...ณ ที่ว่าการเมืองอู่เจียงตอนนี้ทุกคนกำลังดื่มฉลองกันอย่างสนุกสนาน!คนที่นั่งอยู่บนบัลลังก์คือหวังหยวน!ส่วนเอ้อหู่และคนอื่น ๆ ต่างก็อยู่ที่
หลิ่วหรูเยียนไม่เอ่ยคำใด นางจ้องมองตานสยงเฟยด้วยความโกรธแค้นนางต้องการล้างแค้น!“ชีวิตของเขาเป็นของเจ้า ข้าจะช่วยจับเป็นให้!”“ส่วนต่อไป เจ้าจะจัดการเขาอย่างไรก็สุดแล้วแต่เจ้า!”หวังหยวนกล่าวจบก็หยิบปืนคาบศิลาออกมาจากอก แล้วเล็งไปที่ตานสยงเฟย“ในเมื่อเจ้ารู้จักข้าดี”“เจ้าควรรู้ว่าอาวุธลับของข้าไม่มีผู้ใดเทียบได้ ใช่หรือไม่?”“ข้าแนะนำให้เจ้ายอมจำนนเสีย จะได้ไม่เจ็บตัว!”หวังหยวนเตือนมุมปากของตานสยงเฟยกระตุก เขาสืบเรื่องของหวังหยวนมานาน จึงรู้จักหวังหยวนดี และจำได้ว่าอาวุธในมือของหวังหยวนคืออะไร!ไม่ต้องพูดถึงเขา แม้แต่ขุนพลที่เก่งกาจก็ยังไม่อาจหลบอาวุธนี้ได้!ทันใดนั้น ตานสยงเฟยก็คว้าตัวสาวกพรรคทมิฬคนหนึ่งมาใช้เป็นโล่มนุษย์!“ปัง!”เสียงปืนดังขึ้น สาวกพรรคทมิฬคนนั้นล้มลงกับพื้นต้องยอมรับว่าตานสยงเฟยช่างโหดเหี้ยม!เพื่อเอาชีวิตรอด กลับยอมเสียสละชีวิตคนอื่น ช่างน่ารังเกียจ!หวังหยวนยกปืนขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะเล็งไปที่ตานสยงเฟย ไม่ให้เขามีโอกาสหนี!“หวังหยวน!”“วันนี้ไว้ชีวิตข้าเถิด ต่อไปข้าจะตอบแทนเจ้าแน่นอน!”“เจ้าคิดเห็นเช่นไร?”“การบีบให้ข้าจนตรอกไม่ได้เป็นผลดีต่อ
ลั่วเฉินพยักหน้า ไม่เอ่ยคำใดอีก เพียงแค่รีบพาผู้ใต้บัญชาออกไป!เสียงโห่ร้องแห่งการฆ่าฟันดังขึ้น สาวกพรรคทมิฬล้มตายเป็นใบไม้ร่วง!ตานสยงเฟยเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดเขารู้สึกเจ็บปวดหัวใจ!สมาชิกพรรคทมิฬล้วนเป็นคนที่เขาฝึกฝนเอง เขาทุ่มเทมากมายเพื่อสร้างกองกำลังที่แข็งแกร่ง!เดิมทีเขาต้องการครองแผ่นดิน แต่ไม่นึกเลยว่าเรื่องราวจะกลายเป็นเช่นนี้!สูญเสียกำลังพลไปเยอะมาก!ปัญหาเกิดขึ้นมากมาย!“ตานสยงเฟย! อย่าหนีนะ!”“เจ้าคนสารเลว! หลอกลวงข้ามาหลายปี!”“ไม่เพียงแต่ฆ่าพ่อแม่ข้าเท่านั้น ยังฝึกฝนข้าให้เป็นเครื่องมือทำเรื่องเลวร้ายมากมาย!”“วันนี้พวกเราต้องตายกันไปข้างหนึ่ง!”ขณะที่ตานสยงเฟยกำลังจะลงจากเขา หลิ่วหรูเยียนก็วิ่งเข้ามา ในมือถือกริชเปื้อนเลือด สายตาเย็นชาราวกับคมดาบจ้องมองตานสยงเฟย!“มาคนเดียวหรือ?”เมื่อเห็นว่าหลิ่วหรูเยียนมาคนเดียว ตานสยงเฟยก็หัวเราะในลำคอ เขาหันมาคว้าทวนยาวจากมือผู้ใต้บัญชาที่อยู่ด้านข้าง!เหตุผลที่ตานสยงเฟยสร้างฐานะขึ้นมาได้ ไม่ใช่เพียงเพราะเขามีความคิดที่แตกต่าง แต่ยังเป็นเพราะฝีมือของเขาด้วย!ในยุคสงคราม ผู้แข็งแกร่งย่อมเป็นผู้ชนะ!ยิ่งกว่านั้น ฝีมือ